War sovereign Soaring The Heavens 1947

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1947 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,947 : ต้วนหลิงเทียนแข็งข้อ?

 

แม้หลังจากกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของหยวนหงแล้ว พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนจะยกระดับพัฒนาไปเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงิน…

 

อย่างไรก็ตามการกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของหยวนค่วงไปอีกคน พรสวรรค์รากวิญญาณของเขากลับไม่ได้บังเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย

 

ในเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แปลกใจอะไร

 

พรสวรรค์รากวิญญาณของหยวนค่วงแม้จะเป็นรากวิญญาณสีเขียว แต่สำหรับรากวิญญาณของเขาตอนนี้ที่เป็นสีน้ำเงินไปแล้ว มันก็ไม่คู่ควรให้กล่าวถึง!

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการจะยกระดับพัฒนาพรสวรรค์รากวิญญาณของเขาให้กลายเป็นสีครามนั้น…ยังเป็นหนทางอีกยาวไกลนัก!

 

พลังจากพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวตอนนี้ ก็เหมือนหนึ่งหยดน้ำในมหาสมุทร ไม่ได้มีค่ามีราคาอะไรมากมายอีกต่อไป…

 

วูบ!

 

เพียงห้วงคิดเขตแดนหมื่นกระบี่ที่กางกั้นก็ถูกต้วนหลิงเทียนถอนรั้งพลังกลับคืน ฉากเรื่องราวพลันเปิดเผยต่อสายตาเหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตามหลังต้วนหลิงเทียนเปิดเผยตัวเพราะถอนเขตแดนหมื่นกระบี่ออกไปแล้ว ความสนใจของผู้คนกลับไม่ได้อยู่ที่เขา หากแต่อยู่กับร่าง 2 ร่างที่กำลังร่วงหล่นลงมาจากกลางหาว!

 

ตึงงง! ตุบบ!!

 

ศพทั้งสองตกลงกระแทกพื้นเกาะลอยด้านล่าง ให้สำเนียงทึบแน่นฟังดูสยดสยองพิกล

 

วินาทีต่อมาผู้คนโดยรอบก็เงียบไปปานคนตาย

 

จังหวะนี้อดมีศิษย์แท่นบูชานกไฟบางคนอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวเสียขวัญ

 

ต้วนหลิงเทียนไม่นำพาสายตาผู้คน เพียงเร่งหันไปมองกู่ลี่ทั้งกล่าวส่งเสียงผ่านพลังไปบอกถึงสาเหตุการมาหากู่ลี่ครั้งนี้ เขาเล่าถึงภัยคุกคามจากอาวุโส 5 แห่งวังอุดรไพศาล และบอกกู่ลี่เรื่องคิดถ่ายทอดทักษะลับหนึ่งที่มีความสามารถในการต่อต้านทักษะลับควาญวิญญาณแก่กู่ลี่ทันที

 

“น้องหลิงเทียนเจ้ารีบหนีไปก่อนเร็วเข้า! หาไม่แล้วหากอาวุโสคุมกฏของแท่นบูชานกไฟมาถึงต่อให้เจ้าคิดหนีก็หนีไม่ได้แล้ว!!”

 

กู่ลี่ที่ได้รับฟังเรื่องราวจากต้วนหลิงเทียนจบ ก็เร่งกล่าวโน้มน้าวให้ต้วนหลิงเทียนรีบหนีด้วยใจกังวล น้ำเสียงยังกระวนกระวายไม่น้อย

 

ในสายตาของมัน การที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าสองพี่น้องสกุลหยวนไปแบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับคิดแข็งข้อต่อต้านกฏของลัทธิบูชาไฟแม้แต่น้อย!

 

ด้วยพฤติกรรมเช่นนี้ ไหนเลยลัทธิบูชาไฟจะปล่อยเอาไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่างได้!

 

“ขอพี่กู่วางใจ…ข้ามีวิธีแก้ไขปัญหาครั้งนี้”

 

เผชิญหน้ากับการโน้มน้าวด้วยอาการกระวนกระวายของกู่ลี่ สีหน้าต้วนหลิงเทียนยังคงสงบไม่แปรเปลี่ยน ยังยิ้มตอบคำของกู่ลี่ด้วยสีหน้าเปี่ยมความมั่นใจ

 

นับว่าทำให้กู่ลี่ถึงกับต้องตกตะลึงไปอีกรอบ

 

‘ความมั่นใจของน้องหลิงเทียนที่แท้มาจากที่ใดกันแน่?’

 

เพราะเรื่องฆ่าคนในลัทธิบูชาไฟ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย!

 

ขณะเดียวกันเหล่าศิษย์ของแท่นบูชานกไฟที่ตะลึงกับเรื่องราวก่อนหน้าก็ฟื้นคืนสติกลับมากันเรียบร้อย ตอนนี้ยามพวกมันมองมาที่ต้วนหลิงเทียน ในแววตายังฉายชัดถึงความหวาดกลัว

 

อีกทั้งความโหดเหี้ยมของต้วนหลิงเทียนยังทำให้พวกมันรู้สึกยำเกรงไม่น้อย!

 

“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้กลับกล้าลงมือจริงๆ…กระทั่งหยวนค่วงมันก็ยังฆ่า!”

 

“โหดเหี้ยมนัก! จักโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว! ข้าไม่คิดฝันเลยว่าแท่นบูชาเต่าทมิฬจักมีคนโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้”

 

“เท่าที่ข้ารู้มาตั้งแต่ก่อนเข้าร่วมแท่นบูชาเต่าทมิฬมันก็เป็นคนใจเด็ดเช่นนี้อยู่แล้ว…หาไม่แล้วคงไม่ลงมืออำมหิตฆ่าหยางหวู่บุตรชายคนรองของอาวุโส 5 แห่งวังอุดรไพศาลต่อหน้าต่อตาอาวุโสหลี่อันหรอก”

 

“จักโหดเหี้ยมอันใดใจเด็ดอันใดก็เท่านั้น วันนี้มันถึงวาระแล้ว! เพราะฆ่าสหายศิษย์สองคนมิใช่อาชญากรรมเล็กๆในลัทธิบูชาไฟเรา!”

 

เหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟสนทนากันดังระงมไปทั่ว พวกมันยังเห็นพ้องต้องกันว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องโทษประหารชดใช้ชีวิตให้แก่สองพี่น้องสกุลหยวนที่ตายตกแน่!

 

“เป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งนักที่พรสวรรค์รากวิญญาณของมันเป็นแค่รากวิญญาณสีเหลืองเท่านั้น…หากมันมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน บวกกับเวทย์พลังขั้นสูงทั้ง 3 สายที่เชี่ยวชาญล่ะก็ อย่าว่าแต่พี่น้องสกุลหยวนเลยจักให้ฆ่าอีกสักสองสามคน ลัทธิบูชาไฟเรามิพ้นหลับตาข้างหนึ่ง และเพียงลงโทษมันสถานหนักเท่านั้นมิลงโทษถึงแก่ความตายแต่อย่างไร…”

 

“ฝันเลิศหรูแต่ความเป็นจริงโหดร้าย พรสวรรค์รากวิญญาณต้วนหลิงเทียนได้รับการตรวจสอบต่อหน้าผู้คนที่แท่นบูชาเต่าทมิฬแล้วว่าเป็นเพียง รากวิญญาณสีเหลือง เท่านั้น…เช่นนั้นวันนี้มันไม่อาจไม่ตาย!”

 

“ไหวพริบปฏิภาณเลิศล้ำถึงขั้นทำความเข้าใจเวทย์พลังขั้นสูงจนแตกฉานได้ 3 สาย คนเช่นนี้กำลังจักถูกประหารแล้วหรือ…ช่างทำให้ผู้คนอดเวทนาสงสารมิได้จริงๆ!”

 

……

 

เสียงกระซิบกระซาบของเหล่าผู้คนแท่นบูชานกไฟดังขึ้นอีกครั้ง แต่ละคนไม่มีใครคิดว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนจะรอดพ้นความตายไปได้เลย

 

“ข้ามิรู้จริงๆว่าไฉนต้วนหลิงเทียนที่สมควรรู้ตัวว่าต้องตายแน่ยังไม่รีบหนี…หากยังหนีแม้จักมีโอกาสน้อยแต่ก็ไม่แน่ว่าจะต้องตาย ถ้ามิหนีอย่างไรก็ตายแน่”

 

“มิผิด หากเป็นข้าต้องขอลองเดิมพันหลบหนีดูสักคราแม้ความหวังหลบหนีไปได้จะริบหรี่ก็ตามที เพราะหากข้าชนะเดิมพันข้าก็รอดชีวิต หากแพ้ก็แค่ตกตายดังเดิม!”

 

“ดูจากสีหน้าท่าทางของมันที่ผ่อนคลายได้ถึงเพียงนั้น…ไม่คล้ายคนกำลังคิดหนีเลย”

 

……

 

เสียงซุบซิบออกความเห็นดังขึ้นระงมปานเสียงจั๊กจั่นเรไร สายตาผู้คนทั้งหลายล้วนมองจ้องต้วนหลิงเทียนไม่วาง พบว่าอีกฝ่ายยังลอยร่างอย่างสงบข้างกู่ลี่ ไม่เผยความตั้งใจจะหลบหนีจากไปแม้แต่น้อย

 

และวินาทีต่อมาพวกมันก็จำต้องตกตะลึงเมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวของต้วนหลิงเทียน

 

ต้วนหลิงเทียนเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว! หากแต่มิได้หนีไปที่ใด พี่ท่านเล่นโรยตัวลงไปยังเรือนชั้นรองที่หยวนหงพักอาศัย  ก่อนที่จะไปนั่งลงบนโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน สะบัดมือเรียกชุดน้ำชาออกมาหน้าตาเฉย!

 

ต้วนหลิงเทียนนั่งจิบชาบนโต๊ะหินอ่อนอย่างสงบ คล้ายกำลังเฝ้ารออะไรบางอย่าง…

 

และไม่นานหลังจากนั้นอาวุโสของแท่นบูชานกไฟคนหนึ่งก็มาถึง

 

“อาวุโสหวู่!”

 

“อาวุโสหวู่!”

 

 

เมื่อเห็นการมาถึงของอาวุโสเพลิงเงินคนหนึ่ง เหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟที่ลอยร่างรอชมเรื่องราวก็รุดเร่งประสานมือคารวะทักทายอีกฝ่ายด้วยความเคารพนอบน้อมทันที ไม่กล้าละเลยคนผู้นี้แม้แต่น้อย!

 

อาวุโสผู้มาถึงนั้น เป็นชายร่างอ้วนท้วมคนหนึ่ง และกอปรกับที่ร่างของมันเตี้ยด้วยแล้ว มองไปจึงคล้ายลูกบอลไม่มีผิด!

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก้มย้วยๆนั่นของมัน ไขมันเบียดจนตาหยีแทบปิดแล้ว!

 

อย่างไรก็ตามแม้ตาของชายร่างอ้วนนี้จะหยีเล็กแทบปิด ทว่าประกายตาที่เล็ดลอดผ่านเปลือกตาออกมากลับเผยประกายคมกล้าดุร้ายเหนือกว่าแววตาของผู้คนทั่วไปมากนัก!

 

“นี่น่ะเหรออาวุโสคุมกฏของแท่นบูชานกไฟ…ทำเอาข้าคิดถึงเจ้าไขมันน้อยขึ้นมาเลย”

 

เมื่อเห็นผู้คนมากมายเร่งรุดคารวะด้วยเคารพ ต้วนหลิงเทียนก็พอจะคาดเดาตัวตนของผู้มาใหม่ได้ทันที

 

ภายใต้การคารวะทักทายของเหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟ อาวุโสคุมกฏของแท่นบูชานกไฟ ‘หวู่ยี่’ ใน่ที่สุดก็สังเกตเห็นซากร่างเลอะเลือนของพี่น้องสกุลหยางบนลานกว้างของเรือนชั้นรองหลังหนึ่ง ใบหน้าอ้วนท้วมของมันเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด ดวงตาคู่เล็กยังเผยแสงเยียบเย็นน่ากลัวออกมา

 

“เจ้าคือต้วนหลิงเทียนเช่นนั้นรึ?”

 

ภายใต้สายตาของเหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟ สายตาของ หวู่ยี่ พลันละจากร่างเลอะเลือนทั้ง 2 มาตกที่ร่างต้วนหลิงเทียน ผู้ที่กำลังนั่งจิบชาที่โต๊ะหินอ่อนอย่างผ่อนคลาย! เห็นฉากนี้หวู่ยี่อดไม่ได้ที่จะมีโทสะขึ้นมาทันที!

 

“ลุกขึ้น!”

 

หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆระงับอาการมีโมโห หวู่ยี่พลันตะคอกเสียงดังสนั่นด้วยความดุร้ายเปี่ยมความน่าเกรงขามเผยเจตนาชัดเจน!

 

ได้ยินเสียงตะคอกสั่งด้วยความดุร้ายนี้ เหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟหลายคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวเหน็บจับใจ

 

พวกมันย่อมรู้ดี ว่าอาวุโสหวู่ยี่ที่ร่างอ้วนกลมแลดูเป็นมิตรไม่เป็นพิษภัยต่อผู้คนและสรรพสัตว์คนนี้ ที่แท้น่ากลัวถึงเพียงใด!

 

หาไม่แล้วย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่คนเช่นนี้จะกลายมาเป็นผู้คุมกฏของแท่นบูชานกไฟ!

 

“น้องหลิงเทียนคนผู้นี้คืออาวุโสหวู่ยี่ เป็นอาวุโสคุมกฏของแท่นบูชานกไฟข้า…แม้อาวุโสหวู่ยี่จะแลดูใจดีไม่มีพิษภัยต่อผู้ใด หากแต่ความจริงมิใช่เช่นนั้น…เจ้ารีบขึ้นไปหาอาวุโสเถอะ หาไม่แล้วข้ามิรู้ว่าอีกฝ่ายจะลงมือทำอะไรเจ้าหรือไม่!”

 

เสียงผ่านพลังกล่าวเตือนของกู่ลี่พลันดังขึ้นทันที น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความวิตกกังวลนัก

 

หลังได้ยินเสียงตะคอกสั่งของอาวุโสหวู่ยี่ ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลงเล็กน้อย เขาค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างไม่รีบไม่ร้อน  แล้วค่อยๆลอยตัวจากลานกว้างขึ้นไปบนฟ้า

 

หลังจากมาหยุดลอยไม่ใกล้ไม่ไกลจากหวู่ยี่แล้ว ต้วนหลิงเทียนพลันประสานมือโค้งคารวะเล็กน้อย “คารวะอาวุโสหวู่”

 

“ข้ามิกล้ารับ!”

 

เผชิญหน้ากับการคารวะของต้วนหลิงเทียน ใบหน้าของหวู่ยี่แม้จะผ่อนคลายลงเล็กน้อย หากแต่น้ำเสียงยังคงครอบงำผู้คนเหมือนก่อน

 

“ข้าคือหวู่ยี่ อาวุโสคุมกฏประจำแท่นบูชานกไฟ ข้ามาที่นี่เพราะการตายของศิษย์แท่นบูชานกไฟข้าหยวนหงและหยวนค่วง! เจ้าต้วนหลิงเทียน! ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ กลับมิสนใจกฏเกณฑ์ของลัทธิบูชาไฟ บุกมาเข่นฆ่าสองพี่น้องสกุลหยวนถึงแท่นบูชานกไฟอย่างอุกอาจ!”

 

“ความผิดนี้ เจ้ายอมรับหรือไม่!”

 

กล่าวจบคำสองตาหวู่ยี่ที่เดิมหีเล้กก็ยิ่งหยีลงแทบปิด หากแต่กลับเผยประกายคมกล้า กลิ่นอายพลังน่าเกรงขามแผ่ออกทั่วร่างเรื่อๆ

 

หากแม้กลิ่นอายพลังจะแผ่ออกมาเรื่อๆ ทว่าสำหรับต้วนหลิงเทียนแล้วมันเป็นมวลพลังกดดันไร้สภาพมหาศาลปานขุนเขาที่โถมถันเข้ามา

 

หากเปลี่ยนเป็นผู้คนธรรมดาเกรงว่า ถูกแรงกดดันนี้ของหวู่หยี่คงได้หน้าซีดตัวสั่นเร่งทิ้งตัวลงไปคุกเข่าเรียบร้อยแล้ว

 

ทว่าต้วนหลิงเทียนยังคงนิ่งเฉย คนลอยร่างตระหง่านดังขุนเขา คล้ายแรงกดดันดังกล่าวเป็นเพียงสายลมพัดผ่านไม่อนาทรใดๆ…

 

เห็นฉากนี้สายตาของหวู่ยี่ยิ่งเพ่งมองต้วนหลิงเทียนอย่างลึกล้ำ!

 

“อาวุโสหวู่ยี่หากข้าจำไม่ผิด…ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ข้ามีความผิดจริงหรือไม่ ทว่าเรื่องนี้สมควรเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือขอบเขตอำนาจของท่านไม่ใช่หรือ?เพราะอย่างไรข้าก็ไม่ใช่ศิษย์แท่นบูชานกไฟ…”

 

ต้วนหลิงเทียนมองหวู่ยี่พร้อมกล่าวออกมารวดเดียวจบ

 

มีกฏหนึ่งในแท่นบูชาจตุรลักษณ์ของลัทธิบูชาไฟ หากศิษย์แท่นบูชาใดกระทำความผิด จะมีเพียงอาวุโสคุมกฏของแท่นบูชานั้นๆที่สามารถบังคับใช้กฏกับศิษย์ที่กระทำความผิดได้

 

ผู้อาวุโสคุมกฏของแท่นบูชาใดๆสามารถบังคับใช้กฏกับศิษย์แท่นบูชาตัวเองเพื่อลงโทษได้ หากแต่ไม่มีสิทธิ์ตัดสินโทษศิษย์ของแท่นบูชาอีก 3 แห่งที่เหลือ…

 

ดังนั้นถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะบุกมาฆ่าศิษย์ของแท่นบูชานกไฟถึงที่ แต่การพิพากษาตัดสินโทษเขานั้น ยังจำเป็นต้องให้ผู้คุมกฏของแท่นบูชาเต่าทมิฬอันเป็นต้นสังกัดของเขาเป็นผู้กระทำ!

 

“เจ้านับว่ารู้กฏของลัทธิบูชาไฟเราดีนี่!”

 

หลังได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน หวู่ยี่ พลันกล่าวออกมาเสียงดัง “ก่อนที่ข้าจะมาถึง ข้าได้ขอให้อาวุโสเพลิงเงินคนหนึ่งของแท่นบูชานกไฟไปตามอาวุโสคุมกฏของแท่นบูชาเต่าทมิฬเรียบร้อยแล้ว…อีกมินานอาวุโสกัวฉงก็จักมาถึง!!”

 

กัวฉงนั้นเป็นอาวุโสคุมกฏของแท่นบูชาเต่าทมิฬ

 

“อ้อ”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเบาๆ เป็นอันรับทราบ

 

จากนั้นท่ามกลางสายตาไม่อยากจะเชื่อของผู้คนไม่เว้นอาวุโสหวู่ยี่ ต้วนหลิงเทียนก็โรยตัวลงยังเรือนชั้นรองของหยวนหง ก่อนที่จะเดินเข้าบ้านไปแล้วปิดประตูหน้าตาเฉย

 

ขณะที่ปิดประตูเสียงของต้วนหลิงเทียนยังดังขึ้นมาอีกครั้ง “อาวุโสหวู่ยี่รอให้อาวุโสกัวฉงมาถึงแล้ว…รบกวนท่านเรียกข้าด้วย!”

 

วาจานี้ของต้วนหลิงเทียนทำให้เหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟอื้ออึงจนตาปริบๆแล้ว

 

นี่มันจะไม่มากเกินไปหน่อยรึไง!

 

ท่านต้องหาที่ตายขนาดนั้นเลยหรือ!?

 

ด้านอาวุโสคุมกฏของแท่นบูชานกไฟหวู่ยี่ตอนนี้นั้น สองตาหยีๆของมันแทบจะพุ่งยิงรังสีความร้อนออกมาอยู่รอมร่อ! ร่างอ้วนๆยังคล้ายจะแผ่กลิ่นอายน่ากลัวขึ้นมาหลายส่วน!!

 

หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ ไม่ทราบต้วนหลิงเทียนจะตายไปแล้วกี่ครั้ง!

 

“น้องหลิงเทียน…”

 

กู่ลี่เองในที่นี้ย่อมคุ้นเคยกับต้วนหลิงเทียนมากที่สุด ยังรู้นิสัยของต้วนหลิงเทียนมากที่สุด ทว่าทีท่า ‘แข็งกร้าว’ ของต้วนหลิงเทียนที่แลดูโอหังเมื่อครู่ทำให้มันรู้สึกว่าคล้ายต้วนหลิงเทียนจะกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับมันไปอยู่บ้าง

 

แต่เป็นธรรมชาติที่มันจะไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนกระทำเช่นนี้เพราะรนหาที่ตายเหมือนคนอื่นๆ

 

ในสายตาของมันการที่ต้วนหลิงเทียนกระทำเช่นนี้หมายความว่าต้องมีความมั่นใจในอะไรบางอย่าง…ไม่ใช่โอหังวางท่าแข็งข้อตามอำเภอใจแน่นอน!

 

ส่วนอีกด้านนั้น ทางอาวุโสคุมกฏกัวฉงเมื่อได้รับแจ้งเรื่องราว ก็รีบแจ้นไปยังแท่นบูชานกไฟทันที

 

หลี่อันอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ก็ได้รับแจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากสายที่อยู่ในแท่นบูชานกไฟเช่นกัน มันยังรีบพุ่งร่างออกไปกระทั่งสามารถติดตามกัวฉงที่รับแจ้งก่อนได้ทันกลางทาง!

 

และสีหน้าของหลี่อันตอนนี้…ช่างอัปลักษณ์ปั้นยากนัก!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด