Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2210 ได้ลูกท้อ คืนลูกพลัม

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2210 ได้ลูกท้อ คืนลูกพลัม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ลู่เอ๋อนั้นรีบเข้าไปกอดร่างเย่หยวนไว้พร้อมน้ำตานอง “มันไม่ได้ลำบากลู่เอ๋อเลย มันลำบากนายน้อยต่างหาก!”

มีหรือที่นางนั้นจะไม่เข้าใจ? ที่เย่หยวนกลายมามีสภาพเช่นนี้มันย่อมจะเพราะว่าศึกที่เขาต่อสู้อย่างดุเดือดภายในถ้ำนิลเพลิงนั้นเป็นแน่

เพราะไม่ว่าจะอย่างไรนายน้อยของนางก็มีกำลังแค่คนเดียว!

สิ่งที่เขาต้องแบกรับไว้ในเวลานั้น มีหรือที่นางจะไม่เข้าใจ?

เย่หยวนได้แต่ต้องถอนหายใจยาว “น่าเศร้าที่ข้าไม่อาจพาลี่เอ๋อกลับมาได้”

เวลานี้เย่หยวนได้ก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรบรรพกาลขั้นกลางทำให้จิตศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นฟื้นคืนและเรียกได้ว่าเก่งกาจกว่าก่อนเสียด้วยซ้ำ

เรื่องราวใดที่เกิดขึ้นในถ้ำนิลเพลิงวันนั้น เขายังคงจำมันได้ดีไม่ลืมเลือน

เขาและหยวนเจี่ยวต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนทำให้เกิดหลุมดำดูดกลืนมิติเวลาทั้งหลายไปสิ้น

ทางหยวนเจี่ยวนั้นบาดเจ็บสาหัส แต่ตัวเขาเองก็บาดเจ็บจนแทบเอาชีวิตไม่รอด

เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ชัดเจนว่าพลังของศิลาเทวะผสานวิญญาณนั้นจางหายไปจากร่างกายแล้ว

ดูเหมือนว่าเจ้ามังกรทองที่ออกมาช่วยเขาในวินาทีเป็นตายนั้นจะเป็นพลังของเจ้าสิ่งนี้

เพียงแค่ว่า… ตัวลี่เอ๋อคงไม่อาจกลับมาได้อีกแล้ว!

เย่หยวนนั้นได้แต่ต้องร้องร่ำอยู่ในใจ เขาไม่ทราบได้ว่ามิตินรกที่ว่านั้นมันเป็นโลกเช่นใด แต่สิ่งที่เขารู้ก็คือการจะไปพาตัวลี่เอ๋อกลับมามันคงยากเสียยิ่งกว่าการก้าวขึ้นสวรรค์

ไหนจะเรื่องของเหล่ามารนรกสุดแกร่งและเผ่าเทวาที่ควบคุมพวกมันอยู่อีกชั้นหนึ่ง

พลังของเย่หยวนเพียงลำพังนั้นย่อมไม่เพียงพอ

“นายน้อย พี่ลี่เอ๋อต้องปลอดภัยดีแน่!” ลู่เอ๋อพยายามห้ามน้ำตาของตัวเองและกล่าวปลอบ

เย่หยวนเองก็ยกเสื้อขึ้นมาช่วยเช็ดใบหน้านั้นของนางและกล่าวออกมา “อืม มันต้องปลอดภัยแน่! ต่อให้ข้าจะต้องพลิกผืนฟ้านี้ลงข้าก็จะนำตัวนางกลับมาให้ได้! นางเองก็คงกำลังรอข้าอยู่เช่นกัน!”

นี่คือคำสาบานที่เขากล่าวต่อลี่เอ๋อ!

ภายในค่ายกลนั้นทางหลินฉางชิงได้แต่ต้องร้องตะโกนขึ้น “นี่! คุยกันเสร็จแล้วหรือยัง? หากเสร็จแล้วก็มาปล่อยข้าออกไปเสียที!”

คนทั้งสองนั้นยืนคุยกันอยู่อย่างไม่สนใจใครจนลืมไปว่าหลินฉางชิงมีตัวตน

แต่ทางด้านค่ายกลนั้นมันกลับหนักแน่นจนไม่อาจจะทำลายขยับเคลื่อนได้แม้แต่น้อย

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่หยวนก็นึกขึ้นมาได้และยื่นมือออกมาปัดพลังของค่ายกลทิ้งปล่อยให้หลินฉางชิงเป็นอิสระ

หลินฉางชิงนั้นเดินเข้ามาหาเย่หยวนด้วยใบหน้าหนักใจก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “เจ้าบ้านี่ เป็นตัวประหลาดจริงๆ สภาพเช่นนี้แล้วก็ยังจะเก่งกาจได้ปานนั้นอีก!”

หลินฉางชิงนั้นย่อมตื่นตะลึงอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะสภาพของเย่หยวนในเวลานี้ก็ยังเอาชนะเขาที่ใช้พลังสุดตัวออกมาได้

เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมจะเหนือล้ำเกินกว่าจะทำใจเชื่อได้ลง!

เย่หยวนยิ้มตอบกลับมา “หลินฉางชิง ครั้งนี้ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ! หากไม่มีเจ้าแล้วข้าคงต้องใช้เวลาอีกไม่รู้เท่าไหร่กว่าที่จะฟื้นความทรงจำกลับมาได้!”

เพราะครั้งนี้มันเป็นฝีมือของหลินฉางชิงสิ้นจริงๆ ไม่เช่นนั้นแล้วกว่าที่เขาจะเอาความรู้ที่ได้มาผสานเข้ากับความรู้ที่มีมันคงกินเวลาไปอีกไม่รู้นานแสนนานสักเท่าใด

หลินฉางชิงหรี่ตาลง “ไม่ต้อง! ข้าไม่ได้ทำเพื่อเจ้าเสียหน่อย! แต่จะว่าไปแล้วเจ้าไปเจออะไรในถ้ำนิลเพลิงมากันแน่? เหตุใดเจ้าจึงได้กลายมามีสภาพเช่นนี้? ที่สำคัญกว่านั้นคือศิษย์น้องเมิ่งลี่เล่า?”

แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าเยวี่ยเมิ่งลี่คงไม่ได้กลับออกมาแต่หลินฉางชิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามเย่หยวนเพื่อความมั่นใจ

เย่หยวนจึงได้แต่ต้องถอนหายใจยาวและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในถ้ำนิลเพลิงออกมา

แน่นอนว่าเขาย่อมจะข้ามเรื่องที่เล่าไม่ได้ออกมา อย่างเช่นการดึงตัวหยวนเจี่ยวเข้าไปต่อสู้ในพิภพโกลาหล

เรื่องราวเช่นนั้นมันใหญ่จนเกินกว่าที่จะปล่อยให้คนอื่นๆ รู้ถึงมันได้

เทพสวรรค์สามดาวคนหนึ่งกลับต่อสู้กับจักรพรรดิเทพสวรรค์แปดดาวได้ในโลกใบน้อยของตนและยังทำลายพลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายลงไปได้ถึงอาณาจักรหนึ่ง

หากเรื่องนี้กระจายออกไปมันคงได้เกิดเรื่องราวไม่คาดฝันขึ้นมากมาย

แต่ถึงจะเว้นเรื่องนั้นไว้ เรื่องของถ้ำนิลเพลิงนี้มันก็ทำให้ทั้งพิภพต้องลุกเป็นไฟแล้ว

เย่หยวนปะทะเข้ากับเผ่าเทวาและทัพมารนรกด้วยตัวเอง ทำลายกองทัพมารนรกอีกฝ่ายจนมีแต่เหล่าเทพสวรรค์ขั้นปลายขึ้นไปเท่านั้นที่รอดชีวิต

นี่คือสิ่งที่เรียกได้ว่าสัตว์ประหลาดอย่างเต็มปาก!

หลินฉางชิงเองก็เข้าไปในถ้ำนิลเพลิงมา เขาย่อมจะเข้าใจดีว่าเหล่ามารนรกทั้งหลายนั้นมันเก่งกาจกันปานใด

ต่อให้จะเป็นการผสานพลังของสามแนวคิดมันก็คงทำได้แต่ต้านทานพลังของมารนรกระดับเดียวกับตนเอง

แต่เย่หยวนกลับล้างบางสังหารมารนรกไปนับไม่ถ้วนและหลายๆ ตัวในนั้นมันก็มีพลังบ่มเพาะสูงกว่าตัวเขาไปมากเสียด้วยซ้ำ

นอกจากนี้เขายังรอดจากมือจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นปลายออกมาได้

ต่อให้ใช้ส้นเท้าคิดก็ยังรู้ได้ว่ามันเป็นเรื่องราวที่สุดล้ำฟ้าดินปานใด

หากเป็นคนอื่นแล้วต่อให้จะมีชีวิตนับหมื่นก็คงได้ตายอยู่ภายในไม่อาจหลบรอดออกมาได้

ปัง!

หลินฉางชิงยกหมัดขึ้นมาต่อยอกของเย่หยวนพร้อมกล่าวอย่างดุดัน “เจ้าบ้า ครั้งนี้ข้าจะให้อภัยเจ้า! แต่เมื่อเจ้าฟื้นฟูพลังกลับมาได้จนไปรับตัวศิษย์น้องเมิ่งลี่กลับมาให้ได้! ไม่เช่นนั้นแล้วข้าจะไม่อภัยให้เจ้าแน่!”

เย่หยวนได้แต่ต้องหัวเราะขึ้นอย่างไม่คิดสนใจ “เรื่องราวนั้นมันไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาบอกหรอก”

หลินฉางชิงที่ได้ยินก็เดือดดาลขึ้นมาอีกครั้งแต่เมื่อนึกย้อนไปถึงค่ายกลของเย่หยวน เขาก็ได้แต่ต้องกัดฟันหันหน้าหนีไป

แต่แท้จริงแล้วเย่หยวนก็รู้สึกถึงความหมายที่หลินฉางชิงจะสื่อดีจนทำให้เขาต้องอมยิ้มขึ้น

เพราะไม่ว่าจะอย่างไร ความห่วงใยที่หลินฉางชิงมีต่อลี่เอ๋อมันก็เป็นของจริงแท้แน่นอน

ไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็คงไม่เสียเวลาออกเดินทางกับลู่เอ๋อเพื่อมาตามหาเขานับสิบๆ ปี

“เจ้ามีสมุนไพรวิญญาณระดับเจ็ดติดตัวมาหรือไม่?” เย่หยวนถามขึ้นอย่างกะทันหัน

หลินฉางชิงจึงได้แต่ต้องหันหน้ากลับมาถาม “มีสิ ทำไมเล่า?”

เย่หยวนจึงตอบกลับไป “เอามันออกมาให้ข้าดูหน่อย”

หลินฉางชิงก็ได้แต่ทำตามด้วยสีหน้าไม่ค่อยเข้าใจ นำเอาสมุนไพรระดับเจ็ดทั้งหลายที่มีติดตัวออกมาให้เย่หยวนดู “เจ้าจะเอามันไปทำอะไรเล่า?”

เย่หยวนหันไปมองดูกองสมุนไพรระดับเจ็ดนั้นก่อนจะพยักหน้าให้หลินฉางชิง “สมชื่อคนจากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ เจ้านี่ร่ำรวยจริงๆ ครั้งนี้ข้าได้ทั้งความรู้และความทรงจำกลับมา ถือว่าติดค้างเจ้าอย่างมาก ข้าจะช่วยหลอมโอสถให้เจ้าเป็นการตอบแทน จะได้ถือว่าหายกัน”

หลินฉางชิงต้องเบิกตากว้างขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน “เจ้า… เจ้าคิดจะใช้ค่ายกลหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดหรือ?”

เย่หยวนจึงตอบกลับไป “เจ้าดูเถอะ”

เย่หยวนขยับมือส่งผลึกปราณเทวะหลายต่อหลายก้อนพุ่งออกไปวาดวงค่ายกล

หลินฉางชิงเองก็ต้องสะดุ้งขึ้นทั้งกาย เขานั้นย่อมรู้ถึงการหลอมโอสถด้วยค่ายกล แต่เขาไม่เคยได้ยินว่าจะมีใครใช้เต๋าค่ายกลในการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดมาก่อน

เพราะยิ่งโอสถระดับสูงมันก็จะยิ่งมีความยุ่งยากซับซ้อน จนถึงระดับที่คนทั้งหลายไม่อาจจะจินตนาการถึงได้ในที่สุด

และหากจะใช้เต๋าค่ายกลในการหลอมนั้นมันยิ่งจะทำให้ความยากเพิ่มขึ้นนับร้อยๆ เท่าหรืออาจถึงพันเท่าจากการหลอมแบบปกติ

จอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายไม่มีปัญญาแม้แต่จะหลอมโอสถตามวิธีมาตรฐาน มีหรือที่จะมีใครบ้าไปคิดใช้ค่ายกลในการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด?

เจ้าบ้านี่มันไปได้ประสบการณ์ในช่วงหลายสิบปีมานี้กันแน่?

ค่ายกลนั้นถูกเขียนขึ้นต่อกันเรื่อยๆ จนยิ่งดูซับซ้อนยุ่งเหยิงพร้อมกับขยายพื้นที่กว้างออกไปมากเช่นกัน

จนสุดท้ายแล้วเจ้าค่ายกลนี้มันใหญ่กินพื้นที่ไปกว่าครึ่งหมู่บ้าน!

ค่ายกลที่ทั้งใหญ่และทั้งซับซ้อนเช่นนี้ แค่มองมันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกปวดหัวขึ้นมาจับใจ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการทำความเข้าใจใดๆ

เย่หยวนนั้นวางสมุนไพรวิญญาณระดับเจ็ดทั้งหลายลงกลางค่ายกลพร้อมโยนผลึกปราณเทวะตามลงไป “ค่ายกล ทำงาน!”

เจ้าผลึกปราณเทวะนี้มันได้ส่งพลังให้ค่ายกลที่ถูกวางไว้ทำงานขึ้นมาพร้อมกันจนเกิดแรงสั่นสะท้านทำให้ค่ายกลยักษ์เริ่มส่งพลังออกมา

ปัง!

เวลานี้พลังฟ้าดินจากรอบทิศได้ถูกดูดกลืนมาภายใน พลังวิญญาณใดๆ ได้มารวมตัวกันจนเกิดเป็นเมฆพลังงานขนาดใหญ่ปกคลุมพื้นที่

จากนั้นค่ายกลยักษ์นี้มันก็ได้ทำให้เกิดภาพอันเหนือล้ำจินตนาการขึ้น

ภายในนั้นมันได้เกิดภาพของดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ดวงดาวต่างๆ หมุนวนราวกับว่าเป็นภาพของการกำเนิดโลก

หลินฉางชิงได้แต่ยืนนิ่งอ้าปากค้าง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอะไรเช่นนี้ในวิชาการโอสถ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดในที่สุดค่ายกลนั้นมันก็เริ่มหยุดหมุนวนปล่อยให้เจ้าเม็ดโอสถลอยค้างอยู่กลางอากาศด้วยกลิ่นหอมโชย

หลินฉางชิงได้แต่สั่นสะท้านไปทั้งกาย กล่าวออกมาอย่างไม่คิดอยากเชื่อภาพตรงหน้า “นี่มัน… โอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะ-วิญญาณมรณา! มันคือโอสถวิญญาณเสด็จสวรรค์อุบัติขั้นเทวะวิญญาณมรณา!”

…………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2210 ได้ลูกท้อ คืนลูกพลัม

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2210 ได้ลูกท้อ คืนลูกพลัม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ลู่เอ๋อนั้นรีบเข้าไปกอดร่างเย่หยวนไว้พร้อมน้ำตานอง “มันไม่ได้ลำบากลู่เอ๋อเลย มันลำบากนายน้อยต่างหาก!”

มีหรือที่นางนั้นจะไม่เข้าใจ? ที่เย่หยวนกลายมามีสภาพเช่นนี้มันย่อมจะเพราะว่าศึกที่เขาต่อสู้อย่างดุเดือดภายในถ้ำนิลเพลิงนั้นเป็นแน่

เพราะไม่ว่าจะอย่างไรนายน้อยของนางก็มีกำลังแค่คนเดียว!

สิ่งที่เขาต้องแบกรับไว้ในเวลานั้น มีหรือที่นางจะไม่เข้าใจ?

เย่หยวนได้แต่ต้องถอนหายใจยาว “น่าเศร้าที่ข้าไม่อาจพาลี่เอ๋อกลับมาได้”

เวลานี้เย่หยวนได้ก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรบรรพกาลขั้นกลางทำให้จิตศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นฟื้นคืนและเรียกได้ว่าเก่งกาจกว่าก่อนเสียด้วยซ้ำ

เรื่องราวใดที่เกิดขึ้นในถ้ำนิลเพลิงวันนั้น เขายังคงจำมันได้ดีไม่ลืมเลือน

เขาและหยวนเจี่ยวต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนทำให้เกิดหลุมดำดูดกลืนมิติเวลาทั้งหลายไปสิ้น

ทางหยวนเจี่ยวนั้นบาดเจ็บสาหัส แต่ตัวเขาเองก็บาดเจ็บจนแทบเอาชีวิตไม่รอด

เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ชัดเจนว่าพลังของศิลาเทวะผสานวิญญาณนั้นจางหายไปจากร่างกายแล้ว

ดูเหมือนว่าเจ้ามังกรทองที่ออกมาช่วยเขาในวินาทีเป็นตายนั้นจะเป็นพลังของเจ้าสิ่งนี้

เพียงแค่ว่า… ตัวลี่เอ๋อคงไม่อาจกลับมาได้อีกแล้ว!

เย่หยวนนั้นได้แต่ต้องร้องร่ำอยู่ในใจ เขาไม่ทราบได้ว่ามิตินรกที่ว่านั้นมันเป็นโลกเช่นใด แต่สิ่งที่เขารู้ก็คือการจะไปพาตัวลี่เอ๋อกลับมามันคงยากเสียยิ่งกว่าการก้าวขึ้นสวรรค์

ไหนจะเรื่องของเหล่ามารนรกสุดแกร่งและเผ่าเทวาที่ควบคุมพวกมันอยู่อีกชั้นหนึ่ง

พลังของเย่หยวนเพียงลำพังนั้นย่อมไม่เพียงพอ

“นายน้อย พี่ลี่เอ๋อต้องปลอดภัยดีแน่!” ลู่เอ๋อพยายามห้ามน้ำตาของตัวเองและกล่าวปลอบ

เย่หยวนเองก็ยกเสื้อขึ้นมาช่วยเช็ดใบหน้านั้นของนางและกล่าวออกมา “อืม มันต้องปลอดภัยแน่! ต่อให้ข้าจะต้องพลิกผืนฟ้านี้ลงข้าก็จะนำตัวนางกลับมาให้ได้! นางเองก็คงกำลังรอข้าอยู่เช่นกัน!”

นี่คือคำสาบานที่เขากล่าวต่อลี่เอ๋อ!

ภายในค่ายกลนั้นทางหลินฉางชิงได้แต่ต้องร้องตะโกนขึ้น “นี่! คุยกันเสร็จแล้วหรือยัง? หากเสร็จแล้วก็มาปล่อยข้าออกไปเสียที!”

คนทั้งสองนั้นยืนคุยกันอยู่อย่างไม่สนใจใครจนลืมไปว่าหลินฉางชิงมีตัวตน

แต่ทางด้านค่ายกลนั้นมันกลับหนักแน่นจนไม่อาจจะทำลายขยับเคลื่อนได้แม้แต่น้อย

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่หยวนก็นึกขึ้นมาได้และยื่นมือออกมาปัดพลังของค่ายกลทิ้งปล่อยให้หลินฉางชิงเป็นอิสระ

หลินฉางชิงนั้นเดินเข้ามาหาเย่หยวนด้วยใบหน้าหนักใจก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “เจ้าบ้านี่ เป็นตัวประหลาดจริงๆ สภาพเช่นนี้แล้วก็ยังจะเก่งกาจได้ปานนั้นอีก!”

หลินฉางชิงนั้นย่อมตื่นตะลึงอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะสภาพของเย่หยวนในเวลานี้ก็ยังเอาชนะเขาที่ใช้พลังสุดตัวออกมาได้

เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมจะเหนือล้ำเกินกว่าจะทำใจเชื่อได้ลง!

เย่หยวนยิ้มตอบกลับมา “หลินฉางชิง ครั้งนี้ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ! หากไม่มีเจ้าแล้วข้าคงต้องใช้เวลาอีกไม่รู้เท่าไหร่กว่าที่จะฟื้นความทรงจำกลับมาได้!”

เพราะครั้งนี้มันเป็นฝีมือของหลินฉางชิงสิ้นจริงๆ ไม่เช่นนั้นแล้วกว่าที่เขาจะเอาความรู้ที่ได้มาผสานเข้ากับความรู้ที่มีมันคงกินเวลาไปอีกไม่รู้นานแสนนานสักเท่าใด

หลินฉางชิงหรี่ตาลง “ไม่ต้อง! ข้าไม่ได้ทำเพื่อเจ้าเสียหน่อย! แต่จะว่าไปแล้วเจ้าไปเจออะไรในถ้ำนิลเพลิงมากันแน่? เหตุใดเจ้าจึงได้กลายมามีสภาพเช่นนี้? ที่สำคัญกว่านั้นคือศิษย์น้องเมิ่งลี่เล่า?”

แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าเยวี่ยเมิ่งลี่คงไม่ได้กลับออกมาแต่หลินฉางชิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามเย่หยวนเพื่อความมั่นใจ

เย่หยวนจึงได้แต่ต้องถอนหายใจยาวและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในถ้ำนิลเพลิงออกมา

แน่นอนว่าเขาย่อมจะข้ามเรื่องที่เล่าไม่ได้ออกมา อย่างเช่นการดึงตัวหยวนเจี่ยวเข้าไปต่อสู้ในพิภพโกลาหล

เรื่องราวเช่นนั้นมันใหญ่จนเกินกว่าที่จะปล่อยให้คนอื่นๆ รู้ถึงมันได้

เทพสวรรค์สามดาวคนหนึ่งกลับต่อสู้กับจักรพรรดิเทพสวรรค์แปดดาวได้ในโลกใบน้อยของตนและยังทำลายพลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายลงไปได้ถึงอาณาจักรหนึ่ง

หากเรื่องนี้กระจายออกไปมันคงได้เกิดเรื่องราวไม่คาดฝันขึ้นมากมาย

แต่ถึงจะเว้นเรื่องนั้นไว้ เรื่องของถ้ำนิลเพลิงนี้มันก็ทำให้ทั้งพิภพต้องลุกเป็นไฟแล้ว

เย่หยวนปะทะเข้ากับเผ่าเทวาและทัพมารนรกด้วยตัวเอง ทำลายกองทัพมารนรกอีกฝ่ายจนมีแต่เหล่าเทพสวรรค์ขั้นปลายขึ้นไปเท่านั้นที่รอดชีวิต

นี่คือสิ่งที่เรียกได้ว่าสัตว์ประหลาดอย่างเต็มปาก!

หลินฉางชิงเองก็เข้าไปในถ้ำนิลเพลิงมา เขาย่อมจะเข้าใจดีว่าเหล่ามารนรกทั้งหลายนั้นมันเก่งกาจกันปานใด

ต่อให้จะเป็นการผสานพลังของสามแนวคิดมันก็คงทำได้แต่ต้านทานพลังของมารนรกระดับเดียวกับตนเอง

แต่เย่หยวนกลับล้างบางสังหารมารนรกไปนับไม่ถ้วนและหลายๆ ตัวในนั้นมันก็มีพลังบ่มเพาะสูงกว่าตัวเขาไปมากเสียด้วยซ้ำ

นอกจากนี้เขายังรอดจากมือจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นปลายออกมาได้

ต่อให้ใช้ส้นเท้าคิดก็ยังรู้ได้ว่ามันเป็นเรื่องราวที่สุดล้ำฟ้าดินปานใด

หากเป็นคนอื่นแล้วต่อให้จะมีชีวิตนับหมื่นก็คงได้ตายอยู่ภายในไม่อาจหลบรอดออกมาได้

ปัง!

หลินฉางชิงยกหมัดขึ้นมาต่อยอกของเย่หยวนพร้อมกล่าวอย่างดุดัน “เจ้าบ้า ครั้งนี้ข้าจะให้อภัยเจ้า! แต่เมื่อเจ้าฟื้นฟูพลังกลับมาได้จนไปรับตัวศิษย์น้องเมิ่งลี่กลับมาให้ได้! ไม่เช่นนั้นแล้วข้าจะไม่อภัยให้เจ้าแน่!”

เย่หยวนได้แต่ต้องหัวเราะขึ้นอย่างไม่คิดสนใจ “เรื่องราวนั้นมันไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาบอกหรอก”

หลินฉางชิงที่ได้ยินก็เดือดดาลขึ้นมาอีกครั้งแต่เมื่อนึกย้อนไปถึงค่ายกลของเย่หยวน เขาก็ได้แต่ต้องกัดฟันหันหน้าหนีไป

แต่แท้จริงแล้วเย่หยวนก็รู้สึกถึงความหมายที่หลินฉางชิงจะสื่อดีจนทำให้เขาต้องอมยิ้มขึ้น

เพราะไม่ว่าจะอย่างไร ความห่วงใยที่หลินฉางชิงมีต่อลี่เอ๋อมันก็เป็นของจริงแท้แน่นอน

ไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็คงไม่เสียเวลาออกเดินทางกับลู่เอ๋อเพื่อมาตามหาเขานับสิบๆ ปี

“เจ้ามีสมุนไพรวิญญาณระดับเจ็ดติดตัวมาหรือไม่?” เย่หยวนถามขึ้นอย่างกะทันหัน

หลินฉางชิงจึงได้แต่ต้องหันหน้ากลับมาถาม “มีสิ ทำไมเล่า?”

เย่หยวนจึงตอบกลับไป “เอามันออกมาให้ข้าดูหน่อย”

หลินฉางชิงก็ได้แต่ทำตามด้วยสีหน้าไม่ค่อยเข้าใจ นำเอาสมุนไพรระดับเจ็ดทั้งหลายที่มีติดตัวออกมาให้เย่หยวนดู “เจ้าจะเอามันไปทำอะไรเล่า?”

เย่หยวนหันไปมองดูกองสมุนไพรระดับเจ็ดนั้นก่อนจะพยักหน้าให้หลินฉางชิง “สมชื่อคนจากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ เจ้านี่ร่ำรวยจริงๆ ครั้งนี้ข้าได้ทั้งความรู้และความทรงจำกลับมา ถือว่าติดค้างเจ้าอย่างมาก ข้าจะช่วยหลอมโอสถให้เจ้าเป็นการตอบแทน จะได้ถือว่าหายกัน”

หลินฉางชิงต้องเบิกตากว้างขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน “เจ้า… เจ้าคิดจะใช้ค่ายกลหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดหรือ?”

เย่หยวนจึงตอบกลับไป “เจ้าดูเถอะ”

เย่หยวนขยับมือส่งผลึกปราณเทวะหลายต่อหลายก้อนพุ่งออกไปวาดวงค่ายกล

หลินฉางชิงเองก็ต้องสะดุ้งขึ้นทั้งกาย เขานั้นย่อมรู้ถึงการหลอมโอสถด้วยค่ายกล แต่เขาไม่เคยได้ยินว่าจะมีใครใช้เต๋าค่ายกลในการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดมาก่อน

เพราะยิ่งโอสถระดับสูงมันก็จะยิ่งมีความยุ่งยากซับซ้อน จนถึงระดับที่คนทั้งหลายไม่อาจจะจินตนาการถึงได้ในที่สุด

และหากจะใช้เต๋าค่ายกลในการหลอมนั้นมันยิ่งจะทำให้ความยากเพิ่มขึ้นนับร้อยๆ เท่าหรืออาจถึงพันเท่าจากการหลอมแบบปกติ

จอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายไม่มีปัญญาแม้แต่จะหลอมโอสถตามวิธีมาตรฐาน มีหรือที่จะมีใครบ้าไปคิดใช้ค่ายกลในการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด?

เจ้าบ้านี่มันไปได้ประสบการณ์ในช่วงหลายสิบปีมานี้กันแน่?

ค่ายกลนั้นถูกเขียนขึ้นต่อกันเรื่อยๆ จนยิ่งดูซับซ้อนยุ่งเหยิงพร้อมกับขยายพื้นที่กว้างออกไปมากเช่นกัน

จนสุดท้ายแล้วเจ้าค่ายกลนี้มันใหญ่กินพื้นที่ไปกว่าครึ่งหมู่บ้าน!

ค่ายกลที่ทั้งใหญ่และทั้งซับซ้อนเช่นนี้ แค่มองมันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกปวดหัวขึ้นมาจับใจ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการทำความเข้าใจใดๆ

เย่หยวนนั้นวางสมุนไพรวิญญาณระดับเจ็ดทั้งหลายลงกลางค่ายกลพร้อมโยนผลึกปราณเทวะตามลงไป “ค่ายกล ทำงาน!”

เจ้าผลึกปราณเทวะนี้มันได้ส่งพลังให้ค่ายกลที่ถูกวางไว้ทำงานขึ้นมาพร้อมกันจนเกิดแรงสั่นสะท้านทำให้ค่ายกลยักษ์เริ่มส่งพลังออกมา

ปัง!

เวลานี้พลังฟ้าดินจากรอบทิศได้ถูกดูดกลืนมาภายใน พลังวิญญาณใดๆ ได้มารวมตัวกันจนเกิดเป็นเมฆพลังงานขนาดใหญ่ปกคลุมพื้นที่

จากนั้นค่ายกลยักษ์นี้มันก็ได้ทำให้เกิดภาพอันเหนือล้ำจินตนาการขึ้น

ภายในนั้นมันได้เกิดภาพของดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ดวงดาวต่างๆ หมุนวนราวกับว่าเป็นภาพของการกำเนิดโลก

หลินฉางชิงได้แต่ยืนนิ่งอ้าปากค้าง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอะไรเช่นนี้ในวิชาการโอสถ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดในที่สุดค่ายกลนั้นมันก็เริ่มหยุดหมุนวนปล่อยให้เจ้าเม็ดโอสถลอยค้างอยู่กลางอากาศด้วยกลิ่นหอมโชย

หลินฉางชิงได้แต่สั่นสะท้านไปทั้งกาย กล่าวออกมาอย่างไม่คิดอยากเชื่อภาพตรงหน้า “นี่มัน… โอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะ-วิญญาณมรณา! มันคือโอสถวิญญาณเสด็จสวรรค์อุบัติขั้นเทวะวิญญาณมรณา!”

…………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+