Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2106 ไม่ยอมถอย

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2106 ไม่ยอมถอย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อฝ่ามือถูกซัดออกแน่นอนว่าพลังโลกมันต้องรุนแรงถล่มทลายฟ้าดิน

เย่หยวนยืนรับอยู่ตรงนั้นพร้อมมือไพล่หลังไม่คิดเกรงกลัวใด ๆ

แต่ระหว่างที่ทุกผู้คนต่างคิดว่าเย่หยวนจะตายลงแน่แล้ว มันก็กลับได้เกิดเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากห้วงมิติตรงหน้า

ซินหลัวกระโดดก้าวออกมาจากมิติและรับฝ่ามือนั้นของฉีเฉินไว้ก่อนจะยิ้มขึ้นพูด “หึ ๆ ฉีเฉินโปรดใจเย็นก่อน”

เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายที่มุงดูเรื่องราวอยู่ถึงกับต้องเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเย่หยวนจึงกล้าจะยืนนิ่งเช่นนั้นที่แท้ตัวเขามีผู้ช่วยในระดับนี้ซ่อนอยู่อีก..ไอรีนโนเวล

แม้ฉีเฉินเองก็จะตกตะลึงไม่แพ้ผู้คนทั้งหลายแต่เขาก็ยังตั้งสติถามกลับมาได้ “ซินหลัว ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”

ซินหลัวหันไปมองเย่หยวนด้วยสายตาเคียดแค้น ได้แต่คิดในใจว่าเจ้าเด็กคนนี้มันช่างมากเล่ห์ ดูท่าคงรู้มาแต่แรกแล้วว่าตัวเขาแอบมองดูเรื่องราวอยู่ไม่ไกล จึงได้จงใจทำเช่นนี้เพื่อบีบให้ตัวเขาต้องก้าวออกมา

เพราะพวกเขาทั้งหลายนั้นย่อมจะไม่พอใจกับตำแหน่งของเย่หยวนและย่อมคิดอยากจะเห็นเย่หยวนเสียหน้าบ้างสักครั้ง

แต่เย่หยวนนั้นกลับยืนนิ่งไม่หวาดหวั่นใด ๆ แม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันจากฉีเฉินจนทำให้ตัวเขาเองก็ตกที่นั่งลำบาก

“พี่ฉีเฉิน ท่านจะทำร้ายเขาไม่ได้!” ซินหลัวร้องบอก

“หึ! แค่เด็กมนุษย์คนหนึ่งขโมยพลังอสูรไป ทำไมข้าจะไม่อาจทำร้ายมันได้?” ฉีเฉินร้องตอบ

“พี่ฉีเฉินนั้นอาจจะยังไม่ทราบเพราะท่านเพิ่งออกมาสู่โลกภายนอกได้ไม่นาน แต่นี่… คือรองมหาปราชญ์ที่ท่านมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลแต่งตั้งขึ้นมาเองกับมือ!” ซินหลัวร้องบอก

ฉีเฉินถึงกับต้องผงะเมื่อได้ยินก่อนจะหันไปมองเย่หยวนอย่างไม่คิดอยากเชื่อ

เมื่อเหล่านักยุทธยอดฝีมือทั้งหลายในเมืองได้ยินคำพูดนั้น ทุกผู้คนต่างก็แสดงอาการตกตะลึงออกมาไม่แพ้กัน

“หะ? นี่คือรองมหาปราชญ์ในตำนานคนนั้น? นี่มัน…จะไม่เด็กไปหน่อยหรือ?”

“นี่หลอกตากันหรือไม่? ทำไมรองมหาปราชญ์ถึงเป็นมนุษย์ไปได้? ที่สำคัญยังเป็นแค่เทพถ่องแท้คนหนึ่ง?”

“เจ้าเด็กคนนี้มันมีดีอะไรถึงได้รับการขนานนามว่ารองมหาปราชญ์? นี่ท่านมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลหยอกพวกเราเล่นแล้วหรืออย่างไร?”

ฉีเฉินเองก็ย่อมจะเคยได้ยินนามของรองมหาปราชญ์มาบ้าง เพียงแค่ว่าใบหน้าของเขาในเวลานี้มันไม่มีความคิดจะเชื่อเลยแม้แต่น้อย “หึ ๆ พี่ซินหลัวเองก็คงหยอกเทพสวรรค์ผู้นี้แล้ว? ตัวตนของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นคือใคร? ทำไมเขาถึงจะตั้งมนุษย์เทพถ่องแท้มาเป็นรองมหาปราชญ์กัน?”

ซินหลัวยิ้มขึ้น “เมื่อตอนที่เทพสวรรค์ผู้นี้ได้เจอท่านรองมหาปราชญ์ข้าเองก็คิดไม่ต่างจากเจ้าหรอก แต่มีหรือที่ซินหลัวผู้นี้จะมาพูดล้อเล่นกับนามที่ท่านมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลตั้ง? คนผู้นี้แหละคือรองมหาปราชญ์แห่งเผ่าอสูรเราอย่างแท้จริง! ที่สำคัญไปกว่านั้นวิชาโอสถของท่านรองมหาปราชญ์นั้น พวกเราทั้งหลายเองก็ได้เห็นมันมากับตาและยอมรับมันอย่างเต็มอก!”

ฉีเฉินเองก็ย่อมจะเข้าใจว่าซินหลัวไม่เอาเรื่องเช่นนี้มาพูดเล่นแน่ ๆ

แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจจะยอมรับมัน

หากเขานั้นเป็นรองมหาปราชญ์จริง ๆ แล้วตัวฉีเฉินก็คงไม่อาจทำอะไรเย่หยวนได้

แม้ว่าตัวเขาจะเก่งกาจปานใดมันก็ยังห่างไกลจากระดับของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลไปมาก

แม้ว่าเผ่ากิเลนนั้นจะไม่เกรงกลัวอำนาจของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล แต่การจะตัดขาดสายสัมพันธ์ทั้งหลายทั้งสิ้นทิ้งมันก็จะเท่ากับว่าต้องทิ้งสมบัติผลประโยชน์ใด ๆ ที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมอบให้ไปด้วย

“หึ! ต่อให้เป็นเช่นนั้นมันก็ขโมยสมบัติเผ่ากิเลนข้าไปทั้งยังขโมยพลังสายเลือดกิเลนเรา แถมยังทำร้ายคนเผ่ากิเลนข้า เจ้าคิดว่าเรื่องมันจะจบลงด้วยลมปากเช่นนี้?” ฉีเฉินกล่าวขึ้น

“เรื่องนั้น…” ซินหลัวเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าอึดอัดใจ

เพราะเดิมทีเรื่องนี้มันก็เป็นความผิดคนของเจ้ามิใช่หรือ? ตอนนี้เจ้ากลับหัวรั้นเปลี่ยนจากเลวเป็นร้าย

เผ่ากิเลนนั้นไม่ได้ออกสู่โลกภายนอกมาแสนนานและย่อมจะไม่เข้าใจเรื่องราวของโลกหล้าแม้แต่น้อย

สมบัติที่คนผู้หนึ่งได้รับมามันก็ย่อมจะเป็นของคนผู้นั้น มันจะไปเป็นของเผ่ากิเลนได้อย่างไร?

แน่นอนว่าทางเย่หยวนที่ได้ยินก็ยิ้มตอบกลับไป “เจ้ายังจะอยากได้หน้าอีก เจ้าเฒ่า? ได้สิ ในเมื่อเจ้าคิดจะเอาสมบัติ ข้าก็จะให้เจ้าเสียเดี๋ยวนี้! ข้าแค่อยากรู้ว่าบรรพบุรุษของเจ้าจะตอบสนองอย่างไรต่อลูกหลานที่ไม่รักดีเช่นนี้!”

พูดจบเย่หยวนก็พลิกฝ่ามือส่งกระดูกอันเงาวับออกมาถือไว้ในมือ และแน่นอนว่ามันย่อมจะเป็นกระดูกจักรพรรดิกิเลยแล้ว

เมื่อกระดูกจักรพรรดิกิเลนถูกนำออกมา มันก็ส่งคลื่นพลังโบราณไปทั่วทุกหนแห่งทันที

โดยเฉพาะอย่างยิ่งซินหลัวที่เวลานี้ต้องเบิกตาทั้งสองกว้าง ต้องมองดูกระดูกนั้นในมือของเย่หยวน

คนเผ่ากิเลนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายเมื่อได้เห็น ราวกับว่าเส้นเลือดในกายมันร่ำร้องขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

เหล่ายอดฝีมือที่มองเห็นเรื่องราวต่างก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นมาตาม ๆ กันดูท่าคงสนใจกระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้กันไม่น้อย

หากเวลานี้มันไม่มีเทพสวรรค์อยู่มากมายเช่นนี้ สถานที่แห่งนี้มันคงได้กลายเป็นสนามรบไปแล้ว

“กระดูก…จักรพรรดิกิเลน!” ฉีเฉินร้องพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้าน

แล้วมีหรือที่เย่หยวนจะไม่เข้าใจสายตาของคนทั้งหลาย? เพียงแค่ว่าเขานั้นไม่คิดสนใจมัน

กระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้มันมีจิตใจของตนเอง เขานั้นกว่าจะได้รับการยอมรับจากมันก็ต้องใช้ความพยายามและผ่านความเป็นความตายมามากมาย

ต่อให้ฉีเฉินจะฆ่าสังหารเขาลงตอนนี้ ฉีเฉินก็คงไม่อาจจะรับกระดูกจักรพรรดิกิเลนไปได้

ท่ามกลางสายตาของทุกผู้คนนั้นเย่หยวนได้โยนกระดูกจักรพรรดิกิเลนออกมาให้แก่ฉีเฉิน

ฉีเฉินที่เห็นต้องหรี่ตาแคบก่อนจะพุ่งตัวออกมาจับคว้ากระดูกจักรพรรดินั้นไว้

แต่ทว่าเมื่อมือของเขาสัมผัสถูกกระดูกจักรพรรดิ มันกลับเกิดแสงขาวจ้าขึ้นมาจากกระดูกจักรพรรดิกิเลน

ฉีเฉินเองที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกซัดกระเด็นไปไกล พร้อมด้วยเลือดที่ไหลท่วมปาก บาดเจ็บอย่างสาหัส

จากนั้นกระดูกจักรพรรดิกิเลนก็ได้บินวนกลับมาหามือของเย่หยวนอีกครั้ง

ตอนนี้แม้แต่เย่หยวนเองก็ยังมึนงงกับภาพตรงหน้าเช่นกัน

เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เจียนซู่เทาพยายามเอากระดูกจักรพรรดินี้ไปครอง เขาก็เพียงแค่ถูกมันเผาไหม้ฝ่ามือเท่านั้น

เย่หยวนไม่นึกไม่ฝันว่ากระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้จะยิ่งโหดร้ายต่อลูกหลานเผ่ากิเลนของตนเป็นพิเศษ

แต่ตัวเขาก็เข้าใจได้ว่านี่คือการที่กระดูกจักรพรรดิกิเลนช่วยแสดงตัวปกป้องเขา

“บ้าน่า! นี่มันบ้าชัด ๆ! มีหรือที่กระดูกจักรพรรดิกิเลนจะไปรับคนนอกเป็นนาย? เจ้า…เจ้าใช้วิธีการใดกันแน่?” ฉีเฉินพยายามประคองตัวลุกขึ้นมาถาม

เย่หยวนจึงตอบกลับไป “ข้าก็บอกไปแล้วว่าสมบัติบนโลกหล้ามันมีกฎและคุณสมบัติของตนเอง หากมันเป็นของเจ้า คนอื่นก็ไม่อาจแย่งชิงมันไป หากมันมิใช่ของเจ้า ต่อให้จะเป็นอย่างไรเจ้าก็ไม่อาจรักษามันไว้ได้! เจ้าแค่รู้ว่าข้าได้สมบัติมา ไม่ได้รู้เลยว่าข้าต้องลำบากยากเย็นเสียอะไรไปบ้าง แต่เจ้ากลับมาวางท่าว่าตนเป็นเจ้าของ คิดว่าสมบัติทุกชิ้นเป็นของเผ่ากิเลน? ช่างน่าหัวร่อจริง!”

เมื่อได้เห็นเรื่องราวตรงหน้าสายตาของผู้คนทั้งหลายก็เริ่มกลับสู่ความสงบ

ในเมื่อเวลานี้กระดูกจักรพรรดิกิเลนได้เลือกนายไปแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะทำอย่างไรมันก็คงไม่อาจแย่งชิงมาได้

ต่อให้จะฆ่าสังหารเย่หยวนลงได้ แต่พวกเขาเองก็คงไม่ได้รับการเลือกจากกระดูกจักรพรรดิกิเลน ไม่ว่าจะอย่างไรก็คงเอามันไปมิได้

เพราะเช่นนั้นเองเย่หยวนจึงกล้าที่จะเอามันออกมาต่อหน้าผู้คน

ฉีโหยวนั้นได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพลังสายเลือดกิเลนของมันจึงเข้มข้นนัก ทั้งยังถึงขั้นเปิดทักษะเทวะภายในได้! ที่แท้มันก็ได้รับการยอมรับจากกระดูกจักรพรรดิกิเลน”

ที่ด้านข้างเวลานี้ฉีหยุนก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาพักใหญ่ ๆ และกล่าวขึ้นตาม “ต่อให้มันจะได้รับการยอมรับจากกระดูกจักรพรรดิจริงแต่การที่มันจะปลุกทักษะเทวะภายในขึ้นมาได้ด้วยอายุเท่านี้ มันก็ย่อมจะหมายความว่าตัวมันนั้นมีพรสวรรค์เหนือกว่าคนเผ่ากิเลนเราทั้งหลายเสียอีก!“

เพราะการปลุกทักษะเทวะภายในขึ้นมานั้นมันเป็นสิ่งที่ยากแสนยาก มันมิใช่สิ่งที่แค่ได้รับกระดูกจักรพรรดิมาไว้ในมือแล้วก็จะทำได้

สำหรับเผ่ากิเลนแล้ว การปลุกทักษะเทวะภายในให้ตื่นได้ด้วยอายุเท่าฉีหยุนมันก็นับว่าเป็นเรื่องที่แสนสุดยอดแล้ว

แต่เย่หยวนนั้นกลับมีพรสวรรค์เหนือล้ำกว่าเขา

“ข้าไม่ยอม กระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้เหนือล้ำ เราจะต้องนำมันกลับไปที่เผ่า!”

ฉีหยุนหรี่ตามองพร้อมก้าวเท้าลุกขึ้นมาชี้หน้าเย่หยวน “ในเมื่อเจ้าบอกว่าตนคือรองมหาปราชญ์แล้ว เจ้าก็คงมั่นใจในวิชาโอสถของตนมิน้อยใช่หรือไม่? เจ้ากล้าพนันกับข้าไหม?”

เย่หยวนหันหน้าไปมองทางฉีหยุนก่อนจะตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “โอ้? พนันอะไรเล่า?”

ฉีหยุนตอบกลับมาอย่างหนักแน่น “พี่ใหญ่ข้า ฉีเจิ้นนั้นเป็นยอดนักหลอมโอสถไร้เทียมทานในหมู่คนรุ่นใหม่ในโลกกิเลนเสมือน เจ้ากล้าพนันกับเขาหรือไม่? หากเจ้าแพ้ เจ้าต้องทิ้งกระดูกจักรพรรดิไว้!”

เย่หยวนหรี่ตาลงมอง “เช่นนั้น… พวกเจ้าจะใช้อะไรมาพนันกับข้าเล่า?”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2106 ไม่ยอมถอย

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2106 ไม่ยอมถอย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อฝ่ามือถูกซัดออกแน่นอนว่าพลังโลกมันต้องรุนแรงถล่มทลายฟ้าดิน

เย่หยวนยืนรับอยู่ตรงนั้นพร้อมมือไพล่หลังไม่คิดเกรงกลัวใด ๆ

แต่ระหว่างที่ทุกผู้คนต่างคิดว่าเย่หยวนจะตายลงแน่แล้ว มันก็กลับได้เกิดเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากห้วงมิติตรงหน้า

ซินหลัวกระโดดก้าวออกมาจากมิติและรับฝ่ามือนั้นของฉีเฉินไว้ก่อนจะยิ้มขึ้นพูด “หึ ๆ ฉีเฉินโปรดใจเย็นก่อน”

เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายที่มุงดูเรื่องราวอยู่ถึงกับต้องเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเย่หยวนจึงกล้าจะยืนนิ่งเช่นนั้นที่แท้ตัวเขามีผู้ช่วยในระดับนี้ซ่อนอยู่อีก..ไอรีนโนเวล

แม้ฉีเฉินเองก็จะตกตะลึงไม่แพ้ผู้คนทั้งหลายแต่เขาก็ยังตั้งสติถามกลับมาได้ “ซินหลัว ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”

ซินหลัวหันไปมองเย่หยวนด้วยสายตาเคียดแค้น ได้แต่คิดในใจว่าเจ้าเด็กคนนี้มันช่างมากเล่ห์ ดูท่าคงรู้มาแต่แรกแล้วว่าตัวเขาแอบมองดูเรื่องราวอยู่ไม่ไกล จึงได้จงใจทำเช่นนี้เพื่อบีบให้ตัวเขาต้องก้าวออกมา

เพราะพวกเขาทั้งหลายนั้นย่อมจะไม่พอใจกับตำแหน่งของเย่หยวนและย่อมคิดอยากจะเห็นเย่หยวนเสียหน้าบ้างสักครั้ง

แต่เย่หยวนนั้นกลับยืนนิ่งไม่หวาดหวั่นใด ๆ แม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันจากฉีเฉินจนทำให้ตัวเขาเองก็ตกที่นั่งลำบาก

“พี่ฉีเฉิน ท่านจะทำร้ายเขาไม่ได้!” ซินหลัวร้องบอก

“หึ! แค่เด็กมนุษย์คนหนึ่งขโมยพลังอสูรไป ทำไมข้าจะไม่อาจทำร้ายมันได้?” ฉีเฉินร้องตอบ

“พี่ฉีเฉินนั้นอาจจะยังไม่ทราบเพราะท่านเพิ่งออกมาสู่โลกภายนอกได้ไม่นาน แต่นี่… คือรองมหาปราชญ์ที่ท่านมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลแต่งตั้งขึ้นมาเองกับมือ!” ซินหลัวร้องบอก

ฉีเฉินถึงกับต้องผงะเมื่อได้ยินก่อนจะหันไปมองเย่หยวนอย่างไม่คิดอยากเชื่อ

เมื่อเหล่านักยุทธยอดฝีมือทั้งหลายในเมืองได้ยินคำพูดนั้น ทุกผู้คนต่างก็แสดงอาการตกตะลึงออกมาไม่แพ้กัน

“หะ? นี่คือรองมหาปราชญ์ในตำนานคนนั้น? นี่มัน…จะไม่เด็กไปหน่อยหรือ?”

“นี่หลอกตากันหรือไม่? ทำไมรองมหาปราชญ์ถึงเป็นมนุษย์ไปได้? ที่สำคัญยังเป็นแค่เทพถ่องแท้คนหนึ่ง?”

“เจ้าเด็กคนนี้มันมีดีอะไรถึงได้รับการขนานนามว่ารองมหาปราชญ์? นี่ท่านมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลหยอกพวกเราเล่นแล้วหรืออย่างไร?”

ฉีเฉินเองก็ย่อมจะเคยได้ยินนามของรองมหาปราชญ์มาบ้าง เพียงแค่ว่าใบหน้าของเขาในเวลานี้มันไม่มีความคิดจะเชื่อเลยแม้แต่น้อย “หึ ๆ พี่ซินหลัวเองก็คงหยอกเทพสวรรค์ผู้นี้แล้ว? ตัวตนของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นคือใคร? ทำไมเขาถึงจะตั้งมนุษย์เทพถ่องแท้มาเป็นรองมหาปราชญ์กัน?”

ซินหลัวยิ้มขึ้น “เมื่อตอนที่เทพสวรรค์ผู้นี้ได้เจอท่านรองมหาปราชญ์ข้าเองก็คิดไม่ต่างจากเจ้าหรอก แต่มีหรือที่ซินหลัวผู้นี้จะมาพูดล้อเล่นกับนามที่ท่านมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลตั้ง? คนผู้นี้แหละคือรองมหาปราชญ์แห่งเผ่าอสูรเราอย่างแท้จริง! ที่สำคัญไปกว่านั้นวิชาโอสถของท่านรองมหาปราชญ์นั้น พวกเราทั้งหลายเองก็ได้เห็นมันมากับตาและยอมรับมันอย่างเต็มอก!”

ฉีเฉินเองก็ย่อมจะเข้าใจว่าซินหลัวไม่เอาเรื่องเช่นนี้มาพูดเล่นแน่ ๆ

แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจจะยอมรับมัน

หากเขานั้นเป็นรองมหาปราชญ์จริง ๆ แล้วตัวฉีเฉินก็คงไม่อาจทำอะไรเย่หยวนได้

แม้ว่าตัวเขาจะเก่งกาจปานใดมันก็ยังห่างไกลจากระดับของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลไปมาก

แม้ว่าเผ่ากิเลนนั้นจะไม่เกรงกลัวอำนาจของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล แต่การจะตัดขาดสายสัมพันธ์ทั้งหลายทั้งสิ้นทิ้งมันก็จะเท่ากับว่าต้องทิ้งสมบัติผลประโยชน์ใด ๆ ที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมอบให้ไปด้วย

“หึ! ต่อให้เป็นเช่นนั้นมันก็ขโมยสมบัติเผ่ากิเลนข้าไปทั้งยังขโมยพลังสายเลือดกิเลนเรา แถมยังทำร้ายคนเผ่ากิเลนข้า เจ้าคิดว่าเรื่องมันจะจบลงด้วยลมปากเช่นนี้?” ฉีเฉินกล่าวขึ้น

“เรื่องนั้น…” ซินหลัวเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าอึดอัดใจ

เพราะเดิมทีเรื่องนี้มันก็เป็นความผิดคนของเจ้ามิใช่หรือ? ตอนนี้เจ้ากลับหัวรั้นเปลี่ยนจากเลวเป็นร้าย

เผ่ากิเลนนั้นไม่ได้ออกสู่โลกภายนอกมาแสนนานและย่อมจะไม่เข้าใจเรื่องราวของโลกหล้าแม้แต่น้อย

สมบัติที่คนผู้หนึ่งได้รับมามันก็ย่อมจะเป็นของคนผู้นั้น มันจะไปเป็นของเผ่ากิเลนได้อย่างไร?

แน่นอนว่าทางเย่หยวนที่ได้ยินก็ยิ้มตอบกลับไป “เจ้ายังจะอยากได้หน้าอีก เจ้าเฒ่า? ได้สิ ในเมื่อเจ้าคิดจะเอาสมบัติ ข้าก็จะให้เจ้าเสียเดี๋ยวนี้! ข้าแค่อยากรู้ว่าบรรพบุรุษของเจ้าจะตอบสนองอย่างไรต่อลูกหลานที่ไม่รักดีเช่นนี้!”

พูดจบเย่หยวนก็พลิกฝ่ามือส่งกระดูกอันเงาวับออกมาถือไว้ในมือ และแน่นอนว่ามันย่อมจะเป็นกระดูกจักรพรรดิกิเลยแล้ว

เมื่อกระดูกจักรพรรดิกิเลนถูกนำออกมา มันก็ส่งคลื่นพลังโบราณไปทั่วทุกหนแห่งทันที

โดยเฉพาะอย่างยิ่งซินหลัวที่เวลานี้ต้องเบิกตาทั้งสองกว้าง ต้องมองดูกระดูกนั้นในมือของเย่หยวน

คนเผ่ากิเลนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายเมื่อได้เห็น ราวกับว่าเส้นเลือดในกายมันร่ำร้องขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

เหล่ายอดฝีมือที่มองเห็นเรื่องราวต่างก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นมาตาม ๆ กันดูท่าคงสนใจกระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้กันไม่น้อย

หากเวลานี้มันไม่มีเทพสวรรค์อยู่มากมายเช่นนี้ สถานที่แห่งนี้มันคงได้กลายเป็นสนามรบไปแล้ว

“กระดูก…จักรพรรดิกิเลน!” ฉีเฉินร้องพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้าน

แล้วมีหรือที่เย่หยวนจะไม่เข้าใจสายตาของคนทั้งหลาย? เพียงแค่ว่าเขานั้นไม่คิดสนใจมัน

กระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้มันมีจิตใจของตนเอง เขานั้นกว่าจะได้รับการยอมรับจากมันก็ต้องใช้ความพยายามและผ่านความเป็นความตายมามากมาย

ต่อให้ฉีเฉินจะฆ่าสังหารเขาลงตอนนี้ ฉีเฉินก็คงไม่อาจจะรับกระดูกจักรพรรดิกิเลนไปได้

ท่ามกลางสายตาของทุกผู้คนนั้นเย่หยวนได้โยนกระดูกจักรพรรดิกิเลนออกมาให้แก่ฉีเฉิน

ฉีเฉินที่เห็นต้องหรี่ตาแคบก่อนจะพุ่งตัวออกมาจับคว้ากระดูกจักรพรรดินั้นไว้

แต่ทว่าเมื่อมือของเขาสัมผัสถูกกระดูกจักรพรรดิ มันกลับเกิดแสงขาวจ้าขึ้นมาจากกระดูกจักรพรรดิกิเลน

ฉีเฉินเองที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกซัดกระเด็นไปไกล พร้อมด้วยเลือดที่ไหลท่วมปาก บาดเจ็บอย่างสาหัส

จากนั้นกระดูกจักรพรรดิกิเลนก็ได้บินวนกลับมาหามือของเย่หยวนอีกครั้ง

ตอนนี้แม้แต่เย่หยวนเองก็ยังมึนงงกับภาพตรงหน้าเช่นกัน

เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เจียนซู่เทาพยายามเอากระดูกจักรพรรดินี้ไปครอง เขาก็เพียงแค่ถูกมันเผาไหม้ฝ่ามือเท่านั้น

เย่หยวนไม่นึกไม่ฝันว่ากระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้จะยิ่งโหดร้ายต่อลูกหลานเผ่ากิเลนของตนเป็นพิเศษ

แต่ตัวเขาก็เข้าใจได้ว่านี่คือการที่กระดูกจักรพรรดิกิเลนช่วยแสดงตัวปกป้องเขา

“บ้าน่า! นี่มันบ้าชัด ๆ! มีหรือที่กระดูกจักรพรรดิกิเลนจะไปรับคนนอกเป็นนาย? เจ้า…เจ้าใช้วิธีการใดกันแน่?” ฉีเฉินพยายามประคองตัวลุกขึ้นมาถาม

เย่หยวนจึงตอบกลับไป “ข้าก็บอกไปแล้วว่าสมบัติบนโลกหล้ามันมีกฎและคุณสมบัติของตนเอง หากมันเป็นของเจ้า คนอื่นก็ไม่อาจแย่งชิงมันไป หากมันมิใช่ของเจ้า ต่อให้จะเป็นอย่างไรเจ้าก็ไม่อาจรักษามันไว้ได้! เจ้าแค่รู้ว่าข้าได้สมบัติมา ไม่ได้รู้เลยว่าข้าต้องลำบากยากเย็นเสียอะไรไปบ้าง แต่เจ้ากลับมาวางท่าว่าตนเป็นเจ้าของ คิดว่าสมบัติทุกชิ้นเป็นของเผ่ากิเลน? ช่างน่าหัวร่อจริง!”

เมื่อได้เห็นเรื่องราวตรงหน้าสายตาของผู้คนทั้งหลายก็เริ่มกลับสู่ความสงบ

ในเมื่อเวลานี้กระดูกจักรพรรดิกิเลนได้เลือกนายไปแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะทำอย่างไรมันก็คงไม่อาจแย่งชิงมาได้

ต่อให้จะฆ่าสังหารเย่หยวนลงได้ แต่พวกเขาเองก็คงไม่ได้รับการเลือกจากกระดูกจักรพรรดิกิเลน ไม่ว่าจะอย่างไรก็คงเอามันไปมิได้

เพราะเช่นนั้นเองเย่หยวนจึงกล้าที่จะเอามันออกมาต่อหน้าผู้คน

ฉีโหยวนั้นได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพลังสายเลือดกิเลนของมันจึงเข้มข้นนัก ทั้งยังถึงขั้นเปิดทักษะเทวะภายในได้! ที่แท้มันก็ได้รับการยอมรับจากกระดูกจักรพรรดิกิเลน”

ที่ด้านข้างเวลานี้ฉีหยุนก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาพักใหญ่ ๆ และกล่าวขึ้นตาม “ต่อให้มันจะได้รับการยอมรับจากกระดูกจักรพรรดิจริงแต่การที่มันจะปลุกทักษะเทวะภายในขึ้นมาได้ด้วยอายุเท่านี้ มันก็ย่อมจะหมายความว่าตัวมันนั้นมีพรสวรรค์เหนือกว่าคนเผ่ากิเลนเราทั้งหลายเสียอีก!“

เพราะการปลุกทักษะเทวะภายในขึ้นมานั้นมันเป็นสิ่งที่ยากแสนยาก มันมิใช่สิ่งที่แค่ได้รับกระดูกจักรพรรดิมาไว้ในมือแล้วก็จะทำได้

สำหรับเผ่ากิเลนแล้ว การปลุกทักษะเทวะภายในให้ตื่นได้ด้วยอายุเท่าฉีหยุนมันก็นับว่าเป็นเรื่องที่แสนสุดยอดแล้ว

แต่เย่หยวนนั้นกลับมีพรสวรรค์เหนือล้ำกว่าเขา

“ข้าไม่ยอม กระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้เหนือล้ำ เราจะต้องนำมันกลับไปที่เผ่า!”

ฉีหยุนหรี่ตามองพร้อมก้าวเท้าลุกขึ้นมาชี้หน้าเย่หยวน “ในเมื่อเจ้าบอกว่าตนคือรองมหาปราชญ์แล้ว เจ้าก็คงมั่นใจในวิชาโอสถของตนมิน้อยใช่หรือไม่? เจ้ากล้าพนันกับข้าไหม?”

เย่หยวนหันหน้าไปมองทางฉีหยุนก่อนจะตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “โอ้? พนันอะไรเล่า?”

ฉีหยุนตอบกลับมาอย่างหนักแน่น “พี่ใหญ่ข้า ฉีเจิ้นนั้นเป็นยอดนักหลอมโอสถไร้เทียมทานในหมู่คนรุ่นใหม่ในโลกกิเลนเสมือน เจ้ากล้าพนันกับเขาหรือไม่? หากเจ้าแพ้ เจ้าต้องทิ้งกระดูกจักรพรรดิไว้!”

เย่หยวนหรี่ตาลงมอง “เช่นนั้น… พวกเจ้าจะใช้อะไรมาพนันกับข้าเล่า?”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+