War sovereign Soaring The Heavens 3087

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3087 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ถึงเวลาแล้วรึ?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่ลุกออกมาเปิดประตู ก็มองถามหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ยืนรออยู่ในลาน

 

“อืม”

 

หลิงเจวี๋ยอวิ๋นพยักหน้า “เจ้านั่นพึ่งส่งข้อความมาถึงข้า บอกให้พวกเราไปรวมตัวกันที่เทือกเขาแห่งหนึ่งทางทิศใต้ห่างจากเมืองอวี้เฟิงไป 130,000 ลี้…จุดสังเกตจะเป็นภูเขาที่เสมือนหมาป่ากำลังแหงนมองฟ้าพลางเห่าหอน มันยังบอกให้พวกเราขึ้นไปรอคอยบนยอดเขาลูกนั้น”

 

“อีกทั้งก่อนมืดวันนี้ หากผู้ใดยังไปไม่ถึงที่นั่น ก็จะถือว่าสละสิทธิ์ในการเข้าสู่แดนลับดังกล่าว…นี่คือข้อความทั้งหมดที่มันส่งมา”

 

หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวออกมารวดเดียวจบ

 

“งั้นก็ไปกันเลยเถอะ”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบรับ

 

“ไป”

 

หลิงเจวี๋ยอวิ๋นพยักหน้า จากนั้นก็เดินออกจากลานไปพร้อมต้วนหลิงเทียน เตรียมที่จะไปคืนห้องพักแล้วออกจากต้าอี้เก๋อ

 

อย่างไรก็ตามทั้งคู่พึ่งจะเดินออกมาจากลานได้ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ได้ยินเสียงแปลกใจหนึ่งดังขึ้นเข้าหู “ต้วนหลิงเทียน? หลิงเจวี๋ยอวิ๋น?”

 

พอต้วนหลิงเทียนได้ยินเสียงทัก คิ้วเขาก็ขมวดเป็นปมทันที

 

ที่นีมีคนรู้จักเขาด้วย? แถมยังรู้จักหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอีก?

 

ยิ่งไปกว่านั้นฟังจากเสียงแล้วก็สมควรเป็นผู้หญิงไม่ผิดแน่

 

พอต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นหันหน้าไปตามเสียงได้ไม่ทันไร ก็เห็นร่างเพรียวบางอันมีใบหน้างดงามหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ขณะเดียวกันใบหน้างามดังกล่าวก็กำลังฉายชัดถึงความประหลาดใจไม่น้อย สองตากลมใสยังมองจ้องพวกเขาไม่วางตา

 

“มู่หรงเซี่ยวเซี่ยว?”

 

ถึงแม้วันเวลาจะผ่านไปเกือบ 10 ปีแล้ว แต่ต้วนหลิงเทียนก็จดจำสตรีนางนี้ได้ทันทีที่เห็น เป็นมู่หรงเซี่ยวเซี่ยว รุ่นเยาว์อัจฉริยะของตระกูลมู่หรง ซึ่งเป็นตระกูลระดับ 7 ตระกูลหนึ่งในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว

 

ในอดีตตอนที่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำเปิดออก ผู้ที่รอดออกมาได้และครองอันดับ 3 รองจากเขาและหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็คือนางนั่นเอง

 

ด้วยเหตุนี้เขาจึงจดจำมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวได้ชัดเจน

 

“ดูเหมือนว่ามู่หรงเซี่ยวเซี่ยวก็ได้รับคำชวนจากจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดนั่นเหมือนกัน”

 

เสียงผ่านพลังของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นส่งตรงเข้ามาถึงหูเขา

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเบาๆ

 

ในเวลาแบบนี้การที่มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวมาปรากฏตัวที่นี่ได้ ไม่พ้นเหมือนพวกเขาสองคน…ได้รับคำชวนจากจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดนั่น!

 

“ไปเถอะ…หากทำได้ก็อย่าไปยุ่งกับนางให้มาก ข้าไม่อยากได้ตัวภาระ”

 

หลิงเจวี๋ยอวิ๋นมองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง จากนั้นกล่าวจบก็เดินนำตัวปลิวไปทันที

 

ต้วนหลิงเทียนที่ผงะไปเล็กน้อย จากนั้นก็ได้แต่เดินตามไปอย่างไร้คำใดจะกล่าว สายตาเมื่อครู่ของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นหมายความว่าอะไร?

 

หรือคิดว่าเขาจะยินดีรับมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวมาร่วมทาง? หรือเข้าใจว่าเขาหลงใหลโฉมงาม?

 

ถึงแม้มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวจะหน้าตาไม่เลว แต่ก็ไม่อาจเทียบเค่อเอ๋อกับลี่เฟยภรรยาเขาได้เลย ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงฮ่วนเอ๋อ สตรีที่งดงามปานสวรรค์บรรจงสร้างอย่างยากที่จะหาใดเสมอเหมือนที่เขาได้เจอหลังขึ้นมายังหลิงหลัวเทียนได้ไม่นาน

 

“2 คนนี้…”

 

พอเห็นว่านางที่อุตส่าห์ทักไป แต่อีกฝ่ายกลับไม่แม้แต่จะพูดอะไรกับนางสักคำ มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวก็รู้สึกหัวเสียอยู่บ้าง

 

หากเป็นในเวลาปกติ ด้วยความหยิ่งและถือดีในตัวของนาง มีหรือจะไปทักต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก่อนแบบนี้?

 

ทว่าครานี้นางเดินทางออกจากหลิงหลัวเทียนมายังอวี้หวงเทียนเพียงลำพัง นางเองก็คิดถึงความปลอดภัยของตัวเองเช่นกัน เพราะอย่างไรสถานที่ๆจะไปคราวนี้ก็คือมรดกสถานที่สงสัยว่าจะเป็นของจักรพรรดิอมตะเหลือทิ้งไว้

 

หากสานไมตรีกับต้วนหลิงเทียนและหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้ นางก็สามารถมั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้หลายส่วน

 

ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว นางก็เลือกที่จะตามต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นไปอย่างไม่เกรงใจ “ต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋น พวกเจ้ามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ?”

 

“ในเมื่อพวกเจ้ามาที่นี่ด้วย หมายความว่าพวกเจ้าก็ได้รับคำชวนมาเหมือนกันใช่ไหม?””

 

“พวกเจ้ามุ่งหน้าลงใต้แบบนี้ ดูท่าว่าจะไปที่เดียวกับข้า…หลังเข้ามรดกสถานของจักรพรรดิอมตะแล้ว พวกเรา 3 คนร่วมมือกันดีหรือไม่?”

 

“แน่นอนว่าพวกเจ้าไม่ต้องแบ่งของให้ข้าเท่าๆกันก็ได้…ไม่ว่าอันใดล้วนแบ่งออกเป็น 5 ส่วน พวกเจ้าเอาไปคนละ 2 ส่วน และข้าจะเอาส่วนที่เหลือเองเป็นไง?”

 

ตั้งแต่ออกจากต้าอี้เก๋อ จวบจนออกจากเมืองอวี้เฟิงและเหินร่างมุ่งหน้าลงใต้ มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวก็ตามต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นแจ ขณะเดียวกันก็พยายามกล่าวทำนองอยากขอเข้าร่วมกลุ่ม และร่วมเดินทางไปในมรดกสถานที่สงสัยว่าจะเป็นตัวตนระดับจักรพรรดิอมตะสร้างไว้ด้วย

 

กระทั่งเพื่อแสดงความจริงใจครั้งใหญ่เท่าที่นางจะทำได้ นางยังกล่าวว่าจะรับผลประโยชน์แค่ 2 ใน 10 ส่วนเท่านั้น หากเจอสมบัติใดๆด้านใน

 

ในสายตานาง ในเมื่อตัวนางเลือกที่จะสละผลประโยชน์ให้ทั้งคู่ขนาดนี้แล้ว ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นต้องรับนางเข้ากลุ่มด้วยแน่นอน

 

ท้ายที่สุดแล้วพลังฝีมือของนางก็หาได้อ่อนด้อยไม่ หากนางเข้าร่วมกับทั้งคู่ได้ เช่นนั้นการเข้าไปในมรดกสถานที่สงสัยว่าน่าจะเป็นตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะเหลือทิ้งไว้ นางย่อมไม่ต่างอะไรจากปลาได้น้ำ

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวคิดไม่ถึงก็คือ…

 

กระทั่งนางยอมลงและเสนอผลประโยชน์ให้ทั้งคู่ขนาดนี้แล้ว แต่ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็เอาแต่เหินร่างไปเงียบๆ ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองนางเลยด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับตอบรับข้อเสนอของนาง

 

จังหวะนี้สีหน้ามู่หรงเซี่ยวเซี่ยวจึงกับกลายเป็นปั้นยากนัก สองตาดั่งสารทของนางยังฉายชัดถึงความไม่พอใจออกมาถึงที่สุด!

 

ตัวนางมู่หรงเซี่ยวเซี่ยว โฉมงามอัจฉริยะของตระกูลมู่หรง เคยถูกผู้คนเมินเฉยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

 

“เจ้าสังเกตเห็นหรือไม่ ที่เหินร่างลงใต้ตอนนี้ นอกจากพวกเราแล้วยังมีคนไม่น้อยเลยที่ออกจากต้าอี้เก๋อ…ท่าทางพวกมันจะได้รับคำชวนจากจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดนั่นเช่นกัน”

 

หลิงเจวี๋ยอวิ๋นส่งเสียงผ่านพลังคุยกับต้วนหลิงเทียน “อย่างไรก็ตาม นอกจากมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวแล้วข้าไม่คุ้นหน้าผู้ใดเลย…ดูเหมือนในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว เจ้าจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดนั่นจะชวนแค่พวกเรา 3 คน”

 

“เชิญแค่พวกเรา 3 คนงั้นหรือ”

 

ได้ยินเสียงผ่านพลังของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มหันมองสำรวจผู้คนที่เหินร่างนำอยู่ด้านหน้า จากนั้นก็หันมองด้านข้างกระทั่งหันกลับไปมองด้านหลัง และพบว่าผู้คนนับพันๆที่สบตากับเขา นอกจากมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวแล้ว ไม่มีใบหน้าที่เขาคุ้นตาอยู่เลย

 

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนยังรู้อีกด้วย ว่าเหล่าคนที่กำลังมุ่งหน้าลงใต้ ก็ไม่แน่ว่าจะไปตามคำนัดหมายของจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิด

 

คนที่ออกจากเมืองอวี้เฟิงไม่ได้มุ่งหน้าไปแต่ทางใต้อย่างเดียว กระทั่งมุ่งหน้าไปทิศอื่นก็มีมากมาย

 

และความจริงก็พิสูจน์ว่าต้วนหลิงเทียนเดาถูก

 

หลังมุ่งหน้าลงใต้ไปราวๆ 7-8 พันลี้ ในที่สุดผู้คนหลายพันที่เหินร่างลงใต้รอบๆ ก็ค่อยๆแยกย้ายกันไปทางอื่น จนลดน้อยลงเหลือแค่ราวๆ 2 พันคน และหลังจากมุ่งหน้าลงใต้ไปอีกหลายหมื่นลี้ ในที่สุดก็หลงเหลือแค่เพียงพันคนเท่านั้น…

 

“สถานที่นัดหมาย สมควรเป็นเขาลูกหนึ่งในแนวเทือกเขาเบื้องหน้า…”

 

หลังเหินร่างข้ามผ่านทะเลทรายอันกว้างใหญ่ และที่ราบลุ่มมากมาย ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เห็นแนวเทือกเขาที่ทอดตัวยาวเบื้องหน้าไกลๆ

 

ด้วยเพราะระยะทางยังอยู่อีกไกล จึงไม่อาจเห็นรูปลักษณ์ของยอดเขาได้ชัดเจน

 

“ดูจากระยะทางแล้ว…สมควรอยู่ในแนวเทือกเขาเบื้องหน้าจริงๆ”

 

หลิงเจวี๋ยอวิ๋นพยักหน้า

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นสังเกตเห็นแนวเทือกเขาเบื้องหน้า มู่หรงเซี่ยวเซี่ยยวและคนอื่นๆก็สังเกตเห็นเช่นกัน จากนั้นก็มีหลายคนที่เร่งความเร็วในการเหินบิน ราวกับจะรีบไปช่วงชิงสมบัติอย่างไรอย่างนั้น

 

ด้านต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกลับไม่รีบไม่ร้อนและเหินร่างเดินทางด้วยความเร็วปกติ มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวเองก็เงียบไม่พูดไม่จา เพราะตอนนี้นางไม่มีหน้าพูดอะไรออกมาแล้วจริงๆ

 

ก่อนหน้านี้นางพยายามเข้าหาต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็แล้ว บากหน้าขอเข้าร่วมกลุ่มโดยรับผลประโยชน์แค่เล็กน้อยก็แล้ว แต่ทั้งคู่กลับไม่แม้แต่จะแสนางเลย เช่นนั้นนางก็ไม่คิดจะหน้าด้านพะเน้าพะนออะไรอีก

 

และตอนนี้นางก็ได้ตัดใจเรื่องเข้าร่วมกลุ่มกับต้วนหลิงเทียนโดยสมบูรณ์

 

เพราะนางเห็นแล้วว่าทั้งคู่ไม่คิดจะร่วมมือกับนางจริงๆ หาไม่แล้วทั้งคู่ไม่มีวันปฏิเสธนางแน่ เพราะนางก็ยอมลงและปันส่วนผลประโยชน์ให้มากขนาดนี้แล้ว

 

“หากเจ้านั่นมันไปเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้วชวนพวกเรากับมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวแค่ 3 คน…เช่นนั้นมันต้องวิ่งโร่ไปกี่แห่งกันแน่ถึงจะชักชวนคนมาได้มากมายขนาดนี้ ที่สำคัญคนพวกนี้เผลอๆจะเป็นแค่คนบางส่วนที่มันชวนมาด้วยซ้ำ”

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนมั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าผู้คนนับพันๆที่เหินร่างอยู่ในสายตาเขาตอนนี้ สมควรมาเพราะถูกชวนเหมือนเขากับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น

 

“นั่นสิ…”

 

ได้ยินเสียงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็พยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็ส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับ “นอกจากนั้นดูจากการที่มันเลือกพวกเรา 3 คนจากทั้งเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว…หากมันยังรักษามาตรฐานระดับนี้ เกรงว่าผู้คนที่มาล้วนแล้วแต่เป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดชนชั้นอัจฉริยะที่เข้าใจความลึกซึ้ง 2 ประการขึ้นไปจริงๆ”

 

“ไม่ใช่เจ้าเคยบอกว่า…เครื่องสังเวยต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ ขอเพียงเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดก็พอหรือไร เช่นนั้นไฉนมันต้องจงใจเฟ้นหาอัจฉริยะที่สมควรเข้าใจความลึกซึ้งของกฏด้วย?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามผ่านพลัง

 

“ข้าก็ไม่แน่ใจ…หรือการที่มันจงใจคัดเลือกแต่ยอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุดชนชั้นอัจฉริยะแบบนี้ จะมีส่วนช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จที่จะเกิดผลเทพสังเวยสวรรค์?”

 

สองตาหลิงเจวี๋ยอวิ๋นทอประกายสว่างจ้า จากนั้นก็เริ่มคาดเดาอย่างอุกอาจ “หาไม่แล้วไฉนมันถึงต้องลงทุนนลงแรงตระเวนไปยังสถานที่ต่างๆมากมายขนาดนี้ด้วย? เอาแค่ในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว แม้ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่แข็งแกร่งกว่าพวกเราจะไม่มี แต่ระดับเดียวกับมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวหรืออ่อนด้อยกว่าเล็กน้อยก็ยังมีอีกมากมาย แต่มันกลับไม่สนใจคนพวกนั้นเลย…”

 

“ก็นะ อย่างไรตอนนี้พวกเราก็ได้แต่เดาไปเรื่อย…สุดท้ายแล้วไม่แน่ว่าอาจจะมียอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนอื่นจากเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวอยู่อีก เพียงแค่พวกมันไม่ได้เดินทางมาพร้อมๆคนกลุ่มนี้เหมือนมู่หรงเซี่ยวเซี่ยว?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

 

“ก็ไม่แน่…ต้องรอดูกันว่าคนที่จะไปรวมตัวกันบนยอดเขานั่นเป็นยังไง หากพวกเราไม่เห็นคนที่คุ้นหน้าแล้วจริงๆ เรื่องที่ข้าเดาก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”

 

หลิงเจวี๋ยอวิ๋นตอบ

 

“หากที่เจ้าเดามันเป็นความจริงก็ดี…เพราะสุดท้ายแล้วพวกเราก็มาเพื่อผลเทพสังเวยสวรรค์ เรื่องอื่นจะอย่างไรก็ช่าง”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง ลึกลงไปในแววตายังเผยเพลิงปรารถนาอันแรงกล้าลุกโชนขึ้นมา

 

เพราะหากคนที่เป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดนั่น เลือกจะชวนแค่เขา หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวแค่ 3 คนจากทั้งเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวจริง และเป็นการเลือกเฟ้นผู้คนตามมาตรฐานระดับนี้…

 

หมายความว่าอีกฝ่ายต้องทำไปเพราะมีเหตุผลแน่นอน!

 

หาไม่แล้วไฉนมันถึงต้องลำบากลงทุนลงแรงมหาศาลเพื่อตามหาผู้คนแบบนี้ด้วย?

 

‘หากเป็นแบบนั้นจริงๆ สิ่งที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเดาก็มีความเป็นไปได้สูง’

 

‘ยิ่งยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ถูกสังเวยมีอัจฉริยะภาพและความเข้าใจสูงส่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสสำเร็จในการเกิดผลเทพสังเวยสวรรค์!’

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังคิดไปในใจอย่างคึกคัก เสียงผ่านพลังของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นพันดังขึ้นในหูเขาพอดี

 

“ถึงแล้ว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด