Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2090 ดาบสลักกลวงแท้

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2090 ดาบสลักกลวงแท้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปัง!

แม้เฟิงเทียนหยางจะพุ่งมาถึงอย่างรวดเร็ว แต่การกระเด็นกลับไปของเขานั้นมันกลับเร็วยิ่งกว่า!

ทุกผู้คนที่เห็นเช่นนั้นได้แต่ต้องอ้าปากค้างอย่างไม่เข้าใจเรื่องราว

เกิดอะไรขึ้น?

พวกเขาทั้งหลายนั้นไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังใด ๆ แต่จู่ ๆ ทางเฟิงเทียนหยางกลับลอยปลิวออกมาเช่นนั้น

มันราวกับว่าเฟิงเทียนหยางพุ่งตัวเข้าไปชนกำแพงที่มองไม่เห็นเข้าจนถูกดีดกลับออกมา

ภาพนี้มันทำให้คนทั้งหลายตกตะลึง

ภายในหลุมดินนั้นเย่หยวนได้ค่อย ๆ เดินออกมาพร้อมดาบกระดูกในมือด้วยคลื่นพลังจิตสังหารล้นเปี่ยมทั่วร่าง

“ดีมาก! ทำให้ข้าเอาจริงได้เช่นนั้น เจ้าจงภูมิใจเสียเถอะ!” เย่หยวนมองดูไปที่เฟิงเทียนหยางพร้อมกล่าวขึ้น

เขานั้นยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางที่ทำให้ผู้คนต้องเสียวสันหลังราวกับดาบที่ถูกชักออกจากฝักพร้อมฟาดฟันทุกเมื่อ

“น-นี่มันคลื่นจิตดาบ! และช่างเป็นจิตดาบที่รุนแรงหนักหน่วงนัก! เขาผสานแนวคิดแห่งห้วงมิติเข้ากับแนวคิดแห่งดาบ! นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร?”

ตอนที่เทพสวรรค์หลัวเฟิงเห็นว่าเย่หยวนใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติออกมาเขานั้นไม่คิดจะกังวลใด ๆ เลยแม้แต่น้อย

เพราะเขารู้ดีว่าเฟิงเทียนหยางจะชนะได้

แต่คราวนี้ความตื่นตะลึงทั้งหลายมันได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาแล้ว

การสำเร็จแนวคิดนั้นมันไม่เท่าไหร่ แต่การผสานแนวคิดแห่งดาบเข้ากับแนวคิดแห่งห้วงมิตินั้นมันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ

ความยากเย็นของมันนั้นคงยากเสียยิ่งกว่าการผสานสามแนวคิดเข้าด้วยกันเสียอีก!

แนวคิดขั้นสูงสุดนั้นแค่จะเรียนรู้มันก็แสนยากเย็น คนธรรมดาทั่วไปเรียนรู้มันแค่ผิวเผินยังทำไม่ได้ ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องการผสานใด ๆ

“เจ้าเด็กคนนี้มันบ่มเพาะขึ้นมาอย่างไรกัน? มันมีวิชาโอสถที่เหนือคนเอาชนะจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายได้สิ้นทั้งยังมีฝีมือการต่อสู้ที่เหนือล้ำผู้คน!” เทพสวรรค์ฉือหยูกล่าวขึ้นอย่างตกตะลึง

“เมื่อกี้เป็นเขาหรือที่ดีดเฟิงเทียนหยางจนปลิวกลับออกมา? แต่ข้านั้นสัมผัสไม่ได้ถึงพลังดาบใด ๆ เลย!” เทพสวรรค์อีกคนกล่าวเสริมอย่างตื่นตะลึง

การโจมตีที่สัมผัสไม่ได้นั้นมันน่ากลัวที่สุด

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นไม่อาจจะใช้คำพูดใดมาอธิบายความรู้สึกที่มีได้อีกต่อไปแล้ว เดิมทีพวกเขาทั้งหลายนั้นคิดว่าเฟิงเทียนหยางนั้นเป็นสัตว์ประหลาด ไม่นึกไม่ฝันว่าพรสวรรค์ของเย่หยวนมันจะเป็นสัตว์ประหลาดที่น่าหวาดหวั่นเสียยิ่งกว่าเฟิงเทียนหยาง

“นี่มัน… พี่หลัวเฟิง หลานเทียนหยางจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่? ทำไมเรา ไม่เข้าไปจัดการเสียให้จบ ๆ ไปเล่า” เทพสวรรค์ปิงหยุนพูดแทรกขึ้น

เทพสวรรค์หลัวเฟิงส่ายหัวออกมา “วางใจเถอะ เมื่อกี้มันเกิดขึ้นเพราะความประมาทของเทียนหยางเอง ที่สำคัญตัวเขานั้นยังมีอีกกระบวนท่าที่ยังไม่ได้ใช้ออกมา เทียนหยางจะไม่แพ้แน่! แม้ว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะมากพรสวรรค์แต่สุดท้ายพลังบ่มเพาะของมันก็ยังด้อยกว่าเทียนหยางไปมาก”

เมื่อเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายได้ยินพวกเขาก็รู้สึกโล่งอกขึ้น

สภาพของเฟิงเทียนหยางในเวลานี้มีผมเผ้าที่รุงรังพร้อมบาดแผลทั่วกาย จะมีสภาพของเทพสงครามใด ๆ หลงเหลืออีกเล่า?

“ให้ตายสิ! ให้ตายสิ! เจ้ากล้าทำร้ายข้าจนบาดเจ็บ! ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ เอง! เย่หยวน ดัชนีนี้คือการโจมตีที่รุนแรงที่สุดเท่าที่ข้ามีหลังจากข้าผสานสามแนวคิดได้! การที่เจ้าจะได้ตายด้วยกระบวนท่านี้มันย่อมจะเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลเจ้าแล้ว!”

เฟิงเทียนหยางนั้นร้องบอกพร้อมชี้นิ้วออกมาจนทำให้มิติรอบ ๆ เริ่มแตกออก เป็นเครื่องยืนยันอย่างชัดเจนว่าดัชนีนี้มันอัดแน่นพลังไว้มากเท่าใด

หากดัชนีนี้ถูกตัวคนเข้า คนผู้นั้นคงไม่หลงเหลือร่างกายให้กลบฝังแล้ว

“ดัชนีสลายมิติ!”

เทพสวรรค์หลัวเฟิงที่ได้เห็นก็ยิ้มขึ้นทันทีอย่างภาคภูมิ “ผสานแนวคิดก็เรื่องหนึ่ง แต่การนำมันออกมาใช้ก็เป็นอีกเรื่อง เทียนหยางนั้นเข้าใจถึงความลึกซึ้งของแนวคิดและเริ่มดึงพลังของเต๋ามาใช้เองได้ บางทีวันหน้าเขาอาจจะก้าวข้ามพี่ใหญ่ไปกลายเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์คนแรกในรอบหลายแสนล้านปีแห่งทุ่งราบสุดอุดรนี้ก็เป็นได้! ดัชนีนี้ ต่อให้เป็นเทพสวรรค์หนึ่งดาวก็คงไม่อาจรับได้โดยไร้อาการบาดเจ็บ”

เมื่อทุกผู้คนได้ยินพวกเขาต่างก็ต้องเบิกตากว้าง

เพราะมันย่อมจะไม่มีใครคิดฝันว่าเฟิงเทียนหยางนั้นกลับเก่งกาจได้ปานนั้น

การโจมตีของเทพถ่องแท้เก้าดาวที่สามารถทำร้ายเทพสวรรค์ได้นั้นมันจะต้องเป็นกระบวนท่าวิชาที่รุนแรงปานใด?

ถามว่าเทพสวรรค์นั้นเก่งกาจปานใด?

ต่อให้พวกเขาจะยืนให้เทพถ่องแท้เก้าดาวขั้นสุดโจมตีเป็นวัน มันก็คงแทบจะไม่เกิดบาดแผลใด ๆ ขึ้นบนร่างของพวกเขาได้

เพราะทั้งสองอาณาจักรนี้มันแตกต่างกันสิ้นเชิง มันเป็นความตื้นลึกหนาบางในความเข้าใจถึงเต๋าสวรรค์ที่แตกต่าง

แต่ดัชนีนี้ของเฟิงเทียนหยางกลับจะสามารถทำให้เทพสวรรค์บาดเจ็บได้ แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นดัชนีที่รุนแรงปานใด

แต่แน่นอนว่าการทำร้ายเทพสวรรค์ได้มันก็เรื่องหนึ่ง แต่จะมีเทพสวรรค์คนไหนยืนนิ่ง ๆ ให้โดนโจมตีไหมมันก็อีกเรื่องหนึ่งอย่างสิ้นเชิง

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายได้แต่หันไปมองเย่หยวนอย่างสงสารเสียดาย การมาเจอคู่ต่อสู้เช่นนี้มันคือเวรกรรมของเขาจริง ๆ!

“หืม? เขา…เขากลับยิ้ม?”

เทพสวรรค์ผู้หนึ่งกลับเห็นว่าตอนนี้บนใบหน้าของเย่หยวนมันเกิดรอยยิ้มบาง ๆ ขึ้นมาจนอดไม่ได้ที่จะร้องทัก

ในเวลาเช่นนี้ เขากลับยังจะมายิ้ม

เทพสวรรค์ปิงหยุนจึงหัวเราะขึ้น “มันคงกลัวจนเสียสติไปแล้ว!”

“น่าสนใจ!”

เย่หยวนค่อย ๆ ยกดาบขึ้นมาช้า ๆ และแทงมันออกไปด้านหน้า

ดาบนี้มันดูเชื่องช้าและธรรมดาโดยไม่มีพลังใด ๆ แฝงมาเลย

เทียบกับคลื่นพลังจากดัชนีของเฟิงเทียนหยางแล้ว ดาบของเย่หยวนนี้จะเรียกว่ากระบวนท่ายังทำได้ไม่เต็มปาก

มันเหมือนราวกับว่าเย่หยวนนั้นเป็นนักยุทธที่ไม่รู้จักวิธีใช้ดาบแม้แต่น้อย

เว้นเสียแต่ว่าหากเวลานี้คนที่ยืนมองดูอยู่เป็นพวกซงหยูที่ได้เข้าไปยังสนามรบเทพโบราณกับเย่หยวนแล้วพวกเขาคงจะเข้าใจได้ทันว่านี่มันคือท่าทางเดียวกับดาบนั้นของมารกระดูกเทพสวรรค์ผู้นั้น

“มันทำอะไร? ดาบเช่นนี้ก็จะทำร้ายผู้คนได้?”

เทพสวรรค์หลัวเฟิงนั้นขมวดคิ้วแน่น เขานั้นไม่อาจจะเข้าใจได้เลยว่าดาบนี้ของเย่หยวนมันดีงามเหนือล้ำอย่างไร แต่ในใจลึก ๆ แล้วเขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ

เทพสวรรค์ปิงหยุนที่ได้เห็นต้องหัวเราะออกมา “แน่นอนว่ามันย่อมจะทำร้ายใครไม่ได้ ข้าถึงได้บอกว่ามันคงกลัวจนเสียสติไปแล้ว”

คนทั้งหลายนั้นไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเอาแต่พูดดูถูกดาบของเย่หยวน บอกว่าเขานั้นมันเป็นแค่ลิงได้แก้วไม่รู้วิธีใช้งาน เฟิงเทียนหยางเองก็มีความคิดต่างกับคนทั้งหลาย

เขาจึงหัวเราะลั่นออกมา “ฮ่า ๆ เจ้าคิดจะใช้ดาบนี้รับมือข้า? งั้นก็ไปตายเสียเถอะ!”

ในเวลานั้นเองที่ดัชนีสลายมิติได้ถูกปลดปล่อยออกมาพุ่งทะยานใส่เย่หยวนอย่างรุนแรง

“ดาบสลักกลวงแท้!”

เย่หยวนกล่าวนามของกระบวนท่าออกมา

นี่มันคือดาบสลักกลวงนั่นเอง

เพียงแค่ว่าเขานั้นได้แรงบันดาลใจมาจากวิชาของมารกระดูกเทพสวรรค์ผู้นั้นจนฝึกฝนใช้มันได้อย่างเชี่ยวชาญ

ดาบสลักกลวงนี้มันมีพลังถึงขั้นสุดและไม่ปล่อยคลื่นพลังใด ๆ ออกสู่ภายนอก มันเป็นระดับของสูงสุดสู่สามัญ

เพราะฉะนั้นเขาจึงตั้งชื่อมันว่าดาบสลักกลวงแท้

ในเวลานั้นเองที่เกิดความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของเทพสวรรค์หลัวเฟิง คิดได้ว่ามันมีอะไรแปลก ๆ

เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เฟิงเทียนหยางถูกซัดจนปลิวออกมา มันก็ไม่มีคลื่นพลังใด ๆ เกิดขึ้นเลยมิใช่หรือ?

หรือว่า…เจ้าเด็กคนนี้จะสามารถเก็บครอบพลังไว้อย่างแน่นหนาจนไม่มีพลังใดหลุดรั่วออกมาสู่ภายนอกเลย?

เรื่องเช่นนั้นมันทำได้ด้วยหรือ?

“ไม่ได้การ! เทียนหยาง หลบเร็ว!”

เทพสวรรค์หลัวเฟิงนั้นร้องตะโกนออกมาพร้อมขยับร่างไปด้านหน้าหวังจะขัดการปะทะของคนทั้งสอง

แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว

หนึ่งสว่างหนึ่งมืดมน สองพลังโจมตีปะทะเข้าหากันจนทำให้มิติโดยรอบแตกหัก

การปะทะกันในระดับนี้มันคงพูดได้แค่ว่ามีพลังถล่มทลายฟ้าดิน ทำให้ภูเขาแตกสลายแม่น้ำไหลย้อนสาย

ทุกผู้คนได้แต่มองดูภาพตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง สมองของพวกเขาทั้งหลายยังไม่ทันจะคิดอะไรได้ในเสี้ยววินาทีนี้ เหตุใดดาบโง่ ๆ ของเย่หยวนนั้นมันถึงได้มีพลังอันน่าหวาดหวั่นเช่นนี้?

เดิมทีดาบสลักกลวงของเย่หยวนมันก็มีพลังที่หนักหน่วงรุนแรงอยู่เป็นทุน

ตอนนี้เมื่อถูกฝึกฝนจนถึงขั้นสุดแล้วมันจนทำให้ดาบสลักกลวงแท้นี้ไม่มีการสูญเสียพลังงานใด ๆ ระหว่างทางแล้วมันจึงทำให้พลังของดาบเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว

คลื่นพลังอันรุนแรงเช่นนี้แม้แต่ดัชนีสลายมิติใด ๆ ก็ไม่อาจจะทนทานไว้ได้

เฟิงเทียนหยางนั้นยังไม่ทันจะได้ร้องร่ำใด ๆ ก็ต้องตายตกลง

ทุกผู้คนได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยปากที่อ้าค้าง ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตน

“ทำไม…ทำไมมันกลายเป็นเช่นนี้ไป?”

“คนที่ตายกลับกลายเป็นเฟิงเทียนหยาง?”

“ดาบนี้มันคืออะไรกัน? เหตุใดมันถึงได้มีพลังรุนแรงปานนี้?”

……………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2090 ดาบสลักกลวงแท้

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2090 ดาบสลักกลวงแท้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปัง!

แม้เฟิงเทียนหยางจะพุ่งมาถึงอย่างรวดเร็ว แต่การกระเด็นกลับไปของเขานั้นมันกลับเร็วยิ่งกว่า!

ทุกผู้คนที่เห็นเช่นนั้นได้แต่ต้องอ้าปากค้างอย่างไม่เข้าใจเรื่องราว

เกิดอะไรขึ้น?

พวกเขาทั้งหลายนั้นไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังใด ๆ แต่จู่ ๆ ทางเฟิงเทียนหยางกลับลอยปลิวออกมาเช่นนั้น

มันราวกับว่าเฟิงเทียนหยางพุ่งตัวเข้าไปชนกำแพงที่มองไม่เห็นเข้าจนถูกดีดกลับออกมา

ภาพนี้มันทำให้คนทั้งหลายตกตะลึง

ภายในหลุมดินนั้นเย่หยวนได้ค่อย ๆ เดินออกมาพร้อมดาบกระดูกในมือด้วยคลื่นพลังจิตสังหารล้นเปี่ยมทั่วร่าง

“ดีมาก! ทำให้ข้าเอาจริงได้เช่นนั้น เจ้าจงภูมิใจเสียเถอะ!” เย่หยวนมองดูไปที่เฟิงเทียนหยางพร้อมกล่าวขึ้น

เขานั้นยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางที่ทำให้ผู้คนต้องเสียวสันหลังราวกับดาบที่ถูกชักออกจากฝักพร้อมฟาดฟันทุกเมื่อ

“น-นี่มันคลื่นจิตดาบ! และช่างเป็นจิตดาบที่รุนแรงหนักหน่วงนัก! เขาผสานแนวคิดแห่งห้วงมิติเข้ากับแนวคิดแห่งดาบ! นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร?”

ตอนที่เทพสวรรค์หลัวเฟิงเห็นว่าเย่หยวนใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติออกมาเขานั้นไม่คิดจะกังวลใด ๆ เลยแม้แต่น้อย

เพราะเขารู้ดีว่าเฟิงเทียนหยางจะชนะได้

แต่คราวนี้ความตื่นตะลึงทั้งหลายมันได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาแล้ว

การสำเร็จแนวคิดนั้นมันไม่เท่าไหร่ แต่การผสานแนวคิดแห่งดาบเข้ากับแนวคิดแห่งห้วงมิตินั้นมันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ

ความยากเย็นของมันนั้นคงยากเสียยิ่งกว่าการผสานสามแนวคิดเข้าด้วยกันเสียอีก!

แนวคิดขั้นสูงสุดนั้นแค่จะเรียนรู้มันก็แสนยากเย็น คนธรรมดาทั่วไปเรียนรู้มันแค่ผิวเผินยังทำไม่ได้ ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องการผสานใด ๆ

“เจ้าเด็กคนนี้มันบ่มเพาะขึ้นมาอย่างไรกัน? มันมีวิชาโอสถที่เหนือคนเอาชนะจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายได้สิ้นทั้งยังมีฝีมือการต่อสู้ที่เหนือล้ำผู้คน!” เทพสวรรค์ฉือหยูกล่าวขึ้นอย่างตกตะลึง

“เมื่อกี้เป็นเขาหรือที่ดีดเฟิงเทียนหยางจนปลิวกลับออกมา? แต่ข้านั้นสัมผัสไม่ได้ถึงพลังดาบใด ๆ เลย!” เทพสวรรค์อีกคนกล่าวเสริมอย่างตื่นตะลึง

การโจมตีที่สัมผัสไม่ได้นั้นมันน่ากลัวที่สุด

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นไม่อาจจะใช้คำพูดใดมาอธิบายความรู้สึกที่มีได้อีกต่อไปแล้ว เดิมทีพวกเขาทั้งหลายนั้นคิดว่าเฟิงเทียนหยางนั้นเป็นสัตว์ประหลาด ไม่นึกไม่ฝันว่าพรสวรรค์ของเย่หยวนมันจะเป็นสัตว์ประหลาดที่น่าหวาดหวั่นเสียยิ่งกว่าเฟิงเทียนหยาง

“นี่มัน… พี่หลัวเฟิง หลานเทียนหยางจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่? ทำไมเรา ไม่เข้าไปจัดการเสียให้จบ ๆ ไปเล่า” เทพสวรรค์ปิงหยุนพูดแทรกขึ้น

เทพสวรรค์หลัวเฟิงส่ายหัวออกมา “วางใจเถอะ เมื่อกี้มันเกิดขึ้นเพราะความประมาทของเทียนหยางเอง ที่สำคัญตัวเขานั้นยังมีอีกกระบวนท่าที่ยังไม่ได้ใช้ออกมา เทียนหยางจะไม่แพ้แน่! แม้ว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะมากพรสวรรค์แต่สุดท้ายพลังบ่มเพาะของมันก็ยังด้อยกว่าเทียนหยางไปมาก”

เมื่อเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายได้ยินพวกเขาก็รู้สึกโล่งอกขึ้น

สภาพของเฟิงเทียนหยางในเวลานี้มีผมเผ้าที่รุงรังพร้อมบาดแผลทั่วกาย จะมีสภาพของเทพสงครามใด ๆ หลงเหลืออีกเล่า?

“ให้ตายสิ! ให้ตายสิ! เจ้ากล้าทำร้ายข้าจนบาดเจ็บ! ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ เอง! เย่หยวน ดัชนีนี้คือการโจมตีที่รุนแรงที่สุดเท่าที่ข้ามีหลังจากข้าผสานสามแนวคิดได้! การที่เจ้าจะได้ตายด้วยกระบวนท่านี้มันย่อมจะเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลเจ้าแล้ว!”

เฟิงเทียนหยางนั้นร้องบอกพร้อมชี้นิ้วออกมาจนทำให้มิติรอบ ๆ เริ่มแตกออก เป็นเครื่องยืนยันอย่างชัดเจนว่าดัชนีนี้มันอัดแน่นพลังไว้มากเท่าใด

หากดัชนีนี้ถูกตัวคนเข้า คนผู้นั้นคงไม่หลงเหลือร่างกายให้กลบฝังแล้ว

“ดัชนีสลายมิติ!”

เทพสวรรค์หลัวเฟิงที่ได้เห็นก็ยิ้มขึ้นทันทีอย่างภาคภูมิ “ผสานแนวคิดก็เรื่องหนึ่ง แต่การนำมันออกมาใช้ก็เป็นอีกเรื่อง เทียนหยางนั้นเข้าใจถึงความลึกซึ้งของแนวคิดและเริ่มดึงพลังของเต๋ามาใช้เองได้ บางทีวันหน้าเขาอาจจะก้าวข้ามพี่ใหญ่ไปกลายเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์คนแรกในรอบหลายแสนล้านปีแห่งทุ่งราบสุดอุดรนี้ก็เป็นได้! ดัชนีนี้ ต่อให้เป็นเทพสวรรค์หนึ่งดาวก็คงไม่อาจรับได้โดยไร้อาการบาดเจ็บ”

เมื่อทุกผู้คนได้ยินพวกเขาต่างก็ต้องเบิกตากว้าง

เพราะมันย่อมจะไม่มีใครคิดฝันว่าเฟิงเทียนหยางนั้นกลับเก่งกาจได้ปานนั้น

การโจมตีของเทพถ่องแท้เก้าดาวที่สามารถทำร้ายเทพสวรรค์ได้นั้นมันจะต้องเป็นกระบวนท่าวิชาที่รุนแรงปานใด?

ถามว่าเทพสวรรค์นั้นเก่งกาจปานใด?

ต่อให้พวกเขาจะยืนให้เทพถ่องแท้เก้าดาวขั้นสุดโจมตีเป็นวัน มันก็คงแทบจะไม่เกิดบาดแผลใด ๆ ขึ้นบนร่างของพวกเขาได้

เพราะทั้งสองอาณาจักรนี้มันแตกต่างกันสิ้นเชิง มันเป็นความตื้นลึกหนาบางในความเข้าใจถึงเต๋าสวรรค์ที่แตกต่าง

แต่ดัชนีนี้ของเฟิงเทียนหยางกลับจะสามารถทำให้เทพสวรรค์บาดเจ็บได้ แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นดัชนีที่รุนแรงปานใด

แต่แน่นอนว่าการทำร้ายเทพสวรรค์ได้มันก็เรื่องหนึ่ง แต่จะมีเทพสวรรค์คนไหนยืนนิ่ง ๆ ให้โดนโจมตีไหมมันก็อีกเรื่องหนึ่งอย่างสิ้นเชิง

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายได้แต่หันไปมองเย่หยวนอย่างสงสารเสียดาย การมาเจอคู่ต่อสู้เช่นนี้มันคือเวรกรรมของเขาจริง ๆ!

“หืม? เขา…เขากลับยิ้ม?”

เทพสวรรค์ผู้หนึ่งกลับเห็นว่าตอนนี้บนใบหน้าของเย่หยวนมันเกิดรอยยิ้มบาง ๆ ขึ้นมาจนอดไม่ได้ที่จะร้องทัก

ในเวลาเช่นนี้ เขากลับยังจะมายิ้ม

เทพสวรรค์ปิงหยุนจึงหัวเราะขึ้น “มันคงกลัวจนเสียสติไปแล้ว!”

“น่าสนใจ!”

เย่หยวนค่อย ๆ ยกดาบขึ้นมาช้า ๆ และแทงมันออกไปด้านหน้า

ดาบนี้มันดูเชื่องช้าและธรรมดาโดยไม่มีพลังใด ๆ แฝงมาเลย

เทียบกับคลื่นพลังจากดัชนีของเฟิงเทียนหยางแล้ว ดาบของเย่หยวนนี้จะเรียกว่ากระบวนท่ายังทำได้ไม่เต็มปาก

มันเหมือนราวกับว่าเย่หยวนนั้นเป็นนักยุทธที่ไม่รู้จักวิธีใช้ดาบแม้แต่น้อย

เว้นเสียแต่ว่าหากเวลานี้คนที่ยืนมองดูอยู่เป็นพวกซงหยูที่ได้เข้าไปยังสนามรบเทพโบราณกับเย่หยวนแล้วพวกเขาคงจะเข้าใจได้ทันว่านี่มันคือท่าทางเดียวกับดาบนั้นของมารกระดูกเทพสวรรค์ผู้นั้น

“มันทำอะไร? ดาบเช่นนี้ก็จะทำร้ายผู้คนได้?”

เทพสวรรค์หลัวเฟิงนั้นขมวดคิ้วแน่น เขานั้นไม่อาจจะเข้าใจได้เลยว่าดาบนี้ของเย่หยวนมันดีงามเหนือล้ำอย่างไร แต่ในใจลึก ๆ แล้วเขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ

เทพสวรรค์ปิงหยุนที่ได้เห็นต้องหัวเราะออกมา “แน่นอนว่ามันย่อมจะทำร้ายใครไม่ได้ ข้าถึงได้บอกว่ามันคงกลัวจนเสียสติไปแล้ว”

คนทั้งหลายนั้นไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเอาแต่พูดดูถูกดาบของเย่หยวน บอกว่าเขานั้นมันเป็นแค่ลิงได้แก้วไม่รู้วิธีใช้งาน เฟิงเทียนหยางเองก็มีความคิดต่างกับคนทั้งหลาย

เขาจึงหัวเราะลั่นออกมา “ฮ่า ๆ เจ้าคิดจะใช้ดาบนี้รับมือข้า? งั้นก็ไปตายเสียเถอะ!”

ในเวลานั้นเองที่ดัชนีสลายมิติได้ถูกปลดปล่อยออกมาพุ่งทะยานใส่เย่หยวนอย่างรุนแรง

“ดาบสลักกลวงแท้!”

เย่หยวนกล่าวนามของกระบวนท่าออกมา

นี่มันคือดาบสลักกลวงนั่นเอง

เพียงแค่ว่าเขานั้นได้แรงบันดาลใจมาจากวิชาของมารกระดูกเทพสวรรค์ผู้นั้นจนฝึกฝนใช้มันได้อย่างเชี่ยวชาญ

ดาบสลักกลวงนี้มันมีพลังถึงขั้นสุดและไม่ปล่อยคลื่นพลังใด ๆ ออกสู่ภายนอก มันเป็นระดับของสูงสุดสู่สามัญ

เพราะฉะนั้นเขาจึงตั้งชื่อมันว่าดาบสลักกลวงแท้

ในเวลานั้นเองที่เกิดความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของเทพสวรรค์หลัวเฟิง คิดได้ว่ามันมีอะไรแปลก ๆ

เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เฟิงเทียนหยางถูกซัดจนปลิวออกมา มันก็ไม่มีคลื่นพลังใด ๆ เกิดขึ้นเลยมิใช่หรือ?

หรือว่า…เจ้าเด็กคนนี้จะสามารถเก็บครอบพลังไว้อย่างแน่นหนาจนไม่มีพลังใดหลุดรั่วออกมาสู่ภายนอกเลย?

เรื่องเช่นนั้นมันทำได้ด้วยหรือ?

“ไม่ได้การ! เทียนหยาง หลบเร็ว!”

เทพสวรรค์หลัวเฟิงนั้นร้องตะโกนออกมาพร้อมขยับร่างไปด้านหน้าหวังจะขัดการปะทะของคนทั้งสอง

แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว

หนึ่งสว่างหนึ่งมืดมน สองพลังโจมตีปะทะเข้าหากันจนทำให้มิติโดยรอบแตกหัก

การปะทะกันในระดับนี้มันคงพูดได้แค่ว่ามีพลังถล่มทลายฟ้าดิน ทำให้ภูเขาแตกสลายแม่น้ำไหลย้อนสาย

ทุกผู้คนได้แต่มองดูภาพตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง สมองของพวกเขาทั้งหลายยังไม่ทันจะคิดอะไรได้ในเสี้ยววินาทีนี้ เหตุใดดาบโง่ ๆ ของเย่หยวนนั้นมันถึงได้มีพลังอันน่าหวาดหวั่นเช่นนี้?

เดิมทีดาบสลักกลวงของเย่หยวนมันก็มีพลังที่หนักหน่วงรุนแรงอยู่เป็นทุน

ตอนนี้เมื่อถูกฝึกฝนจนถึงขั้นสุดแล้วมันจนทำให้ดาบสลักกลวงแท้นี้ไม่มีการสูญเสียพลังงานใด ๆ ระหว่างทางแล้วมันจึงทำให้พลังของดาบเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว

คลื่นพลังอันรุนแรงเช่นนี้แม้แต่ดัชนีสลายมิติใด ๆ ก็ไม่อาจจะทนทานไว้ได้

เฟิงเทียนหยางนั้นยังไม่ทันจะได้ร้องร่ำใด ๆ ก็ต้องตายตกลง

ทุกผู้คนได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยปากที่อ้าค้าง ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตน

“ทำไม…ทำไมมันกลายเป็นเช่นนี้ไป?”

“คนที่ตายกลับกลายเป็นเฟิงเทียนหยาง?”

“ดาบนี้มันคืออะไรกัน? เหตุใดมันถึงได้มีพลังรุนแรงปานนี้?”

……………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+