War sovereign Soaring The Heavens 3320

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3320 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3,320 : มุ่งหน้าสู่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจีเมี่ยเทียน

 

“หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น”

 

หลังพาฮ่วนเอ๋อไปทิ้งไว้ที่ระนาบเซียนอันเป็นระนาบโลกียะบ้านเกิดของเขาในชีวิตนี้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็กลับไปยังอู๋หยาเทียนโดยใช้จานค่ายกลเคลื่อนย้าย แต่เขาไม่ได้ ย้อนกลับไปยังวังเทียนฉือแต่อย่างไร เพียงไปใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกในเมืองอุ่นยา เพื่อไปจี้เมียเทียนทันที

 

กล่าวให้ชัดคือไปยังแดนทําลายล้างของจี้เมี่ยเทียน และยังเป็นดินแดนศูนย์กลางของเมี่ยเทียน อันมีพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ตั้งอยู่

 

เขามาที่นี้ก็เพื่อจะเข้าพบจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนโดยเฉพาะ

 

“ผู้อาวุโสฟงชิงหยางถึงจะทิ้งมรดกไว้ในบ้านเกิดที่ระนาบเซียน จนกระทั่งข้าได้รับสืบทอดมา…แต่อย่างไรเสียตอนนี้ท่านก็เป็นถึงจักรพรรดิสวรรค์คนหนึ่ง”

 

“ไม่พ้นหลังได้รับตําแหน่งจักรพรรดิสวรรค์แล้ว หากท่านคิดจะหาศิษย์ ก็ต้องมีเปิดรับสมัครอย่างเข้มงวด สุดยอดอัจฉริยะแห่แหนกันมาจากทุกทั่วสารทิศ ไม่เว้นท่านอาจจะมีไปสร้างมรดกสืบทอดไว้ในอีกหลายๆแห่ง…บางทีในสายตาของท่าน ข้าอาจจะเป็นแค่ผู้สืบทอดไร้สําคัญอะไร

 

“ประเด็นสําคัญก็คือ…เพราะมีข้าเป็นต้นเหตุจึงชักนเภทภัยมาสู่ตัวท่าน ทําให้โดนศัตรูที่ไม่รู้จักไล่ล่าสังหาร จนต้องหลบหนีเข้าไปในนรกอสุรา 1 ใน 7 แดนต้องห้ามอันตรายของระนาบเทวโลก ไม่ทราบจะใช่เกลียดแค้นข้าเพราะเรื่องนี้รึเปล่า”

 

หลังจากเดินทางมาถึงแดนกลางของจี้เมียเทียนแล้ว ในใจต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกหนักอึ้งนัก

 

หากไม่ใช่เพราะบิดามารดาของฮ่วนเอ๋อตกอยู่ในสถานการณ์ตึงมือเขาคงไม่คิดจะบากหน้า มาหาอาวุโสฟงชิงหยางแต่ครั้งนี้เขาได้แต่บากหน้ามายังจี้เมี่ยเทียนเพื่อเสี่ยงโชคดูว่าอาวุโสฟงชิงหยางยินดีออกหน้าช่วยเหลือหรือไม่

 

หากมีใจช่วยจริง เช่นนั้นแค่วาจาเพียงไม่กี่คําก็อาจคลี่คลายยสถานการณ์ของบิดามารดาฮ่วนเอ๋อได้

 

เพราะด้วยพลังความแข็งแกร่งในปัจจุบันของอาวุโสฟงชิงหยาง อย่าว่าแต่จ้าววังเทียนฉือเลยต่อให้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ของอู๋หยาเทียนมาเอง ก็ต้องไว้หน้าอยู่หลายส่วน

 

‘เพื่อฮ่วนเอ๋อ..รวมถึงเพื่อตัวข้าเอง ก็มีแต่ต้องลองบากหน้าไปพบผู้อาวุโสฟงชิงหยางสักครั้ง’

 

ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกแล้วเฮือกเล่า ขณะถามทางไปพระราชวังจักรพรรคสวรรค์แห่งเมี่ยเทียน กล่าวไปหากเรื่องราวมันไม่ตึงมือเขาขนาดนี้ เขาก็คงไม่มีจังหวะมาตามหาผู้อาวุโสฟงชิงหยางถึงจี้เมี่ยเทียน

 

พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียน เป็นขุมกําลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเมียเทียน ถึงแม้จะไม่ใช่ทุกคนที่ล่วงรู้ที่ตั้ง แต่ก็มีผู้รู้ไม่น้อย

 

หากทว่าคนที่ล่วงรู้ หากไม่ใช่พลังฝึกปรือสูงพอตัวก็ต้องมีฐานะความเป็นมาไม่ธรรมดา เช่นนั้นคนทั่วไปในเมืองที่ต้วนหลิงเทียนไปถามจะไปรู้ได้อย่างไร

 

‘จริงสิ!’

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกําลังหันรีหันขวางในเมืองใหญ่ของแดนทําลายล้าง เพื่อหาเป้าหมายในการถามทางคนใหม่ เพราะคนล่าสุดก็ได้แต่ส่ายหน้า เขาก็ฉุกคิดถึงใครบางคนขึ้นมาได้ ‘ไฉน ถึงลืมไปได้ว่ายังมีเจ้านั่นอยู่ด้วย?’

 

เรียกว่าในหัวตัวนหลิงเทียนปรากฏร่างหนึ่งขึ้นมา

 

และคนๆนั้นยังเป็นศิษย์น้องของบิดาฮ่วนเอ๋อ ศิษย์ของขุนเขากระบี่ฟ้าเมิ่งห่าวชวน!

 

วันนั้นก่อนจะแยกกับเมิ่งห่าวชวน เขาก็ได้แลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับอีกฝ่ายเอาไว้

 

“ต้วนหลิงเทียน?”

 

ด้านเมิ่งห่าวซวนอยู่ๆได้รับการติดต่อมาของต้วนหลิงเทียนมันก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง จึงวางทุกสิ่งที่กําลังทําอยู่และให้ความสําคัญกับการส่งข้อความตอบต้วนหลิงเทียนทันที

 

สุดท้ายหลังผ่านไป 3 วัน เขาจึงได้พบเจอกับเมิ่งห่าวชวนอีกครั้ง จนได้ไปเยือนสถานที่พักบ่มเพาะของอีกฝ่ายในขุนเขากระบี่ฟ้า

 

“ต้วนหลิงเทียน ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าท่านจะว่างมาเยือนจี้เมียเทียนเร็วขนาดนี้…ว่าแต่อยู่ๆท่านมาจี้เมียเทียนได้ ใช่มีธุระอันใดหรือไม่?”

 

พอได้พบเจอต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง เมิ่งห่าวชวนก็ให้การต้อนรับขับสู้อย่างกระตือรือร้น เพราะมันเองก็ชื่นชมศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือคนนี้ไม่น้อย

 

นอกจากนั้นกล่าวไปในระดับหนึ่งแล้ว ที่มันยังมีลมหายใจถึงทุกวันนี้ได้ ก็เป็นเพราะความเมตตาของชายหนุ่มเบื้องหน้า

 

“พอดีข้าอยากไปพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ของจี้เมียเทียนนะ”

 

ต้วนหลิงเทียนก็เปิดประตูเห็นภูผาเอ่ยไปตรงๆ “ไม่ทราบที่เพิ่งรู้ตําแหน่งที่ตั้งพระ ราชวังจักรพรรดิสวรรค์รีเปล่า?”

 

“รู้สิ”

 

เมิ่งห่าวชวนพยักหน้าตอบรับ ค่อยมองถามตัวนหลิงเทียนด้วยความอยากรู้ “ว่าแต่น้องต้วน ท่านคิดไปทําอะไรที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หรือ? ปกติพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ไม่ใช่สถานที่ๆใครคิดจะเข้าไปก็เข้าไปได้ง่ายๆ…”

 

“พอดีข้าอยากเข้าพบจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนน่ะ”

 

ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ปกปิดอะไร เพียงแจ้งวัตถุประสงค์การมาออกไปตรงๆ

 

“เอ๋? อยากเข้าพบใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนหรือ?”

 

เมิ่งห่าวชวนผงะไปทันใด จักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียน ไม่ใช่ใต้เท้าฟงชิงหยางหรือจักรพรรดิอมตะหมอกพิรุณรําลึกหรือไร?

 

ต้วนหลิงเทียนกําลังตามหาตัวตนระดับนี้?

 

“น้องต้วน ท่านเองก็คงทราบกระมัง…ว่าตัวตนระดับใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์มิใช่ผู้ใดมาขอเข้าพบก็จักได้พบง่ายๆ…”

 

เมิ่งชวนส่ายหัวไปมา เอ่ยถามสืบต่อ “แล้วไฉนท่านถึงได้อยากพบใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ เล่า?”

 

“ข้าอยากรบกวนให้อาวุโสจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้าช่วยเหลือคน 2 คนให้ข้านะ…”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว “ที่สําคัญ 1 ใน 2 คนที่ข้าอยากให้อาวุโสออกหน้าช่วยเหลือ พี่เพิ่งเองก็รู้จักดีศิษย์พี่ใหญ่ของท่าน เหลียนชิว”

 

“ศิษย์พี่ใหญ่รึ?!”

 

ตอนแรกพอได้ยินต้วนหลิงเทียนพูดว่าจะมาขอให้จักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียนออกหน้า ช่วยคนสองคน เมิ่งห่าวชวนก็รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว จักรพรรดิสวรรค์ไหน เลยจะสนใจเรื่องเช่นนี้?

 

แล้วราคาที่ต้องจ่ายเพื่อร้องขอให้ตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์ช่วยออกหน้าคืออะไร? หรือจะเป็นการถวายตัวรับใช้?

 

ขออภัย…ถึงแม้พรสวรรค์และไหวพริบปฏิภาณของต้วนหลิงเทียนจะเลิศล้ำแค่ไหน แต่ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะออกจากวังเทียนฉือและย้ายมาอยู่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ เพราะเหตุนี้ เกรงว่าไม่พ้นต้องถูกดูหมิ่นเป็นแน่! เพราะนี่แทบไม่ต่างอะไรจากการทรยศต่อขุมกําลังตัวเอง!

 

ผู้ที่สามารถทรยศวังเทียนฉือในวันนี้ได้ ใครจะกล้าบอกว่าพรุ่งนี้จะไม่ทรยศพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์งี้เมียเทียน?

 

ดังนั้นมันจึงไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะทําได้สําเร็จ

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินถ้วนหลิงเทียนบอกว่า ต้องการให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้าช่วยคน 2 คน แถมหนึ่งในนั้น ก็คือเหลียนชิวศิษย์พี่ใหญ่ของมัน เมิ่งห่าวซวนจึงอดตะลึงไปไม่ ได้ “เอ่อ…น้องต้วน ที่แท้นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”

 

“ท่าน….คิดมาขอให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้าเพื่อช่วยศิษย์พี่ใหญ่ของข้า?”

 

เมิ่งห่าวชวนจับต้นชนปลายไม่ถูก

 

จนเมื่อต้วนหลิงเทียนปริปากเล่าเรื่องราวต้นสายปลายเหตุออกมา เมิ่งห่าวชวนจึงเข้าใจได้ “ให้ตายเถอะ ที่แท้เป็นเพราะสาเหตุนี้นี่เอง…ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าท่านจะอยู่กับลูกสาวคนเดียวของศิษย์พี่ใหญ่!”

 

“แถมท่านมาถึงจี้เมียเทียน ก็เพื่อคิดช่วยเหลือศิษย์พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้อีก…”

 

หลังได้ฟังเรื่องราวจากปากถ้วนหลิงเทียน เมิ่งห่าวชวนก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

 

มันไม่คิดไม่ฝันว่าใต้หล้าจะมีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้อยู่จริง ศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือที่มัน พบเจอในสถานที่ทดสอบจอมราชันอมตะสมญานามของวิหารเมิ่งฮ่าว กลับมีความสัมพันธ์กับศิษย์พี่ใหญ่ของมันในลักษณะดังกล่าว!

 

นอกจากนั้น จะว่าไปแล้วต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากลูกเขยศิษย์พี่ใหญ่ของมันเลย!

 

“น้องต้วนขาเข้าใจความรู้สึกของท่านดี..แต่หากท่านคิดจะให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้า นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย หากท่านเป็นแค่ผู้ฝึกตนพเนจร และเลือกที่จะเข้าร่วมกับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียนเราแต่แรก แสดงความสามารถจนได้รับความสนใจจากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ ถึงตอนนั้นไม่แน่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์อาจเห็นแก่คุณค่าของท่าน จนยอมออกหน้าสักครา”

 

เมิ่งห่าวชวนคลี่ยิ้มแหยๆ สีหน้าแลดูบอกบุญไม่รับ “แต่ในเมื่อท่านเป็นคนของวังเทียนฉือ ทั้งยังเป็นศิษย์อัจฉริยะของที่นั่น ต่อให้พรสวรรค์และความเข้าใจของท่านจะท้าทายสวรรค์แค่ไหน แต่การกระทําของท่านก็ไม่ต่างอะไรจากการทรยศวังเทียนฉือ ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ไม่มีทางให้ความสําคัญท่านแน่”

 

“เพราะไม่มีผู้ใดชมชอบคนทรยศ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม”

 

เมิ่งห่าวชวนส่ายหัวไปมา

 

“ช้าก่อนพี่เพิ่ง…นี่ท่านคิดว่าข้าวางแผนจะออกจากวังเทียนฉือมาเข้าพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์งั้นเหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนอึ้ง เขาไม่คิดเลยว่วาเมิ่งห่าวชวนผู้นี้ เขาจึงกล่าวไปหนึ่งแต่อีกฝ่ายมโนไปถึงสิบ จึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมา

 

“อ่าว ไม่ใช่เช่นนั้นรึ?”

 

เมิ่งห่าวชวนรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง หากคิดจะให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้า ถ้าไม่ใช่คิดถวายตัวรับใช้เป็นการตอบแทน แล้วจะทําอย่างไรได้อีก?

 

“ไม่ใช่เลย”

 

ตัวนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “ถึงแม้ข้าจะมีวัตุประสงค์แอบแฝงในการเข้าวังเทียนฉืออย่างคิดช่วยเหลือบิดามารดาของฮ่วนเอ๋อแต่แรก ทว่าหลังจากที่ข้าเข้าร่วมวงเทียนฉือ จนได้กลาย ไปเป็นศิษย์ในด่านถือหล่าง จวบจนได้รับการดูแลมากมาย…ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นใด เอาแค่เพีย งเพราะเห็นแก่ถือหล่างและศิษย์พี่ทั้งหลาย ข้าก็ไม่คิดจะทรยศวังเทียนฉือง่ายๆ…”

 

“น้องต้วนแต่นอกเหนือจากวิธีนั้น ข้ายังคิดไม่ออกจริงๆว่าท่านจะอาศัยอะไร ถึงทําให้ ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ยินดีออกหน้าเพื่อท่านได้”

 

เมิ่งห่าวซวนส่ายหัวไปมา ค่อยกล่าวต่อว่า “นอกเสียจากท่านจะมีสายสัมพันธ์กับใต้เท้า จักรพรรดิสวรรค์…หรือไม่ก็เป็นผู้อาวุโสของท่านมีสายสัมพันธ์รู้จักมักคุ้นกับใต้เท้าจักรพรรสวรรค์ ไม่แน่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์อาจจะเห็นแก่หน้าอาวุโสท่าน จนออกหน้าช่วยเหลือ

 

“เพราะต่อให้ด้วยพลังของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ตอนนี้ เพียงวาจาหนึ่งคําก็สามารถคลี่คลาย เรื่องราวได้ แต่วาจาหนึ่งคําที่ว่าก็ไม่ใช่จะเอ่ยออกไปเพื่อช่วยใครสุ่มสี่สุ่มห้า”

 

เมิ่งห่าวชวนกล่าวออกมารวดเดียวจบ ค่อยมองสบตาต้วนหลิงเทียนอีกรอบ

 

“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนของท่านกับข้า พวกเรามาจากระนาบโลกียะเดียวกัน อีกทั้งในราบโลกียะดังกล่าว ข้ายังได้รับสืบทอดมรดกจากท่านผู้อาวุโส ถึงแม้ตอนนี้ท่านผู้อาวุโสจะยังไม่รู้ตัว แต่ข้าก็ถือได้ว่าเป็นผู้สืบทอดมรดกของอาวุโสมา”

 

ตัวนหลิงเทียนกล่าว

 

“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง”

 

เมิ่งห่าวซวนตระหักได้ทันทีว่าที่แท้ในน้ําเต้าต้วนหลิงเทียนขายยาอันใด แต่ก็ยังไม่ได้ดูดีกับไฟ ใบนี้ของต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่ “น้องต้วน…ข้าขอบังอาจแนะนําท่านว่า อย่าพึ่งคิดฝันมากเกินไป เพราะหากจะว่ากันตามตรงแล้ว ถ้าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ให้ความสําคัญกับผู้สืบทอดอย่าง ท่านจริง ก่อนที่ท่านจะขึ้นสู่ระนาบเทวโลก บางที่ใต้เท้าอาจจับตาดูท่าน กระทั่งส่งคนไปรับท่านขึ้นมายังระนาบเทวโลกแต่แรกแล้ว”

 

“ว่าแต่…จนถึงบัดนี้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ เคยมีการติดต่อไปหาท่านบ้างหรือไม่?”

 

เมิ่งห่าวชวนกล่าวแจกแจง ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยคําถามหนึ่ง

 

ตัวนหลิงเทียนก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา

 

“เพียงเท่านี้ก็ชัดเจนแล้วล่ะ…ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ไม่เพียงจะไม่รู้จักผู้สืบทอดเช่นท่าน กระทั่งเผลอๆจะยังไม่ได้สนใจผู้สืบทอดมรดกเช่นท่านเลย”

 

เมิ่งห่าวซวนคลี่ยิ้มเจื่อนๆ แม้วาจาอาจจะทําลายความหวังของต้วนหลิงเทียน แต่มันเชื่อว่ายัง ดีกว่าปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนจมกับมายาฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง สุดท้ายอาจรู่วามทําอะไร จนเป็นเหตุให้จักรพรรดิสวรรค์มีโทสะขึ้นมาได้

 

“ข้ามักคิดว่าผู้อาวุโสฟงชิงหยางมักให้ความสําคัญกับกองกําลังที่ข้าอยู่มาก ไม่ใช่ท่านเองก็บอกข้าเองหรือว่าสมญานามของอาวุโสฟงชิงหยางงเรียกว่า หมอกพิรุณรําลึก?”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนยังคงทอประกายยไปด้วยความหวัง ไม่คิดถอดใจ “และข้าก็เป็นผู้สืบทอ ดนามหมอกพิรุณของท่านในกองกําลังดังกล่าวในระนาบโลกียะ”

 

“บางที่นั่นอาจเป็นแค่ การหวนคิดถึงความหลังของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ก็เป็นได้…”

 

เมิ่งห่าวชวนไม่ได้ให้น้ําหนักกับข้อสันนิษฐานของต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่

 

“ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็ต้องลองพยามดูก่อน อย่างน้อยก็มีโอกาสสําเร็จ แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่มีแม้แต่โอกาส”

 

สายตาของต้วนหลิงเทียนเผยความแน่วแน่

 

“เอาล่ะๆ ในเมื่อท่านยืนกรานจะไป ข้าก็จะพาท่านไปเอง…พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ตั้งอยู่ในสถานที่เร้นลับ หากไม่ใช่คนที่เคยไปมาก่อน ถึงแม้จะรู้ตําแหน่งคร่าวๆ ก็ยังยากจะพบเจอ… และพอดีข้าก็เคยมีวาสนาได้ไปเยือนที่นั่นกับท่านอาจารย์ครั้งหนึ่ง”

 

เมิ่งห่าวซวนกล่าว

 

และพอมันกล่าวจบก็เดินออกจากโถงรับแขกจวบจนออกจากบ้าน ก่อนจะเห็นร่างนำทางไปทันที ต้วนหลิงเทียนก็เห็นร่างตามไปติดๆ

 

“ว่าแต่ตัวนหลิงเทียน ไม่ทราบศิษย์พี่ใหญ่ของข้าเป็นเช่นไรบ้างหรือ?”

 

เนื่องเพราะได้ยินต้วนหลิงเทียนเอ่ยถึงศิษย์พี่ใหญ่ที่ถูกคุมขังในคุกหมื่นพันธนาการของวังเทียนฉือ เมิ่งห่าวชวนเองก็อดไม่ได้ที่จะคิดเป็นห่วงขึ้นมา

 

“ศิษย์พี่ใหญ่ท่านยังดีอยู่ไม่ได้เป็นอะไร กระทั่งพลังฝีมือยังก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย ตอนนี้แทบจะทัดเทียมกับจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนตอบ

 

พอได้ยินดังนั้น สองตาเมิ่งห่าวซวนก็ทอประกายจ้า “หากท่านอาจารย์ล่วงรู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่สามารถประสบความสําเร็จได้ถึงขนาดนี้แล้ว ท่านต้องดีใจมากแน่ๆ! น่าเสียดายที่วังเทียนฉือไม่เคยบอกว่าจะคุมตัวศิษย์พี่ใหญ่เอาไว้จนถึงเมื่อไหร่…”

 

“หากเป็นสถานการณ์ปกติ น่ากลัววังเทียนฉือคงไม่คิดจะปล่อยคนออกมาหรอก”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรื่องขึ้นวาบหนึ่ง หากวังเทียนฉือมีใจคิดจะปล่อยเหลียนชิว ในสักวันจริงๆ คงไม่จับตัวตู้เสวียน มารดาของส่วนเอื้อมากักขังในห้องขังฝั่งตรงข้ามกับห้องขังเหลี ยนชิว เพื่อทรมานนางต่อหน้า ให้เหลียนชิวเจ็บปวดใจอย่างทุกวันนี้

 

ดูจากเรื่องนี้ก็บอกได้ไม่ยาก ว่าจ้าววังเทียนฉือกับลูกสาวที่ถูกล้มเลิกงานวิวาห์ ต้องเกลียดชังเหลียนชิวเข้ากระดูกดําแล้ว!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3320

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3320 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3,320 : มุ่งหน้าสู่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจีเมี่ยเทียน

 

“หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น”

 

หลังพาฮ่วนเอ๋อไปทิ้งไว้ที่ระนาบเซียนอันเป็นระนาบโลกียะบ้านเกิดของเขาในชีวิตนี้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็กลับไปยังอู๋หยาเทียนโดยใช้จานค่ายกลเคลื่อนย้าย แต่เขาไม่ได้ ย้อนกลับไปยังวังเทียนฉือแต่อย่างไร เพียงไปใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกในเมืองอุ่นยา เพื่อไปจี้เมียเทียนทันที

 

กล่าวให้ชัดคือไปยังแดนทําลายล้างของจี้เมี่ยเทียน และยังเป็นดินแดนศูนย์กลางของเมี่ยเทียน อันมีพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ตั้งอยู่

 

เขามาที่นี้ก็เพื่อจะเข้าพบจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนโดยเฉพาะ

 

“ผู้อาวุโสฟงชิงหยางถึงจะทิ้งมรดกไว้ในบ้านเกิดที่ระนาบเซียน จนกระทั่งข้าได้รับสืบทอดมา…แต่อย่างไรเสียตอนนี้ท่านก็เป็นถึงจักรพรรดิสวรรค์คนหนึ่ง”

 

“ไม่พ้นหลังได้รับตําแหน่งจักรพรรดิสวรรค์แล้ว หากท่านคิดจะหาศิษย์ ก็ต้องมีเปิดรับสมัครอย่างเข้มงวด สุดยอดอัจฉริยะแห่แหนกันมาจากทุกทั่วสารทิศ ไม่เว้นท่านอาจจะมีไปสร้างมรดกสืบทอดไว้ในอีกหลายๆแห่ง…บางทีในสายตาของท่าน ข้าอาจจะเป็นแค่ผู้สืบทอดไร้สําคัญอะไร

 

“ประเด็นสําคัญก็คือ…เพราะมีข้าเป็นต้นเหตุจึงชักนเภทภัยมาสู่ตัวท่าน ทําให้โดนศัตรูที่ไม่รู้จักไล่ล่าสังหาร จนต้องหลบหนีเข้าไปในนรกอสุรา 1 ใน 7 แดนต้องห้ามอันตรายของระนาบเทวโลก ไม่ทราบจะใช่เกลียดแค้นข้าเพราะเรื่องนี้รึเปล่า”

 

หลังจากเดินทางมาถึงแดนกลางของจี้เมียเทียนแล้ว ในใจต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกหนักอึ้งนัก

 

หากไม่ใช่เพราะบิดามารดาของฮ่วนเอ๋อตกอยู่ในสถานการณ์ตึงมือเขาคงไม่คิดจะบากหน้า มาหาอาวุโสฟงชิงหยางแต่ครั้งนี้เขาได้แต่บากหน้ามายังจี้เมี่ยเทียนเพื่อเสี่ยงโชคดูว่าอาวุโสฟงชิงหยางยินดีออกหน้าช่วยเหลือหรือไม่

 

หากมีใจช่วยจริง เช่นนั้นแค่วาจาเพียงไม่กี่คําก็อาจคลี่คลายยสถานการณ์ของบิดามารดาฮ่วนเอ๋อได้

 

เพราะด้วยพลังความแข็งแกร่งในปัจจุบันของอาวุโสฟงชิงหยาง อย่าว่าแต่จ้าววังเทียนฉือเลยต่อให้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ของอู๋หยาเทียนมาเอง ก็ต้องไว้หน้าอยู่หลายส่วน

 

‘เพื่อฮ่วนเอ๋อ..รวมถึงเพื่อตัวข้าเอง ก็มีแต่ต้องลองบากหน้าไปพบผู้อาวุโสฟงชิงหยางสักครั้ง’

 

ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกแล้วเฮือกเล่า ขณะถามทางไปพระราชวังจักรพรรคสวรรค์แห่งเมี่ยเทียน กล่าวไปหากเรื่องราวมันไม่ตึงมือเขาขนาดนี้ เขาก็คงไม่มีจังหวะมาตามหาผู้อาวุโสฟงชิงหยางถึงจี้เมี่ยเทียน

 

พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียน เป็นขุมกําลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเมียเทียน ถึงแม้จะไม่ใช่ทุกคนที่ล่วงรู้ที่ตั้ง แต่ก็มีผู้รู้ไม่น้อย

 

หากทว่าคนที่ล่วงรู้ หากไม่ใช่พลังฝึกปรือสูงพอตัวก็ต้องมีฐานะความเป็นมาไม่ธรรมดา เช่นนั้นคนทั่วไปในเมืองที่ต้วนหลิงเทียนไปถามจะไปรู้ได้อย่างไร

 

‘จริงสิ!’

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกําลังหันรีหันขวางในเมืองใหญ่ของแดนทําลายล้าง เพื่อหาเป้าหมายในการถามทางคนใหม่ เพราะคนล่าสุดก็ได้แต่ส่ายหน้า เขาก็ฉุกคิดถึงใครบางคนขึ้นมาได้ ‘ไฉน ถึงลืมไปได้ว่ายังมีเจ้านั่นอยู่ด้วย?’

 

เรียกว่าในหัวตัวนหลิงเทียนปรากฏร่างหนึ่งขึ้นมา

 

และคนๆนั้นยังเป็นศิษย์น้องของบิดาฮ่วนเอ๋อ ศิษย์ของขุนเขากระบี่ฟ้าเมิ่งห่าวชวน!

 

วันนั้นก่อนจะแยกกับเมิ่งห่าวชวน เขาก็ได้แลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับอีกฝ่ายเอาไว้

 

“ต้วนหลิงเทียน?”

 

ด้านเมิ่งห่าวซวนอยู่ๆได้รับการติดต่อมาของต้วนหลิงเทียนมันก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง จึงวางทุกสิ่งที่กําลังทําอยู่และให้ความสําคัญกับการส่งข้อความตอบต้วนหลิงเทียนทันที

 

สุดท้ายหลังผ่านไป 3 วัน เขาจึงได้พบเจอกับเมิ่งห่าวชวนอีกครั้ง จนได้ไปเยือนสถานที่พักบ่มเพาะของอีกฝ่ายในขุนเขากระบี่ฟ้า

 

“ต้วนหลิงเทียน ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าท่านจะว่างมาเยือนจี้เมียเทียนเร็วขนาดนี้…ว่าแต่อยู่ๆท่านมาจี้เมียเทียนได้ ใช่มีธุระอันใดหรือไม่?”

 

พอได้พบเจอต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง เมิ่งห่าวชวนก็ให้การต้อนรับขับสู้อย่างกระตือรือร้น เพราะมันเองก็ชื่นชมศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือคนนี้ไม่น้อย

 

นอกจากนั้นกล่าวไปในระดับหนึ่งแล้ว ที่มันยังมีลมหายใจถึงทุกวันนี้ได้ ก็เป็นเพราะความเมตตาของชายหนุ่มเบื้องหน้า

 

“พอดีข้าอยากไปพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ของจี้เมียเทียนนะ”

 

ต้วนหลิงเทียนก็เปิดประตูเห็นภูผาเอ่ยไปตรงๆ “ไม่ทราบที่เพิ่งรู้ตําแหน่งที่ตั้งพระ ราชวังจักรพรรดิสวรรค์รีเปล่า?”

 

“รู้สิ”

 

เมิ่งห่าวชวนพยักหน้าตอบรับ ค่อยมองถามตัวนหลิงเทียนด้วยความอยากรู้ “ว่าแต่น้องต้วน ท่านคิดไปทําอะไรที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หรือ? ปกติพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ไม่ใช่สถานที่ๆใครคิดจะเข้าไปก็เข้าไปได้ง่ายๆ…”

 

“พอดีข้าอยากเข้าพบจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนน่ะ”

 

ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ปกปิดอะไร เพียงแจ้งวัตถุประสงค์การมาออกไปตรงๆ

 

“เอ๋? อยากเข้าพบใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนหรือ?”

 

เมิ่งห่าวชวนผงะไปทันใด จักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียน ไม่ใช่ใต้เท้าฟงชิงหยางหรือจักรพรรดิอมตะหมอกพิรุณรําลึกหรือไร?

 

ต้วนหลิงเทียนกําลังตามหาตัวตนระดับนี้?

 

“น้องต้วน ท่านเองก็คงทราบกระมัง…ว่าตัวตนระดับใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์มิใช่ผู้ใดมาขอเข้าพบก็จักได้พบง่ายๆ…”

 

เมิ่งชวนส่ายหัวไปมา เอ่ยถามสืบต่อ “แล้วไฉนท่านถึงได้อยากพบใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ เล่า?”

 

“ข้าอยากรบกวนให้อาวุโสจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้าช่วยเหลือคน 2 คนให้ข้านะ…”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว “ที่สําคัญ 1 ใน 2 คนที่ข้าอยากให้อาวุโสออกหน้าช่วยเหลือ พี่เพิ่งเองก็รู้จักดีศิษย์พี่ใหญ่ของท่าน เหลียนชิว”

 

“ศิษย์พี่ใหญ่รึ?!”

 

ตอนแรกพอได้ยินต้วนหลิงเทียนพูดว่าจะมาขอให้จักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียนออกหน้า ช่วยคนสองคน เมิ่งห่าวชวนก็รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว จักรพรรดิสวรรค์ไหน เลยจะสนใจเรื่องเช่นนี้?

 

แล้วราคาที่ต้องจ่ายเพื่อร้องขอให้ตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์ช่วยออกหน้าคืออะไร? หรือจะเป็นการถวายตัวรับใช้?

 

ขออภัย…ถึงแม้พรสวรรค์และไหวพริบปฏิภาณของต้วนหลิงเทียนจะเลิศล้ำแค่ไหน แต่ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะออกจากวังเทียนฉือและย้ายมาอยู่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ เพราะเหตุนี้ เกรงว่าไม่พ้นต้องถูกดูหมิ่นเป็นแน่! เพราะนี่แทบไม่ต่างอะไรจากการทรยศต่อขุมกําลังตัวเอง!

 

ผู้ที่สามารถทรยศวังเทียนฉือในวันนี้ได้ ใครจะกล้าบอกว่าพรุ่งนี้จะไม่ทรยศพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์งี้เมียเทียน?

 

ดังนั้นมันจึงไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะทําได้สําเร็จ

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินถ้วนหลิงเทียนบอกว่า ต้องการให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้าช่วยคน 2 คน แถมหนึ่งในนั้น ก็คือเหลียนชิวศิษย์พี่ใหญ่ของมัน เมิ่งห่าวซวนจึงอดตะลึงไปไม่ ได้ “เอ่อ…น้องต้วน ที่แท้นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”

 

“ท่าน….คิดมาขอให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้าเพื่อช่วยศิษย์พี่ใหญ่ของข้า?”

 

เมิ่งห่าวชวนจับต้นชนปลายไม่ถูก

 

จนเมื่อต้วนหลิงเทียนปริปากเล่าเรื่องราวต้นสายปลายเหตุออกมา เมิ่งห่าวชวนจึงเข้าใจได้ “ให้ตายเถอะ ที่แท้เป็นเพราะสาเหตุนี้นี่เอง…ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าท่านจะอยู่กับลูกสาวคนเดียวของศิษย์พี่ใหญ่!”

 

“แถมท่านมาถึงจี้เมียเทียน ก็เพื่อคิดช่วยเหลือศิษย์พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้อีก…”

 

หลังได้ฟังเรื่องราวจากปากถ้วนหลิงเทียน เมิ่งห่าวชวนก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

 

มันไม่คิดไม่ฝันว่าใต้หล้าจะมีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้อยู่จริง ศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือที่มัน พบเจอในสถานที่ทดสอบจอมราชันอมตะสมญานามของวิหารเมิ่งฮ่าว กลับมีความสัมพันธ์กับศิษย์พี่ใหญ่ของมันในลักษณะดังกล่าว!

 

นอกจากนั้น จะว่าไปแล้วต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากลูกเขยศิษย์พี่ใหญ่ของมันเลย!

 

“น้องต้วนขาเข้าใจความรู้สึกของท่านดี..แต่หากท่านคิดจะให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้า นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย หากท่านเป็นแค่ผู้ฝึกตนพเนจร และเลือกที่จะเข้าร่วมกับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียนเราแต่แรก แสดงความสามารถจนได้รับความสนใจจากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ ถึงตอนนั้นไม่แน่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์อาจเห็นแก่คุณค่าของท่าน จนยอมออกหน้าสักครา”

 

เมิ่งห่าวชวนคลี่ยิ้มแหยๆ สีหน้าแลดูบอกบุญไม่รับ “แต่ในเมื่อท่านเป็นคนของวังเทียนฉือ ทั้งยังเป็นศิษย์อัจฉริยะของที่นั่น ต่อให้พรสวรรค์และความเข้าใจของท่านจะท้าทายสวรรค์แค่ไหน แต่การกระทําของท่านก็ไม่ต่างอะไรจากการทรยศวังเทียนฉือ ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ไม่มีทางให้ความสําคัญท่านแน่”

 

“เพราะไม่มีผู้ใดชมชอบคนทรยศ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม”

 

เมิ่งห่าวชวนส่ายหัวไปมา

 

“ช้าก่อนพี่เพิ่ง…นี่ท่านคิดว่าข้าวางแผนจะออกจากวังเทียนฉือมาเข้าพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์งั้นเหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนอึ้ง เขาไม่คิดเลยว่วาเมิ่งห่าวชวนผู้นี้ เขาจึงกล่าวไปหนึ่งแต่อีกฝ่ายมโนไปถึงสิบ จึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมา

 

“อ่าว ไม่ใช่เช่นนั้นรึ?”

 

เมิ่งห่าวชวนรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง หากคิดจะให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้า ถ้าไม่ใช่คิดถวายตัวรับใช้เป็นการตอบแทน แล้วจะทําอย่างไรได้อีก?

 

“ไม่ใช่เลย”

 

ตัวนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “ถึงแม้ข้าจะมีวัตุประสงค์แอบแฝงในการเข้าวังเทียนฉืออย่างคิดช่วยเหลือบิดามารดาของฮ่วนเอ๋อแต่แรก ทว่าหลังจากที่ข้าเข้าร่วมวงเทียนฉือ จนได้กลาย ไปเป็นศิษย์ในด่านถือหล่าง จวบจนได้รับการดูแลมากมาย…ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นใด เอาแค่เพีย งเพราะเห็นแก่ถือหล่างและศิษย์พี่ทั้งหลาย ข้าก็ไม่คิดจะทรยศวังเทียนฉือง่ายๆ…”

 

“น้องต้วนแต่นอกเหนือจากวิธีนั้น ข้ายังคิดไม่ออกจริงๆว่าท่านจะอาศัยอะไร ถึงทําให้ ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ยินดีออกหน้าเพื่อท่านได้”

 

เมิ่งห่าวซวนส่ายหัวไปมา ค่อยกล่าวต่อว่า “นอกเสียจากท่านจะมีสายสัมพันธ์กับใต้เท้า จักรพรรดิสวรรค์…หรือไม่ก็เป็นผู้อาวุโสของท่านมีสายสัมพันธ์รู้จักมักคุ้นกับใต้เท้าจักรพรรสวรรค์ ไม่แน่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์อาจจะเห็นแก่หน้าอาวุโสท่าน จนออกหน้าช่วยเหลือ

 

“เพราะต่อให้ด้วยพลังของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ตอนนี้ เพียงวาจาหนึ่งคําก็สามารถคลี่คลาย เรื่องราวได้ แต่วาจาหนึ่งคําที่ว่าก็ไม่ใช่จะเอ่ยออกไปเพื่อช่วยใครสุ่มสี่สุ่มห้า”

 

เมิ่งห่าวชวนกล่าวออกมารวดเดียวจบ ค่อยมองสบตาต้วนหลิงเทียนอีกรอบ

 

“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนของท่านกับข้า พวกเรามาจากระนาบโลกียะเดียวกัน อีกทั้งในราบโลกียะดังกล่าว ข้ายังได้รับสืบทอดมรดกจากท่านผู้อาวุโส ถึงแม้ตอนนี้ท่านผู้อาวุโสจะยังไม่รู้ตัว แต่ข้าก็ถือได้ว่าเป็นผู้สืบทอดมรดกของอาวุโสมา”

 

ตัวนหลิงเทียนกล่าว

 

“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง”

 

เมิ่งห่าวซวนตระหักได้ทันทีว่าที่แท้ในน้ําเต้าต้วนหลิงเทียนขายยาอันใด แต่ก็ยังไม่ได้ดูดีกับไฟ ใบนี้ของต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่ “น้องต้วน…ข้าขอบังอาจแนะนําท่านว่า อย่าพึ่งคิดฝันมากเกินไป เพราะหากจะว่ากันตามตรงแล้ว ถ้าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ให้ความสําคัญกับผู้สืบทอดอย่าง ท่านจริง ก่อนที่ท่านจะขึ้นสู่ระนาบเทวโลก บางที่ใต้เท้าอาจจับตาดูท่าน กระทั่งส่งคนไปรับท่านขึ้นมายังระนาบเทวโลกแต่แรกแล้ว”

 

“ว่าแต่…จนถึงบัดนี้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ เคยมีการติดต่อไปหาท่านบ้างหรือไม่?”

 

เมิ่งห่าวชวนกล่าวแจกแจง ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยคําถามหนึ่ง

 

ตัวนหลิงเทียนก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา

 

“เพียงเท่านี้ก็ชัดเจนแล้วล่ะ…ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ไม่เพียงจะไม่รู้จักผู้สืบทอดเช่นท่าน กระทั่งเผลอๆจะยังไม่ได้สนใจผู้สืบทอดมรดกเช่นท่านเลย”

 

เมิ่งห่าวซวนคลี่ยิ้มเจื่อนๆ แม้วาจาอาจจะทําลายความหวังของต้วนหลิงเทียน แต่มันเชื่อว่ายัง ดีกว่าปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนจมกับมายาฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง สุดท้ายอาจรู่วามทําอะไร จนเป็นเหตุให้จักรพรรดิสวรรค์มีโทสะขึ้นมาได้

 

“ข้ามักคิดว่าผู้อาวุโสฟงชิงหยางมักให้ความสําคัญกับกองกําลังที่ข้าอยู่มาก ไม่ใช่ท่านเองก็บอกข้าเองหรือว่าสมญานามของอาวุโสฟงชิงหยางงเรียกว่า หมอกพิรุณรําลึก?”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนยังคงทอประกายยไปด้วยความหวัง ไม่คิดถอดใจ “และข้าก็เป็นผู้สืบทอ ดนามหมอกพิรุณของท่านในกองกําลังดังกล่าวในระนาบโลกียะ”

 

“บางที่นั่นอาจเป็นแค่ การหวนคิดถึงความหลังของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ก็เป็นได้…”

 

เมิ่งห่าวชวนไม่ได้ให้น้ําหนักกับข้อสันนิษฐานของต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่

 

“ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็ต้องลองพยามดูก่อน อย่างน้อยก็มีโอกาสสําเร็จ แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่มีแม้แต่โอกาส”

 

สายตาของต้วนหลิงเทียนเผยความแน่วแน่

 

“เอาล่ะๆ ในเมื่อท่านยืนกรานจะไป ข้าก็จะพาท่านไปเอง…พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ตั้งอยู่ในสถานที่เร้นลับ หากไม่ใช่คนที่เคยไปมาก่อน ถึงแม้จะรู้ตําแหน่งคร่าวๆ ก็ยังยากจะพบเจอ… และพอดีข้าก็เคยมีวาสนาได้ไปเยือนที่นั่นกับท่านอาจารย์ครั้งหนึ่ง”

 

เมิ่งห่าวซวนกล่าว

 

และพอมันกล่าวจบก็เดินออกจากโถงรับแขกจวบจนออกจากบ้าน ก่อนจะเห็นร่างนำทางไปทันที ต้วนหลิงเทียนก็เห็นร่างตามไปติดๆ

 

“ว่าแต่ตัวนหลิงเทียน ไม่ทราบศิษย์พี่ใหญ่ของข้าเป็นเช่นไรบ้างหรือ?”

 

เนื่องเพราะได้ยินต้วนหลิงเทียนเอ่ยถึงศิษย์พี่ใหญ่ที่ถูกคุมขังในคุกหมื่นพันธนาการของวังเทียนฉือ เมิ่งห่าวชวนเองก็อดไม่ได้ที่จะคิดเป็นห่วงขึ้นมา

 

“ศิษย์พี่ใหญ่ท่านยังดีอยู่ไม่ได้เป็นอะไร กระทั่งพลังฝีมือยังก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย ตอนนี้แทบจะทัดเทียมกับจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนตอบ

 

พอได้ยินดังนั้น สองตาเมิ่งห่าวซวนก็ทอประกายจ้า “หากท่านอาจารย์ล่วงรู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่สามารถประสบความสําเร็จได้ถึงขนาดนี้แล้ว ท่านต้องดีใจมากแน่ๆ! น่าเสียดายที่วังเทียนฉือไม่เคยบอกว่าจะคุมตัวศิษย์พี่ใหญ่เอาไว้จนถึงเมื่อไหร่…”

 

“หากเป็นสถานการณ์ปกติ น่ากลัววังเทียนฉือคงไม่คิดจะปล่อยคนออกมาหรอก”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรื่องขึ้นวาบหนึ่ง หากวังเทียนฉือมีใจคิดจะปล่อยเหลียนชิว ในสักวันจริงๆ คงไม่จับตัวตู้เสวียน มารดาของส่วนเอื้อมากักขังในห้องขังฝั่งตรงข้ามกับห้องขังเหลี ยนชิว เพื่อทรมานนางต่อหน้า ให้เหลียนชิวเจ็บปวดใจอย่างทุกวันนี้

 

ดูจากเรื่องนี้ก็บอกได้ไม่ยาก ว่าจ้าววังเทียนฉือกับลูกสาวที่ถูกล้มเลิกงานวิวาห์ ต้องเกลียดชังเหลียนชิวเข้ากระดูกดําแล้ว!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+