Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2004 ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2004 ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เวลานี้มันเกิดความโกลาหลขึ้นทุกหย่อมหญ้า

เรื่องราวทั้งหมดนั้นมันเกิดขึ้นมาเพราะคำสั่งหนึ่งจากทางยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ เทพสวรรค์หลู่เหยียนได้สั่งการออกมาด้วยตำแหน่งของเจ้าเมือง

คำสั่งนั้นคือให้เมืองหลวงจักรพรรดิทั้งหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเมืองในเขตการปกครองของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ส่งกำลังนักยุทธ์ที่เหนือกว่านภาสวรรค์ทั้งหมดมารวมตัวกันที่เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น!

คำสั่งเทพสวรรค์นั้นมันเป็นคำสั่งสูงสุดภายใต้ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิ

เหล่าเมืองต่างๆ ที่ได้รับคำสั่งไปนั้นต่างได้ทำตามและส่งกำลังออกมาอย่างไม่รีรอ

แต่คำสั่งเทพสวรรค์เช่นนี้มันจะเกิดขึ้นแค่สักครั้งในรอบล้านปี

แต่ครั้งนี้เทพสวรรค์หลู่เหยียนกลับคิดใช้มันออกมา!

และเป้าหมายของการรวมพลมันก็เพื่อจะจัดการกับเมืองจักรพรรดิหนึ่ง!

ไม่ว่าอย่างไรเสียในแต่ละเมืองหลวงจักรพรรดิทั้งหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดที่ถูกเรียกมานี้ แต่ละเมืองต่างก็มีเทพถ่องแท้อยู่อย่างน้อยๆ ถึงสิบคน

และในเมืองหลวงจักรพรรดิที่ระดับสูงๆ ก็จะมีเทพถ่องแท้อยู่ถึงหลายสิบคน

ถามว่ากองกำลังในครั้งนี้มันน่าเกรงกลัวปานใด?

“นี่ท่านเทพสวรรค์หลู่เหยียนคลั่งไปแล้วหรือ? แค่จัดการกับเราเมืองจักรพรรดิน้อยๆ นั้นถึงกับต้องสั่งการให้เทพถ่องแท้นับพันๆ มารวมตัวกัน?”

“นี่มัน… เราจะรับมือได้อย่างไร? ต่อให้พวกเราแต่ละคนมีสามหัวหกแขนมันก็คงไม่อาจจะชนะได้!”

“หากนับท่านเย่หยวน ท่านอิ้งหมัวหู่ ท่านเล้งชิวหลิง รวมไปถึงท่านหนิงเทียนปิงที่เพิ่งบรรลุขึ้นมาแล้วเมืองเรามันก็ยังมีเทพถ่องแท้อยู่แค่หกคนเพียงเท่านั้น แล้วจะเอาหกคนไปสู้กับพันคนได้อย่างไร?”

ทุกผู้คนนั้นต่างสิ้นหวัง!

เพราะความแตกต่างของกำลังนี้มันทำให้ผู้คนสิ้นหวัง

กับเมืองจักรพรรดิแล้วตัวตนอย่างเทพถ่องแท้นั้นเป็นตัวตนที่พวกเขาได้แต่กราบไว้บูชา

แต่ตอนนี้เทพถ่องแท้นับพันกลับกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขาทั้งหลาย เรื่องเช่นนี้มันย่อมจะทำให้พวกเขาตื่นกลัวจนไม่อาจสรรหาคำมาบรรยายได้

ทุกผู้คนนั้นต่างมีความคิดเดียวกันอยู่ในหัวนั่นก็คือเทพสวรรค์หลู่เหยียนบ้าไปแล้ว!

และคนที่ทำให้เขาบ้าก็คือท่านเย่หยวน!

ภายในจวนเจ้าเมืองของทางเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันมีบรรยากาศที่หนักหน่วงจนแทบไม่อาจจะหายใจได้

“ข้าไม่นึกเลยว่าเทพสวรรค์หลู่เหยียนจะบ้าได้ถึงขนาดนี้ ส่งเทพถ่องแท้นับพันๆ ออกมาเช่นนี้มันย่อมทำให้เราหมดสิ้นจนปัญญาจริงๆ!” เจียงยู่ถังร้องบอก

ทุกผู้คนที่ได้ยินต่างก็เงียบไปตามๆ กันด้วยความไม่รู้ว่าจะต้องตอบอย่างไร

ภายใต้กำลังที่เหนือล้นเช่นนี้ ไม่ว่าจะพยายามเท่าใดมันก็ไร้ค่า

ต่อให้เย่หยวนจะมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำเท่าใดมันก็ไม่อาจจะสร้างเทพถ่องแท้ขึ้นมามากมายด้วยเวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้แน่!

ทั้งในหมู่เทพถ่องแท้ทั้งกว่าพันคนนั้นมันยังมีเทพถ่องแท้เก้าดาวอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

แค่เอาพวกเขาสักคนมาบุกมันก็มากพอที่จะทำลายเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ลงแล้ว

“พวกเจ้า พวกเจ้าจะไม่พูดอะไรหน่อยหรือ? นี่มัน… มันจะทำข้าอึดอัดตายแล้ว!” อิ้งหมัวหู่ได้แต่เดินไปเดินมาอย่างกังวล

พวกเขาทั้งหลายนั้นต่างมีความเชื่อในตัวเย่หยวนอย่างหนักแน่น

แต่เรื่องครั้งนี้มันแตกต่างกัน!

ไม่ว่าเย่หยวนจะเก่งกาจสามารถปานใดมันก็ไม่มีทางรับมือเทพถ่องแท้นับพันๆ ได้แน่!

เมื่อคนทั้งหลายได้ยินคำของอิ้งหมัวหู่พวกเขาเองก็ได้แต่ถอนหายใจยาวอย่างไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไร

พวกเขานั้นไม่อาจคิดอะไรได้จริงๆ

ในเวลานั้นเองที่มีคนใช้เข้ามารายงานว่ามีคนในชุดดำสนิทปิดหน้าตาต้องการเข้าพบ ด้วยชุดของเขานั้นทำให้ไม่อาจมองออกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

นั่นทำให้ทุกผู้คนหันหน้าเข้ามองกันอย่างมึนงง เวลาเช่นนี้มันจะยังมีใครมาขอเข้าพบอีก?

“ให้เขาเข้ามา” เย่หยวนสั่งไป

ไม่นานนักยอดฝีมือในชุดดำปิดหน้าปิดตาผู้นั้นก็ได้เดินเข้ามาปรากฏต่อสายตาของทุกผู้คน

เย่หยวนมองดูอีกฝ่ายก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยความตื่นตกใจ “นี่มันท่านเจ้าเมืองหยูนี่นา เหตุใดถึงได้เดินทางมาไกลขนาดนี้กัน? เวลานี้ท่านน่าจะหลบเลี่ยงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราราวกับว่ามันเป็นเมืองเชื้อโรคมิใช่หรือ?”

คนผู้นั้นจึงได้ปลดผ้าที่คลุมหน้าออกพร้อมมองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตะลึงไม่น้อย

เพราะการปลอบตัวของเขานี้กลับถูกเย่หยวนมองออกได้ในพริบตา?

แน่นอนว่าผู้ที่มาถึงในเวลานี้มันมิใช่ใครที่ไหนนอกจากเจ้าเมืองแห่งเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น หยูเหวินเฟิง!

การปรากฏตัวนี้ของหยูเหวินเฟิงมันทำให้ทุกผู้คนตื่นตกใจอย่างมาก ได้แต่หันหน้าไปมองกันอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะต้องการอะไรกันแน่

หยูเหวินเฟิงยิ้มแห้งๆ ออกมา “น้อยเย่ช่างมีวิชาที่เหนือล้ำ ดูท่าการคาดเดาของข้าจะไม่ผิดจริงๆ เจ้าคงไม่ยอมตายลงง่ายๆ เช่นนี้แน่”

เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา “ท่านเจ้าเมืองหยู ตอนนี้ท่านและข้านั้นเรียกได้ว่าอยู่กันคนละพวก มาที่นี่ในเวลานี้… ไม่กลัวหรือว่าข้าจะจับตัวท่านไว้?”

แต่ทางหยูเหวินเฟิงกลับถอนหายใจยาวออกมา “น้องเย่ ให้พูดตรงๆ ที่หยูผู้นี้มาหาน้องเย่ครานี้ก็เพื่อจะขอให้น้องเย่เมตตา ด้วยคำสั่งเทพสวรรค์นี้ หยูผู้นี้ในฐานะเจ้าเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นย่อมจะไม่อาจปฏิเสธได้จึงต้องกลายมาเป็นศัตรูกับน้องเย่ไป แต่มันไม่มีทางเลือกจริงๆ! หากพอเป็นไปได้ หยูผู้นี้ก็ไม่คิดอยากเป็นศัตรูกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย”

คำพูดของหยูเหวินเฟิงนั้นมันทำให้เหล่ายอดฝีมือเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นเบิกตากว้าง

เจ้าหมอนี่หัวไปโขกพื้นมาหรือ?

ตอนนี้ความแตกต่างของพลังทั้งสองฝ่ายนั้นมันสุดจะเหนือล้ำ แต่เขากลับมาก้มหัวร้องขอความเมตตาจากเย่หยวน?

นี่เขาเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นหรือไม่?

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ท่านเจ้าเมืองหยู ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือไม่? เทพถ่องแท้นับพันๆ เช่นนี้มันมากพอที่จะทำลายเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้เป็นสิบๆ เมืองอย่างไม่เหลือแม้แต่ซาก ท่านกลับมาขอให้ข้าเป็นฝ่ายเมตตา?”

แต่หยูเหวินเฟิงกลับกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางหนักแน่น “คนอื่นไม่รู้จักเจ้า แต่ข้ารู้! ตอนนั้นที่เจ้ายังอยู่อาณาจักรนภาสวรรค์เจ้ายังเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่แห่งศาลาโอสถสวรรค์ได้ มีหรือที่เบื้องหลังเจ้าจะไม่มีเทพสวรรค์อยู่สักคนเลย? ด้วยกำลังของหอมหาสมบัติด้วยแล้ว ต่อให้พวกเขาคิดจะปะทะกับเทพสวรรค์หลู่เหยียนซึ่งๆ หน้ามันก็ยังไหว เพราะฉะนั้นข้าจึงรู้ดีว่าเจ้าย่อมจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองเดินเข้าสู่หายนะเช่นนี้แน่!”

เย่หยวนมองดูที่หยูเหวินเฟิงด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือก “ท่านกังวลเรื่องนั้นหรือ? ข้าบอกได้เลยว่าท่านไม่ต้องกังวลหรอก ครานี้เทพสวรรค์จากทางหอมหาสมบัติไม่ได้มาช่วยข้า”

หยูเหวินเฟิงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงผงะไปในทันทีด้วยความตื่นตกใจ

แต่หลังจากผงะไปนิดหน่อยเขาก็กลับมายืนมั่นได้อีกครั้ง “น้อยเย่ ข้ารู้ดีว่าเจ้านั้นมิใช่คนธรรมดาทั่วไปและย่อมมีวิธีอื่นอีกมากมายเหลือล้น ไม่ว่าอย่างไรเสียที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อที่จะบอกว่าที่ข้าทำลงไปนั้นมันเป็นเพราะคำสั่งเทพสวรรค์ หวังเพียงแค่ว่าเมื่อถึงเวลาแล้วน้องเย่จะเห็นใจแสดงความเมตตาบ้าง!”

เย่หยวนนั้นไม่นึกไม่ฝันว่าหยูเหวินเฟิงจะเชื่อมั่นในตัวเขาได้มากขนาดนี้ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จักมักจี่กันมากมายและยังถึงขั้นมาก้มหัวขอร้องขอความเมตตาด้วย

ครั้งนี้เขาคงต้องมองหยูเหวินเฟิงใหม่เสียแล้ว

หยูเหวินเฟิงนั้นคาดเดาได้ไม่ผิด เพราะคนอย่างเย่หยวนมีหรือที่จะยอมรับความตายได้ง่ายๆ เช่นนั้น?

หลู่เหยียนนั้นมีแผนของตนที่จะใช้กองทัพอันยิ่งใหญ่ คิดว่ามันจะข่มขู่ตัวเย่หยวนทำให้เขาสิ้นหวังได้

แต่เขาคิดผิดมหัน

เย่หยวนค่อยๆ พยักหน้าออกมาและตอบกลับไป “ได้ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

หยูเหวินเฟิงเบิกตากว้างก่อนจะร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจพร้อมยกมือคารวะเย่หยวน “ขอบคุณมากน้องเย่ ตอนนี้หยูผู้นี้เองก็อยู่กลางพายุมรสุมจะอยู่นานไปคงไม่ได้ ข้าขอตัวก่อน! หลังจากจบเรื่องราวแล้วข้าจะกลับมาขอบคุณอย่างแน่นอน!”

เย่หยวนพยักหน้ารับจนทำให้หยูเหวินเฟิงต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะรีบมุ่งหน้ากลับออกไปทันที

หลังจากหยูเหวินเฟิงกลับออกไปสายตาของคนทั้งหลายก็มองมาหาเย่หยวนอย่างแปลกประหลาด

และเป็นอิ้งหมัวหู่คนแรกที่กระโดดขึ้นมาถาม “พี่ใหญ่ ท่านก็ซ่อนเราไว้เสียมิดเชียว! ที่แท้ท่านได้เตรียมแผนการรับมือไว้สิ้นแล้ว ทำไมไม่บอกพวกเราหน่อยเล่า?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เจ้าโง่ ติดตามพี่คนนี้มาตั้งกี่ปีเจ้ายังไม่รู้จักข้าอีกหรือ?”

อิ้งหมัวหู่ได้แต่ยกมือขึ้นมาโขกหัวตนเองเบาๆ ก่อนจะกล่าวขึ้น “ข้า… ข้าหวาดกลัวจนขาดสติไป เพราะกองกำลังขนาดนี้ข้าเองก็เพิ่งเคยพบเคยเห็นเช่นกัน! นี่พี่ใหญ่ แล้วท่านมีวิธีการใดเตรียมไว้กันแน่? หรือว่า… ท่านได้ไปเชิญเทพสวรรค์มาไว้แล้ว?”

เย่หยวนที่ได้ยินก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “เชิญเทพสวรรค์มา? ข้าทำเช่นนั้นไม่ไหวหรอก! แต่… เราสร้างเทพสวรรค์ขึ้นมาเองได้!”

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2004 ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2004 ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เวลานี้มันเกิดความโกลาหลขึ้นทุกหย่อมหญ้า

เรื่องราวทั้งหมดนั้นมันเกิดขึ้นมาเพราะคำสั่งหนึ่งจากทางยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ เทพสวรรค์หลู่เหยียนได้สั่งการออกมาด้วยตำแหน่งของเจ้าเมือง

คำสั่งนั้นคือให้เมืองหลวงจักรพรรดิทั้งหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเมืองในเขตการปกครองของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ส่งกำลังนักยุทธ์ที่เหนือกว่านภาสวรรค์ทั้งหมดมารวมตัวกันที่เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น!

คำสั่งเทพสวรรค์นั้นมันเป็นคำสั่งสูงสุดภายใต้ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิ

เหล่าเมืองต่างๆ ที่ได้รับคำสั่งไปนั้นต่างได้ทำตามและส่งกำลังออกมาอย่างไม่รีรอ

แต่คำสั่งเทพสวรรค์เช่นนี้มันจะเกิดขึ้นแค่สักครั้งในรอบล้านปี

แต่ครั้งนี้เทพสวรรค์หลู่เหยียนกลับคิดใช้มันออกมา!

และเป้าหมายของการรวมพลมันก็เพื่อจะจัดการกับเมืองจักรพรรดิหนึ่ง!

ไม่ว่าอย่างไรเสียในแต่ละเมืองหลวงจักรพรรดิทั้งหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดที่ถูกเรียกมานี้ แต่ละเมืองต่างก็มีเทพถ่องแท้อยู่อย่างน้อยๆ ถึงสิบคน

และในเมืองหลวงจักรพรรดิที่ระดับสูงๆ ก็จะมีเทพถ่องแท้อยู่ถึงหลายสิบคน

ถามว่ากองกำลังในครั้งนี้มันน่าเกรงกลัวปานใด?

“นี่ท่านเทพสวรรค์หลู่เหยียนคลั่งไปแล้วหรือ? แค่จัดการกับเราเมืองจักรพรรดิน้อยๆ นั้นถึงกับต้องสั่งการให้เทพถ่องแท้นับพันๆ มารวมตัวกัน?”

“นี่มัน… เราจะรับมือได้อย่างไร? ต่อให้พวกเราแต่ละคนมีสามหัวหกแขนมันก็คงไม่อาจจะชนะได้!”

“หากนับท่านเย่หยวน ท่านอิ้งหมัวหู่ ท่านเล้งชิวหลิง รวมไปถึงท่านหนิงเทียนปิงที่เพิ่งบรรลุขึ้นมาแล้วเมืองเรามันก็ยังมีเทพถ่องแท้อยู่แค่หกคนเพียงเท่านั้น แล้วจะเอาหกคนไปสู้กับพันคนได้อย่างไร?”

ทุกผู้คนนั้นต่างสิ้นหวัง!

เพราะความแตกต่างของกำลังนี้มันทำให้ผู้คนสิ้นหวัง

กับเมืองจักรพรรดิแล้วตัวตนอย่างเทพถ่องแท้นั้นเป็นตัวตนที่พวกเขาได้แต่กราบไว้บูชา

แต่ตอนนี้เทพถ่องแท้นับพันกลับกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขาทั้งหลาย เรื่องเช่นนี้มันย่อมจะทำให้พวกเขาตื่นกลัวจนไม่อาจสรรหาคำมาบรรยายได้

ทุกผู้คนนั้นต่างมีความคิดเดียวกันอยู่ในหัวนั่นก็คือเทพสวรรค์หลู่เหยียนบ้าไปแล้ว!

และคนที่ทำให้เขาบ้าก็คือท่านเย่หยวน!

ภายในจวนเจ้าเมืองของทางเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันมีบรรยากาศที่หนักหน่วงจนแทบไม่อาจจะหายใจได้

“ข้าไม่นึกเลยว่าเทพสวรรค์หลู่เหยียนจะบ้าได้ถึงขนาดนี้ ส่งเทพถ่องแท้นับพันๆ ออกมาเช่นนี้มันย่อมทำให้เราหมดสิ้นจนปัญญาจริงๆ!” เจียงยู่ถังร้องบอก

ทุกผู้คนที่ได้ยินต่างก็เงียบไปตามๆ กันด้วยความไม่รู้ว่าจะต้องตอบอย่างไร

ภายใต้กำลังที่เหนือล้นเช่นนี้ ไม่ว่าจะพยายามเท่าใดมันก็ไร้ค่า

ต่อให้เย่หยวนจะมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำเท่าใดมันก็ไม่อาจจะสร้างเทพถ่องแท้ขึ้นมามากมายด้วยเวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้แน่!

ทั้งในหมู่เทพถ่องแท้ทั้งกว่าพันคนนั้นมันยังมีเทพถ่องแท้เก้าดาวอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

แค่เอาพวกเขาสักคนมาบุกมันก็มากพอที่จะทำลายเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ลงแล้ว

“พวกเจ้า พวกเจ้าจะไม่พูดอะไรหน่อยหรือ? นี่มัน… มันจะทำข้าอึดอัดตายแล้ว!” อิ้งหมัวหู่ได้แต่เดินไปเดินมาอย่างกังวล

พวกเขาทั้งหลายนั้นต่างมีความเชื่อในตัวเย่หยวนอย่างหนักแน่น

แต่เรื่องครั้งนี้มันแตกต่างกัน!

ไม่ว่าเย่หยวนจะเก่งกาจสามารถปานใดมันก็ไม่มีทางรับมือเทพถ่องแท้นับพันๆ ได้แน่!

เมื่อคนทั้งหลายได้ยินคำของอิ้งหมัวหู่พวกเขาเองก็ได้แต่ถอนหายใจยาวอย่างไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไร

พวกเขานั้นไม่อาจคิดอะไรได้จริงๆ

ในเวลานั้นเองที่มีคนใช้เข้ามารายงานว่ามีคนในชุดดำสนิทปิดหน้าตาต้องการเข้าพบ ด้วยชุดของเขานั้นทำให้ไม่อาจมองออกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

นั่นทำให้ทุกผู้คนหันหน้าเข้ามองกันอย่างมึนงง เวลาเช่นนี้มันจะยังมีใครมาขอเข้าพบอีก?

“ให้เขาเข้ามา” เย่หยวนสั่งไป

ไม่นานนักยอดฝีมือในชุดดำปิดหน้าปิดตาผู้นั้นก็ได้เดินเข้ามาปรากฏต่อสายตาของทุกผู้คน

เย่หยวนมองดูอีกฝ่ายก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยความตื่นตกใจ “นี่มันท่านเจ้าเมืองหยูนี่นา เหตุใดถึงได้เดินทางมาไกลขนาดนี้กัน? เวลานี้ท่านน่าจะหลบเลี่ยงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราราวกับว่ามันเป็นเมืองเชื้อโรคมิใช่หรือ?”

คนผู้นั้นจึงได้ปลดผ้าที่คลุมหน้าออกพร้อมมองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตะลึงไม่น้อย

เพราะการปลอบตัวของเขานี้กลับถูกเย่หยวนมองออกได้ในพริบตา?

แน่นอนว่าผู้ที่มาถึงในเวลานี้มันมิใช่ใครที่ไหนนอกจากเจ้าเมืองแห่งเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น หยูเหวินเฟิง!

การปรากฏตัวนี้ของหยูเหวินเฟิงมันทำให้ทุกผู้คนตื่นตกใจอย่างมาก ได้แต่หันหน้าไปมองกันอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะต้องการอะไรกันแน่

หยูเหวินเฟิงยิ้มแห้งๆ ออกมา “น้อยเย่ช่างมีวิชาที่เหนือล้ำ ดูท่าการคาดเดาของข้าจะไม่ผิดจริงๆ เจ้าคงไม่ยอมตายลงง่ายๆ เช่นนี้แน่”

เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา “ท่านเจ้าเมืองหยู ตอนนี้ท่านและข้านั้นเรียกได้ว่าอยู่กันคนละพวก มาที่นี่ในเวลานี้… ไม่กลัวหรือว่าข้าจะจับตัวท่านไว้?”

แต่ทางหยูเหวินเฟิงกลับถอนหายใจยาวออกมา “น้องเย่ ให้พูดตรงๆ ที่หยูผู้นี้มาหาน้องเย่ครานี้ก็เพื่อจะขอให้น้องเย่เมตตา ด้วยคำสั่งเทพสวรรค์นี้ หยูผู้นี้ในฐานะเจ้าเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นย่อมจะไม่อาจปฏิเสธได้จึงต้องกลายมาเป็นศัตรูกับน้องเย่ไป แต่มันไม่มีทางเลือกจริงๆ! หากพอเป็นไปได้ หยูผู้นี้ก็ไม่คิดอยากเป็นศัตรูกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย”

คำพูดของหยูเหวินเฟิงนั้นมันทำให้เหล่ายอดฝีมือเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นเบิกตากว้าง

เจ้าหมอนี่หัวไปโขกพื้นมาหรือ?

ตอนนี้ความแตกต่างของพลังทั้งสองฝ่ายนั้นมันสุดจะเหนือล้ำ แต่เขากลับมาก้มหัวร้องขอความเมตตาจากเย่หยวน?

นี่เขาเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นหรือไม่?

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ท่านเจ้าเมืองหยู ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือไม่? เทพถ่องแท้นับพันๆ เช่นนี้มันมากพอที่จะทำลายเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้เป็นสิบๆ เมืองอย่างไม่เหลือแม้แต่ซาก ท่านกลับมาขอให้ข้าเป็นฝ่ายเมตตา?”

แต่หยูเหวินเฟิงกลับกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางหนักแน่น “คนอื่นไม่รู้จักเจ้า แต่ข้ารู้! ตอนนั้นที่เจ้ายังอยู่อาณาจักรนภาสวรรค์เจ้ายังเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่แห่งศาลาโอสถสวรรค์ได้ มีหรือที่เบื้องหลังเจ้าจะไม่มีเทพสวรรค์อยู่สักคนเลย? ด้วยกำลังของหอมหาสมบัติด้วยแล้ว ต่อให้พวกเขาคิดจะปะทะกับเทพสวรรค์หลู่เหยียนซึ่งๆ หน้ามันก็ยังไหว เพราะฉะนั้นข้าจึงรู้ดีว่าเจ้าย่อมจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองเดินเข้าสู่หายนะเช่นนี้แน่!”

