Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2099 เขานั้นเดียวดายมาแสนนาน

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2099 เขานั้นเดียวดายมาแสนนาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อาจารย์ ศิษย์น้องเล็กนั้น…เหมือนจะไม่พอใจกับการตัดสินใจของท่านมากจนได้ออกคำสั่งเชิญเย่หยวนไปยังอาณาจักรวิญญาณประจิมแล้ว” จีโมกล่าวด้วยสีหน้าหนักใจ

มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลยืนมือไขว้หลังอยู่ตรงหน้าเขาก่อนที่จะยื่นมือนั้นออกมาพร้อมส่งกระดานหมากล้อมขนาดเท่าโต๊ะออกมา

“จีโม เจ้านำกระดานนี้ไปยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิหมื่นช้าง” ยี่กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม

จีโมต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะพูดขึ้น “อาจารย์ นี่…นี่มันกระดานหมากล้อมนิรันดร์ ‘อย่าถาม’ ที่ท่านศึกษามานับล้าน ๆ ปี! ท่านกลับจะเอาไปให้เจ้าเด็กคนนี้มันแก้หรือ? ท่าน…คงไม่ได้คิดว่ามันเก่งพอจะเป็นรองมหาปราชญ์จริง ๆ หรอกใช่ไหม?”

พูดไปจีโมก็ยิ่งแสดงน้ำเสียงเจ็บช้ำมากขึ้นเท่านั้น

ตัวเขาได้แต่ยกมือขึ้นมาทาบอกของตน เขารู้สึกเวลาตอนที่เขายังเป็นเด็กหนุ่มตัวเขาเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเย่หยวนเลย

แต่ทว่าตัวเขานั้นกลับไม่ได้รับการชื่นชมและยอมรับขนาดนี้จากอาจารย์ของตน

ยี่หันมามองจีโมอย่างเอ็นดูด้วยรอยยิ้ม “รองมหาปราชญ์? หึ ๆ จีโม ยิ่งคนเราสนใจเรื่องชื่อนี้มากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งทำให้ไม่กล้าทำอะไรใหญ่โตมากเท่านั้น! ศิษย์น้องของเจ้านั้นต่างสนใจชื่อนี้มากจนเกินไป! สำหรับคนที่เดินตามเส้นทางเต๋าแล้ว ชื่อเสียงใด ๆ มันย่อมจะเป็นแค่ของภายนอก มีเพียงกำลังความสามารถเท่านั้นที่แท้จริง!”

จีโมที่ได้ยินต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย เขารีบก้มหัวลงด้วยใบหน้าอับอายในทันทีที่ได้ยิน “ที่อาจารย์ว่ามามันถูกต้องที่สุด จีโมทราบถึงมันแล้ว”

หลายวันมานี้พวกเขาศิษย์พี่น้องทั้งหลายต่างจะต้องหันไปสนใจชื่อรองมหาปราชญ์นี้อย่างช่วยไม่ได้

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียในหมู่ศิษย์พี่น้องทั้งหลายที่ติดตามมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมานานแสนนานก็ไม่เคยจะมีใครที่ได้รับนามนี้ไปครอง

แต่วันนี้เด็กน้อยอาณาจักรเทพถ่องแท้คนหนึ่ง แค่จอมเทพโอสถหกดาวคนหนึ่งมันกลับได้รับฉายานามนั้นไป

คำว่า ‘รองมหาปราชญ์’ นี้มันหมายความว่าอย่างไร?

นั่นมันหมายถึงตัวตนที่เป็นรองแค่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังเป็นเกียรติที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมอบให้ด้วยตัวเอง

แต่ตอนนี้มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้พูดปลุกเขาให้ตื่นขึ้นจากฝัน จีโมจึงได้แต่ต้องก้มหัวลงรับอย่างอับอาย

เขาได้หันมามองจีโมด้วยรอยยิ้ม “เหล่านักยุทธทั้งหลายที่กล่าวว่าตนเองเดิมตามเส้นทางเต๋านั้นมันต่างเป็นแค่เรื่องตลก เรื่องราวบนโลกหน้านี้มันมีมากมายหลากหลายจะมีสักกี่คนที่ทิ้งมันลงสิ้นเพื่อเดินตามยอดเต๋า? ต่อให้จะเป็นเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายที่อยู่สูงล้ำฟ้านั้นก็คงไม่อาจจะทิ้งเรื่องราวทางโลกไปได้สิ้น แต่เย่หยวนคนนี้ ข้าได้มองดูเขามายาวนาน เส้นทางเต๋าของเขานั้นแตกต่างจากผู้คน! ในเต๋าโอสถนี้เขาทั้งบริสุทธิ์และมุ่งมั่นไม่เคยหวั่นไหว! เรื่องนี่เองที่เป็นความแตกต่างระหว่างพวกเจ้าทั้งหลายและตัวเขา!”

จีโมที่ได้ยินก็ยิ่งแสดงสีหน้าอับอายออกมา ยิ่งเขาได้ติดตามมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมานานเท่าใด เขาก็ยิ่งได้รู้ว่าตัวเองช่างตื้นเขินเหลือเกิน

ตัวเขานั้นถึงแม้จะเข้าใจ แต่ก็ไม่อาจทำได้

เพราะในโลกหล้านี้ มันจะมีใครบ้างที่ไม่เข้าใจว่าหากต้องการเดินบนเส้นทางเต๋าต้องทำอย่างไร?

แต่หลังจากก้าวมาถึงอาณาจักรเทพสวรรค์แล้ว การบ่มเพาะใด ๆ มันก็ต้องใช้เวลานับล้าน ๆ ปี จะมียอดฝีมือสักกี่คนที่ยังมุ่งมั่นได้จนครบช่วยเวลานั้น?

เพราะเวลานี่เองคืออาวุธที่โหดร้ายที่สุด!

ตั้งแต่โบราณกาลมามีเทพสวรรค์หรือจักรพรรดิเทพสวรรค์มากมายเท่าใดแล้วที่ต้องตายลงด้วยดาบที่ชื่อกาลเวลานี้?

“ที่อาจารย์พูดมามันได้ทำให้จีโมเข้าใจอย่างลึกซึ้ง!” จีโมกล่าว

“ฮ่า ๆ ไปเถอะ! ตอนนี้ข้าอดทนรอไม่ไหวที่จะได้ประลองกับเจ้าหนุ่มคนนี้แล้ว ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่ทำให้เลือดเดือดพล่านดีจริง ๆ!”

มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นจ้องมองผ่านความมืดมินทะลุผ่านดวงดาวจนราวกับว่าเขากำลังมองดูที่ทุ่งราบสุดอุดรนั้นอยู่

“หึ ๆ ดูท่า…มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเองก็คงไม่อาจทนความเดียวดายได้อีกต่อไปแล้ว!”

เมื่อได้ยินคำพูดของกงหยางเลี่ย เย่หยวนก็ค่อย ๆ ผุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก

ตอนนี้ดวงตาของเขานั้นจ้องมองไปยังความว่างเปล่าราวกับว่าจะมองทะลุมิติไปสบสายตากับใครบางคนได้

สหายทางวิญญาณที่แท้จริงมันคือเช่นนี้ แม้จะยังไม่ได้พบกันแต่กลับรู้สึกถึงกันได้

เพียงแค่ว่าคำพูดนี้ของเย่หยวนมันฟังไม่เข้าหูกงหยางเลี่ยอย่างมาก

“หึ! รองมหาปราชญ์อย่างได้ลืมไป ชื่อของท่านนี้ถูกตั้งโดยมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล อย่างน้อย ๆ ก็ควรจะเคารพคนที่มอบตำแหน่งให้ตนหน่อย!” กงหยางเลี่ยกล่าวขึ้นด้วยท่าทางไม่พอใจ

ความไม่พอใจของจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันจะยิ่งใหญ่ปานใด?

เลี่ยเฟิงและพวกเทพสวรรค์ทั้งหลายที่คุกเข่าอยู่นั้นแทบไม่ได้อาจจะเงยหน้าขึ้นมาได้

ในสายตาของกงหยางเลี่ยแล้ว ตัวตนของมหานักบวชขนแดงย่อมจะอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง

เช่นนั้นแล้วคนที่เป็นอาจารย์ของผู้อยู่เหนือทุกสรรพสิ่งอย่างมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเล่า?

ไม่ว่าปากของเขาจะเรียกร้องมหาปราชญ์เช่นใด แต่สุดท้ายคนที่ยอมรับชื่อนั้นจริง ๆ มันก็มีไม่มาก

เย่หยวนหันไปมองดูกงหยางเลี่ยด้วยรอยยิ้ม “เคราแพะ วันหน้าเจ้าจะได้เข้าใจมันเอง มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นเขาได้… โดดเดี่ยวเดียวดายมานานมากพอแล้ว พวกเจ้าไม่เข้าใจหรอก”

กงหยางเลี่ยนั้นแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาแต่ก็ไม่ได้เถียงใด ๆ แค่พ่นลมออกทางจมูกอย่างไม่พอใจเท่านั้น

เพราะก่อนที่จะมานั้นมหานักบวชขนแดงได้กำชับเขาไว้อย่างหนักแน่นว่าอย่าได้เสียมารยาทกับรองมหาปราชญ์

กงหยางเลี่ยนั้นสุดท้ายก็เป็นแค่คนรับใช้ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่อาจกล้าขัดคำสั่ง

“เอาล่ะ เจ้าไปเถอะ ครึ่งปีจากนี้ข้าจะไปตามคำเชิญ” เย่หยวนยกมือขึ้นโบกไล่กงหยางเลี่ย

กงหยางเลี่ยเองก็ยิ้มเย้ยขึ้น “ดีมาก! หวังว่าครึ่งปีจากนี้ท่านรองมหาปราชญ์จะไม่ทำให้กงหยางผิดหวัง! ลาก่อน!”

พูดจบกงหยางเลี่ยก็จางหายไปในทันที

หลังจากที่กงหยางเลี่ยจากไปแล้วในที่สุดพวกเลี่ยเฟิงทั้งหลายก็เริ่มหายใจได้ทั่วท้อง

เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่กงหยางเลี่ยไม่พอใจนั้น เขาต้องกดดันมันลงไปเพราะตำแหน่งตัวตนของรองมหาปราชญ์

เว้นเสียแต่ว่าคลื่นพลังที่หลุดรอดออกมาจากจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันรุนแรงจนเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายแทบหมดแรงไม่อาจลุกขึ้นยืนได้

เทพสวรรค์เลี่ยเฟิงได้แต่กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเหนื่อยหอบ “ท่านรองมหาปราชญ์ ท่าน…ท่านเป็นคนใหญ่คนโต แต่เรามันเป็นแค่คนตัวน้อย ๆ!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เอาเถอะ เรื่องราวในครั้งนี้เย่ผู้นี้ย่อมจะจดจำไว้ ครึ่งปีจากนี้ข้าจะช่วยสร้างเทพสวรรค์ให้เผ่าอสูรเอง”

ความตายของเทพสวรรค์ห่าวเฟิงนั้นมันได้ทำให้ทุ่งราบสุดอุดรสั่นสะเทือน

สองพี่น้องเฟิงรวมไปถึงเฟิงทียนหยางต่างตายลงสิ้น ทำให้การปกครองของทุ่งราบสุดอุดรนี้มันเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

ตอนนี้ชุมวายุไพศาลย่อมจะแตกสลายลง ทางเทพสวรรค์เทียนจือ เทพสวรรค์เมี่ยหยู เทพสวรรค์เจิ้งหวงต่างแยกย้ายถอนตัวจากส่วนกลางและหันไปปกครองดินแดนของตนตามใจชอบทำให้เวลานี้ทุ่งราบสุดอุดรมันได้เข้าสู่สภาวะสงครามภายใน

แต่ตำนานที่หลงเหลือไว้นั้นมันยังดังสนั่นทุ่งราบสุดอุดร

“พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าเฟิงเทียนหยางในตอนนั้นมันเก่งกาจปานใด ผสานสามแนวคิดเข้าด้วยกัน พลังระดับนั้นต่อให้เป็นเทพสวรรค์ก็ได้แต่ต้องกลั้นหายใจมอง แต่ท่านจี้ฉิงหยุนนั้นกลับสังหารมันลงได้ด้วยดาบง่าย ๆ ดาบเดียว!”

“อาจารย์จี้นั้นเป็นผู้มาโปรดเผ่ามนุษย์ในทุ่งราบสุดอุดรเราจริง ๆ ไม่เช่นนั้นแล้วเผ่ามนุษย์เราคงได้พบเจอความฉิบหายอย่างที่คาดเดาไม่ได้แน่!”

“อาจารย์จี้ท่านนั้นเก่งกาจเหนือล้น! ข้าได้ยินมาว่าแม้แต่ในหมู่อสูรมันก็ยังต้องเรียกท่านว่าเป็นรองมหาปราชญ์ ขนาดเทพสวรรค์เลี่ยเฟิงนั้นก็ยังต้องยอมก้มหัวให้แก่ท่าน!”

หลังจากเรื่องราวครั้งนั้นผ่านไปเย่หยวนได้สั่งเทพสวรรค์เลี่ยเฟิงไว้ว่าอย่าได้โจมตีรุกรานแดนมนุษย์ไปอีกหนึ่งพันปี

มันก็เพราะเรื่องนี้นี่เองที่ทำให้เผ่ามนุษย์เริ่มจะกลับมาตั้งหลักได้อีกครั้ง

แต่สุดท้ายแดนสุดอุดรนี้มันก็สุดแสนอ่อนแอเปราะบาง สิ่งที่เย่หยวนพอจะช่วยได้มันก็มีแค่เท่านี้

หากมนุษย์สามารถสร้างยอดคนขึ้นมาได้อีกครั้งในช่วงพันปีนี้ พวกเขาก็คงจะพอต้านทานเหล่าอสูรได้ แต่หากไม่ มันก็คงไม่มีอะไรที่เขาจะช่วยได้อีก

ปลาเล็กกินปลาใหญ่นั้นมันเป็นกฎของธรรมชาติ

มันย่อมไม่มีทางใดที่เย่หยวนจะช่วยเหลือคนสุดอุดรไปได้ตลอดกาล สุดท้ายมันก็ต้องเป็นตัวพวกเขาเองที่ต้องพัฒนาฝีมือตน

และในเวลาครึ่งปีมานี้เย่หยวนก็ได้หลอมโอสถอสูรสวรรค์ขั้นสวรรค์ให้เผ่าอสูรแห่งสุดอุดรไปจนสร้างเทพสวรรค์ขึ้นมาอีกหลายต่อหลายคน

เผ่าอสูรทุ่งราบสุดอุดรทั้งหลายในเวลานี้แทบจะก้มลงกราบเท้าเย่หยวนด้วยทั้งกายที่มี ยอมรับความเป็นรองมหาปราชญ์สุดใจ

ครึ่งปีต่อมาในที่สุดเย่หยวนก็ได้พาพวกลู่เอ๋อออกเดินทางไปยังอาณาจักรวิญญาณประจิม

……………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2099 เขานั้นเดียวดายมาแสนนาน

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2099 เขานั้นเดียวดายมาแสนนาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อาจารย์ ศิษย์น้องเล็กนั้น…เหมือนจะไม่พอใจกับการตัดสินใจของท่านมากจนได้ออกคำสั่งเชิญเย่หยวนไปยังอาณาจักรวิญญาณประจิมแล้ว” จีโมกล่าวด้วยสีหน้าหนักใจ

มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลยืนมือไขว้หลังอยู่ตรงหน้าเขาก่อนที่จะยื่นมือนั้นออกมาพร้อมส่งกระดานหมากล้อมขนาดเท่าโต๊ะออกมา

“จีโม เจ้านำกระดานนี้ไปยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิหมื่นช้าง” ยี่กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม

จีโมต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะพูดขึ้น “อาจารย์ นี่…นี่มันกระดานหมากล้อมนิรันดร์ ‘อย่าถาม’ ที่ท่านศึกษามานับล้าน ๆ ปี! ท่านกลับจะเอาไปให้เจ้าเด็กคนนี้มันแก้หรือ? ท่าน…คงไม่ได้คิดว่ามันเก่งพอจะเป็นรองมหาปราชญ์จริง ๆ หรอกใช่ไหม?”

พูดไปจีโมก็ยิ่งแสดงน้ำเสียงเจ็บช้ำมากขึ้นเท่านั้น

ตัวเขาได้แต่ยกมือขึ้นมาทาบอกของตน เขารู้สึกเวลาตอนที่เขายังเป็นเด็กหนุ่มตัวเขาเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเย่หยวนเลย

แต่ทว่าตัวเขานั้นกลับไม่ได้รับการชื่นชมและยอมรับขนาดนี้จากอาจารย์ของตน

ยี่หันมามองจีโมอย่างเอ็นดูด้วยรอยยิ้ม “รองมหาปราชญ์? หึ ๆ จีโม ยิ่งคนเราสนใจเรื่องชื่อนี้มากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งทำให้ไม่กล้าทำอะไรใหญ่โตมากเท่านั้น! ศิษย์น้องของเจ้านั้นต่างสนใจชื่อนี้มากจนเกินไป! สำหรับคนที่เดินตามเส้นทางเต๋าแล้ว ชื่อเสียงใด ๆ มันย่อมจะเป็นแค่ของภายนอก มีเพียงกำลังความสามารถเท่านั้นที่แท้จริง!”

จีโมที่ได้ยินต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย เขารีบก้มหัวลงด้วยใบหน้าอับอายในทันทีที่ได้ยิน “ที่อาจารย์ว่ามามันถูกต้องที่สุด จีโมทราบถึงมันแล้ว”

หลายวันมานี้พวกเขาศิษย์พี่น้องทั้งหลายต่างจะต้องหันไปสนใจชื่อรองมหาปราชญ์นี้อย่างช่วยไม่ได้

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียในหมู่ศิษย์พี่น้องทั้งหลายที่ติดตามมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมานานแสนนานก็ไม่เคยจะมีใครที่ได้รับนามนี้ไปครอง

แต่วันนี้เด็กน้อยอาณาจักรเทพถ่องแท้คนหนึ่ง แค่จอมเทพโอสถหกดาวคนหนึ่งมันกลับได้รับฉายานามนั้นไป

คำว่า ‘รองมหาปราชญ์’ นี้มันหมายความว่าอย่างไร?

นั่นมันหมายถึงตัวตนที่เป็นรองแค่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังเป็นเกียรติที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมอบให้ด้วยตัวเอง

แต่ตอนนี้มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้พูดปลุกเขาให้ตื่นขึ้นจากฝัน จีโมจึงได้แต่ต้องก้มหัวลงรับอย่างอับอาย

เขาได้หันมามองจีโมด้วยรอยยิ้ม “เหล่านักยุทธทั้งหลายที่กล่าวว่าตนเองเดิมตามเส้นทางเต๋านั้นมันต่างเป็นแค่เรื่องตลก เรื่องราวบนโลกหน้านี้มันมีมากมายหลากหลายจะมีสักกี่คนที่ทิ้งมันลงสิ้นเพื่อเดินตามยอดเต๋า? ต่อให้จะเป็นเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายที่อยู่สูงล้ำฟ้านั้นก็คงไม่อาจจะทิ้งเรื่องราวทางโลกไปได้สิ้น แต่เย่หยวนคนนี้ ข้าได้มองดูเขามายาวนาน เส้นทางเต๋าของเขานั้นแตกต่างจากผู้คน! ในเต๋าโอสถนี้เขาทั้งบริสุทธิ์และมุ่งมั่นไม่เคยหวั่นไหว! เรื่องนี่เองที่เป็นความแตกต่างระหว่างพวกเจ้าทั้งหลายและตัวเขา!”

จีโมที่ได้ยินก็ยิ่งแสดงสีหน้าอับอายออกมา ยิ่งเขาได้ติดตามมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมานานเท่าใด เขาก็ยิ่งได้รู้ว่าตัวเองช่างตื้นเขินเหลือเกิน

ตัวเขานั้นถึงแม้จะเข้าใจ แต่ก็ไม่อาจทำได้

เพราะในโลกหล้านี้ มันจะมีใครบ้างที่ไม่เข้าใจว่าหากต้องการเดินบนเส้นทางเต๋าต้องทำอย่างไร?

แต่หลังจากก้าวมาถึงอาณาจักรเทพสวรรค์แล้ว การบ่มเพาะใด ๆ มันก็ต้องใช้เวลานับล้าน ๆ ปี จะมียอดฝีมือสักกี่คนที่ยังมุ่งมั่นได้จนครบช่วยเวลานั้น?

เพราะเวลานี่เองคืออาวุธที่โหดร้ายที่สุด!

ตั้งแต่โบราณกาลมามีเทพสวรรค์หรือจักรพรรดิเทพสวรรค์มากมายเท่าใดแล้วที่ต้องตายลงด้วยดาบที่ชื่อกาลเวลานี้?

“ที่อาจารย์พูดมามันได้ทำให้จีโมเข้าใจอย่างลึกซึ้ง!” จีโมกล่าว

“ฮ่า ๆ ไปเถอะ! ตอนนี้ข้าอดทนรอไม่ไหวที่จะได้ประลองกับเจ้าหนุ่มคนนี้แล้ว ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่ทำให้เลือดเดือดพล่านดีจริง ๆ!”

มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นจ้องมองผ่านความมืดมินทะลุผ่านดวงดาวจนราวกับว่าเขากำลังมองดูที่ทุ่งราบสุดอุดรนั้นอยู่

“หึ ๆ ดูท่า…มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเองก็คงไม่อาจทนความเดียวดายได้อีกต่อไปแล้ว!”

เมื่อได้ยินคำพูดของกงหยางเลี่ย เย่หยวนก็ค่อย ๆ ผุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก

ตอนนี้ดวงตาของเขานั้นจ้องมองไปยังความว่างเปล่าราวกับว่าจะมองทะลุมิติไปสบสายตากับใครบางคนได้

สหายทางวิญญาณที่แท้จริงมันคือเช่นนี้ แม้จะยังไม่ได้พบกันแต่กลับรู้สึกถึงกันได้

เพียงแค่ว่าคำพูดนี้ของเย่หยวนมันฟังไม่เข้าหูกงหยางเลี่ยอย่างมาก

“หึ! รองมหาปราชญ์อย่างได้ลืมไป ชื่อของท่านนี้ถูกตั้งโดยมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล อย่างน้อย ๆ ก็ควรจะเคารพคนที่มอบตำแหน่งให้ตนหน่อย!” กงหยางเลี่ยกล่าวขึ้นด้วยท่าทางไม่พอใจ

ความไม่พอใจของจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันจะยิ่งใหญ่ปานใด?

เลี่ยเฟิงและพวกเทพสวรรค์ทั้งหลายที่คุกเข่าอยู่นั้นแทบไม่ได้อาจจะเงยหน้าขึ้นมาได้

ในสายตาของกงหยางเลี่ยแล้ว ตัวตนของมหานักบวชขนแดงย่อมจะอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง

เช่นนั้นแล้วคนที่เป็นอาจารย์ของผู้อยู่เหนือทุกสรรพสิ่งอย่างมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเล่า?

ไม่ว่าปากของเขาจะเรียกร้องมหาปราชญ์เช่นใด แต่สุดท้ายคนที่ยอมรับชื่อนั้นจริง ๆ มันก็มีไม่มาก

เย่หยวนหันไปมองดูกงหยางเลี่ยด้วยรอยยิ้ม “เคราแพะ วันหน้าเจ้าจะได้เข้าใจมันเอง มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นเขาได้… โดดเดี่ยวเดียวดายมานานมากพอแล้ว พวกเจ้าไม่เข้าใจหรอก”

กงหยางเลี่ยนั้นแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาแต่ก็ไม่ได้เถียงใด ๆ แค่พ่นลมออกทางจมูกอย่างไม่พอใจเท่านั้น

เพราะก่อนที่จะมานั้นมหานักบวชขนแดงได้กำชับเขาไว้อย่างหนักแน่นว่าอย่าได้เสียมารยาทกับรองมหาปราชญ์

กงหยางเลี่ยนั้นสุดท้ายก็เป็นแค่คนรับใช้ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่อาจกล้าขัดคำสั่ง

“เอาล่ะ เจ้าไปเถอะ ครึ่งปีจากนี้ข้าจะไปตามคำเชิญ” เย่หยวนยกมือขึ้นโบกไล่กงหยางเลี่ย

กงหยางเลี่ยเองก็ยิ้มเย้ยขึ้น “ดีมาก! หวังว่าครึ่งปีจากนี้ท่านรองมหาปราชญ์จะไม่ทำให้กงหยางผิดหวัง! ลาก่อน!”

พูดจบกงหยางเลี่ยก็จางหายไปในทันที

หลังจากที่กงหยางเลี่ยจากไปแล้วในที่สุดพวกเลี่ยเฟิงทั้งหลายก็เริ่มหายใจได้ทั่วท้อง

เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่กงหยางเลี่ยไม่พอใจนั้น เขาต้องกดดันมันลงไปเพราะตำแหน่งตัวตนของรองมหาปราชญ์

เว้นเสียแต่ว่าคลื่นพลังที่หลุดรอดออกมาจากจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันรุนแรงจนเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายแทบหมดแรงไม่อาจลุกขึ้นยืนได้

เทพสวรรค์เลี่ยเฟิงได้แต่กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเหนื่อยหอบ “ท่านรองมหาปราชญ์ ท่าน…ท่านเป็นคนใหญ่คนโต แต่เรามันเป็นแค่คนตัวน้อย ๆ!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เอาเถอะ เรื่องราวในครั้งนี้เย่ผู้นี้ย่อมจะจดจำไว้ ครึ่งปีจากนี้ข้าจะช่วยสร้างเทพสวรรค์ให้เผ่าอสูรเอง”

ความตายของเทพสวรรค์ห่าวเฟิงนั้นมันได้ทำให้ทุ่งราบสุดอุดรสั่นสะเทือน

สองพี่น้องเฟิงรวมไปถึงเฟิงทียนหยางต่างตายลงสิ้น ทำให้การปกครองของทุ่งราบสุดอุดรนี้มันเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

ตอนนี้ชุมวายุไพศาลย่อมจะแตกสลายลง ทางเทพสวรรค์เทียนจือ เทพสวรรค์เมี่ยหยู เทพสวรรค์เจิ้งหวงต่างแยกย้ายถอนตัวจากส่วนกลางและหันไปปกครองดินแดนของตนตามใจชอบทำให้เวลานี้ทุ่งราบสุดอุดรมันได้เข้าสู่สภาวะสงครามภายใน

แต่ตำนานที่หลงเหลือไว้นั้นมันยังดังสนั่นทุ่งราบสุดอุดร

“พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าเฟิงเทียนหยางในตอนนั้นมันเก่งกาจปานใด ผสานสามแนวคิดเข้าด้วยกัน พลังระดับนั้นต่อให้เป็นเทพสวรรค์ก็ได้แต่ต้องกลั้นหายใจมอง แต่ท่านจี้ฉิงหยุนนั้นกลับสังหารมันลงได้ด้วยดาบง่าย ๆ ดาบเดียว!”

“อาจารย์จี้นั้นเป็นผู้มาโปรดเผ่ามนุษย์ในทุ่งราบสุดอุดรเราจริง ๆ ไม่เช่นนั้นแล้วเผ่ามนุษย์เราคงได้พบเจอความฉิบหายอย่างที่คาดเดาไม่ได้แน่!”

“อาจารย์จี้ท่านนั้นเก่งกาจเหนือล้น! ข้าได้ยินมาว่าแม้แต่ในหมู่อสูรมันก็ยังต้องเรียกท่านว่าเป็นรองมหาปราชญ์ ขนาดเทพสวรรค์เลี่ยเฟิงนั้นก็ยังต้องยอมก้มหัวให้แก่ท่าน!”

หลังจากเรื่องราวครั้งนั้นผ่านไปเย่หยวนได้สั่งเทพสวรรค์เลี่ยเฟิงไว้ว่าอย่าได้โจมตีรุกรานแดนมนุษย์ไปอีกหนึ่งพันปี

มันก็เพราะเรื่องนี้นี่เองที่ทำให้เผ่ามนุษย์เริ่มจะกลับมาตั้งหลักได้อีกครั้ง

แต่สุดท้ายแดนสุดอุดรนี้มันก็สุดแสนอ่อนแอเปราะบาง สิ่งที่เย่หยวนพอจะช่วยได้มันก็มีแค่เท่านี้

หากมนุษย์สามารถสร้างยอดคนขึ้นมาได้อีกครั้งในช่วงพันปีนี้ พวกเขาก็คงจะพอต้านทานเหล่าอสูรได้ แต่หากไม่ มันก็คงไม่มีอะไรที่เขาจะช่วยได้อีก

ปลาเล็กกินปลาใหญ่นั้นมันเป็นกฎของธรรมชาติ

มันย่อมไม่มีทางใดที่เย่หยวนจะช่วยเหลือคนสุดอุดรไปได้ตลอดกาล สุดท้ายมันก็ต้องเป็นตัวพวกเขาเองที่ต้องพัฒนาฝีมือตน

และในเวลาครึ่งปีมานี้เย่หยวนก็ได้หลอมโอสถอสูรสวรรค์ขั้นสวรรค์ให้เผ่าอสูรแห่งสุดอุดรไปจนสร้างเทพสวรรค์ขึ้นมาอีกหลายต่อหลายคน

เผ่าอสูรทุ่งราบสุดอุดรทั้งหลายในเวลานี้แทบจะก้มลงกราบเท้าเย่หยวนด้วยทั้งกายที่มี ยอมรับความเป็นรองมหาปราชญ์สุดใจ

ครึ่งปีต่อมาในที่สุดเย่หยวนก็ได้พาพวกลู่เอ๋อออกเดินทางไปยังอาณาจักรวิญญาณประจิม

……………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+