War sovereign Soaring The Heavens 2063

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2063 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,063 : ปีศาจวัวหวาดกลัว!

 

สัตว์ประหลาดสูง 4 หมี่ หัวเป็นวัวตัวเป็นคนนี้ พลังของมันมากมายมหาศาลสุดที่องครักษ์เกราะทมิฬจะต้านทานรับมือได้ไหว!

 

“มนุษย์ ช่างอ่อนแอเหลือเกิน!”

 

สัตว์ประหลาดหัววัวตัวนี้ไม่ใช่ใดอื่น มันคือสมาชิกของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวจากแดนเนรเทศ เป็นหนึ่งในนักรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวที่เป็นทัพหน้าและพึ่งบุกมาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่างเมื่อไม่นานมานี้

 

ก่อนที่ปีศาจวัวตัวนี้จะบุกมาถึงตำหนักเมฆาคราม มันก็เข่นฆ่าผู้คนมาตลอดทาง คนที่ตายด้วยน้ำมือมันเกรงว่าจะมีนับไม่ถ้วน!

 

และผู้ฝึกตนทุกคนที่ถูกมันฆ่าตายไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ผู้ฝึกเต๋าหรือสัตว์เซียน ทั้งหมดล้วนถูกมันดูดกลืนสารัตถะ เพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของมันทั้งสิ้น

 

ในแดนเนรเทศทรัพยากรเพาะมันมีจำกัดนัก

 

ปีศาจทุกตัวหากคิดเพิ่มพูนพลังฝีมือ ก็ต้องอาศัยกระบวนการ ปีศาจกลืนปีศาจ!

 

กระบวนการปีศาจกลืนปีศาจที่ว่าก็คือ หลังจากเข่นฆ่าปีศาจด้วยกันแล้ว ปีศาจที่ชนะก็จะทำการกลืนกินแก่นแท้โลหิตรวมถึงสารัตถะต่างๆของปีศาจที่ตายตกเพื่อเพิ่มพูนพลังความแข็งแกร่งของตัวเอง

 

เช่นนั้นในแดนเนรเทศปีศาจที่แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดุร้ายอำมหิตมากขึ้นเท่านั้น

 

เรียกว่าในดินแดนเนรเทศผู้เข้มแข็งกลืนกินผู้อ่อนแอดั่งปลาใหญ่กินปลาเล็กยังรุนแรงยิ่งกว่าแดนมนุษย์หลายเท่า

 

เพราะด้อยทรัพยากร เช่นนั้นเพื่อความแข็งแกร่งแล้วพวกมันก็ได้แต่กลืนกินปีศาจด้วยกันเอง ย่ำเหยียบชีวิตผู้อื่นต่างหินรองเท้าเพื่อก้าวขึ้นสูงจุดสูง

 

หากมัวแต่พึ่งพาการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเพื่อบ่มเพาะพลังล่ะก็ ด้วยพลังวิญญาณฟ้าดินที่มีอยู่น้อยนิดบางเบาของแดนเนรเทศ พวกมันคงไม่ทันผู้อื่น

 

แต่เป็นธรรมดาว่าต่อให้ในแดนเนรเทศปีศาจจะแก่งแย่งชิงดีกันอย่างไร แต่เมื่อออกจากแดนเนรเทศและเข้าสู่แดนเซียน พวกมันจะละวางความแค้นในอดีตรวมใจเป็นหนึ่ง!

 

นั่นเพราะพวกมันมีศัตรูร่วมกัน และสามารถยกระดับพลังฝึกปรือโดยการกลืนกินแก่นแท้และโลหิตของศัตรูแทน!

 

ไม่จำเป็นต้องฆ่ากันเอง

 

เมื่อหลายร้อยพันปีที่แล้วในยุคมนุษย์ปีศาจ เผ่าพันธุ์ปีศาจก็ได้ออกจากแดนเนรเทศบุกรุกเข้ามายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้อย่างที่ไม่มีใครทันได้ตั้งตัว

 

เวลานันไม่ทราบมีมนุษย์ที่ตกตายและถูกกลืนกินไปมากมายเพียงใด

 

จนเมื่อเผ่าพันธุ์ปีศาจถูกเหล่าสุดยอดฝีมือที่รวมพลังกันต่อต้านขับไล่ จนพวกมันต้องล่าถอยกกลับไปที่แดนเนรเทศ และสุดท้ายก็เป็นเหล่ายอดคนผู้กล้าสละชีวิตสร้างผนึกพลังฉาบกั้นกำแพงมิติเอาไว้อีกชั้น ไม่ให้เหล่าปีศาจรุกรานเข้ามาได้อีกนับล้านปี

 

หลังจากนั้นความโหดเหี้ยมอำมหิตของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ก็กลายเป็นฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนมนุษย์ที่รอดชีวิตมาได้อยู่ทุกคืน…

 

‘มนุษย์? มันเรียกพวกเราว่ามนุษย์…หรือมันเป็นสัตว์เซียนกัน!?’

 

เมื่อได้ยินสัตว์ประหลาดเบื้องเนื้อกล่าววาจาภาษาผู้คน ทั้งเรียกหาพวกมันว่ามนุษย์ เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬก็ได้แต่คิดไปในใจแบบนี้

 

“พลังฝีมือของมันยังเหนือกว่าพวกกลุ่มยอดฝีมือเซียนสวรรค์ที่มาบุกตำหนักเมฆาครามของเราก่อนหน้านี้เสียอีก…ตอนนี้พวกเราทำได้แค่รอให้ท่านแม่ทัพ ไปนำท่านจ้าวตำหนักมารับมือมันเท่านั้น!”

 

หนึ่งในชนชั้นนายกองหรือไป่ฟูฉางขององครักษ์เกราะทมิฬกล่าวออก

 

“ท่านเจ้าตำหนัก!”

 

ได้ยินวาจาจากนายกองคนนี้ เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬที่หวาดกกลัวอยู่ก็พลันฮึกเหิมขึ้นมาทันที สองตาแต่ละคนลุกโชนขึ้นมาปานเพลิงไฟกลับกลายเป็นคึกคักมากขวัญกำลังใจ คล้ายถูกฉีดเลือดไก่เข้าไปก็ไม่ปาน

 

เพราะเสมือนพวกมันได้คว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้แล้ว!

 

เมื่อเกือบเดือนที่แล้ว แม่ทัพใหญ่ของกองกำลังองครักษ์เกราะทมิฬกได้ถูกฆ่าตาย

 

หลังจากนั้นจ้าวตำหนักเมฆาคราม จึงแต่งตั้ง ถงจ้ง ให้รับตำแหน่งแม่ทัพอย่างเป็นทางการ

 

ในเรื่องนี้ไม่มีใครในกองกำลังองครักษ์เกราะทมิฬคัดค้านแม้แต่คนเดียว

 

ถงจ้งนั้นเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีอีกคนนอกเหนือจากอดีตแม่ทัพ เช่นนั้นก็เป็นธรรมดาที่มันจะขึ้นรับตำแหน่งในฐานะแม่ทัพ

 

และถงจ้งที่เป็นแม่ทัพ ก็ได้รับความไว้วางใจและเชื่อมั่นจากเหล่าองครักษ์เกราะทมิฬไม่น้อย

 

ในขณะเดียวกัน ทางด้านห้องโถงใหญ่ของตำหนักหลัก ถงจ้ง แม่ทัพองครักษ์เกราะทมิฬก็ได้รายงานเรื่องราวต่อต้วนหรูเฟิงเรียบร้อย

 

“อะไร! สัตว์ประหลาดหัวเป็นวัวตัวเป็นคนงั้นเหรอ?”

 

ได้ฟังคำรายงานของถงจ้ง ต้วนหรูเฟิงที่นั่งอยู่ก็ถึงกับลุกพรวดขึ้นมาทันที

 

บางทีถงจ้งอาจไม่ทราบว่าสัตว์ประหลาดหัววัวตัวคนนั่นคืออะไร

 

ทว่าต้วนหรูเฟิงในฐานะที่เป็นดั่งผู้สืบทอดมรดกปีศาจมาโดยตรง…ไหนเลยจะไม่รู้เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดหัววัวตัวคนได้!

 

ร่างเป็นคนหัวเป็นวัวนั่น ไม่ใช่เอกลักษณ์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวในแดนเนรเทศหรือไง!?

 

“มีปีศาจวัวบุกมาถึงตำหนักเมฆาครามของข้างั้นเหรอ?”

 

ทันใดนั้นในแววตาต้วนหรูเฟิงก็เผยอาการตื่นตระหนก สีหน้ายังแปรเปลี่ยนไปเป็นเคร่งเครียด

 

ฟุ่บ!

 

หลังจากนั้นต้วนหรูเฟิงก็โบกมือคราหนึ่ง ใช้พลังหอบหิ้วร่างถงจ้งให้พุ่งออกมาจากตำหนักหลักด้วยความเร็วสูง ก่อนที่จะเร่งกล่าวถามด้วยความร้อนใจ “สัตว์ประหลาดหัววัวที่เจ้าว่า มันสูงเท่าไหร่?”

 

“ราวๆ 4 หมี่ได้ท่านจ้าวตำหนัก”

 

ถงจ้งย้อนนึกครู่หนึ่งค่อยตอบ

 

“ราวๆ 4 หมี่?”

 

ต้วนหรูเฟิงอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทันที

 

เพราะด้วยพลังฝึกปรือในปัจจุบันของมัน ยามลงมือเต็มกำลังพร้อมผสานร่างกับหุ่นเชิดเซียนปีศาจที่อัญเชิญออกมาได้ จะทำให้มีพลังรบเกือบทัดเทียมกับเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน

 

หากที่มาเป็นผู้นำของเหล่าปีศาจวัวจริง ต่อให้มันจะอัญเชิญหุ่นเชิดเซียนปีศาจพร้อมใช้ดาบอสุราก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้

 

เช่นนั้นพอได้ยินถงจ้งกล่าวบอกความสูงของปีศาจวัวที่บุกมาต้วนหรูเฟิงจึงโล่งใจนัก

 

เพราะปีศาจวัวที่สูงราวๆ 4 หมี่นั้น อย่างดีพลังฝึกปรือของมันก็เทียบได้กับเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนเท่านั้น ไม่นับว่าเป็นภัยคุกคามอะไร

 

‘แต่พวกเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวมันมาปรากฏตัวในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้อย่างไรกัน?’

 

‘หรือเป็นเพราะเมื่อตอนที่ข้ากับตู้กูทะลวงถึงขอบเขตเซียนนภา พวกเราดูดซับไอมารบริสุทธิ์จากแดนเนรเทศผ่านทางช่องว่างมิติมากเกินไป…เลยส่งผลต่อเสถียรภาพของม่านพลังผนึก?’

 

คิดถึงจุดนี้สีหน้าของต้วนหรูเฟิงก็เผยความตึงเครียดออกมา

 

ตอนแรกเหตุผลที่มันกับตู้กูระงับพลังฝึกปรือไว้ที่ขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุด และไม่คิดทะลวงไปให้ถึงขอบเขตเซียนนภาอยู่นั้น ล้วนเป็นเพราะว่า….

 

ทั้งคู่ล้วนได้รับมรดกปีศาจ และคิดอาศัยไอมารที่บริสุทธิ์ที่สุดเพื่อวางรากฐานให้แน่นหนาและทะลวงถึงขอบเขตเซียนนภาด้วยไอมารที่ว่า…

 

และหากคิดดูดซับไอมารที่บริสุทธิ์ขนาดนั้น ก็มีแต่ต้องดูดซับไอมารจากแดนเนรเทศผ่านช่องว่างมิติเท่านั้น

 

ถึงแม้กระบวนการดูดซับไอมารจะไม่ได้สร้างผลกระทบต่อม่านพลังผนึกอะไรมากมาย แต่แน่นอนว่าก็มีส่งผลต่อเสถียรภาพของม่านพลังผนึกบ้าง

 

‘หรือจะเป็นเพราะข้าอัญเชิญหุ่นเชิดเซียนปีศาจมาจากแท่นบูชาของแดนเนรเทศเมื่อเกือบเดือนที่แล้วจริงๆ?’

 

คิดถึงจุดนี้ต้วนหรูเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความเหน็บหนาว

 

ตอนนี้เมื่อมีปีศาจวัวบุกมาถึงตำหนักเมฆาครามได้…เช่นนั้นไม่ใช่ว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจจากแดนเนรเทศก็สามารถบุกมาที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้ด้วยหรือ?

 

หากเป็นเช่นนั้นจริง…

 

ไม่ใช่ว่าตัวมันกับตู้กูเสมือนมีส่วนสร้างหายนะเภทภัยให้กินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าหรือไร?

 

คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ทำให้สีหน้าต้วนหรูเฟิงอดไม่ได้ที่จะมืดคล้ำดำลง

 

แน่นอนว่าต่อให้ปีศาจจะสามารถออกจากแดนเนรเทศและบุกรุกดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้อีกครั้ง เพราะมีมันเป็นต้นเหตุแต่มันก็ไม่เสียใจเลย

 

เพราะหากไม่ดูดซับไอมารบริสุทธิ์จากแดนเนรเทศผ่านช่องว่างมิติ เช่นนั้นก็ไม่อาจทะลวงถึงขอบเขตเซียนนภาพร้อมไอมารที่สมบูรณ์ และนั่นจะทำให้มันไม่อาจาอัญเชิญหุ่นเชิดเซียนปีศาจได้

 

หากมันไม่อาจอัญเชิญหุ่นเชิดเซียนปีศาจได้…เมื่อเกือบเดือนที่แล้วตำหนักเมฆาครามไม่พ้นล่มสลาย!

 

ไม่เพียงแต่ตำหนักเมฆาครามจะล่มสลาย กระทั่งครอบครัวของมันยังจะถูกหลี่อันจับตัวกลับไปข่มขู่ลูกชายอย่างต้วนหลิงเทียนให้เข้าตาจน สุดท้ายก็มีแต่ตกตายกันหมด…

 

ด้วยเหตุนี้ต้วนหรูเฟิงจึงไม่เสียใจแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้มันอาจจะเป็นต้นเหตุทำให้ปีศาจบุกมาดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าก็ตาม

 

เพื่อลูกชาย หลานและภรรยาแล้วมันกระทำได้ทุกสิ่ง…ต่อให้เป็นคนบาปก็ไม่แยแส!

 

เพราะในใจของมัน มีเพียงครอบครัวของตัวเองเท่านั้นที่สำคัญที่สุด!

 

ลาภยศชื่อเสียงใดๆ ไม่เว้นชีวิตของตัวเองนั้นยังไม่สำคัญเท่า!

 

“ท่านจ้าวตำหนัก!”

 

“ท่านจ้าวตำหนัก”

 

 

เมื่อต้วนหรูเฟิงพร้อมถงจ้งที่เร่งรุดเดินทางได้มาถึงจุดเกิดเหตุ เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬทั้งหมดรู้สึกตื่นเต้นยินดีนัก ราวกับพบพานกับพระผู้ช่วย

 

สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นยินดีขององครักษ์เกราะทมิฬ และความคาดหวังอันล้นปรี่จากทุกคน ต้วนหรูเฟิงก็ตระหนักถึงความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่เทียมฟ้า!

 

ภายใต้สายตาของทุกคน ต้วนหรูเฟิงหลังปล่องถงจ้งแล้ว ร่างก็เหินไปลงจอดระหว่างปีศาจวัวและเหล่าองครักษ์เกราะทมิฬ ปกป้ององครักษ์เกราะทมิฬเอาไว้ด้านหลัง

 

สำหรับองครักษ์เกราะทมิฬแล้ว แผ่นหลังต้วนหรูเฟิงเบื้องหน้าเป็นดั่งกำแพงสูงกล้าแกร่ง

 

ขณะเดียวกันพวกมันก็รู้สึกปลอดภัยนัก

 

ลึกลงไปในใจของพวกมัน ความสำคัญของจ้าวตำหนักเมฆาคราม และพลังฝีมืออันแข็งแกร่งนั่นยิ่งมายิ่งสลักลึกแน่นหนามากขึ้นเรื่อยๆ…

 

“เจ้าออกจากแดนเนรเทศมาถึงที่นี่ได้ยังไง?”

 

ต้วนหรูเฟิงมองถามปีศาจวัวสูง 4 หมี่ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย คำถามแรกก็เข้าประเด็นสำคัญทันที

 

“มนุษย์ เจ้ามันอ่อนแอเกินไป ไร้คุณสมบัติที่จะมาตั้งคำถามกับข้า!”

 

เผชิญหน้ากับคำถามของต้วนหรูเฟิง ปีศาจวัวตัวเขื่องเพียงยิ้มเย้ยเท่านั้น

 

“งั้นเหรอ?”

 

เผชิญหน้ากับคำเย้ยเยาะของปีศาจวัว สองตาต้วนหรูเฟิงหดเล็กลงทันใด ไอมารปะทุทั่วกาย มือออกสัญลักษณ์พิสดารที่ได้รับสืบทอดจากมรดก อัญเชิญหุ่นเชิดเซียนปีศาจจากแท่นบูชาในใจกลางแดนเนรเทศทันที!

 

เมื่อแลเห็นวังวนปรากฏ พร้อมมีร่างหุ่นเชิดเซียนปีศาจออกมา สีหน้าเย้ยหยันของปีศาจวัวถึงกับชะงักค้าง ยังถูกความหวาดกลัวและเหลือเชื่อเข้ามาแทนที่

 

“หะ…หุ่นเชิดเซียนปีศาจ? เจ้า…เจ้าเป็นผู้ฝึกตนในแดนเซียนของมนุษย์ ไฉนเจ้าถึงสามารถเรียกหุ่นเชิดเซียนปีศาจของพวกเราจากแท่นบูชาใจกลางแดนเนรเทศได้?”

 

ในตอนนี้ไม่เพียงแต่ปีศาจวัวจะจดจำได้ว่าหุ่นเชิดที่คายไอมารบริสุทธิ์เบื้องหน้าก็คือหุ่นเชิดเซียนปีศาจ…แต่ด้วยไอมารที่กำจายออกมามันยังรู้ได้ทันทีว่าหุ่นเชิดปีศาจนี้ทรงพลังเหนือมัน

 

เช่นนั้นมันจึงหวาดกลัว!

 

“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องรู้หรอก”

 

ต้วนหรูเฟิงแค่นคำเย้ยเยาะมันคราหนึ่งก่อนจะเหินร่างไปผสานรวมกับหุ่นเชิดเซียนปีศาจ และเตรียมจัดการปีศาจวัวให้สิ้นซาก

 

หนี!!

 

เผชิญหน้ากับหุ่นเชิดปีศาจที่แข็งแกร่งเหนือมันอย่างเห็นได้ชัด ไหนเลยปีศาจวัวสูง 4 หมี่จะฝืนสู้ให้ตายเปล่าอย่างโง่งม! มันบังเกิดความคิดหลบหนีขึ้นมาทันที ปะทุพลังชั่วชีวิตเพื่อหลบหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!!

 

นอกจากหนีเอาตัวรอดแล้ว มันยังร้อนใจอยากไปแจ้งเรื่องราวให้อาวุโสเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวของมันนัก

 

ว่าในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้…มียอดฝีมือที่คุกคามพวกมันได้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด