War sovereign Soaring The Heavens 3334

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3334 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3,334 : จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 9

 

ในวังเทียนฉือมีจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งสิ้น 9 คน

 

ถึงแม้ว่าจักรพรรดิอมตะสมญานาม 2 คนจะถูกดึงไปตามแผนของต้วนหลิงเทียน แต่อย่างไรก็ยังเหลือจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 7 คน…แต่แน่นอนว่าหากเกิดการปะทะกันจริงๆ เสมือนกําลังรบของอีกฝ่ายก็จะเหลือแค่จักรพรรดิอมตะสมญานาม 6 คนเท่านั้น

 

ทั้งหมดเป็นเพราะด้านนอก ต้วนหลิงเทียนได้เตรียมจักรพรรดิอมตะสมญานามคนหนึ่งที่จะถ่วงรั้งโหยวเฟิงอวี้ จ้าววังเทียนฉือเอาไว้แล้ว

 

นอกจากนี้โลกใบเล็กภายในร่างของต้วนหลิวเทียนยังมีมังกรชั่วร้ายอีก 2 ตัว ที่สามารถผสานพลังจู่โจมได้ทัดเทียมการลงมือเต็มกําลังของจักรพรรดิอมตะสมญานามระดับกลางๆ เช่นนั้นขอเพียงแค่ระวังให้มาก ไม่ทําอะไรบ่มบ่าม เรื่องหลบหนีออกไปจากที่นี่ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

 

“จัตุรัสสิ้นสุด”

 

หลังมาถึงจัตุรัสสิ้นสุดอีกครั้ง สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง

 

กล่าวไป นี่เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่เขามาเหยียบจัตุรัสสิ้นสุด

 

ครั้งแรกก็คือการมาคุกหมื่นพันธนาการรอบแรกสุด ส่วนครั้งที่ 2 ก็คือขากลับออกจากคุกหมื่นพันธนาการรอบแรก ครั้งที่ 3 ก็คือการกลับมายยังคุกพันธนาการอีกครั้งเมื่อไม่กี่วันก่อน

 

ครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่ 4 แล้ว

 

จัตุรัสสิ้นสุดเป็นดั่งปราการสุดท้ายก่อนจะออกจากคุกหมื่นพันธนาการ และที่นี่ยังมีมาตรการป้องกันที่แน่นหนาที่สุด

 

ถึงแม้ในแง่ของระดับค่ายกลกับข่ายอาคมที่นี่ จะพอๆกับค่ายกลและข่ายอาคมบนเรือนจําชั้นที่ 3

 

อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่ได้มีแค่ข่ายยอาคมกักกันเท่านั้น ยังมีค่ายกลและข่ายอาคมสังหารที่จัดตั้งไว้แน่นหนา ที่สําคัญคือจํานวนมั่นมากมายมหาศาลเหนือกว่าในเรือนจําชั้น 3 หลายเท่าตัว และแต่ละอาคมสังหารก็ทรงพลังมากพอจะสร้างความเสียหายให้กับจักรพรรดิอมตะสมญานามได้ไม่น้อย!

 

หากคนที่อยู่ใต้ขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานามคิดบุกฝ่าออกไปถึงไม่ตายก็ต้องร่อแร่เจียนตายแน่นอน!!

 

“พี่ใหญ่เผย ขายอาคมกับค่ายกลสังหารที่นี่ ท่านไม่อาจลงมือคนเดียวได้ จําต้องพึ่งพลังของจักรพรรดิอมตะอีก 5 คนที่เหลือ…หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกท่านแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับเผยหยวนจี๋ด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

ก่อนจะมาถึงที่นี้ เขาได้แจ้งพี่ใหญ่เผยกับจักรพรรดิอมตะสมญานามทุกคนเอาไว้แล้ว กระทั่งยังสอนวิธีจัดการค่ายกลสังหารพวกนี้โดยเฉพาะ ตอนนี้จึงไม่ต้องเสียเวลากล่าวย้ำอะไรเรื่องนี้นั้นอีก

 

“อืม”

 

เผยหยวนจี๋พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปมองพยักหน้าเป็นการให้สัญญานกับจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คน

 

เมื่อทั้ง 6 คนยืนเรียงตัวในลักษณะค่ายกลมนุษย์ประการหนึ่ง สองตาของเผยหยวนจี๋ก็หดหยีเผยประกายเยียบเย็น “ลงมือ!!”

 

สิ้นเสียงสั่งการของเผยหยวนจี๋ นอกเหนือจากพลังเย็นยะเย็กที่แผ่ซ่านกําจายออกมาจากร่างของจักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬ เฉวียนปิง แล้ว อีก 5 คนรวมถึงเผยหยวนจี๋ ก็ระเบิดพลังสีกากีออกมาอย่างดุดัน!

 

จักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬนั้นเชี่ยวชาญกฏน้ำแข็งกับกฏแห่งดิน แต่ที่เชี่ยวชาญมากที่สุดก็คือกฏน้ำแข็ง แม้กฏแห่งดินของมันจะมีพลังไม่ใช่ชั่ว แต่ในสถานการณ์ที่จําต้องใช้พลังผลาญทําลาย ใช้กฎน้ำแข็งย่อมดีกว่ากันมาก

 

สําหรับอีก 5 คนที่เหลือไม่เว้นเผยหยวนจี๋ นอกจากกฎแห่งดินแล้ว พวกมันไม่ได้เชี่ยวชาญกฏอื่นๆมากนัก

 

ดังนั้นถึงแม้จะต้องใช้การโจมตีหักฝาค่ายกลกับข่ายอาคมทั้งหลาย ต่อให้กฏแห่งดินมีพลังโจมตีอ่อนด้อยที่สุดในกฏทั้งหลาย พวกมันก็มีแต่ต้องใช้กฏแห่งดินเท่านั้น….

 

“ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ หากใครกล้าเคลื่อนไหวตามอําเภอใจ อย่าได้โทษข้าว่าอํามหิต!”

 

ขณะเดียวกันกับที่ทั้ง 6 ลงมือลุยฝาจัตุรัสสิ้นสุด ต้วนหลิงเทียนก็เคลื่อนย้ายข้ามมิติขึ้นไปลอยล่องด้านหน้าสุด หันหน้ามาหาทุกคน จากนั้นก็สะบัดมือเรียยกมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ออกมา พลังมิติยังปะทุออกมาแผ่แรงกดดันไปในบรรยากาศ ราวกับขอเพียงมีใครกล้าเคลื่อนไหวตามอําเภอใจ เขาจะลงมือสังหารในบัดดล

 

ถึงแม้คนเหล่านี้สมควรเชื่อฟังและรู้สถานการณ์ดี แต่หมื่นไม่กลัวๆหนึ่งในหมื่น หากมีใครคิดก่อการวุ่นวายจนเป็นการรบกวนพี่ใหญ่เผยกับคนอื่นๆขึ้นมา ย่อมมีโอกาสเกิดเรื่องขึ้นได้

 

ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!

 

จากนั้นก็มีร่างหนึ่งวูบมาอยู่ใกล้ๆต้วนหลิงเทียน รอบกายร่างดังกล่าวยังปรากฏแถบริ้วกระบี่แผ่กลิ่นอายแหลมคมเยียบเย็นหมุนวนเร่งเร้าสภาวะพลังเตรียมพร้อม เป็นเหลียนชิวที่ไม่ทราบเก็บร่างตู้เสวียนไว้ในโลกใบเล็กตั้งแต่เมื่อไหร่ คิดมาสนับสนุนต้วนหลิงเทียนอีกแรง

 

สองตามันยังฉายแววแหมคมถึงขีดสุด จับจ้องมองไปยังกลุ่มคนนับพันด้านหลังไม่วางตา

 

“ขอคุณชายทั้ง 2 โปรดวางใจ พวกเราไม่มีใครกล้าคิดทําอะไรอันเป็นการสร้างปัญหาให้ใต้เท้าเผยกับใต้เท้าทั้ง 5 ที่ทําลายค่ายกลอยู่เป็นแน่! พวกเราถูกทรมานจนไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันมาหลายปีดีดัก เช่นนั้นไม่ว่าใครก็ล้วนหวังจะออกไปจากที่นี่เหนือสิ่งใด”

 

ชายวัยกลางคนที่แลดูแข็งแรงแต่เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลยิ้มกล่าว

 

“ใช่”

 

และคําพูดของมันก็มีร่างผู้คนที่ชุดเสื้อผ้าขาดวินเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลสยดสยองหลายคนเห็นด้วยมากมาย “หากมีใครกล้าสร้างปัญหา ไม่ต้องถึงมือพวกท่านหรอก ข้าจักแลกชีวิตกับมันผู้นั้นเอง ต่อให้ข้าตาย ก็ไม่มีทางปล่อยให้ใครไปสร้างปัญหาให้ใต้เท้าทั้ง 6 แน่!”

 

“ผู้ใดเบื้อชีวิตก็ลองดู!”

