War sovereign Soaring The Heavens 1995

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1995 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,995 : แสนคะแนนสะสม ลงข้างต้วนหลิงเทียน!

 

“ไม่เป็นไร…อย่างน้อยเจ้าก็ยังพอได้รับอะไรติดไม้ติดมือไปบ้าง”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบซุนเต๋อด้วยรอยยิ้ม แต่ไหนเลยเขาจะมองไม่ออกว่าซุนเต๋อเองก็ไม่ได้ดูดีเขาสักเท่าไหร่ จึงไม่อยากเสียคะแนนสะสมไปกับการลงเดิมพันข้างเขา…

 

ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็เลิกสนใจซุนเต๋อ ค่อยหันไปมองศิษย์ชั้นยอดนามกวนซิ่ว ที่เขาบังเอิญเจออีกฝ่ายและถามทางเมื่อหลายวันก่อน

 

ทว่าในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคิดจะส่งเสียงไปบอกกวนซิ่วให้ไปลงเดิมพันข้างเขา กลับเป็นกวนซิ่วที่เดินไปลงเดิมพันข้างเขาก่อนแล้ว

 

แม้ไม่ได้รับการเตือนจากต้วนหลิงเทียน ทว่ากวนซิ่วคนนี้ กลับเลือกที่จะลงเดิมพันข้างต้วนหลิงเทียนถึง 3,500 คะแนนสะสม! นั่นสมควรเป็นคะแนนสะสมทั้งหมดที่อีกฝ่ายมี!!

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งอยู่ในใจ

 

เมื่อนึกถึงเรื่องวันก่อน ที่กวนซิ่วก็แลดูเป็นมิตรมีทีท่าเอาใจใส่ กอปรด้วยหน้าตาซื่อๆแบบนี้ ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนถูกชะตามันไม่น้อย

 

พอกวนซิ่วลงเดิมพันข้างต้วนหลิงเทียนด้วยคะแนนสะสมถึง 3,500 คะแนน เสียงในวิหารเป็นตายถึงกับเงียบลงทันที

 

เหล่าศิษย์ชั้นยอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างมองไปยังกวนซิ่วด้วยสายตาเหลือเชื่อ

 

“3,500 คะแนนสะสมงั้นเหรอ นี่มันทุ่มแทงข้างต้วนหลิงเทียนหมดเลยรึไง? นี่มันไม่กลัวหมดตัวรึ?”

 

“ข้ารู้จักเจ้านั่น มันเรียกว่ากวนซิ่ว มันก็เป็นแค่ศิษย์ชั้นยอดทั่วๆไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น พลังฝีมือไม่ได้ร้ายกาจอะไร…แต่นับว่าใจมันกล้านัก เรียกว่า ‘หมูตายไม่กลัวน้ำเดือด’ ได้เลยจริงๆ! ”

 

“ไม่รู้ล่ะ จะยังไงมันกับซุนเต๋อก็นับเป็นจุดเริ่มที่ดี…ข้ากลัวว่าหากไม่มีคนแทงข้างต้วนหลิงเทยนเลยพวกเราจะไม่ได้อะไรมากกว่า”

 

“ข้าก็ว่าอย่างนั้น!”

 

 

ศิษย์ชั้นยอดหลายคนหัวเราะออกมาอย่างถูกก

 

“กวนซิ่ว! นี่เจ้าบ้าไปแล้วรึไง!?”

 

นอกจากนั้นยังมีศิษย์ชั้นยอดที่รู้จักกับกวนซิ่ว มองกวนซิ่วด้วยสายตาอึ้งตะลึง ยังคิดว่ากวนซิ่วใช่เลอะเลือนไปแล้วหรือไม่

 

เพราะในสายตาของมัน

 

ภายใต้สถานการณ์ที่กระจ่างชัดขนาดนี้ คงมีแต่ ‘คนโง่’ เท่านั้นที่ลงเดิมพันข้างต้วนหลิงเทียน

 

อย่างไรก็ตามกวนซิ่วไม่แยแสสายตาคนมอง กระทั่งไม่สนใจเสียงกล่าวของสหาย เพียงหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนก่อนใคร “ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน ตอนนี้สิ่งที่ข้าทำเพื่อท่านได้ก็มีแค่เท่านี้…ข้าลงเดิมพันข้างท่านด้วยคะแนนสะสมทั้งหมดในบัตรผลึกแก้วของข้าแล้ว”

 

“ขอบใจเจ้ามาก! แต่เจ้าอย่าได้ห่วงไป…วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้กำไรอย่างงาม!!”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้มกล่าวตอบกวนซิ่ว ยังมองกวนซิ่วด้วยสายตาเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ จากนั้นค่อยหันไปมองที่โต๊ะเดิมพันต่อ

 

กล่าวเลยว่าคราวนี้เป็นศิษย์ชั้นยอดคาดผิดแล้วที่คิดว่าซุนเต๋อกับกวนซิ่วจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี…

 

เพราะหลังจากที่กวนซิ่วแทงข้างต้วนหลิงเทียนไป 3,500 คะแนนแล้ว ถึงแม้จะมีคนมาลงเดิมพันข้างต้วนหลิงเทียนเพิ่มเติมบ้าง แต่สุดท้ายนับรวมกันแล้วยอดแทงเดิมพันของศิษย์เหล่านั้นก็ไม่ถึง 3,000 คะแนนสะสมด้วยซ้ำ

 

“เดิมพันข้างต้วนหลิงเทียนจักไม่น้อยไปหน่อยหรือ…”

 

“แม้ไม่มาก…แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย”

 

“ราคาต่อรองสุดท้ายของวิหารเป็นตายวันนี้ข้าว่าแต้มต่อห่างกันเป็นประวัติการณ์แน่…คนที่ลงเดิมพันข้างศิษย์พี่หยางเหวิน หากไม่ถึง 1,000,000 คะแนนสะสมแต่อย่างน้อยๆก็ต้องมี 800,000”

 

“ข้าก็คิดเช่นนั้น”

 

“ตอนนี้ถึงแทงข้างศิษย์พี่หยางเหวินไป 100 คะแนน แต่อย่างดีก็คงได้รับกลับมาแค่ 1 หรือ 2 คะแนนสะสมเท่านั้น! แต่ช่างเถอะ! เพราะอย่างน้อยๆก็ยังได้รับคะแนนสะสมกลับมาแน่ๆ!!”

 

“ใช่ ข้าลงข้างศิษย์พี่หยางเหวินไป 3,000 คะแนนสะสม มองคร่าวๆแล้วข้าสมควรได้รับกลับมาราวๆ 10 คะแนนสะสมกับเศษอีกเล็กน้อย แต่ก็เหมือนได้คะแนนมาเปล่าๆ ไม่มีใดไม่ดี!”

 

……

 

เหล่าศิษย์ชั้นยอดที่แทงเดิมพันแล้ว ก็ทยอยกันจับจ้องพื้นที่บนอัฒจันทร์เพื่อรอดูชมการประลองบนสังเวียนเป็นตาย

 

และเมื่อพวกมัมนได้ที่นั่ง พวกมันก็ให้ความสนใจไปยังร่าง 2 ร่างบนสังเสียนเป็นตาย ที่กำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่

 

หลังผ่านไป 3 เค่อ ทุกคนก็ลงเดิมพันเสร็จสิ้น เช่นนั้นก็เหลืออีกเค่อเดียวเท่านั้นก่อนที่การประลองจะเริ่มขึ้น

 

เมื่อครบกำหนดครึ่งชั่วยามแล้ว การประลองเป็นตายจะเริ่มต้นขึ้นทันที

 

ในช่วง 1 เค่อสุดท้ายนี้แน่นอนว่าวิหารเป็นตายจะยังคงเปิดรับเดิมพันต่อไป และในขณะเดียวกันก็จะเริ่มคำนวณอัตราต่อรองระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายออกมา

 

“คะแนนสมสมที่ลงเดิมพันข้างต้วนหลิงเทียนรวมแล้วสมควรมีราวๆ 6,000 เท่านั้น แต่ฝั่งศิษย์พี่หยางเหวินข้าว่าไม่ล้านก็ต้องล้านกว่า! อัตราเดิมพันที่จะออกมาคราวนี้ข้าว่าต้องเป็นอะไรที่เหลวไหลมากแน่!”

 

“สมควรเหลวไหลจริงๆ ข้าว่าเผลอๆ อาจเป็น 200 : 1”

 

“นั่นสิ ข้าหลงคิดว่าครั้งนี้จะได้ลาภลอยแล้วเชียว แต่คนอื่นๆกลับลงข้างศิษย์หยางเหวินกันหมด ดูเหมือนทุกคนก็ไม่มีใครโง่!”

 

 

เหล่าศิษย์ชั้นยอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาด้วยความเสียดาย เพราะตอนแรกมันคิดว่าจะมีคนลงเดิมพันข้างต้วนหลิงเทียนมากกว่านี้ แต่สุดท้ายกลับแทบไม่มีเลย

 

“ตอนนี้ข้าได้แต่หวังว่าอาวุโสของวิหารเป็นตายจะนึกสนุกลงเดิมพันด้วย…และขอให้ลงเดิมพันข้างต้วนหลิงเทียนมากๆหน่อย หาไม่แล้วอัตราเดิมพันคงน้อยจนน่าอดสูแน่”

 

ทันใดนั้นเหล่าศิษย์ชั้นยอดก็เริ่มฝากความหวังไว้ที่อาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 3 และหวังให้ 3 อาวุโสแทงข้างต้วนหลิงเทียน

 

“เหอะๆ แล้วเจ้าคิดว่าอาวุโสจะตาต่ำลงข้างต้วนหลิงเทียนหรือ?”

 

อย่างไรก็ตามพอศิษย์ชั้นยอดอีกคนที่นั่งข้างๆกล่าววาจาประโยคนี้ออกมา ก็แทบจะดับความหวังของศิษย์ชั้นยอดที่หวังให้อาวุโสแทงข้างต้วนหลิงเทียนทันที

 

“ข้าลงเดิมพันข้างต้วนหลิงเทียน 100,000 คะแนนสะสม!”

 

ทว่าทันใดนั้นเองกลับมีเสียงหนึ่งดังมาตั้งแต่นอกวิหารเป็นตาย พาลให้สายตาของเหล่าศิษย์ชั้นยอดหันขวับไปจับจ้องที่ทางเข้าวิหารเป็นตายทันที

 

กระทั่ง เนี่ยสุ้ย ยังต้องหันไปหยีตามอง

 

ภายใต้สายตาของทุกคน ค่อยๆปรากฏร่างคนสองคนก้าวเดินเข้ามาในวิหารเป็นตายอย่างไม่รีบไม่ร้อน

 

ผู้มาเป็นชายหนุ่มทั้งคู่!

 

ที่สำคัญคือรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มทั้งคู่ กลับมีส่วนที่ละม้ายคล้ายคลึงกัน

 

“ศิษย์พี่หลิวมู่?”

 

สายตาต้วนหลิงเทียนไปตกยังร่างชายหนุ่มที่อยู่ด้านขวาทันที และเขาก็อดไม่ได้ที่จะเผยความประหลาดใจออกมา เพราะไม่คิดจริงๆว่าจะได้เจออีกฝ่ายที่นี่!

 

ไม่ใช่ว่าการประเมินทดสอบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังไม่เริ่มหรือไง?

 

แล้วไฉนคนๆนี้ถึงมาปรากฏตัวที่เดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ กระทั่งสวมใส่ชุดศิษย์ชั้นยอดแบบนี้?

 

คนที่ต้วนหลิงเทียนกำลังมองอยู่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นหลิ่วมู่ ที่เขาบังเอิญพบเจอตอนไปหาจูลู่ฉีที่แท่นบูชาพยัคฆ์ขาว และอีกฝ่ายก็ให้ความช่วยเหลือเขาอย่างดี ถึงขั้นเป็นธุระหาตัวจูลู่ฉีให้เขา

 

ตอนนั้นด่านพลังฝึกปรือของหลิวหมู่คนนี้ก็บรรลุถึงเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญแล้ว คงไม่ยากที่จะผ่านการประเมินทดสอบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่จะเริ่มในอีกไม่นาน

 

ต้วนหลิงเทียนเองก็คิดไว้ว่าต้องได้เจอกับหลิวมู่อีกครั้งแน่ แต่เขาคิดว่าสมควรได้เจอหลังการประเมินทดสอบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์

 

แต่ไม่คิดเลยจริงๆว่าการประเมินทดสอบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังไม่เริ่ม เขากลับได้เจอหลิวมู่ที่นี่ซะก่อน!

 

“ศิษย์พี่หลิวอวิ๋น!!”

 

“เป็นศิษย์พี่หลิวอวิ๋นจริงๆด้วย! ว่าแต่ข้างๆศิษย์พี่หลิวอวิ๋นเป็นใครกัน เค้าโครงใบหน้ากลับละม้ายคล้ายศิษย์พี่หลิวอวิ๋นอยู่บ้าง”

 

“ข้าเคยได้ยินศิษย์พี่หลิวอวิ๋นกล่าวบอกเรื่องที่มีลูกพี่ลูกน้องอยู่ในแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวของแท่นบูชาจตุรลักษณ์…เช่นนั้นคนผู้นี้ก็สมควรเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ว่า แต่มิใช่การประเมินทดสอบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เรายังมิเริ่มหรอกหรือไง ไฉนมันมาได้เล่า?”

 

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจที่ได้พบหลิวมู่ที่นี่ ด้านเหล่าศิษย์ชั้นยอดในวิหารเป็นตายก็ประหลาดใจไม่น้อยที่ได้เห็นหลิวอวิ๋นที่นี่!

 

กระทั่งหยางเหวินที่จ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอาฆาตดุร้าย แต่พอหันไปเห็นผู้มาใหม่ แววตาของมันก็อดไม่ได้ที่จะเผยความหวาดกลัวออกมา!

 

หลิวอวิ๋น ก็เป็นเช่นเดียวกับมัน…ศิษย์ที่แท้จริง!

 

อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับมันแล้ว ชื่อเสียงของหลิวอวิ๋นเหนือกว่ามาก!

 

ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟแห่งนี้ มีสิ่งที่เรียกว่า ทำเนียบยอดฝีมือ! และทำเนียบยอดฝีมือก็มีทั้งสิ้น 100 อันดับ! มีเพียงศิษย์ที่แท้จริงที่มีพลังฝีมือกล้าแข็ง 100 คนเท่านั้นที่จะมีชื่ออยู่ในทำเนียบยอดฝีมือดังกล่าวได้!

 

หยางเหวิน ยังมีคุณสมบัติไม่สูงพอจะมีชื่อติดทำเนียบยอดฝีมือนั่น!

 

ทว่าหลิวอวิ๋นคนนี้ คืออันดับที่ 27 ในทำเนียบยอดฝีมือ! เป็นยอดฝีมือที่แท้จริงในบรรดาศิษย์ที่แท้จริงทั้ง 170 คน!

 

ด้วยเหตุนี้การปรากฏตัวของมันจึงสร้างแรงกระเพื่อมมากมายในใจของทุกคน!

 

“ไฉนศิษย์พี่หลิวอวิ๋นถึงมาที่นี่ได้ กระทั่งลงเดิมพันข้างต้วนหลิงเทียนถึง 100,000 คะแนนสะสม! นี่ศิษย์พี่ท่านมิได้ล้อเล่นใช่ไหม?”

 

ท่ามกลางสายตามากมายของเหล่าศิษย์ชั้นยอดในวิหารเป็นตาย หลิวอวิ๋นก็เดินไปหาอาวุโสที่โต๊ะเดิมพัน ก่อนที่จะหยิบบัตรผลึกแก้วขึ้นมาแตะบัตรผลึกแก้วของอาวุโสเพลิงทองแดง จ่ายเดิมพันข้างต้วนหลิงเทียน 100,000 คะแนนสะสม!!

 

ตั้งแต่ต้นจนจบคิ้วไม่ขมวดแม้แต่น้อย!

 

“นี่…ศิษย์พี่หลิวอวิ๋นกลับมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนถึงเพียงนี้เลยงั้นเหรอ!?”

 

“สวรรค์ช่วย! พอเห็นศิษย์พี่หลิวอวิ๋นแทงข้างต้วนหลิงเทียนถึง 100,000 คะแนนสะสม ไม่ทราบเพราะอะไรข้ากลับรู้สึกเสียใจที่ลงข้างศิษย์พี่หยางเหวินขึ้นมาตงิดๆ”

 

“อันที่จริงพอเห็นศิษย์พี่หลิวอวิ๋นแทงข้างต้วนหลิงเทียนถึง 100,000 คะแนนสะสมแบบนี้…ข้าก็รู้สึกอยากลงข้างต้วนหลิงเทียนขึ้นมาบ้างแล้ว!”

 

……

 

เหล่าศิษย์ชั้นยอดหลายต่อหลายคนบังเกิดความคิดจะลงเดิมพันอีกครั้งเมื่อเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น…

 

วูบ!

 

ต้วนหลิงเทียนที่ยืนอยู่บนสังเวียนเป็นตาย อยู่ๆก็เหินร่างออกไปอย่างกะทันหัน พริบตาก็บรรลุถึงชายหนุ่มที่มากับหลิวอวิ๋น

 

“พี่หลิวมู่ นี่ท่านมาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แถมยังกลายเป็นศิษย์ชั้นยอดไปแล้วด้วย!”

 

ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับหลิวมู่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ

 

ถึงแม้เขาจะเคยเจอกับหลิวมู่แค่ครั้งเดียว แต่ด้วยอุปนิสัยเป็นกันเองของหลิวมู่เขาก็รู้สึกถูกชะตาไม่น้อย จึงเห็นอีกฝ่ายเป็นสหายคนหนึ่งในเวลาอันสั้น

 

ด้วยเหตุนี้เขาจึงประหลาดใจไม่น้อยเมื่อเห็นหลิวมู่มาปรากฏตัวในวิหารเป็นตายแบบนี้ได้

 

“อะไรกันน้องหลิงเทียน นี่เจ้าคิดว่ามีแต่เจ้าที่เข้าใจเวทย์พลังประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬได้คนเดียวรึไง แต่ข้าไม่อาจทำความเข้าใจเวทย์พลังประจำแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวได้?”

 

หลิวมู่ยิ้มกล่าว และวาจาของมันก็เฉลยออกมาหมดสิ้นว่าไฉนมันถึงกลายเป็นศิษย์ชั้นยอดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้!

 

ที่แท้สาเหตุที่ทำให้หลิวมู่กลายเป็นศิษย์ชั้นยอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ เป็นเพราะอีกฝ่ายสามารถเข้าใจเวทย์พลังประจำแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวได้สำเร็จแล้วนี่เอง!

 

“พี่หลิวมู่ล้อเล่นแล้ว ข้าจะไปคิดแบบนั้นได้ยังไง…ข้าแค่ประหลาดใจอยู่บ้างที่เห็นท่านที่นี่”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้มแหยๆ

 

“เจ้าคือต้วนหลิงเทียนงั้นเหรอ?”

 

ขณะนั้นเองหลิวอวิ๋นที่ไปลงเดิมพันเสร็จแล้วก็เดินกลับมาหาหลิวมู่ มาถึงมันก็มองสำรวจต้วนหลิงเทียนผ่านๆ กล่าออกมาเสียงเรียบ “ลูกพี่ลูกน้องข้าขอให้ข้าลงเดิมพันข้างเจ้า…ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้มันผิดหวัง และไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!”

 

กล่าวจบไม่ทันขาดคำดี หลิวอวิ๋นก็เหินร่างไปหาที่นั่งบนอัฒจรรย์ทันที ไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนตอบคำอะไร

 

อัฒจรรย์ที่นั่งย่อมมีที่นั่งดีๆสามารถเห็นเรื่องราวสังเวียนเป็นตายได้ชัดตา ทว่าที่ดีๆเหล่านั้นแน่นนอนว่ามีคนไปจับจองแต่แรก

 

อย่าไรก็ตามเมื่อเห็นว่าหลิวอวิ๋นกำลังเหินร่าตรงมายัง ‘ที่ดีๆ’ เหล่าศิษย์ที่นั่งอยู่ก่อนก็รีบลุกขึ้น ก่อนที่จะเว้นที่ว่างให้หลิวอวิ๋นทั้งผายมือเชิญราวกับหลิวอวิ๋นเป็นผู้ยิ่งใหญ่

 

“น้องหลิงเทียนพี่ข้าก็เป็นของมันแบบนี้ล่ะ เจ้าอย่าได้ถือสาเลย”

 

หลิวมู่มองขอขมาต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด