War sovereign Soaring The Heavens 3317

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3317 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3,317 : คําชี้แนะของวารีเทพชําระโลกา

 

“เจ้าสามารถให้ผู้อื่นหยิบยืมพลังของเทพเบญจธาตุได้…หากแต่พลังที่มันผู้นั้นจะใช้ออกได้กลับมีเพียง 1 ใน 100 ส่วนของเจ้าเท่านั้น…เพราะมีเพียงแต่ร่างต้นคนเดียวที่สามารถใช้พลังของพวกเราได้เต็มที่”

 

“หากร่างต้นตาย เทพเบญจธาตุก็จะเปลี่ยนร่างต้นใหม่ ขั้นตอนนี้ถึงจะทําให้เทพเบญจธาตุสามารถยอมรับร่างต้นใหม่ได้โดยสมบูรณ์ ผูกเข้ากับจิตวิญญาณของร่างต้นนั้นๆ  ร่างต้นใหม่จึงจะใช้ พลังของเทพเบญจธาตุได้เต็มที่”

 

“หากวิธีที่เจ้าคิดมันสามารถทําได้ เช่นนั้นมิใช่หมายความว่าหลังจากเจ้าประสบความสําเร็จในการบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดเพราะพลังของเทพเบญจธาตุขั้นสูงสุด มิใช่ว่าเจ้าจะให้ ผู้อื่นหยิบยืมเทพเบญจธาตุในจนช่วยให้ผู้อื่นบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดได้เช่นกันหรือไร?”

 

“เรื่องนั้นไม่มีอยู่จริง”

 

หลังได้ยินคําอธิบายของววารีเทพชําระโลกา ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักว่าสิ่งที่เขาคิดมันไร้ประโยชน์ ทําให้ต้วนหลิงเทียนเป็นกังวลขึ้นมาทันที “พี่สาวสุ่ย เช่นนั้นท่านพอจะมีหนทางอะไรหรือไม่?”

 

“พอมีอยู่หนทางหนึ่ง หากแต่เจ้าต้องเสี่ยงอันตรายไม่น้อย”

 

วารีเทพชําระโลกากล่าว

 

“ทางที่ว่า ต้องทํายังไงบ้าง?”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนเป็นประกายวูบวาบ เร่งยิงคําถามออกไปทันที ในความคิดเขาขอเพียงแค่มีหนทางสายหนึ่งก็เพียงพอแล้ว ต่อให้มันจะทําให้เขาเสียงอันตรายก็ตามที่!

 

เพราะหลังจากตัวนหลิงเทียนผ่านเรื่องราวมามาก เขาย่อมรู้ดีว่า ‘ความมั่งคั่งมาพร้อมความเสี่ยง’ ไม่เข้าถ้ําเสือย่อมไม่ได้ลูกเสือ!

 

“ต้องปล่อยนักโทษที่ถูกคุมขังบนชั้น 3 ออกมา หากเป็นไปได้ให้ปล่อยพวกมันออกมาให้หมด!”

 

วารีเทพชําระโลกาเปิดประตูเห็นภูผากล่าวตอบตรงๆ

 

ได้ยินคําพูดประโยคนี้ของวารีเทพชําระโลกา ตาต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลงทันที ก่อนจะคลี่ยิ้มเจื่อนๆกล่าวกับวารีเทพชําระโลกาต่อว่า “พี่สาวสุ่ย คําชี้แนะของท่านข้อนี้มันมากเกินไป…แถมยังโหดร้ายเกินไป ต่อให้ปล่อยพวกมันออกมาแล้วพวกมันจะบุกฝ่าออกไปได้หรือ? ฟังจากที่อาวุโสเซี่ยกล่าว คุกหมื่นพันธนาการไม่ได้เหมือนในอดีตแล้ว…”

 

“ค่ายกลในพื้นที่คุมขังของนักโทษ รวมถึงบริเวณลานจัตุรัสใกล้ๆโถงกิจการภายในนั่น เต็มไปด้วยค่ายกลและอาคมสังหารมากก็จริง..อย่างไรก็ตามข้ามีวิธีให้นักโทษสามารถทําลายค่าย กลรวมถึงต้านทานพลังสังหารได้บางส่วน และสิ่งนี้เจ้าต้องเป็นคนสอนให้พวกมัน”

 

วารีเทพชําระโลกากล่าว

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างโรจน์ขึ้นมาทันที เขาเข้าใจในสิ่งที่วารีเทพชําระ โลกาจะสื่อแล้ว เพราะหากมีหนทางฝ่าค่ายกลและข่ายอาคมสังหารในจัตุรัสสิ้นสุด รวมถึงทําลาย พันธนาการที่กักขังตัวนักโทษเอาไว้ เช่นนั้นนักโทษที่ชั้น 3 ก็จะไม่ต้องกลัวค่ายกลเหล่านั้นอีกต่อไป!

 

“ในชั้นนี้นักโทษที่ถูกคุมขังไว้ล้วนแล้วแต่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งสิ้น และมีทั้งหมด 6 คนที่ถูกพวกเราคุมขังเอาไว้”

 

หลังออกจากชั้นที่ 2 ชายชราก็พาต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อเดินขึ้นมายังชั้น 3 และคุกชั้นนี้ แลดูพิเศษมาก ที่เรียกว่าห้องขัง แต่มองไปไม่ต่างจากสถานที่พักสําหรับบ่มเพาะพลังเลย แต่ละพื้นที่เว้นระยะห่างพอสมควรมองแล้วไม่คล้ายมีพันธนาการอะไรอยู่

 

ในพื้นที่กักกัน 4 แห่งที่เห็นชัด มีคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิบ่มเพาะอยู่ใกล้บันได เป็นชายชราผมขาวโพลน ชายหัวโล้นร่างกํายําแลดูทรงพลัง หญิงชราร่างกายผ่ายผอม และชายหนุ่มที่ดูเย็นชา

 

ในเวลาเดียวกับที่พวกตัวนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้น ชายหัวโล้นที่แลดูบึกบึนแข็งแกร่งที่เหลือบมองทั้ง 3 ผ่านๆ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ไม่ได้สนใจใยดีอะไรพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 อีก

 

“ชายหัวโล้นร่างกายบึกบึนผู้นั้นก็คือ จักรพรรดิอมตะขยี้เมฆา มันเคยฆ่าผู้อาวุโสของวังเทียนฉือเรา แต่จ้าววังรวมถึงคนอื่นๆไม่อาจสังหารมันได้ เช่นนั้นจึงถูกจับมาขังไว้ที่นี่”

 

ในขณะเดียวกับที่ชายหัวโล้นปราดตามาเหลือบมองพวกต้วนหลิงเทียนผ่านๆเมื่อครู่ ในหู ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงผ่านพลังของอาวุโสเซี่ยดังขึ้นพอดี “มัน รวมถึงจักรพรรดิอมตะสมญา นามทุกคนในคุกชั้น 3 ล้วนแล้วแต่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่เชี่ยวชาญกฏแห่งดิน”

 

“และไม่มีใครเป็นข้อยกเว้น ทุกคนเก่งในเรื่องการป้องกันเป็นที่สุด”

 

“แน่นอนว่าถึงพวกมันจะโดดเด่นในเรื่องการป้องกัน และไม่เก่งในเรื่องการโจมตีสักเท่าไหร่…ทว่าในฐานะที่พวกมันเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม แม้การโจมตีขอพววกมันจะไม่ได้ร้ายกาจเท่าการป้องกัน แต่พลังอานุภาพก็เทียบได้กับจักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วๆไป”

 

“เจ้าสมควรเห็นแล้ว ว่าที่นี่ไม่มีลูกกรงห้องขังอะไรนั่นเพราะจะห้องขังใดๆก็ไร้ประโยชน์สําหรับพวกมัน ทว่าพื้นที่ทั้ง 4 ส่วนนั้นเต็มไปด้วยมหาค่ายกลและข่ายอาคมสะกดกัก ต่อให้พวก มันจะพยายามเต็มกําลังที่ยากจะออกมาจากพื้นที่กักกันได้”

 

หลังได้ยินคําพูดของชายชรา ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจว่าไฉนที่นี่ถึงดูไม่เหมือนคุก แต่เหมือนสถานที่พักบ่มเพาะทั่วไป

 

“ในชั้นที่ 2 ตัวตนที่มีพลังใกล้เคียงกับจักรพรรดิอมตะสมญานาม อย่างเหลียนชิวอดี ตศิษย์อัจฉริยะของขุนเขากระบี่ฟ้านั่น ไม่เพียงแต่จะถูกขังในห้องกรง แต่ยังถูกข่ายอาคมกักบริเวณเอาไว้อีกด้วย หาไม่แล้วพลังของมันก็สามารถทําลายลูกกรงได้เช่นกัน”

 

ชายชรากล่าวสืบต่อ

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับรู้

 

หลังจากนั้นชายชราก็พาต้วนหลิงเทียนเดินสํารวจและกล่าวแนะนําจักรพรรดิอมตะสมญานามที่ถูกจับขังไว้ในชั้นนี้อีก 5 คนที่เหลือ ไม่ว่าทุกคนจะเคยฆ่าคนของวังเทียนฉือก็ดี สร้างความขุ่นเคืองให้ยอดฝีมือของวังเทียนฉือก็ดี แม้จะถูกวังเทียนฉือสยบได้ แต่วังเทียนฉือก็ไม่มีทางฆ่าพวกมันได้

 

เช่นนั้นทุกคนจึงถูกจับมาขังไว้ในคุกหมื่นพันธนาการแบบนี้

 

‘ในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามที่ถูกขังไว้ที่นี่ ไม่น่าจะขาดผู้ที่ถูกจับมานานอย่าง ไรก็ตามพื้นที่กักกันของพวกมัน ไม่เพียงแต่จะปิดกั้นการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินได้หลายส่วน กระทั่งพวกมันก็ไม่อาจทําความเข้าใจกฏได้โดยง่าย เพราะเหมือนจะมีพลังของอาคมบางอย่างคอยรบกวนตลอดเวลา จึงยากที่พวกมันจะสงบอารมณ์เข้าสู่ภวังค์สมาธิ ทําให้ยิ่งอยู่นานด่านพลังก็ยิ่งอยู่กับที่’

 

ตอนที่อยู่ชั้น 2 ต้วนหลิงเทียนที่ลองแผ่สํานึกตรวจสอบดู ก็ไม่พบปัญหาอะไร

 

แต่ตอนนี้บนชั้น 3 พอต้วนหลิงเทียนลองแผ่สํานึกเทวะไปตรวจสอบ เขาก็สัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติทันที

 

และอาคมที่คอยรบกวนที่ว่า ดูเหมือนจะมีแต่ในชั้น 3 เท่านั้น

 

“ผู้อาวุโสเซี่ย…พลังวิญญาณฟ้าดินที่นี่เบาบางแบบนี้ตลอดหรือ? นอกจากนั้นข้าลองพยายาม ทําความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏดู แต่กลับพบว่ามีพลังลึกลับยากระบุบางอย่างมารบกวนตลอดเวลา หรือที่ชั้นนี้มีการสร้างค่ายกลอะไรจํากัดเรื่องพวกนี้ไว้ด้วย?”

 

ถึงแม้ในใจจะคาดเดาเรื่องราวได้แล้ว แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังเอ่ยถามชายชราออกไปเพื่อยืนยัน

 

“ไม่ผิด”

 

และคําตอบของชายชราก็พิสูจน์ว่าสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนคิดมันถูก “ที่นี้มีค่ายกลพิเศษที่จัดตั้ง เพื่อจํากัดพลังของจักรพรรดิอมตะสมญานามเหล่านี้โดยเฉพาะ อย่างไรเสียชนชั้นจักรพรรดิอมตะ สมญานามย่อมไม่มีผู้ใดไม่ใช่อัจฉริยะ หากไม่ทําการสะกดขัดขวางความก้าวหน้าของพวกมันเอาไว้ ไม่ช้าก็เร็วพวกมันต้องแข็งแกร่งขึ้นจนคุกหมื่นพันธนาการเอาไม่อยู่แน่!”

 

“อ้อ”

 

ตัวนหลิงเทียนพยักหน้า

 

“อันที่จริง ค่ายกลและข่ายอาคมบนชั้น 3 ค่อนข้างทรงพลังมาก ทําให้เจ้าไม่จําเป็นต้องเดินตรวจตราอะไรแม้แต่น้อย หากถึงรอบที่เจ้าต้องมาลาดตระเวนชั้นที่ 3 เจ้าก็สามารถไปหาที่พักบ่มเพาะได้เลยไม่ต้องทําอะไรทั้งสิ้น”

 

ชายชรากล่าวสืบต่อ “พอถึงเวลาก็ค่อยออกจากที่นี่”

 

“เข้าใจแล้ว”

 

ตัวนหลิงเทียนพยักหน้า

 

“พวกเรากลับกันเถอะ”

 

หลังพาต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ เดินชมดูรอบๆสักพักชายชราก็พาทั้งออกจากชั้น 3

 

เมื่อลงมาถึงชั้น 2 อีกครั้ง อารมณ์ของฮ่วนเอ๋อก็ปั่นป่วนขึ้นมาอีกรอบ ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ ส่งเสียงผ่านพลังไปกล่าวปลอบพลางกุมมือนางเอาไว้แน่น ขณะเดียวกันก็หารือกับวารีเทพชําระ โลกา “พี่สาวสู่ย…แล้วข้าสามารถให้บิดามารดาของฮ่วนเอ๋อเข้าไปหลบในโลกใบเล็กของข้า เพื่อพาหนีออกไปได้หรือไม่?”

 

กล่าวถามจบแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะพูดเสริมออกมาต่อ “โลกใบเล็กภายในกายของข้าจะอย่างไรก็แตกต่างจากของคนอื่น มันจะสามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับของค่ายกลได้หรือไม่? หรือพี่สาวสุ่ยมีค่ายกลอะไรพอจะปิดกั้นอาคมตรวจจับที่นี่ทําให้พาทั้งคู่ออกไปง่ายๆหรือไม่?”

 

“หากมันง่ายดายเช่นนั้นจริง ข้าคงไม่แนะนําให้เจ้าไปปล่อยคนบนชั้น 3 แต่แรก…”

 

เสียงวารีเทพชําระโลกาก็ดังตอบคําต้วนหลิงเทียนทันควัน “ถึงแม้ว่าโลกใบเล็กภายในกายของเจ้าจะแตกต่างจากคนทั่วไป แต่อาคมของคุกหมื่นพันธนาการก็ไม่ใช่ธรรมดา…นอกจากนั้นนักโทษของคุกหมื่นพันธนาการทั้งหลาย ก็ถูกคุกหมื่นพันธนาการจดจํากลิ่นอายวิญญาณไว้หมดแล้ว ต่อให้พวกมันจะเข้าสู่โลกใบเล็กภายในกายเจ้าพวกมันก็จะยังถูกพบเจออยู่ดี”

 

“ตอนนี้ความเป็นไปได้ที่เจ้าจะพาทั้งคู่ออกไปได้มีทางเดียวเท่านั้น นั่นก็คือปล่อยนัก โทษที่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามบนชั้น 3 ทั้งหมด…”

 

“อย่างไรก็ตาม กระทั่งหนทางนี้ก็ยังอันตรายอย่างยิ่ง..เพราะหลังจากที่เจ้าปล่อยพวกมันแล้วไม่นานวังเทียนฉือก็ต้องตรวจพบเรื่องนี้แน่ ถึงตอนนั้นเจ้าไม่พ้นต้องกลายเป็นศัตรูของวังเทียนฉือทันที”

 

“และในเมื่อเจ้ากล่าวเองว่าจ้าววังเทียนฉือมีสายสัมพันธ์กับจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู่หยาเทียน การล่วงเกินวังเทียนฉือ ต่อให้เจ้าจะหนีออกจากคุกได้…จักรพรรดิสวรรค์ก็อาจใช้อํานาจของมันปิดกั้นหนทางหลบหนีทั้งหมด เพื่อล้อมจับเจ้า”

 

ฟังจากคําพูดของวารีเทพชําระโลกา เห็นชัดว่านางวิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย และกล่าวถึงความกังวลออกมาจนหมด

 

ต้วนหลิงเทียนที่ฟังอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะเคร่งเครียด แต่เขาก็ไม่ได้บอกฮ่วนเอ๋อแต่อย่างไร

 

หลังออกจากคุกหมื่นพันธนาการ รวมถึงขณะเดินทางฮ่วนเอ๋อก็พยายามระงับอารมณ์ของนางเต็มที่ แต่พอกลับไปถึงบ้านพักแล้ว ฮ่วนเอ๋อก็ร้องไห้ออกมาจนน้ําตาไหลเป็นสายฝน ด้วยความที่นางถอดผ้าปิดหน้าออกแล้ว ต้วนหลิงเทียนจึงเห็นถึงความทุกข์และความทรมานที่ฉายชัดบนใบหน้าชัดเจน

 

“พี่หลิงเทียน ท่านแม่ต้องทนทุกข์ทรมานนักฮ่วนเอ๋อไม่เอาไหน ฮ่วนเอ๋อไม่อาจช่วยอะไรท่านแม่ได้เลย”

 

ฮ่วนเอ๋อได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น

 

มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ชักเสียใจที่พาฮ่วนเอ๋อไปตรวจสอบคุกหมื่นพันธนาการขึ้นมาบ้างแล้ว เขาน่าจะไปตรวจสอบเพียงลําพังแต่แรก อย่างน้อยๆเขาก็สามารถปกปิดสถานการณ์ภายใน คุกจากฮ่วนเอ๋อได้สักพัก

 

แต่แน่นอนว่า ความคิดที่จะเร่งรีบช่วยเหลือบิดามารดาฮ่วนเอ๋อก็ไม่ได้เปลี่ยนไป

 

“ส่วนเอ่อ ข้าพอมีทางช่วยท่านพ่อท่านแม่ของฮ่วนเอ๋อแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับฮ่วนเอ๋อ ลึกลงไปในแววตายังเผยความแน่วแน่เด็ดเดี่ยวออกมา

 

ถูกวังเทียนฉือไล่ล่าแล้วอย่างไร?

 

ถูกจักรพรรดิสวรรค์อู่หยาเทียนไล่ล่าแล้วอย่างไร?

 

อย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่คนอู่หยาเทียน และที่เข้าวังเทียนฉือมาก็เพราะคิดช่วยคน!

 

“พี่หลิงเทียน ท่านพูดจริงหรือ?”

 

พอต้วนหลิงเทียนพูดจบคํา เสียงร้องไห้ของฮ่วนเอ๋อก็หยุดลงนางมองจ้องต้วนหลิงเทียนเขมงเร่งถามออกมา

 

ฮ่วนเอ๋อนั้นแม้จะเชื่อใจต้วนหลิงเทียนอย่างไร้เงื่อนไขอย่างไรก็ตามเรื่องนี้เกี่ยวพันกับบิดา มารดาของนาง นางก็เลยอดถามออกมาไม่ได้เพื่อยืนยัน

 

“ฮ่วนเอ๋อ พี่หลิงเทียนเคยหลอกเจ้าด้วยหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

 

ฮ่วนเอ๋อพยักหน้า จากนั้นใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ําตาของนางก็ฉายถึงความจริงจังขึ้นมา “พี่หลิงเทียน ฮ่วนเอ๋ออยากรู้ว่าพี่หลิงเทียนจะช่วยเหลือท่านพ่อกับท่านแม่ออกมาอย่างไร..หากมัน เสี่ยงเกินไปฮ่วนเอ๋อจะรออีกสักสองสามปี รอให้พี่หลิงเทียนกับส่วนเอื้อมีพลังมากพอค่อยช่วยท่า นพ่อกับท่านแม่”

 

หลังเดินทางไปคุกหมื่นพันธนาการ ฮ่วนเอ๋อก็รู้เช่นกันว่าการจะช่วยบิดามารดาของตัวออกมามันเป็นเรื่องยากขนาดไหน

 

ถึงแม้นางจะเชื่อมั่นในตัวพี่หลิงเทียนของนางมาก แต่นางก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันดูไม่เป็นความจริงเลย ยังรู้สึกว่าเบื้องหลังคําพูด “พอมีทาง” ของพี่หลิงเทียน ต้องเป็นการเสี่ยงอันตรายอย่างใหญ่หลวงแน่!

 

“เด็กโง่ เจ้าคิดอะไรอยู่กัน?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอื้อมมือไปยผมฮ่วนเอ๋อ ทั้งใช้นิ้วโป้งนวดคลายหว่างคิ้วที่ขดเป็นปมของนาง พลางกล่าวด้วยน้ําเสียงอ่อนโยนเปื้อนยิ้มอบบอุ่น “พี่หลิงเทียนของเจ้าเคยทําอะไรที่ไม่มั่นใจด้วย หรือ ฮ่วนเอ๋อหายห่วงได้เลย”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3317

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3317 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3,317 : คําชี้แนะของวารีเทพชําระโลกา

 

“เจ้าสามารถให้ผู้อื่นหยิบยืมพลังของเทพเบญจธาตุได้…หากแต่พลังที่มันผู้นั้นจะใช้ออกได้กลับมีเพียง 1 ใน 100 ส่วนของเจ้าเท่านั้น…เพราะมีเพียงแต่ร่างต้นคนเดียวที่สามารถใช้พลังของพวกเราได้เต็มที่”

 

“หากร่างต้นตาย เทพเบญจธาตุก็จะเปลี่ยนร่างต้นใหม่ ขั้นตอนนี้ถึงจะทําให้เทพเบญจธาตุสามารถยอมรับร่างต้นใหม่ได้โดยสมบูรณ์ ผูกเข้ากับจิตวิญญาณของร่างต้นนั้นๆ  ร่างต้นใหม่จึงจะใช้ พลังของเทพเบญจธาตุได้เต็มที่”

 

“หากวิธีที่เจ้าคิดมันสามารถทําได้ เช่นนั้นมิใช่หมายความว่าหลังจากเจ้าประสบความสําเร็จในการบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดเพราะพลังของเทพเบญจธาตุขั้นสูงสุด มิใช่ว่าเจ้าจะให้ ผู้อื่นหยิบยืมเทพเบญจธาตุในจนช่วยให้ผู้อื่นบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดได้เช่นกันหรือไร?”

 

“เรื่องนั้นไม่มีอยู่จริง”

 

หลังได้ยินคําอธิบายของววารีเทพชําระโลกา ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักว่าสิ่งที่เขาคิดมันไร้ประโยชน์ ทําให้ต้วนหลิงเทียนเป็นกังวลขึ้นมาทันที “พี่สาวสุ่ย เช่นนั้นท่านพอจะมีหนทางอะไรหรือไม่?”

 

“พอมีอยู่หนทางหนึ่ง หากแต่เจ้าต้องเสี่ยงอันตรายไม่น้อย”

 

วารีเทพชําระโลกากล่าว

 

“ทางที่ว่า ต้องทํายังไงบ้าง?”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนเป็นประกายวูบวาบ เร่งยิงคําถามออกไปทันที ในความคิดเขาขอเพียงแค่มีหนทางสายหนึ่งก็เพียงพอแล้ว ต่อให้มันจะทําให้เขาเสียงอันตรายก็ตามที่!

 

เพราะหลังจากตัวนหลิงเทียนผ่านเรื่องราวมามาก เขาย่อมรู้ดีว่า ‘ความมั่งคั่งมาพร้อมความเสี่ยง’ ไม่เข้าถ้ําเสือย่อมไม่ได้ลูกเสือ!

 

“ต้องปล่อยนักโทษที่ถูกคุมขังบนชั้น 3 ออกมา หากเป็นไปได้ให้ปล่อยพวกมันออกมาให้หมด!”

 

วารีเทพชําระโลกาเปิดประตูเห็นภูผากล่าวตอบตรงๆ

 

ได้ยินคําพูดประโยคนี้ของวารีเทพชําระโลกา ตาต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลงทันที ก่อนจะคลี่ยิ้มเจื่อนๆกล่าวกับวารีเทพชําระโลกาต่อว่า “พี่สาวสุ่ย คําชี้แนะของท่านข้อนี้มันมากเกินไป…แถมยังโหดร้ายเกินไป ต่อให้ปล่อยพวกมันออกมาแล้วพวกมันจะบุกฝ่าออกไปได้หรือ? ฟังจากที่อาวุโสเซี่ยกล่าว คุกหมื่นพันธนาการไม่ได้เหมือนในอดีตแล้ว…”

 

“ค่ายกลในพื้นที่คุมขังของนักโทษ รวมถึงบริเวณลานจัตุรัสใกล้ๆโถงกิจการภายในนั่น เต็มไปด้วยค่ายกลและอาคมสังหารมากก็จริง..อย่างไรก็ตามข้ามีวิธีให้นักโทษสามารถทําลายค่าย กลรวมถึงต้านทานพลังสังหารได้บางส่วน และสิ่งนี้เจ้าต้องเป็นคนสอนให้พวกมัน”

 

วารีเทพชําระโลกากล่าว

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างโรจน์ขึ้นมาทันที เขาเข้าใจในสิ่งที่วารีเทพชําระ โลกาจะสื่อแล้ว เพราะหากมีหนทางฝ่าค่ายกลและข่ายอาคมสังหารในจัตุรัสสิ้นสุด รวมถึงทําลาย พันธนาการที่กักขังตัวนักโทษเอาไว้ เช่นนั้นนักโทษที่ชั้น 3 ก็จะไม่ต้องกลัวค่ายกลเหล่านั้นอีกต่อไป!

 

“ในชั้นนี้นักโทษที่ถูกคุมขังไว้ล้วนแล้วแต่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งสิ้น และมีทั้งหมด 6 คนที่ถูกพวกเราคุมขังเอาไว้”

 

หลังออกจากชั้นที่ 2 ชายชราก็พาต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อเดินขึ้นมายังชั้น 3 และคุกชั้นนี้ แลดูพิเศษมาก ที่เรียกว่าห้องขัง แต่มองไปไม่ต่างจากสถานที่พักสําหรับบ่มเพาะพลังเลย แต่ละพื้นที่เว้นระยะห่างพอสมควรมองแล้วไม่คล้ายมีพันธนาการอะไรอยู่

 

ในพื้นที่กักกัน 4 แห่งที่เห็นชัด มีคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิบ่มเพาะอยู่ใกล้บันได เป็นชายชราผมขาวโพลน ชายหัวโล้นร่างกํายําแลดูทรงพลัง หญิงชราร่างกายผ่ายผอม และชายหนุ่มที่ดูเย็นชา

 

ในเวลาเดียวกับที่พวกตัวนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้น ชายหัวโล้นที่แลดูบึกบึนแข็งแกร่งที่เหลือบมองทั้ง 3 ผ่านๆ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ไม่ได้สนใจใยดีอะไรพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 อีก

 

“ชายหัวโล้นร่างกายบึกบึนผู้นั้นก็คือ จักรพรรดิอมตะขยี้เมฆา มันเคยฆ่าผู้อาวุโสของวังเทียนฉือเรา แต่จ้าววังรวมถึงคนอื่นๆไม่อาจสังหารมันได้ เช่นนั้นจึงถูกจับมาขังไว้ที่นี่”

 

ในขณะเดียวกับที่ชายหัวโล้นปราดตามาเหลือบมองพวกต้วนหลิงเทียนผ่านๆเมื่อครู่ ในหู ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงผ่านพลังของอาวุโสเซี่ยดังขึ้นพอดี “มัน รวมถึงจักรพรรดิอมตะสมญา นามทุกคนในคุกชั้น 3 ล้วนแล้วแต่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่เชี่ยวชาญกฏแห่งดิน”

 

“และไม่มีใครเป็นข้อยกเว้น ทุกคนเก่งในเรื่องการป้องกันเป็นที่สุด”

 

“แน่นอนว่าถึงพวกมันจะโดดเด่นในเรื่องการป้องกัน และไม่เก่งในเรื่องการโจมตีสักเท่าไหร่…ทว่าในฐานะที่พวกมันเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม แม้การโจมตีขอพววกมันจะไม่ได้ร้ายกาจเท่าการป้องกัน แต่พลังอานุภาพก็เทียบได้กับจักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วๆไป”

 

“เจ้าสมควรเห็นแล้ว ว่าที่นี่ไม่มีลูกกรงห้องขังอะไรนั่นเพราะจะห้องขังใดๆก็ไร้ประโยชน์สําหรับพวกมัน ทว่าพื้นที่ทั้ง 4 ส่วนนั้นเต็มไปด้วยมหาค่ายกลและข่ายอาคมสะกดกัก ต่อให้พวก มันจะพยายามเต็มกําลังที่ยากจะออกมาจากพื้นที่กักกันได้”

 

หลังได้ยินคําพูดของชายชรา ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจว่าไฉนที่นี่ถึงดูไม่เหมือนคุก แต่เหมือนสถานที่พักบ่มเพาะทั่วไป

 

“ในชั้นที่ 2 ตัวตนที่มีพลังใกล้เคียงกับจักรพรรดิอมตะสมญานาม อย่างเหลียนชิวอดี ตศิษย์อัจฉริยะของขุนเขากระบี่ฟ้านั่น ไม่เพียงแต่จะถูกขังในห้องกรง แต่ยังถูกข่ายอาคมกักบริเวณเอาไว้อีกด้วย หาไม่แล้วพลังของมันก็สามารถทําลายลูกกรงได้เช่นกัน”

 

ชายชรากล่าวสืบต่อ

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับรู้

 

หลังจากนั้นชายชราก็พาต้วนหลิงเทียนเดินสํารวจและกล่าวแนะนําจักรพรรดิอมตะสมญานามที่ถูกจับขังไว้ในชั้นนี้อีก 5 คนที่เหลือ ไม่ว่าทุกคนจะเคยฆ่าคนของวังเทียนฉือก็ดี สร้างความขุ่นเคืองให้ยอดฝีมือของวังเทียนฉือก็ดี แม้จะถูกวังเทียนฉือสยบได้ แต่วังเทียนฉือก็ไม่มีทางฆ่าพวกมันได้

 

เช่นนั้นทุกคนจึงถูกจับมาขังไว้ในคุกหมื่นพันธนาการแบบนี้

 

‘ในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามที่ถูกขังไว้ที่นี่ ไม่น่าจะขาดผู้ที่ถูกจับมานานอย่าง ไรก็ตามพื้นที่กักกันของพวกมัน ไม่เพียงแต่จะปิดกั้นการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินได้หลายส่วน กระทั่งพวกมันก็ไม่อาจทําความเข้าใจกฏได้โดยง่าย เพราะเหมือนจะมีพลังของอาคมบางอย่างคอยรบกวนตลอดเวลา จึงยากที่พวกมันจะสงบอารมณ์เข้าสู่ภวังค์สมาธิ ทําให้ยิ่งอยู่นานด่านพลังก็ยิ่งอยู่กับที่’

 

ตอนที่อยู่ชั้น 2 ต้วนหลิงเทียนที่ลองแผ่สํานึกตรวจสอบดู ก็ไม่พบปัญหาอะไร

 

แต่ตอนนี้บนชั้น 3 พอต้วนหลิงเทียนลองแผ่สํานึกเทวะไปตรวจสอบ เขาก็สัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติทันที

 

และอาคมที่คอยรบกวนที่ว่า ดูเหมือนจะมีแต่ในชั้น 3 เท่านั้น

 

“ผู้อาวุโสเซี่ย…พลังวิญญาณฟ้าดินที่นี่เบาบางแบบนี้ตลอดหรือ? นอกจากนั้นข้าลองพยายาม ทําความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏดู แต่กลับพบว่ามีพลังลึกลับยากระบุบางอย่างมารบกวนตลอดเวลา หรือที่ชั้นนี้มีการสร้างค่ายกลอะไรจํากัดเรื่องพวกนี้ไว้ด้วย?”

 

ถึงแม้ในใจจะคาดเดาเรื่องราวได้แล้ว แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังเอ่ยถามชายชราออกไปเพื่อยืนยัน

 

“ไม่ผิด”

 

และคําตอบของชายชราก็พิสูจน์ว่าสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนคิดมันถูก “ที่นี้มีค่ายกลพิเศษที่จัดตั้ง เพื่อจํากัดพลังของจักรพรรดิอมตะสมญานามเหล่านี้โดยเฉพาะ อย่างไรเสียชนชั้นจักรพรรดิอมตะ สมญานามย่อมไม่มีผู้ใดไม่ใช่อัจฉริยะ หากไม่ทําการสะกดขัดขวางความก้าวหน้าของพวกมันเอาไว้ ไม่ช้าก็เร็วพวกมันต้องแข็งแกร่งขึ้นจนคุกหมื่นพันธนาการเอาไม่อยู่แน่!”

 

“อ้อ”

 

ตัวนหลิงเทียนพยักหน้า

 

“อันที่จริง ค่ายกลและข่ายอาคมบนชั้น 3 ค่อนข้างทรงพลังมาก ทําให้เจ้าไม่จําเป็นต้องเดินตรวจตราอะไรแม้แต่น้อย หากถึงรอบที่เจ้าต้องมาลาดตระเวนชั้นที่ 3 เจ้าก็สามารถไปหาที่พักบ่มเพาะได้เลยไม่ต้องทําอะไรทั้งสิ้น”

 

ชายชรากล่าวสืบต่อ “พอถึงเวลาก็ค่อยออกจากที่นี่”

 

“เข้าใจแล้ว”

 

ตัวนหลิงเทียนพยักหน้า

 

“พวกเรากลับกันเถอะ”

 

หลังพาต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ เดินชมดูรอบๆสักพักชายชราก็พาทั้งออกจากชั้น 3

 

เมื่อลงมาถึงชั้น 2 อีกครั้ง อารมณ์ของฮ่วนเอ๋อก็ปั่นป่วนขึ้นมาอีกรอบ ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ ส่งเสียงผ่านพลังไปกล่าวปลอบพลางกุมมือนางเอาไว้แน่น ขณะเดียวกันก็หารือกับวารีเทพชําระ โลกา “พี่สาวสู่ย…แล้วข้าสามารถให้บิดามารดาของฮ่วนเอ๋อเข้าไปหลบในโลกใบเล็กของข้า เพื่อพาหนีออกไปได้หรือไม่?”

 

กล่าวถามจบแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะพูดเสริมออกมาต่อ “โลกใบเล็กภายในกายของข้าจะอย่างไรก็แตกต่างจากของคนอื่น มันจะสามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับของค่ายกลได้หรือไม่? หรือพี่สาวสุ่ยมีค่ายกลอะไรพอจะปิดกั้นอาคมตรวจจับที่นี่ทําให้พาทั้งคู่ออกไปง่ายๆหรือไม่?”

 

“หากมันง่ายดายเช่นนั้นจริง ข้าคงไม่แนะนําให้เจ้าไปปล่อยคนบนชั้น 3 แต่แรก…”

 

เสียงวารีเทพชําระโลกาก็ดังตอบคําต้วนหลิงเทียนทันควัน “ถึงแม้ว่าโลกใบเล็กภายในกายของเจ้าจะแตกต่างจากคนทั่วไป แต่อาคมของคุกหมื่นพันธนาการก็ไม่ใช่ธรรมดา…นอกจากนั้นนักโทษของคุกหมื่นพันธนาการทั้งหลาย ก็ถูกคุกหมื่นพันธนาการจดจํากลิ่นอายวิญญาณไว้หมดแล้ว ต่อให้พวกมันจะเข้าสู่โลกใบเล็กภายในกายเจ้าพวกมันก็จะยังถูกพบเจออยู่ดี”

 

“ตอนนี้ความเป็นไปได้ที่เจ้าจะพาทั้งคู่ออกไปได้มีทางเดียวเท่านั้น นั่นก็คือปล่อยนัก โทษที่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามบนชั้น 3 ทั้งหมด…”

 

“อย่างไรก็ตาม กระทั่งหนทางนี้ก็ยังอันตรายอย่างยิ่ง..เพราะหลังจากที่เจ้าปล่อยพวกมันแล้วไม่นานวังเทียนฉือก็ต้องตรวจพบเรื่องนี้แน่ ถึงตอนนั้นเจ้าไม่พ้นต้องกลายเป็นศัตรูของวังเทียนฉือทันที”

 

“และในเมื่อเจ้ากล่าวเองว่าจ้าววังเทียนฉือมีสายสัมพันธ์กับจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู่หยาเทียน การล่วงเกินวังเทียนฉือ ต่อให้เจ้าจะหนีออกจากคุกได้…จักรพรรดิสวรรค์ก็อาจใช้อํานาจของมันปิดกั้นหนทางหลบหนีทั้งหมด เพื่อล้อมจับเจ้า”

 

ฟังจากคําพูดของวารีเทพชําระโลกา เห็นชัดว่านางวิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย และกล่าวถึงความกังวลออกมาจนหมด

 

ต้วนหลิงเทียนที่ฟังอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะเคร่งเครียด แต่เขาก็ไม่ได้บอกฮ่วนเอ๋อแต่อย่างไร

 

หลังออกจากคุกหมื่นพันธนาการ รวมถึงขณะเดินทางฮ่วนเอ๋อก็พยายามระงับอารมณ์ของนางเต็มที่ แต่พอกลับไปถึงบ้านพักแล้ว ฮ่วนเอ๋อก็ร้องไห้ออกมาจนน้ําตาไหลเป็นสายฝน ด้วยความที่นางถอดผ้าปิดหน้าออกแล้ว ต้วนหลิงเทียนจึงเห็นถึงความทุกข์และความทรมานที่ฉายชัดบนใบหน้าชัดเจน

 

“พี่หลิงเทียน ท่านแม่ต้องทนทุกข์ทรมานนักฮ่วนเอ๋อไม่เอาไหน ฮ่วนเอ๋อไม่อาจช่วยอะไรท่านแม่ได้เลย”

 

ฮ่วนเอ๋อได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น

 

มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ชักเสียใจที่พาฮ่วนเอ๋อไปตรวจสอบคุกหมื่นพันธนาการขึ้นมาบ้างแล้ว เขาน่าจะไปตรวจสอบเพียงลําพังแต่แรก อย่างน้อยๆเขาก็สามารถปกปิดสถานการณ์ภายใน คุกจากฮ่วนเอ๋อได้สักพัก

 

แต่แน่นอนว่า ความคิดที่จะเร่งรีบช่วยเหลือบิดามารดาฮ่วนเอ๋อก็ไม่ได้เปลี่ยนไป

 

“ส่วนเอ่อ ข้าพอมีทางช่วยท่านพ่อท่านแม่ของฮ่วนเอ๋อแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับฮ่วนเอ๋อ ลึกลงไปในแววตายังเผยความแน่วแน่เด็ดเดี่ยวออกมา

 

ถูกวังเทียนฉือไล่ล่าแล้วอย่างไร?

 

ถูกจักรพรรดิสวรรค์อู่หยาเทียนไล่ล่าแล้วอย่างไร?

 

อย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่คนอู่หยาเทียน และที่เข้าวังเทียนฉือมาก็เพราะคิดช่วยคน!

 

“พี่หลิงเทียน ท่านพูดจริงหรือ?”

 

พอต้วนหลิงเทียนพูดจบคํา เสียงร้องไห้ของฮ่วนเอ๋อก็หยุดลงนางมองจ้องต้วนหลิงเทียนเขมงเร่งถามออกมา

 

ฮ่วนเอ๋อนั้นแม้จะเชื่อใจต้วนหลิงเทียนอย่างไร้เงื่อนไขอย่างไรก็ตามเรื่องนี้เกี่ยวพันกับบิดา มารดาของนาง นางก็เลยอดถามออกมาไม่ได้เพื่อยืนยัน

 

“ฮ่วนเอ๋อ พี่หลิงเทียนเคยหลอกเจ้าด้วยหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

 

ฮ่วนเอ๋อพยักหน้า จากนั้นใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ําตาของนางก็ฉายถึงความจริงจังขึ้นมา “พี่หลิงเทียน ฮ่วนเอ๋ออยากรู้ว่าพี่หลิงเทียนจะช่วยเหลือท่านพ่อกับท่านแม่ออกมาอย่างไร..หากมัน เสี่ยงเกินไปฮ่วนเอ๋อจะรออีกสักสองสามปี รอให้พี่หลิงเทียนกับส่วนเอื้อมีพลังมากพอค่อยช่วยท่า นพ่อกับท่านแม่”

 

หลังเดินทางไปคุกหมื่นพันธนาการ ฮ่วนเอ๋อก็รู้เช่นกันว่าการจะช่วยบิดามารดาของตัวออกมามันเป็นเรื่องยากขนาดไหน

 

ถึงแม้นางจะเชื่อมั่นในตัวพี่หลิงเทียนของนางมาก แต่นางก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันดูไม่เป็นความจริงเลย ยังรู้สึกว่าเบื้องหลังคําพูด “พอมีทาง” ของพี่หลิงเทียน ต้องเป็นการเสี่ยงอันตรายอย่างใหญ่หลวงแน่!

 

“เด็กโง่ เจ้าคิดอะไรอยู่กัน?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอื้อมมือไปยผมฮ่วนเอ๋อ ทั้งใช้นิ้วโป้งนวดคลายหว่างคิ้วที่ขดเป็นปมของนาง พลางกล่าวด้วยน้ําเสียงอ่อนโยนเปื้อนยิ้มอบบอุ่น “พี่หลิงเทียนของเจ้าเคยทําอะไรที่ไม่มั่นใจด้วย หรือ ฮ่วนเอ๋อหายห่วงได้เลย”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+