 

ด้วยประการฉะนี้ คนกลุ่มใหญ่จึงยืนนิ่งกันเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีใครคิดทําอะไรโง่ๆแม้แต่น้อย

 

“เรียบร้อย”

 

ราวๆ 1 เค่อต่อมา ก็บังเกิดสายลมรุนแรงโหมกระหน่ำไปทั่วจัตุรัสสิ้นสุด จนชุดเสื้อผ้าทั้งผมเผ้าผู้คนนับพันโบกสะบัดวุ่นวายกันไปหมด ขณะเดียวกัน เสียงไร้แยแสของเผยหยวนจี๋ก็แว่วมาตามลมแรงดังกล่าว

 

เมื่อครู่เพราะถูกแรงกดดันของต้วนหลิงเทียนกับเหลียนชิว กอปรกับอยู่ในช่วงสถานการณ์ตึงเครียด จึงไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจแรง ทําให้บรรยากาศนั้นเงียบสงัดมาก

 

ตอนนี้ถึงเผยหยวนจี๋จะไม่ได้กล่าวคําเสียงดังมากมาย แต่ทุกคนที่ยืนรอชายขอบจัตุรัสสิ้นสิ้นสุดก็ได้ยินกันชัดถนัดหู

 

“หลังออกจากคุกหมื่นพันธนาการแล้ว พวกเจ้าก็แยกย้ายกันหลบหนีไปเสียไม่ว่าพวกเจ้าจะหนีรอดไปหรือไม่ ก็ล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตาของพวกเจ้า”

 

หลังข้ามผ่านจัตุรัสสิ้นสุดไปได้แล้ว เผยหยวนจี๋ก็หันกลับมามองกล่าวกับนักโทษแหกคุกนับพันด้านหลังเสียงเบา เหตุผลในการช่วยคนกลุ่มนี้หลบหนีออกมา ไม่มีอะไรมากกว่าสร้างความวุ่นวาย หมายให้พวกมันคอยดึงดูดความสนใจของคนวังเทียนฉือ

 

ถึงแม้ภายในคุกหมื่นพันธนาการจะไม่ตกอยู่ในอํานาจของค่ายกลเฝ้าระวังของวังเทียนฉือเพราะที่นี่มีค่ายกลและข่ายอาคมพิเศษเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ด้านนอกนั้นมีอาคมเฝ้าระวังและตรวจจับอยู่

 

ทันทีที่มีคนหลบหนีออกจากคุกหมื่นพันธนาการ ผู้หลบหนีจะถูกพบตัวทันที และข่าวเรื่องราวจะถูกส่งตรงถึงหูโหยวเฟิงอวี้จ้าววังเทียนฉือ จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ และจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกในพริบตา

 

และขอเพียงโหยวเชิงอวี้รู้ข่าว จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหมดของวังเทียนฉือก็จะล่วงรู้เช่นกัน

 

“ไป!”

 

ต่อมาต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆก็ข้ามผ่านจัตุรัสสิ้นสุด และมาถึงบริเวณทางออกคุกหมื่นพันธนาการ แน่นอนว่าต้องพบเจอกับผู้อาวุโสที่ทําหน้าที่เฝ้าระวังทางออกทันที และทั้งหมดก็ถูกจักรพรรดิอมตะกัมปนาท หม่าฉือ รวมถึงจักรพรรดิอมตะกวางขาว เคอไป๋ลู่ เข่นฆ่าในพริบตา

 

ภายใต้การลงมือที่คล้ายเก็บกดและอัดอั้นมานานของทั้งคู่ อาวุโสที่เฝ้าทางออกคุกหมื่นพันธนาการย่อมไม่มีแม้แต่โอกาสตอบโต้

 

“ออกไปกัน!”

 

หลังจากทุกคมารวมตัวกันหน้าทางออกแล้ว เผยหยวนจี๋ให้สัญญาณคําหนึ่ง ก็ประหนึ่งม้าถูกปล่อยออกจากคอก ต้วนหลิงเทียนกับเผยหยวนจี๋เองก็เหินพุ่งออกจากคุกหมื่นพันธนาการไปอย่างไม่รอช้า

 

ด้านนอกประตู ผู้อาวุโสที่ทําหน้าที่เฝ้าคุกหมื่นพันธนาการหลายคน ก็ไม่ได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้านในเลย เมื่อเห็นคนกรูกันออกมาราวคุกแตก พวกมันก็ได้แต่ยืนตกตะลึง ก่อนจะถูกฆ่าทิ้งไปในที่สุด

 

“ข้าหนีออกมาได้แล้ว!”

 

“ฮ่าๆๆๆ..นี่หรือคือกลิ่นของอิสระภาพ ช่างหอมหวานยิ่งนัก!”

 

“วังเทียนฉือ สักวันข้าจะกลับมาทําลายล้างพวกเจ้าให้ฉิบหาย!”

 

“รีบไปกันเร็ว!!”

