War sovereign Soaring The Heavens 3187

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3187 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าแน่ใจรึ?”

 

แทบจะทันทีที่เหลิ่งเอี้ยกล่าวจบคำ จางตงหนานก็หันไปหยีตามองจี้ถามมันทันที

 

“หัวหน้าเผ่าตงหนาน ข้าน้อยแน่ใจ”

 

เหลิ่งเอี้ยพยักหน้ารับด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม “หากหัวหน้าเผ่าตงหนานมิเชื่อ ท่านสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยตัวเองได้…เพราะใน 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของชายแดนรอบนอก ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นนับว่าเป็น ‘คนดัง’ เช่นกัน”

 

“หลายคนล่วงรู้ว่าข้างกายต้วนหลิงเทียนมักมีสตรีที่มีรูปโฉมงดงามหาใดเปรียบติดตามอยู่เสมอ…และก่อนหน้าที่มันจะมีชื่อเสียง สตรีที่ติดตามอยู่ข้างกายมัน ก็มักจะปกปิดหน้าตาเอาไว้อย่างมิดชิด”

 

“เรื่องนี้หากข้าเดาไม่ผิด ที่สตรีนางนั้นปกปิดใบหน้ามิดชิด มิพ้นคิดขจัดปัญหาวุ่นวายที่จะเข้ามาในชีวิตเพราะรูปโฉมงดงามของนางเป็นแน่”

 

เหลิ่งเอี้ยกล่าวข้อมูลที่ล่วงรู้ออกมารวดเดียวจบ

 

“เอาล่ะ ข้าจะลองตรวจสอบเรื่องนี้ดู…นอกจากนั้น เจ้าจงติดตามข้ากลับเผ่าจิ้งจอกมายาเสีย หากสิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริง ข้าไม่ให้เจ้าเสียเปรียบแน่!”

 

จางตงหนานมองจ้องเหลิ่งเอี้ยพลางกล่าว และพูดถึงตรงนี้สีหน้ากับน้ำเสียงก็เปลี่ยนไปทันที “แต่หากข้ารู้ภายหลังว่าเจ้าหลอกข้าล่ะก็…เช่นนั้นเจ้าอย่าได้หวังจะกลับออกจากเผ่าจิ้งจอกมายาข้าทั้งยังมีชิวิต!”

 

“หัวหน้าเผ่าตงหนาน เรื่องให้ติดตามท่านไป ตัวข้าไม่มีปัญหา…แต่ท่านต้องแจ้งทางองค์กรให้ข้าด้วย เพราะตอนนี้ข้ายังอยู่ในช่วงปฏิบัติภารกิจ”

 

เหลิ่งเอี้ยไม่ได้กระวนกระวายอะไร เพียงแจ้งขั้นตอนไปอย่างสงบ

 

“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ข้ารู้จักกับรองผู้นำองค์กรกะโหลกเลือดของพวกเจ้าคนหนึ่ง เอาไว้ข้าค่อยบอกมันเอง!”

 

จางตงหนานเอ่ยออกเสียงเรียบ

 

หลังกล่าวจบคำ มันก็หันไปพยักหน้าให้ซือถูอวี่คราหนึ่ง จากนั้นก็พาชายชราทั้ง 2 ด้านหลัง รวมถึงเหลิ่งเอี้ยเหินร่างเดินทางกลับไปยังเผ่าจิ้งจอกมายาทันที

 

จางตงหนานพาตัวเหลิ่งเอี้ยไปดื้อๆแบบนี้ แต่ต้นจนจบซือถูอวี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

 

เพราะมันรู้ดีว่าพูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ มันไม่อาจห้ามหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาที่เป็นตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะได้อยู่แล้ว

 

ยิ่งไปกว่านั้นไม่ต้องกล่าวถึงตัวจางตงหนานที่เป็นจอมราชันอมตะด้วยซ้ำ ลำพังแค่คนใดคนหนึ่งในบรรดา 2 ผู้ชราด้านหลังจางตงหนาน เว้นเสียแต่มันจะใช้วิธีลอบสังหาร ก็ไม่มีทางเอาชนะทั้งคู่ได้เลย

 

ความสามารถแต่กำเนิดของเผ่าจิ้งจอกมายารับมือยากเกินไป!

 

มันเคยประมือกับจางเจิ้งไห่มาแล้ว ถึงแม้ด่านพลังฝึกปรือกับการตระหนักรู้ในกฏจะถือว่าเท่าเทียมกัน ไม่เว้นอุปกรณ์อมตะที่ใช้ก็มีพลังพอๆกัน แต่มันกลับสู้อีกฝ่ายไม่ได้เลย…ชีวิตยังขึ้นอยู่กับความเมตตาของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ!

 

“เจ้ารายงานกลับไปให้รองผู้นำเฉินทราบเรื่องนี้เลยเถอะ”

 

ซือถูอวี่หันไปกล่าวคำกับนักฆ่าอีกคนที่เหลืออยู่ด้านหลัง อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับเร็วไว และรีบส่งรายงานกลับไปทันที

 

องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดนั้น มีชนชั้นรองผู้นำมากกว่า 1 คน

 

ซือถูอวี่ก็ไม่รู้ว่าจางตงหนานรู้จักกันกับรองผู้นำคนไหน เช่นนั้นมันก็ได้แต่ให้นักฆ่าด้านหลังส่งรายงานกลับองค์กร เพื่อแจ้งให้ เฉินหยวนซาน รองผู้นำองค์กรกะโหลกเลือดที่ติดต่อออกภารกิจให้พวกมันรับทราบเรื่องราวโดยตรง

 

ตอนนี้ภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียน ก็ถูกเฉินหยวนซานยื่นมือเข้ามาแทรกแล้ว

 

ส่วนอีกด้าน

 

ขณะที่จางตงหนานกำลังพาทุกคนเดินทางกลับเผ่าจิ้งจอกมายา จางเจิ้งไห่ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านหัวหน้าเผ่า หากเรื่องราวเป็นดั่งที่เหลิ่งเอี้ยกล่าวจริง…สตรีนางนั้นมิพ้นต้องอยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้วเป็นแน่ กระทั่งอาจจะอยู่ด้วยกันกับต้วนหลิงเทียนนั่น”

 

“ใช่ท่านหัวหน้า ไม่เพียงเท่านั้น…ข้าเกรงว่าที่คนของพวกเราตกตายไป คงไม่อาจแยกจากคฤหาสน์เฉวียนโยวได้ออก”

 

จางอวิ๋นถิงที่อยู่ข้างๆพลันกล่าวเสริมออกมา

 

“ทั้งหมดที่พวกเจ้าพูดมาล้วนเป็นการคาดเดาทั้งสิ้น พวกเจ้ามีหลักฐานอันใดรองรับหรือไม่? หรือพวกเจ้าคิดจะให้ข้าบุกเข้าไปสืบค้นหาคนในคฤหาสน์เฉวียนโยว?”

 

จางตงหนานเอ่ยออกเสียงเรียบ

 

ได้ยิ้นดังนั้น ทั้งคู่ก็เงียบไปพักหนึ่ง

 

“ถึงแม้ในแดนสวรรค์ใต้เราจักมีคฤหาสน์อมตะระดับ 6 มากมายที่อยู่ภายใต้อำนาจ 10 ตระกูลใหญ่…แต่พวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าคฤหาสน์อมตะหลังเดียวที่ทำให้ข้าหวั่นเกรงจนไม่กล้าดูเบา…ก็คือคฤหาสน์เฉวียนโยว”

 

กล่าวถึงจุดนี้จางตงหนานก็หยุดลงชั่ววคราว แววตาของมันยังเริ่มเลื่อนลอยคล้ายหวนรำลึกความหลัง “ท่านพ่อของข้าเคยบอกข้าว่า…ในคฤหาสน์เฉวียนโยว มีจอมราชันอมตะยอดฝีมือผู้หนึ่งเร้นกายอยู่ และในขอบเขตจอมราชันอมตะด้วยกันมันก็เป็นชนชั้นสุดยอดฝีมืออีกด้วย”

 

“เห็นว่าพลังฝีมือของมัน สามารถเทียบเทียมได้กับเหล่าผู้นำตระกูลใหญ่ทั้ง 10!”

 

จางตงหนานกล่าวถึงจุดนี้ ไม่เพียงแต่จางเจิ้งไห่กับจางอวิ๋นถิงเท่านั้น กระทั่งเหลิ่งเอี้ยที่ถูกหอบหิ้วมาด้วยก็ตกใจยกใหญ่!

 

ต้องทราบด้วยว่า ผู้นำตระกูลใหญ่ทั้ง 10 นั้น ไม่ว่าใครก็ล้วนเป็นจอมราชันอมตะชนชั้นยอดฝีมือทั้งสิ้น เรียกว่าจอมราชันอมตะทั่วไปในด่านพลังเดียวกัน แทบจะสู้พวกมันไม่ได้เลย…

 

ทว่ามาตอนนี้จางตงหนานกลับบอกพวกมันว่า…

 

ในคฤหาสน์เฉวียนโยวกลับมีจอมราชันอมตะเช่นนั้นเร้นกายอยู่?

 

จะไม่ให้พวกมันตกใจได้อย่างไรไหว?

 

“ยอดฝีมือเร้นกายผู้นั้น ท่านพ่อบอกว่ามันดำรงตำแหน่งจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวมานานแสนนาน…ในแง่ลำดับอาวุโสแล้ว น่ากลัวจะเป็นบรรพจารย์ของผู้นำคฤหาส์เฉวียนโยวด้วยซ้ำ!”

 

จางตงหนานกล่าวสืบต่อ

 

“จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย?”

 

ลูกตาจางเจิ้งไห่หดหยีลง “ท่านหัวหน้าเผ่า ข้าจำได้ว่า…ตอนที่ท่านถามถึงต้วนหลิงเทียนที่คฤหาสน์เฉวียนโยวก่อนหน้านี้ มิใช่ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าวทำนองว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนปัจจุบันของคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้วหรือไร?”

 

“เช่นนั้นหมายความว่า…ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมันอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของยอดฝีมือเร้นกายผู้นั้นแล้วสิ?”

 

จางเจิ้งไห่กล่าวจบคำ แวววตาของมันก็ฉายความประหวั่นพรั่นใจทันที

 

“เจ้าพึ่งคิดได้หรือไร”

 

จางตงหนานส่ายหัวไปมา “เช่นนั้นไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่พวกเราไม่มีหลักฐานอันใด ต่อให้พวกเรามีหลักฐานก็ไม่อาจไปหาความอะไรได้…เพราะให้กล่าวกันตรงๆ คฤหาสน์เฉวียนโยวหาได้เกรงกลัวเผ่าจิ้งจอกมายาของพวกเราไม่!”

 

“กระทั่งต่อให้ เผ่าจิ้งจอกมายา 3 สาขาย่อยร่วมมือกัน…ยังไม่อาจเป็นภัยคุกคามอันใดให้คฤหาสน์เฉวียนโยวได้”

 

จางตงหนานในฐานะหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้ ย่อมรู้ถึงขุมพลังแท้จริงของคฤหาสน์เฉวียนโยวดี ว่าเทียบได้กับขุมกำลังระดับ 5 ด้วยซ้ำ!

 

แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้ในแดนสวรรค์ใต้ มีน้อยคนนักที่ล่วงรู้

 

“คฤหาสน์เฉวียนโยวกลับแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ…เช่นนั้นไฉนคฤหาสน์ปี้ชิงถึงยังกล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกมันอีกเล่า?”

 

จางอวิ๋นถิงอดไม่ได้ที่จะสงสัยในเรื่องนี้ เพราะมันก็ได้ยินข่าวเรื่องที่คฤหาสน์ปี้ชิงเขม่นกับคฤหาสน์เฉวียนโยวมาไม่น้อย

 

“ทั้ง 2 คฤหาสน์มีเรื่องราวบาดหมางกันก็จริง และพบกันคราใดก็มักกระทบกระทั่ง ถึงขั้นฆ่าแกงกันอยู่ร่ำไป…แต่พวกเจ้าเคยเห็นขอบเขตราชาอมตะของพวกมันตีกันจนตายหรือไม่?”

 

จางตงหนานเอ่ยออกเสียงเรียบ “เรื่องราวบาดหมางของพวกมัน เพียงกระทบกระทั่งกันในแวดวงเล็กๆเท่านั้น…เช่นนั้นตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะของพวกมัน ยังจะลดตัวไปจัดการกุ้งฝอยพวกนี้อีกหรือ?”

 

พอได้ยินประโยคนี้ จางอวิ๋นถิงก็ตระหนักเรื่องราวได้ทันที

 

‘คฤหาสน์เฉวียนโยว…ที่แท้ทรงพลังถึงเพียงนี้เชียวหรือ? นอกจากนั้นจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่ว่า กลับมีพลังฝีมือทัดเทียมกับชนชั้นผู้นำ 10 ตระกูลใหญ่เหล่านั้น?’

 

‘และตอนนี้ เจ้าต้วนหลิงงเทียนนั่น มันเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยขอคฤหาสน์เฉวียนโยวไปแล้ว?’

 

เหลิ่งเอี้ยที่ถูกหอบหิ้วเดินทางมาด้วย ย่อมได้ยินบทสนทนาของทั้ง 3 ชัดเจน ทำให้มันรู้สึกเสมือนมีไอเย็นสายหนึ่งแล่นวาบจากปลายเท้าจรดศีรษะ!

 

มันไม่เคยคิดเคยฝันเลยจริงๆ ว่าขุมพลังที่แท้จริงของคฤหาสน์เฉวียนโยวจะน่ากลัวขนาดนี้!

 

ยิ่งไม่คาดคิดว่า ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกลับอยู่ภายใต้การดูแลจากสุดยอดฝีมือระดับนั้นโดยตรง!

 

‘ไม่ได้การแล้ว! หากพวกเราฆ่าต้วนหลิงเทียนไป ต่อให้เป็นการลงมือนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวก็ตามที…แต่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยนั่น ยังจะปล่อยผ่านไปอีกหรือ?’

 

คิดถึงจุดนี้เหลิ่งเอี้ยก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ เหงื่อเย็นเม็ดเขื่องยังผุดซึมขึ้นกลางหน้าผาก

 

‘รีบแจ้งรองผู้นำเฉินให้ทราบดีกว่า!’

 

‘กล่าวไปแล้ว ระดับรองผู้นำเฉินก็สมควรล่วงรู้ถึงการคงอยู่ของจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยว…และรู้ดีว่าตัวตนที่กำลังปกป้องต้วนหลิงเทียนอยู่ตอนนี้เป็นเช่นไร’

 

เหลิ่งเอี้ยคิดได้ดังนั้นก็ไม่รอช้า เร่งรุดรายงานกลับไปยังองค์กรกะโหลกเลือดทันที และรายงานของมันก็ถูกส่งต่อไปถึงเฉินหยวนซานเร็วไว

 

“อะไร!?”

 

“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…กลายเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้ว?”

 

“นอกจากนั้นฟังจากที่จางตงหนานหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายากล่าว…บรรพบุรุษผู้เฒ่าคนนั้นของคฤหาสน์เฉวียนโยว ยังรั้งอยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวจนถึงบัดนี้?”

 

หลังได้รับรายงานข้อความที่เหลิ่งเอี้ยส่งมา สีหน้าเฉินหยวนซานก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง “ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ต้องให้ท่านผู้นำเป็นคนตัดสินใจ…”

 

“ว่าสุดท้าย…ภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนนั่นจักไปต่อหรือพอแค่นี้!”

 

ในขณะที่เฉินหยวนซานหอบใจที่หนักอึ้งไปเข้าพบผู้นำองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด มันก็ไม่ลืมส่งข้อความไปถึงซือถูอวี่ที่จับตาดูเรื่องราวนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวเป็นการด่วน ทำการระงับภารกิจสังหารเอาไว้ก่อน สั่งให้ทั้งคู่อย่าได้ลงมือเด็ดขาด แม้จะเห็นต้วนหลิงเทียนออกมาหรือสบโอกาสเหมาะอะไร

 

เรื่องนี้ ทำให้ซือถูอวี่กับนักฆ่าอีกคนสับสนไม่น้อย

 

ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

 

 

ณ คฤหาสน์เฉวียนโยว

 

วังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย

 

หลังจากที่กลับมาถึงวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย ต้วนหลิงเทียนที่นัดแนะกับฮ่วนเอ๋อก็เริ่มปิดด่านบ่มเพาะพลังทันที และด้วยมีผลไม้อมตะกับโอสถอมตะที่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยส่งมาให้ ความเร็วในการบ่มเพาะของเขานับว่าสูงขึ้นกว่าตอนที่ไม่มีมาก

 

ในช่วงที่ฮ่วนเอ๋อตื่นขึ้นมาบ่มเพาะ ต้วนหลิงเทียนจะนอนหลับเพื่อใช้ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด

 

ผลัดกันเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

 

หลังผ่านไปครึ่งเดือน ฮ่วนเอ๋อก็ดูดซับพลังของผลราชาอัคคีและผลราชาน้ำแข็งได้หมด ด่านพลังของนางจึงประสบผลสำเร็จในการทะลวงไปยังขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดได้อย่างราบรื่น

 

‘สมแล้วที่เป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ไม่เพียงมีความเร็วในการบ่มเพาะสูงจนน่ากลัว แต่ความเร็วในการดูดซับพลังของผลไม้อมตะยังสูงไม่ใช่ชั่วอีกด้วย’

 

พอต้วนหลิงเทียนตื่นขึ้นมาพบเรื่องนี้ เขาก็อดถอนหายใจไม่ได้ ถึงแม้จะคาดไว้แล้วว่าฮ่วนเอ๋อสมควรใช้เวลาดูดซับเพื่อทะลวงด่านไม่นานก็ตามที

 

“ต้วนหลิงเทียน!”

 

และต้วนหลิงเทียนพึ่งจะตื่นจากการบ่มเพาะได้ไม่ทันไร ก็ได้รับข้อความติดต่อจากผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวว่า “ข้าได้รับแจ้งข่าวมาว่า…หลังหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายากลับไปถึงเผ่า มันก็ได้ส่งคนของเผ่าจิ้งจอกมายาเดินทางไปยังพื้นที่ชายแดนรอบนอกของแดนสวรรค์ใต้เราทันที…”

 

“ไม่ทราบเรื่องนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับสตรีข้างกายเจ้าหรือไม่?”

 

ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวถาม

 

‘พื้นที่ชายแดนรอบนอก?’

 

ลูกตาต้วนหลิงเทียนหรี่ลงแทบปิด จากนั้นก็เบิกกว้างขึ้นพร้อมประกายแสงหนึ่งสว่างวาบ ‘ดูเหมือนหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาจะล่วงรู้อะไรบางอย่างแล้วสินะ…’

 

‘รึว่า…จากองค์กรกะโหลกเลือด?’

 

สำหรับเรื่องที่องค์กรกะโหลกเลือดสืบพบความเป็นมาของเขาในพื้นที่ชายแดนรอบนอกนั้น ต้วนหลิงเทียนรู้แต่แรกแล้ว  จึงไม่ยากที่เขาจะเดาได้ ว่าไม่พ้นหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสมควรได้รับข้อมูลนี้จากนักฆ่ากะโหลกเลือดทั้ง 3 ที่เฝ้านอกคฤหาสน์เฉวียนโยวเป็นแน่!

 

‘ให้ตายเถอะ หากข้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ มิสู้ให้ผู้อาวุโสฆ่านักฆ่าทั้ง 3 นั่นทิ้งไปแต่แรกก็ดี!’

 

แววตาต้วนหลิงเทียนยามนี้ฉายชัดถึงจิตสังหารอำมหิต ราวกับจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน

 

“ท่านผู้นำคฤหาสน์…ข้ากับนางมาจากพื้นที่ชายแดน”

 

ต้วนหลิงเทียนส่งข้อความตอบกลับ

 

“เจ้าต้องการให้ข้าส่งคนไปจัดการคนของเผ่าจิ้งงจอกที่กำลังไปพื้นที่ชายแดนหรือไม่? ในเมื่อหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกเลือกจะส่งคนไปที่นั่นตอนนี้ ไม่พ้นมันต้องระแคะระคายอะไรบางอย่างแล้วแน่นอน”

 

ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวส่งข้อความมาถามต้วนหลิงเทียน ราวกับหากต้วนหลิงเทียนต้องการ ขอแค่พูดออกมาคำเดียวมันก็จะส่งคนไปเก็บคนของเผ่าจิ้งจอกมายาทันที

 

“ไม่ต้องหรอก”

 

ต้วนหลิงเทียนส่งข้อความบอกปัดไปยังผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว “ตอนนี้มันสายไปแล้ว ปล่อยให้มันตรวจสอบไปเถอะ…ถึงจะส่งใครไปฆ่าคนของมัน พวกมันก็ไม่ใช่ว่าจะส่งคนไปเพิ่มไม่ได้ไม่ใช่หรือ?”

 

ถึงแม้ว่าตอนนี้ผิวเผิน ต้วนหลิงเทียนจะยังแลดูใจเย็น

 

แต่อันที่จริงในใจเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกถึงวิกฤตการณ์

 

‘องค์กรกะโหลกเลือดไม่พ้นต้องพบเบาะแสอะไรบางอย่างของข้าที่พื้นที่ชายแดน…รวมถึงเรื่องที่ฮ่วนเอ๋อมักอยู่ข้างกายข้าไม่ว่าจะตอนเปิดเผยหรือปกปิดรูปโฉม’

 

‘และฮ่วนเอ๋อมาด้อมๆมองๆนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวแบบนี้ นักฆ่าทั้ง 3 ขององค์กรกะโหลกเลือดจะมากจะน้อยก็ต้องสังเกตเห็นนางแน่นอน’

 

‘ขอเพียงจางตงหนานไปถามนักฆ่าทั้ง 3 นั่นดู สุดท้ายก็ต้องเชื่อมโยงไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับฮ่วนเอ๋อได้อยู่วันยังค่ำ’

 

‘และตอนนี้ ไม่พ้นจางตงหนานต้องรู้แล้วว่าฮ่วนเอ๋อสมควรอยู่กับข้าในวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย…’

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด