War sovereign Soaring The Heavens 1958

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1958 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,958 : ผู้อาวุโสเฉียน

 

‘แต่ครั้งนี้…เกรงว่าหลี่อันคงผลักลูกศิษย์ตัวเองลงหลุมแล้วล่ะ!’

 

มองไปยังเว่ยเหอที่จ้องเขาตาขวาง ต้วนหลิงเทียนได้แต่ลอบเย้ยเยาะมันในใจ

 

“ต้วนหลิงเทียน นี่คืออาวุโสเฉียนจากหอคุมกฏที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์”

 

หลังจากพาต้วนหลิงเทียนเข้ามาถึงห้องโถงตำหนักแล้ว เมิ่งจินก็มองไปยังชายชราที่อยู่ระหว่างกัวฉงและเว่ยเหอ พร้อมกล่าวแนะนำคนให้ต้วนหลิงเทียนรู้จัก

 

“คารวะอาวุโสเฉียน”

 

ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินคำของเมิ่งจิน ก็ป้องมือประสานไปเบื้องหน้าเป็นการคารวะทักทายอีกฝ่ายโดยสุภาพ

 

อาวุโสเฉียนผู้นี้ผิวเผินแลดูสง่างามน่าเกรงขามสมวัย หากแต่ยังแลดูใจดีไม่น้อย

 

เมื่อได้รับการคารวะทักทายจากต้วนหลิงเทียน อาวุโสเฉียนก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มอบอุ่นทั้งพยักหน้ารับการทักทายอย่างมากอัธยาศัย “เจ้าน่ะหรือคือต้วนหลิงเทียน?”

 

“ใช่แล้วอาวุโส”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบรับ

 

“ข้ามาหาเจ้าถึงแท่นบูชาเต่าทมิฬวันนี้ เพื่อพิจารณาคดีที่อาวุโสคุมกฏกัวฉงได้ตัดสินไปแล้วเมื่อ 2 เดือนก่อนอีกครั้ง…”

 

อาวุโสเฉียนเปิดประตูเห็นภูผากล่าวออกทันที

 

ต้วนหลิงเทียนได้ฟังก็พยักหน้ารับ ใบหน้ายังคงสงบนิ่งราวกับไม่ใช่คนกระทำความผิด

 

และอันที่จริงเขาก็ไม่ได้กระทำความผิดอะไร!

 

เห็นฉากดังกล่าว เว่ยเหอได้แต่แสยะยิ้มเย็นชา กล่าวในใจอย่างปรามาส ‘ฮึ่ม! จนป่านนี้เจ้ายังเล่นละครกันไม่เลิก คอยดูไปเถอะ! ยามเมื่ออาวุโสเฉียนทากรทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าเป็นการส่วนตัว ข้าจักรอดูว่าสีหน้าสงบนี้ของเจ้ายังจะมีปัญญารักษาไว้ได้อยู่ไหม!’

 

ในใจของเว่ยเหอนั้น ได้ตัดสินไปแล้วว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนต้องถูกประหารแน่! กระทั่งกัวฉงที่ไม่ไว้หน้าอาจารย์มันก็จำต้องถูกปลดออกจากตำแหน่ง!!

 

หลังได้รับคำยืนยันจากหลี่อัน มันย่อมมั่นใจหนักหนาว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของงต้วนหลิงเทียนเป็นแค่รากวิญญาณสีเหลืองเท่านั้น

 

“เจ้ามิแปลกใจอันใดเลยรึ?”

 

อาวุโสเฉียนกล่าวถามออกมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ หลังพบว่าต้วนหลิงเทียนยังคงสงบไม่นำพา

 

“ขอเรียนท่านอาวุโสเฉียนตามตรง ข้าคิดไว้แล้วว่าจะช้าจะเร็วเวลานี้ก็ต้องมาถึง…อย่างไรก็ตามที่ทำให้ข้ารู้สึกผิดคาดอยู่บ้าง เพราะคนที่ยื่นเรื่องฟ้องร้องหมายคัดค้านการตัดสินคดีของอาวุโสกัวฉงกลับไม่ใช่อาวุโสหลี่อัน”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบไปด้วยรอยยิ้มบางๆ ขณะกล่าวถึงท้ายประโยคสองตายังกวาดมองไปทางเว่ยเหอที่อยู่ข้างๆอาวุโสเฉียนอย่างแฝงความนัย

 

“เหอะ! ไฉนท่านอาจารย์ของข้าต้องลดตัวมากระทำเรื่องนี้ด้วยตัวเองกัน!?”

 

เมื่อเห็นสายตาที่มองมาคล้ายแฝงเร้นไปด้วยความเย้ยหยัน เว่ยเหอก็มีโทสะขึ้นมาทันใด ใจยังบังเกิดความแค้นขึ้นมาไม่น้อย แสยะยิ้มเย็นกล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงดุร้ายทันที

 

“ฮึ่ม!”

 

อย่างไรก็ตามทันทีที่เว่ยเหอพูดจบคำ อาวุโสเฉียนพลันพ่นลมเสียงเย็น “คิดล้มล้างคำตัดสินของอาวุโสคุมกฏมิใช่เรื่องง่ายดายนัก! ก่อนที่ความจริงจักกระจ่างย่อมมิมีอันใดแน่นอน!”

 

ในลัทธิบูชาไฟแห่งนี้ หากใครคิดล้มล้างคำตัดสินของอาวุโสคุมกฏ ยังต่างใดกับตั้งคำถามถึงความเป็นธรรมของหอคุมกฏ? เรื่องนี้ไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าหอคุมกฏในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว!

 

อาวุโสคุมกฏที่ได้รับหน้าที่ควบคุมบังคับใช้กฏของลัทธิบูชาไฟประจำแท่นบูชาจตุรลักษณ์นั้น ล้วนได้รับการเลือกเฟ้นและแต่งตั้งจากหอคุมกฏอย่างพิถีพิถัน เช่นนั้นอำนาจหน้าที่ล้วนอยู่ภายใต้หอคุมกฏในดินแดนสักดิ์สิทธิ์โดยตรง! การสงสัยคำตัดสินของอาวุโสคุมกฏประจำแท่นบูชาจตุรลักษณ์ ก็เสมือนตั้งคำถามว่าไฉนหอคุมกฏในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงเลือกคนแบบนี้มาเป็นผู้คุมกฏ!!

 

นั่นคือเหตุผลที่วันนั้นยามที่หลี่อันคิดคัดค้านคำตัดสินของกัวฉง อาวุโสคุมกฏที่รับเรื่องราวถึงได้จงใจกล่าวเตือนหลี่อันออกมาแบบนั้น!

 

หากเจ้าคิดฟ้องร้องคัดค้านคำตัดสินคดีของอาวุโสคุมกฏเรา แน่นอนเจ้าย่อมสามารถกระทำได้ หากแต่เมื่อผลลัพธ์พิสูจน์ออกมาแล้วว่าคำค้านของเจ้าเป็นวาจาผายลม เจ้ามิพ้นต้องถูกข้อหาดูหมิ่นอาวุโสคุมกฏ!

 

ในลัทธิบูชาไฟแห่งนี้หอคุมกฏที่ทำหน้าที่ดูแลกฏเกณฑ์และลงโทษผู้กระทำผิด ถือว่าเป็นหน้าที่อันมีเกียรติและสำคัญอย่างถึงที่สุด ยังเป็นดั่งสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของทุกคนว่าไม่ต้องหวั่นเกรงอำนาจโดยมิชอบ!

 

หากผู้ใดกล้าทำลายความศักดิ์สิทธิ์นี้ของหอคุมกฏ มันผู้นั้นต้องถูกลงโทษสถานหนัก!

 

เกียรติของหอคุมกฏมิอนุญาตให้ผู้ใดก็ตามมาหยามหมิ่นลูบคมได้ง่ายๆ!

 

ในประวัติศาสตร์ของลัทธิบูชาไฟก็มีหลายคนที่เผลอดูหมิ่นหอคุมกฏในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยวิธีต่างๆนาๆ…ถึงแม้พวกมันส่วนใหญ่จะไม่ได้เจตนาแต่หอคุมกฏในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เคยละเว้น!

 

สุดท้ายอย่างน้อยๆผู้ที่เผลอล่วงเกินหอคุมกฏก็ตกตายไปกว่าครึ่งด้วยการลงทัณฑ์สถานหนักของหอคุมกฏ!

 

“ข้าทราบแล้ว อาวุโสเฉียน”

 

เมื่อได้ยินเสียงสบถด้วยความไม่พอใจของอาวุโสเฉียน ร่างเว่ยเหออดไม่ได้ที่จะสะท้านขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ มันเร่งกล่าวตอบคำและไม่กล้าพูดอะไรมากความอีก

 

หากแต่สายตาที่มองไปยังต้วนหลิงเทียนยังคงแฝงเร้นไปด้วยความเย้ยหยันไม่เลิก…

 

วูบ!

 

อาวุโสเฉียนนับเป็นคนตรงๆไม่อ้อมค้อม สะบัดมือเรียกลูกแก้ววิญญาณออกมาทันที หลักจากนั้นก็ยื่นส่งให้ต้วนหลิงเทียน “จ่ายพลังวิญญาณของเจ้าลงไปเสียเพื่อดูว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าเป็นสีอะไร หลังจากนั้นข้าจะทำการใช้สำนึกเทวะตรวจสอบพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าด้วยตัวเองเพื่อยืนยันอีกครั้ง…”

 

“เรื่องนี้เจ้ามีอันใดขัดข้องหรือไม่?”

 

สิ้นคำอาวุโสเฉียน สายตาที่อีกฝ่ายใช้มองมายังต้วนหลิงเทียนก็คล้ายจะแหลมคมขึ้นเล็กน้อย

 

“ทุกอย่างกระทำไปตามที่ท่านอาวุโสเฉียนกล่าวเถอะ”

 

ภายใต้สายตาเย็นชาเย้ยหยันของเว่ยเหอ และภายใต้แรงกดดันจากอาวุโสเฉียน ต้วนหลิงเทียนกลับยังคงความสงบนิ่งเอาไว้ ยื่นมือออกไปรับลูกแก้ววิญญาณที่อาวุโสเฉียนใช้พลังไร้สภาพประคองส่งมาถือไว้ทันที

 

‘เจ้านี่..กระทั่งตอนนี้ยังสงบอยู่ได้งั้นเหรอ!?’

 

เว่ยเหอที่หลงคิดไปว่าต้วนหลิงเทียนต้องหน้าเสียและเผยทีท่าหวั่นหวาดอะไรออกมา แต่แม้จะเผชิญหน้ากับการตรวจสอบของอาวุโสเฉียนอีกฝ่ายกลับเฉยเมยคล้ายไม่แยแส ทำให้ในใจของมันบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลประการหนึ่งขึ้นมาทันที!

 

ส่วนอีกด้านนั้น อาวุโสคุมกฏประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างกัวฉง ก็ยังคงยืนนิ่งเงียบไม่กล่าวคำ

 

ตั้งแต่ต้นจนจบสีหน้าของกัวฉงยังไม่แปรเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย

 

เพราะในความเห็นของมัน ‘คำตัดสิน’ ที่มันใช้กล่าวโทษต้วนหลิงเทียนนั้น ได้สอดคล้องกับกฏที่ไม่ได้พูดไว้ของลัทธิบูชาไฟทุกประการ หาได้มีการใช้อำนาจโดยมิชอบเอื้อผลประโยชน์ให้ใครอื่นไม่!

 

ดังนั้นเรื่องที่เว่ยเหอมากล่าวหามันว่าใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อช่วยเหลือคนอะไรเช่นนี้ ในสายตาของกัวฉง เว่ยเหอจึงไม่ต่างอะไรกับ ‘ตัวตลก’ แม้แต่น้อย

 

เพราะท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่มีทางแพ้พ่ายแน่นอน!

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนรับลูกแก้ววิญญาณมาถือไว้ ด้านกัวฉงอาจไม่ได้สนใจอะไรสักเท่าไหร่…ส่วนทางเมิ่งจิน อาวุโสเฉียนอาวุโสคุมกฏจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับเว่ยเหอผู้ฟ้องร้องเรื่องนี้โดยตรงนั้น กลับจ้องมองไปยังลูกแก้วในมือต้วนหลิงเทียนตาไม่กระพริบ คล้ายจะไม่ยอมให้พลาดแม้รายละเอียดยิบย่อยใดๆ

 

เพราะหลังจากผ่านไป 10 ลมหายใจ ลูกแก้ววิญญาณลูกนี้ ก็จะบ่งบอกพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนที่เป็นปัญหาออกมาแล้ว!

 

เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน

 

หนึ่งลมหายใจผ่านไป…

 

สองลมหายใจผ่านไป

 

 

จนกระทั่งหลังจากผ่านไปครบ 10 ลมหายใจ ในที่สุดลูกแก้ววิญญาณในมือของต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง ทันใดนั้นสองตาของอาวุโสเฉียน เมิ่งจิน และเว่ยเหอก็ทอประกายวาบ มองเพ่งไปยังลูกแก้วเขม็ง

 

หลังจากนั้นภายใต้สายตาเพ่งมองของทั้ง 3 ลูกแก้ววิญญาณก็เริ่มเปล่งแสงสีจางๆออกมา!

 

ไม่นานแสงที่ส่องสว่างออกมาจากลูกแก้วก็เผยสีน้ำเงินพร่างพราวออกมาชัดเจนถนัดตา!

 

“เป็นพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินจริงๆ…!”

 

เมิ่งจินอดไม่ได้ที่จะกระซิบกล่าวออกมาเบาๆ

 

“เป็นไปไม่ได้!”

 

สีหน้าเว่ยเหอเปลี่ยนไปทันใด จากเย้ยหยันพลันคร่ำเครียดหลังได้เห็นแสงสีน้ำเงินส่องสาดออกมาแยงตา จากลูกแก้ววิญญาณในมือต้วนหลิงเทียน

 

หลังจากนั้น ความหวาดผวาก็ผุดแทรกขึ้นมาบนใบหน้าเหลือเชื่อดังกล่าว!

 

“ลูกแก้ววิญญาณลูกนี้สมควรมีปัญหาอันใดแน่!เปลี่ยน! ต้องเปลี่ยนลูกแก้วลูกใหม่ เอาที่ข้า…ข้ามี! เจ้าลองอีกครั้ง!!”

 

เว่ยเหอกล่าวโวยวายออกมาอย่างไม่ยอมรับ ก่อนที่จะรีบสะบัดมือเรียกลูกแก้ววิญญาณออกมาลูกหนึ่งแล้ว โยนไปให้ต้วนหลิงเทียนทันที

 

หมับ!

 

ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่แยแสและปล่อยให้ลูกแก้ววิญญาณของเว่ยเหอตกแตกโดยไม่คว้าเอาไว้ก็ไม่ผิดอะไร หากแต่เพื่อให้เว่ยเหอมันสิ้นหวังถึงขีดสุด สิ้นหนทางถึงขีดสุด! เขาจึงเลือกที่คว้าลูกแก้ววิญญาณดังกล่าวเอาไว้!!

 

เขาจะใช้ลูกแก้ววิญญาณของเว่ยเหอ เพื่อตรวจสอบพรสวรรค์รากวิญญาณของเขาอีกครั้ง!

 

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนคว้ารับลูกแก้ววิญญาณของตัวเอาไว้ มันก็มองเพ่งไปยังลูกแก้ววิญญาณในมือของต้วนหลิงเทียนอย่างใจจดใจจ่อ!

 

เพราะตอนนี้ดั่งมันจะเห็นลูกแก้ววิญญาณของตัวเองในมือของต้วนหลิงเทียนเป็นฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายก็ไม่ปาน…

 

อย่างไรก็ตามหลัง 10 ลมหายใจผ่านไปอีกครั้ง แสงสีน้ำเงินอ่อนก็ส่องสาดออกจากลูกแก้ววิญญาณของมันเช่นกัน จังหวะนี้อดไม่ได้ที่สีหน้าของมันกลับกลายเป็นหวาดผวาขลาดกลัว สองตาเอ่อล้นไปด้วยความไม่เชื่อระคนสิ้นหวัง!

 

“ระ..เรื่องพรรค์นี้ จักเป็นไปได้อย่างไร…เป็นไปมิได้!ไม่จริง! วันนั้นยามเจ้าทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณเพื่อเข้าร่วมลัทธิ ท่านอาจารย์ของข้าเห็นการทดสอบทั้งสองครั้งของเจ้ากับตา! และทั้งสองครั้งนั่นก็เผยให้เห็นว่าเจ้ามีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลือง!!”

 

“เจ้าต้องใช้กลวิธีผีสางอันใดแน่! ที่แท้ในน้ำเต้าเจ้าขายยาอันใดกัน!?!”

 

เว่ยเหอไม่อาจรับความจริงตรงหน้าได้ มันตะโกนออกมาวุ่นวายอย่างเสียอาการ

 

เรียกว่าจังหวะนี้สติของมันหลุดไปแล้ว!

 

เมิ่งจินได้แต่ส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นอาการของเว่ยเหอ

 

ตอนนี้ถึงแม้มันจะเป็นคนนอก แต่มันก็สามารถยืนยันได้อย่างมั่นใจ ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเป็นสีน้ำเงิน

 

สำหรับเหตุผลที่ไฉนตอนทดสอบเข้าร่วมลัทธิบูชาไฟที่แท่นบูชาเต่าทมิฬ ผลการทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณทั้งสองครั้งของต้วนหลิงเทียนจะมีผลออกมาเป็นสีเหลือง มันบอกได้คำเดียว…ไม่ทราบ!

 

มันเชื่อในสิ่งที่ตาของมันเห็นเท่านั้น!

 

“พอได้แล้ว!”

 

ไม่จนกระทั่งอาวุโสเฉียนตะคอกเสียงแข็งออกมา เว่ยเหอที่สติหลุดจึงค่อยรู้สึกตัวก่อนจะสงบปากสงบคำลงในที่สุด

 

“มิว่าในน้ำเต้าเจ้าหนุ่มนี่จักขายยาอันใด ล้วนต้องถูกเปิดเผยหมดสิ้นยามข้าใช้สำนึกเทวะตรวจสอบพรสวรรค์รากวิญญาณในดวงจิตโดยตรง!”

 

วาจาที่กล่าวออกครั้งนี้ของอาวุโสเฉียน เสมือนจุดแสงตะเกียงแห่งความหวังในใจของเว่ยเหอให้ส่องสว่างขึ้นมาอีกครั้ง เว่ยเหอจึงเลือกจะมองอาวุโสเฉียนด้วยความวาดหวัง เพราะตอนนี้อาวุโสเฉียนเสมือนความหวังสุดท้ายสำหรับมันแล้ว!!

 

“ต้วนหลิงเทียน เดี๋ยวข้าจักใช้สำนึกเทวะล่วงล้ำเข้าไปในดวงจิตของเจ้า ขอเจ้าอย่าได้ต่อต้านอันใด ข้าเพียงคิดตรวจสอบพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าเท่านั้น มิได้คิดร้ายอันใดต่อเจ้า เจ้าสามารถสงบใจและผ่อนคลายปล่อยให้สำนึกเทวะของข้าล่วงล้ำเข้าไปอย่างสบายใจ…”

 

อาวุโสเฉียนมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน

 

“ลำบากอาวุโสเฉียนแล้ว…”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ

 

ท่าทางว่าง่ายทั้งให้ความร่วมมือเป็นที่สุดไม่มีอิดออดเคลือบแคลงสงสัยนี้ของต้วนหลิงเทียน นับว่าถูกใจอาวุโสเฉียนเข้าให้แล้ว ยังทำให้ความประทับใจที่มีต่อต้วนหลิงเทียนของมันเพิ่มมากขึ้น หลังยิ้มตอบไปครั้งหนึ่ง มันก็เริ่มแผ่สำนึกเทวะหมายตรวจสอบพรสวรรค์รากวิญญาณที่อยู่ในดวงจิตของต้วนหลิงเทียนทันที

 

พริบตาที่สำนึกเทวะของอาวุโสเฉียนล่วงล้ำเข้ามาในดวงจิต ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงความเข้มแข็งของพลังวิญญาณอีกฝ่าย ซึ่งนับว่าสร้างแรงกดดันให้จิตใจเขาไม่น้อย!

 

นั่นเพราะสำนึกเทวะของอาวุโสเฉียนมันทรงพลังมาก!

 

‘อย่างไรก็ตาม แม้จะทรงพลังกล้าแข็งไม่ใช่ชั่ว…แต่พอเทียบกับสำนึกเทวะของอาวุโสหั่วแล้วยังอ่อนด้อยกว่ากันหลายส่วน ไม่ต่างเด็กกับผู้ใหญ่…’

 

ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงความจริงเรื่องหนึ่ง ‘ดูเหมือนอาการบาดเจ็บของผู้เฒ่าหั่วจะทุเลาลงมาก พลังฟื้นฟูกลับคืนมาไม่น้อยแล้ว…หากผู้เฒ่าหั่วออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้ล่ะก็ ด้วยพลังที่ฟื้นคืนกลับมาในตอนนี้ ข้าคงเดินกร่างในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้อย่างไม่ต้องกลัวใคร! กระทั่งอาวุโสเพลิงทองยังไม่แม้แต่จะเป็นคู่มือให้ผู้เฒ่าหั่วได้ด้วยซ้ำ!!’

 

พอคิดถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสียดายสุดแสน…

 

ช่างน่าเสียดายที่ผู้เฒ่าหั่วไม่อาจออกมาจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้!

 

หาไม่แล้วด้วยมีมือเก๋าอย่างผู้เฒ่าหั่วให้ท้าย เขาย่อมสามารถประพฤติตัวเป็นนักเลงโตได้อย่างไม่ต้องกลัวใคร

 

และหากมีมือเก๋าอย่างผู้เฒ่าหั่วให้ความช่วยเหลือล่ะก็ เขาจะรีบบุกไปยังหอคุมกฏในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟเพื่อช่วยเหลือภรรยาเขาอย่างเค่อเอ๋อและลูกสาวหลบหนีออกจากลัทธิบูชาไฟทันที

 

‘แล้วไอเจ้านี่มันโง่หรือโคตรโง่กันแน่…ขนาดนี้แล้วมันยังจะหลงเหลือความหวังอะไรของมันอยู่อีก’

 

ในขณะที่ปล่อยให้สำนึกเทวะของอาวุโสเฉียนล่วงล้ำเข้ามาทำการตรวจสอบรากวิญญาณในดวงจิต ต้วนหลิงเทียนที่ยังคงมีสีหน้าสบายๆ ก็หันไปมองเว่ยเหอที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยจนสองตาทอประกายแห่งความหวังด้วยสายตาราวกับมองตัวโง่งม..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด