Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1548 โอสถชำระไขกระดูกสวรรค์

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1548 โอสถชำระไขกระดูกสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ร่างของหวางเชียนเริ่มสั่นสะท้านรุนแรง เลือดสีทองเริ่มไหลซึมออกมาตั้งแต่หัวจรดเท้า

ทั่วทั้งร่างราวกับเพิ่งนำไปอาบเลือดมา ช่างดูน่าสยดสยองสะเทือนขวัญยิ่งยวด

ลักษณะของอีกฝ่ายดูสังเวชอย่างบอกไม่ถูก

อย่างไรก็ตามแต่ ในขณะเดียวกันก็มีรัศมีแสงสีทองอร่ามเปล่งจรัสออกมาจากกายาของหวางเชียน ยามนี้เขาดูศักดิ์สิทธิ์น่าเลื่อมใสมิใช่น้อย

ภาพฉากที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เหล่าผู้คนตื่นตะลึงอย่างมาก มิอาจแน่ใจได้ว่ามันคืออะไรกันแน่

พวกเขาทุกคนต่างสงสัย เป็นโอสถชนิดใดกันที่เย่หยวนให้หวางเชียนกินลงไป

“หนิงซื่ออวี๋ เจ้ารีบถอยห่างไปก่อนตอนนี้ อีกสักพักเขาก็จะคลั่ง หวางห่าวหลาน คุ้มกันรอบนอกไว้อย่าให้เขาเข้าทำร้ายผู้คน”

เย่หยวนเองหันไปกล่าวกับหวางห่าวหลาน

ในขณะเดียวกัน ใบหน้าของหวางเชียนเริ่มบิดเบี้ยวผิดประหลาด ราวกับคนที่ใกล้จะอาละวาดเต็มทน

หวางเชียนเป็นถึงเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าผู้แกร่งกล้าคนหนึ่ง ความแข็งแกร่งของเขามิได้อ่อนแอเลย

ยามใดที่เขาเกิดอาละวาด อาจก่อให้เห็นคลื่นทำลายล้างที่เกินจินตนาการออกมาได้

หวางห่าวหลานที่ได้ยินเช่นนั้นพลันถอดสีหน้าทันที เขาจับจ้องหลานชายตนเองดด้วยความวิตกกังวล

“ท-ท่านปรมาจารย์เย่ เขาจะเป็นอะไรหรือไม่?”

หวางห่าวหลานเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

ในขณะนี้เขาโยนภารกิจหลักของอู๋เฟินทิ้งทวนไว้เบื้องหลังไปเรียบร้อย และหาได้สนใจอันใดอีก

เย่หยวนเอ่ยกล่าวอย่างใจเย็นขึ้นว่า

“เขาได้รับพิษประหลาดโบราณนามว่า พิษกร่อนไขกระดูกม่วง ส่งผลให้ไขกระดูกทั่วร่างของเขาถูกกัดกินจนกลายมาเป็นเนื้อเน่าแทบพิการทั้งเป็น หากปล่อยทิ้งไว้สามถึงห้าเดือนมันจะลามไปยังจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ โอสถชำระไขกระดูกสวรรค์นี้จะช่วยฟื้นฟูไขกระดูกและร่างกายของเขาให้กลับมาดีขึ้น รวมไปถึงฟอกเลือดเทวะภายในกายใหม่ทั้งหมด”

ทันทีที่หนิงซื่ออวี๋ได้ยินเช่นนั้น นางก็นึกได้ถึงบางสิ่งอย่างพลางอ้าปากกว้างค้างเติ่ง ก่อนอุทานลั่นตื่นตกใจว่า

“พิษกร่อนไขกระดูกม่วง! เพราะพิษชนิดนี้จึงทำให้ร่างกายของเขาเสียหายปานนี้! ปรากฏว่าเป็นพิษกร่อนไขกระดูกม่วงจริงๆ! ข้าคิดมาตลอดเลยว่า พิษชนิดนี้จะเป็นแค่เพียงตำนาน ไม่คิดไม่ฝันว่ามันมีอยู่จริง!”

