War sovereign Soaring The Heavens 1505

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1505 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตลาดมืดหยินชาน

 

ตอนนี้เมื่อได้วัตถุดิบมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีเรื่องราวอะไรที่ต้องทำในเมืองหานเหออีก

 

“ศิษย์พี่ฮุยเรื่องวัตถุดิบหลังจากนี้ ข้ารบกวนท่านแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวกำชับต่งฮุย ก่อนอำลา

 

“ขอศิษย์น้องต้วนโปรดวางใจ ข้าจะส่งคนออกไปรวบรวมวัตถุดิบไว้ให้เจ้าเป็นพิเศษ…เมื่อได้พวกมันเป็นจำนวนที่น่าพอใจแล้ว ข้าจะให้คนนำกลับไปส่งที่สำนักจันทร์จรัสแสง”

 

ต่งฮุยพยักหน้ารับปาก

 

“ขอบคุณศิษย์พี่ฮุยมาก”

 

หลังกล่าวคำขอบคุณอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็จากไป

 

ตอนออกจากฐานปฏิบัติการของสำนักจันทร์นั้น ต้วนหลิงเทียนเลือกจากไปกลางดึกสงัด ยามเมฆบดบังแสงจันทร์ ก็ทำให้หนทางมันมืดเสียจนแทบมองนิ้วมือไม่เห็น

 

เหตุผลที่เขาเลือกจากมาตอนนี้ ก็เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและเรื่องยุ่งยากทั้งหลายโดยไม่จำเป็น

 

ต้วนหลิงเทียนรู้ดีแก่ใจ ว่าแม้ตอนนี้เขาจะบรรลุสู่เซียนขั้นกลางแล้ว แต่หากต้องปะทะกับยอดฝีมือสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ที่ร้ายกาจจริงๆ เขาก็ยังไร้หนทางเอาชนะ

 

เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนไม่รู้เลยก็คือ ในขณะที่เขาจากมานั้น…ก็มีคนที่แอบสะกดรอยตามเขามาเช่นกัน

 

จนกระทั่งร่างต้วนหลิงเทียนโผล่พ้นอาณาเขตของเมืองหานเหอไปสักพัก ร่างดังกล่าวถึงได้หยุดลง

 

คนผู้นี้มองส่งต้วนหลิงเทียนที่กำลังจากไปในความมืดจนลับตา

 

ยามเมื่อจันทร์โผล่ออกมาจากหมู่เมฆ แสงนวลสาดส่องลงมาตกกระทบก็เผยให้เห็นใบหน้าหนึ่ง มิคาดคนที่ลอบสะกดรอยตามต้วนหลิงเทียนมาก็คือ ต่งฮุย นั่นเอง

 

ที่แท้หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนจากมา ต่งฮุยก็ไม่อาจวางใจได้ มันจึงลอบติดตามออกมาส่งต้วนหลิงเทียน เพื่อเฝ้าระวังอันตราย และผู้ประสงค์ร้ายที่คอยจ้องเล่นงานต้วนหลิงเทียนอย่างลับๆ

 

เมื่อมันติดตามต้วนหลิงเทียนออกพ้นเขตเมืองไปสักพักแล้วไม่พบว่ามีใครอื่นอีก มันถึงค่อยวางใจและกลับฐานปฏิบัติการ

 

ต้วนหลิงเทียนนั้นเหินร่างด้วยความเร็วสูงสุด หมายมุ่งหน้ากลับไปให้ถึงสำนักจันทร์จรัสแสงโดยไว

 

‘หวงเฉิง!’

 

ระหว่างทางกลับสำนักจันทร์จรัสแสง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงหวงเฉิงขึ้นมา อีกฝ่ายถึงกลับมาดักซุ่มรอเพื่อฆ่าเขา!

 

ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะเขามียันต์เทพเคลื่อนกับม่านพลังทองระดับ 3 ดาวไว้ในครอบครองหลายใบ เกรงว่าเขาอาจจะสิ้นท่าภายใต้เงื้อมมือมันไปแล้ว

 

‘ข้าล่ะหวังนักว่าเจ้ายังจะกล้าอยู่ที่สำนักจันทร์จรัสแสงให้ข้ากลับไปล้างแค้น!’

 

วาจาในใจนี้แน่นอนว่าเป็นวาจาหมายหัวหวงเฉิง!

 

น่าเสียดายต้วนหลิงเทียนถูกกำหนดให้พบกับความผิดหวัง

 

ในตอนนั้นเมื่อฆ่าเขาล้มเหลว หวงเฉิงไหนเลยยังจะกล้ากลับไปสำนักจันทร์จรัสแสงได้อีก? มันรู้ดีว่าถึงกลับไปก็มีแต่เภทภัยไม่สิ้นสุด มันจึงเลือกที่จะหลบหนีออกจากสำนัก!

 

แน่นอนว่าหวงเฉิงไม่ได้หลบหนีไปเพราะกลัวต้วนหลิงเทียน แต่มันกลัวป๋ายลี่หงที่ให้ท้ายต้วนหลิงเทียน

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเดินทางกลับสำนัก ทางด้านเมืองหานเหอ คฤหาสน์หลังหนึ่งที่ตั้งโดดเดี่ยวในถนนเปลี่ยวร้างของเมือง ก็เต็มไปด้วยผู้คน

 

ผู้คนเหล่านี้เพียงแวะเวียนเข้าไปทำเรื่องราวในคฤหาสน์ไม่นานก็จากไป

 

คฤหาสน์หลังนี้นั้นกลางวันเงียบสงบไร้ผู้ใดเข้าออก ทว่ามืดค่ำกลางคืนกลับเต็มไปด้วยผู้คนเข้าออก

 

คฤหาสน์หลังนี้เป็น ‘ฐาน’ ของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร!

 

ในคฤหาสน์นับว่าคึกคักไปด้วยผู้คนนัก มีธุรกรรมมากมายเกิดขึ้น หากเงินถึงไม่ว่าเรื่องใดก็คุยกันได้

 

ภายในห้องมืดแห่งหนึ่ง เปลวเทียนบนโต๊ะสั่นไหวไปมาด้วยแรงลม สาดแสงสะท้อนร่าง 2 ร่างที่นั่งหันหน้าเข้าหากัน

 

“ต้วนหลิงเทียนจากสำนักจันทร์จรัสแสงนั่นเป็นเป้าหมายของชือหมิงไม่ผิดแน่! เหตุผลเดียวที่ต้วนหลิงเทียนมาถึงเมืองหานเหอได้โดยสวัสดิภาพจนกระทั่งก่อเรื่องราวใหญ่โต มิพ้นชือหมิงคงตกตายไปแล้ว!”

 

หนึ่งในร่างที่ต้องสะท้อนแสงเทียนนั้นเป็นชายชราร่างผอม

 

พิกลนักเส้นผมบนหัวของมันฝั่งซ้ายกลับสีดำส่วนฝั่งขวากลับมีสีขาว ใบหน้าเองก็คล้ายผสมกันอย่างแปลกประหลาด ครึ่งหนึ่งหวานคล้ายสตรี อีกครึ่งกลับเข้มดั่งบุรุษ

 

มันกำลังมองกล่าวกับชายวัยกลางคนร่างหนาเบื้องหน้า

 

“เรื่องนี้อาจมีใดผิดพลาดหรือไม่…ปกติแล้วแทบเป็นไปมิได้เลยนี่นา ที่ชือหมิงจักล้มเหลวแบบนี้!”

 

ชายวัยกลางคนร่างหนานั้น รูปร่างของมันน่าเกรงขามนัก เพียงนั่งเฉยๆก็เสมือนหอคอยเหล็กตั้งตระหง่านยากจะโค่น

 

“ถึงจะเกิดเหตุขัดข้องอันใด ป่านนี้ชือหมิงก็สมควรกลับมารายงานตัวได้แล้ว…ในเมื่อคนมิกลับ เกรงว่าคงเหลือแต่ศพ”

 

ชายชรากล่าว

 

ต็อกๆ!

 

ทันใดนั้นเองมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

 

“ใต้เท้าหยินหยาง”

 

ชายชราทั้งชายวัยกลางคนเบนตาไปมองยังหน้าประตูห้องทันที เสียงดังกล่าวดังขึ้นจากหลังประตู

 

“เข้ามา”

 

ชายชราคล้ายล่วงรู้ว่าเป็นผู้ใดที่มา จึงกล่าวเรียกออกเสียงเรียบ

 

ขณะเดียวกันมันก็สะบัดมือเบาๆ ประตูก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ

 

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมสีดำก้าวเข้ามาในห้อง เมื่อมันเห็นชายวัยกลางคนร่างหนา ก็โค้งคารวะอย่างมากมารยาท “ใต้เท้าไท่หวู่”

 

“มีอันใด?”

 

ชายชรายกมือขึ้นพร้อมกล่าวถาม ขณะเดียวกันประตูก็ปิดตัวลงอีกครั้ง

 

“ใต้เท้าหยินหยาง มีนักฆ่า 3 ดาราครึ่งกำลังตามหาท่าน มันบอกว่าอยากสนทนากับท่านเป็นการส่วนตัว”

 

ชายหนุ่มชุดดำรายงาน “หากท่านมิต้องการพบมัน ข้าจักไล่มันไปเดี๋ยวนี้”

 

“นักฆ่า 3 ดาราครึ่ง?”

 

ลูกตาที่แลคล้ายมีหมอกปกคลุมของชายชรา พลันเรืองสว่างขึ้นมาวูบหนึ่ง หลังจากเงียบไปสักพักมันก็กล่าวออก “ให้มันเข้ามาเถอะ”

 

ในตลาดมืดหยินชานนั้น นักฆ่าถูกแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ

 

ชือหมิง ชายในชุดคลุมลมดำที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าตายไปก่อนหน้านั้น ก็คือนักฆ่า 3 ดาราของตลาดมืดหยินชาน

 

ส่วนนักฆ่า 3 ดาราครึ่งนั้น แม้จะยังไม่ร้ายกาจเท่าชายชรา แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันสักเท่าไหร่

 

ในตลาดมืดหยินชานนั้น หากไม่มีอะไรผิดพลาด แค่เพียงนักฆ่า 3 ดารา ก็มากพอจะสังหารผู้ฝึกต้นสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้

 

เช่นนั้นนักฆ่า 3 ดาราครึ่งน่ากลัวปานใด ก็พอจะรู้ได้

 

ครู่ต่อมาชายหนุ่มก็กลับออกไป และไปพาร่างหนึ่งในชุดคลุมลมดำมากับมัน ไม่มีใครแลเห็นใบหน้าหรือรูปร่างของคนผู้นี้ได้เลย

 

กลิ่นอายที่แผ่ออกทั่วกายยังลึกลับนัก

 

“ใต้เท้าหยินหยาง สบาย”

 

คนในชุดคลุมลมดำกล่าวทักทายชายชราผมสีขาวดำ เสียงของมันบ่งบอกว่าเป็นบุรุษคนหนึ่ง แต่ดูคล้ายมันจะไม่รู้จักชายวัยกลางคนร่างหนา จึงไม่ได้กล่าวทักทายแต่อย่างไร

 

อย่างไรเสียชายวัยกลางคนก็คร้านจะสนใจเรื่องพวกนี้ แต่มันก็มองสำรวจชายในชุดคลุมลมดำด้วยความสนใจ

 

“เจ้ามาหาข้าถึงนี่มีอะไรงั้นเหรอ?”

 

ชายชราผมขาวดำ ที่มีชื่อรหัสว่าหยินหยาง กล่าวถามผู้มาใหม่

 

จะอย่างไรมันก็คือระดับสูงของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร หากไม่ใช่งานล่าค่าหัวตัวตนขอบเขตเซียน เกรงว่าเรื่องราวอื่นใดคงไม่ต้องถึงมือมัน

 

ชายในชุดคลุมลมดำที่มาใหม่ยังไม่ตอบ เพียงหันมองไปทางชายที่พามันมาส่ง กับชายวัยกลางคนร่างหนา

 

“เจ้าไปได้แล้ว”

 

ได้ยินคำสั่งจากชายชราหยินหยาง ร่างชายหนุ่มชุดดำที่นำคนมาส่งก็เร่งจากไปทันที

 

“นี่คือใต้เท้าไท่หวู่”

 

ชายชราหยินหยางมองชายวัยกลางคนร่างหนาค่อยกล่าวแนะนำ

 

ไท่หวู่!

 

อย่างไรก็ตามแม้วาจาแนะนำจะเรียบง่าย แต่พอชายในชุดคลุมลมดำได้ยินนามนี้ก็อดไม่ได้ที่จะร่างสะท้าน

 

กล่าวออกมาอีกครั้งเสียงยังสั่นไม่น้อย “ปะ…เป็นใต้เท้าไท่หวู่!?”

 

จากนั้นมันก็หันมองไปยังชายวัยกลางคนร่างหนาอย่างละเอียด

 

พอได้เห็นรอยแผลเป็น จากคมดาบอันน่าสยดสยองที่ลากผ่อนตาซ้ายลงมาเป็นแนวตั้ง มันก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และรีบรายงานเรื่องราวออกไปทันที

 

ในฐานะมือสังหารของตลาดมืดหยินชาน ระดับสูงที่สุดเท่าที่มันเคยพบก็คือชายชราหยินหยาง

 

ใต้เท้าไท่หวู่นั้นแม้มันจะได้ยินนามบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยพบพานกับตัว

 

ดังนั้นถึงไท่หวู่จะมายืนอยู่ต่อหน้าแบบนี้มันก็ไม่รู้จักอีกฝ่าย

 

อย่างไรก็ตามพอนึกถึงคำร่ำลือของไท่หวู่ ร่างมันก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเทิ้มขึ้นมาเบาๆ

 

ในบรรดานักฆ่าของตลาดมืดหยินชานนั้นมีข่าวลือหนึ่งแพร่กระจายออกมานานแล้ว ว่าอดีตผู้นำสำนักยันต์ลี้ลับ ได้ตกตายภายใต้น้ำมือของใต้เท้าไท่หวู่!

 

ตอนที่อดีตผู้นำสำนักยันต์ลี้ลับยังอยู่ พลังฝีมือของมันถือได้ว่าติด 1 ใน 3 อันดับแรกของยอดฝีมือใน 9 พันธมิตร

 

พลังฝีมือดังกล่าวยังเหนือกว่าชายชราหยินหยาง อาวุโสของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรเสียอีก!

 

มันยังเคยได้ยินความเป็นมาของใต้เท้าไท่หวู่ผู้นี้มาบ้าง

 

ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไปล่วงเกินระดับสูงของตลาดมืดหยินชานสาขาหนึ่ง จึงถูกระดับสูงคนนั้นขับไล่มายังตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร

 

ตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรนั้น กล่าวไปเป็นสาขาที่มีระดับต่ำที่สุดในบรรดาสาขาทั้งหลายของตลาดมืดหยินชานแล้ว

 

นอกจากนี้ยังมีข่าวลืออีกเรื่องหนึ่งของใต้เท้าไท่หวู่คนนี้

 

ว่ากันว่าวันแรกที่ถูกส่งมายังสาขา 9 พันธมิตร ไท่หวู่ก็ไม่เป็นที่ต้อนรับของอาวุโสระดับสูงสาขานี้

 

สุดท้ายใต้เท้าไท่หวู่ก็คร้านกล่าวเรื่องให้มาก เพียงอาศัย 2 หมัดทุบตีสยบระดับสูงของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรไว้ได้อย่างราบคาบ!

 

กล่าวได้ว่าฐานะของอีกฝ่ายในตลาดมืดหยินชานสาขานี้ ยังเหนือกว่าชายชราหยินหยางเสียอีก!

 

เช่นนั้นแล้วพอได้ยินว่าชายวัยกลางคนคือใต้เท้าไท่หวู่ ชายในชุดคลุมลมดำจึงผงะไป ทั้งบังเกิดความยำเกรงไม่น้อย

 

“มีเรื่องอะไรเจ้าก็กล่าวออกมาเลยเถอะ ไม่ต้องเกรงใจข้า”

 

ไท่หวู่พยักหน้าให้คนในชุดคลุมลมดำกล่าว

 

“ทราบ”

 

คนในชุดคลุมลมดำรีบขานรับอย่างไม่กล้าละเลย ก่อนที่จะมองไท่หวู่ทั้งหยินหยางค่อยกล่าว “ใต้ท้าไท่หวู่ ใต้เท้าหยินหยาง…เมื่อไม่กี่วันก่อนยามเที่ยงคืน ข้าได้บัเอิญเป็นพยานในเรื่องราวหนึ่ง ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดมืดหยินชานเรา”

 

คนในชุดคลุมลมดำชักเสียงเข้ม ท่าทางจริงจัง

 

“หืม?”

 

ได้ยินคำรายงานนี้ของคนในชุดคลุมลมดำ ไท่หวู่กับชายชราหยินหยางอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันด้วยความสงสัย เห็นถึงความประหลาดใจในแววตาอีกฝ่าย

 

“คืนนั้นเพราะข้าต้องรีบออกไปทำภารกิจจึงไม่ได้อยู่นาน พอข้ายืนยันฐานะของชาย 2 คนที่ก่อเหตุเสร็จ ข้าก็รีบรุดไปทำภารกิจทันที หลังจากที่ข้าทำภารกิจเสร็จแล้ว ก็เร่งรุดกลับมารายงานท่านที่นี่”

 

คนในชุดคลุมลมดำกล่าวเรื่องราวชายชราหยินหยาง

 

“มีเรื่องอันใดกัน?”

 

ชายชราหยินหยางกล่าวถาม

 

“มีคนกล้าแอบอ้างว่าเป็นคนของตลาดมืดหยินชานเรา!”

 

คนในชุดคลุมลมดำกล่าวออก “พวกมันกล้าแอบอ้างว่าเป็นนักฆ่าของตลาดมืดหยินชานเรา…แต่จากที่ข้าเห็นพวกมันมิใช่นักฆ่าของพวกเราแน่! นอกจากนี้นักฆ่าอย่างพวกเราก็ได้กล่าวคำสัตย์ปฏิญาณต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าแล้ว จึงเป็นไปมิได้ที่พวกเราจะเปิดเผยตัวตนเช่นนั้น”

 

วูบ วูบ

 

วาจานี้ของคนในชุดคลุมลมดำ ทำให้สีหน้าของไท่หวู่กับชายชราหยินหยางมืดลงทันใด

 

ตลอดมืดหยินชานนั้น สาขาหลักเป็นถึงขุมพลังชั้น 3

 

กฏเหล็กที่ตราไว้สำคัญไฉน?

 

หากไร้กฏเกณฑ์ ทุกวันนี้ยังคงความยิ่งใหญ่เอาไว้ได้หรือ?

 

ตลาดมืดหยินชานนั้นมีกฏเกณฑ์ข้อบังคับมากมาย

 

หนึ่งในนั้นก็คือ คนของตลาดมืดหยินชานมิอาจกล่าวเปิดเผยตัวตนได้โดยเด็ดขาดยามออกไปกระทำภารกิจ!

 

ด้วยเหตุนี้ตลาดมืดหยินชานจึงให้เหล่านักฆ่ามือสังหารทั้งหลาย กล่าวคำปฏิญาณต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ก่อนที่จะออกไปกระทำภารกิจ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด