War sovereign Soaring The Heavens 1730

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1730 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,730 : ตำหนักหลัก

 

หวางเฟยเซวียนย่อมจดจำทุกสิ่งได้ดี

 

20 วันที่แล้วนางก็ติดตามต้วนหลิงเทียนไปยังสระวิญญาณด้วย แน่นอนว่าไปได้ถึงแค่ปากทางเข้าสระเท่านั้น เพราะมีเพียงหลิงเทียนคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป…

 

นางเองก็เคยถามถึงเรื่องสระวิญญาณของตำหนักฟ้าลี้ลับมาแล้ว

 

มีสระวิญญาณ 4 แห่งในตำหนักฟ้าลี้ลับ และของวังนภาดีที่สุด

 

อย่างไรก็ตามสระวิญญาณของวังนภานั้นผู้คนทั่วไปจำต้องใช้เวลาถึง 2 เดือนกว่าจะดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินที่กลั่นตัวเป็นน้ำในสระได้หมด…

 

และถึงต่อให้เป็นอัจฉริยะมีพรสวรรค์อันร้ายกาจก็ต้องใช้เวลาราวๆเดือนครึ่ง…!

 

ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับใช้เวลาเพียงแค่ 20 วัน ‘หรือเจ้าทึ่มมันจะรีบร้อนออกจากสระ ก่อนดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวจนหมด?’

 

แน่นอนว่าทันทีที่มีความคิดนี้ผุดขึ้นมา หวางเฟยเซวียนก็โละทิ้งทันที

 

ลองคิดดูก็ทราบได้

 

โอกาสที่จะได้เข้าสู่สระวิญญาณนั้นหาได้ยากเย็นเพียงใด แถมยังไม่มีการจำกัดเวลาหากเข้าไปแล้ว! เช่นนั้นต่อให้โง่งมแค่ไหนก็ต้องดูดซับพลังวิญญาณเหลวจนหมด!!

 

หลิงเทียนเป็นตัวโง่งมหรือ?

 

หวางเฟยเซวียนเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้

 

“ไม่รู้แหล่ะ! ไปถามเจ้าทึ่มมันตรงๆเลยแล้วกัน!!”

 

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้หวางเฟยเซวียนก็เลิกคิดอะไรให้มาก วิ่งออกจากบ้านและตรงไปยังที่พักของต้วนหลิงเทียนทันที

 

อย่างไรก็ตามเมื่อนางมาถึงบ้านของต้วนหลิงเทียน นางก็หาตัวต้วนหลิงเทียนไม่เจอเสียแล้ว คล้ายอีกฝ่ายได้หนีไปซ่อนตัวก่อนนางมาถึง ทำให้นางฮึดฮัดอยู่หน้าบ้านพักใหญ่ “เจ้าทึ่มนั่นมันหนีไปซ่อนไวนักนะ…แต่เจ้าคิดว่าท่านย่าผู้นี้จะหาเจ้าไม่เจอเพียงเพราะเจ้าไปซ่อนงั้นหรือ?”

 

ยังดีที่ต้วนหลิงเทียนไม่อยู่เห็นฉากนี้ หาไม่แล้วน่ากลัวคงได้ทำตาปริบๆ หมดคำจะพูด…

 

ตอนแรกวันนี้เขาตั้งใจเข้าฌาณทำสมาธิ พยายามสำนึกถึงเต๋ากระบี่…อนิจจาเป็นเพราะพลังฝึกปรือที่พึ่งทะลวงผ่านมา ทำให้อารมณ์ของเขาไม่คงที่ แถมยังยากจะสงบลงได้

 

ด้วยเหตุนี้เขาจึงละทิ้งการสำนึกถึงเต๋ากระบี่ของยอดใจกระบี่ชั่วคราว เลือกที่จะไปตามหาห้องสมุดหรือหอตำราอะไรทำนองนั้นของตำหนักฟ้าลี้ลับแทน

 

ถามผู้คนอยู่ไม่นาน เขาก็ได้ทราบว่าหอตำราของตำหนักฟ้าลี้ลับ มีอยู่ถึง 5 แห่ง

 

นภา ปฐพี ลี้ลับ เหลือง ของวังทั้ง 4 นอกจากนี้ยังเหลืออีกแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนตำหนักใหญ่บนเกาะลอยฟ้าที่ลอยล่องอยู่เหนือวังทั้ง 4! และหอตำราบนนั้นยังเป็นหอตำราที่ใหญ่ที่สุดในตำหนักฟ้าลี้ลับอีกด้วย มีตำราและคัมภีร์บันทึกเรื่องราวไว้แทบทุกประเภท! เรียกว่านอกเหนือจากบันทึกลับสำคัญต้องห้ามของตำหนักฟ้าลี้ลับแล้ว ทุกอย่างที่ตำหนักฟ้าลี้ลับล่วงรู้ ถูกเก็บไว้ที่นั่น!!

 

การที่ต้วนหลิงเทียนอยากล่วงรู้สิ่งที่เขาไม่รู้นั้น แน่นอนว่าการไปหอตำราบนตำหนักลอยฟ้านั่นควรเป็นอะไรที่ดีที่สุด

 

นอกเหนือจากที่นั่นจะเป็นสถานที่อยู่ของอาวุโสระดับสูงๆแล้ว บนเกาะลอยยังเต็มไปด้วยศิษย์ของตำหนักฟ้าลี้ลับที่โดดเด่น ตราบใดที่สามารถติดอันดับฟ้าลี้ลับที่ทางตำหนักจัดตั้งขึ้นมาได้ ก็สามารถได้รับสถานที่บ่มเพาะพิเศษบนเกาะที่สงวนไว้ให้โดยเฉพาะ!!

 

และแน่นอนว่าโดยมากแล้วผู้ที่จะติดอันดับในรายนามฟ้าลี้ลับได้ ล้วนแต่บรรลุขอบเขตอริยะเซียนหรือสูงกว่านั้นทั้งสิ้น!

 

โดยปกติแล้วตัวตนขอบเขตพลังอริยะเซียนนั้น จะไม่มีในขุมพลังชั้น 6 และมีตั้งแต่ในขุมพลังชั้น 5 ขึ้นไป…แถมส่วนมากก็จะเป็นชนชั้นอาวุโส!

 

ในขุมพลังชั้น 4 แม้อาจจะไม่ได้เป็นผู้อาวุโสระดับสูง แต่ก็ยังมีฐานะหน้าตา

 

หากแต่ในขุมพลังกึ่งชั้น 3 ขอบเขตอริยะเซียนก็ไม่ได้ถือว่าวิเศษวิโสอะไรมากมาย เพราะมีผู้ฝึกตนที่บรรลุถึงอริยะเซียนไม่น้อยในขุมพลังกึ่งชั้น 3! ศิษย์ที่โดดเด่นบางคนก็สามารถทะลวงถึงขอบเขตอริยะเซียนได้ไม่มีปัญหาอะไร ยามอายุครบถึงเกณฑ์..

 

ด้วยเหตุนี้สำหรับขุมพลังกึ่งชั้น 3 อย่างตำหนักฟ้าลี้ลับแล้ว ขอบเขตอริยะเซียนทั่วไปก็ไม่นับว่าเป็นตัวอะไร

 

“นอกจากศิษย์ที่ติดอันดับในรายนามฟ้าลี้ลับ…ทุกคนจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าสู่ตำหนักหลักทุกๆ 3 เดือนงั้นเหรอ!”

 

ตำหนักหลัก ก็คือตำหนักใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเกาะลอยฟ้า

 

วันนี้ต้วนหลิงเทียนก็คิดจะใช้สิทธิ์เข้าตำหนักหลักได้ 1 ครั้งทุกๆ 3 เดือน เพื่อเข้าไปหาความรู้ในหอตำราที่ตำหนักหลักของตำหนักฟ้าลี้ลับ

 

สำหรับเรื่องอื่นๆบนตำหนักหลักนั้นไม่ได้ล่อลวงใจเขาแม้แต่น้อย

 

ก็จริงที่ตำหนักหลักบนเกาะลอยฟ้าจะมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะที่ดีกว่า

 

ทว่าสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะภายในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติของเขา ก็เป็นอะไรที่เหนือกว่าพื้นที่บนตำหนักหลักของตำหนักฟ้าลี้ลับเสียอีก ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับต้วนหลิงเทียนที่จะมีที่บนตำหนักหลักหรือไม่..

 

ฟุ่บ!

 

ดังสายลมกรรโชกหอบหนึ่งซัดโถม ร่างคนกลับกลายคล้ายภูตผี พุ่งวูบไปยังเกาะลอยฟ้าเหนือม่านเมฆด้วยความเร็วสูง

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

……

 

ทว่าก่อนที่ร่างดังกล่าวจะบรรลุถึงเกาะลอยฟ้า พลันถูกร่างคนกลุ่มหนึ่งพุ่งมาปิดกั้นเส้นทางเอาไว้

 

เจ้าของเงาร่างกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่สวมชุดเกราะเฉพาะของตำหนักฟ้าลี้ลับ!

 

ในตำหนักฟ้าลี้ลับนั้น มีเพียงศิษย์ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นถึงสวมใส่ชุดเกราะเช่นนี้ได้

 

ส่วนศิษย์ทั่วไป เพียงใช้ป้ายประจำตัวบอกฐานะก็พอ

 

“เจ้าเป็นศิษย์ของวังนภางั้นหรือ?”

 

ท่ามกลางเหล่าศิษย์ในชุดเกราะที่ปรากฏตัวขึ้น ชายวัยกลางคนที่คล้ายผู้นำกลุ่มเพียงว่ายตามองผู้เหินร่างขึ้นมาปราดเดียวก็ระบุอัตลักษณ์ได้จากคำ ‘นภา’ ที่สลักไว้บนป้ายประจำตัว ซึ่งผู้ที่เหินขึ้นมาก็ห้อยแขวนให้เห็นไว้ที่เอวชัดเจน

 

“หลิงเทียน ศิษย์ใหม่ของวังนภายินดีที่ได้พบทุกท่าน”

 

ผู้ที่เหินร่างขึ้นมานี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นต้วนหลิงเทียนเอง

 

เผชิญหน้ากับศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับที่มาดขึงขังในชุดเกราะ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพียงทักทายและกล่าวคำบอกเจตนาการมาออกไปด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ทั้งหลาย ข้าคิดเข้าไปเยี่ยมชมหอตำราที่ตำหนักหลักน่ะ”

 

“หืม? หลิงเทียน!?”

 

อนิจจาวาจาประโยคหลังของต้วนหลิงเทียนคล้ายไม่มีใครสนใจฟังเลย เพราะความสนใจของทุกคนกลับอยู่ที่วาจาแนะนำตัวประโยคแรกของต้วนหลิงเทียนหมดสิ้น!

 

หลิงเทียน!

 

ชื่อนี้ไม่ใช่อะไรที่แปลกหูพวกมัน!

 

กระทั่งพวกมันยังต้องตกใจเพราะชื่อนี้ถึง 2 ครั้ง!

 

หลิงเทียนศิษย์ใหม่ของวังนภา เพียงมาถึงได้ไม่ทันไรก็ประมือเสมอกับกัวลู่ ศิษย์วังนภาที่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ ทั้งเป็นยอดฝีมือที่ติด 3 อันดับแรกที่อยู่ในขอบเขตพลังนี้!

 

นั่นนับเป็นครั้งแรกที่พวกมันได้ยินนาม หลิงเทียน

 

จังหวะนั้นในใจของพวกมันยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะท้าน อัจฉริยะเซียนรุ่นเยาว์ที่บรรลุขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญตั้งแต่อายุไม่ถึง 40..แล้วอนาคตจะร้ายกาจปานใด?!

 

สำหรับครั้งที่ 2 นั้น พวกมันก็พึ่งได้ยินมาวันนี้เอง!

 

หลิงเทียนที่พึ่งเข้าสระวิญญาณไปเมื่อ 20 วันก่อน ดูเหมือนว่าใช้เวลาเพียงแค่ 20 วันก็สามารถดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวได้หมดสระ! แถมนั่นยังเป็นสระวิญญาณของวังนภา!

 

ข่าวนี้คงไม่ได้สร้างความแปลกใจอะไรให้กับศิษย์ใหม่ที่พึ่งเข้าร่วมตำหนักฟ้าลี้ลับ…

 

ทว่าตราบใดที่เป็น ‘ศิษย์เก่า’ ของตำหนักฟ้าลี้ลับ ล้วนไม่อาจไม่ตกใจ!

 

อย่าว่าแต่ 20 วัน…ตลอดทั้งประวัติศาสตร์ของตำหนักฟ้าลี้ลับ ไม่เคยมีใครที่ด่านพลังฝึกปรือต่ำกว่าอริยะเซียนเข้าไปใช้สระวิญญาณแล้ว…สามารถดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวจนหมดสิ้นได้โดยใช้เวลาไม่ถึงเดือนมาก่อน! ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่สระวิญญาณของวังนภาเป็นอะไรที่เลิศล้ำที่สุดใน 4 วัง!

 

ในบันทึกประวัติศาสตร์ของตำหนักฟ้าลี้ลับ ผู้ที่ใช้เวลาดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวสั้นที่สุดเท่าที่มีบันทึกไว้ก็คือ 1 เดือนกับอีก 3 วัน!

 

ทว่านั่นคือสระวิญญาณของวังเหลือง ซึ่งไม่อาจเทียบชั้นกับของวังนภาได้เลย!

 

ทว่าตอนนี้ศิษย์ใหม่ของวังนภา กลับใช้เวลาไม่ถึง 20 วันดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวในสระวิญญาณของวังนภาได้หมด! ไม่เพียงแต่กับพวกมัน กระทั่งคนทั้งตำหนักฟ้าลี้ลับล้วนแตกตื่นกันทั้งสิ้น!!

 

“เจ้าคือ หลิงเทียน จากวังนภาคนนั้นหรอ?”

 

ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าในบรรดาคนที่อึ้งไป เป็นชายวัยกลางคนที่ฟื้นสติกลับมาก่อนใคร สองตามันทอประกายวาวโรจน์ขึ้นมา มองถามต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง

 

“หืม?”

 

อันที่จริงหากเป็นการจ้องมองด้วยความประหลาดใจธรรมดาคงไม่แปลกอะไร แต่ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่ชนชั้นต่ำทราม ไหนเลยจะไม่อาจสัมผัสได้ว่าลึกลงไปในสายตาที่กำลังประหลาดใจของมันกลับแฝงเร้นไว้ด้วยเจตนาเป็นปรปักษ์!

 

เรื่องนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนอดคิดไปในใจเสียไม่ได้ ‘ข้าพึ่งเจอมันครั้งแรกแท้ๆ ไหงมันเขม่นข้าแล้วล่ะ?’

 

ในขณะเดียวกันกลุ่มคนลาดตระเวนที่อึ้งไป ก็หวนกลับมาครองสติกันถ้วนหน้า และตอนนี้ทั้งหมดก็ตระหนักได้ถึงกลิ่นดินปืนที่คละคลุ้งในบรรยากาศระหว่างผู้นำหน่วยของมันกับต้วนหลิงเทียนทันที

 

ครู่ต่อมาพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบกันเบาๆ

 

“ข้าเกือบลืมไปเลย! ว่าน้องชายของศิษย์พี่หวงตงเลือกที่จะปิดด่านบ่มเพาะไม่ยอมออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันตั้งแต่ถูกหลิงเทียนมอบความอัปยศให้…กระทั่งยังลั่นวาจาไว้ว่าหากไม่ทะลวงด่านพลังจะไม่ออกมาเด็ดขาด…”

 

“ข้าก็ได้ยินมาเหมือนกัน ถึงหวงจี้จะไปหาเรื่องหลิงเทียนก่อน แต่การกล้อนผมผู้อื่นก็ทำเกินไปจริงๆ…”

 

“เรื่องนี้ไม่เพียงแต่จะแพร่อยู่ในวังนภาเท่านั้นนะ เห็นว่าทุกวังล้วนรับทราบเรื่องราวหมดแล้ว เรียกว่าจังหวะนี้หวงจี้เป็นตัวตลกในวงสนทนาก็ว่าได้…ศิษย์พี่หวงตงเองก็มีน้องชายคนเดียว ใยจะไม่มีโมโหได้”

 

“นั่นสิ คงไม่เป็นอะไรหากหลิงเทียนไม่โผล่มาให้ศิษย์พี่หวงตงเห็น เพราะอย่างไรศิษย์พี่ก็ต้องทำหน้าที่ลาดตระเวนไม่อาจละเลยหน้าที่ออกไปล้างแค้นได้ แต่นี่หลิงเทียนกลับโผล่มาหาศิษย์พี่หวงตงเองแบบนี้ นับว่าเปิดโอกาสให้ศิษย์พี่แล้วจริงๆ…อีกทั้งถ้าหากศิษย์พี่ไม่ลงมือทำอะไร น่ากลัวคงได้ชื่อว่าตัวขี้ขลาดไม่ผิดแน่ถ้าเรื่องในวันนี้แพร่ออกไป! เพราะไม่กล้าแม้แต่จะล้างแค้นให้น้องชายคนเดียว..”

 

……

 

เสียงกระซิบของเหล่าศิษย์ลาดตระเวนแม้ไม่ได้ดังอะไรมากมายสำหรับคนอื่น แต่สำหรับต้วนหลิงเทียนเขาได้ยินมันชัดทุกถ้อยคำ!

 

หวงตง!

 

พี่ชายของหวงจี้!

 

มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ทราบได้ว่าไฉนหวงตงถึงได้แลดูเป็นอริกับเขาตั้งแต่แรกพบ ที่แท้มันเป็นพี่ชายของหวงจี้นี่เอง

 

สำหรับหวงจี้นั้นต้วนหลิงเทียนย่อมจดจำได้ดี

 

เกือบเดือนที่แล้วมีศิษย์วังนภายกพวกกันมาปิดล้อมบ้านพักของเขาเพราะไม่ยอมรับเรื่องที่เขาได้สิทธิ์เข้าสระวิญญาณ และเป็นหวงจี้กับพวกอีก 2 คนที่ทำท่าคล้ายจะบุกเข้ามาบ้านพักของเขา ทว่าเป็นเขาปรากฏตัวออกมาเองก่อน พวกมันจึงไม่ทันได้สมหวัง

 

ทว่าแม้พวกมันยังไม่ทันสมหวัง แต่พวกมันก็กล่าวว่าจาบอกเจตนาแต่แรก!

 

แถมหวงจี้ยังท้าทายเขาอีกด้วย!

 

เมื่อคิดถึงมารยาทที่ต่ำช้าของหวงจี้และเรื่องที่อีกฝ่ายท้าทายเขาไม่พอยังกล่าววาจาดูหมิ่นเขาไม่เลิก ต้วนหลิงเทียนจึงจัดการกล้อนผมมันเสียในตอนประลอง!

 

ในสายตาเขาเรื่องนี้นับเป็นเขามีเมตตาให้มันมากแล้ว!

 

เขาเป็นคนที่เคารพผู้ที่เคารพเขา อย่างกัวลู่ที่ซื่อตรงหวังดี ยามประลองแม้พลังฝีมือของกัวลู่จะไม่นับเป็นอะไรในสายตา เขาก็ยินดีออมมือสู้เสมอเพื่อรักษาหน้าให้กัวลู่

 

นี่คือวิถีของเขา ต้วนหลิงเทียน

 

ดังนั้นพอทราบว่าหวงตงเบื้องหน้าเป็นพี่ชายหวงจี้ ต้วนหลิงเทียนเพียงมองหวงตงอย่างใจเย็น เพียงแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีอารมณ์อื่นใดอีก

 

แถมเขาไม่ได้กังวลเรื่องที่หวงตงจะล้างแค้นเลย

 

ด้วยพลังฝีมือของเขาในตอนนี้ ต่อให้หวงตงจะเป็นศิษย์ระดับสูงในตำหนักฟ้าลี้ลับเขาก็ไม่กลัวมันแม้แต่น้อย นับประสาอะไรกับเป็นได้แค่ผู้นำหน่วยลาดตระเวน?

 

เพราะด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบัน ต้วนหลิงเทียนมั่นใจว่าหากเปิดใช้พลังอำนาจของกระบี่นิลสวรรค์ แม้ไม่ได้เต็ม 10 ส่วนแต่กว่า 9 ส่วนเขามั่นใจนัก! ว่าสามารถสยบเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดได้ในกระบี่เดียว!!

 

“เจ้าได้ยินที่พวกมันพูดหรือไม่?”

 

หวงตงมองต้วนหลิงเทียนค่อยกล่าวถามออกมาเบาๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด