War sovereign Soaring The Heavens 2129

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2129 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,129 : กระบี่ 9 สวรรค์! ความลับของ 7 ทวาราเที่ยงแท้!

 

“เฒ่าพยากรณ์…”

 

ทันใดนั้นสตรีงามกลางหาวพลันไปมองกล่าวกับชายชราข้างๆ คิ้วคู่งามขดย่นเป็นปม “ท่านแน่ใจหรือว่าเจ้าตัวน้อยทั้ง 3 นั่นจักปลอดภัยไร้เรื่องราว…ท่านเองก็สมควรรู้ดีว่าแม้ท่านจะเก็บเรื่องนี้ไว้จากเฉวี่ยไน่ได้ แต่ท่านก็ปิดนางมิได้นานนักหรอก”

 

ฟังจากคำของสตรีงาม ชายชราผู้นี้ที่แท้ก็คือผู้เฒ่าพยากรณ์ ผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับ 2 ความลับสวรรค์

 

ส่วนสตรีงามนางนี้ก็คือผู้สืบทอดของธุลีแดง

 

แน่นอนว่าทั้งคู่กล่าวได้ว่าคือผู้สืบทอดรุ่นก่อน ไม่ใช่ผู้สืบทอดรุ่นใหม่อีกต่อไป

 

เวทีของยุคสมัยนี้ ล้วนเป็นสถานที่สำหรับผู้สืบทอดในรุ่นปัจจุบันใช้โลดแล่น…ศิษย์สืบทอดของพวกมัน!

 

“ข้าเองก็มิค่อยแน่ใจนักหรอก”

 

ได้ยินคำของสตรีงาม ชายชราที่เหม่อคิดอะไรไปเรื่อยพลันดึงสติกลับคืน พอรู้สึกตัวแล้วศีรษะก็ส่ายไปมาเบาๆกล่าวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

หากให้คนอื่นมาเห็นฉากนี้เกรงว่าคงได้แปลกใจกันยกใหญ่

 

ผู้เฒ่าพยากรณ์ที่ได้รับการขนานนามว่าผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน กลับมีช่วงเวลาที่ไม่มั่นใจในบางสิ่งด้วยหรือ?

 

“ที่ท่านกลาวว่าไม่แน่ใจนี่มันหมายความเช่นใดกันแน่…หรือท่านไม่แน่ใจตั้งแต่แรกแล้ว?”

 

สตรีงามกล่าววถามออกมาเสียงสูง เห็นชัดว่านางรู้สึกไม่พอใจอย่างมากกับคำตอบขอไปทีของชายชรา!

 

“เนื่องจากค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคของภูมิภาคเบื้องบนทั้งหมดล้วนหยุดชะงักมิอาจใช้งานได้ เช่นนั้นข้าก็ไม่อาจส่งใครไปสืบความเบื้องล่างได้อีก…ข้าเองก็พยายามอ่านชะตาของเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 นั่นแล้ว” ทว่าตอนนี้ข้ากลับพบว่าชะตากรรมของพวกมันคล้ายมีเมฆหมอกบดบังยากจะแลเห็นสิ่งใด”

 

ผู้เฒ่าพยากรณ์ผ่อนลมหายใจออกช้าๆค่อยกล่าวสืบต่อ “ตอนนี้ที่ภูมิภาคเบื้องล่าง 9 ใน 10 ล้วนกำลังถูกเผ่าพันุ์ปีศาจรุกรานอยู่แน่…ม่านแห่งยุคมนุษย์ปีศาจสมควรเปิดขึ้นอีกครา ยามนี้ทุกเรื่องราวล้วนสับสน ชะตาฟ้ากลายเป็นมิอาจหยั่งถึง ข้ามิอาจมองเห็นสิ่งใดได้อีกต่อไป”

 

“อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกมันจะถูกส่งไปยังภูมิภาคเบื้องล่าง ข้าอ่านดวงชะตาของพวกมันทั้ง 3 แล้วพบว่า โชควาสนาครั้งยิ่งใหญ่ของพวกมันกำลังรอคอยพววกมันอยู่ที่ภูมิภาคเบื้องล่าง…ตอนแรกข้าเห็นสิ่งนั้นชัดเจน ทว่าบัดนี้กลับมิอาจแลเห็นอันใดได้อีก”

 

“อันที่จริงตอนแรกข้ายังสงสัยมิน้อยว่าพวกมันยังมีวาสนาอันใดกับภูมิภาคเบื้องล่างอีก…มาตอนนี้ข้าจึงได้รู้สึก ว่าที่แท้ชะตาของพวกมัน สมควรเกี่ยวพันกับการกลับมาของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากแดนเนรเทศ…”

 

กล่าวถึงจุดนี้ผู้เฒ่าพยากรณ์ก็เผยรอยยิ้มขื่นขม “หากเจ้าให้โอกาสข้าได้เลือกอีกครั้ง ข้าก็คงไม่สั่งให้อู๋หยิ่งพาพวกมันไปทิ้งไว้ที่เบื้องล่างหรอก…ตอนนี้ข้าทำก็ได้แค่เชื่อมั่นในตัวพวกมันเท่านั้น”

 

“นี่ท่านหมายความว่า…ตอนนี้พวกมันจะอยู่หรือตายท่านก็มิอาจบอกได้แล้วงั้นหรือ?”

 

ใบหน้าของสตรีงามกลายเป็นบึ้งตึง กล่าวถามออกมาเสียงหนัก กระทั่งยังฟังดูก้าวร้าวเอาเรื่องไม่น้อย

 

“เป็นเช่นนั้น”

 

ผู้เฒ่าพยากรณ์พยักหน้ารับด้วยใบหน้าจริงจัง

 

ในขณะที่หน้างามจมลง และคล้ายคิดจะกล่าววาจาอะไรบางอย่างต่อนั้นเอง

 

“ได้เวลาแล้ว”

 

ทันใดนั้นเองชายชราพลันเงยหน้าขึ้นมา มองดาราบนฟ้าสองตาพร่ามัว หากแต่ไม่นานสองตาพร่ามัวดั่งมีเมฆหมอกปกคลุมก็กลายเป็นคมกล้า ทอประกายแสงจ้าวาบหนึ่ง

 

ครู่ต่อมาพลันปรากฏกระบี่เล่มหนึ่งผุดโผล่จากความว่างเปล่า

 

กระบี่เล่มนี้หากจะเทียบกับกระบี่ทั่วไปแล้ว กลับมีขนาดใหญ่กว่ากระบี่ปกติถึงเท่าตัว ยามเมื่อพลังเซียนต้นกำเนิดของเฒ่าพยากรณ์ถ่ายทอดลงสู่ตัวดาบ กลิ่นอายคมกล้าพลันกำจายออกมาสะท้านในบรรยากาศ

 

ทันใดนั้นรังสีพลัง 9 สายปานใยไหมพุ่งออกมาจากตัวกระบี่ปานสายฟ้า! พวกมันห้อมล้อมเวียนวนรอบตัวกระบี่อย่างลี้ลับรอบหนึ่ง ก่อนที่จะเหินทะยานขึ้นไปบนฟ้า

 

“นี่น่ะหรือ…กระบี่ 9 สวรรค์”

 

ตอนนี้เองความสนใจของสตรีโฉมงามก็อดไม่ได้ที่จะไปหยุดอยู่ที่กระบี่ในมือชายชรา สองตาของนางยังเปล่งแสงสว่างจ้าออกมา

 

กระบี่ 9 สวรรค์นั้น ก็เป็น 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนเช่นกัน

 

และในบรรดาศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 10 นั้น ยอดศาสตราเซียนประเภทกระบี่ก็มีเพียง 2 เล่มเท่านั้น หนึ่งคือกระบี่ไร้ลักษณ์ อีกหนึ่งก็คือกระบี่ 9 สวรรค์เล่มนี้นี่เอง

 

เปรี๊ยง!!!

 

วู้มมม!!

 

……

 

เสียงสนั่นปานอัสนีฟาดผ่าดังก้องไปทั่วยอดเขาหิมะ เป็นรังสีกระบี่ 9 สายปานใยไหมที่พุ่งออกจากกระบี่ 9 สวรรค์ที่เหินขึ้นไปบนฟ้าเปล่งอานุภาพลี้ลับหนึ่งจนฟ้าเบื้องบนเริ่มแปรเปลี่ยนสี มองไปพวกมันคล้ายดั่งสะพานเชื่อมระหว่างสวรรค์และโลกอยู่บ้าง

 

ประสานฟ้าดิน!

 

รังสีกระบี่ 9 สายยังเชื่อมฟ้ากับกระบี่เอาไว้ แต่ละรังสีพลังเคลื่อนไหวส่ายไปมาดั่งมังกรเทพยดา กลิ่นอายพลังฟ้าดินหนาแน่นเข้มข้นนัก! ไม่นานมวลพลังฟ้าดินหนึ่งก็ค่อยๆตลบอบอวลไปทั่วยอดเขา

 

ขณะเดียวกันกับที่พลังฟ้าดินเริ่มตลบไปทั่วยอดเขา ลวดลายและอักขระโบราณอันสลับซับซ้อนบนแท่นศิลา ที่ทั้ง 7 คนนั่งขัดสมาธิอยู่ ก็คล้ายจะหวนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง! พวกมันส่องแสงสว่างเจิดจ้าหลังได้รับพลังฟ้าดินจากกระบี่ 9 สวรรค์!!

 

และแทบจะพร้อมกันกับที่อักขระหวนกลับมามีชีวิต

 

กลิ่นอายพลังอันน่าสะพรึงกลัวปานอสูรกายร้ายจากยุคบรรพกาลอันเก่าแก่โบราณพลันเอ่อล้นออกมาจากความว่างเปล่า! ปกคลุมไปทั่วยอดเขาอันมีหิมะสีขาวหนาทึบ มวลหิวะเริ่มสั่นไหวสะทือนคล้ายกำลังจะเดือด!!

 

“นิ…นี่มัน มหาค่ายกลเปลี่ยนชะตาเย้ยฟ้า 6 ทวารา!”

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังอันน่าเกรงขามเก่าแก่โบราณ สีหน้าสตรีงามเปลี่ยนไปทันใด ยามนางมองไปยังกระบี่ 9 สวรรค์ในมือชายชราอีกครั้ง ในแววตากลับฉายชัดออกมาถึงความหวาดกลัว

 

แน่นอนว่าสิ่งที่นางหวาดกลัวไม่ใช่พลังของเฒ่าพยากรณ์ และพลังอำนาจอันน่าเกรงขามของกระบี่ 9 สวรรค์ในมือของชายชรา

 

แต่เป็นผู้ที่หลอมสร้างกระบี่ 9 สวรรค์เล่มนี้ขึ้นมา!

 

และผู้ที่มีความสามารถอันน่าพรั่นพรึงถึงขั้นหลอมกระบี่ทรงอานุภาพสะท้านฟ้าดินนี้ก็คือ ผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับ ที่ 1…

 

เซียนกระบี่ฟงชิงหยาง!

 

ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน โลกหล้าล้วนเข้าใจกันไปว่าศาสตราเซียนหมื่นอาคม รวมถึงกระบี่ 9 สวรรค์นั้น ถูกหลอมสร้างขึ้นมาด้วยฝีมือของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์คนหนึ่ง…

 

แต่แทบจะไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยว่า ในบรรดายอดศาสตราเซียนหรือศาสตราหมื่นอาคมเซียนทั้ง 10 ชิ้น มีเพียง 9 ชิ้นเท่านั้นที่เป็นผลงานชั่วชีวิตของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ผู้นั้น!!

 

และเหตุผลเดียวที่ทำให้ปรมาจารย์จารึกเซียนผู้นั้นสามารถยกระดับขอบเขตศาสตร์แห่งการจารึกอาคมเซียนจากขอบเขตเทียมสวรรค์ให้กลายเป็นระดับสวรรค์ได้ เพราะมันศึกษากระบี่ 9 สวรรค์เล่มนี้จนบังเกิดความรู้แจ้ง สุดท้ายจึงได้สร้างศาสตราหมื่นอาคมเซียนของตัวเองขึ้นมา!!

 

และพวกมันก็คือศาสตราหมื่นอาคมเซียนอีก 9 ชิ้นนอกเหนือจากกระบี่ 9 สวรรค์

 

ในบรรดาศาสตราหมื่นอาคมเซียนทั้ง 9 นั้น พวกมันยากจะแบ่งแยกสูงต่ำเพราะมีความสามารถแตกต่างกันไปตามรูปแบบการใช้งานอันเป็นเอกลักษณ์ และในบางแง่มุมพวกมันก็นับว่ามีพลังอานุภาพเหนือกว่าศาสตราหมื่นอาคมเซียนเล่มแรกของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอย่า กระบี่ 9 สวรรค์ เสียอีก…

 

และเรื่องราวทั้งหมดนี้คือความลับที่แทบไม่มีผู้ใดล่วงรู้!

 

มหาค่ายกลเปลี่ยนชะตาเย้ยฟ้า 6 ทวารา ก็เป็นมหาค่ายกลที่ผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณ ฟงชิงหยางเหลือทิ้งไว้เช่นกัน

 

และการเปิดใช้งานมหาค่ายกลนี้ ยังต้องพึ่งกระบี่ 9 สวรรค์! เรียกว่าตัวมหาค่ายกลมีความเกี่ยวพันกับกระบี่ 9 สวรรค์อย่างลึกล้ำ

 

ในตอนนั้นเมื่อผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 ของ 7 ทวาราเที่ยงแท้อย่างหมอกพิรุณ ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ ก็ใช้เวลาที่เหลือทิ้งมรดกตกทอด มหาค่ายกล รวมถึงกระบี่ 9 สวรรค์เล่มนี้เอาไว้ก่อนทะยานขึ้นสู่สวรรค์

 

ต่อมาเมื่อไร้เซียนกระบี่ฟงชิงหยาง 7 ทวาราเที่ยงแท้ก็เหมือนพยัคฆ์ไร้เขี้ยว ถูก 3 ลัทธิผนึกกำลังกันบุกจู่โจมฆ่าล้างอย่างอำมหิต ทำให้กระบี่ 9 สวรรค์เองก็ตกไปอยู่ในมรสุมแห่งการช่วงชิงจนเปลี่ยนมือไปเรื่อย

 

และตอนนั้นเอง ปรมาจารย์จารึกเซียนที่บรรลุถึงระดับสวรรค์คนแรก ก็บังเอิญได้รับกระบี่ 9 สวรรค์มา หลังจากศึกษากระบี่เล่มนี้นานปี ในที่สุดมันก็สามารถยกระดับความเข้าใจในศาสตรการจารึกอาคม จนบรรลุระดับสวรรค์ได้สำเร็จ! จึงเริ่มสลักจารึกอมคม สร้างศาสตราหมื่นอาคมเซียนอีก 9 เล่มออกมา!!

 

หลังจากวันเวลาผ่านไป กระบี่ 9 สวรรค์ก็ถูกสืบทอดเปลี่ยนมือมาเรื่อย สุดท้ายก็ได้ตกมาอยู่ในมือของผู้เฒ่าพยากรณ์ หลังจากที่มันพยายามตามหาอยู่นานปี

 

ด้วยเหตุนี้มันจึงสามารถเปิดใช้งานมหาค่ายกลเปลี่ยนชะตาเย้ยฟ้า 6 ทวาราได้!

 

พลังไร้สภาพอันลี้ลับยากมองเห็นขุมหนึ่งผุดโผล่จากอากาศว่างเปล่าบนแท่นศิลาทั้ง 7! พวกมันไหลเวียนไปตามวงจรพลังของมหาค่ายกลเปลี่ยนชะตาเย้ยฟ้า 6 ทวารา! ก่อนที่จะม้วนวนควบรวมก่อเกิดแสงพลังพิสดารขุมหนึ่งกลางค่ายกล สุดท้ายก็แตกตัวแยกออกเป็นลำแสง 7 สายพุ่งเข้าสู่ร่างของ คนทั้ง 7 ที่นั่งขัดสมาธิอยู่

 

ขณะเดียวกันนั้นเองทั้งขุนเขาหิมะก็สะท้านสะเทือนปานเปลือกโลกกำลังเคลื่อนตัว มวลหิมะมหาศาลเคลื่อนขยับไปมาราวร่ายรำ

 

ในวันนี้ชะตากรรมของคนทั้ง 7 ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

 

และในวันนี้ ชายหนุ่มหญิงสาวทั้ง 7 ก็จะถือกำเนิดใหม่ในฐานะอัจฉริยะปีศาจบนยอดเขาหิมะในตอนเหนืออันห่างไกลแห่งนี้ รอคอยวันเวลาที่จะเปล่งประกายเฉิดฉายไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าในอนาคต…

 

 

ทางตอนเหนือของนครแห่งบาป

 

‘หืม? คนเยอะขนาดนี้เชียว?’

 

หลังเหินร่างทะยานข้ามฟ้าเหนือม่านเมฆไปพักหนึ่ง ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นผู้คนมากมายจากทุกทั่วสารทิศกำลังเหินกันให้ควั่กใต้ม่านเมฆเบื้องล่าง ทั้งหมดรีบร้อนกันไปราวกับมีโรงทานแจกอาหารกลางวันฟรีทางตอนเหนือ…

 

‘ดูเหมือนว่าเสน่ห์ของคลังสมบัติที่เหลือทิ้งไว้โดยเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนนั้นจะยอดเยี่ยมจริงๆ…’

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมทราบว่าผู้คนเบื้องล่างกำลังเร่งรุดเดินทางไปที่ใด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าไปยังคลังสมบัติที่เหลือทิ้งไว้โดยยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแน่นอน!

 

เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้เรื่องนี้ เพราะเขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้คนมากมายที่ได้รับทราบข่าวลือจากนครแห่งบาป เรื่องที่ว่ามีคลังสมบัติของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนปรากฏขึ้น!

 

โดยปกติแล้วสิ่งของที่ตัวตนระดับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเหลือทิ้งไว้ย่อมไม่ธรรมดา แน่นอนว่าย่อมมีอำนาจดึงดูดใจผู้คนอย่างมหาศาล

 

‘คนของพันธมิตรอีกาทมิฬงั้นหรือ?’

 

ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งใต้ม่านเมฆดึงดูดความสนใจไป

 

นั่นเพราะชุดเครื่องแต่งกายของพวกมันเป็นอะไรที่เขาคุ้นตานัก…ชุดเครื่องแบบของกองกำลังพันธมิตรอีกาทมิฬ!

 

หน้าสุดของกลุ่มคนจากอีกาทมิฬปรากฏร่างชายชราในชุดลำลองสีดำแลดูธรรมดายืนอยู่

 

‘เจ้านั่น…ผู้นำอีกาทมิฬงั้นเหรอ?’

 

ต้วนหลิงเทียนคาดเดาตัวตนของชายชราคนนั้นในหัวทันที

 

6 เดือนที่แล้วหลังจากเขาฆ่าเจียวจ้านรองผู้นำอีกาทมิฬไป ก็ไม่มีคนของอีกาทมิฬคนไหนคิดฉกฉวยโอกาสฆ่าชิงทรัพย์ผู้คนที่บาดเจ็บหลังการประลองในนครแห่งบาปอีกเลย ราวกับพวกมันจะเปลี่ยนเป็นคนดีและซื่อตรงในชั่วข้ามคืน!

 

ตอนแรกต้วนหลิงเทียนคิดว่าที่คนของอีกาทมิฬกลายเป็นเรียบๆร้อยๆ ไม่กล้าก่อการอะไร เป็นเพราะผู้นำของพวกมันไม่อยู่

 

ทว่าต่อมาหลังจากที่เขาได้ยินว่าผู้นำของอีกาทมิฬกลับมาแล้ว พวกมันก็ไม่ได้ออกตามหาล่าตัวเขาแต่อย่างใด

 

ไม่เพียงแต่จะไม่สร้างปัญหาอะไรให้เขา หลังผู้นำของอีกาทมิฬกลับมาคนของพันธมิตรอีกาทมิฬทั้งหมดก็เหมือนจะเปลี่ยนไปเป้นคนใหม่ ไม่ก่อการชั่วร้ายอะไรในนครแห่งบาปอีกเลย อันที่จริงยังเห็นคนของอีกาทมิฬออกมาเดินเพ่นพ่านในนครแห่งบาปน้อยลงมาก

 

ในช่วงเวลานั้น ผู้คนในนครแห่งบาปลือกันว่าผู้นำพันธมิตรอีกาทมิฬหวาดกลัวเขามาก จึงกลายเป็นเรียบๆร้อยไม่คิดก่อการอะไรอีกต่อไป

 

เมื่อคนของอีกาทมิฬไม่ออกมาก่อกรรมทำชั่วในนครแห่งบาป ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้เพ่งเล็งไปที่พวกมันอีกเลย ทำราวกับจะสมานฉันท์กันในเวลาชั่วข้ามคืน…

 

ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงหงุดหงิดไม่น้อย

 

คนของอีกาทมิฬกลายเป็นเรียบๆร้อยๆแบบนี้ แล้วเขาจะหาเรื่องฆ่าพวกมันเพื่อกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณได้อย่างไร?

 

เช่นนั้นเขาจึงได้แต่ไปหาโจรร้ายคนอื่นในนครแห่งบาปเพื่อกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณ ไม่เคยลงมือกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของคนอื่นตามอำเภอใจแม้แต่ครั้งเดียว!

 

ผู้ที่ถูกเขากลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณ ล้วนแล้วแต่เป็นคนชั่วที่สมควรโดนดี!

 

เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็เป็นคนมีหลักการ

 

ฟู่ม!

 

หลังเหลือบมองคนของอีกาทมิฬผ่านๆอีกรอบหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็คร้านสนใจอะไรพวกมันอีก ร่างเหินทะยานออกไปปานดาวตกพาดฟ้าในยามค่ำคืน มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปด้วยความเร็วสูง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด