War sovereign Soaring The Heavens 2267

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2267 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,267 : ฆ่า อย่างอุกอาจ!

 

ถึงแม้ว่าก่านหรูเยี่ยนจะยังมีครอบครัวอยู่ หากแต่นางก็ไม่ค่อยได้ข้องแวะกับครอบครัวและตระกูลสักเท่าไหร่

 

ด้วยระดับพรสวรรค์รากวิญญาณ ทำให้นางกับน้องสาวฝาแฝดได้เข้าร่วมลัทธิบูชาไฟตั้งแต่แรกเกิด

 

ตอนนั้นน้องสาวนางก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นธิดาเทพ

 

นางเองก็ถูกอาจารย์รับไปเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะ

 

เช่นนั้นตลอดหลายปีที่ผ่าน ในโลกของนางเสมือนมีแต่ลัทธิบูชาไฟ อาจารย์ และก็การบ่มเพาะพลังเท่านั้น แทบไม่ค่อยได้ข้องแวะหรือผูกพันกับใครในลัทธิบูชาไฟอีก

 

หลังจากนั้นไม่นานนางก็พบว่าน้องสาวของตัวเองที่หายตัวไป ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่าง ซึ่งนางก็ได้สัมผัสกับคำว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำเป็นครั้งแรก

 

ต่อมาลูกของน้องสาวนางก็ลืมตาดูโลก

 

สำหรับเด็กน้อยคนนี้นางทั้งรักและหวงแหนมาก เรียกว่าเลี้ยงดูอีกฝ่ายอย่างดีประหนึ่งลูกแท้ๆของนางเอง ให้ความสำคัญเหนือสิ่งใด

 

“ซือหลิง…”

 

ถึงแม้ก่านหรูเยี่ยนจะรู้ดีว่าระหว่างต้วนหลิงเทียนกับซือหลิงนั้นคือเลือดที่ข้นกว่าน้ำ และเป็นอะไรที่นางไม่อาจเทียบได้ หากแต่ก่านหรูเยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความรู้สึกสูญเสียขึ้นมาในใจ

 

ความรู้สึกนี้เสมือนมีคนๆหนึ่งที่ต้องการนางมาก หากทว่าอยู่ดีๆก็ไม่ต้องการนางอีกต่อไป

 

“ซือหลิงลูกไปเล่นกับท่านป้าก่อนดีหรือไม่…แม่มีเรื่องจะหารือกับพ่อเจ้าในห้อง”

 

ตอนนี้เองเค่อเอ๋อพลันหันไปมองซือหลิงพร้อมกล่าวออก

 

ต้วนซือหลิงก็ผละออกจากอ้อมอกต้วนหลิงเทียนอย่างไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่ สองตากลมโตยังคล้ายจะเริ่มเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เมื่อพบว่าบิดาที่คิดถึงถูกมารดาพรากเข้าห้องไปเสียแล้ว

 

“ท่านป้า…”

 

อย่างไรก็ตามโลกของเด็กน้อยนั้นเรียบง่ายนัก เมื่อเห็นบิดามารดาหายเข้าห้องไป ความสนใจของต้วนซือหลิงก็เปลี่ยนไปทันที หันกลับมาให้ความสนใจก่านหรูเยี่ยนแทน

 

“เค่อเอ๋อ เจ้ามีอะไรหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนถามเค่อเอ๋อด้วยใบหน้าสงสัยทันทีที่ปิดประตูห้องหับ

 

“พี่เทียนข้าไม่ได้มีใด”

 

เค่อเอ๋อส่ายหัวไปมาค่อยยิ้มเจื่อนๆ “เมื่อครู่ข้าเห็นว่าพี่หญิงคล้ายใจเสีย ข้าจึงอยากให้ซือหลิงไปเล่นกับนาง…ตั้งแต่ซือหลิงเกิดมาพี่หญิงก็ดีกับซือหลิงมาก ยังเห็นซือหลิงไม่ต่างใดจากลูกสาวแท้ๆ”

 

“ข้าย่อมรู้ดี…ในสายตาของพี่หญิง ซือหลิงยังสำคัญกว่าตัวนางเองเสียอีก”

 

“เมื่อครู่ตอนที่ซือหลิงออกมาแล้วเรียกหาท่านเป็นคนแรก ข้าเห็นได้ชัดว่านางรู้สึกเสียใจนัก”

 

ในฐานะสตรีคนหนึ่ง บางเรื่องเค่อเอ๋อย่อมมีความละเอียดอ่อนกว่าต้วนหลิงเทียน

 

เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่อาจเทียบได้

 

“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง”

 

ต้วนหลิงเทียนพอนึกขึ้นได้ ก็กล่าวโทษตัวเอง “ข้าไม่รู้ว่านางจะดีกับซือหลิงขนาดนี้…หากรู้แต่แรกข้าคงไม่แกล้งนางหรอก”

 

ด้วยเพราะก่านหรูเยี่ยนเคยพรากเค่อเอ๋อไปจากเขา ต้วนหลิงเทียนย่อมมีอคติกับนางเป็นธรรมดา

 

มาตอนนี้พอได้รู้จากปากเค่อเอ๋อว่าอีกฝ่ายดีกับลูกน้อยของตัวเองเพียงไหน ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด อคติยังหายไป

 

พอคิดไปแล้วเรื่องที่เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งกลับไปทำร้ายจิตใจสตรีอ่อนแอนางหนึ่งก็นับว่าเหลวไหลใช้ไม่ได้จริงๆ!

 

“พี่เทียนพี่หญิงเป็นคนดียิ่ง…ที่นางพาตัวข้ามาล้วนเพราะกลัวคนอื่นในลัทธิบูชาไฟเจอตัวข้า นางไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ หากนางคิดร้ายกับข้าจริง นางคงพาตัวข้าไปส่งให้หอคุมกฏของลัทธิบูชาไฟด้วยตัวเองเพื่อเอาผลงานแต่แรกแล้ว”

 

เค่อเอ๋อกล่าว

 

“เรื่องนี้ข้าก็รู้”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ไม่ต้องกังวล…วันหน้าข้าจะไม่อคติกับนางอีกแล้ว”

 

“อื้อ”

 

เค่อเอ๋อแย้มยิ้มทั้งพยักหน้า เห็นได้ชัดว่าตอนนี้นางอารมณ์ดีขึ้นมาก

 

เพราะสุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็คือครอบครัวที่นางห่วงใยมากกที่สุด

 

นางแน่นอนว่าย่อมไม่อยากให้ระหว่างทั้งคู่มีช่องว่างแบบนี้

 

ต้วนหลิงเทียนอยู่ในห้องหับสนทนากับเค่อเอ๋อสักพักก่อนที่จะออกมา

 

ด้านต้วนซือหลิงก็คล้ายลืมเลือนบิดาไปชั่วขณะ นางเล่นกับก่านหรูเยี่ยนอย่างร่าเริง แก้มอมชมพูแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้มีอาการสลดเหมือนก่อนหน้าหลงเหลือ

 

โลกของเด็กน้อยช่างเรียบง่ายนัก

 

“เอ่อ…”

 

หลังออกจากห้อง ต้วนหลิงเทียนก็เดินมาหาก่านหรูเยี่ยน และพอเห็นก่านหรูเยี่ยนมองเขาด้วยสายตารังเกียจเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายเล็กน้อย

 

อย่างไรก็ตามไม่นานเขาก็ละเรื่องละอายใจแล้วมองกล่าวกับก่านหรูเยี่ยนตรงๆ “เหตุผลที่ข้าบอกว่าคงไม่อาจช่วยยกกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณเค่อเอ๋อให้กลายเป็นรากวิญญาณสีดำได้ในเวลาอันสั้น นั่นเพราะเรื่องนั้นจะทำให้นางตกอยู่ในอันตราย”

 

“ก่อนหน้านี้ไม่นาน หลังจากที่พรสวรรค์รากวิญญาณของข้าได้ยกระดับกลายเป็นรากวิญญาณสีดำนั้น…”

 

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เริ่มบอกก่านหรูเยี่ยนถึงการเผชิญหน้ากับหายนะทัณฑ์สวรรค์ที่อุบัติขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว สีหน้ายามกล่าวถึงความรุนแรงของอัสนีลงทัณฑ์ยังเคร่งขรึมจริงจัง

 

“หากคิดจะข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์อย่างปลอดภัย อย่างน้อยๆก็ต้องมีความแข็งแกร่งถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทั่วไป!?”

 

ต้องกล่าวเลยว่าเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนเล่ามันทำให้ก่านหรูเยี่ยนหวาดกลัวไม่น้อย

 

ดังนั้นแล้วก่านหรูเยี่ยนถึงขั้นไม่ทันเอะใจว่าไฉนอยู่ๆต้วนหลิงเทียนถึงเปลี่ยนใจและมาเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง

 

เรียกว่าตอนนี้ความสนใจของนางหันไปจดจ่อกับเรื่องหายนะทัณฑ์สวรรค์ ที่จะถูกชักนำลงมาหลังจากพรสวรรค์รากวิญญาณได้ยกระดับกลายเป็นรากวิญญาณสีม่วงหมดสิ้น

 

“ต้องแข็งแกร่งระดับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทั่วๆไปเชียวหรือ หากคิดจะเอาชนะหายนะทัณฑ์สวรรค์…”

 

ก่านหรูเยี่ยนตกใจอยู่นาน กว่าจะหาย

 

แต่เมื่อนางสงสติอารมณ์ลงได้แล้ว นางก็อดมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความตกใจไม่ได้ “เจ้า…ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเจ้าเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทั่วๆไปแล้วงั้นเหรอ!?”

 

“ความแข็งแกร่งของข้าตอนนี้ เทียบได้กับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่พึ่งทะลวงผ่านเท่านั้น”

 

ต้วนหลิงเทียนตอบ

 

ด้วยเหตุนี้ทำให้ก่านหรูเยี่ยนถึงกับตกตะลึง ยังรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนก็เริ่มซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ

 

ย้อนกกลับไปตอนนั้น วันที่นางพบเจอตัวน้องสาวแล้วชิงตัวกลับมาจากภูมิภาคเบื้องล่าง บุรุษเบื้องหน้ายังอ่อนแอดั่งมดในสายตาของนาง

 

หากทว่าตอนนี้อีกฝ่ายทิ้งห่างนางไปไกลลิบ

 

“ไปวังเซียนสัญจรกันเถอะ”

 

ต้วนหลิงเทียนเรียกหาทุกคน จากนั้นก็เดินทางออกจากโรงเตี๊ยมที่พัก มุ่งหน้าไปยังวังเซียนสัญจร

 

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของ 3วัง 6 ตำหนัก พื้นที่ตั้งของวังเซียนสัญจรในเมืองเหรินโม่เชิ่งก็มีอาณาบริเวณกกว้างขวางนัก

 

หากมองลงมาจากฟากฟ้า วังเซียนสัญจรนั้นแทบไม่ต่างจากพระราชวังของมนุษย์แม้แต่น้อย

 

หากแต่วังเซียนสัญจรนั้นมีขนาดใหญ่โตกว่าพระราชวังของมนุษย์เสียอีก

 

เรียกว่าให้เป็นวังหลวงของราชอาณาจักรต้าอั่นที่ต้วนหลิงเทียนเคยไป ในแง่ของพื้นที่แล้วยังด้อยกว่าที่นี่มาก

 

วังเซียนสัญจรนั้นตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเหรินโม่เชิ่ง ยังเป็นพื้นที่ๆค่อนข้างสันโดษเล็กน้อย ไม่ค่อยมีปีศาจแวะเวียนผ่านมาสักเท่าไหร่

 

มีเพียงศิษย์ของวังเซียนสัญจรเท่านั้น ที่คอยเดินลาดตระเวนรอบๆวังเซียนสัญจร

 

“ที่นี่เป็นเขตของวังเซียนสัญจร คนนอกไม่ได้รับอนุญาตให้มาวุ่นวาย!”

 

ต้วนหลิงเทียนเดินเข้ามาใกล้ๆประตูวังเซียนสัญจรได้ไม่ทันไร ก็มีเสียงตวาดดังมาแต่ไกล

 

จากนั้นไม่นานก็ปรากฏร่าง 3 ร่างวิ่งมาแต่ไกล ก่อนที่จะหยุดขวางต้วนหลิงเทียนเอาไว้

 

ผู้ที่ตะโกนกล่าวเป็นชายวัยกลางคนที่ท่าทางจะเป็นหัวหน้าของ 3 คนตรงหน้า ใบหน้าของมันช่างเฉยเมยนัก! คล้ายหน้ามันเป็นอัมพาตก็ไม่ปาน!!

 

เพราะถึงแม้มันจะแลเห็นเค่อเอ๋อกับก่านหรูเยี่ยนสองแฝดที่งามพิลาศล้ำ แต่ตามันก็ไม่แม้แต่จะกระพริบ!

 

กลับกันชายหนุ่มทั้ง 2 ที่ติดตามอยู่ด้านหลังของมันเรียกว่าถูกความงามของสองพี่น้องฝาแฝดสะกดใจทันที พวกมันเหม่อมองทั้งคู่จนตาลอยพักหนึ่ง ค่อยหันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอิจฉา

 

“ข้ามาเข้าร่วมวังเซียนสัญจร”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเบา

 

ได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน สีหน้าของชายวัยกลางคนก็ยังไม่แปรเปลี่ยน กล่าวถามออกมาประหนึ่งเครื่องจักร “คิดเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรเราจำต้องมีผู้แนะนำมา…เจ้ามีผู้ใดแนะนำมาหรือไม่?”

 

ผู้แนะนำ?

 

ได้ยินคำของชายวัยกลางคน ต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับผงะ

 

คิดเข้าร่วมวังเซียนสัญจรต้องมีใครแนะนำด้วยงั้นเหรอ?

 

“ไม่ใช่ว่า…แค่มีสายเลือดมนุษย์บริสุทธิ์ก็เข้าร่วมวังเซียนสัญจรได้เลยรึไง?”

 

ต้วนหลิงเทียนถาม

 

“เฮอะ!”

 

ไม่ทราบว่าด้วยความที่ไม่พอใจเพราะเห็นต้วนหลิงเทียนมีสาวงามล่มเมือง 2 คนเดินเคียงมาหรือไม่ หากแต่หนึ่งในชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังชายวัยกลางคนพลันกล่าวออกเสียงเย็น “วังเซียนสัญจรจะเปิดรับสมัครสมาชิกที่เป็นมนุษย์สายเลือดบริสุทธิ์เพียงปีละครั้งเท่านั้น…”

 

“และครั้งล่าสุดที่พวกเราเปิดรับคนก็พึ่งผ่านไปแค่ 3เดือน หากเจ้าคิดจะเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรของพวกเราจริง หากไม่มีผู้แนะนำที่เชิญเจ้ามา เจ้าก็จำต้องรออีก 9 เดือน!”

 

ชายหนุ่มกล่าว ยังเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี

 

และแทบจะทันทีที่มันกล่าวจบคำมันก็ส่งเสียงผ่านพลังไปถึงต้วนหลิงเทียน “แต่หากเจ้าเต็มใจส่งตัวสตรีงามทั้ง 2 นั่นมาให้ข้าสักคืน…ข้าจะเป็นคนพาเจ้าเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรเอง”

 

เสียงผ่านพลังมานั้น ไม่ได้มีความสุภาพเกรงใจแม้แต่น้อย

 

ในสายตาของมันตอนนี้ยังลุกโชนไปด้วยไฟปรารถนา

 

“หาที่ตาย!”

 

แทบจะทันทีที่วาจาผ่านพลังของชายหนุ่มดังเข้าหูต้วนหลิงเทียน สองตาต้วนหลิงเทียนก็หดเล็กลง แค่นคำออกมาเสียงเย็น

 

และทันใดนั้นกลิ่นอายพลังยะเยือกก็เริ่มแผ่ซ่านออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียน

 

ราวกับอุณหูภูมิโดยรอบจะลดต่ำลงหลายองศา!

 

และแทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนแค่นเสียงเย็นออกมานั้น พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดก็แล่นพล่านผ่านชีพจรเซียน 99 สายฉับไวปานสายฟ้าแล่บ พุ่งออกจากร่างเขาเข่นฆ่าสังหารไปยังชายหนุ่มด้วยความเร็วอันน่ากลัว

 

วูบ!

 

ทันใดนั้นชายวัยกลางคนที่ใบหน้าเฉยเมยปานเป็นนอมพาตก็ไม่อาจเฉยได้อีกต่อไป สีหน้าของมันเปลี่ยนไปอย่างมาก

 

“หยุด!”

 

ชายวัยกลางคนแทบจะตะโกนออกมาในเวลาเดียวกันกับที่พลังอันน่าสะพรึงของต้วนหลิงเทียนปะทุออกจากร่าง คลื่นพลังนั่นโถมไปดั่งคลื่นสมุทรสุดไพศาล ป่นทำลายร่างชายหนุ่มทันที!

 

เรื่องราวช่างรวบรัดหมดจดนัก

 

ยกเว้นแหวนพื้นที่ๆลอยล่องอยู่กลางหาวอันเป็นสิ่งพิสูจน์ว่าชายหนุ่มเคยมีตัวตนมาก่อน ก็ไม่เหลือร่องรอยใดๆอีก

 

ชายหนุ่มที่เป็นคนในหน่วยลาดตระเวนของวังเซียนสัญจร กลับถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าในพริบตา!

 

จังหวะนี้ไม่เพียงแต่ชายวัยกลางคนเท่านั้น ชายหนุมอีกคนก็หน้าเปลี่ยนสีไปอย่างใหญ่หลวง สายตายามมองไปที่ต้วนหลิงงเทียนอีกครั้ง ราวกับเห็นมารอำมหิต

 

“กล้าลามปามสตรีของข้าต้วนหลิงเทียน ตาย!”

 

หลังจากที่ป่นร่างชายหนุ่มหน่ววยลาดตระเวนของวังเซียนสัญจรไปแล้ว เสียงเยียบเย็นของต้วนหลิงเทียนก็คล้ายลมหนาวหอบหนึ่ง พัดผ่านร่างศิษย์ลาดตระเวนทั้ง 2 ของวังเซียนสัญจรให้หนาวจนร่างสะท้าน

 

และตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเค่อเอ๋อหรือก่านหรูเยี่ยนก็ได้รับทราบเหตุผลในการลงมือของต้วนหลิงเทียน

 

“เจ้า…เจ้ากล้าฆ่าศิษย์วังเซียนสัญจรของเรา?!”

 

ครู่ต่อมาศิษย์ลาดตระเวนวัยกลางคนของวังเซียนสัญจรกก็คืนสติ กล่าวออกอีกครั้งเสียงมันยังสั่นไปไม่น้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด