War sovereign Soaring The Heavens 2275

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2275 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,275 : ตัดรากถอนโคน!

 

“น้องหลิงเทียนตอนนี้เจ้ากลายเป็นคนดังของวังเซียนสัญจรแล้วรู้ตัวหรือไม่…ไม่เชื่อเจ้าลองเดินออกไปถามดูสิ ว่ายังมีใครไม่รู้จักเจ้าอีกบ้าง?”

 

หวงฉี่หลิงกล่าวแซวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

 

ตอนแรกมันเองก็กังวลไม่น้อย ด้วยกลัวว่าท่าทีของต้วนหลิงเทียนที่มีต่อมันจะเปลี่ยนไป

 

เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนก็ไม่ใช่อย่างที่เคยเป็น อีกฝ่ายกลับกลายเป็นตัวตนที่อาจบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนไปเสียแล้ว!

 

อย่างไรก็ตามพอได้เห็นต้วนหลิงเทียนทักทายมันด้วยรอยยิ้ม มันก็รู้ได้ทันที

 

น้องหลิงเทียนเบื้องหน้า ยังคงเป็นน้องหลิงเทียนคนเดิมกับเมื่อปีที่แล้ว!

 

“หืม?”

 

ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อยหลังได้ยินคำหวงฉี่หลิง

 

จากคำพูดของหวงฉี่หลิง ต้วนหลิงเทียนก็พอเข้าใจได้ว่าเรื่องราวที่เขากก่อวันนี้ มันทำให้วังเซียนสัญจรแตกตื่นกันไม่น้อย

 

“ท่านพ่อ…เขาเป็นผู้ใดหรือ?”

 

ตอนนี้เองต้วนซือหลิงพลันเดินออกมาจากห้อง ก่อนจะเดินเข้าไปหาต้วนหลิงเทียน สองตากลมใสกระพริบปริบๆขณะมองไปยังหวงฉี่หลิง

 

“เขาเป็นสหายของพ่อเอง เรียก ท่านลุง สิลูก”

 

เมื่อซือหลิงเดินเข้ามาใกล้ ต้วนหลิงเทียนก็ช้อนตัวนางขึ้นมาอุ้มไว้ ค่อยกล่าวแนะนำลูกสาวให้รู้จักอีกฝ่าย

 

“ท่านลุง”

 

ต้วนซือหลิงมองหวงฉี่หลิงตาแป๋วค่อยเรียกออกมาเสียงหวาน

 

หวงฉี่หลิงยิ้มรับทันที ในใจยังรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา

 

ทั้งหมดเกิดจากคำที่ต้วนหลิงเทียนเรียกหามันว่า ‘สหาย’

 

ต้วนหลิงเทียนเห็นมันเป็น ‘สหาย’ คนหนึ่ง

 

“อั้ยหยา! ไม่คิดเลยว่าจะเจอหลานน่ารักเช่นนี้ ลุงจึงมิได้เตรียมของขวัญมาให้เป็นพิเศษ…จี้หยกชิ้นนี้ลุงได้มาโดยบังเอิญเมื่อหลายปีก่อน ลุงให้หลานสาวตัวน้อยเป็นของขวัญแรกพบแล้วกัน”

 

หวงฉี่หลิงค้นหาสิ่งของในแหววนพืนที่ครูหนึ่ง ค่อยหยิบจี้หยกกลมมนที่แลดูมีราคาค่างวดออกมา

 

และทันทีที่จี้หยกนี้ปรากฏออกมา อากาศโดยรอบกลับกลายเป็นอบอุ่นทันที ราวกับมันมีอำนาจวิเศษ

 

เมื่อเห็นหวงฉี่หลิงยื่นจี้หยกมาให้ ต้วนซือหลิงแม้จะทำตาลุกวาว แต่ก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนก่อนราวกับจะรอคำอนุญาตจากต้วนหลิงเทียน

 

“ท่านลุงอุตส่าห์ให้ของขวัญซือหลิงคนเก่งของพ่อ ซือหลิงก็รับไว้สิลูก”

 

ต้วนหลิงเทียนลูบหัวน้อยๆของซือหลิงอย่างอ่อนโยนค่อยกล่าวอนุญาต

 

“ขอบคุณค่าท่านลุง”

 

แทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ต้วนซือหลิงพอกกล่าวขอบคุณจบก็เอื้อมมือน้อยๆไปคว้าหมับจี้หยกมาจากกมือหวงฉี่หลิงทันที ก่อนที่จะยกขึ้นมาลูบๆคลำๆเล่น “ว้าวท่านพ่อ! อันนี้มันทำให้อุ่นสบายมากเลย!!”

 

“ไม่คิดเลยว่าน้องหลิงเทียนกลับมีลูกสาวน่ารักโตขนาดนี้แล้ว…”

 

หวงฉี่หลิงถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

 

ขณะเดียวกันในใจก็อดนึกถึงอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของวังเซียนสัญจรอย่าง หวงเหวินจิ้ง ขึ้นมาไม่ได้

 

หลังจากกลับจากมรดกสถานวันนั้น ด้วยความที่หวงเหวินจิ้งคิดว่าตัวมันสนิทสนมกับต้วนหลิงเทียน จึงมาถามไถ่เรื่องราวของต้วนหลิงเทียนจากมัน…

 

และวันนั้นมันก็ตระหนักได้ทันทีว่า…

 

หวงเหวินจิ้งไม่เพียงหวั่นไหว แต่สมควรมีใจให้ต้วนหลิงเทียนเสียแล้ว

 

‘ไม่รู้น้องเหวินจิ้งรู้แล้วหรือไม่ว่าน้องหลิงเทียนมีภรรยากับลูกโตขนาดนี้แล้ว…หากรู้แล้ว เกรงว่าป่านนี้คงเสียใจอยู่กระมัง?’

 

‘อย่างไรเสียข่าวเรื่องน้องหลิงเทียนคงแพร่ไปทั่ววังเซียนสัญจรแล้ว หากนางไม่ได้ปิดด่านก็คงทราบเรื่องราวดี…’

 

คิดถึงจุดนี้หวงฉี่หลิงก็ได้แต่ลอบทอดถอนในใจ

 

ไหนเลยมันจะไม่รู้จักอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของวังเซียนสัญจรคนนี้ กระทั่งยังเห็นอีกฝ่ายตั้งแต่เด็ก!และตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ทราบมีบุรุษมากมายเท่าไหร่มีใจให้นาง แต่นางล้วนแล้วแต่ผลักไสทั้งหลายออกไปอย่างเย็นชา ไม่เคยแยแสผู้ใดทั้งสิ้น…

 

ด้วยเหตุนี้พอเห็นหวงเหวินจิ้งมาถามหาต้วนหลิงเทียนวันนั้น และมองออกได้ไม่ยากว่าสมควรมีใจให้ต้วนหลิงเทียนแล้ว มันจึงตกใจไม่น้อย กระทั่งยังอึ้งไปอยู่นานสองนานกว่าจะหาย

 

‘ข้าเกรงว่าคงมีแต่คนอย่างน้องหลิงเทียนเท่านั้นที่คู่ควรกับอัจฉริยะมากพรสวรรค์เช่นน้องเหวินจิ้ง…’

 

ยิ่งคิดหวงฉี่หลิงก็ยิ่งทอดถอนในใจ

 

เพราะตอนนี้มันรู้ดี

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะคู่ควรกับหวงเหวินจิ้ง แต่ระหว่างทั้งคู่ล้วนเป็นไปไม่ได้ เพราะต้วนหลิงเทียนมีภรรยากับลูกเสียแล้ว

 

ถึงแม้ในโลกที่ยึดถือพลังเป็นใหญ่เช่นนี้ นับเป็นเรื่องปกติที่บุรุษอันเข้มแข็งทรงอำนาจจะมี 3 ภรรยา 4 สนม แต่มันที่เห็นหวงเหวินจิ้งมาแต่เด็กไหนเลยจะไม่เข้าใจนิสัยของนาง เป็นไปไม่ได้ที่คนอย่างนางจะแบ่งปันบุรุษกับสตรีใด!

 

ในขณะที่หวงฉี่หลิงกับต้วนหลิงเทียนกำลังสนทนาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันนั้น…

 

ณ พื้นที่แห่งหนึ่งของวังเซียนสัญจร ภายในเคหะสถานของผู้อาวุโส…

 

เปรี๊ยงงง!!

 

หญิงชราผมขาวโพลนนางหนึ่งพลันยกมือตบฟาดโต๊ะหินอ่อนเบื้องหน้าจนแหลกเป็นผง!

 

ระหว่างทุบฟาดโต๊ะ สองตาหญิงชรายังทอประกายดุร้ายแหลมคมรปานมีดดาบที่สามารถผ่าทำลายได้ทุกสิ่ง!

 

“ต้วน! หลิง! เทียน!”

 

จากนั้นหญิงชราก็คำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน

 

ในน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟันของนางยังสุมไว้ด้วยความเคียดแค้นชิงชังอันไร้สิ้นสุด!

 

แน่นอนว่านอกเหนือจากนั้นยังมีความอับจนทดท้อเจือปนอยู่จางๆ

 

“อวี่จี๋…ยายไม่เอาไหน ตอนนี้สัตรูมาถึงที่แล้ว แต่ยายกลับมิอาจล้างแค้นให้เจ้าได้!”

 

หญิงชราถลึงตามองเหม่ออย่างอาฆาตแค้น กล่าวรำพันเสียงทุ้ม “แต่หลานรักเจ้ามิต้องเป็นกังวล…แม้ยายจักมิอาจฆ่าสารเลวต้วนหลิงเทียนนั่นได้ แต่ยายสามารถฆ่าคนสำคัญของมันได้!!”

 

“ยายชราผู้นี้ได้ยินมาว่านอกจากเมียแล้วมันยังพาลูกสาวมาด้วย…ยายมิเชื่อว่ามันจะอยู่กับลูกเมียได้ตลอดเวลา! ตราบใดที่ยายไม่เอาไหนผู้นี้เห็นโอกาส ยายจะให้ลูกเมียมันต้องถูกดินกลบหน้าเหมือนเจ้า!!”

 

“ยายจักให้ต้วนหลิงเทียนมันทุกข์ทรมาณไปชั่วชีวิต ให้มันสำนึกเสียใจเรื่องที่มันกล้าฆ่าหลานรักของยาย!!”

 

ขณะหญิงชราพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงอาฆาตแค้น ทั่วร่างยังปรากฏพลังเซียนต้นกำเนิดทั้งไอมารมหาศาลลุกโชนขึ้นมาดั่งเพลิงไฟ สีหน้าท่าทางแลดูวิกลจริตจิตเบี้ยวนัก!

 

ฟังจากคำพูดของหญิงชราผู้นี้ ตัวตนของนางก็ได้เฉลยออกมาแล้ว…

 

ที่แท้นางก็คือยายของซือถูอี่จวี๋ 1 ใน 3 นายน้อยสวะของวังเซียนสัญจรที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าทิ้งไปก่อนเข้ามรดกสถานเมื่อปีที่แล้ว! ยังเป็นอาวุโสของวังเซียนสัญจรด่านพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนสวรรค์ 8เปลี่ยน!!

 

ในบรรดาอาวุโสวังเซียนสัญจรที่อยู่เบื้องหลังนายน้อยสวะทั้ง 3 นั้น ต้วนหลิงเทียนฆ่าทิ้งไปแล้ว 2คน…

 

หลงเหลือก็แต่นาง อาวุโสวังเซียนสัญจร หลู่เวย

 

วันนี้ข้ารับใช้ทยอยกันเข้ามารายงานข่าวแต่ละข่าวให้นางรับทราบอย่างต่อเนื่อง จึงได้รู้ว่า ต้วนหลิงเทียน ที่ฆ่าหลานชายคนเดียวของนางได้ปรากฏตัวขึ้นที่วังเซียนสัญจรแห่งนี้แล้ว

 

แต่พอได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนมีพลังฝีมือร้ายกาจถึงขั้นฆ่าหลินหย่วนอาวุโสขอบเขตเซียนสวรรค์ 8เปลี่ยนที่แข็งแกร่งทัดเทียมกับนางได้ใน 2 กระบวนท่า นางก็ระงับความคิดฆ่าฟันต้วนหลิงเทียนเอาไว้ทันที!

 

เพราะนางรู้ดีว่าต่อให้นางบุกไปฆ่าต้วนหลิงเทียนล้างแค้น แต่เกรงว่าคนที่ตายจะเป็นตัวนางเอง!

 

เช่นนั้นนางจึงเลือกหนทางการล้างแค้นในอีกรูปแบบหนึ่ง

 

เพียงเฝ้ารอโอกาสเข่นฆ่าภรรยาทั้งลูกสาวต้วนหลิงเทียนให้ตาย ให้อีกฝ่ายรับทราบถึงความเจ็บปวดเสมือนตายทั้งเป็น และต้องสำนึกเสียใจไปชั่วชีวิต!!

 

ทว่าโอกาสที่นางเฝ้ารอนั้นจะมีวันมาถึงหรือไม่?

 

“ที่นี่ล่ะน้องหลิงเทียน”

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งจากนอกลานดังเข้าหูหลู่เวย ทำให้สีหน้าของหลู่เวยเปลี่ยนไปอย่างมาก

 

น้องหลิงเทียน?

 

‘ใช่ต้วนหลิงเทียนหรือไม่?’

 

จังหวะนี้สีหน้าหลู่เวยถึงกับแปรเปลี่ยนไปมหันต์ ลูกตานางยังหดหยีลงทันใด

 

ฟุ่บ!

 

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ลูกตาของหลู่เวยหดหยีลง เสียงแหวกอากาศหนึ่งพลันแว่วดังเข้าหูนาง พาลให้ลูกตาของนางหดเล็กลงอีกครั้ง

 

ตอนนี้นางยังไม่อาจตอบสนองได้ว่านี่มันเรื่องราวอันใด

 

ตุบ!

 

และแทบจะทันทีที่นางตอบสนองเรื่องราว นางก็ได้แลเห็นร่างหนึ่งมาหยุดยืนเบื้องหน้า

 

เป็นชายหนุ่มในชุดสีม่วง

 

ถึงแม้ว่านางจะได้เห็นตัวจริงของชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้เป็นครั้งแรก แต่ทว่านางไม่ทราบเห็นรูปเหมือนของอีกฝ่ายมากี่ครั้งแล้วตลอดปีที่ผ่าน ทำให้นางสามารถจดจำอีกฝ่ายได้ทันทีตั้งแต่แรกเห็น!

 

ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ ก็คือฆาตกรฆ่าหลานชายของนาง ซือถูอวี่จี๋! ศัตรูที่ชั่วชีวิตนี้นางไม่มีวันเลิกรา!!

 

ต้วนหลิงเทียน!

 

ฟุ่บ!

 

ทันใดนั้นปรากฏเสียงแหวกฝ่าสายลมดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ผู้ที่ปรากฏตัวมาในชุดหรูหราปานคุณชายผู้ร่ำรวย หวงฉี่หลิง!

 

“ต้วนหลิงเทียน เจ้ามาที่นี่ทำอะไร ข้ามิได้คิดแก้แค้นอันใดเจ้า!”

 

หลู่เวยมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงหนัก

 

ในสายตาของหลู่เวย ในเมื่อนางยังไม่ทันได้เผยเจตนาฆ่าฟันต่อต้วนหลิงเทียนกระทั่งยังมิได้ริเริ่มทำอะไรสักอย่าง เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีเหตุผลให้ฆ่านาง!

 

เพียงแต่เรื่องราวบางประการจำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ?

 

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่คิดฆ่าข้าล้างแค้น…”

 

ได้ยินคำของหลู่เวยต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวตอบเสียงเย็นไร้แยแส “ก็แค่ข้ามีนิสัยอย่างหนึ่ง…ข้าไม่ชอบปล่อยให้มีภัยซ่อนเร้นที่สามารถคุกคามคนสำคัญของข้าเหลืออยู่บนโลกใบนี้!”

 

ฟังคำของต้วนหลิงเทียนแล้ว ก็เผยเจตนาออกชัด

 

เขาคิดตัดรากถอนโคน!

 

กำจัดภัยซ่อนเร้นอย่างหลู่เวย!

 

“หวงฉี่หลิง! เป็นเจ้านำมันมาฆ่าข้างั้นเหรอ!?”

 

ได้ยินวาจาของต้วนหลิงเทียน ลูกตาหลู่เวยหดเล็กลงอีกครั้ง ยังมองหวงฉี่หลิงด้วยใบหน้าน่ากลัว “อย่าได้ถือดีว่าเจ้ามีบิดาเป็นรองจ้าววังเซียนสัญจรให้ท้าย…เจ้ากลับนำพาคนนอกมาทำร้ายข้าเช่นนี้นับว่าผิดกฏของวังเซียนสัญจรอย่างใหญ่หลวง!!”

 

“ผู้อาวุโสหลู่เวย…นี่ท่านกำลังกล่าวอันใดของท่านอยู่กัน?”

 

ได้ยินคำของหลู่เวย หวงฉี่หลิงก็โค้งคิ้วขึ้น ปั้นหน้ามึนกล่าวตอบไปด้วยน้ำเสียงเสแสร้ง “วันนี้ข้าแค่พาน้องหลิงเทียนมาเดินเล่นชมนกชมไม้เท่านั้นเอง…ข้าไปช่วยคนนอกมาทำร้ายท่านตั้งแต่เมื่อใดเล่า? ท่านใช่กำลังเข้าใจอันใดผิดอยู่หรือไม่?”

 

“อย่าได้แกล้งโง่!!”

 

หลู่เวยกล่าวออกเสียงเย็น “เจ้าทำอันใด! เจ้าย่อมรู้ดีแก่ใจ!!”

 

อันที่จริงที่หลู่เวยพูดก็ไม่ผิดเพี้ยนแม้ครึ่งคำ

 

ที่ต้วนหลิงเทียนมาปรากฏตัวที่นี่ได้ เป็นเพราะคำชี้นำของหวงฉี่หลิงทั้งสิ้น

 

“น้องหลิงเทียน จากเรื่องการลงมือของเจ้าวันนี้ ข้าเชื่อว่ายายของซือถูอวี่จี๋ อาวุโสวังเซียนสัญจรของเรา หลู่เวย ย่อมไม่กล้ามาหาเจ้าเพื่อล้างแค้นให้หลานรักของนางแน่…”

 

“แต่หญิงชราผู้นี้หาได้ง่ายดายไม่…แม้หลังจากนี้นางจะไม่มาหาเจ้าเพื่อล้างแค้น แต่นางสมควรต้องคิดลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อทำให้เจ้าเสียใจไปชั่วชีวิตแน่นอน กระทั่งยังจะพยายามทำโดยไม่สนว่าจะต้องจ่ายราคาเท่าใด…ตัวอย่างก็เช่นทำร้ายคนสำคัญของเจ้า”

 

“และนี่ยังเป็นนิสัยของนางมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว…สมัยที่นางยังเยาว์นางเคยมีสมญานามที่โด่งดังไม่น้อยว่า แม่ม่ายดำ…”

 

“แม่ม่ายดำ ยินดีกระทำทุกวิถีทางเพื่อล้างผลาญศัตรู!”

 

“ข้าจะขอแนะอะไรเจ้าอย่าง…หากเจ้าคิดจะอยู่ในวังเซียนสัญจรจริงๆ เป็นการดีเสียกว่าที่จะไปหานางแล้วกำจัดทิ้งไปเสียแต่เนิ่นๆ…จักได้หลีกเลี่ยงปัญหาในภายภาคหน้า”

 

 

ทั้งหมดเป็นคำพูดที่หวงฉี่หลิงเอ่ยกับต้วนหลิงเทียน ก่อนจะมาที่นี่

 

หลังได้ยินคำของหวงฉี่หลิงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงความสำคัญของเรื่องราว และไม่ลังเลเลยที่จะให้หวงฉี่หลิงนำเขามาหาอาวุโสวังเซียนสัญจรนามหลู่เวย!

 

ภรรยากับลูกสาวของเขา สำหรับตัวเขาแล้วยังสำคัญยิ่งกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก!

 

เขาไม่มีวันปล่อยให้คนที่จะเป็นภัยต่อครอบครัวเขามีลมหายใจอยู่บนโลก!

 

ขวับ!

 

ต้วนหลิงเทียนพลันยกมือขึ้น ปรากฏกระบี่พันอาคมเซียนผุดขึ้นจากความว่างเปล่าเข้ามือ

 

เขามองสบตาหลู่เวยไม่วาง สายตายังเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

 

“ใจกระบี่เหิน!”

 

แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่สีหน้าท่าทีของหลู่เวยเปลี่ยนไปมหันต์และเตรียมปะทุพลังหลบหนี กระบี่พันอาคมเซียนของต้วนหลิงเทียนก็อันตรธานหายไปจากมือ! พุ่งทะยานเข่นฆ่าสังหารไปปานลำแสง!!

 

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่กระบี่พันอาคมเซียนของเขาเหินทะยานออกไปปานลำแสงนั้นเอง

 

“หยุดมือ!!”

 

เสียงสนั่นปานฟ้าร้องหนึ่งพลันดังขึ้น เสียงนี้ยังดังมาแต่ไกลหากแต่กำลังใกล้เข้ามา ราวกับเจ้าของเสียงกำลังจะมาถึงในไม่ช้า!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด