War sovereign Soaring The Heavens 2173

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2173 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,173 : ตกตะลึงพรึงเพริด!

 

“ใต้เท้าจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว!”

 

ได้ยินเสียงที่กึกก้องไปทั่วแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว บรรดาผู้อาวุโสรวมถึงศิษย์ทั้งหลายของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว ที่เร่งรุดมาชมดูเรื่องราวของต้วนหลิงเทียนเพื่อความบันเทิงใจ อดไม่ได้ที่จะทำตาลุกวาวกันถ้วนหน้า!

 

“ฟังจากน้ำเสียงของท่านจ้าวแท่น…ท่าทางจะมีโมโหไม่น้อย”

 

“ฮาย! ยังไม่ให้มีโมโหได้อย่างไรไหวเล่า!? ต้วนหลิงเทียนที่ไม่ต่างใดจากเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมในสายตาท่านจ้าวแท่น…กลับหาญกล้าท้าทายท่านจ้าวแท่นต่อหน้าผู้คนเช่นนี้!”

 

“แต่ต้วนหลิงเทียนนั่นมันถึงกับกล้าท้าท่านจ้าวแท่นสู้เชียว! หรือมันมั่นใจว่าสามารถเอาชนะท่านจ้าวแท่นได้จริงๆ?”

 

 

เหล่าศิษย์ทั้งอาวุโสของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวต่างซุบซิบกันดังระงม ในวาจาของพวกมันฟังแล้วคล้ายไม่แน่ใจว่าต้วนหลิงเทียนมีพลังฝีมือสามารถสูงพอเอาชนะจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวจริงๆหรือไม่…

 

เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อไม่กี่ปีก่อน ต้วนหลิงเทียน คนนี้…ก็เสมือนสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง!

 

ตั้งแต่วันแรกที่ต้วนหลิงเทียนก้าวเท้าเข้ามาเหยียบลัทธิบูชาไฟ ก็มีเรื่องราวบาดหมางกับตัวตนระดับสูงไม่น้อย ยังมีปัญหากับเหล่าศิษย์ที่ทุกคนมองว่าร้ายกาจกว่าอยู่ร่ำไป…แต่พิกลนัก ทุกคราไม่ว่าจะต่อยตีหรือเข่นฆ่า ต้วนหลิงเทียนกลับไม่เคยแพ้ใคร!

 

และวันนี้ต้วนหลิงเทียนที่หายตัวไปนาน พอกลับมาถึงลัทธิบูชาไฟได้ไม่ทันไรก็ท้าผู้คนสู้อีกแล้ว!

 

และคราวนี้เป้าหมายของต้วนหลิงเทียนก็ไม่ใช่ ‘ศิษย์’ เหมือนทุกที! ทว่าเป็นถึงอาวุโสเพลิงทองของลัทธิบูชาไฟ จ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว!!

 

ในฐานะจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว อันเป็น 1 ในแท่นบูชาจตุรลักษณ์ พลังฝีมือของมันย่อมถือว่าเป็นชนชั้นยอดฝีมือในบรรดาอาวุโสเพลิงทอง

 

จังหวะนี้พอทุกคนนึกถึงวีรกรรมที่ต้วนหลิงเทียนก่อในอดีตทั้งหมด ที่ผลลัพธ์เสมือนเรื่องอภินิหาร กับพลังฝีมือของจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวที่ทั้งหลายยำเกรงกันดี ก็ทำให้พวกมันรู้สึกคาดเดาไม่ได้อยู่บ้าง ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร…

 

“ไม่รู้แล้ว! จ้าวแท่นบูชาของพวกเราอย่างไรก็เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน…ส่วนต้วนหลิงเทียนคนนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้วก็เป็นศิษย์อัจฉริยะท้าทายสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุด พลังฝึกปรือสมควรบรรลุถึงสุดปลายเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน ไม่ก็เป็นเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน…แต่ในเมื่อเวลามันผ่านมาแล้วถึง 3 ปี ตอนนี้ก็ยากจะบอกว่าพลังฝีมือใช่เหนือกว่าจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวแล้วหรือยัง!”

 

“เส้นทางแห่งการบ่มเพาะเป็นดั่งเส้นทางฝืนฟ้า…ยิ่งระดับสูงมากเท่าใดก็ยิ่งยากเย็นมากขึ้นเท่านั้น! โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนไปยิ่งยากเย็นเป็นพิเศษ! ถึงแม้พลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนจะทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่ด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน ก็ไม่แน่ว่าจะทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนได้ในเวลาแค่ 3 ปี!”

 

“ข้าก็คิดเหมือนเจ้า เช่นนั้นระหว่างจ้าวแท่นบูชาของพวกเรากับต้วนหลิงเทียน ข้าให้ภาษีท่านจ้าวแท่นสูงกว่า!”

 

“ข้าล่ะแทบทนรอดูไม่ไหวแล้ว! ให้จ้าวแท่นบูชาเราทุบตีต้วนหลิงเทียนผู้นี้สักทีเถอะ! กล้าข้ามหัวพวกเราแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวแบบนี้มันเกินไป! ทำราวกับไม่เห็นพวกเราคนของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวอยู่ในสายตาจริงๆ!!”

 

 

สุดท้ายในขณะที่เหล่าศิษย์กำลังลังเลยากตัดสินใจ ด้านอาวุโสทั้งหลายเห็นทีจะโน้มเอียงไปทางจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวมากกว่า ต่างเชื่อวันว่าหากสู้กันถึงที่สุดจริงๆ จ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวของพวกมันต้องชนะต้วนหลิงเทียนได้แน่ และความเชื่อของพวกมันยังมีอิทธิพลกับความคิดของเหล่าศิษย์ไม่น้อย…

 

ฟุ่บบ!

 

ศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยไม่ทันได้ตอบสนองอะไร พวกมันก็พบว่าใกล้ๆกับที่ต้วนหลิงเทียนเหินร่างลอยอยู่ พลันมีอีกร่างปรากฏขึ้น

 

เป็นชายวัยกลางคนที่รูปร่างสูงใหญ่แลดูดุดัน มาในชุดคลุมเฉพาะของเหล่าผู้อาวุโส

 

อย่างไรก็ตามด้วยลายปักเปลวเพลิงบนชุดของมันเป็นสีทอง ทั้งเปลวเพลิงสีทองยังก่อเป็นรูปร่างพยัคฆ์ขาวอย่างเห็นได้ชัด แถมกลางหน้าผากของพยัคฆ์ขาวนั่นยังมีคำว่า จ้าว ปักอยู่! ผู้คนจึงสามารถระบุความเป็นมาของคนผู้นี้ได้ไม่ยาก!!

 

จ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว หลูชิ่ง!

 

ร่างของหลูชิ่งนั้นไม่เพียงสูงใหญ่แต่ยังหนาบึ๊กแลดูกำยำแข็งแรง หนวดเคราของมันรกรุงรังนัก คิ้วหนาตาโตพร้อมด้วยเส้นผมหยิกหยอยดั่งอสรพิษปล่อยไว้ลวกๆ พาลให้มันแลดูดิบเถื่อนดุร้ายอย่างถึงที่สุด!

 

เพียงมันลอยร่างอยู่เฉยๆ ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกเสมือนเผชิญหน้ากับจ้าวป่าให้ความรู้สึกอันตรายนัก

 

“ใต้เท้าจ้าวแท่น!”

 

“ใต้เท้าจ้าวแท่น!”

 

 

ทันทีที่หลูชิ่งปรากฏตัวออกมาให้เห็นชัดๆ เหล่าอาวุโสของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวก็รู้สึกตัวก่อนหมู่ศิษย์ เร่งนำกล่าวคารวะทักทายทันที

 

หลูชิ่งพยักหน้ารับคำทักเบาๆ ก่อนที่จะหันไปจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง “ต้วนหลิงเทียน แม้ข้าจะไม่เคยเจอเจ้ามาก่อน แต่ข้าได้ยินเรื่องราวของเจ้ามานาน และข้ายังรู้ว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่งในรอบพันปีของลัทธิบูชาไฟเรา…”

 

“นอกจากนั้นเจ้ายังเป็นศิษย์คนแรกในประวัติศาสตร์ลัทธิบูชาไฟเรา ที่ถูกท่านจ้าวลัทธิเชื้อเชิญให้กลับมาเป็นการส่วนตัว ทั้งยังให้คำมั่นว่าจะกล่าวคำสาบานเพื่อแสดงความจริงใจให้เจ้าเห็น…เรื่องนี้ทำให้ข้าเลื่อมไสเจ้านัก…”

 

แม้ปากหลูชิ่งจะกล่าวว่าเลื่อมไส หากแต่น้ำเสียงของมันกลับเต็มไปด้วยความเฉยเมยไร้แยแส

 

เป็นเพราะมันรู้ดีว่าเหตุผลที่ทำให้จ้าววลัทธิบูชาไฟประกาศถ้อยแถลงออกไปแบบนั้น ทั้งหมดล้วนแล้วแต่กระทำเพื่อตราผนึกมารที่อยู่ในมือต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น! เพราะวันใดที่เผ่าพันธุ์ปีศาจบุกขึ้นมาภูมิภาคเบื้องบน ตราผนึกมารในมือต้วนหลิงเทียนจะเป็นยอดศาสตราเซียนที่มีคุณค่าสูงสุด!

 

“จ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว หลูชิ่ง ข้าเองก็ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของท่านมานาน…”

 

เผชิญหน้ากับการ ‘ทักทาย’ ของหลูชิ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ตอบกลับไปอย่างไร้แสแยเช่นกัน

 

“ต้วนหลิงเทียนข้าทราบดีว่าพรสวรรค์ของเจ้าร้ายกาจไม่ธรรมดา เช่นนั้นหลังผ่านไป 3 ปี พลังฝีมือเจ้าสมควรก้าวหน้าไม่น้อยใช่หรือไม่…แต่เจ้าคิดจริงๆหรือว่าวันนี้เจ้าสามารถประชันกับข้าได้แล้ว?”

 

“หากเจ้าคิดเช่นนั้นจริงๆ…ต้องกล่าวเลยว่าในกาลก่อนเป็นข้าตีค่าเจ้าสูงเกินไป เพราะวันนี้ในสายตาข้า…เจ้ามันไม่ต่างใดจากตัวโง่งมสมองกลับ!”

 

วาจาเฉยชาไม่แยแสที่ต้วนหลิงเทียนตอบกลับมา ทำให้หลูชิ่งรู้สึกเสมือนถูกลูบคม มันจึงมีโมโหไม่น้อย พาลให้กล่าวตอบต้วนหลิงเทียนกลับไปด้วยวาจาดูแคลนซึ่งๆหน้า!

 

“ข้าจะประชันกับท่านได้หรือไม่ได้ เดี๋ยวพอลองดูก็รู้เอง…”

 

ต้วนหลิงเทียนคล้ายไม่นำพาวาจาดูเบาจากหลูชิ่ง เขายังคงเฉยๆราวกับไม่ได้เห็นหลูชิ่งอยู่ในสายตาตั้งแต่แรก…

 

และอันที่จริงแล้วเขาก็ไม่เห็นหลูชิ่งอยู่ในสายตาจริงๆ

 

หลูชิ่งจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว อาวุโสเพลิงทองของลัทธิบูชาไฟคนนี้ ก็แค่เซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน…

 

ไม่ต้องกล่าวถึงความสามารถอื่นใด เพียงแค่พลังบ่มเพาะอย่างเดียวเขาก็เอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย…

 

เพราะสุดท้ายแล้วตอนนี้พลังบ่มเพาะของเขาก็บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน!

 

“เจ้า!”

 

เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนคล้ายไม่เห็นมันอยู่ในสายตา หลูชิ่งอดไม่ได้ที่จะของขึ้น โทสะอารมณ์พุ่งปรี๊ด พลังเซียนต้นกำเนิดทั่วร่างทะลักทะลายออกมาดั่งเพลิงไฟ แผ่ซ่านกลิ่นอายพลังอันน่ากลัวออกมากดดันในบรรยากาศ!

 

เหล่าศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อย ถึงกับต้องเร่งรุดล่าถอยกันจ้าละหวั่น รีบหลบออกไปให้พ้นรัศมีพลังอันน่ากลัวนั่น!

 

“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ที่แท้ไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกันแน่ ถึงได้กล้าทำเป็นไม่เห็นใต้เท้าจ้าวแท่นอยู่ในสายตา?”

 

ความไม่อีนังขังขอบของต้วนหลิงเทียน ยังทำให้บรรดาผู้อาวุโสรวมถึงเหล่าศิษย์ทั้งหลายของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวตกใจกันยกใหญ่ พวกมันไม่ทราบว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้ขวัญกล้าเทียมฟ้า ทำราวกับเป็นเจ้าของแทนบู่ชาพยัคฆ์ขาวของพวกมันตัวจริงอย่างไรอย่างนั้น

 

“ใต้เท้าจ้าวแท่นบันดาลโทสะแล้ว…ต้วนหลิงเทียนผู้นี้วันนี้ต่อให้ไม่ตาย แต่อย่างน้อยๆก็ต้องนอนเปล!”

 

เหล่าอาวุโสของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวที่รู้ซึ้งถึงพลังฝีมือจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวดี เมื่อตระหนักได้ถึงโทสะของผู้บังคับบัญชา พวกมันอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมา ทั้งลอบไว้อาลัยให้ต้วนหลิงเทียนล่วงหน้า!

 

“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ออกไปโลดแล่นในโลกภายนอกมาไม่กี่ปี เจอแต่พวกผู้ฝึกตนอิสระไร้แก่นสารในนครแห่งบาป จนคิดว่าตัวเองกลายเป็นตัวตนอันไร้เทียมทานในใต้หล้าแล้วหรือไร?”

 

“วันนี้แม้ไม่ทราบมันไปกินดีหมีหัวใจเสืออันใดมา…แต่กลับนำความกล้ามาใช้ต่อหน้าจ้าวแท่นของพวกเรา แถมยังถือดีไม่เลิก ก็นับว่ารนหาที่ตายแล้วแท้ๆ…”

 

“ยังจะเรียกว่ารนหาที่ตายอันใดได้…สุดท้ายแล้วท่านจ้าวลัทธิก็ได้ออกมาแถลงการณ์ด้วยตัวเอง ถึงขั้นเชื้อเชิญให้ต้วนหลิงเทียนผู้นี้กลับมาลัทธิบูชาไฟอย่างไว้หน้า! ผู้ใดจะหาญกล้าตีมันตาย? ทว่าโทษตายอาจละเว้นแต่โทษเป็นยังอยู่! วันนี้ไม่พ้นมันต้องถูกทุบตีเจ็บๆหน่อย!”

 

 

เรียกว่าอาวุโสของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวส่วนใหญ่ไม่มีใครดูดำดูดีต้วนหลิงเทียนเลย ต่างพากันคิดว่าต้วนหลิงเทียนผยองลำพองเกินไป หาเรื่องเจ็บตัวแท้ๆ

 

แต่มีศิษย์และอาวุโสของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวไม่กี่คนคิดต่างออกไป ตอนนี้สองตาพวกมันมองต้วนหลิงเทียนไม่วางยังฉายประกายแหลมคมวูบวาบ ลอบกล่าวในใจอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ‘ความมั่นใจของต้วนหลิงเทียนนั่นมันอะไรกัน?! สีหน้าเช่นนี้…มิต่างใดจากสีหน้ามั่นใจเหมือนในกาลก่อนเลย! หรือต้วนหลิงเทียนมั่นใจว่าสามารถสยบท่านจ้าวแท่นได้จริงๆ?’

 

แน่นอนว่าแม้ในใจของมันจะลอบคิดไปแบบนั้น แต่พวกมันก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมาสักคน

 

เพราะหากมันพูดเรื่องราวทำนองที่ว่าต้วนหลิงเทียนอาจเอาชนะจ้าวแท่นของพวกมันออกมาอย่างไม่ดูเวล่ำเวลา พวกมันได้จมน้ำลายสหายและอาวุโสคนอื่นๆตายแน่…

 

และในขณะที่ร่างของหลูชิ่งเริ่มเคลื่อนไหวด้วยการเหินขึ้นฟ้า เริ่มตั้งท่าคล้ายคิดป้อนกระบวนท่าจู่โจมร้ายกาจอันใดบางอย่าง

 

“ไม่ต้องลีลาได้หรือไม่…”

 

เสียงอันแฝงไปด้วยความรำคาญหนึ่งของต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้น…

 

เรียกว่าทำให้หลูชิ่งที่หัวร้อนอยู่เป็นทุนทนไม่ไหวสืบไป พลังเซียนต้นกำเนิดทะลักทะลายออกมาท่วมร่างไม่หยุดยั้ง ดั่งภูเขาไฟระเบิด!

 

และในขณะที่ทั่วร่างหลูชิ่งสั่นไปอย่างแรง ฝ่ามือยกขึ้นด้วยคล้ายกำลังจะผนึกพลังซัดฟาดไปยังต้วนหลิงเทียนนั้นเอง

 

“ท่านหลูชิ่ง หากวันนี้ท่านไม่คิดลงมืองั้นให้ข้าลงมือก่อนแล้วกัน…”

 

เสียงเบื่อหน่ายคล้ายรำคาญของต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นอีกรอบ

 

และแทบจะพร้อมกันกับที่เสียงรำคาญนี้ดังขึ้น มือขวาของต้วนหลิงเทียนพลันสะบัดออกไปเบื้องหน้าฉับไวปานภูตผี ก่อนที่จะปรากฏแสงสีทองส่องสว่างเจิดจ้าออกมา เป็นมวลพลังเซียนต้นกำเนิดอันมหาศาลนัก!

 

หากกล่าวให้ชัดก็คือพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิด!

 

มวลพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดขุมใหญ่ปะทุระเบิดออกจากฝ่ามือต้วนหลิงเทียน ตัดฟ้าข้ามระยะไปในพริบตา ระหว่างทางพลันควบแน่นก่อเกิดเป็นฝ่ามือสีทองมหึมาปานมือของยักษา!

 

และดั่งจะลอกเลียนท่าทางคว้าจับของมือขวาต้วนหลิงเทียนก็ไม่ปาน ยามมือขวาต้วนหลิงเทียนทำท่ากอบกุม หัตถ์พลังมีสภาพสีทองจ้านั่น ก็พุ่งไปคว้าร่างจ้าวแท่นบูชามังกรครามเอาไว้ในชั่วพริบตา!

 

ปงงงงงงงงง!!

 

ซู่มมมม!!

 

 

ประหนึ่งขุนเขา 5 นิ้ว ถล่มลงจากฟ้าเบื้องบน! พริบตาร่างหลูชิ่งก็ถูกหัตถ์พลังมีสภาพสีทองกอบกุมเอาไว้อย่างแน่นหนา!!

 

การลงมือครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียนไร้กระบวนท่า ไร้วิชา ไร้เวทย์พลังทั้งไม่ใช้ออกด้วยวรยุทธ์เซียนใดๆทั้งสิ้น เพียงจ่ายพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดออกไปผนึกควบแน่นคว้าคนง่ายๆ ไม่ต่างใช้พลังไร้สภาพหยิบยกสิ่งของ

 

อนิจจาฝ่ามือนี้ลงมือได้รวดเร็วเกินไป มวลพลังปะทุออกรวดเร็วเกินไป ทั้งยังควบแน่นและพุ่งมาคว้าจับผู้คนได้รวดเร็วเกินไป! หลูชิ่งรู้ตัวอีกทีคนก็ถูกคว้าไวดั่งลูกไก่ในกำมือเสียแล้ว!!

 

อีกทั้งพริบตาเดียวกันกับที่หัตถ์พลังมีสภาพอันเขื่องคว้าร่างหลูชิ่งไว้ได้ พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดอันมหาศาลที่ผนึกอยู่ในหัตถ์มหึมานั่น ก็เปล่งพลังอานุภาพสะกดพลังเซียนต้นกำเนิดทั่วร่างหลูชิ่งอย่างครอบงำ! ยังบดขยี้จนย่อยยับอย่างไร้ปราณี!!

 

ถึงแม้พลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนจะเป็นเพียงเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน ทว่าพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของเขา ก็มีพลังอานุภาพเหนือกว่าพลังเซียนต้นกำเนิดขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนคนอื่นเป็นทุน…

 

กล่าวได้เลยว่าพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดของต้วนหลิงเทียนมันร้ายกาจถึงขั้นเกือบจะทัดเทียมกับพลังเซียนต้นกำเนิดของขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแล้วด้วยซ้ำ!

 

ด้วยพลังอำนาจที่มหาศาลขนาดนี้ ยามเผชิญหน้ากับพลังเซียนต้นกำเนิดที่อยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนของหลูชิ่ง จึงไม่ต่างใดจากใช้มีดฆ่าโคฆ่าไก่ สามารถบดขยี้ได้อย่างย่อยยับในชั่วพริบตา ไม่พบพานแรงต้านอันใดทั้งสิ้น…

 

“ฮย่าาาาส์!!!”

 

ภายใต้สายตาของทุกผู้คน จ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว หลูชิ่ง ที่ไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกายใดๆได้เพราะตอนนี้ถูกหัตถ์พลังมีสภาพสีทองคว้าจับเอาไว้นั้น หน้าของมันแดงคล้ำคร่ำเคร่ง เส้นเลือดขอดสีเขียวยังปูดโปนที่ขมับตุบๆ! คนคล้ายเบ่งพลังเกร็งร่างออกแรงเต็มที่จนคำรามออกมาราวกับสัตว์ป่า! พลังทั่วร่างก็กระพริบพุ่งขึ้นมาวูบวาบไปทั่วร่างไม่หยุดคล้ายจะเปล่งอานุภาพ…!!

 

อนิจจาเพียงเร่งเร้าขึ้นมาก็ถูกบดขยี้ทำลาย เร่งเร้าออกมาอีกก็ถูกบดขยี้ทำลาย…เป็นอยู่อย่างนั้น!

 

“นิ…นี่…นี่มัน”

 

“ปะ…เป็นไปได้ยังไงกัน!?”

 

 

เห็นฉากเรื่องราวตรงหน้า ทั้งอาวุโสและเหล่าศิษย์ของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวพากันตกตะลึงพรึงเพริด!

 

……

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด