War sovereign Soaring The Heavens 1612

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1612 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,612 : ปลาที่เล็ดรอดร่างแห

 

อย่างไรก็ตามแม้อาวุโสเผิงจะเผยเจตนาฆ่าฟันต่อต้วนหลิงเทียน หากแต่มันก็ไม่รีบร้อนลงมือ

 

มันเริ่มแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบทั่วทุกสารทิศเหมือนอี้เฟิง หมายจะค้นหาว่าใช่มีผู้ใดซุ่มซ่อนตัวอยู่ในที่ลับหรือไม่

 

ทั้งคู่ล้วนคิดดุจเดียวกัน ว่าต้วนหลิงเทียนสมควรมียอดฝีมืออย่างซือถูฮ่าวลอบคุ้มครองในที่ลับ หรือไม่ก็ต้องเป็นผู้เข้มแข็งในขอบเขตเซียนอื่นๆ หาไม่แล้วอีกฝ่ายคงไม่มีวันกล้ามาเปิดเผยตัวต่อหน้าพวกมันแบบนี้เพียงลำพัง!

 

พวกมันไม่เคยคิดถึงเรื่องที่ว่า…ต้วนหลิงเทียนเพียงลำพังจะสามารถกำจัดพวกมันทั้งสองได้!

 

‘ล้วนเป็นตัวโง่งมทั้งคู่

 

เมื่อเห็นว่าทั้ง 2 นั้นยังคงจับจ้องมองมาที่เขา หากแต่ความสนใจของพวกมันไม่ได้อยู่ที่เขาเลย ต้วนหลิงเทียนก็ลอบด่าทอในใจ

 

ทันใดนั้นเอง พลันปรากฏป้ายศิลาป้ายหนึ่งขึ้นข้างมือของต้วนหลิงเทียน

 

มันเป็นป้ายศิลามุมแหว่งป้ายหนึ่ง ตัวป้ายยังมีอักขระโบราณจารึกสลักเอาไว้ แม้แต่จนวันนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ทราบจริงๆว่าอักขระจารึกเหล่านั้นมันมีความหมายว่าอย่างไร

 

อย่างไรก็ตามแม้อักขระจารึกบนป้ายศิลามุมแหว่งนี้เขาจะไม่ทราบความหมาย แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อการใช้งานมัน

 

ฟุ่บ!

 

ต้วนหลิงเทียนสะบัดมือออกไปปานสายฟ้าฟาด คว้าป้ายศิลาดังกล่าวมาถือไว้ทันที

 

พริบตาต่อมาสองตาเขาก็หรี่ลงทั้งเผยประกายคมกล้า จับจ้องมองไปยังร่างชายชราทั้งอี้เฟิงเขม็ง!

 

ทันใดนั้นเขาพลันซัดป้ายศิลาประหลาดออกไปดั่งสายฟ้าฟาดไปทางอี้เฟิงทันที!

 

ยามเมื่อป้ายศิลาประหลาดมุมแหว่งเหินพุ่งแหวกอากาศไป มันก็เริ่มปลดปล่อยหมอกทมิฬออกมาฉาบคลุม!

 

ทันทีที่หมอกทมิฬดังกล่าวปรากฏขึ้นห้อมล้อมป้ายศิลา กลิ่นอายทรงพลังอันน่าพรั่นพรึงก็แผ่ซ่านกำจายออกมาอย่างเร็ว กระทั่งอี้เฟิงและชายชราที่พยายามแผ่สำนึกเทวะตรวจสอบ ก็จำต้องดึงสติกลับมาทันที สังหรณ์อัปมงคลยังร้องลั่นในใจ!

 

กลิ่นอายทรงพลังเต็มไปด้วยอำนาจสะกดข่มนี้ ทำให้ใจพวกมันสั่นสะท้าน!

 

พวกมันที่ดึงสติกลับมา ก็จับจ้องไปยังวัตถุประหลาดที่ต้วนหลิงเทียนซัดออกมาทันที จึงพบว่าเป็นป้ายศิลามุมแหว่งป้ายหนึ่ง!

 

หากแต่ป้ายศิลามุมแหว่งนี้กลับให้ความรู้สึกอันตรายแก่พวกมันนัก!

 

ความรู้สึกนี้แทบทำให้พวกมันก้าวขาไม่ออก!

 

ซู่ม!! ซู่ม!!

 

ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ อี้เฟิงกับชายชราพลันลงมือพร้อมกันทันที!

 

เสียงระเบิดของพลัง 2 เสียงดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ไอพลังน่ากลัว 2 ขุมพลันปะทุขึ้นในรัศมี 100 หมี่จากร่างของทั้งคู่ เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังเปิดใช้เขตแดน ทั้งยังเป็นการใช้เขตแดนด้วยปราณแรกกำเนิด!

 

ปราณแรกกำเนิดเป็นขุมพลังหลักของขอบเขตเซียน!

 

เขตแดนที่ถูกสร้างขึ้นด้วยปราณแรกกำเนิด ไม่ใช่อะไรที่เขตแดนจากปราณแท้จะทาบติด!

 

ไม่เพียงแต่สนามพลังจะร้ายกาจรุนแรงกว่ากันหลายขุม กระทั่งความเร็วในการก่อเกิดเขตแดนของปราณแรกกำเนิดยังรวดเร็วกว่ากันหลายเท่า!

 

เขตแดนของอี้เฟิงเพียงพึ่งเริ่มปรากฏยังไม่ทันสมบูรณ์ดี ก็สร้างความกดดันให้ต้วนหลิงเทียนไม่น้อย ทำให้สีหน้าต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเผยความเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมา

 

‘สมแล้วที่เป็นขอบเขตเซียน…เขตแดนทรงพลังขนาดนี้ กระทั่งเขตแดนหมื่นกระบี่ของข้าในตอนนี้ก็ทำลายมันไม่ได้!’

 

จุดนี้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ชัดเจน

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขตแดนของอีกฝ่ายจะทรงพลังร้ายกาจ แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ตั้งใจลงมือเคลื่อนไหวอะไรเพิ่มเติม

 

สายตาของเขาเพียงจับจ้องไปยังป้ายศิลามุมแหว่งที่พุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงจนตามองแทบไม่ทันด้วยความเชื่อมั่น!

 

ไม่ใช่เพราะอะไรอื่น แต่นั่นคือตราผนึกมาร 1 ใน 10 สุดยอดศาสตราเซียน ที่ติดอันดับในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ และยังเป็นยอดศาสตราเซียนที่มีพลานุภาพสะกดข่มมารร้ายได้อย่างชะงัดงัน!

 

และแทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนคิดถึงเรื่องนี้

 

เขตแดนของอี้เฟงและชายชราที่พึ่งก่อตัวขึ้นมาไม่ทันไร ตราผนึกมารก็คล้ายจะสัมผัสได้ถึงเขตแดนปราณแรกกำเนิดดังกล่าว กลิ่นอายพลังรอบตราผนึกมารพลันทวีความรุนแรงขึ้นหลายส่วน คล้ายกำลังมีโมโหเพราะถูกท้าทายจากเขตแดน!

 

เมื่อไอพลังดั่งหมอกทมิฬปะทุออกมา มันก็เปล่งพลังน่าพรั่นพรึงขุมหนึ่ง สะกดเขตแดนของทั้งคู่เอาไว้ทันใด!

 

แม้ตอนนี้เขตแดนพวกมันเพียงถูกสะกดระงับไว้ไม่ให้ก่อตัวสมบูรณ์ทว่าพวกมันก็ยังไม่ถูกทำลาย แต่ดูๆแล้วท่าทางพวกมันก็กำลังจะสิ้นอานุภาพในไม่ช้า!

 

“เป็นไปไม่ได้!”

 

“เป็นไปได้อย่างไร!!”

 

เห็นฉากเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้า สีหน้าท่าทางของอี้เฟิงและชายชราเปลี่ยนไปมหันต์ ลูกตาของพวกมันเผยความตื่นตระหนกขณะมองไปยังแผ่นหินประหลาดมุมแหว่งที่อยู่ๆก็ระเบิดพลังอันน่ากลัวออกมา สะกดต้านทานเขตแดนของพวกมันเอาไว้ไม่ให้ก่อตัวเสร็จสมบูรณ์!!

 

อาศัยผู้ฝึกตนขอบเขตสู่เซียน ไหนเลยจะมีพลังอำนาจไล่ต้อนพวกมันได้ถึงขนาดนี้!

 

แน่นอนว่าพวกมันแลเห็นกระจ่างชัดแก่ตาดี ว่าทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเพราะอานุภาพของป้ายศิลาประหลาดนั่นอย่างเดียว!!

 

ป้ายศิลาประหลาดนั่นมันอะไรกันแน่!

 

“ไม่จริงน่า…”

 

ทันใดนั้นสองตาอี้เฟิงพลันทอประกายสว่างวาบคล้ายจดจำบางสิ่งได้! ลูกตาของมันกลายเป็นเบิกโพลงไปด้วยความหวาดกลัว ร่ำร้องออกมาเสียงหลง “เป็นตราผนึกมาร! นั่นคือตราผนึกมาร!!”

 

ตราผนึกมาร!

 

วาจานี้ของอี้เฟิงทำให้สีหน้าชายชราที่อยู่ข้างๆเปลี่ยนเป็นซีดเผือด มันยังตกใจจนไม่ได้ควบคุมพลังที่จ่ายส่งไปยังเขตแดนเพื่อต่อต้านการระงับอีกต่อไป

 

และพริบตานั้นเอง เมื่อเขตแดนที่ยังก่อตัวไม่สมบูรณ์ เมื่อพลังงานขาดห้วง จึงถูกพลังอำนาจของตราผนึกมารที่แผ่มาสะกดไว้ก่อนหน้าบดขยี้จนแหลกพินาศ!

 

เขตแดนของอี้เฟิง เองก็ประสบชะตากรรมเดียวกันกับอาวุโสสูงสุดนิกายหยินหมิง เมื่อไร้พลังสนับสนุน มันก็พังทลายตามไปติดๆ

 

จังหวะนี้พวกมันทั้งสองที่ไร้ซึ่งเขตแดนให้พึ่งพา ก็นับว่าพวกมันตัวเปล่าเล่าเปลือยต่อหน้าตราผนึกมารโดยสมบูรณ์!

 

“วิ่ง!!”

 

“หนีเร็ว!!”

 

ต่อหน้า ตราผนึกมาร ที่เป็นดั่งเรื่องเล่าขานในตำนานของผู้ฝึกมารอย่างพวกมัน อี้เฟิงและชายชราที่ได้สัมผัสกับพลังอำนาจของตราผนึกมารด้วยตัวเองแล้ว ย่อมไม่หลงเหลือความคิดต่อสู้แข็งขืนสืบไป อันที่จริงพวกมันไม่แม้แต่จะหันมองสนใจสหายข้างกายด้วยซ้ำ ต่างแยกย้ายกันหลบหนีไปคนละทิศคนละทางทันที!!

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ!!

 

ต้องกล่าวเลยว่าในฐานะผู้ฝึกมารขอบเขตเซียนแล้ว ความเร็วของพวกมันนับว่าไม่ใช่ชั่วจริงๆ!

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ทั้งคู่แยกย้ายกันหนีอย่างนี้ ทำให้ตราผนึกมารเลือกเป้าหมายได้ทีละคนเท่านั้น!

 

และสุดท้ายตราผนึกมารก็เลือกที่จะไล่ตามอาวุโสสูงสุดของนิกายหยินหมิงไป

 

แม้ความเร็วของอาวุโสสูงสุดนิกายหยินหมิงจะไม่ใช่ชั่ว แต่ตราผนึกมารก็รวดเร็วไม่ด้อยไปกว่ามัน!!

 

ครู่ต่อมาภายใต้สายตาที่จับจ้องมองเรื่องราวของต้วนหลิงเทียน ตราผนึกมารก็พุ่งไล่อาวุโสสูงสุดนิดกายหยินหมิงทัน ยังปลดปล่อยหมอกทมิฬออกมาขุมหนึ่ง พุ่งไปฉาบคลุมทั่วร่างของอาวุโสสูงสุดนิดกายหยินหมิงในเวลาชั่วพริบตา!

 

ครู่ต่อมาหมอกทมิฬที่ฉายคลุมอาวุโสสูงสุดก็ค่อยๆจางหายไปเผยให้เห็นอาวุโสสูงสุดอีกครั้ง

 

ทว่ายามมันปรากฏออกมาอีกครั้ง สองตาของมันก็หม่นแสงไร้ประกาย ไร้ซึ่งชีวิตชีวาอีกต่อไป

 

ตราผนึกมารยามพบพานผู้ฝึกมารนั้น เพียงสะกดทำลายแค่ดวงจิต ไม่ได้ทำลายกายเนื้อ…

 

ดังนั้นแม้แลผ่านๆ ร่างกายของอาวุโสสูงสุดนิกายหยินหมิงยังคงมีสภาพดี หากแต่มันก็ตกตายไปแล้ว เพราะดวงจิตของมันถูกตราผนึกมารดูดไปทำลายในตราผนึกมาร!

 

อย่างไรก็ตามด้วยความที่ตราผนึกมารเลือกไล่ตามอาวุโสสูงสุดนิกายหยินหมิง ทำให้ตราผนึกมารคลาดโอกาสในการไล่ตามอี้เฟิงและปล่อยให้มันหลบหนีไปได้

 

ต้วนหลิงเทียนที่คิดว่าตราผนึกมารจะพุ่งไล่ตามอี้เฟิงไปหลังจากจัดการอาวุโสสูงสุดแล้ว ก็ชักสีหน้าเหวอไปทันใด เขาไม่คิดว่าอยู่ๆตราผนึกมารจะหยุดลงแบบนี้ คล้ายมันไม่อาจสัมผัสถึงอี้เฟิงได้อีกต่อไป…

 

“ดันหนีไปได้คนนึงแบบนี้…ข้าซวยแล้วไง!!”

 

ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากขึ้นมาทันที เขาอุตส่าเลือกเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการลงมือ และอุตส่าห์เฝ้ารอให้พวกมันทั้ง 2 พร้อมหน้าพร้อมตา จนมีโอกาสที่จะกำจัดพวกมันทั้งคู่ได้ดีที่สุดแล้วแท้ๆ…แต่ไม่คิดเลยว่าประมุขนิกายหยินหมิงอย่างอี้เฟิงจะหนีไปได้!

 

และการหลบหนีไปได้ของอี้เฟิง นั่นหมายความว่ามันกำลังจะทำให้เขาเจอปัญหา!

 

ยังเป็นปัญหาใหญ่ด้วย!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด