War sovereign Soaring The Heavens 3116

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3116 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ประมุข…แล้วคนผู้นั้นไปไหนแล้วเล่า?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองถามซุนเหลียงเผิงด้วยสายตาสงสัย

 

ในความเห็นเขา ในเมื่อคนผู้นั้นประสบความสำเร็จระดับนี้ตั้งแต่ 30,000 กว่าปีก่อน หากยังอยู่ในแดนสวรรค์ใต้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาๆแน่นอน

 

ท้ายที่สุดแล้วเมื่อ 30,000 ปีก่อนก็เป็นถึงขุนนางอมตะ 9 ตำหนักที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึง 5 ประการ!

 

“ตาย”

 

ซุนเหลียงเผิงถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อน “ตอนนั้นด้วยพรสวรรค์และอัจฉริยะภาพของมัน ทำให้ผู้คนในคฤหาสน์เฉวียนโยวยุคนั้นต้องตกตะลึงพรึงเพริด…ต่อมาเมื่อเข้าสู่ตระกูลที่อยู่เหนือคฤหาสน์เฉวียนโยวและได้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม พรสวรรค์และเชาว์ปัญญาก็เฉิดฉายจนโดดเด่นเหนือใคร”

 

“ทว่าพอบรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ 6 ผสาน ภรรยาที่คบหากันโดยไม่เปิดเผยของมันกลับถูกอัจฉริยะคนหนึ่งในตระกูลใหญ่ข่มขืน ถึงแม้อัจฉริยะผู้นั้นจะมีพรสวรรค์และความเข้าใจด้อยกว่า…แต่อย่างไรด่านพลังฝึกปรือก็ยังเหนือกว่า สุดท้ายพอเกิดการท้าประลองเป็นตายเพื่อศักดิ์ศรีขึ้น ก็มีอันต้องจบชีวิตลงไปอย่างน่าเศร้า…”

 

“หาไม่แล้วหากยังมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้ เกรงว่าพลังฝีมือและความสามารถ คงเหนือกว่าอัจฉริยะในตระกูลผู้นั้นไปไกล สุดที่จะเทียบเทียมกันได้”

 

เสียงกล่าวประโยคท้ายของซุนเหลียงเผิง ฉายชัดถึงความเสียดายอย่างถึงที่สุด

 

“ตกตายไปกลางคัน ไม่ทันได้เติบโตเต็มศักยภาพงั้นหรือ?”

 

หลังได้ยินเรื่องราวจากปากซุนเหลียงเผิง ต้วนหลิงเทียนก็เสียดายแทนอัจฉริยะที่เป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวเมื่อ 30,000 กว่าปีก่อนอยู่บ้าง เพราะหากอีกฝ่ายไม่ตกตายไปเสียก่อน ความสำเร็จย่อมไม่ต้อยต่ำ ไม่แน่อาจจะเทียบได้กับจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ที่ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของแดนสวรรค์ใต้

 

“หากผู้พิทักษ์น้อยคนนั้นอดทนเสียหน่อย ก็ไม่ใช่ว่าจะเข่นฆ่าอัจฉริยะคนนั้นไม่ได้มิใช่หรือ?”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายวาบหนึ่ง

 

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว เพราะพรสววรรค์และความเฉลียวฉลาดของมัน ไม่ใชอะไรที่อัจฉริยะในตระกูลใหญ่คนนั้นจะเทียบเทียมได้เลย”

 

ซุนเหลียงเผิงกล่าวด้วยความมั่นใจ

 

“แล้วอัจฉริยะของตระกูลใหญ่ที่ว่า…ยังมีชีวิตอยู่ไหม?”

 

ต้วนหลิงเทียนถามเพิ่มด้วยความอยากรู้

 

“ยังอยู่”

 

ซุนเหลียงเผิงพยักหน้า ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มขื่นขม “มันไม่เพียงแต่ยังมีชีวิตอยู่…แต่มันยังกลายเป็นผู้นำของตระกูลใหญ่นั้นแล้วด้วย…ผู้นำของ 10 ตระกูลใหญ่ในแดนสวรรค์ใต้ แม้จะไม่ใช่ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ก็ถือว่าเป็นพลังระดับสูงของแดนสวรรค์ใต้”

 

“และพลังฝีมือของมัน ยังเหนือกว่าผู้นำ 10 ตระกูลใหญ่คนอื่นๆ กล่าวกันว่าพลังฝีมือของมันแทบจะใกล้เคียงกับจอมราชันอมตะสมญานามแล้ว”

 

ซุนเหลียงเผิงกล่าว

 

“ในปัจจุบันมันประสบความสำเร็จถึงขั้นนั้นแล้วรึ?”

 

ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “มิได้หมายความว่าหากอัจฉริยะที่เป็นอดีตผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวยังอยู่…ก็คงกลายเป็นจอมราชันอมตะสมญานามไปแล้วหรือไร?”

 

ซุนเหลียงเผิงพยักหน้า “มิผิด หากยังอยู่และสามารถรักษาอัตราความก้าวหน้า ด้วยพรสวรรค์และความเฉลียวฉลาดป่านนี้อย่างน้อยๆก็ต้องกลายเป็นจอมราชันอมตะสมญานาม เผลอๆอาจจะทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะไปแล้วด้วยซ้ำ! เรียกว่าหากยังไม่ตาย พลังฝีมือก็ไม่น่าจะอ่อนด้อยไปกว่าจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้คนปัจจุบันที่ปกครองแดนสวรรค์ใต้อยู่เลย”

 

“น่าเสียดายที่ฟ้าริษยาอัจฉริยะ จึงทำให้มันตกตายก่อนวัยอันควร…ว่ากันว่าตอนภรรยาของมันถูกขืนใจ ในท้องก็ตั้งครรภ์ลูกของมันแล้ว ต่อมาหลังจากที่มันตายตก ภรรยาที่ตั้งครรภ์ลูกในท้องของมัน ก็ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ หลายคนกล่าวกันว่าอัจฉริยะของตระกูลใหญ่คนนั้น ได้ฆ่านางเพื่อตัดรากถอนโคนไปแล้ว”

 

“ข้าได้ยินมาว่า…ภรรยาของผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยนั้นจิตใจเข้มแข็งนัก แม้จะโดนอัจฉริยะของตระกูลใหญ่ข่มขืนแต่นางก็ไม่เลือกหนทางปลิดปลงชีวิตตัวเองเพื่อหนีความอัปยศ แต่เลือกที่จะกล้ำกลืนความอัปยศอดสูรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้เพื่อลูกในท้อง!”

 

กล่าวถึงท้ายประโยคน้ำเสียงของซุนเหลียงเผิงก็เผยให้เห็นโทสะประการหนึ่ง

 

ได้ยินคำพูดของซุนเหลียงเผิง สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายเยียบเย็นเช่นกัน

 

ไปข่มขืนภรรยาผู้อื่นเขาแล้ว ไม่เพียงแต่จะฆ่าผู้อื่น แต่ยังฆ่าภรรยาของผู้อื่นที่กำลังตั้งครรภ์เพื่อตัดรากถอนโคนอีก?

 

คนแบบนี้ต่อให้เรียกว่าสัตว์เดรัจฉานก็ไม่เกินเลย!

 

“ในตอนนั้นหลังเกิดเหตุการณ์น่าสลดใจดังกล่าว คนของเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวเราก็ไม่เคยพบเจอตัวตนที่จะดำรงตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยที่มีโอกาสจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแดนสวรรค์ใต้อีกเลย! ต้วนหลิงเทียน…ด้วยพรสวรรค์และความเฉลียวฉลาดของเจ้า กล่าวไปไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยผู้นั้น และเจ้าเองก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จเหนือผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนนั้น”

 

กล่าวถึงจุดนี้ ซุนเหลียงเผิงก็มองต้วนหลิงเทียนเขม็งพลางกล่าว “ด้วยความสำเร็จของเจ้าในวันนี้ เรื่องที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยว ย่อมเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว!”

 

“อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียน…ก่อนที่เจ้าจักไปคฤหาสน์เฉวียนโยว ข้ามีเรื่องจักแนะนำเจ้าสักคำ…”

 

ซุนเหลียงเผิงกล่าวถึงจุดนี้ ท่าทีสีหน้าเดิมที่สงบก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง “เจ้าเองก็รับทราบชะตากรรมของอดีตผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยแล้ว เพราะตกตายไปกลางคัน อนาคตอันใดล้วนพังทลายสาบสูญ…ข้าหวังว่าเจ้าจักไม่ผิดพลาดซ้ำรอยเช่นนั้น จนมีอันต้องทำให้อนาคตพังพินาศ…”

 

“ดั่งคำกล่าว ขุนเขาเขียวยังอยู่ไยต้องกลัวไร้ฟืนไฟ ขอเพียงคนยังอยู่ย่อมมีความหวังเสมอ…แต่หากคนผู้หนึ่งเลือกเดินทางผิด ความหวังอันใดก็ล้วนสลายไปดั่งหมอกควัน!”

 

สิ่งที่ซุนเหลียงเผิงกล่าวก็มีความหมายชัดเจน ไม่มีอะไรมากไปกว่าให้คำแนะนำแก่ต้วนหลิงเทียน และหวังว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่ผิดพลาดและเดินซ้ำรอยอดีตผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย…

 

ในสายตาของซุนเหลียงเผิง ขอเพียงผู้พิทักษ์น้อยเลือกหนทางกล้ำกลืนความอัปยศ ไม่วู่วามแก้แค้น อย่างน้อยๆตอนนี้ไม่เพียงแต่จะล้างแค้นสำเร็จ แต่สมควรกลายเป็นจอมราชันอมตะสมญานามไปแล้ว

 

“ประมุขนิกาย ข้ากลับรู้สึกว่าผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยนั่นเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง…เพราะบางอย่างมิใช่ว่าให้ทนก็จะทนได้ไหว ข้าขอถามท่านสักคำ หากท่านพบเจอเรื่องราวดุจเดียวกับผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย ท่านจะอดทนไหวหรือไม่?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองซุนเหลียงเผิงไม่วางตา “ใต้หล้าบางเรื่องสามารถอดทนได้…แต่บางเรื่องก็มิอาจอดทนได้ไหว”

 

ซุนเหลียงเผิงพอได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียนก็เงียบไปครู่หนึ่ง เพราะมันลองแทนตัวเองในจุดเดียวกับผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยในอดีตดู มันเองก็อาจจะทนไม่ไหวเช่นกัน

 

ความแค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกก็คือความแค้นเข่นฆ่าบิดา ฉุดคร่าภรรยา!

 

“แน่นอนว่าข้าต้วนหลิงเทียน ย่อมไม่มีวันให้เรื่องพรรค์นั้นเกิดขึ้น…ข้านับถือผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยในฐานะลูกผู้ชายคนหนึ่ง แต่ก็ต้องบอกเลยว่ามันไม่ใช่สามีที่ดี เพราะแม้แต่สตรีตัวเองยังปกป้องเอาไว้ไม่ได้”

 

“ยิ่งไปกว่านั้นสตรีดังกล่าวกำลังตั้งครรภ์ลูกของมันอยู่ในท้อง”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวแสดงความเห็น “หากมันเลือกที่จะสู้จนตัวตายก่อนภรรยามีมลทินก็แล้วไป…แต่มันมาเลือกที่จะสู้ตายทีหลังแบบนี้ มันถือว่าไร้ความรับผิดชอบนัก!”

 

ในสายตาต้วนหลิงเทียน หากผู้ชายไม่อาจปกป้องผู้หญิงของตัวเองได้ เช่นนั้นก็เป็นผู้ชายที่ไร้ค่าแล้ว

 

“กล่าวเช่นนี้ก็ไม่ได้…ผู้ใดจะไปคิดว่าอัจฉริยะตระกูลใหญ่นั่นจักชั่วช้าลงมือกับภรรยาผู้อื่นเล่า?”

 

เห็นได้ชัดว่าซุนเหลียงเผิงไม่เห็นด้วยกับต้วนหลิงเทียน

 

ได้ยินคำพูดของซุนเหลียงเผิง ต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มบางๆ และไม่คิดจะโต้แยงกับซุนเหลียงเผิงในเรื่องนี้อีก

 

เพราะเขาเชื่อว่าเรื่องราวไม่มีทางอยู่ๆก็เกิดขึ้นปุบปับแน่ มันต้องส่อแววอะไรให้เห็นแต่แรก หากอดีตผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนนั้นเลือกที่จะจัดแจงปกป้องภรรยาให้ดี ป่าวประกาศให้ผู้คนรู้ว่านี่คือภรรยาของมัน ไหนเลยอัจฉริยะผู้นั้นจะหาญกล้าสร้างความเสื่อมเสียให้ตัวเอง?

 

แต่ท่าทางอดีตผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนนั้น คงมัวแต่บ่มเพาะฝึกปรือหรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่ทำให้เรื่องนี้ชัดเจนแต่แรก แล้วที่สำคัญไม่ใช่ว่ามีพรสวรรค์และสติปัญญาสูงส่งหรือไร ไฉนไม่ทำให้เหล่าอาวุโสหรือคนใหญ่คนโตในตระกูลที่ว่า ให้ความสำคัญและช่วยดูแลภรรยาของตัวเองได้?

 

พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนคร้านจะสนทนาเรื่องนี้สืบต่อ ซุนเหลียงเผิงก็กล่าวถามเปลี่ยนเรื่องออกมาว่า “ต้วนหลิงเทียนข้ารู้มาว่าผลเทพสังเวยสวรรค์นั้น ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้ที่ใช้มันบรรลุถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศอย่างเดียว แต่ยังช่วยให้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏที่ไม่เคยสัมผัสหลายประการด้วย…”

 

“มิทราบว่าที่แท้เจ้าได้รับความเข้าใจในกฏอันใด และเข้าใจความลึกซึ้งของกฏนั้นได้กี่ประการ?”

 

หลังงเอ่ยถามออกไป สายตาซุนเหลียงเผิงที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนก็ท่วมท้นไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

“กฏแห่งมิติ และยังเข้าใจค…”

 

ทว่าไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะกล่าวจบคำ ลูกตาซุนเหลียงเผิงก็หดเล็กลงแทบปิด ยังโพล่งออกมาด้วยความตกตะลึงอย่างไม่รู้ตัว “เจ้า…เจ้าเข้าใจกฏแห่งมิติงั้นหรือ?!”

 

“ใช่”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

“แล้วเข้าใจความลึกซึ้งได้กี่ประการ?”

 

ซุนเหลียงเผิงเอ่ยถามสืบต่อ

 

“ไม่มาก…แค่ 6 เท่านั้น”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

 

“6 ประการ? ไม่มาก!?”

 

ซุนเหลียงงเผิงถลึงตามองต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทีขุ่นเคือง แทบห้ามตัวเองไม่ให้พุ่งไปทุบตีต้วนหลิงเทียนไม่ไหว

 

“ก็ไม่มากไม่ใช่หรือ? ข้าได้ยินมาว่าผู้ที่เคยกินผลเทพสังเวยสวรรค์เข้าไป อย่างน้อยๆก็เข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ 6 ประการ…แต่ที่มากจริงๆก็สามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ตั้ง 8 ประการ…”

 

ต้วนหลิงเทียนยักไหล่ผายมือพลางกล่าว “อันที่จริงไม่ต้องพูดถึงคนอื่นคนไกล หลิงเจวี๋ยอวิ๋นสหายข้าที่เลือกรั้งอยู่ในอวี้หวงเทียน หลังกินผลเทพสังเวยสวรรค์ไปแล้ว เจ้านั่นก็เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งทองได้ตั้ง 8 ประการ…”

 

“เหอะๆ…เจ้ายังพูดเองว่ามันเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งทอง”

 

ซุนเหลียงเผิงส่ายหัวไปมา หัวเราะประชดพลางกล่าว “กฏแห่งทองจะอย่างไรก็เป็นกฏทั่วไป ไหนเลยจักนำไปเทียบกับกฏแห่งมิติได้…กฏแห่งมิตินั่นเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุดอันยากแท้หยั่งถึง สุดที่ผู้ใดจะเข้าใจมันได้ง่ายๆ”

 

“และเท่าที่ข้ารู้มา ผู้ที่เคยใช้ผลเทพสังเวยสวรรค์และเข้าใจความลึกซึ้งได้แค่ 6 ประการอันถือว่าน้อยสุด…แต่ทั้งหมดล้วนเป็นกฏทั่วไป กระทั่งข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำว่ามีผู้ใดใช้ผลเทพสังเวยสวรรค์แล้วจะเข้าใจ 1 ใน 4 กฏสูงสุด”

 

กล่าวถึงจุดนี้สายตาที่ซุนเหลียเผิงใช้มองต้วนหลิงเทียน ก็เต็มไปด้วยความอิจฉา

 

มันอย่าว่าแต่กฏแห่งมิติเลย

 

ไม่ว่าจะ 1 ใน 4 กฏสูงสุดอันใด มันก็ไม่เข้าใจทั้งนั้น

 

หลังสนทนากับซุนเหลียงเผิงต่ออีกสักพัก ต้วนหลิงเทียนก็คิดจะกลับไปยังที่พักของศิษย์ที่แท้จริงนิกากยอมตะเป้าผู่ หากแต่ซุนเหลียงเผิงกลับรั้งให้เขาอยู่ต่อ “จะอย่างไรก็แค่ 3 วันเท่านั้น เจ้าก็อยู่ที่นี่กับข้าเถอะ…จะได้เล่าเรื่องราวให้ข้าฟังด้วย”

 

“เพราะข้าสนใจนัก ว่าเจ้าไปอวี้หวงเทียนคราวนี้พบเจออะไรบ้าง แล้วเจ้าไปทำอีท่าไหนกันแน่ถึงชิงผลเทพสังเวยสววรค์มากจากตัวตนที่เป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดนั่นได้”

 

เมื่ออีกฝ่ายชวน ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจไม่ไว้หน้า เช่นนั้นตลอด 3 วันหลังจากนี้เข้าจึงอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ส่วนตัวของซุนเหลียงเผิง

 

ใน 3 วันที่ผ่าน เขายังเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอวี้หวงเทียน แน่นอนว่ายังปกปิดส่วนสำคัญเอาไว้ อย่างเช่นไม่ได้เอ่ยถึงเทพแห่งธาตุทั้ง 5 รวมถึงอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน แม้ซุนเหลียงเผิงจะเอ่ยถามเรื่องสินสงครามจากจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิด ว่ามีอุปกรณ์อมตะจอมราชันหรืออุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิหรือไม่ เขาก็ตอบไปว่าไม่มีเลย

 

“ดูเหมือนว่าตัวตนที่เป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดผู้นั้น จะยังไม่ทันไปรับสมบัติที่มันซุกซ่อนไว้ตั้งแต่ชาติก่อน…หรือไม่แน่มันก็ซุกซ่อนไว้ไม่ดีพอจนถูกผู้คนพบเจอและนำไปหมดสิ้น…”

 

ซุนเหลียงเผิงคาดาเดาออกมาหลังต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบ ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าเห็นด้วยเป็นธรรมดา

 

แต่แน่นอนเขารู้ดีแก่ใจ

 

ว่าซุนเหลียงเผิงไม่มีทางเชื่อเรื่องที่เขาเล่าทั้งหมด

 

อย่างไรก็ตามขอเพียงเขายืนกรานเรื่องที่ไม่มีอุปกรณ์อมตะระดับจตอมราชันหรืออุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิจริงๆ ซุนเหลียงเผิงก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้…

 

ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงวันหน้าเขาทำผลงานได้ดีในคฤหาสน์เฉวียนโยว และได้รับความสนใจจากผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว ซุนเหลียงเผิงในฐานะผู้ที่แนะนำเขาเข้าคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้รับอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันจากผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด