Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2200 ผ่าฟืน

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2200 ผ่าฟืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ลมพัดโชยสายน้ำเย็นไหล แต่นักรบผู้กล้าหาญนั้นไม่ย้อนกลับมา!

เรื่องราวที่เย่หยวนบุกเข้าไปน้ำนิลเพลิงด้วยตัวเองเพื่อช่วยผู้เป็นที่รักนั้นมันแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่ายอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาดอย่างเย่หยวนนั้นย่อมจะดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั้งหลายที่เข้าไปในถ้ำนิลเพลิงด้วยกันมาก เพราะฉะนั้นเมื่อออกมาได้ต่างคนต่างจึงได้สืบสาวถึงที่มาของเย่หยวนคนนี้

และในโลกใบนี้ความลับมันย่อมไม่มีอยู่จริง ทั้งเย่หยวนยังได้บอกประกาศตัวตนไปตั้งแต่อยู่ในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิง เรื่องราวมันยิ่งจะไม่เป็นความลับใดๆ อีก

เป็นเวลานั้นเองที่ผู้คนทั้งหลายต้องตื่นตะลึงเพราะแท้จริงแล้วเขาคนนี้คือรองมหาปราชญ์ในข่าวลือเมื่อหลายปีก่อนผู้นั้น!

แต่ที่เหนือล้ำกว่าความตกตะลึงมันก็คือความสงสาร

ยอดอัจฉริยะในระดับนี้กลับต้องมาตายลงในถ้ำนิลเพลิง มันเป็นสิ่งที่น่าเสียดายล้ำ!

เพราะหลังจากจบเรื่องราวแล้วถ้ำนิลเพลิงนั้นมันก็ได้พังทลายลง ทางเข้าถ้ำจางหายไปอย่างไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย มิติย้อนกลับไปอย่างที่มันควรเป็น ทำให้แม่น้ำโกรธาต่ำไหลลงมาอีกครั้ง

ทุกผู้คนต่างเข้าใจได้ทันทีว่าเย่หยวนคงได้ตายลงแล้ว

สิ่งเดียวที่ยังเป็นปริศนาก็คือก่อนที่ทางเข้านั้นจะปิดตายลงมันได้มีแสงสีทองพุ่งทะยานออกมาจากภายในถ้ำและจางหายไปบนท้องฟ้า

ในตอนแรกๆ คนทั้งหลายยังคิดเดาไปว่าเจ้าสิ่งนั้นอาจจะเป็นเย่หยวนที่หนีออกมา

แต่เมื่อเวลาผ่านไปความคิดเช่นนั้นมันก็จางหายไปสิ้น ไม่มีใครได้พบเจอเย่หยวนทำให้ความสงสัยนั้นหายไปจากใจคน

เพราะว่าสาวรับใช้ของรองมหาปราชญ์นางนั้นยังคงอยู่ที่วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิง

ตั้งแต่นั้นมา เย่หยวนก็ไม่ได้ย้อนกลับไปหาลู่เอ๋ออีกเลย

เวลานี้ ณ ยอดตะวันลับ ลู่เอ๋อนั้นได้แต่ต้องนั่งร้องไห้ “นายน้อย พวกเขาต่างกล่าวว่าท่านตายแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อ! ต่อให้จะต้องพลิกแผ่นดินนี้ข้าก็จะหาท่านให้เจอ”

ในพริบตาเดียวเวลากว่าสามปีก็ได้ผ่านไป

ไกลออกไปจางอาณาจักรเมฆานทีมันมีเขาลูกหนึ่งนามว่าเขาผ่อนสงบ

ดวงตาวันที่ค่อยๆ สาดแสงขึ้นมาจากทิศตะวันออกนั้นเคลื่อนผ่านเหนือหัวผู้คนส่องให้เห็นถึงหมู่บ้านน้อยๆ กลางเขาแห่งนี้

ภายในหมู่บ้านนั้นมันมีควันของการหุงหาอาหารลอยคลุ้ง เป็นสัญญาณบอกผู้คนว่าได้เวลาลืมตาตื่น

เหล่าผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้มิใช่นักยุทธใดๆ เป็นเพียงแค่ชาวบ้านคนธรรมดา

หนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มร่างกำยำที่ร้องกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ “เจ้างั่ง ไปผ่าฟืนเสียหน่อยไป! หมู่บ้านตระกูลเฉินเราไม่เลี้ยงดูคนที่ไม่ทำการทำงานหรอกนะ!”

ที่ยืนอยู่ตรงข้ามชายหนุ่มร่างกำยำนั้นมันคือชายหนุ่มในชุดบาง บนใบหน้าของเขานั้นไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ

เจ้างั่งเองก็ไม่กล่าวตอบอะไร เดินเข้าไปช่วยผ่าฟืนตามที่ได้รับสั่ง

ปัก!

ปัก!

ปัก!

ท่อนไม้โอ๊กขาวท่อนแล้วท่อนเล่าถูกชายหนุ่มคนนี้ผ่าลง

ชายหนุ่มร่างกำยำนั้นได้แต่ต้องเบิกตากว้างมองดูภาพตรงหน้าอย่างมึนงง

โอ๊กขาวนั้นติดไฟไหม้ง่ายทั้งยังให้ความร้อนสูงจึงเป็นแหล่งเชื้อเพลิงชั้นดีของผู้คนในหมู่บ้าน

แต่มันนั้นขึ้นชื่อเรื่องความแข็งที่แม้แต่นายพรานที่เก่งกาจที่สุดในหมู่บ้านยังต้องจามขวานสามถึงสี่ครั้งกว่าจะผ่ามันลงได้

การผ่าฟืนนั้นแท้จริงแล้วมันเป็นงานที่หนักหนาสาหัสมาก

การที่ชายหนุ่มร่างกำยำนั้นสั่งให้ชายหนุ่มร่างผอมบางไปผ่าฟืนมันเป็นเพราะที่จะกลั่นแกล้งอีกฝ่าย

แต่อีกฝ่ายนั้นกลับสับมันลงได้ด้วยการจามขวานแค่ครั้งเดียว ที่สำคัญยังผ่าลงได้อย่างเรียบสวยราวกับว่าใช้เลื่อยยนต์ตัดไม่มีเสี้ยนไม้ใดๆ กระเด็นออกมาทั้งสิ้น

แปลก!

แปลกมาก!

ไม่ว่าจะดูอย่างไรเจ้าเด็กคนนี้มันก็มีสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย มีหรือที่จะแข็งแรงได้ปานนั้น?

เวลานั้นเองที่มีเด็กสาวอีกคนวิ่งมาดึงตัวเจ้างั่งไว้และหันมาร้องด่าชายหนุ่มร่างกำยำ “อายอง เจ้าแกล้งอาหนิงอีกแล้ว!”

เมื่อชายหนุ่มคนนั้นได้เห็นภาพตรงหน้า สีหน้าของเขาก็เริ่มแดงขึ้นมาด้วยความอิจฉา

เด็กสาวผู้นี้มีนามว่าอาซิ่วเป็นเด็กสาวที่งดงามที่สุดในหมู่บ้าน ส่วนตัวอายองนั้นเป็นนายพรานรุ่นใหม่ที่มีอนาคตสดใสที่สุดของหมู่บ้านตระกูลเฉิน!

ตัวเขาและอาซิ่วนั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ทั้งสองต่างทั้งยังหนุ่มสาวและใสซื่อ เป็นคู่กิ่งทองใบหยกในสายตาของทุกผู้คนในหมู่บ้าน

หลังจากที่พวกเขาทั้งสองเติบโตขึ้นมาถึงช่วงวัยนี้ทางอายองก็เริ่มตกหลุมรักอาซิ่วอย่างไม่อาจห้ามใจและคิดกับนางว่าเป็นของตายที่ต้องได้คู่กันในที่สุด

แต่แม้จะมีความคิดที่ไม่ดีงามมากมายเช่นนั้น อายองก็เป็นคนที่ขยันขันแข็ง มีความสามารถโดดเด่นที่สุดในหมูนายพรานหนุ่มด้วยกัน

เพราะฉะนั้นสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องประสบความสำเร็จได้ในสักวัน

จนถึงวันที่เจ้างั่งผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น ที่ทุกสิ่งอย่างมันเริ่มผิดแปลกไปจากแผนชีวิตที่อายองวางไว้!

อาซิ่วและปู่ของนางนั้นได้ไปเจอเจ้างั่งที่นี่ริมห้วย

ตอนที่คนทั้งสองพาเขากลับมานั้นเจ้างั่งมีเลือดท่วมกายดูไม่ต่างจากคนตายแม้แต่น้อย

แต่แม้เหล่าคนในหมู่บ้านจะคิดว่าเขาต้องตายแน่แล้ว เจ้างั่งคนนี้กลับไม่ยอมตายลงและยื้อชีวิตมาไว้ได้

อาซิ่วนั้นเป็นเด็กสาวน้ำใจงาม จึงได้ช่วยคอยดูแลเจ้างั่งที่ไม่ได้สตินี้มาตลอด

จนเมื่อสามวันก่อนที่เจ้างั่งนี้ได้ลืมตาตื่นลุกขึ้นจากที่นอนได้

แต่สามวันมานี้อาซิ่วกลับเริ่มตีตัวออกห่างอายองเพื่อไปดูแลเจ้างั่งคนนี้

เมื่อความอิจฉาเริ่มปะทุขึ้น อายองจึงเริ่มคิดกลั่นแกล้งเจ้างั่งตลอดหลายวันมานี้

“ข้าไม่ได้แกล้งมัน เพียงแค่ว่าหมู่บ้านเราทุกคนต่างก็มีงานต้องทำ ในเมื่อเจ้างั่งมันตื่นลุกขึ้นได้แล้วมันก็ต้องช่วยงานพวกเราบ้าง” อายองบอก

อาซิ่วจึงกล่าวสวนขึ้น “ร่างกายของเขานั้นยังไม่หายดียังอ่อนแออยู่มาก ยังไม่สมควรจะต้องมาทำงานใด! ที่สำคัญแม้ตัวเขาจะสูญเสียความทรงจำไปแต่เขาก็มิใช่ไอ้งั่ง เจ้าห้ามเรียกเขาว่าไอ้งั่ง!”

อาหนิงที่อาซิ่วเรียกและเจ้างั่งที่อายองเรียกนั้นย่อมจะเป็นคนผู้เดียวกัน เขาคนนี้ก็คือเย่หยวนที่บาดเจ็บอย่างสาหัสมาจากการต่อสู้ที่ศึกในถ้ำนิลเพลิง

เย่หยวนในเวลานี้ไม่อาจจะจดจำเรื่องราวใดๆ เกี่ยวกับตนเองได้ ปู่ของอาซิ่วนั้นจึงได้ตั้งนามใหม่ให้เขาว่าเฉินหนิง

เพราะฉะนั้นอาซิ่วจึงได้เรียกเย่หยวนว่าอาหนิง

แต่คลื่นพลังของเย่หยวนในเวลานี้มันสุดแสนอ่อนแอ ด้วยความที่เสียพลังปราณไปสิ้นทั้งยังไม่เหลือความทรงจำใดๆ เวลานี้ไม่ว่าจะดูอย่างไรเขาจึงไม่ได้แตกต่างไปจากเหล่าคนธรรมดาทั้งหลาย

การปะทะกับหยวนเจี่ยวนั้นมันได้ทำให้เกิดคลื่นพลังรุนแรงหนักหน่วงมาก

ทางด้านหยวนเจี่ยวนั้นยังต้องเสียอาณาจักรบ่มเพาะไปถึงหนึ่งอาณาจักร แน่นอนว่าทางเย่หยวนย่อมจะได้รับผลกระทบอย่างสาหัสกว่า

ในศึกครั้งนั้นเย่หยวนสูญเสียทั้งปราณเทวะ พลังกายและจิตไปสิ้น

เขานั้นรอดความตายมาได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด

อาซิ่วหันหน้ามาดึงตัวเย่หยวนพร้อมกล่าวบอก “อาหนิง ไปเถอะ!”

แต่เย่หยวนกลับส่ายหัวออกมา “ที่อายองว่ามามันก็ถูก ในเมื่อข้าเองก็เป็นคนของหมู่บ้านแล้วข้าก็ย่อมต้องทำงานเพื่อหมู่บ้านบ้าง สามปีมานี้อาซิ่วและปู่ดูแลข้ามาอย่างดี รวมไปถึงทุกผู้คนในหมู่บ้านที่ช่วยเหลือกันด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วข้าคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ จะให้ข้ามานั่งอยู่เฉยๆ ทั้งๆ ที่ติดค้างบุญคุณมหาศาลเช่นนั้นมันคงไม่ได้”

พูดไปเย่หยวนก็เดินกลับไปยังกองฟืนอีกครั้งพร้อมเริ่มทำการยกขวานจามผ่าฟืน

หนึ่งครั้ง

อีกครั้ง

ขวานหนักๆ นั้นมันกลับถูกเย่หยวนยกจับราวกับว่าไม่มีน้ำหนักใด

อาซิ่วได้แต่ต้องเบิกตากว้างอ้าปากค้าง มองดูเย่หยวนอย่างตกตะลึง

เขาคนนี้เพิ่งจะได้สติมาไม่กี่วัน เหตุใดจึงแข็งแรงได้ปานนี้แล้ว?

ในเวลาแค่ชั่วโมงเดียวนี้ฟืนที่กองเป็นภูเขานั้นก็ได้ถูกผ่าลงจนสิ้น

เย่หยวนที่ผ่าฟืนจนหมดแล้วจึงได้หันหน้ากลับมาก่อนจะเห็นว่าคนทั้งสองกำลังยืนจ้องเขาด้วยปากอ้าค้าง “พวกเจ้ามีอะไรหรือ? เหตุใดจึงได้ทำหน้าตาเช่นนั้น?”

อายองนั้นเป็นคนแรกที่กล่าวขึ้นมา “เจ้าหมอนี่ เจ้าคงไม่ได้แกล้งไม่สบายมาสามปีหรอกใช่หรือไม่? เจ้าทำเช่นนั้นเพื่อจะได้เข้ามาใกล้ชิดกับอาซิ่วใช่หรือไม่?”

อาซิ่วจึงได้หันมามองอย่างรุนแรงใส่ เพราะตอนที่นางและปู่ไปเจอเย่หยวนนั้น ตัวเย่หยวนไม่มีแม้แต่ลมหายใจพร้อมด้วยบาดแผลเต็มร่างตั้งแต่หัวจรดเท้า

เรื่องเช่นนั้นมันยังจะมาหลอกลวงกันได้?

แต่สุดท้ายนางก็ต้องหันกลับไปหาเย่หยวนด้วยความตกตะลึง “นี่มันคือไม้โอ๊กขาว ต่อให้จะเป็นลุงเลี่ยเองก็คงต้องใช้เวลาผ่ามันนับวัน แต่เจ้ากลับทำมันเสร็จในเวลาแค่ชั่วโมง! เจ้าคิดว่าเราควรตกใจหรือไม่เล่า?”

เย่หยวนจึงได้แต่ต้องเอียงคอกล่าวตอบ “มันเป็นเช่นนั้นหรือ? แต่ข้ารู้สึกว่ามันช่างเป็นไม้เนื้ออ่อนที่ผ่าง่ายดาย แค่จามลงเบาๆ ข้าไม่ต้องออกแรงเสียด้วยซ้ำมันก็แยกออกจากกันแล้ว”

คนทั้งสองได้แต่ต้องอ้าปากค้างมองดูชายหนุ่มตรงหน้าราวกับเขาเป็นสัตว์ประหลาด

มีหรือที่คนทั้งสองนี้จะรู้ได้ว่าเย่หยวนมีกายทองคำสัมบูรณ์ระดับเจ็ด?

หากเขาสมบูรณ์พร้อม แค่ดีดนิ้วก็คงลบทำลายเขาทั้งลูกนี้ให้หายไปจากแผนที่ได้

ต่อให้ในเวลานี้พลังกายของเขาจะตกต่ำลงอย่างมากจนแทบไม่เหลือพลังใดๆ แต่แค่การผ่าฟืนมันย่อมจะง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย

แต่ระหว่างที่กำลังยืนตะลึงกันอยู่นั้นมันก็เกิดเสียงโห่ร้องขึ้นที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน

อายองต้องเลิกคิ้วสูงก่อนยิ้มกล่าว “ดูท่าพวกพ่อข้าจะกลับมาแล้ว! และครั้งนี้เขาคงล่าสัตว์ร้ายมาได้ไม่น้อย อาซิ่ว รีบไปดูกันเสียหน่อยเถอะ”

อาซิ่วจึงได้เดินไปดึงตัวเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “อาหนิง ไปดูกัน”

เย่หยวนที่ได้ยินก็พยักหน้ารับเดินตามคนทั้งสองไปยังปากทางเข้าหมู่บ้าน

…………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2200 ผ่าฟืน

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2200 ผ่าฟืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ลมพัดโชยสายน้ำเย็นไหล แต่นักรบผู้กล้าหาญนั้นไม่ย้อนกลับมา!

เรื่องราวที่เย่หยวนบุกเข้าไปน้ำนิลเพลิงด้วยตัวเองเพื่อช่วยผู้เป็นที่รักนั้นมันแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่ายอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาดอย่างเย่หยวนนั้นย่อมจะดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั้งหลายที่เข้าไปในถ้ำนิลเพลิงด้วยกันมาก เพราะฉะนั้นเมื่อออกมาได้ต่างคนต่างจึงได้สืบสาวถึงที่มาของเย่หยวนคนนี้

และในโลกใบนี้ความลับมันย่อมไม่มีอยู่จริง ทั้งเย่หยวนยังได้บอกประกาศตัวตนไปตั้งแต่อยู่ในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิง เรื่องราวมันยิ่งจะไม่เป็นความลับใดๆ อีก

เป็นเวลานั้นเองที่ผู้คนทั้งหลายต้องตื่นตะลึงเพราะแท้จริงแล้วเขาคนนี้คือรองมหาปราชญ์ในข่าวลือเมื่อหลายปีก่อนผู้นั้น!

แต่ที่เหนือล้ำกว่าความตกตะลึงมันก็คือความสงสาร

ยอดอัจฉริยะในระดับนี้กลับต้องมาตายลงในถ้ำนิลเพลิง มันเป็นสิ่งที่น่าเสียดายล้ำ!

เพราะหลังจากจบเรื่องราวแล้วถ้ำนิลเพลิงนั้นมันก็ได้พังทลายลง ทางเข้าถ้ำจางหายไปอย่างไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย มิติย้อนกลับไปอย่างที่มันควรเป็น ทำให้แม่น้ำโกรธาต่ำไหลลงมาอีกครั้ง

ทุกผู้คนต่างเข้าใจได้ทันทีว่าเย่หยวนคงได้ตายลงแล้ว

สิ่งเดียวที่ยังเป็นปริศนาก็คือก่อนที่ทางเข้านั้นจะปิดตายลงมันได้มีแสงสีทองพุ่งทะยานออกมาจากภายในถ้ำและจางหายไปบนท้องฟ้า

ในตอนแรกๆ คนทั้งหลายยังคิดเดาไปว่าเจ้าสิ่งนั้นอาจจะเป็นเย่หยวนที่หนีออกมา

แต่เมื่อเวลาผ่านไปความคิดเช่นนั้นมันก็จางหายไปสิ้น ไม่มีใครได้พบเจอเย่หยวนทำให้ความสงสัยนั้นหายไปจากใจคน

เพราะว่าสาวรับใช้ของรองมหาปราชญ์นางนั้นยังคงอยู่ที่วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิง

ตั้งแต่นั้นมา เย่หยวนก็ไม่ได้ย้อนกลับไปหาลู่เอ๋ออีกเลย

เวลานี้ ณ ยอดตะวันลับ ลู่เอ๋อนั้นได้แต่ต้องนั่งร้องไห้ “นายน้อย พวกเขาต่างกล่าวว่าท่านตายแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อ! ต่อให้จะต้องพลิกแผ่นดินนี้ข้าก็จะหาท่านให้เจอ”

ในพริบตาเดียวเวลากว่าสามปีก็ได้ผ่านไป

ไกลออกไปจางอาณาจักรเมฆานทีมันมีเขาลูกหนึ่งนามว่าเขาผ่อนสงบ

ดวงตาวันที่ค่อยๆ สาดแสงขึ้นมาจากทิศตะวันออกนั้นเคลื่อนผ่านเหนือหัวผู้คนส่องให้เห็นถึงหมู่บ้านน้อยๆ กลางเขาแห่งนี้

ภายในหมู่บ้านนั้นมันมีควันของการหุงหาอาหารลอยคลุ้ง เป็นสัญญาณบอกผู้คนว่าได้เวลาลืมตาตื่น

เหล่าผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้มิใช่นักยุทธใดๆ เป็นเพียงแค่ชาวบ้านคนธรรมดา

หนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มร่างกำยำที่ร้องกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ “เจ้างั่ง ไปผ่าฟืนเสียหน่อยไป! หมู่บ้านตระกูลเฉินเราไม่เลี้ยงดูคนที่ไม่ทำการทำงานหรอกนะ!”

ที่ยืนอยู่ตรงข้ามชายหนุ่มร่างกำยำนั้นมันคือชายหนุ่มในชุดบาง บนใบหน้าของเขานั้นไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ

เจ้างั่งเองก็ไม่กล่าวตอบอะไร เดินเข้าไปช่วยผ่าฟืนตามที่ได้รับสั่ง

ปัก!

ปัก!

ปัก!

ท่อนไม้โอ๊กขาวท่อนแล้วท่อนเล่าถูกชายหนุ่มคนนี้ผ่าลง

ชายหนุ่มร่างกำยำนั้นได้แต่ต้องเบิกตากว้างมองดูภาพตรงหน้าอย่างมึนงง

โอ๊กขาวนั้นติดไฟไหม้ง่ายทั้งยังให้ความร้อนสูงจึงเป็นแหล่งเชื้อเพลิงชั้นดีของผู้คนในหมู่บ้าน

แต่มันนั้นขึ้นชื่อเรื่องความแข็งที่แม้แต่นายพรานที่เก่งกาจที่สุดในหมู่บ้านยังต้องจามขวานสามถึงสี่ครั้งกว่าจะผ่ามันลงได้

การผ่าฟืนนั้นแท้จริงแล้วมันเป็นงานที่หนักหนาสาหัสมาก

การที่ชายหนุ่มร่างกำยำนั้นสั่งให้ชายหนุ่มร่างผอมบางไปผ่าฟืนมันเป็นเพราะที่จะกลั่นแกล้งอีกฝ่าย

แต่อีกฝ่ายนั้นกลับสับมันลงได้ด้วยการจามขวานแค่ครั้งเดียว ที่สำคัญยังผ่าลงได้อย่างเรียบสวยราวกับว่าใช้เลื่อยยนต์ตัดไม่มีเสี้ยนไม้ใดๆ กระเด็นออกมาทั้งสิ้น

แปลก!

แปลกมาก!

ไม่ว่าจะดูอย่างไรเจ้าเด็กคนนี้มันก็มีสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย มีหรือที่จะแข็งแรงได้ปานนั้น?

เวลานั้นเองที่มีเด็กสาวอีกคนวิ่งมาดึงตัวเจ้างั่งไว้และหันมาร้องด่าชายหนุ่มร่างกำยำ “อายอง เจ้าแกล้งอาหนิงอีกแล้ว!”

เมื่อชายหนุ่มคนนั้นได้เห็นภาพตรงหน้า สีหน้าของเขาก็เริ่มแดงขึ้นมาด้วยความอิจฉา

เด็กสาวผู้นี้มีนามว่าอาซิ่วเป็นเด็กสาวที่งดงามที่สุดในหมู่บ้าน ส่วนตัวอายองนั้นเป็นนายพรานรุ่นใหม่ที่มีอนาคตสดใสที่สุดของหมู่บ้านตระกูลเฉิน!

ตัวเขาและอาซิ่วนั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ทั้งสองต่างทั้งยังหนุ่มสาวและใสซื่อ เป็นคู่กิ่งทองใบหยกในสายตาของทุกผู้คนในหมู่บ้าน

หลังจากที่พวกเขาทั้งสองเติบโตขึ้นมาถึงช่วงวัยนี้ทางอายองก็เริ่มตกหลุมรักอาซิ่วอย่างไม่อาจห้ามใจและคิดกับนางว่าเป็นของตายที่ต้องได้คู่กันในที่สุด

แต่แม้จะมีความคิดที่ไม่ดีงามมากมายเช่นนั้น อายองก็เป็นคนที่ขยันขันแข็ง มีความสามารถโดดเด่นที่สุดในหมูนายพรานหนุ่มด้วยกัน

เพราะฉะนั้นสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องประสบความสำเร็จได้ในสักวัน

จนถึงวันที่เจ้างั่งผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น ที่ทุกสิ่งอย่างมันเริ่มผิดแปลกไปจากแผนชีวิตที่อายองวางไว้!

อาซิ่วและปู่ของนางนั้นได้ไปเจอเจ้างั่งที่นี่ริมห้วย

ตอนที่คนทั้งสองพาเขากลับมานั้นเจ้างั่งมีเลือดท่วมกายดูไม่ต่างจากคนตายแม้แต่น้อย

แต่แม้เหล่าคนในหมู่บ้านจะคิดว่าเขาต้องตายแน่แล้ว เจ้างั่งคนนี้กลับไม่ยอมตายลงและยื้อชีวิตมาไว้ได้

อาซิ่วนั้นเป็นเด็กสาวน้ำใจงาม จึงได้ช่วยคอยดูแลเจ้างั่งที่ไม่ได้สตินี้มาตลอด

จนเมื่อสามวันก่อนที่เจ้างั่งนี้ได้ลืมตาตื่นลุกขึ้นจากที่นอนได้

แต่สามวันมานี้อาซิ่วกลับเริ่มตีตัวออกห่างอายองเพื่อไปดูแลเจ้างั่งคนนี้

เมื่อความอิจฉาเริ่มปะทุขึ้น อายองจึงเริ่มคิดกลั่นแกล้งเจ้างั่งตลอดหลายวันมานี้

“ข้าไม่ได้แกล้งมัน เพียงแค่ว่าหมู่บ้านเราทุกคนต่างก็มีงานต้องทำ ในเมื่อเจ้างั่งมันตื่นลุกขึ้นได้แล้วมันก็ต้องช่วยงานพวกเราบ้าง” อายองบอก

อาซิ่วจึงกล่าวสวนขึ้น “ร่างกายของเขานั้นยังไม่หายดียังอ่อนแออยู่มาก ยังไม่สมควรจะต้องมาทำงานใด! ที่สำคัญแม้ตัวเขาจะสูญเสียความทรงจำไปแต่เขาก็มิใช่ไอ้งั่ง เจ้าห้ามเรียกเขาว่าไอ้งั่ง!”

อาหนิงที่อาซิ่วเรียกและเจ้างั่งที่อายองเรียกนั้นย่อมจะเป็นคนผู้เดียวกัน เขาคนนี้ก็คือเย่หยวนที่บาดเจ็บอย่างสาหัสมาจากการต่อสู้ที่ศึกในถ้ำนิลเพลิง

เย่หยวนในเวลานี้ไม่อาจจะจดจำเรื่องราวใดๆ เกี่ยวกับตนเองได้ ปู่ของอาซิ่วนั้นจึงได้ตั้งนามใหม่ให้เขาว่าเฉินหนิง

เพราะฉะนั้นอาซิ่วจึงได้เรียกเย่หยวนว่าอาหนิง

แต่คลื่นพลังของเย่หยวนในเวลานี้มันสุดแสนอ่อนแอ ด้วยความที่เสียพลังปราณไปสิ้นทั้งยังไม่เหลือความทรงจำใดๆ เวลานี้ไม่ว่าจะดูอย่างไรเขาจึงไม่ได้แตกต่างไปจากเหล่าคนธรรมดาทั้งหลาย

การปะทะกับหยวนเจี่ยวนั้นมันได้ทำให้เกิดคลื่นพลังรุนแรงหนักหน่วงมาก

ทางด้านหยวนเจี่ยวนั้นยังต้องเสียอาณาจักรบ่มเพาะไปถึงหนึ่งอาณาจักร แน่นอนว่าทางเย่หยวนย่อมจะได้รับผลกระทบอย่างสาหัสกว่า

ในศึกครั้งนั้นเย่หยวนสูญเสียทั้งปราณเทวะ พลังกายและจิตไปสิ้น

เขานั้นรอดความตายมาได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด

อาซิ่วหันหน้ามาดึงตัวเย่หยวนพร้อมกล่าวบอก “อาหนิง ไปเถอะ!”

แต่เย่หยวนกลับส่ายหัวออกมา “ที่อายองว่ามามันก็ถูก ในเมื่อข้าเองก็เป็นคนของหมู่บ้านแล้วข้าก็ย่อมต้องทำงานเพื่อหมู่บ้านบ้าง สามปีมานี้อาซิ่วและปู่ดูแลข้ามาอย่างดี รวมไปถึงทุกผู้คนในหมู่บ้านที่ช่วยเหลือกันด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วข้าคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ จะให้ข้ามานั่งอยู่เฉยๆ ทั้งๆ ที่ติดค้างบุญคุณมหาศาลเช่นนั้นมันคงไม่ได้”

พูดไปเย่หยวนก็เดินกลับไปยังกองฟืนอีกครั้งพร้อมเริ่มทำการยกขวานจามผ่าฟืน

หนึ่งครั้ง

อีกครั้ง

ขวานหนักๆ นั้นมันกลับถูกเย่หยวนยกจับราวกับว่าไม่มีน้ำหนักใด

อาซิ่วได้แต่ต้องเบิกตากว้างอ้าปากค้าง มองดูเย่หยวนอย่างตกตะลึง

เขาคนนี้เพิ่งจะได้สติมาไม่กี่วัน เหตุใดจึงแข็งแรงได้ปานนี้แล้ว?

ในเวลาแค่ชั่วโมงเดียวนี้ฟืนที่กองเป็นภูเขานั้นก็ได้ถูกผ่าลงจนสิ้น

เย่หยวนที่ผ่าฟืนจนหมดแล้วจึงได้หันหน้ากลับมาก่อนจะเห็นว่าคนทั้งสองกำลังยืนจ้องเขาด้วยปากอ้าค้าง “พวกเจ้ามีอะไรหรือ? เหตุใดจึงได้ทำหน้าตาเช่นนั้น?”

อายองนั้นเป็นคนแรกที่กล่าวขึ้นมา “เจ้าหมอนี่ เจ้าคงไม่ได้แกล้งไม่สบายมาสามปีหรอกใช่หรือไม่? เจ้าทำเช่นนั้นเพื่อจะได้เข้ามาใกล้ชิดกับอาซิ่วใช่หรือไม่?”

อาซิ่วจึงได้หันมามองอย่างรุนแรงใส่ เพราะตอนที่นางและปู่ไปเจอเย่หยวนนั้น ตัวเย่หยวนไม่มีแม้แต่ลมหายใจพร้อมด้วยบาดแผลเต็มร่างตั้งแต่หัวจรดเท้า

เรื่องเช่นนั้นมันยังจะมาหลอกลวงกันได้?

แต่สุดท้ายนางก็ต้องหันกลับไปหาเย่หยวนด้วยความตกตะลึง “นี่มันคือไม้โอ๊กขาว ต่อให้จะเป็นลุงเลี่ยเองก็คงต้องใช้เวลาผ่ามันนับวัน แต่เจ้ากลับทำมันเสร็จในเวลาแค่ชั่วโมง! เจ้าคิดว่าเราควรตกใจหรือไม่เล่า?”

เย่หยวนจึงได้แต่ต้องเอียงคอกล่าวตอบ “มันเป็นเช่นนั้นหรือ? แต่ข้ารู้สึกว่ามันช่างเป็นไม้เนื้ออ่อนที่ผ่าง่ายดาย แค่จามลงเบาๆ ข้าไม่ต้องออกแรงเสียด้วยซ้ำมันก็แยกออกจากกันแล้ว”

คนทั้งสองได้แต่ต้องอ้าปากค้างมองดูชายหนุ่มตรงหน้าราวกับเขาเป็นสัตว์ประหลาด

มีหรือที่คนทั้งสองนี้จะรู้ได้ว่าเย่หยวนมีกายทองคำสัมบูรณ์ระดับเจ็ด?

หากเขาสมบูรณ์พร้อม แค่ดีดนิ้วก็คงลบทำลายเขาทั้งลูกนี้ให้หายไปจากแผนที่ได้

ต่อให้ในเวลานี้พลังกายของเขาจะตกต่ำลงอย่างมากจนแทบไม่เหลือพลังใดๆ แต่แค่การผ่าฟืนมันย่อมจะง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย

แต่ระหว่างที่กำลังยืนตะลึงกันอยู่นั้นมันก็เกิดเสียงโห่ร้องขึ้นที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน

อายองต้องเลิกคิ้วสูงก่อนยิ้มกล่าว “ดูท่าพวกพ่อข้าจะกลับมาแล้ว! และครั้งนี้เขาคงล่าสัตว์ร้ายมาได้ไม่น้อย อาซิ่ว รีบไปดูกันเสียหน่อยเถอะ”

อาซิ่วจึงได้เดินไปดึงตัวเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “อาหนิง ไปดูกัน”

เย่หยวนที่ได้ยินก็พยักหน้ารับเดินตามคนทั้งสองไปยังปากทางเข้าหมู่บ้าน

…………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+