War sovereign Soaring The Heavens 3123

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3123 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ข้าตกลง”

 

สิ้นเสียงกล่าวต้วนหลิงเทียน หุบเขาก็หวนกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง เสียงของเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเงียบหายไปเลย ราวคนไม่อยู่แล้ว

 

ต้วนหลิงเทียนที่รออยู่พักหนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวเรียกอีกฝ่าย “ผู้อาวุโส…”

 

ฟ่บ!

 

หากแต่ต้วนหลิงเทียนยังพูดไม่ทันจบคำ ก็ปรากฏบางสิ่งพุ่งออกมาจากวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเบื้องหน้ามาทางเขา และพอบางสิ่งที่ว่าเข้าใกล้ต้วนหลิงเทียนความเร็วของมันก็ค่อยๆชะลอตัวจนต้วนหลิงเทียนคว้าเอาไว้ไม่ยาก

 

หลังคว้าวัตถุดังกล่าวมาดู เขาก็พบว่ามันเป็นป้ายๆหนึ่ง และที่เขากำลังดูอยู่ก็คือด้านหลังของป้าย อันมีลวดลายสลับซักซ้อนแต่ตรงกลางว่างเปล่า พอพลิกกลับมาดูเขาก็เห็นว่ามันสลักตัวอักษรเอาไว้ 2 แถว โดยแถวบนอ่านได้ว่า คฤหาสน์เฉวียนโยว

 

ส่วนบรรทัดต่อมา ขนาดอักษรเล็กกว่าคำ คฤหาสน์เฉวียนโยว เล็กน้อยและอ่านได้ว่า…

 

ศิษย์ฝ่ายนอก

 

“นั่นคือป้ายประจำตัวศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวเรา…เมื่อเจ้าสลักชื่อเจ้าไว้ตรงกลางด้านหลังที่ว่างอยู่ จากนั้นก็หยดเลือดลงไปให้มันจดจำเจ้าของ เจ้าก็ถือเป็นศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวเราแล้ว…ด้วยป้ายนี้เจ้าที่เป็นศิษย์ฝ่ายนอก ก็สามารถใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายไปยังจุดส่งตัวเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง และสามารถรับป้ายหยกสะสมคะแนน เพื่อเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ทุกเมื่อ…”

 

หลังต้วนหลิงเทียนพลิกป้ายดังกล่าวดู เสียงเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยก็ดังขึ้นอีกครั้ง

 

“แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางนั้น จะอนุญาตให้เจ้าอยู่ได้ 10 วันต่อเดือน…ส่วนอีก 20 วันที่เหลือ เจ้าก็ให้เด็กน้อยที่พาเจ้ามาที่นี่จัดหาที่พักให้เจ้าเถอะ”

 

“เมื่อใดที่เจ้าได้อันดับ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางติดต่อกัน 12 เดือน เจ้าก็จะถือว่าผ่านบททดสอบรับตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยที่ข้าตั้งไว้ให้เจ้า ถึงตอนนั้นเจ้าก็สามารถรับตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย และเพลิดเพลินกับทรัพยากรสูงสุดที่คฤหาสน์เฉวียนโยวจักจัดหาให้เจ้าได้…ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว”

 

พอเสียงของเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยดังจบคำ ก็มีแสงสว่างวาบขึ้นเบื้องหน้าสายตาต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง เห็นอีกทีเขาก็พบว่าตัวเองกับมายืนอยู่บนศิลากลางน้ำ และเบื้องหน้ากลับกลายเป็นม่านน้ำตกไปเสียแล้ว…

 

เห็นดังนั้นต้วนหลิงเทียนก็ไม่กล่าวอะไรสืบต่อ และหยิบยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณขึ้นมาบดขยี้เพื่อติดต่อฉีเทียนหมิงทันที

 

ระหว่างเดินทางมาคฤหาสน์เฉวียนโยว เขาก็ได้แลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับฉีเทียนหมิงเอาไว้เรียบร้อย เช่นนั้นคิดจะติดต่อฉีเทียนหมิงก็ทำได้สะดวกนัก หากยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณไม่หมดลงเสียก่อน…

 

“อันใด? คว้าอันดับ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางติดต่อกัน 12 เดือน!?”

 

พอฉีเทียนหมิงได้ยินเงื่อนไขบททดสอบที่เจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยตั้งไว้ให้ต้วนหลิงเทียน มันก็หน้าเหวอไปทันที ด้วยรู้ดีว่าเรื่องนี้มันยากเย็นแสนเข็ญสำหรับชายหนุ่มเบื้องหน้าขนาดไหน…

 

สุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนก็ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี

 

ในประวัติศาสตร์ของแดนสวรรค์ใต้ อย่าว่าแต่ไร้ขุนนางอมตะ 10 ทิศที่อายุ 100 ปีปรากฏขึ้นมาก่อนแม้แต่คนเดียว ต่อให้มีผู้อายุไม่ถึง 100 ปีคิดจะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ทว่าทั้งหมดก็เข้าไปเที่ยวชมเท่านั้น ถึงขั้นที่หากเจอแม้แต่เงาคนก็จำต้องรีบทำลายป้ายหยกสะสมคะแนนเพื่อหนีออกมาทันที…

 

ทว่าตอนนี้ไม่เพียงแต่เจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยจะบีบให้ต้วนหลิงเทียนเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง แต่อีกฝ่ายยังต้องการให้ต้วนหลิงเทียนคว้าอันดับ 1 ติดต่อกัน 12 เดือน ถึงจะผ่านบททดสอบรับตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย?

 

หากเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย คิดใช้เงื่อนไขดังกล่าวในการคัดเลือกผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยกับผู้ที่มีอายุไม่ถึง 100 ปีจริงๆ ฉีเทียนหมิงรู้สึกว่า…

 

อย่าว่าแต่จะไม่มีใครได้เป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยในรอบ 30,000 ปีเลย ต่อให้ 300,000 ปีก็น่ากลัวว่าอัจฉริยะระดับนั้นยังไม่มาเกิดที่คฤหาสน์เฉวียนโยว!

 

“อ่า…ตามนั้นล่ะท่าน”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้มแหยๆพลางพยักหน้า “ข้าเองก็ว่าบททดสอบนี่มันยากเอาเรื่องจริงๆ…แต่ก็นะ ในเมื่อพูดไปแล้ว ก็มีแต่ต้องลุยกันดูสักตั้งเท่านั้นล่ะ”

 

“ก็จริงของเจ้า…อีกทั้งในเมื่อเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยตัดสินใจไปแล้ว อย่าว่าแต่ข้าเลย กระทั่งผู้นำคฤหาสน์เราก็ไม่มีปัญญาทำอะไรได้หรอก…”

 

ฉีเทียนหมิงถอนหายใจออกมาอีกเฮือก ก่อนที่จะพาต้วนหลิงเทียนกลับไปยังที่พักบ่มเพาะของมัน เป็นเคหะสถานที่ค่อนข้างใหญ่โตบนเกาะวงในเกาะหนึ่งที่อยู่ถัดออกมาจากใจกลาง สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะนับว่าดีไม่น้อย นับว่าเป็นสถานที่ๆมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะดีที่สุดตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนมาถึงระนาบเทวโลกเลยก็ว่าได้ แม้แต่สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะใกล้ๆวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยก็เทียบไม่ได้

 

เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนยังรู้อีกด้วย

 

ว่าสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะนอกวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย มันไม่อาจเทียบกับด้านในตัววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยได้เลย

 

อย่างน้อยๆสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะภายในวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยก็ต้องดีกว่าที่นี่ ไม่มีทางด้อยกว่าแน่นอน

 

“หลังจากนี้เจ้าก็พักอาศัยอยู่กับข้าไปก่อนแล้วกัน”

 

ฉีเทียนหมิงกล่าว

 

“ผู้เฒ่าฉีนี่มันจะรบกวนท่านเกินไปรึเปล่า”

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมทราบถึงความหวังดีของฉีเทียนหมิง “จะอย่างไรสถานะของข้าตอนนี้ก็เป็นแค่เพียงศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวเท่านั้น มันก็สมควรมีที่พักสำหรับเหล่าศิษย์ฝ่านอกไม่ใช่หรือ?”

 

“ไอ้มีมันก็มีอยู่หรอก แต่สภาพแวดล้อมสำหรับฝึกปรือไม่อาจเทียบบ้านข้าได้หรอก”

 

ฉีเทียนหมิงกล่าว “พรสวรรค์ระดับเจ้าไปอยู่ที่นั่นไม่เสียเปล่าตายหรือ อย่าให้การฝึกฝนของเจ้าต้องล่าช้าเพราะเรื่องเหลวไหลเลย เพียงอยู่ที่นี่ไปเถอะ…รอให้เจ้าผ่านบททดสอบของท่านเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเมื่อใดเจ้าก็สบายแล้ว! ถึงแม้ข้าจะไม่เคยเข้าไปบบ่มเพาะที่นั่น แต่กล่าวกันว่าในคฤหาสน์เฉวียนโยวเรา สถานที่ๆมีสภาพแวด้อมในการบ่มเพาะที่ดีที่สุดก็คือที่นั่น…แม้แต่ท่านผู้นำคฤหาสน์เองยังมักไปปิดด่านบ่มเพาะที่นั่นเลย”

 

“หือ? ผู้นำคฤหาสน์ก็มักไปปิดด่านบ่มเพาะที่วังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยงั้นรึ?”

 

ได้ยินคำพูดดังกล่าวของฉีเทียนหมิง ต้วนหลิงเทียนก็มั่นใจได้เต็มสิบส่วน ว่าสภาพแวดล้อมในวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย น่ากลัวจะดีกว่าสถานที่พักส่วนตัวของผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวเสียอีก

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้เรื่องมากกับสถานที่บ่มเพาะอะไรก็ตามที

 

เพราะสุดท้ายแล้วในร่างเขาก็มีพฤกษาเทพกำเนิดชีพ ด้วยความช่วยเหลือของมัน ตอนนี้เขาไม่ต้องสนใจสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะมากนัก

 

อย่างไรก็ตามการได้เป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย และเข้าสู่วังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย สิ่งที่เขาจะได้ไม่ใช่แค่สถานที่บ่มเพาะ หากแต่เป็นทรัพยากรที่ตอนนี้เขาต้องการอย่างมาก ทั้งหมดเพื่อให้ด่านพลังฝึกปรือของเขาก้าวหน้าขึ้นรวดเร็วที่สุด

 

ดังนั้นเขาก็เลยอยากผ่านบททดสอบและกลายเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเร็วๆ เพื่อจะได้เสวยสุขกับทรัพยากรเหล่านั้นเสียที

 

“จริงสิผู้เฒ่าฉี แล้วค่ายกลเคลื่อนย้ายไปแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอยู่ที่ไหนรึ?”

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปถามฉีเทียนหมิงด้วยความสงสัย

 

“อันใด หรือเจ้าคิดเข้าไปแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแล้ว?”

 

ฉีเทียนหมิงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

 

“ก็ระหว่างเดินทางมา ไม่ใช่ท่านบอกข้าหรือว่า…อันดับของงแดนสวรรค์ใต้โบราณจะล้างใหม่ทุกวันแรกของเดือน นี่ก็ยังเหลืออีกตั้ง 7 วันนี่นา?”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายวับวาว

 

“นี่เจ้าคิดจะเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางไปสู้ช่วงชิงอันดับ 7 วันสุดท้ายก่อนขึ้นเดือนใหม่หรือ?”

 

พอฉีเทียนหมิงได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน มันก็ส่ายหัวไปมา “ต้วนหลิงเทียน ไม่ต้องกล่าวถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศในแดนสวรรค์ใต้โบราณมิใช่ชนชั้นต่ำทรามเลย…ต่อให้ตอนนี้เจ้าจะมีพลังมากพอเอาชนะพวกมันได้แทบทั้งหมด แต่หากเข้าไปช่วงนี้ คงเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะได้อันดับดีๆ…”

 

“ทำไมล่ะ?”

 

ต้วนหลิงเทียนงุนงง

 

“นั่นเพราะการจัดอันดับของเดือนนี้กำลังจักสิ้นสุดลงเต็มที เหล่าขุนนางอมตะ 10 ทิศระดับแนวหน้า พวกมันต่อสู้ช่วงชิงคะแนนกันจบไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกลางเดือนแล้วน่ะสิ…มีน้อยคนนักที่จะเข้าไปช่วงใกล้ๆสิ้นเดือน เพราะเข้าไปตอนนี้ก็ไม่ค่อยเจอยอดฝีมือที่ติดอันดับต้นๆแล้ว”

 

ฉีเทียนหมิงกล่าว

 

ฟังที่ฉีเทียนหมิงพูด ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ไม่ยาก

 

ผู้ที่ได้คะแนนสูงๆนั้น ได้สู้ช่วงชิงกันไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกลางเดือนกันหมดแล้ว และพวกมันก็สมควรใช้เวลาครบกำหนด 10 วันเป็นที่เรียบร้อย จึงไม่อาจเข้าไปได้อีก ทำได้แค่รอสรุปคะแนนอันดับเท่านั้น

 

คนส่วนใหญ่ก็มักจะอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว

 

ด้วยเหตุนี้คนที่มีคะแนนในอันดับสูงๆส่วนใหญ่ ก็มักจะไม่ปรากฏตัวในนนั้นช่วงปลายเดือน

 

ในกรณีนี้ต่อให้ร้ายกาจแค่ไหน ก็ได้แค่เก็บแต้มเล็กๆน้อยๆจากขุนนางอมตะ 10 ทิศที่หลงเหลืออยู่ไม่กี่คนเท่านั้น และต่อให้จัดการได้หมดก็มีคะแนนสะสมแค่ไม่กี่แต้ม ยากที่จะได้อันดับสูงๆอะไร

 

“แบบนี้นี่เอง”

 

หลังจากเข้าใจสถานการณ์แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ยังคิดจะเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอยู่ดี ถึงแม้เดือนนี้เขาจะไม่ได้อันดับดีๆอะไร แต่ก็เสมือนไปดูที่ทางเอาไว้ก่อน เป็นการเตรียมตัวเพื่อจะช่วงชิงอันดับในเดือนหน้า

 

ต้วนหลิงเทียนก็ได้เอ่ยความคิดดังกล่าวออกไปให้ฉีเทียนหมิงฟัง และฉีเทียนหมิงก็เห็นด้วยทันที “เจ้าจะไปดูที่ทางก่อนก็ดีเหมือนกัน…เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าอยากไปข้าจะพาเจ้าไปเอง”

 

“ในคฤหาสน์เฉวียนโยวของเรา เกาะหลักทั้ง 3 เกาะล้วนมีค่ายกลเคลื่อนย้ายส่งตัวไปยังแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางทั้งสิ้น ตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปค่ายกลเคลื่อนย้ายบนเกาะหลักที่ผู้คนมักไปใช้กัน”

 

ภายใต้การนำพาของฉีเทียนหมิง ต้วนหลิงเทียนก็ได้มาถึงเกาะหลักแห่งหนึ่ง ที่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายไปยังแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง และค่ายกลที่ว่าก็ตั้งอยู่ในตำหนักหลังใหญ่มุมหนึ่งของเกาะ

 

ตำหนักหลังนี้ต่างจากที่พักของฉีเทียนหมิงไม่น้อย มันใหญ่โตกว่ากันมาก และลานด้านหน้าตำหนักก็กว้างขวางกว่าสนามฟุตบอลในโลกเก่าของเขาหลายเท่า

 

นอกจากนั้นในลานดังกล่าว ก็มีค่ายกลเคลื่อนย้ายมหึมาจัดตั้งเอาไว้ และยังมีผู้คนมากมายยืนคุยกันเต็มไปหมด

 

“หลิวจี๋ของคฤหาสน์หานชิงที่พึ่งเข้าไปเมื่อ 5 วันก่อน ไม่คิดเลยว่าจะเก็บแต้มได้มากขนาดนี้ แถมอันดับมันยังกระเตื้อขึ้นเรื่อยๆ…รอบนี้ข้าว่ามันคงติด 30 อันดับแรกได้อย่างไร้ปัญหา”

 

ที่ข้าสนใจเป็น เหลิ่งอวิ๋นโหยว ของคฤหาสน์ชิงหลิงที่อยู่ใน 20 อันดับแรกมากกว่า…ตอนนี้มันอยู่อันดับ 11 แล้วแต่เวลาของมันเหลือแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น แม้คะแนนมันจะห่างจากอันดับ 10 แค่ 12 แต้ม แต่ไม่รู้ว่ามันจะเก็บได้ทันรึเปล่า”

 

“เหลิ่งอวิ๋นโหยวผู้นั้นข้าก็จับตาดูอยู่เหมือนกัน…ปกติแล้วมันมักติดอยู่ใน 10 อันดับแรกเสมอ แม้รอบนี้จะทุลักทุหน่อยแต่ถ้าโชคของมันยังใช้การได้อยู่ ข้าว่าจะติด 10 อันดับแรกเหมือนเดิมก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

 

 

หลายคนในลานกำลังสนทนากันอย่างออกรส หัวข้อก็ไม่พ้นยอดฝีมือขุนนางอมตะ 10 ทิศที่สู้ชิงอันดับกันในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง

 

“เฮ่อ…หากข้าจำไม่ผิด หากนับรวมเดือนนี้เข้าไปอีก ดูเหมือนศิษย์พี่โจวหงเจี๋ยจะไม่ติด 20 อันดับแรกมาเกือบปีแล้วใช่รึเปล่า?”

 

พอคำถามดังกล่าวดังขึ้น เสียงในลานก็เงียบลงทันที

 

และตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนกับฉีเทียนหมิงก็พึ่งเดินเข้ามาในลานพอดี แม้เสียงฝีเท้าพวกเขาจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ในเมื่อคนในลานพร้อมใจกันเงียบพอดี ก็นับว่าดังมากพอจะเข้าหูหลายๆคน

 

จากนั้นผู้ที่หันมามองและจดจำฉีเทียนหมิงได้ ก็เร่งประสานมือโค้งคารวะทักทายทันที

 

“ผู้ตรวจการฉี!”

 

“ผู้ตรวจการฉี!”

 

 

คนอื่นๆที่ไม่ทันได้ยินเสียงฝีเท้า พอได้ยินเสียงทักดังขึ้นก็หันมามอง และพอเห็นว่าใครมาก็เร่งประสานมือคารวะทักทายตามๆกัน

 

สุดท้ายแล้วฐานะผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยวก็สูงมาก เป็นรองก็แค่ผู้นำคฤหาสน์ ชนชั้นรองผู้นำไม่กี่คน แล้วก็เจ้าวังศักดิ์สิทธิ์ที่แทบไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็นเท่านั้น…

 

“โจวหงเจี๋ยที่ศิษย์ตรงนั้นพูดถึงกันเมื่อครู่ ก็คือคนที่ข้าเคยบอกเจ้าไว้ก่อนหน้านี้…ขุนนางอมตะ 10 ทิศของคฤหาสน์เฉวียนโยวเราที่เข้าใจกฏแห่งไม้ 7 ประการ…นับว่าเป็นยอดฝีมือขุนนางอมตะ 10 ทิศมือดีของคฤหาสน์เฉวียนโยวเรา ยังได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นศิษย์หลักเป็นกรณีพิเศษอีกด้วย”

 

หลังฉีเทียนหมิงหันไปพักหน้าให้เหล่าศิษย์เป็นการทักทาย ก็หันมาส่งเสียงผ่านพลังบอกต้วนหลิงเทียน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด