Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2136 คลังสมบัติ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2136 คลังสมบัติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อสาบานต่อเต๋าสวรรค์และรับสัญญาไปไว้ในมือ ทางหลงจื่อก็เผยยิ้มออกมา

“หึ เจ้าคงยังคิดว่าจะออกมาได้ใช่หรือไม่? ข้าจะบอกข่าวร้ายให้ว่าทางเข้านี้มันเป็นตั๋วเที่ยวเดียว หากเจ้าเข้าไปแล้วย่อมจะไม่มีทางออกมาได้! นอกจากนั้นแล้วหลังจากที่เจ้าเข้าไปเจ้านั้นจะถูกส่งไปยังสถานที่ภายในแบบสุ่ม หากที่แห่งนั้นมันเป็นรังสัตว์ร้าย ก็ถือว่าโชคดีแล้ว! เจ้าได้รางวัลใหญ่!” หลงหยู่บอกขึ้นตาม

“โอ้? เช่นนั้นแล้วถ้ำเนตรมังกรนี้มันไม่มีทางออกหรือ?” เย่หยวนหันไปถาม

เพราะหากมันไม่มีทางออกแล้วมันก็คงเป็นปัญหาไม่น้อย

หากภายในนี้มันเป็นมิติโลกปิดตาย ต่อให้เขาจะพัฒนาตัวจนเก่งกาจปานใดมันก็คงไม่มีทางจะกลับออกมาได้

“มันมิใช่ว่าจะไม่มี ข้าได้ยินมาว่าภายในถ้ำเนตรมังกรนั้นมันมีร่องมิติที่ติดต่อกับคลื่นห้วงมิติอยู่ เพียงแค่ว่าเจ้าร่องมิตินี้มันอยู่ที่ใด ไม่มีใครทราบถึงมัน เพราะฉะนั้นการจะหาทางออกมาจากถ้ำเนตรมังกรนั้นมัน…จึงเหมือนลงไปงมเข็มในมหาสมุทร!” หลงฉือบอกเย่หยวน

หลงจื่อหัวเราะกล่าวขึ้น “เด็กน้อย ถึงเวลานี้จะถอยก็ยังไม่สาย! แต่ชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายนั้นข้าคงไม่อาจรับประกันให้ได้ ฮ่า ๆ ๆ!”

เย่หยวนไม่คิดสนใจคำท้าทายข่มขู่ใด ๆ อีกต่อไป เขาเพียงแค่หันหน้าเดินเข้าประตูถ้ำนั้นไปอย่างไม่ลังเล

หลงจื่อที่คิดอยากเห็นสภาพวิตกกังวลของเย่หยวนจึงได้กล่าวพูดเช่นนั้นออกมา เพียงแค่ว่าเย่หยวนกลับไม่แสดงท่าทีใด ๆ อย่างที่เขาคิดอยากเห็นทำให้ตัวเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญใจ

“หึ! ไม่ตายด้วยมือข้าก็ถือว่าเจ้าโชคดีแล้ว!” พูดจบตัวหลงจื่อก็เดินหายไปจากโถงทันที

หลงฉือเองก็ได้แต่ถอนหายใจยาวก่อนจะหันหน้าเดินกลับไปบ้าง

เพียงแค่ว่าไม่นานหลังจากพวกเขาทั้งหลายเดินกลับออกมามันกลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งสวนเข้าไปยังโถงใหญ่นั้น

ฟุบ!

แสงสีฟ้าครามพุ่งผ่านหน้าพวกเขาทั้งหลายเข้าไปยังทางเข้าถ้ำเนตรมังกร เหล่าทหารผู้เฝ้ายามทั้งหลายนั้นไม่อาจจะร้องกล่าวห้ามใด ๆ ทัน

เมื่อทหารยามเทพสวรรค์ทั้งสองเห็นร่างนั้น พวกเขาต่างก็หน้าถอดสีขาวซีดลง

“นั่นมัน…เหมือนว่าจะเป็นหลงเสี่ยวฉุนใช่หรือไม่?”

“ให้ตายสิ! ดาวหายนะเข้าถ้ำเนตรมังกรไปแล้ว! เรื่องใหญ่แล้ว! เจ้าอยู่เฝ้าไป! ข้าจะไปรายงานท่านเจ้ามังกรเอง”

คนทั้งสองได้แต่มองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงก่อนทหารคนหนึ่งจะรีบพุ่งตัวออกไปรายงานเรื่องราว

เย่หยวนนั้นรู้สึกเหมือนโลกหล้าหมุนวนอยู่ตรงหน้าไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด แต่สุดท้ายเท้าของเขาก็กลับมายืนบนพื้นดินได้อีกครั้ง

โลกเบื้องหน้าของเขานี้มันเป็นสถานที่สุดแปลกประหลาด ท้องฟ้ากว้างตรงหน้ามันไร้สีครามใด ๆ ท้องฟ้าที่เขาได้เห็นในเวลานี้มันกลับกลายเป็นสีแดงเพลิงประหนึ่งกำลังถูกเผาไหม้

เวลานี้มันได้มีคลื่นพลังงานชั่วร้ายพุ่งทะลุเข้ามาในร่างของเขาจนถึงแก่นกระดูก

“ช่างเป็นคลื่นพลังชั่วร้ายที่รุนแรงอะไรปานนี้ มันรุนแรงเสียยิ่งกว่าคลื่นพลังชั่วร้ายของเผ่าปีศาจเสียอีก! แต่ทว่า…คลื่นพลังชั่วร้ายที่หนาแน่นปานนี้ มันช่างเป็นแหล่งทรัพยากรในการบ่มเพาะอย่างดี!”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่หยวนพร้อม ๆ กันนั้นเขาก็ได้ใช้บัญญัติเทพแห่งถงเทียนออกมาดูกลืนพลังงานชั่วร้ายรอบ ๆ กายเข้าไป

หากคนอื่น ๆ มาเห็นภาพนี้พวกเขาทั้งหลายคงต้องเบิกตาถลนหลุดจากเบ้า

เมื่อคลื่นพลังชั่วร้ายที่หนาแน่นระดับนี้เข้าไปอยู่ในร่างกายแล้วไม่ว่าจะเป็นเผ่าอสูรหรือเผ่ามนุษย์ พวกเขาก็ย่อมจะไม่อาจทนทานรับมันไว้ได้จนต้องกลายเป็นเพียงแค่ศพเดินได้

เมื่อคนอื่น ๆ เข้ามาภายในนี้พวกเขาล้วนย่อมจะต้องกางปราณเทวะของตนออกมายับยั้งคลื่นพลังชั่วร้ายนี้ไว้

แต่เย่หยวนนั้นแตกต่าง! เขากลับดูดกลืนพวกมันลงไปอย่างง่ายดาย!

เมื่อคลื่นพลังชั่วร้ายทั้งหลายนี้เข้าไปในร่างของเขาแล้วเย่หยวนก็จะใช้บัญญัติเทพแห่งถงเทียนกลั่นให้มันกลายเป็นปราณเทวะไป หลอมมันเข้าเป็นเม็ดต้นกำเนิด

เม็ดต้นกำเนิดของเย่หยวนนั้นมันมีแต่จะหดเล็กลงเพียงแค่ว่าความหนาแน่นของปราณเทวะมันจะกลับแน่นหนักมากขึ้น

ทุกสิ่งเกิดจากถงเทียน และกลับคืนสู่ถงเทียน

สำหรับเย่หยวนแล้วไม่ว่ามันจะเป็นปราณเทวะ ปราณปีศาจ หรือปราณอสูรใด ๆ ก็ไม่มีความแตกต่าง

ทุกสิ่งอย่างที่เป็นพลังงานนั้นมันย่อมจะถูกหลอมกลั่นด้วยบัญญัติเทพแห่งถงเทียนได้สิ้น สุดท้ายทุกสิ่งอย่างมันก็จะกลายเป็นปราณเทวะของเขาไป

ตราบเท่าที่เย่หยวนคิดทำ เขาก็สามารถจะเปลี่ยนปราณของตนนี้ให้กลายเป็นปราณรูปแบบใดก็ได้

“หึ พลังงานชั่วร้ายในที่แห่งนี้มันช่างรุนแรงล้ำ บ่มเพาะวันเดียวภายในนี้คงเทียบเท่าบ่มเพาะสิบวันที่โลกภายนอก!” เย่หยวนกล่าวขึ้น

ฟุบ!

จู่ ๆ มันก็มีก้อนขนสีดำพุ่งทะยานเข้ามาหาเย่หยวนอย่างเงียบงัน

แต่ในวินาทีก่อนที่มันจะมาถึงนั้นเจ้าก้อนขนสีดำกลับเปิดปากขึ้นเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคมเล็งมายังคอของเย่หยวน

ฉัวะ!

เงาแสงหนึ่งพุ่งผ่านพร้อมคลื่นพลังดาบที่พุ่งทะลุปากนั้นไป แทงทะลุหัวของเจ้าสัตว์ร้ายไป

“เอ๋ง!”

เจ้าสัตว์ร้ายส่งเสียงร้องสุดท้ายของชีวิตออกมาก่อนจะร่วงตกลงยังพื้นดิน แม้มันจะขยับกระตุกอีกหลายครั้งแต่สุดท้ายก็ตายลง

เย่หยวนหันไปมองที่ร่างนั้นก่อนจะเห็นว่าแท้จริงแล้วมันเป็นสุนัขสีดำสนิท เพียงแค่ว่ามันมีขนที่ยาวเกินสุนัขและไร้ซึ่งดวงตาใด ๆ

หากมันไม่เปิดปากแล้ว คนคงมองมันเป็นแค่ก้อนดินสีดำ

เจ้าสัตว์ร้ายนี้คิดลอบโจมตีเย่หยวนแต่มีหรือที่มันจะรู้ว่าเย่หยวนมีสัมผัสเฉียบคม ฟันกลับมาดั่งมีดวงตางอกขึ้นที่ด้านหลัง

“นี่หรือคือสัตว์ร้ายที่พวกมันว่าถึง? เก่งกาจสมคำเล่าลือ! ข้าไม่เห็นเคยได้ยินเลยว่ามหาพิภพถงเทียนมันยังมีสัตว์ร้ายประเภทนี้อยู่ โลกใบนี้มันคืออะไรกันแน่?” เย่หยวนขมวดคิ้ว

เพราะคลื่นพลังที่เจ้าสัตว์ร้ายนี้ปล่อยออกมามันคงอยู่ในระดับเดียวกับมนุษย์เทพถ่องแท้ห้าดาว

เพียงแค่ว่าการโจมตีเมื่อสักครู่นี้ต่อให้จะมีเทพถ่องแท้ห้าดาวถึงสามคน พวกเขาก็คงได้ตายลงสิ้น

“มารนรก!” หวู่เฉินร้องบอกขึ้น

“มารนรก? เจ้าพวกนี้?” เย่หยวนถาม

หวู่เฉินพยักหน้าตอบรับ “ใช่แล้ว! หลังจากที่ไข่มุกสยบวิญญาณได้วิวัฒนาการขึ้นมาเป็นสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ความทรงจำของข้ามันก็ได้ค่อย ๆ กลับมา ข้ารู้สึกคุ้นเคยกับถ้ำเนตรมังกรนี้เหลือเกิน ราวกับว่าเคยได้มายังที่แห่งนี้”

เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องผงะหน้าไป “เคยมาก่อน? หรือว่า…จอมเทพสวรรค์นิรันดร์จะเคยมายังที่แห่งนี้?”

หวู่เฉินร้องตอบกลับมา “เป็นไปได้! เหล่ามารนรกทั้งหลายนี้มันสุดแสนแข็งแกร่ง มนุษย์ในระดับเดียวกันย่อมไม่อาจรับมือมันได้เลย และมันยังมีมารนรกอีกหลายตัวที่เก่งกาจพอจะต่อสู้ข้ามขั้นได้ เย่หยวน เจ้าจงระวังให้มากไว้”

เย่หยวนพยักหน้ารับทันที “อืม ข้าจะระวัง หืม? นี่มันอะไรกัน?”

ก่อนที่เย่หยวนจะทันได้เดินจากไปเขาก็เหลือบไปเห็นถึงผลึกสีดำที่ตกร่วงลงมาจากร่างของเจ้ามารนรกตัวนี้

“ช่างเป็นพลังชั่วร้ายที่รุนแรงนัก! เจ้าสิ่งนี้คงเป็นแก่นชีวิตของมารนรกแล้ว! ชิ ๆ คลื่นพลังชั่วร้ายที่แฝงอยู่ภายในนี้มันหนาแน่นเสียยิ่งกว่าคลื่นพลังภายนอกหลายเท่าตัว!”

เมื่อเห็นผลึกสีดำนั้นเย่หยวนก็ต้องเบิกตากว้าง

หากเป็นคนอื่นได้เห็นมันพวกเขาคงหวาดกลัวหัวหด คลื่นพลังระดับนี้มันอาจจะทำให้พวกเขาไม่เหลือเวลาหนีไปจากมันเสียด้วยซ้ำ

แต่กับเย่หยวนแล้วเจ้าผลึกนี้มันกลับทรงค่าล้ำ

“ฮ่า ๆ ๆ! ถ้ำเนตรมังกรนี้มันเป็นที่ที่ดีจริง ๆ! ด้วยผลึกดำเช่นนี้แล้วข้าคงขึ้นไปถึงอาณาจักรเม็ดต้นดำเนิดแปดดาวได้ไม่ยาก! เฒ่าทั้งหลายนั้นมันคิดส่งข้าลงมาตายยังถ้ำเนตรมังกรนี้ หาได้รู้ไม่เลยว่าที่แห่งนี้มันเป็นดั่งคลังสมบัติสำหรับข้า!” เย่หยวนรีบเก็บผลึกดำนั้นลงพร้อมเสียงหัวเราะลั่น

คลื่นพลังที่ผลึกดำนี้ปล่อยออกมามันรุนแรงไม่แพ้โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหก!

สิ่งใดเล่าที่เย่หยวนขาดแคลนที่สุด?

มันก็คือโอสถ!

เพราะแม้เวลานี้เย่หยวนจะมีเงินทองมหาศาล แต่ปริมาณของโอสถที่เขาต้องใช้นั้นมันก็มากล้ำเกินไป

สมุนไพรวิญญาณระดับหกนั้นมันเป็นของสุดหายาก ต่อให้เย่หยวนจะมีเงินล้นฟ้า แต่ตัวเขาไม่อาจจะหาซื้อของที่ไม่มีขายได้

แต่ตราบเท่าที่เขามีโอสถอย่างไม่ขาดมือ เย่หยวนก็ย่อมจะสามารถบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็ว

และเจ้ามารนรกทั้งหลายนี้เอง แต่ละตัวมันก็เป็นดั่งโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหกต่อเย่หยวน ไม่ว่าจะมองอย่างไรนี่มันก็คือคลังสมบัติของเย่หยวนโดยแท้!

ดวงตาของเย่หยวนเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น เขาคิดแผนการบ้าคลั่งหนึ่งขึ้นมาได้ ซึ่งแผนการนั้นก็คือ การล่ามารนรก!

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2136 คลังสมบัติ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2136 คลังสมบัติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อสาบานต่อเต๋าสวรรค์และรับสัญญาไปไว้ในมือ ทางหลงจื่อก็เผยยิ้มออกมา

“หึ เจ้าคงยังคิดว่าจะออกมาได้ใช่หรือไม่? ข้าจะบอกข่าวร้ายให้ว่าทางเข้านี้มันเป็นตั๋วเที่ยวเดียว หากเจ้าเข้าไปแล้วย่อมจะไม่มีทางออกมาได้! นอกจากนั้นแล้วหลังจากที่เจ้าเข้าไปเจ้านั้นจะถูกส่งไปยังสถานที่ภายในแบบสุ่ม หากที่แห่งนั้นมันเป็นรังสัตว์ร้าย ก็ถือว่าโชคดีแล้ว! เจ้าได้รางวัลใหญ่!” หลงหยู่บอกขึ้นตาม

“โอ้? เช่นนั้นแล้วถ้ำเนตรมังกรนี้มันไม่มีทางออกหรือ?” เย่หยวนหันไปถาม

เพราะหากมันไม่มีทางออกแล้วมันก็คงเป็นปัญหาไม่น้อย

หากภายในนี้มันเป็นมิติโลกปิดตาย ต่อให้เขาจะพัฒนาตัวจนเก่งกาจปานใดมันก็คงไม่มีทางจะกลับออกมาได้

“มันมิใช่ว่าจะไม่มี ข้าได้ยินมาว่าภายในถ้ำเนตรมังกรนั้นมันมีร่องมิติที่ติดต่อกับคลื่นห้วงมิติอยู่ เพียงแค่ว่าเจ้าร่องมิตินี้มันอยู่ที่ใด ไม่มีใครทราบถึงมัน เพราะฉะนั้นการจะหาทางออกมาจากถ้ำเนตรมังกรนั้นมัน…จึงเหมือนลงไปงมเข็มในมหาสมุทร!” หลงฉือบอกเย่หยวน

หลงจื่อหัวเราะกล่าวขึ้น “เด็กน้อย ถึงเวลานี้จะถอยก็ยังไม่สาย! แต่ชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายนั้นข้าคงไม่อาจรับประกันให้ได้ ฮ่า ๆ ๆ!”

เย่หยวนไม่คิดสนใจคำท้าทายข่มขู่ใด ๆ อีกต่อไป เขาเพียงแค่หันหน้าเดินเข้าประตูถ้ำนั้นไปอย่างไม่ลังเล

หลงจื่อที่คิดอยากเห็นสภาพวิตกกังวลของเย่หยวนจึงได้กล่าวพูดเช่นนั้นออกมา เพียงแค่ว่าเย่หยวนกลับไม่แสดงท่าทีใด ๆ อย่างที่เขาคิดอยากเห็นทำให้ตัวเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญใจ

“หึ! ไม่ตายด้วยมือข้าก็ถือว่าเจ้าโชคดีแล้ว!” พูดจบตัวหลงจื่อก็เดินหายไปจากโถงทันที

หลงฉือเองก็ได้แต่ถอนหายใจยาวก่อนจะหันหน้าเดินกลับไปบ้าง

เพียงแค่ว่าไม่นานหลังจากพวกเขาทั้งหลายเดินกลับออกมามันกลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งสวนเข้าไปยังโถงใหญ่นั้น

ฟุบ!

แสงสีฟ้าครามพุ่งผ่านหน้าพวกเขาทั้งหลายเข้าไปยังทางเข้าถ้ำเนตรมังกร เหล่าทหารผู้เฝ้ายามทั้งหลายนั้นไม่อาจจะร้องกล่าวห้ามใด ๆ ทัน

เมื่อทหารยามเทพสวรรค์ทั้งสองเห็นร่างนั้น พวกเขาต่างก็หน้าถอดสีขาวซีดลง

“นั่นมัน…เหมือนว่าจะเป็นหลงเสี่ยวฉุนใช่หรือไม่?”

“ให้ตายสิ! ดาวหายนะเข้าถ้ำเนตรมังกรไปแล้ว! เรื่องใหญ่แล้ว! เจ้าอยู่เฝ้าไป! ข้าจะไปรายงานท่านเจ้ามังกรเอง”

คนทั้งสองได้แต่มองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงก่อนทหารคนหนึ่งจะรีบพุ่งตัวออกไปรายงานเรื่องราว

เย่หยวนนั้นรู้สึกเหมือนโลกหล้าหมุนวนอยู่ตรงหน้าไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด แต่สุดท้ายเท้าของเขาก็กลับมายืนบนพื้นดินได้อีกครั้ง

โลกเบื้องหน้าของเขานี้มันเป็นสถานที่สุดแปลกประหลาด ท้องฟ้ากว้างตรงหน้ามันไร้สีครามใด ๆ ท้องฟ้าที่เขาได้เห็นในเวลานี้มันกลับกลายเป็นสีแดงเพลิงประหนึ่งกำลังถูกเผาไหม้

เวลานี้มันได้มีคลื่นพลังงานชั่วร้ายพุ่งทะลุเข้ามาในร่างของเขาจนถึงแก่นกระดูก

“ช่างเป็นคลื่นพลังชั่วร้ายที่รุนแรงอะไรปานนี้ มันรุนแรงเสียยิ่งกว่าคลื่นพลังชั่วร้ายของเผ่าปีศาจเสียอีก! แต่ทว่า…คลื่นพลังชั่วร้ายที่หนาแน่นปานนี้ มันช่างเป็นแหล่งทรัพยากรในการบ่มเพาะอย่างดี!”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่หยวนพร้อม ๆ กันนั้นเขาก็ได้ใช้บัญญัติเทพแห่งถงเทียนออกมาดูกลืนพลังงานชั่วร้ายรอบ ๆ กายเข้าไป

หากคนอื่น ๆ มาเห็นภาพนี้พวกเขาทั้งหลายคงต้องเบิกตาถลนหลุดจากเบ้า

เมื่อคลื่นพลังชั่วร้ายที่หนาแน่นระดับนี้เข้าไปอยู่ในร่างกายแล้วไม่ว่าจะเป็นเผ่าอสูรหรือเผ่ามนุษย์ พวกเขาก็ย่อมจะไม่อาจทนทานรับมันไว้ได้จนต้องกลายเป็นเพียงแค่ศพเดินได้

เมื่อคนอื่น ๆ เข้ามาภายในนี้พวกเขาล้วนย่อมจะต้องกางปราณเทวะของตนออกมายับยั้งคลื่นพลังชั่วร้ายนี้ไว้

แต่เย่หยวนนั้นแตกต่าง! เขากลับดูดกลืนพวกมันลงไปอย่างง่ายดาย!

เมื่อคลื่นพลังชั่วร้ายทั้งหลายนี้เข้าไปในร่างของเขาแล้วเย่หยวนก็จะใช้บัญญัติเทพแห่งถงเทียนกลั่นให้มันกลายเป็นปราณเทวะไป หลอมมันเข้าเป็นเม็ดต้นกำเนิด

เม็ดต้นกำเนิดของเย่หยวนนั้นมันมีแต่จะหดเล็กลงเพียงแค่ว่าความหนาแน่นของปราณเทวะมันจะกลับแน่นหนักมากขึ้น

ทุกสิ่งเกิดจากถงเทียน และกลับคืนสู่ถงเทียน

สำหรับเย่หยวนแล้วไม่ว่ามันจะเป็นปราณเทวะ ปราณปีศาจ หรือปราณอสูรใด ๆ ก็ไม่มีความแตกต่าง

ทุกสิ่งอย่างที่เป็นพลังงานนั้นมันย่อมจะถูกหลอมกลั่นด้วยบัญญัติเทพแห่งถงเทียนได้สิ้น สุดท้ายทุกสิ่งอย่างมันก็จะกลายเป็นปราณเทวะของเขาไป

ตราบเท่าที่เย่หยวนคิดทำ เขาก็สามารถจะเปลี่ยนปราณของตนนี้ให้กลายเป็นปราณรูปแบบใดก็ได้

“หึ พลังงานชั่วร้ายในที่แห่งนี้มันช่างรุนแรงล้ำ บ่มเพาะวันเดียวภายในนี้คงเทียบเท่าบ่มเพาะสิบวันที่โลกภายนอก!” เย่หยวนกล่าวขึ้น

ฟุบ!

จู่ ๆ มันก็มีก้อนขนสีดำพุ่งทะยานเข้ามาหาเย่หยวนอย่างเงียบงัน

แต่ในวินาทีก่อนที่มันจะมาถึงนั้นเจ้าก้อนขนสีดำกลับเปิดปากขึ้นเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคมเล็งมายังคอของเย่หยวน

ฉัวะ!

เงาแสงหนึ่งพุ่งผ่านพร้อมคลื่นพลังดาบที่พุ่งทะลุปากนั้นไป แทงทะลุหัวของเจ้าสัตว์ร้ายไป

“เอ๋ง!”

เจ้าสัตว์ร้ายส่งเสียงร้องสุดท้ายของชีวิตออกมาก่อนจะร่วงตกลงยังพื้นดิน แม้มันจะขยับกระตุกอีกหลายครั้งแต่สุดท้ายก็ตายลง

เย่หยวนหันไปมองที่ร่างนั้นก่อนจะเห็นว่าแท้จริงแล้วมันเป็นสุนัขสีดำสนิท เพียงแค่ว่ามันมีขนที่ยาวเกินสุนัขและไร้ซึ่งดวงตาใด ๆ

หากมันไม่เปิดปากแล้ว คนคงมองมันเป็นแค่ก้อนดินสีดำ

เจ้าสัตว์ร้ายนี้คิดลอบโจมตีเย่หยวนแต่มีหรือที่มันจะรู้ว่าเย่หยวนมีสัมผัสเฉียบคม ฟันกลับมาดั่งมีดวงตางอกขึ้นที่ด้านหลัง

“นี่หรือคือสัตว์ร้ายที่พวกมันว่าถึง? เก่งกาจสมคำเล่าลือ! ข้าไม่เห็นเคยได้ยินเลยว่ามหาพิภพถงเทียนมันยังมีสัตว์ร้ายประเภทนี้อยู่ โลกใบนี้มันคืออะไรกันแน่?” เย่หยวนขมวดคิ้ว

เพราะคลื่นพลังที่เจ้าสัตว์ร้ายนี้ปล่อยออกมามันคงอยู่ในระดับเดียวกับมนุษย์เทพถ่องแท้ห้าดาว

เพียงแค่ว่าการโจมตีเมื่อสักครู่นี้ต่อให้จะมีเทพถ่องแท้ห้าดาวถึงสามคน พวกเขาก็คงได้ตายลงสิ้น

“มารนรก!” หวู่เฉินร้องบอกขึ้น

“มารนรก? เจ้าพวกนี้?” เย่หยวนถาม

หวู่เฉินพยักหน้าตอบรับ “ใช่แล้ว! หลังจากที่ไข่มุกสยบวิญญาณได้วิวัฒนาการขึ้นมาเป็นสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ความทรงจำของข้ามันก็ได้ค่อย ๆ กลับมา ข้ารู้สึกคุ้นเคยกับถ้ำเนตรมังกรนี้เหลือเกิน ราวกับว่าเคยได้มายังที่แห่งนี้”

เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องผงะหน้าไป “เคยมาก่อน? หรือว่า…จอมเทพสวรรค์นิรันดร์จะเคยมายังที่แห่งนี้?”

หวู่เฉินร้องตอบกลับมา “เป็นไปได้! เหล่ามารนรกทั้งหลายนี้มันสุดแสนแข็งแกร่ง มนุษย์ในระดับเดียวกันย่อมไม่อาจรับมือมันได้เลย และมันยังมีมารนรกอีกหลายตัวที่เก่งกาจพอจะต่อสู้ข้ามขั้นได้ เย่หยวน เจ้าจงระวังให้มากไว้”

เย่หยวนพยักหน้ารับทันที “อืม ข้าจะระวัง หืม? นี่มันอะไรกัน?”

ก่อนที่เย่หยวนจะทันได้เดินจากไปเขาก็เหลือบไปเห็นถึงผลึกสีดำที่ตกร่วงลงมาจากร่างของเจ้ามารนรกตัวนี้

“ช่างเป็นพลังชั่วร้ายที่รุนแรงนัก! เจ้าสิ่งนี้คงเป็นแก่นชีวิตของมารนรกแล้ว! ชิ ๆ คลื่นพลังชั่วร้ายที่แฝงอยู่ภายในนี้มันหนาแน่นเสียยิ่งกว่าคลื่นพลังภายนอกหลายเท่าตัว!”

เมื่อเห็นผลึกสีดำนั้นเย่หยวนก็ต้องเบิกตากว้าง

หากเป็นคนอื่นได้เห็นมันพวกเขาคงหวาดกลัวหัวหด คลื่นพลังระดับนี้มันอาจจะทำให้พวกเขาไม่เหลือเวลาหนีไปจากมันเสียด้วยซ้ำ

แต่กับเย่หยวนแล้วเจ้าผลึกนี้มันกลับทรงค่าล้ำ

“ฮ่า ๆ ๆ! ถ้ำเนตรมังกรนี้มันเป็นที่ที่ดีจริง ๆ! ด้วยผลึกดำเช่นนี้แล้วข้าคงขึ้นไปถึงอาณาจักรเม็ดต้นดำเนิดแปดดาวได้ไม่ยาก! เฒ่าทั้งหลายนั้นมันคิดส่งข้าลงมาตายยังถ้ำเนตรมังกรนี้ หาได้รู้ไม่เลยว่าที่แห่งนี้มันเป็นดั่งคลังสมบัติสำหรับข้า!” เย่หยวนรีบเก็บผลึกดำนั้นลงพร้อมเสียงหัวเราะลั่น

คลื่นพลังที่ผลึกดำนี้ปล่อยออกมามันรุนแรงไม่แพ้โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหก!

สิ่งใดเล่าที่เย่หยวนขาดแคลนที่สุด?

มันก็คือโอสถ!

เพราะแม้เวลานี้เย่หยวนจะมีเงินทองมหาศาล แต่ปริมาณของโอสถที่เขาต้องใช้นั้นมันก็มากล้ำเกินไป

สมุนไพรวิญญาณระดับหกนั้นมันเป็นของสุดหายาก ต่อให้เย่หยวนจะมีเงินล้นฟ้า แต่ตัวเขาไม่อาจจะหาซื้อของที่ไม่มีขายได้

แต่ตราบเท่าที่เขามีโอสถอย่างไม่ขาดมือ เย่หยวนก็ย่อมจะสามารถบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็ว

และเจ้ามารนรกทั้งหลายนี้เอง แต่ละตัวมันก็เป็นดั่งโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหกต่อเย่หยวน ไม่ว่าจะมองอย่างไรนี่มันก็คือคลังสมบัติของเย่หยวนโดยแท้!

ดวงตาของเย่หยวนเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น เขาคิดแผนการบ้าคลั่งหนึ่งขึ้นมาได้ ซึ่งแผนการนั้นก็คือ การล่ามารนรก!

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+