เย่หยวนมองดูที่หยูเหวินเฟิงด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือก “ท่านกังวลเรื่องนั้นหรือ? ข้าบอกได้เลยว่าท่านไม่ต้องกังวลหรอก ครานี้เทพสวรรค์จากทางหอมหาสมบัติไม่ได้มาช่วยข้า”

หยูเหวินเฟิงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงผงะไปในทันทีด้วยความตื่นตกใจ

แต่หลังจากผงะไปนิดหน่อยเขาก็กลับมายืนมั่นได้อีกครั้ง “น้อยเย่ ข้ารู้ดีว่าเจ้านั้นมิใช่คนธรรมดาทั่วไปและย่อมมีวิธีอื่นอีกมากมายเหลือล้น ไม่ว่าอย่างไรเสียที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อที่จะบอกว่าที่ข้าทำลงไปนั้นมันเป็นเพราะคำสั่งเทพสวรรค์ หวังเพียงแค่ว่าเมื่อถึงเวลาแล้วน้องเย่จะเห็นใจแสดงความเมตตาบ้าง!”

เย่หยวนนั้นไม่นึกไม่ฝันว่าหยูเหวินเฟิงจะเชื่อมั่นในตัวเขาได้มากขนาดนี้ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จักมักจี่กันมากมายและยังถึงขั้นมาก้มหัวขอร้องขอความเมตตาด้วย

ครั้งนี้เขาคงต้องมองหยูเหวินเฟิงใหม่เสียแล้ว

หยูเหวินเฟิงนั้นคาดเดาได้ไม่ผิด เพราะคนอย่างเย่หยวนมีหรือที่จะยอมรับความตายได้ง่ายๆ เช่นนั้น?

หลู่เหยียนนั้นมีแผนของตนที่จะใช้กองทัพอันยิ่งใหญ่ คิดว่ามันจะข่มขู่ตัวเย่หยวนทำให้เขาสิ้นหวังได้

แต่เขาคิดผิดมหัน

เย่หยวนค่อยๆ พยักหน้าออกมาและตอบกลับไป “ได้ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

หยูเหวินเฟิงเบิกตากว้างก่อนจะร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจพร้อมยกมือคารวะเย่หยวน “ขอบคุณมากน้องเย่ ตอนนี้หยูผู้นี้เองก็อยู่กลางพายุมรสุมจะอยู่นานไปคงไม่ได้ ข้าขอตัวก่อน! หลังจากจบเรื่องราวแล้วข้าจะกลับมาขอบคุณอย่างแน่นอน!”

เย่หยวนพยักหน้ารับจนทำให้หยูเหวินเฟิงต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะรีบมุ่งหน้ากลับออกไปทันที

หลังจากหยูเหวินเฟิงกลับออกไปสายตาของคนทั้งหลายก็มองมาหาเย่หยวนอย่างแปลกประหลาด

และเป็นอิ้งหมัวหู่คนแรกที่กระโดดขึ้นมาถาม “พี่ใหญ่ ท่านก็ซ่อนเราไว้เสียมิดเชียว! ที่แท้ท่านได้เตรียมแผนการรับมือไว้สิ้นแล้ว ทำไมไม่บอกพวกเราหน่อยเล่า?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เจ้าโง่ ติดตามพี่คนนี้มาตั้งกี่ปีเจ้ายังไม่รู้จักข้าอีกหรือ?”

อิ้งหมัวหู่ได้แต่ยกมือขึ้นมาโขกหัวตนเองเบาๆ ก่อนจะกล่าวขึ้น “ข้า… ข้าหวาดกลัวจนขาดสติไป เพราะกองกำลังขนาดนี้ข้าเองก็เพิ่งเคยพบเคยเห็นเช่นกัน! นี่พี่ใหญ่ แล้วท่านมีวิธีการใดเตรียมไว้กันแน่? หรือว่า… ท่านได้ไปเชิญเทพสวรรค์มาไว้แล้ว?”

เย่หยวนที่ได้ยินก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “เชิญเทพสวรรค์มา? ข้าทำเช่นนั้นไม่ไหวหรอก! แต่… เราสร้างเทพสวรรค์ขึ้นมาเองได้!”

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+