เย่หยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินขณะเอ่ยถามว่า

“เจ้าเองก็รู้สึกพิษกร่อนไขกระดูกม่วงด้วย?”

คู่ดวงตาของหนิงซื่ออวี๋เบิกกว้าง นางกล่าวขึ้นว่า

“ข้าเคยเห็นในบันทึกโบราณ กล่าวกันว่าพิษชนิดนี้แตกต่างไปจากพิษธรรมดาทั่วไป มันสามารถแทรกซึมเข้าสู่ไขกระดูกศักดิ์สิทธิ์และเลือดเทวะในร่างกาย พร้อมกัดกร่อนจนเน่าเสีย! นี่นับเป็นปรสิตที่ไม่มีทางกำจัดทิ้งได้เลย! ในยุคบรรพกาลก่อน มีเหล่าจอมเทพโอสถสี่ถึงห้าดาวจำนวนมากมายพยายามคิดค้นวิธีเอาชนะพิษชนิดนี้ แต่สุดท้ายกลับไม่มีใครทำอะไรได้เลย! แต่ท่าน…ท่านสามารถช่วยเหลือเขาได้จริงๆ?”

หนิงซื่ออวี๋นางนี้ประหลาดคนโดยแท้ รู้จักแม้กระทั่งพิษโบราณชนิดนี้

แต่ความกล่าวของหนิงซื่ออวี๋กลับยิ่งทวีมอบความตื่นตะลึงให้ฝูงชนโดยรอบ

แม้ว่าพิษโบราณชนิดนี้จะมิได้ร้ายแรงถึงขั้นคร่าชีวิตในทันที แต่นี่ก็ทำให้เหล่านักสู้กลายมาเป็นศพเดินได้ไร้ความรู้สึก ทั้งยังไม่มีวิธีรักษา

แม้ว่าเหล่านักสู้จะขึ้นกลายมาเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าได้ แต่ในทางระบบร่างกายรวมไปถึงสรีวิทยาต่างๆของพวกเขายังคงใกล้เคียงกับมนุษย์ทั่วไปเช่นกัน

ไขกระดูกศักดิ์สิทธิ์และเลือดเทวะก็ไม่ต่างอะไรจากโครงกระดูกและเลือดของมนุษย์

ความสามารถในการฟื้นฟูของเซียนอาณาจักรพระเจ้ามีสูงมาก แม้ร่างกายจะถูกทำลายไปกว่าครึ่ง แต่มันก็ยังสามารถฟื้นตัวกลับมาได้

เพียงว่าจำต้องใช้เลือดเทวะบริสุทธิ์เพื่อหล่อเลี้ยงฟื้นฟูขึ้นมาใหม่

อย่างไรก็ตามพิษโบราณชนิดนี้กลับเปลี่ยนให้เลือดเทวะในกายกลายมาเป็นเลือดเน่า ดังนั้นร่างกายของเหล่าเซียนที่ติดพิษนี้ไปจึงไม่สามารถรักษาตัวเองได้เลย

เพราะหากว่าเลือดเทวะกลายมาเป็นเลือดเน่า การจะรักษาอวัยวะร่างกายรวมไปถึงไขกระดูกกลับไม่ทางเป็นไปได้เลย

พิษชนิดนี้หาติดได้ยากมาก แต่ยามพลาดท่าโดนไปแล้วกลับยากที่จะขับล้างออกยิ่งกว่า

หรือกล่าวได้ว่าไม่มีทางรักษาได้เลย!

เย่หยวนเพียงรับฟังคำอธิบายของพิษชนิดนี้จากหวู่เฉิน แต่กระทั่งหวูเฉินที่เห็นพิษชนิดนี้กับตายังทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อได้ยินคำอธิบายของหนิงซื่ออวี๋ ทุกคนต่างสูดไอเย็นแช่มลึกด้วยความหวาดหวั่นใจยิ่ง ยามนี้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าอาการเจ็บป่วยของหวางเชียนมันเลวร้ายเพียงใด

พิษที่สามารถทำให้ไขกระดูกและเลือดเทวะเน่าได้ กล่าวได้ว่าน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่

เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า

“หากการสันนิษฐานของข้าถูกต้อง หวางเชียนคงถูกพิษนี้เข้าระหว่างเดินทางสำรวจดินแดนโบราณสักแห่งหนหนึ่ง ตอนนั้นเขายังไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าโดนพิษ จนกระทั่งกลับมาอาการจึงค่อยปะทุขึ้น”

เนื้อตัวของหวางห่าวหลานสั่นสะท้านหนัก เขาพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า

“ท่านปรมาจารย์เย่ราวกับเห็นอดีตที่ผ่านมาทั้งหมดกับตาตนเอง หวานเชียนกลายมาเป๋นเช่นนี้ คล้อยหลังจากการเข้าสำรวจสุสานเซียนโบราณ แต่…กลับไม่มีใครสามารถตรวจหาสาเหตุของอาการได้เลย ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยว่า เขาจะโดนพิษร้ายแรงปานนี้ เช่นนั้นแล้ว…โอสถชำระไขกระดูกสวรรค์เม็ดนี้จะช่วยเหลือเขาได้จริงๆ?”

เย่หยวนกล่าวตอบเสียงเย็นว่า

“ผ่อนคลายเถิด หากมันเปล่าประโยชน์จริง เช่นนั้นเก็บเงินห้าสิบล้านกลับบ้านช่องได้เลย ที่จริงแล้วมูลค่าของโอสถชนิดนี้ไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้านผลึกปราณเทวะ ดังนั้นแล้วข้าเรียกเก็บค่ารักษาแค่ห้าสิบล้านนับว่าไม่แพง”

“ฟู่ว…”

ทุกคนต่างสูดหายใจแช่มลึกแสนหวาดหวั่นเมื่อได้ฟัง ราคาโอสถกว่ายี่สิบล้าน มูลค่าสูงลิบลิ่วเช่นนี้เห็นได้ชัดเจนว่าโอสถเม็ดนี้มันวิเศษเพียงใด

“โอสถชำระไขกระดูกสวรรค์เม็ดนี้ เหมือนว่าจะมาทดแทนไขกระดูกและเลือดเทวะในส่วนที่เน่าเสียไปกระมัง? เรื่องเหลือเชื่อเช่นนี้…สามารถทำได้จริงๆรึ?”

“นี่ไม่ต่างอะไรจากเปลี่ยนอวัยวะใหม่ให้หวางเชียนเลยงั้นรึ? ช่างเป็นวิธีที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!”

“ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า บนผืนพิภพจะมีโอสถประหลาดขนาดนี้! แต่พินิจจากอาการทรมานเจียนตายของหวางเชียนในขณะนี้ ก่อนจะรักษาหายเกรงว่าเขาอาจขาดใจล่วงลับไปเสียก่อน?”

การเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกศักดิ์สิทธิ์และเลือดเทวะกลับไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน

แน่นอนว่าสำหรับเหล่านักสู้ทั่วไป

“อ๊ากกก!!”

ทันทีทันใดหวานเชียนคำรามลั่นส่งเสียงกรีดร้องไม่หยุดหย่อน ทั่วกายารีดเร้นพลังปราณระเบิดแรงกดดันออกมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะจะวิ่งเข้าใส่เย่หยวนโดยตรง

เย่หยวนราวกับคาดการณ์ทุกอย่างไร้ล่วงหน้าแล้ว เขาร่ายตราผนึกบนฝ่ามือและชี้ใส่หวางเชียน

“สะกดเขาเอาไว้อย่าให้ไปแตะต้องกองเลือดเน่าเด็ดขาด! ภายในนั้นมันมีพิษ!”

เย่หยวนกล่าวสั่งการน้ำเสียงขรึม

สีหน้าการแสดงออกของหวางห่าวหลานผันเปลี่ยนในทันใด ก่อนจะระเบิดแรงกดดันเข้าห่อหุ้มสะกดร่างของหวางเชียนที่กำลังบ้าคลั่งอีกแรง

เย่หยวนพลิกฝ่ามือขึ้นทันทีเผยให้เห็นเปลวเพลิงสีขาวซีด ทันทีทันใดทะเลเพลิงพลันพวยพุ่งออกไปโดยตรง

บูมมม!

ทั่วทั้งร่างของหวางเชียนติดไฟทันที!

หวางห่าวหลานที่เห็นดังนั้นอุทานลั่นตกใจยิ่ง

“ท่านปรมาจารย์เย่ ท่านคิดจะทำอะไร?!”

นัยน์ตาไสวของหนิงซื่ออวี๋สั่นกะพริบเห็นแจ้งในทันใด นางคำรามสวนตอบเสียงดังว่า

“หุบปาก! เพื่อผลาญชำระเลือดเน่าที่ยังเจือปนอยู่ในร่างกายของเขา จำต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น! และหากไม่รีบจำกัดให้สิ้นซาก ทุกคนในที่แห่งนี้ไม่มีใครรอดจากพิษบัดซบนี้ได้แน่!”

สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พร้อมตระหนักได้ว่าพิษชนิดนี้น่ากลัวเพียงใด

อาจกล่าวได้ว่า แค่สัมผัสอาจถึงตาย!

เย่หยวนมิได้เอ่ยปากกล่าวตอบอันใด เขายังคงบังคับเพลิงบัวฟ้าขจัดจันทร์ให้ผลาญล้างพิษทั้งหมดออกไป

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ยามนี้เย่หยวนค่อยชักฝ่ามือกลับดึงเพลิงบัวฟ้าขจัดจันทร์ขาวออกจากร่างของหวางเชียนและพื้นดิน ดั่งกระแสน้ำลง

สายตาที่จับจ้องของหวางห่าวหลานดูจริงจังขึ้นหลายส่วน เหลือบมองเย่หยวนเจือความไม่อยากเชื่อ

ถูกเผาผลาญนานขนาดนั้น แต่บนร่างของหวางเชียนกลับไม่มีรอยไหม้แม้แต่น้อย!

“นี่…ทักษะควบคุมไฟศักดิ์สิทธิ์น่ากลัวอะไรปานนี้!”

“แม้จะเป็นแค่ไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง แต่อุณหภูมิของมันกลับจัดให้อยู่ในระดับสามได้เลย ทว่าร่างของอีดฝ่ายถูกเผาทั้งเป็นนานขนาดนั้น กลับไม่ปรากฏรอยไหม้เลยสักนิด!”

“วันนี้นับเป็นการเปิดโลกทัศน์ขอบเขตความรู้ของข้าอย่างแท้จริง! วิธีต่างๆนาๆของท่านปรมาจารย์เย่ที่สำแดงใช้ออกมาช่างมหัศจรรย์เหลือเชื่อ!”

“ไม่น่าแปลกใจว่าไฉนเขาถึงกล้าแขวนป้ายรับจ้างสารพัด ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าป้ายที่ว่ากลับมิได้คุยโวเกินจริงเลย!”

“แต่…เขายังมีชีวิตรอดหรือไม่? ไฉนข้ารู้สึกว่าหวงเชียนหยุดหายใจไปแล้ว?”

หวางเชียนยามนี้ราวกับหยุดหายใจไปแล้วจริงๆ เขานอนนิ่งอยู่กับพื้นไม่ขยับเขยื้อนใดๆ

แต่เขาถูกเพลิงบัวฟ้าขจัดจันทร์ขาวแผดเผาไปร่วมครึ่งชั่วยามเต็มและไม่มีทิ้งทวนรอยไหม้ใดๆ สิ่งนี้ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ทำให้ผู้คนประหลาดใจเสมอ

แต่อย่างไรก็ตาม ร่างกายของหวางเชียนตอนนี้อ่อนแอถึงขีดสุด กระทั่งหวางห่าวหลานเองยังใจไม่ดี อีกฝ่ายจะรอดหรือไม่?

แต่ทันใดนั้นเอง พลังวิยญาณอันหนาแน่นทั่วทั้งบริเวณพลันควบแน่นพร้อมถูกร่างกายของหวางเชียนดูดซับอย่างหิวกระหาย

ทุกคนต่างเบิกตาโตจับจ้องภาพฉากนี้ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ!

นี่…นี่เขากำลังจะเลื่อนระดับทั้งๆที่ยังไม่ได้สติ?

 …………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด