Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2295 ห้าค่ายกลเชื่อม!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2295 ห้าค่ายกลเชื่อม! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โอสถเก้าม่านหมอกฟ้าขั้นเทวะโมฆะ!”

“โอสถยอดจักรพรรดิเจิ้งยี้ขั้นเทวะโมฆะ!”

ไม่นานจากนั้นคนทั้งสี่ที่เหลือก็ได้หลอมโอสถเสร็จสิ้นตามๆ กันมา

แต่ละครั้งที่คนทั้งหลายเปิดหม้อหลอมออกนั้นมันได้ทำให้เกิดเสียงโห่ร้องอย่างตื่นเต้นขึ้นในฝูงชน

เพราะโอสถที่คนทั้งหลายนี้หลอมออกมามันกลับเป็นขั้นเทวะโมฆะสิ้น!

แน่นอนว่าในด้านคุณภาพแล้วมันก็ยังเป็นของจ้าวซีซวนที่เหนือล้ำที่สุด เหนือล้ำกว่าของคนอื่นๆ ไปได้เล็กน้อย

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเมื่อเหล่าโอสถทั้งหลายมันออกมาจากหม้อหลอมแล้วตัวฟางเทียนเหรินก็จะซื้อมันไปด้วยราคาสูงลิ่ว

ศาลากระจกจ้านั้นร่ำรวยมหาศาล พวกเขานั้นใช้ผลึกปราณเทวะขั้นเยี่ยมไปถึงหมื่นห้าพันล้านผลึกในการซื้อโอสถทั้งห้าเม็ดนี้

ค่าของเจ้าผลึกปราณเทวะขั้นเยี่ยมนี้ หนึ่งผลึกมันมีค่าเท่าผลึกปราณเทวะขั้นสูงถึงหนึ่งหมื่นชิ้น

เพราะฉะนั้นปริมาณขนาดนี้มันมากล้นเกินกว่าที่จะประเมินได้

แต่จะอย่างไรนี่ก็เป็นถึงโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดขั้นเทวะโมฆะ หากมันขายได้แล้วมันคงสร้างกำไรกลับมามหาศาล

เพราะจะอย่างไรเสียเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายก็ไม่มีใครที่ยากจน ตราบเท่าที่มีโอสถขาย พวกเขาย่อมมีกำลังพร้อมซื้อ

เพียงแค่ว่าโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดนั้นมันหายากเกินไป ต่อให้จะมีเงินคนทั้งหลายก็ไม่อาจจะซื้อมันได้

“รองมหาปราชญ์ พวกเราทั้งหลายได้แสดงฝีมืออกมาให้คนอื่นได้เรียนรู้แล้ว มันถึงเวลาของท่านแล้ว! คนดูมากมายปานนี้ท่านคงไม่คิดปล่อยให้พวกเขาผิดหวังหรอกใช่หรือไม่?” จ้าวซีซวนยิ้มเย้ย

เย่หยวนมองดูด้วยหางตา “อืม พวกเจ้าน่าจะยังมีสมุนไพรวิญญาณเหลืออยู่ในมือกันใช่หรือไม่?”

สมุนไพรวิญญษณระดับแปดนั้นมันล้ำค่าอย่างมากและโอสถแต่ละอย่างที่หลอมครั้งนี้มันก็ใช้แค่สมุนไพรที่หายากสิ้น

จ้าวซีซวนยิ้มตอบกลับไป “ย่อมมีแล้ว รองมหาปราชญ์คิดหลอมโอสถให้เราดู เราย่อมจะมอบมันให้ท่านแน่นอน”

เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกปัด “เอาของเจ้าฟรีๆ ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นหากโอสถออกมาแล้วพวกเจ้าจะไม่มาถามหาส่วนแบ่งหรือ?”

สมุนไพรวิญญาณของพวกเขา หากให้พูดแล้วสิทธิในโอสถนั้นมันย่อมจะเป็นของพวกเขา แต่มีหรือที่เย่หยวนจะเอาโอสถของตนไปให้คนทั้งหลายนี้ฟรีๆ?

จ้าวซีซวนหัวเราะขึ้นมา “หมายความว่ารองมหาปราชญ์จะซื้อมัน?”

เย่หยวนไม่คิดสนใจและหันไปหาตัวมู่เถี่ยเฉิงแทน “เจ้าจ่ายซื้อสมุนไพรวิญญาณทั้งหลายนี้ แล้วโอสถที่ข้าหลอมมาจะเป็นของเจ้า สนใจหรือไม่?”

มู่เถี่ยเฉิงผงะไป เรื่องราวดีๆ เช่นนั้นมันจะยังมีอยู่ด้วยหรือ?

แต่ระหว่างที่เขากำลังลังเลนั้นเสียงของฟางเทียนเหรินก็ดังขึ้นที่ข้างหู “รีบๆ ตอบรับไปสิ! นี่รองมหาปราชญ์ลงมือเองเชียวนะ มันอาจจะเหนือล้ำกว่าขั้นเทวะโมฆะก็ได้ เรื่องราวเช่นนี้พลาดแล้วก็คงพลาดเลย! ฮ่าๆๆ…”

พูดจบตัวฟางเทียนเหรินก็หัวเราะขึ้นมา

เทียบกับโอสถแล้วสมุนไพรวิญญาณมันย่อมจะมีราคาถูกกว่ากันมาก

แต่โอกาสที่เย่หยวนจะหลอมโอสถห้าอย่างนี้สำเร็จนั้นมันเป็นสิ่งที่เขากังวล

หากคุณภาพมันออกมาไม่สูงนัก มันคงทำให้ตัวเขาเสียหน้าที่ทำข้อตกลงเช่นนี้

แต่จะอย่างไรรอยยิ้มเย้ยหยามของฟางเทียนเหรินมันก็ทำให้เขาตจัดสินใจ

มู่เถี่ยเฉิงกัดฟันตอบไปด้วยรอยยิ้ม “บูชาพระต้องใช้ธูปเทียน บูชาคนต้องใช้ความเคารพ! ข้าไม่กลัว! รองมหาปราชญ์ ข้ามู่เถี่ยเฉิงจะขอตอบรับข้อเสนอนี้!”

เย่หยวนที่ได้ยินก็หัวเราะขึ้นมา “ตัดสินใจได้ดี!”

ฟางเทียนเหรินหัวเราะขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน “ช่างเป็นข้อตกลงที่ได้ประโยชน์กันทุกฝ่ายเสียจริงๆ เยี่ยมๆ!”

สุดท้ายมู่เถี่ยเฉิงก็จ่ายค่าสมุนไพรนั้นไปด้วยราคาถึงหนึ่งหมื่นห้าพันล้านผลึกปราณเทวะขั้นเยี่ยมและซื้อสมุนไพรมาจากมือของยอดคนทั้งห้า

เวลานี้ตัวจ้าวซีซวนก็กล่าวพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ด้วยตำแหน่งของรองมหาปราชญ์แล้วข้าว่าหม้อหลอมโอสถของเขาคงเป็นถึงเครื่องรางเต๋าเลยล่ะมั้งนี่? ท่านจะช่วยนำมันออกมาให้เราได้เบิกหูเบิกตาหรือไม่?”

เขานั้นย่อมรู้ว่าเย่หยวนจะไม่มีเครื่องรางเต๋าใดๆ ติดตัวจึงได้กล่าวขึ้นมาเพื่อกดดันเย่หยวน

มีหรือที่เครื่องรางเต๋ามันจะหาง่ายปานนั้น?

หม้อหลอมโอสถที่พวกเขามีนี้ต่างล้วนเป็นสุดยอดสมบัติที่ทุกผู้คนอิจฉาอยากได้ไปครอง

เพราะฉะนั้นรองมหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ต้องไม่พ่ายแพ้ในเรื่องของหม้อหลอมโอสถ

เย่หยวนตอบกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “หม้อหลอมโอสถ? มันมีค่าใด? มีแค่ขยะอย่างพวกเจ้าเท่านั้นที่คิดว่าหม้อหลอมโอสถมันเป็นสมบัติล้ำค่า”

จ้าวซีซวนหัวเราะขึ้นมา “ไม่มีหม้อหลอมโอสถแล้วท่านจะเสกโอสถขึ้นจากอากาศหรือ? รองมหาปราชญ์นั้นสมชื่อเป็นรองมหาปราชญ์จริงๆ เราได้เบิกหูเบิกตาแล้ว!”

“ฮ่าๆๆ…”

เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบด้าน

แต่ในวินาทีนั้นเองเย่หยวนก็ขยับมือ

จากนั้นเขาก็แตะลงกลางอากาศวาดสร้างมหาค่ายกลขึ้นมาอย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด

ระหว่างที่เย่หยวนวาดสร้างค่ายกลนั้นไปเขาก็ได้โยนสมุนไพรต่างๆ เข้าไปภายในอย่างรวดเร็วเหนือล้ำ

“เต๋าค่ายกลหลอมโอสถ! เขา… เขากลับคิดใช้เต๋าค่ายกลในการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปด!”

“ช่างเป็นค่ายกลที่ลึกล้ำนัก! ข้าไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าเขากำลังทำอะไร!”

“นี่มัน… โอสถทั้งห้าชนิดนี้มันไม่เคยมีใครจะใช้เต๋าค่ายกลหลอมขึ้นมาก่อน! หรือว่าเขา… จะหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดได้ด้วยวิธีนี้จริง?”

หลังจากหายตื่นเต้นคนทั้งหลายก็เริ่มจะสงสัยขึ้นมา

เพราะจะอย่างไรการใช้เต๋าค่ายกลในการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดนั้นมันก็เป็นสิ่งที่เหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายไม่อาจทำได้ด้วยซ้ำ

เพราะจะอย่างไรเต๋าค่ายกลและเต๋าโอสถมันก็เป็นยอดเต๋าที่แตกต่างกันสิ้นเชิง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจะหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดเช่นนี้มหาค่ายกลที่ใช้มันจะยิ่งซับซ้อนยุ่งยากเกินกว่าที่นักหลอมโอสถใดๆ จะทำได้

เพราะฉะนั้นเมื่อได้เห็นเย่หยวนใช้ค่ายกลหลอมโอสถนี้คนทั้งหลายจึงตื่นตะลึงเป็นอย่างแรก

จากนั้นมันก็คือความไม่เชื่อ!

จ้าวซีซวนหัวเราะขึ้นมา “คิดหลอกตาผู้คนด้วยการทำเรื่องเหนือจริง! ความยากของโอสถทั้งห้านี้มันสูงล้ำที่สำคัญมันยังลึกลับอย่างมาก มีหรือที่จะใช้ค่ายกลในการหลอมมันได้!”

แต่จะอย่างไรเขาก็ไม่ได้เข้าใจถึงต้นกำเนิดของเต๋าค่ายกล

สิ่งที่เรียกว่าต้นกำเนิดเต๋าค่ายกลนั้นมันคือสิ่งที่มาจากรากฐาน ใช้ในการวิเคราะห์ค่ายกลต่างๆ นาๆ ได้สิ้น

หากรู้แค่เต๋าโอสถไม่รู้เต๋าค่ายกลพวกเขาก็ย่อมจะไม่อาจหลอมโอสถได้

หากรู้เต๋าค่ายกลไม่รู้เต๋าโอสถ พวกเขาก็ย่อมจะไม่อาจหลอมสิ่งใดๆ ได้สิ้น

แต่ทว่าบนมหาพิภพถงเทียนนี้มันจะมีใครทำได้อย่างไรเย่หยวน? สามารถเข้าถึงต้นกำเนิดของสองยอดเต๋าได้พร้อมๆ กัน?

ค่ายกลที่เย่หยวนสร้างขึ้นมานั้นมันยิ่งดูซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับการโยนสมุนไพรวิญญาณต่างๆ นาๆ เข้าไปในค่ายกลนั้น

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือสมุนไพรวิญญาณที่เขาโยนเข้าไปนั้นมันมิใช่เพียงแค่สมุนไพรที่ใช้หลอมโอสถเจ็ดสมบัติเร้นโลหิต มันดูยุ่งเหยิงวุ่นวาย

บางครั้งเขาก็โยนสมุนไพรที่ใช้ในโอสถเจ็ดสมบัติเร้นโลหิต บางทีก็ใช้สมุนไพรของโอสถยอดจักรพรรดิเจิ้งยี้ มันไม่มีลำดับขั้นตอนใดๆ ให้ผู้คนเรียนรู้

เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้น พวกเขาก็ยิ่งจะดูถูกหนักไปกว่าเก่า

ต่อให้จะใช้ค่ายกลหลอมโอสถ มันก็ต้องมีลำดับขั้นตอนของมันมิใช่หรือ?

ไม่ใช่ว่าจะโยนมั่วๆ ได้!

ฟางเทียนเหรินหัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อได้เห็น “ฮ่าๆๆ… บูชาคนต้องใช้ความเคารพ! มู่เถี่ยเฉิง ข้าอยากรู้จริงๆ ว่ามันจะยังมีใครเคารพเจ้า! สิ่งที่เขาทำนี้มันคงทำให้เจ้าต้องเสียหนึ่งพันห้าร้อยล้านฟรีๆ แล้ว! รองมหาปราชญ์ใด ไร้สาระ!”

มู่เถี่ยเฉิงเองก็มีสีหน้าหนักหัวใจ เพราะเวลานี้เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้ถูกหลอกแล้ว

เย่หยวนทำเช่นนี้เขาคงต้องเสียทุกอย่างไปสิ้น!

นอกจากรองมหาปราชญ์นี้จะไม่สมชื่อแล้ว เขายังมีแต่คำหลอกลวง!

ตัวเขาไปหลงเชื่อได้อย่างไรกัน?

ได้ยินคำว่าของฟางเทียนเหรินสุดท้ายเขาก็ไม่อาจจะหาคำใดมาตอบกลับไป

เมื่อหมดหวังเขาจึงได้แต่ต้องถอนหายใจยาวเดินหันหน้ากลับ

แต่ในเวลานั้นเองค่ายกลของเย่หยวนมันก็ได้เสร็จสมบูรณ์ลง

“ห้าค่ายกลเชื่อม จงทำงาน! หลอมโอสถ!”

จู่ๆ เย่หยวนก็ร้องบอกขึ้นมาทำให้ค่ายกลยักษ์นี้สั่นสะเทือนขึ้น

วินาทีนี้มันเกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมากลางอากาศ!

ความเจิดจ้านี้มันสว่างทะลุฟ้า สว่างจนคนทั้งหลายไม่อาจจะมองดูภาพตรงหน้าได้เสียด้วยซ้ำ

พร้อมๆ กันนั้นมันก็เกิดคลื่นพลังลึกลับสั่นสะเทือนไปทั้งเมืองหทัยเมฆา

ค่ายกลที่หลอมโอสถขึ้นมาพร้อมๆ กันห้าชนิดนี้มันจะต้องก่อให้เกิดพลังรุนแรงปานใด?

ทุกผู้คนต่างต้องอ้าปากค้างมองดูค่ายกลยักษ์ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

เวลานี้เหมือนว่าพวกเขาทั้งหลายจะลืมเลือนเรื่องเวลาไป หลังจากที่แสงนั้นค่อยๆ จางลงมันก็ปรากฏเม็ดโอสถสีใสห้าเม็ดลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ

……………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2295 ห้าค่ายกลเชื่อม!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2295 ห้าค่ายกลเชื่อม! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โอสถเก้าม่านหมอกฟ้าขั้นเทวะโมฆะ!”

“โอสถยอดจักรพรรดิเจิ้งยี้ขั้นเทวะโมฆะ!”

ไม่นานจากนั้นคนทั้งสี่ที่เหลือก็ได้หลอมโอสถเสร็จสิ้นตามๆ กันมา

แต่ละครั้งที่คนทั้งหลายเปิดหม้อหลอมออกนั้นมันได้ทำให้เกิดเสียงโห่ร้องอย่างตื่นเต้นขึ้นในฝูงชน

เพราะโอสถที่คนทั้งหลายนี้หลอมออกมามันกลับเป็นขั้นเทวะโมฆะสิ้น!

แน่นอนว่าในด้านคุณภาพแล้วมันก็ยังเป็นของจ้าวซีซวนที่เหนือล้ำที่สุด เหนือล้ำกว่าของคนอื่นๆ ไปได้เล็กน้อย

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเมื่อเหล่าโอสถทั้งหลายมันออกมาจากหม้อหลอมแล้วตัวฟางเทียนเหรินก็จะซื้อมันไปด้วยราคาสูงลิ่ว

ศาลากระจกจ้านั้นร่ำรวยมหาศาล พวกเขานั้นใช้ผลึกปราณเทวะขั้นเยี่ยมไปถึงหมื่นห้าพันล้านผลึกในการซื้อโอสถทั้งห้าเม็ดนี้

ค่าของเจ้าผลึกปราณเทวะขั้นเยี่ยมนี้ หนึ่งผลึกมันมีค่าเท่าผลึกปราณเทวะขั้นสูงถึงหนึ่งหมื่นชิ้น

เพราะฉะนั้นปริมาณขนาดนี้มันมากล้นเกินกว่าที่จะประเมินได้

แต่จะอย่างไรนี่ก็เป็นถึงโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดขั้นเทวะโมฆะ หากมันขายได้แล้วมันคงสร้างกำไรกลับมามหาศาล

เพราะจะอย่างไรเสียเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายก็ไม่มีใครที่ยากจน ตราบเท่าที่มีโอสถขาย พวกเขาย่อมมีกำลังพร้อมซื้อ

เพียงแค่ว่าโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดนั้นมันหายากเกินไป ต่อให้จะมีเงินคนทั้งหลายก็ไม่อาจจะซื้อมันได้

“รองมหาปราชญ์ พวกเราทั้งหลายได้แสดงฝีมืออกมาให้คนอื่นได้เรียนรู้แล้ว มันถึงเวลาของท่านแล้ว! คนดูมากมายปานนี้ท่านคงไม่คิดปล่อยให้พวกเขาผิดหวังหรอกใช่หรือไม่?” จ้าวซีซวนยิ้มเย้ย

เย่หยวนมองดูด้วยหางตา “อืม พวกเจ้าน่าจะยังมีสมุนไพรวิญญาณเหลืออยู่ในมือกันใช่หรือไม่?”

สมุนไพรวิญญษณระดับแปดนั้นมันล้ำค่าอย่างมากและโอสถแต่ละอย่างที่หลอมครั้งนี้มันก็ใช้แค่สมุนไพรที่หายากสิ้น

จ้าวซีซวนยิ้มตอบกลับไป “ย่อมมีแล้ว รองมหาปราชญ์คิดหลอมโอสถให้เราดู เราย่อมจะมอบมันให้ท่านแน่นอน”

เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกปัด “เอาของเจ้าฟรีๆ ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นหากโอสถออกมาแล้วพวกเจ้าจะไม่มาถามหาส่วนแบ่งหรือ?”

สมุนไพรวิญญาณของพวกเขา หากให้พูดแล้วสิทธิในโอสถนั้นมันย่อมจะเป็นของพวกเขา แต่มีหรือที่เย่หยวนจะเอาโอสถของตนไปให้คนทั้งหลายนี้ฟรีๆ?

จ้าวซีซวนหัวเราะขึ้นมา “หมายความว่ารองมหาปราชญ์จะซื้อมัน?”

เย่หยวนไม่คิดสนใจและหันไปหาตัวมู่เถี่ยเฉิงแทน “เจ้าจ่ายซื้อสมุนไพรวิญญาณทั้งหลายนี้ แล้วโอสถที่ข้าหลอมมาจะเป็นของเจ้า สนใจหรือไม่?”

มู่เถี่ยเฉิงผงะไป เรื่องราวดีๆ เช่นนั้นมันจะยังมีอยู่ด้วยหรือ?

แต่ระหว่างที่เขากำลังลังเลนั้นเสียงของฟางเทียนเหรินก็ดังขึ้นที่ข้างหู “รีบๆ ตอบรับไปสิ! นี่รองมหาปราชญ์ลงมือเองเชียวนะ มันอาจจะเหนือล้ำกว่าขั้นเทวะโมฆะก็ได้ เรื่องราวเช่นนี้พลาดแล้วก็คงพลาดเลย! ฮ่าๆๆ…”

พูดจบตัวฟางเทียนเหรินก็หัวเราะขึ้นมา

เทียบกับโอสถแล้วสมุนไพรวิญญาณมันย่อมจะมีราคาถูกกว่ากันมาก

แต่โอกาสที่เย่หยวนจะหลอมโอสถห้าอย่างนี้สำเร็จนั้นมันเป็นสิ่งที่เขากังวล

หากคุณภาพมันออกมาไม่สูงนัก มันคงทำให้ตัวเขาเสียหน้าที่ทำข้อตกลงเช่นนี้

แต่จะอย่างไรรอยยิ้มเย้ยหยามของฟางเทียนเหรินมันก็ทำให้เขาตจัดสินใจ

มู่เถี่ยเฉิงกัดฟันตอบไปด้วยรอยยิ้ม “บูชาพระต้องใช้ธูปเทียน บูชาคนต้องใช้ความเคารพ! ข้าไม่กลัว! รองมหาปราชญ์ ข้ามู่เถี่ยเฉิงจะขอตอบรับข้อเสนอนี้!”

เย่หยวนที่ได้ยินก็หัวเราะขึ้นมา “ตัดสินใจได้ดี!”

ฟางเทียนเหรินหัวเราะขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน “ช่างเป็นข้อตกลงที่ได้ประโยชน์กันทุกฝ่ายเสียจริงๆ เยี่ยมๆ!”

สุดท้ายมู่เถี่ยเฉิงก็จ่ายค่าสมุนไพรนั้นไปด้วยราคาถึงหนึ่งหมื่นห้าพันล้านผลึกปราณเทวะขั้นเยี่ยมและซื้อสมุนไพรมาจากมือของยอดคนทั้งห้า

เวลานี้ตัวจ้าวซีซวนก็กล่าวพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ด้วยตำแหน่งของรองมหาปราชญ์แล้วข้าว่าหม้อหลอมโอสถของเขาคงเป็นถึงเครื่องรางเต๋าเลยล่ะมั้งนี่? ท่านจะช่วยนำมันออกมาให้เราได้เบิกหูเบิกตาหรือไม่?”

เขานั้นย่อมรู้ว่าเย่หยวนจะไม่มีเครื่องรางเต๋าใดๆ ติดตัวจึงได้กล่าวขึ้นมาเพื่อกดดันเย่หยวน

มีหรือที่เครื่องรางเต๋ามันจะหาง่ายปานนั้น?

หม้อหลอมโอสถที่พวกเขามีนี้ต่างล้วนเป็นสุดยอดสมบัติที่ทุกผู้คนอิจฉาอยากได้ไปครอง

เพราะฉะนั้นรองมหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ต้องไม่พ่ายแพ้ในเรื่องของหม้อหลอมโอสถ

เย่หยวนตอบกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “หม้อหลอมโอสถ? มันมีค่าใด? มีแค่ขยะอย่างพวกเจ้าเท่านั้นที่คิดว่าหม้อหลอมโอสถมันเป็นสมบัติล้ำค่า”

จ้าวซีซวนหัวเราะขึ้นมา “ไม่มีหม้อหลอมโอสถแล้วท่านจะเสกโอสถขึ้นจากอากาศหรือ? รองมหาปราชญ์นั้นสมชื่อเป็นรองมหาปราชญ์จริงๆ เราได้เบิกหูเบิกตาแล้ว!”

“ฮ่าๆๆ…”

เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบด้าน

แต่ในวินาทีนั้นเองเย่หยวนก็ขยับมือ

จากนั้นเขาก็แตะลงกลางอากาศวาดสร้างมหาค่ายกลขึ้นมาอย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด

ระหว่างที่เย่หยวนวาดสร้างค่ายกลนั้นไปเขาก็ได้โยนสมุนไพรต่างๆ เข้าไปภายในอย่างรวดเร็วเหนือล้ำ

“เต๋าค่ายกลหลอมโอสถ! เขา… เขากลับคิดใช้เต๋าค่ายกลในการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปด!”

“ช่างเป็นค่ายกลที่ลึกล้ำนัก! ข้าไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าเขากำลังทำอะไร!”

“นี่มัน… โอสถทั้งห้าชนิดนี้มันไม่เคยมีใครจะใช้เต๋าค่ายกลหลอมขึ้นมาก่อน! หรือว่าเขา… จะหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดได้ด้วยวิธีนี้จริง?”

หลังจากหายตื่นเต้นคนทั้งหลายก็เริ่มจะสงสัยขึ้นมา

เพราะจะอย่างไรการใช้เต๋าค่ายกลในการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดนั้นมันก็เป็นสิ่งที่เหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายไม่อาจทำได้ด้วยซ้ำ

เพราะจะอย่างไรเต๋าค่ายกลและเต๋าโอสถมันก็เป็นยอดเต๋าที่แตกต่างกันสิ้นเชิง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจะหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดเช่นนี้มหาค่ายกลที่ใช้มันจะยิ่งซับซ้อนยุ่งยากเกินกว่าที่นักหลอมโอสถใดๆ จะทำได้

เพราะฉะนั้นเมื่อได้เห็นเย่หยวนใช้ค่ายกลหลอมโอสถนี้คนทั้งหลายจึงตื่นตะลึงเป็นอย่างแรก

จากนั้นมันก็คือความไม่เชื่อ!

จ้าวซีซวนหัวเราะขึ้นมา “คิดหลอกตาผู้คนด้วยการทำเรื่องเหนือจริง! ความยากของโอสถทั้งห้านี้มันสูงล้ำที่สำคัญมันยังลึกลับอย่างมาก มีหรือที่จะใช้ค่ายกลในการหลอมมันได้!”

แต่จะอย่างไรเขาก็ไม่ได้เข้าใจถึงต้นกำเนิดของเต๋าค่ายกล

สิ่งที่เรียกว่าต้นกำเนิดเต๋าค่ายกลนั้นมันคือสิ่งที่มาจากรากฐาน ใช้ในการวิเคราะห์ค่ายกลต่างๆ นาๆ ได้สิ้น

หากรู้แค่เต๋าโอสถไม่รู้เต๋าค่ายกลพวกเขาก็ย่อมจะไม่อาจหลอมโอสถได้

หากรู้เต๋าค่ายกลไม่รู้เต๋าโอสถ พวกเขาก็ย่อมจะไม่อาจหลอมสิ่งใดๆ ได้สิ้น

แต่ทว่าบนมหาพิภพถงเทียนนี้มันจะมีใครทำได้อย่างไรเย่หยวน? สามารถเข้าถึงต้นกำเนิดของสองยอดเต๋าได้พร้อมๆ กัน?

ค่ายกลที่เย่หยวนสร้างขึ้นมานั้นมันยิ่งดูซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับการโยนสมุนไพรวิญญาณต่างๆ นาๆ เข้าไปในค่ายกลนั้น

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือสมุนไพรวิญญาณที่เขาโยนเข้าไปนั้นมันมิใช่เพียงแค่สมุนไพรที่ใช้หลอมโอสถเจ็ดสมบัติเร้นโลหิต มันดูยุ่งเหยิงวุ่นวาย

บางครั้งเขาก็โยนสมุนไพรที่ใช้ในโอสถเจ็ดสมบัติเร้นโลหิต บางทีก็ใช้สมุนไพรของโอสถยอดจักรพรรดิเจิ้งยี้ มันไม่มีลำดับขั้นตอนใดๆ ให้ผู้คนเรียนรู้

เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้น พวกเขาก็ยิ่งจะดูถูกหนักไปกว่าเก่า

ต่อให้จะใช้ค่ายกลหลอมโอสถ มันก็ต้องมีลำดับขั้นตอนของมันมิใช่หรือ?

ไม่ใช่ว่าจะโยนมั่วๆ ได้!

ฟางเทียนเหรินหัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อได้เห็น “ฮ่าๆๆ… บูชาคนต้องใช้ความเคารพ! มู่เถี่ยเฉิง ข้าอยากรู้จริงๆ ว่ามันจะยังมีใครเคารพเจ้า! สิ่งที่เขาทำนี้มันคงทำให้เจ้าต้องเสียหนึ่งพันห้าร้อยล้านฟรีๆ แล้ว! รองมหาปราชญ์ใด ไร้สาระ!”

มู่เถี่ยเฉิงเองก็มีสีหน้าหนักหัวใจ เพราะเวลานี้เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้ถูกหลอกแล้ว

เย่หยวนทำเช่นนี้เขาคงต้องเสียทุกอย่างไปสิ้น!

นอกจากรองมหาปราชญ์นี้จะไม่สมชื่อแล้ว เขายังมีแต่คำหลอกลวง!

ตัวเขาไปหลงเชื่อได้อย่างไรกัน?

ได้ยินคำว่าของฟางเทียนเหรินสุดท้ายเขาก็ไม่อาจจะหาคำใดมาตอบกลับไป

เมื่อหมดหวังเขาจึงได้แต่ต้องถอนหายใจยาวเดินหันหน้ากลับ

แต่ในเวลานั้นเองค่ายกลของเย่หยวนมันก็ได้เสร็จสมบูรณ์ลง

“ห้าค่ายกลเชื่อม จงทำงาน! หลอมโอสถ!”

จู่ๆ เย่หยวนก็ร้องบอกขึ้นมาทำให้ค่ายกลยักษ์นี้สั่นสะเทือนขึ้น

วินาทีนี้มันเกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมากลางอากาศ!

ความเจิดจ้านี้มันสว่างทะลุฟ้า สว่างจนคนทั้งหลายไม่อาจจะมองดูภาพตรงหน้าได้เสียด้วยซ้ำ

พร้อมๆ กันนั้นมันก็เกิดคลื่นพลังลึกลับสั่นสะเทือนไปทั้งเมืองหทัยเมฆา

ค่ายกลที่หลอมโอสถขึ้นมาพร้อมๆ กันห้าชนิดนี้มันจะต้องก่อให้เกิดพลังรุนแรงปานใด?

ทุกผู้คนต่างต้องอ้าปากค้างมองดูค่ายกลยักษ์ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

เวลานี้เหมือนว่าพวกเขาทั้งหลายจะลืมเลือนเรื่องเวลาไป หลังจากที่แสงนั้นค่อยๆ จางลงมันก็ปรากฏเม็ดโอสถสีใสห้าเม็ดลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ

……………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2295 ห้าค่ายกลเชื่อม!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2295 ห้าค่ายกลเชื่อม! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โอสถเก้าม่านหมอกฟ้าขั้นเทวะโมฆะ!” “โอสถยอดจักรพรรดิเจิ้งยี้ขั้นเทวะโมฆะ!” … ไม่นานจากนั้นคนทั้งสี่ที่เหลือก็ได้หลอมโอสถเสร็จสิ้นตามๆ กันมา แต่ละครั้งที่คนทั้งหลายเปิดหม้อหลอมออกนั้นมันได้ทำให้เกิดเสียงโห่ร้องอย่างตื่นเต้นขึ้นในฝูงชน เพราะโอสถที่คนทั้งหลายนี้หลอมออกมามันกลับเป็นขั้นเทวะโมฆะสิ้น! แน่นอนว่าในด้านคุณภาพแล้วมันก็ยังเป็นของจ้าวซีซวนที่เหนือล้ำที่สุด เหนือล้ำกว่าของคนอื่นๆ ไปได้เล็กน้อย ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเมื่อเหล่าโอสถทั้งหลายมันออกมาจากหม้อหลอมแล้วตัวฟางเทียนเหรินก็จะซื้อมันไปด้วยราคาสูงลิ่ว ศาลากระจกจ้านั้นร่ำรวยมหาศาล พวกเขานั้นใช้ผลึกปราณเทวะขั้นเยี่ยมไปถึงหมื่นห้าพันล้านผลึกในการซื้อโอสถทั้งห้าเม็ดนี้ ค่าของเจ้าผลึกปราณเทวะขั้นเยี่ยมนี้ หนึ่งผลึกมันมีค่าเท่าผลึกปราณเทวะขั้นสูงถึงหนึ่งหมื่นชิ้น เพราะฉะนั้นปริมาณขนาดนี้มันมากล้นเกินกว่าที่จะประเมินได้ แต่จะอย่างไรนี่ก็เป็นถึงโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดขั้นเทวะโมฆะ หากมันขายได้แล้วมันคงสร้างกำไรกลับมามหาศาล เพราะจะอย่างไรเสียเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายก็ไม่มีใครที่ยากจน ตราบเท่าที่มีโอสถขาย พวกเขาย่อมมีกำลังพร้อมซื้อ เพียงแค่ว่าโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดนั้นมันหายากเกินไป ต่อให้จะมีเงินคนทั้งหลายก็ไม่อาจจะซื้อมันได้ “รองมหาปราชญ์ พวกเราทั้งหลายได้แสดงฝีมืออกมาให้คนอื่นได้เรียนรู้แล้ว มันถึงเวลาของท่านแล้ว! คนดูมากมายปานนี้ท่านคงไม่คิดปล่อยให้พวกเขาผิดหวังหรอกใช่หรือไม่?” จ้าวซีซวนยิ้มเย้ย เย่หยวนมองดูด้วยหางตา “อืม พวกเจ้าน่าจะยังมีสมุนไพรวิญญาณเหลืออยู่ในมือกันใช่หรือไม่?” สมุนไพรวิญญษณระดับแปดนั้นมันล้ำค่าอย่างมากและโอสถแต่ละอย่างที่หลอมครั้งนี้มันก็ใช้แค่สมุนไพรที่หายากสิ้น จ้าวซีซวนยิ้มตอบกลับไป “ย่อมมีแล้ว รองมหาปราชญ์คิดหลอมโอสถให้เราดู เราย่อมจะมอบมันให้ท่านแน่นอน” เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกปัด “เอาของเจ้าฟรีๆ ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นหากโอสถออกมาแล้วพวกเจ้าจะไม่มาถามหาส่วนแบ่งหรือ?” สมุนไพรวิญญาณของพวกเขา หากให้พูดแล้วสิทธิในโอสถนั้นมันย่อมจะเป็นของพวกเขา แต่มีหรือที่เย่หยวนจะเอาโอสถของตนไปให้คนทั้งหลายนี้ฟรีๆ? จ้าวซีซวนหัวเราะขึ้นมา “หมายความว่ารองมหาปราชญ์จะซื้อมัน?” เย่หยวนไม่คิดสนใจและหันไปหาตัวมู่เถี่ยเฉิงแทน “เจ้าจ่ายซื้อสมุนไพรวิญญาณทั้งหลายนี้ แล้วโอสถที่ข้าหลอมมาจะเป็นของเจ้า สนใจหรือไม่?” มู่เถี่ยเฉิงผงะไป เรื่องราวดีๆ เช่นนั้นมันจะยังมีอยู่ด้วยหรือ? แต่ระหว่างที่เขากำลังลังเลนั้นเสียงของฟางเทียนเหรินก็ดังขึ้นที่ข้างหู “รีบๆ ตอบรับไปสิ! นี่รองมหาปราชญ์ลงมือเองเชียวนะ มันอาจจะเหนือล้ำกว่าขั้นเทวะโมฆะก็ได้ เรื่องราวเช่นนี้พลาดแล้วก็คงพลาดเลย! ฮ่าๆๆ…” พูดจบตัวฟางเทียนเหรินก็หัวเราะขึ้นมา เทียบกับโอสถแล้วสมุนไพรวิญญาณมันย่อมจะมีราคาถูกกว่ากันมาก แต่โอกาสที่เย่หยวนจะหลอมโอสถห้าอย่างนี้สำเร็จนั้นมันเป็นสิ่งที่เขากังวล หากคุณภาพมันออกมาไม่สูงนัก มันคงทำให้ตัวเขาเสียหน้าที่ทำข้อตกลงเช่นนี้ แต่จะอย่างไรรอยยิ้มเย้ยหยามของฟางเทียนเหรินมันก็ทำให้เขาตจัดสินใจ มู่เถี่ยเฉิงกัดฟันตอบไปด้วยรอยยิ้ม “บูชาพระต้องใช้ธูปเทียน บูชาคนต้องใช้ความเคารพ! ข้าไม่กลัว! รองมหาปราชญ์ ข้ามู่เถี่ยเฉิงจะขอตอบรับข้อเสนอนี้!” เย่หยวนที่ได้ยินก็หัวเราะขึ้นมา “ตัดสินใจได้ดี!” ฟางเทียนเหรินหัวเราะขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน “ช่างเป็นข้อตกลงที่ได้ประโยชน์กันทุกฝ่ายเสียจริงๆ เยี่ยมๆ!” สุดท้ายมู่เถี่ยเฉิงก็จ่ายค่าสมุนไพรนั้นไปด้วยราคาถึงหนึ่งหมื่นห้าพันล้านผลึกปราณเทวะขั้นเยี่ยมและซื้อสมุนไพรมาจากมือของยอดคนทั้งห้า เวลานี้ตัวจ้าวซีซวนก็กล่าวพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ด้วยตำแหน่งของรองมหาปราชญ์แล้วข้าว่าหม้อหลอมโอสถของเขาคงเป็นถึงเครื่องรางเต๋าเลยล่ะมั้งนี่? ท่านจะช่วยนำมันออกมาให้เราได้เบิกหูเบิกตาหรือไม่?” เขานั้นย่อมรู้ว่าเย่หยวนจะไม่มีเครื่องรางเต๋าใดๆ ติดตัวจึงได้กล่าวขึ้นมาเพื่อกดดันเย่หยวน มีหรือที่เครื่องรางเต๋ามันจะหาง่ายปานนั้น? หม้อหลอมโอสถที่พวกเขามีนี้ต่างล้วนเป็นสุดยอดสมบัติที่ทุกผู้คนอิจฉาอยากได้ไปครอง เพราะฉะนั้นรองมหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ต้องไม่พ่ายแพ้ในเรื่องของหม้อหลอมโอสถ เย่หยวนตอบกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “หม้อหลอมโอสถ? มันมีค่าใด? มีแค่ขยะอย่างพวกเจ้าเท่านั้นที่คิดว่าหม้อหลอมโอสถมันเป็นสมบัติล้ำค่า” จ้าวซีซวนหัวเราะขึ้นมา “ไม่มีหม้อหลอมโอสถแล้วท่านจะเสกโอสถขึ้นจากอากาศหรือ? รองมหาปราชญ์นั้นสมชื่อเป็นรองมหาปราชญ์จริงๆ เราได้เบิกหูเบิกตาแล้ว!” “ฮ่าๆๆ…” เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบด้าน แต่ในวินาทีนั้นเองเย่หยวนก็ขยับมือ จากนั้นเขาก็แตะลงกลางอากาศวาดสร้างมหาค่ายกลขึ้นมาอย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด ระหว่างที่เย่หยวนวาดสร้างค่ายกลนั้นไปเขาก็ได้โยนสมุนไพรต่างๆ เข้าไปภายในอย่างรวดเร็วเหนือล้ำ “เต๋าค่ายกลหลอมโอสถ! เขา… เขากลับคิดใช้เต๋าค่ายกลในการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปด!” “ช่างเป็นค่ายกลที่ลึกล้ำนัก! ข้าไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าเขากำลังทำอะไร!” “นี่มัน… โอสถทั้งห้าชนิดนี้มันไม่เคยมีใครจะใช้เต๋าค่ายกลหลอมขึ้นมาก่อน! หรือว่าเขา… จะหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดได้ด้วยวิธีนี้จริง?” … หลังจากหายตื่นเต้นคนทั้งหลายก็เริ่มจะสงสัยขึ้นมา เพราะจะอย่างไรการใช้เต๋าค่ายกลในการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดนั้นมันก็เป็นสิ่งที่เหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายไม่อาจทำได้ด้วยซ้ำ เพราะจะอย่างไรเต๋าค่ายกลและเต๋าโอสถมันก็เป็นยอดเต๋าที่แตกต่างกันสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจะหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดเช่นนี้มหาค่ายกลที่ใช้มันจะยิ่งซับซ้อนยุ่งยากเกินกว่าที่นักหลอมโอสถใดๆ จะทำได้ เพราะฉะนั้นเมื่อได้เห็นเย่หยวนใช้ค่ายกลหลอมโอสถนี้คนทั้งหลายจึงตื่นตะลึงเป็นอย่างแรก จากนั้นมันก็คือความไม่เชื่อ! จ้าวซีซวนหัวเราะขึ้นมา “คิดหลอกตาผู้คนด้วยการทำเรื่องเหนือจริง! ความยากของโอสถทั้งห้านี้มันสูงล้ำที่สำคัญมันยังลึกลับอย่างมาก มีหรือที่จะใช้ค่ายกลในการหลอมมันได้!” แต่จะอย่างไรเขาก็ไม่ได้เข้าใจถึงต้นกำเนิดของเต๋าค่ายกล สิ่งที่เรียกว่าต้นกำเนิดเต๋าค่ายกลนั้นมันคือสิ่งที่มาจากรากฐาน ใช้ในการวิเคราะห์ค่ายกลต่างๆ นาๆ ได้สิ้น หากรู้แค่เต๋าโอสถไม่รู้เต๋าค่ายกลพวกเขาก็ย่อมจะไม่อาจหลอมโอสถได้ หากรู้เต๋าค่ายกลไม่รู้เต๋าโอสถ พวกเขาก็ย่อมจะไม่อาจหลอมสิ่งใดๆ ได้สิ้น แต่ทว่าบนมหาพิภพถงเทียนนี้มันจะมีใครทำได้อย่างไรเย่หยวน? สามารถเข้าถึงต้นกำเนิดของสองยอดเต๋าได้พร้อมๆ กัน? ค่ายกลที่เย่หยวนสร้างขึ้นมานั้นมันยิ่งดูซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับการโยนสมุนไพรวิญญาณต่างๆ นาๆ เข้าไปในค่ายกลนั้น ที่สำคัญกว่านั้นก็คือสมุนไพรวิญญาณที่เขาโยนเข้าไปนั้นมันมิใช่เพียงแค่สมุนไพรที่ใช้หลอมโอสถเจ็ดสมบัติเร้นโลหิต มันดูยุ่งเหยิงวุ่นวาย บางครั้งเขาก็โยนสมุนไพรที่ใช้ในโอสถเจ็ดสมบัติเร้นโลหิต บางทีก็ใช้สมุนไพรของโอสถยอดจักรพรรดิเจิ้งยี้ มันไม่มีลำดับขั้นตอนใดๆ ให้ผู้คนเรียนรู้ เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้น พวกเขาก็ยิ่งจะดูถูกหนักไปกว่าเก่า ต่อให้จะใช้ค่ายกลหลอมโอสถ มันก็ต้องมีลำดับขั้นตอนของมันมิใช่หรือ? ไม่ใช่ว่าจะโยนมั่วๆ ได้! ฟางเทียนเหรินหัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อได้เห็น “ฮ่าๆๆ… บูชาคนต้องใช้ความเคารพ! มู่เถี่ยเฉิง ข้าอยากรู้จริงๆ ว่ามันจะยังมีใครเคารพเจ้า! สิ่งที่เขาทำนี้มันคงทำให้เจ้าต้องเสียหนึ่งพันห้าร้อยล้านฟรีๆ แล้ว! รองมหาปราชญ์ใด ไร้สาระ!” มู่เถี่ยเฉิงเองก็มีสีหน้าหนักหัวใจ เพราะเวลานี้เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้ถูกหลอกแล้ว เย่หยวนทำเช่นนี้เขาคงต้องเสียทุกอย่างไปสิ้น! นอกจากรองมหาปราชญ์นี้จะไม่สมชื่อแล้ว เขายังมีแต่คำหลอกลวง! ตัวเขาไปหลงเชื่อได้อย่างไรกัน? ได้ยินคำว่าของฟางเทียนเหรินสุดท้ายเขาก็ไม่อาจจะหาคำใดมาตอบกลับไป เมื่อหมดหวังเขาจึงได้แต่ต้องถอนหายใจยาวเดินหันหน้ากลับ แต่ในเวลานั้นเองค่ายกลของเย่หยวนมันก็ได้เสร็จสมบูรณ์ลง “ห้าค่ายกลเชื่อม จงทำงาน! หลอมโอสถ!” จู่ๆ เย่หยวนก็ร้องบอกขึ้นมาทำให้ค่ายกลยักษ์นี้สั่นสะเทือนขึ้น วินาทีนี้มันเกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมากลางอากาศ! ความเจิดจ้านี้มันสว่างทะลุฟ้า สว่างจนคนทั้งหลายไม่อาจจะมองดูภาพตรงหน้าได้เสียด้วยซ้ำ พร้อมๆ กันนั้นมันก็เกิดคลื่นพลังลึกลับสั่นสะเทือนไปทั้งเมืองหทัยเมฆา ค่ายกลที่หลอมโอสถขึ้นมาพร้อมๆ กันห้าชนิดนี้มันจะต้องก่อให้เกิดพลังรุนแรงปานใด? ทุกผู้คนต่างต้องอ้าปากค้างมองดูค่ายกลยักษ์ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เวลานี้เหมือนว่าพวกเขาทั้งหลายจะลืมเลือนเรื่องเวลาไป หลังจากที่แสงนั้นค่อยๆ จางลงมันก็ปรากฏเม็ดโอสถสีใสห้าเม็ดลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ ……………..

“โอสถเก้าม่านหมอกฟ้าขั้นเทวะโมฆะ!”

“โอสถยอดจักรพรรดิเจิ้งยี้ขั้นเทวะโมฆะ!”

ไม่นานจากนั้นคนทั้งสี่ที่เหลือก็ได้หลอมโอสถเสร็จสิ้นตามๆ กันมา

แต่ละครั้งที่คนทั้งหลายเปิดหม้อหลอมออกนั้นมันได้ทำให้เกิดเสียงโห่ร้องอย่างตื่นเต้นขึ้นในฝูงชน

เพราะโอสถที่คนทั้งหลายนี้หลอมออกมามันกลับเป็นขั้นเทวะโมฆะสิ้น!

แน่นอนว่าในด้านคุณภาพแล้วมันก็ยังเป็นของจ้าวซีซวนที่เหนือล้ำที่สุด เหนือล้ำกว่าของคนอื่นๆ ไปได้เล็กน้อย

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเมื่อเหล่าโอสถทั้งหลายมันออกมาจากหม้อหลอมแล้วตัวฟางเทียนเหรินก็จะซื้อมันไปด้วยราคาสูงลิ่ว

ศาลากระจกจ้านั้นร่ำรวยมหาศาล พวกเขานั้นใช้ผลึกปราณเทวะขั้นเยี่ยมไปถึงหมื่นห้าพันล้านผลึกในการซื้อโอสถทั้งห้าเม็ดนี้

ค่าของเจ้าผลึกปราณเทวะขั้นเยี่ยมนี้ หนึ่งผลึกมันมีค่าเท่าผลึกปราณเทวะขั้นสูงถึงหนึ่งหมื่นชิ้น

เพราะฉะนั้นปริมาณขนาดนี้มันมากล้นเกินกว่าที่จะประเมินได้

แต่จะอย่างไรนี่ก็เป็นถึงโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดขั้นเทวะโมฆะ หากมันขายได้แล้วมันคงสร้างกำไรกลับมามหาศาล

เพราะจะอย่างไรเสียเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายก็ไม่มีใครที่ยากจน ตราบเท่าที่มีโอสถขาย พวกเขาย่อมมีกำลังพร้อมซื้อ

เพียงแค่ว่าโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดนั้นมันหายากเกินไป ต่อให้จะมีเงินคนทั้งหลายก็ไม่อาจจะซื้อมันได้

“รองมหาปราชญ์ พวกเราทั้งหลายได้แสดงฝีมืออกมาให้คนอื่นได้เรียนรู้แล้ว มันถึงเวลาของท่านแล้ว! คนดูมากมายปานนี้ท่านคงไม่คิดปล่อยให้พวกเขาผิดหวังหรอกใช่หรือไม่?” จ้าวซีซวนยิ้มเย้ย

เย่หยวนมองดูด้วยหางตา “อืม พวกเจ้าน่าจะยังมีสมุนไพรวิญญาณเหลืออยู่ในมือกันใช่หรือไม่?”

สมุนไพรวิญญษณระดับแปดนั้นมันล้ำค่าอย่างมากและโอสถแต่ละอย่างที่หลอมครั้งนี้มันก็ใช้แค่สมุนไพรที่หายากสิ้น

จ้าวซีซวนยิ้มตอบกลับไป “ย่อมมีแล้ว รองมหาปราชญ์คิดหลอมโอสถให้เราดู เราย่อมจะมอบมันให้ท่านแน่นอน”

เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกปัด “เอาของเจ้าฟรีๆ ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นหากโอสถออกมาแล้วพวกเจ้าจะไม่มาถามหาส่วนแบ่งหรือ?”

สมุนไพรวิญญาณของพวกเขา หากให้พูดแล้วสิทธิในโอสถนั้นมันย่อมจะเป็นของพวกเขา แต่มีหรือที่เย่หยวนจะเอาโอสถของตนไปให้คนทั้งหลายนี้ฟรีๆ?

จ้าวซีซวนหัวเราะขึ้นมา “หมายความว่ารองมหาปราชญ์จะซื้อมัน?”

เย่หยวนไม่คิดสนใจและหันไปหาตัวมู่เถี่ยเฉิงแทน “เจ้าจ่ายซื้อสมุนไพรวิญญาณทั้งหลายนี้ แล้วโอสถที่ข้าหลอมมาจะเป็นของเจ้า สนใจหรือไม่?”

มู่เถี่ยเฉิงผงะไป เรื่องราวดีๆ เช่นนั้นมันจะยังมีอยู่ด้วยหรือ?

แต่ระหว่างที่เขากำลังลังเลนั้นเสียงของฟางเทียนเหรินก็ดังขึ้นที่ข้างหู “รีบๆ ตอบรับไปสิ! นี่รองมหาปราชญ์ลงมือเองเชียวนะ มันอาจจะเหนือล้ำกว่าขั้นเทวะโมฆะก็ได้ เรื่องราวเช่นนี้พลาดแล้วก็คงพลาดเลย! ฮ่าๆๆ…”

พูดจบตัวฟางเทียนเหรินก็หัวเราะขึ้นมา

เทียบกับโอสถแล้วสมุนไพรวิญญาณมันย่อมจะมีราคาถูกกว่ากันมาก

แต่โอกาสที่เย่หยวนจะหลอมโอสถห้าอย่างนี้สำเร็จนั้นมันเป็นสิ่งที่เขากังวล

หากคุณภาพมันออกมาไม่สูงนัก มันคงทำให้ตัวเขาเสียหน้าที่ทำข้อตกลงเช่นนี้

แต่จะอย่างไรรอยยิ้มเย้ยหยามของฟางเทียนเหรินมันก็ทำให้เขาตจัดสินใจ

มู่เถี่ยเฉิงกัดฟันตอบไปด้วยรอยยิ้ม “บูชาพระต้องใช้ธูปเทียน บูชาคนต้องใช้ความเคารพ! ข้าไม่กลัว! รองมหาปราชญ์ ข้ามู่เถี่ยเฉิงจะขอตอบรับข้อเสนอนี้!”

เย่หยวนที่ได้ยินก็หัวเราะขึ้นมา “ตัดสินใจได้ดี!”

ฟางเทียนเหรินหัวเราะขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน “ช่างเป็นข้อตกลงที่ได้ประโยชน์กันทุกฝ่ายเสียจริงๆ เยี่ยมๆ!”

สุดท้ายมู่เถี่ยเฉิงก็จ่ายค่าสมุนไพรนั้นไปด้วยราคาถึงหนึ่งหมื่นห้าพันล้านผลึกปราณเทวะขั้นเยี่ยมและซื้อสมุนไพรมาจากมือของยอดคนทั้งห้า

เวลานี้ตัวจ้าวซีซวนก็กล่าวพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ด้วยตำแหน่งของรองมหาปราชญ์แล้วข้าว่าหม้อหลอมโอสถของเขาคงเป็นถึงเครื่องรางเต๋าเลยล่ะมั้งนี่? ท่านจะช่วยนำมันออกมาให้เราได้เบิกหูเบิกตาหรือไม่?”

เขานั้นย่อมรู้ว่าเย่หยวนจะไม่มีเครื่องรางเต๋าใดๆ ติดตัวจึงได้กล่าวขึ้นมาเพื่อกดดันเย่หยวน

มีหรือที่เครื่องรางเต๋ามันจะหาง่ายปานนั้น?

หม้อหลอมโอสถที่พวกเขามีนี้ต่างล้วนเป็นสุดยอดสมบัติที่ทุกผู้คนอิจฉาอยากได้ไปครอง

เพราะฉะนั้นรองมหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ต้องไม่พ่ายแพ้ในเรื่องของหม้อหลอมโอสถ

เย่หยวนตอบกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “หม้อหลอมโอสถ? มันมีค่าใด? มีแค่ขยะอย่างพวกเจ้าเท่านั้นที่คิดว่าหม้อหลอมโอสถมันเป็นสมบัติล้ำค่า”

จ้าวซีซวนหัวเราะขึ้นมา “ไม่มีหม้อหลอมโอสถแล้วท่านจะเสกโอสถขึ้นจากอากาศหรือ? รองมหาปราชญ์นั้นสมชื่อเป็นรองมหาปราชญ์จริงๆ เราได้เบิกหูเบิกตาแล้ว!”

“ฮ่าๆๆ…”

เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบด้าน

แต่ในวินาทีนั้นเองเย่หยวนก็ขยับมือ

จากนั้นเขาก็แตะลงกลางอากาศวาดสร้างมหาค่ายกลขึ้นมาอย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด

ระหว่างที่เย่หยวนวาดสร้างค่ายกลนั้นไปเขาก็ได้โยนสมุนไพรต่างๆ เข้าไปภายในอย่างรวดเร็วเหนือล้ำ

“เต๋าค่ายกลหลอมโอสถ! เขา… เขากลับคิดใช้เต๋าค่ายกลในการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปด!”

“ช่างเป็นค่ายกลที่ลึกล้ำนัก! ข้าไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าเขากำลังทำอะไร!”

“นี่มัน… โอสถทั้งห้าชนิดนี้มันไม่เคยมีใครจะใช้เต๋าค่ายกลหลอมขึ้นมาก่อน! หรือว่าเขา… จะหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดได้ด้วยวิธีนี้จริง?”

หลังจากหายตื่นเต้นคนทั้งหลายก็เริ่มจะสงสัยขึ้นมา

เพราะจะอย่างไรการใช้เต๋าค่ายกลในการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดนั้นมันก็เป็นสิ่งที่เหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายไม่อาจทำได้ด้วยซ้ำ

เพราะจะอย่างไรเต๋าค่ายกลและเต๋าโอสถมันก็เป็นยอดเต๋าที่แตกต่างกันสิ้นเชิง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจะหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดเช่นนี้มหาค่ายกลที่ใช้มันจะยิ่งซับซ้อนยุ่งยากเกินกว่าที่นักหลอมโอสถใดๆ จะทำได้

เพราะฉะนั้นเมื่อได้เห็นเย่หยวนใช้ค่ายกลหลอมโอสถนี้คนทั้งหลายจึงตื่นตะลึงเป็นอย่างแรก

จากนั้นมันก็คือความไม่เชื่อ!

จ้าวซีซวนหัวเราะขึ้นมา “คิดหลอกตาผู้คนด้วยการทำเรื่องเหนือจริง! ความยากของโอสถทั้งห้านี้มันสูงล้ำที่สำคัญมันยังลึกลับอย่างมาก มีหรือที่จะใช้ค่ายกลในการหลอมมันได้!”

แต่จะอย่างไรเขาก็ไม่ได้เข้าใจถึงต้นกำเนิดของเต๋าค่ายกล

สิ่งที่เรียกว่าต้นกำเนิดเต๋าค่ายกลนั้นมันคือสิ่งที่มาจากรากฐาน ใช้ในการวิเคราะห์ค่ายกลต่างๆ นาๆ ได้สิ้น

หากรู้แค่เต๋าโอสถไม่รู้เต๋าค่ายกลพวกเขาก็ย่อมจะไม่อาจหลอมโอสถได้

หากรู้เต๋าค่ายกลไม่รู้เต๋าโอสถ พวกเขาก็ย่อมจะไม่อาจหลอมสิ่งใดๆ ได้สิ้น

แต่ทว่าบนมหาพิภพถงเทียนนี้มันจะมีใครทำได้อย่างไรเย่หยวน? สามารถเข้าถึงต้นกำเนิดของสองยอดเต๋าได้พร้อมๆ กัน?

ค่ายกลที่เย่หยวนสร้างขึ้นมานั้นมันยิ่งดูซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับการโยนสมุนไพรวิญญาณต่างๆ นาๆ เข้าไปในค่ายกลนั้น

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือสมุนไพรวิญญาณที่เขาโยนเข้าไปนั้นมันมิใช่เพียงแค่สมุนไพรที่ใช้หลอมโอสถเจ็ดสมบัติเร้นโลหิต มันดูยุ่งเหยิงวุ่นวาย

บางครั้งเขาก็โยนสมุนไพรที่ใช้ในโอสถเจ็ดสมบัติเร้นโลหิต บางทีก็ใช้สมุนไพรของโอสถยอดจักรพรรดิเจิ้งยี้ มันไม่มีลำดับขั้นตอนใดๆ ให้ผู้คนเรียนรู้

เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้น พวกเขาก็ยิ่งจะดูถูกหนักไปกว่าเก่า

ต่อให้จะใช้ค่ายกลหลอมโอสถ มันก็ต้องมีลำดับขั้นตอนของมันมิใช่หรือ?

ไม่ใช่ว่าจะโยนมั่วๆ ได้!

ฟางเทียนเหรินหัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อได้เห็น “ฮ่าๆๆ… บูชาคนต้องใช้ความเคารพ! มู่เถี่ยเฉิง ข้าอยากรู้จริงๆ ว่ามันจะยังมีใครเคารพเจ้า! สิ่งที่เขาทำนี้มันคงทำให้เจ้าต้องเสียหนึ่งพันห้าร้อยล้านฟรีๆ แล้ว! รองมหาปราชญ์ใด ไร้สาระ!”

มู่เถี่ยเฉิงเองก็มีสีหน้าหนักหัวใจ เพราะเวลานี้เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้ถูกหลอกแล้ว

เย่หยวนทำเช่นนี้เขาคงต้องเสียทุกอย่างไปสิ้น!

นอกจากรองมหาปราชญ์นี้จะไม่สมชื่อแล้ว เขายังมีแต่คำหลอกลวง!

ตัวเขาไปหลงเชื่อได้อย่างไรกัน?

ได้ยินคำว่าของฟางเทียนเหรินสุดท้ายเขาก็ไม่อาจจะหาคำใดมาตอบกลับไป

เมื่อหมดหวังเขาจึงได้แต่ต้องถอนหายใจยาวเดินหันหน้ากลับ

แต่ในเวลานั้นเองค่ายกลของเย่หยวนมันก็ได้เสร็จสมบูรณ์ลง

“ห้าค่ายกลเชื่อม จงทำงาน! หลอมโอสถ!”

จู่ๆ เย่หยวนก็ร้องบอกขึ้นมาทำให้ค่ายกลยักษ์นี้สั่นสะเทือนขึ้น

วินาทีนี้มันเกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมากลางอากาศ!

ความเจิดจ้านี้มันสว่างทะลุฟ้า สว่างจนคนทั้งหลายไม่อาจจะมองดูภาพตรงหน้าได้เสียด้วยซ้ำ

พร้อมๆ กันนั้นมันก็เกิดคลื่นพลังลึกลับสั่นสะเทือนไปทั้งเมืองหทัยเมฆา

ค่ายกลที่หลอมโอสถขึ้นมาพร้อมๆ กันห้าชนิดนี้มันจะต้องก่อให้เกิดพลังรุนแรงปานใด?

ทุกผู้คนต่างต้องอ้าปากค้างมองดูค่ายกลยักษ์ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

เวลานี้เหมือนว่าพวกเขาทั้งหลายจะลืมเลือนเรื่องเวลาไป หลังจากที่แสงนั้นค่อยๆ จางลงมันก็ปรากฏเม็ดโอสถสีใสห้าเม็ดลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ

……………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+