Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1993 มันคือสิ่งใดกัน?

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1993 มันคือสิ่งใดกัน? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เย่หยวนค่อยๆ เดินขึ้นไปยังยอดเขาทีละก้าวด้วยความรู้สึกถึงแรงกดดันที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ

กระดูกจักรพรรดินั้นต่อให้จะเป็นแค่กระดูกที่ถูกทิ้งร้างไว้นานปีมันก็ยังมีพลังอันเปี่ยมล้นของตัวมัน

แต่ดวงตาอันแสนเย็นเยือกของเย่หยวนในตอนนี้ไม่ได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ออกมา “ความยิ่งใหญ่ใดๆ ในวันวานมันก็ได้ผ่านเลยไปเหมือนหมอกควัน ตายไปแล้วยังจะอยากแสดงพลังอำนาจเพื่อการใดอีก? เรื่องใดที่ผ่านไปแล้วก็ควรปล่อยให้มันผ่านไปเถิด!”

ตอนนี้บนร่างของเย่หยวนได้มีลายพระเจ้าปรากฏออกมารอบทำให้พลังกดดันใดๆ ไม่อาจส่งผลกับตัวเขาได้เลย

ไม่นานนักเย่หยวนก็ได้เดินขึ้นมาถึงยอดเขากระดูก

และตรงหน้าของเขานั้นมันคือกระดูกจักรพรรดิกิเลน

เย่หยวนในตอนนี้มีสภาพเย็นเยือกหนักแน่นค่อยๆ ยื่นมือออกไปหมายหยิบมัน แต่ในเวลานั้นเองที่กลับเกิดเรื่องราวไม่คาดฝันขึ้นมาอีกครั้ง

‘ตึง!’

เสียงหนึ่งดังสะท้านออกมาจากความว่างเปล่าก่อนที่จะมีพลังแนวคิดเข้ามาปกคลุมร่างของเย่หยวนอย่างบ้าคลั่งทำให้พื้นที่รอบตัวเขาจับตัวแข็งในทันที

“ฮ่าๆ! เย่หยวน ระหว่างทางมานี้คงลำบากเจ้าแล้ว กระดูกจักรพรรดินี้ข้าขอไปล่ะ!”

หลิวยี่ปรากฏร่างออกมาจากช่องว่างมิติมองดูเย่หยวนด้วยใบหน้าเย้ยหยัน

ทุกผู้คนนั้นต่างตกตะลึงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้เพราะไม่มีใครคิดใครฝันว่ามันจะยังมีคนหลบซ่อนอยู่ภายในห้วงมิติอีก

นี่มันคือความชั่วร้ายที่แอบแฝงมาอย่างแท้จริง ภัยร้ายอยู่แค่ใกล้แต่พวกเขาทั้งหลายกลับไม่มีใครรู้

แต่ว่าเขาทำมันได้อย่างไร?

“เป็นเจ้าหลิวยี่! มัน… มันกลับบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ห้าดาวแล้ว” กั๋วจิงหยางร้องตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นตะลึง

เวลาแค่ไม่กี่เดือนที่ไม่ได้พบเจอนี้หลิวยี่กลับสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ห้าดาวได้ มันเป็นอะไรที่เหนือล้ำจินตนาการอย่างมาก

ดวงตาของซงหยูนั้นแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น “เจ้าหมอนี่มันคงกินผลลมหายใจลับสวรรค์ไปสิ้นแล้วแน่! ให้ตายสิ! ไม่นึกเลยว่ามันจะมีวิชาการปิดบังตัวตนที่เหนือล้ำขนาดนี้ ข้าประมาทมันไปจริงๆ!”

แต่ตอนนี้แม้คิดจะอยากเข้าไปช่วยมันก็สายเกินแกงเพราะกระดูกจักรพรรดินั้นมันอยู่ตรงหน้าหลิวยี่แค่เอื้อมมือ

ที่สำคัญที่พื้นรอบๆ นั้นยังจับตัวแข็งจนไม่อาจจะฝ่าเข้าไปได้ง่ายๆ ด้วย

“ให้ตายสิ! นี่เราต้องมองดูเจ้าบ้านี่มันหยิบเอากระดูกจักรพรรดิไปต่อหน้าต่อตาอย่างนี้จริงๆ หรือ?” หูเฟยร้องบอกขึ้นด้วยความไม่พอใจ

“หึๆ รับสามดาบได้แล้วจะทำไม? สุดท้ายแล้วกระดูกจักรพรรดิมันก็ยังถูกคนอื่นแย่งชิงไปอยู่ดี” โจวหยูร้องบอกขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางสุดสะใจ

การที่ได้เห็นเย่หยวนถูกขัดเช่นนี้มันย่อมนำพาความยินดีมาแก่โจวหยู

“เย่หยวน ไม่นึกล่ะสิ? นอกจากยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลแล้วเฒ่าคนนี้ยังมียันต์แจ่มชัดหลบอนันต์ เจ้านั้นระวังในตัวข้ามาตลอดทางแต่สุดท้ายก็ยังถูกข้าเล่นงานอยู่ดีมิใช่หรือ? หึๆ หากได้กระดูกจักรพรรดินี้ไปจริงเฒ่าคนนี้คงขึ้นถึงรัศมีผ่าจักรพรรดิได้ไม่ยาก อาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันอยู่ไม่ไกลมือเฒ่าผู้นี้แล้ว!”

หลิวยี่มองดูเย่หยวนพร้อมด้วยใบหน้าสุดสะใจ

เขานั้นไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งตัวเองจะมีโอกาสขึ้นไปถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์จริงๆ

แค่คิดเท่านี้ตัวเขาก็ตื่นเต้นดีใจอย่างมากแล้ว

พูดจบหลิวยี่ก็ได้ยื่นมือออกไปฉวยคว้ากระดูกจักรพรรดิกิเลนไว้

แต่ในเวลานั้นเองที่กลับเกิดประกายแสงหนึ่งออกมาจากกระดูกจักรพรรดินั้นซัดร่างหลิวยี่จนลอยปลิวไปไกล

เรื่องราวนี้มันทำให้ตัวหลิวยี่หน้าถอดสีลงทันที “นี่มัน… มันเกิดอะไรขึ้น?”

แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาตื่นตะลึงยิ่งกว่าเก่ามันกำลังเกิดขึ้นตรงหน้า

เพราะเย่หยวนที่เดิมทีน่าจะถูกพลังของยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลตรึงไว้กับที่กลับค่อยๆ ยกเท้าก้าวเข้าไปหากระดูกจักรพรรดิและหยิบมันขึ้นมา

หลิวยี่นั้นเบิกตากว้างราวกับได้เห็นผีและร้องตะโกนขึ้น “นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร? ยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลของข้านั้นไม่น่าจะมีเทพถ่องแท้คนไหนแก้มันได้!”

เย่หยวนมองดูหลิวยี่ด้วยดวงตาที่เย็นเยือกก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้าโง่ กระดูกจักรพรรดิเองก็มีจิตวิญญาณของตน มันนั้นได้ให้มารกระดูกเทพสวรรค์นั้นทดสอบพวกเราและข้าก็สามารถผ่านมันมาได้ มันย่อมจะยอมรับข้าเป็นนาย ส่วนยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลอะไรของเจ้านั้น มันคือสิ่งใดกัน?”

เย่หยวนในสภาพตอนนี้มีดวงตาขาวขุ่นพร้อมลายพระเจ้าที่หมุนล้อมรอบตัว ไม่อาจถูกพลังแนวคิดใดๆ ทำร้ายได้

มีหรือที่แค่ยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลนี้จะมาจับตรึงเย่หยวนได้?

ตอนนี้มิใช่เพียงแค่หลิวยี่ แต่แม้พวกซงหยูเองก็มองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง

พวกเขาทั้งหลายนั้นเคยถูกเจ้ายันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลนี้ตรงมาก่อนย่อมจะรู้ได้ว่าความรู้สึกในตอนนั้นมันเป็นความสิ้นหวังที่หนักหนาเพียงใด

แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่ได้รับผลใดๆ จากมันเลย?

หลิวยี่นั้นใช้ยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลใบสุดท้ายออกมาเพื่อคิดจะฉวยฉกชิ้นปลามันไป

ใครจะไปนึกไปฝันว่าตัวเย่หยวนกลับไม่ได้รับผลใดๆ จากมันเลย?

ตั้งแต่ต้นจนจบ ตัวเขานั้นเป็นได้เพียงแค่ตัวตลกตัวหนึ่ง!

“ครั้งก่อนเจ้าเองก็ขโมยผลลมหายใจลับสวรรค์ไป โชคยังดีที่เจ้านั้นฝีเท้าเร็ว แต่ครั้งนี้มันช่างเหมาะเจาะ เราจะได้สะสางเรื่องราวให้เสร็จสิ้น” เย่หยวนมองดูหลิวยี่โดยไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

หลิวยี่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างไม่คิดยอมแพ้ “สะสางเรื่องราว? ด้วยแค่เจ้าเทพถ่องแท้สองดาวผู้หนึ่งนี้? ข้ารู้ดีว่าเจ้านั้นเก่งกาจเพียงใด แต่ตอนนี้ข้าเป็นถึงเทพถ่องแท้ห้าดาว! เจ้าคิดว่าจะจัดการข้าลงได้ง่ายๆ หรือ?”

จู่ๆ ทางฝั่งหลิวยี่ก็ได้หยิบกรงเล็บผีขึ้นมาใส่มือและเมื่อทุกผู้คนได้เห็นก็ต้องตกตะลึงเพราะเจ้ากรงเล็บนี้มันเป็นถึงสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์

แต่เย่หยวนนั้นราวกับว่ามองไม่เห็นมันและยังคงก้าวเดินเข้าไปหาหลิวยี่

ตัวเย่หยวนในตอนนี้มันทำให้หลิวยี่ขวัญผวาอย่างมาก

ดวงตาสีขาวแสนเย็นชานั้นมันทำให้เขารู้สึกราวกับตัวเองจะถูกแช่แข็งทั้งเป็น

หลิวยี่กัดฟันแน่นก่อนจะใช้วิชาออกมา “กรงเล็บขุมนรกวิญญาณมรณา!”

คลื่นพลังอันแสนน่ากลัวปะทุขึ้น

กลุ่มหมอกสีดำสนิทพุ่งเข้าใส่ตัวเย่หยวน

แต่เย่หยวนนั้นยังไม่คิดจะขยับหลบหลีกใดๆ

ตอนนี้เห็นเพียงแค่สายฟ้ารอบตัวที่พุ่งทะยานออกมาเข้าปะทะกับหมอกดำนั้นอย่างเฉียบพลัน

แต่ทางเจ้าหมอกดำนั้นมันเหมือนราวกับได้เจอยอดพลังเข้า แตกสลายหายไปในอากาศทันที

นั่นทำให้ดวงตาของหลิวยี่ต้องเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อภาพตรงหน้า

เจ้าเส้นสายฟ้าทั้งหลายนี้มันคืออะไรกัน?

และแน่นอนว่าหลิวยี่รีบหันหลังกลับคิดหนีอย่างไม่รีรอใดๆ

เว้นเสียแต่ว่ามันจะสายเกินไปแล้ว

ตอนนี้ลายพระเจ้าได้พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วกว่าที่ดวงตาจะมองได้ทัน

ในเสี้ยวพริบตาตัวเขาก็ถูกจับขังล้อมไว้ในมิติลายพระเจ้าแล้ว

“ยินดีต้อนรับสู่โลกของข้า!”

หลิวยี่ได้แต่เบิกตากว้างก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างตะกุกตะกัก “โลก… ของเจ้า?”

หลิวยี่เองก็รู้จักโลกใบน้อยดี

แต่โลกใบน้อยอย่างของเย่หยวนนี้ เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน

มันจะมีโลกใบน้อยสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร?

เขานั้นพยายามที่จะใช้ทุกพลังวิชาฝีมือที่บ่มเพาะฝึกฝนมาและพยามปล่อยพลังโลกของตนออกมารับ

แต่เขาได้พบว่าภายในโลกใบนี้ตัวเขานั้นไม่อาจจะปล่อยพลังใดๆ ออกมาได้เลยแม้แต่น้อย!

“นี่… นี่… ที่นี่มันที่ไหนกันแน่?” หลิวยี่นั้นยิ่งลองใช้พลังก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ

ในที่แห่งนี้ตัวเขานั้นมันไม่ได้ต่างจากมนุษย์สามัญธรรมดาเลย

ไม่สิ อาจจะอ่อนแอกว่าเสียด้วยซ้ำ

เย่หยวนกล่าว “เจ้าไม่ต้องเข้าใจหรอก สิ่งที่เจ้าควรรู้ไว้ก็คือเจ้าดวงชะตารัศมีใดๆ ของเจ้านั้น… มันไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า! ตอนนี้จงตายไปเสียเถอะ”

พูดจบเย่หยวนก็ชี้นิ้วออกมาทำลายร่างของหลิวยี่จนสลายหายไปทันที

เมื่อเย่หยวนปรากฏออกมาต่อโลกภายนอกอีกครั้ง หลิวยี่ก็ได้หายลับไปกับอากาศแล้ว

เมื่อคนอื่นๆ ได้เห็นเช่นนี้พวกเขาทั้งหลายต่างก็ตื่นตะลึงจนไม่อาจหุบปากที่อ้าค้างได้

ซงหยูและพวกนั้นรีบวิ่งเข้ามาหาเย่หยวนในทันที

“พี่เย่ หลิวยี่เล่า?”

เย่หยวนตอบ “ตายแล้ว”

ซงหยูที่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะลั่นออกมา “ฮ่าๆ ข้าคิดไว้แล้ว! เจ้าชั่วร้ายผู้นั้นมันต้องไม่ตายดี! พี่เย่นั้นช่างมีวิชาฝีมือที่เหนือล้ำ ถึงกับสามารถทำลายพลังของยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลได้อย่างง่ายดาย”

เย่หยวนหันกลับไปมองและตอบ “แต่ของเล่นโง่ๆ ไม่ต้องกลัวเกรงใด”

แต่เมื่อถูกดวงตานั้นของเย่หยวนมองมาตัวซงหยูกลับรู้สึกราวกับถูกลมหนาวจากขั้วโลกพัดเข้าใส่

เย่หยวนในตอนนี้ย่อมไม่มีความคิดจะยุ่งเกี่ยวใดๆ กับซงหยูและขยับตัวพุ่งหายไปในพริบตา

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1993 มันคือสิ่งใดกัน?

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1993 มันคือสิ่งใดกัน? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เย่หยวนค่อยๆ เดินขึ้นไปยังยอดเขาทีละก้าวด้วยความรู้สึกถึงแรงกดดันที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ

กระดูกจักรพรรดินั้นต่อให้จะเป็นแค่กระดูกที่ถูกทิ้งร้างไว้นานปีมันก็ยังมีพลังอันเปี่ยมล้นของตัวมัน

แต่ดวงตาอันแสนเย็นเยือกของเย่หยวนในตอนนี้ไม่ได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ออกมา “ความยิ่งใหญ่ใดๆ ในวันวานมันก็ได้ผ่านเลยไปเหมือนหมอกควัน ตายไปแล้วยังจะอยากแสดงพลังอำนาจเพื่อการใดอีก? เรื่องใดที่ผ่านไปแล้วก็ควรปล่อยให้มันผ่านไปเถิด!”

ตอนนี้บนร่างของเย่หยวนได้มีลายพระเจ้าปรากฏออกมารอบทำให้พลังกดดันใดๆ ไม่อาจส่งผลกับตัวเขาได้เลย

ไม่นานนักเย่หยวนก็ได้เดินขึ้นมาถึงยอดเขากระดูก

และตรงหน้าของเขานั้นมันคือกระดูกจักรพรรดิกิเลน

เย่หยวนในตอนนี้มีสภาพเย็นเยือกหนักแน่นค่อยๆ ยื่นมือออกไปหมายหยิบมัน แต่ในเวลานั้นเองที่กลับเกิดเรื่องราวไม่คาดฝันขึ้นมาอีกครั้ง

‘ตึง!’

เสียงหนึ่งดังสะท้านออกมาจากความว่างเปล่าก่อนที่จะมีพลังแนวคิดเข้ามาปกคลุมร่างของเย่หยวนอย่างบ้าคลั่งทำให้พื้นที่รอบตัวเขาจับตัวแข็งในทันที

“ฮ่าๆ! เย่หยวน ระหว่างทางมานี้คงลำบากเจ้าแล้ว กระดูกจักรพรรดินี้ข้าขอไปล่ะ!”

หลิวยี่ปรากฏร่างออกมาจากช่องว่างมิติมองดูเย่หยวนด้วยใบหน้าเย้ยหยัน

ทุกผู้คนนั้นต่างตกตะลึงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้เพราะไม่มีใครคิดใครฝันว่ามันจะยังมีคนหลบซ่อนอยู่ภายในห้วงมิติอีก

นี่มันคือความชั่วร้ายที่แอบแฝงมาอย่างแท้จริง ภัยร้ายอยู่แค่ใกล้แต่พวกเขาทั้งหลายกลับไม่มีใครรู้

แต่ว่าเขาทำมันได้อย่างไร?

“เป็นเจ้าหลิวยี่! มัน… มันกลับบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ห้าดาวแล้ว” กั๋วจิงหยางร้องตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นตะลึง

เวลาแค่ไม่กี่เดือนที่ไม่ได้พบเจอนี้หลิวยี่กลับสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ห้าดาวได้ มันเป็นอะไรที่เหนือล้ำจินตนาการอย่างมาก

ดวงตาของซงหยูนั้นแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น “เจ้าหมอนี่มันคงกินผลลมหายใจลับสวรรค์ไปสิ้นแล้วแน่! ให้ตายสิ! ไม่นึกเลยว่ามันจะมีวิชาการปิดบังตัวตนที่เหนือล้ำขนาดนี้ ข้าประมาทมันไปจริงๆ!”

แต่ตอนนี้แม้คิดจะอยากเข้าไปช่วยมันก็สายเกินแกงเพราะกระดูกจักรพรรดินั้นมันอยู่ตรงหน้าหลิวยี่แค่เอื้อมมือ

ที่สำคัญที่พื้นรอบๆ นั้นยังจับตัวแข็งจนไม่อาจจะฝ่าเข้าไปได้ง่ายๆ ด้วย

“ให้ตายสิ! นี่เราต้องมองดูเจ้าบ้านี่มันหยิบเอากระดูกจักรพรรดิไปต่อหน้าต่อตาอย่างนี้จริงๆ หรือ?” หูเฟยร้องบอกขึ้นด้วยความไม่พอใจ

“หึๆ รับสามดาบได้แล้วจะทำไม? สุดท้ายแล้วกระดูกจักรพรรดิมันก็ยังถูกคนอื่นแย่งชิงไปอยู่ดี” โจวหยูร้องบอกขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางสุดสะใจ

การที่ได้เห็นเย่หยวนถูกขัดเช่นนี้มันย่อมนำพาความยินดีมาแก่โจวหยู

“เย่หยวน ไม่นึกล่ะสิ? นอกจากยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลแล้วเฒ่าคนนี้ยังมียันต์แจ่มชัดหลบอนันต์ เจ้านั้นระวังในตัวข้ามาตลอดทางแต่สุดท้ายก็ยังถูกข้าเล่นงานอยู่ดีมิใช่หรือ? หึๆ หากได้กระดูกจักรพรรดินี้ไปจริงเฒ่าคนนี้คงขึ้นถึงรัศมีผ่าจักรพรรดิได้ไม่ยาก อาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันอยู่ไม่ไกลมือเฒ่าผู้นี้แล้ว!”

หลิวยี่มองดูเย่หยวนพร้อมด้วยใบหน้าสุดสะใจ

เขานั้นไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งตัวเองจะมีโอกาสขึ้นไปถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์จริงๆ

แค่คิดเท่านี้ตัวเขาก็ตื่นเต้นดีใจอย่างมากแล้ว

พูดจบหลิวยี่ก็ได้ยื่นมือออกไปฉวยคว้ากระดูกจักรพรรดิกิเลนไว้

แต่ในเวลานั้นเองที่กลับเกิดประกายแสงหนึ่งออกมาจากกระดูกจักรพรรดินั้นซัดร่างหลิวยี่จนลอยปลิวไปไกล

เรื่องราวนี้มันทำให้ตัวหลิวยี่หน้าถอดสีลงทันที “นี่มัน… มันเกิดอะไรขึ้น?”

แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาตื่นตะลึงยิ่งกว่าเก่ามันกำลังเกิดขึ้นตรงหน้า

เพราะเย่หยวนที่เดิมทีน่าจะถูกพลังของยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลตรึงไว้กับที่กลับค่อยๆ ยกเท้าก้าวเข้าไปหากระดูกจักรพรรดิและหยิบมันขึ้นมา

หลิวยี่นั้นเบิกตากว้างราวกับได้เห็นผีและร้องตะโกนขึ้น “นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร? ยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลของข้านั้นไม่น่าจะมีเทพถ่องแท้คนไหนแก้มันได้!”

เย่หยวนมองดูหลิวยี่ด้วยดวงตาที่เย็นเยือกก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้าโง่ กระดูกจักรพรรดิเองก็มีจิตวิญญาณของตน มันนั้นได้ให้มารกระดูกเทพสวรรค์นั้นทดสอบพวกเราและข้าก็สามารถผ่านมันมาได้ มันย่อมจะยอมรับข้าเป็นนาย ส่วนยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลอะไรของเจ้านั้น มันคือสิ่งใดกัน?”

เย่หยวนในสภาพตอนนี้มีดวงตาขาวขุ่นพร้อมลายพระเจ้าที่หมุนล้อมรอบตัว ไม่อาจถูกพลังแนวคิดใดๆ ทำร้ายได้

มีหรือที่แค่ยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลนี้จะมาจับตรึงเย่หยวนได้?

ตอนนี้มิใช่เพียงแค่หลิวยี่ แต่แม้พวกซงหยูเองก็มองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง

พวกเขาทั้งหลายนั้นเคยถูกเจ้ายันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลนี้ตรงมาก่อนย่อมจะรู้ได้ว่าความรู้สึกในตอนนั้นมันเป็นความสิ้นหวังที่หนักหนาเพียงใด

แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่ได้รับผลใดๆ จากมันเลย?

หลิวยี่นั้นใช้ยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลใบสุดท้ายออกมาเพื่อคิดจะฉวยฉกชิ้นปลามันไป

ใครจะไปนึกไปฝันว่าตัวเย่หยวนกลับไม่ได้รับผลใดๆ จากมันเลย?

ตั้งแต่ต้นจนจบ ตัวเขานั้นเป็นได้เพียงแค่ตัวตลกตัวหนึ่ง!

“ครั้งก่อนเจ้าเองก็ขโมยผลลมหายใจลับสวรรค์ไป โชคยังดีที่เจ้านั้นฝีเท้าเร็ว แต่ครั้งนี้มันช่างเหมาะเจาะ เราจะได้สะสางเรื่องราวให้เสร็จสิ้น” เย่หยวนมองดูหลิวยี่โดยไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

หลิวยี่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างไม่คิดยอมแพ้ “สะสางเรื่องราว? ด้วยแค่เจ้าเทพถ่องแท้สองดาวผู้หนึ่งนี้? ข้ารู้ดีว่าเจ้านั้นเก่งกาจเพียงใด แต่ตอนนี้ข้าเป็นถึงเทพถ่องแท้ห้าดาว! เจ้าคิดว่าจะจัดการข้าลงได้ง่ายๆ หรือ?”

จู่ๆ ทางฝั่งหลิวยี่ก็ได้หยิบกรงเล็บผีขึ้นมาใส่มือและเมื่อทุกผู้คนได้เห็นก็ต้องตกตะลึงเพราะเจ้ากรงเล็บนี้มันเป็นถึงสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์

แต่เย่หยวนนั้นราวกับว่ามองไม่เห็นมันและยังคงก้าวเดินเข้าไปหาหลิวยี่

ตัวเย่หยวนในตอนนี้มันทำให้หลิวยี่ขวัญผวาอย่างมาก

ดวงตาสีขาวแสนเย็นชานั้นมันทำให้เขารู้สึกราวกับตัวเองจะถูกแช่แข็งทั้งเป็น

หลิวยี่กัดฟันแน่นก่อนจะใช้วิชาออกมา “กรงเล็บขุมนรกวิญญาณมรณา!”

คลื่นพลังอันแสนน่ากลัวปะทุขึ้น

กลุ่มหมอกสีดำสนิทพุ่งเข้าใส่ตัวเย่หยวน

แต่เย่หยวนนั้นยังไม่คิดจะขยับหลบหลีกใดๆ

ตอนนี้เห็นเพียงแค่สายฟ้ารอบตัวที่พุ่งทะยานออกมาเข้าปะทะกับหมอกดำนั้นอย่างเฉียบพลัน

แต่ทางเจ้าหมอกดำนั้นมันเหมือนราวกับได้เจอยอดพลังเข้า แตกสลายหายไปในอากาศทันที

นั่นทำให้ดวงตาของหลิวยี่ต้องเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อภาพตรงหน้า

เจ้าเส้นสายฟ้าทั้งหลายนี้มันคืออะไรกัน?

และแน่นอนว่าหลิวยี่รีบหันหลังกลับคิดหนีอย่างไม่รีรอใดๆ

เว้นเสียแต่ว่ามันจะสายเกินไปแล้ว

ตอนนี้ลายพระเจ้าได้พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วกว่าที่ดวงตาจะมองได้ทัน

ในเสี้ยวพริบตาตัวเขาก็ถูกจับขังล้อมไว้ในมิติลายพระเจ้าแล้ว

“ยินดีต้อนรับสู่โลกของข้า!”

หลิวยี่ได้แต่เบิกตากว้างก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างตะกุกตะกัก “โลก… ของเจ้า?”

หลิวยี่เองก็รู้จักโลกใบน้อยดี

แต่โลกใบน้อยอย่างของเย่หยวนนี้ เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน

มันจะมีโลกใบน้อยสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร?

เขานั้นพยายามที่จะใช้ทุกพลังวิชาฝีมือที่บ่มเพาะฝึกฝนมาและพยามปล่อยพลังโลกของตนออกมารับ

แต่เขาได้พบว่าภายในโลกใบนี้ตัวเขานั้นไม่อาจจะปล่อยพลังใดๆ ออกมาได้เลยแม้แต่น้อย!

“นี่… นี่… ที่นี่มันที่ไหนกันแน่?” หลิวยี่นั้นยิ่งลองใช้พลังก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ

ในที่แห่งนี้ตัวเขานั้นมันไม่ได้ต่างจากมนุษย์สามัญธรรมดาเลย

ไม่สิ อาจจะอ่อนแอกว่าเสียด้วยซ้ำ

เย่หยวนกล่าว “เจ้าไม่ต้องเข้าใจหรอก สิ่งที่เจ้าควรรู้ไว้ก็คือเจ้าดวงชะตารัศมีใดๆ ของเจ้านั้น… มันไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า! ตอนนี้จงตายไปเสียเถอะ”

พูดจบเย่หยวนก็ชี้นิ้วออกมาทำลายร่างของหลิวยี่จนสลายหายไปทันที

เมื่อเย่หยวนปรากฏออกมาต่อโลกภายนอกอีกครั้ง หลิวยี่ก็ได้หายลับไปกับอากาศแล้ว

เมื่อคนอื่นๆ ได้เห็นเช่นนี้พวกเขาทั้งหลายต่างก็ตื่นตะลึงจนไม่อาจหุบปากที่อ้าค้างได้

ซงหยูและพวกนั้นรีบวิ่งเข้ามาหาเย่หยวนในทันที

“พี่เย่ หลิวยี่เล่า?”

เย่หยวนตอบ “ตายแล้ว”

ซงหยูที่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะลั่นออกมา “ฮ่าๆ ข้าคิดไว้แล้ว! เจ้าชั่วร้ายผู้นั้นมันต้องไม่ตายดี! พี่เย่นั้นช่างมีวิชาฝีมือที่เหนือล้ำ ถึงกับสามารถทำลายพลังของยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลได้อย่างง่ายดาย”

เย่หยวนหันกลับไปมองและตอบ “แต่ของเล่นโง่ๆ ไม่ต้องกลัวเกรงใด”

แต่เมื่อถูกดวงตานั้นของเย่หยวนมองมาตัวซงหยูกลับรู้สึกราวกับถูกลมหนาวจากขั้วโลกพัดเข้าใส่

เย่หยวนในตอนนี้ย่อมไม่มีความคิดจะยุ่งเกี่ยวใดๆ กับซงหยูและขยับตัวพุ่งหายไปในพริบตา

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+