 

หลังเหล่านักโทษที่ถูกกักขังในคุกหมื่นพันธนาการมานาได้ออกมาเห็นแสงตะวันอีกครั้งพวกมันก็ร่ำร้องกันออกมาอย่างอดไม่ไหว แน่นอนว่าหลังจากตะโกนวาจาปลอดโปร่งทั้งอาฆาตใดๆแล้ว แต่ละคนก็รู้ว่าไม่ควรอยู่นาน จึงแยกย้ายกันหลบหนีไปทั่วสารทิศปานผึ้งแตกรัง

 

ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนและคนในกลุ่มก็เร่งรุดออกจากหน้าประตูคุกวังเทียนฉือเช่นกัน

 

“หืม?”

 

หลังจากเห็นร่างห่างออกมาจากคุกหมื่นพันธนาการได้สักพัก ต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นร่างหญิงชราหนึ่งเหาะลัดฟ้ามาแต่ไกล มุ่งหน้าไปยังคุกหมื่นพันธนาการด้วยสีหน้ามีดดํา พอมองดูให้ชัดก็พบว่านางคือจักรพรรดิอมตะไร้ใจเหลยอิง

 

“ดูเหมือนจักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง ก็จะรับทราบการตายของลูกชายแล้ว

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

 

“พี่ใหญ่เผย อาวุโสเหลียนชิวและทุกท่าน พวกเราไปทางนั้นกัน”

 

เนื่องจากต้วนหลิงเทียนให้เผยหยวนจี๋นัดแนะกับจักรพรรดิอมตะคนอื่นๆเอาไว้แล้วก่อนที่จะออกมา เช่นนั้นตอนนี้กลุ่มเขาจึงวางแผนจะหลบหนีไปด้วยกันก่อน เพื่อไม่ให้ถูกอีกฝ่ายตามเก็บทีละคน

 

และทิศทางที่ต้วนหลิงเทียนชี้ไป ก็คือทิศทางที่เขานัดหมายกับ เมิ่งชวน จักรพรรดิอมตะหยกรุ้งแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ของจี้เมี่ยเทียนเอาไว้แต่แรก

 

“ผู้อาวุโสเมิ่งชวน”

 

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกําลังเร่งรุดไปยังงทิศทางดังกล่าวพร้อมกับพี่ใหญ่เผยและคนอื่นๆ ต้วนหลิงเทียนก็เร่งติดต่อไปหาเฟิงชวนทันที “ตอนนี้ข้าหลบหนีออกมาจากคุกหมื่นพันธนาการแล้ว! นอกจากข้ายังมีจักรพรรดิอมตะสมญานามของคุกหมื่นพันธนาการอีก 6 คนตามมาด้วย”

 

“เมื่อท่านมาสมทบกับพวกเรา เรื่องคิดจะหนีไปให้พันการตามล่าของวังเทียยนฉือ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรแล้ว!”

 

และเมื่อได้รับการติดต่อมาจากต้วนหลิงเทียน เมิ่งชวน ก็ไม่คิดจะรออยู่เฉยๆ ที่จุดนัดพบ แต่เลือกจะเห็นร่างมุ่งหน้าไปยังคุกหมื่นพันธนาการ หมายไปสมทบกับพวกต้วนหลิงเทียนให้เร็วที่สุด

 

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับเมิ่งชวนเข้าใกล้กันทุกขณะ จักรพรรดิอมตะไร้ใจเหลยอิงเองก็ได้แลเห็นสถานการณ์วุ่นวายของคุกหมื่นพันธนาการ และเห็นฉากนักโทษมากมายแยกย้ายกันหลบหนีเรียบร้อย

 

ยังผลให้แม้ต้วนหลิงเทียนจะปะปนอยู่ในกลุ่มคนหลบหนีด้วย นางก็ไม่ทันสังเกตเห็น

 

อย่างไรก็ตาม แม้นางจะไม่ทันเห็นต้วนหลิงเทียน แต่นางก็จดจําจักรพรรดิอมตะสมญานาม 2 ใน 6 ที่เห็นร่างไปพร้อมๆกับต้วนหลิงเทียนได้ เพราะเหลยอิงเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มคนที่กําราบทั้ง 2 นั่นด้วย

 

“จ้าววัง! ตอนนี้นักโทษในคุกหมื่นพันธนาการกําหลังหลบหนีออกมาเป็นจํานวนมาก ในบรรดาผู้ที่หลบหนีข้ายังเห็นจักรพรรดิอมตะขยี้เมฆากับจักรพรรดิอมตะผกาทอง! แถมในบรรดาคกลุ่มเดียวกับมันยังมีชายหนุ่มชุดขาวที่คาดว่าน่าจักเป็นเผยหยวนจี๋รวมอยู่ด้วย!!”

 

“นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องสงสัยอีก 3 คนที่ข้าเห็นเพียงหลังไวๆ แต่หากเดาไม่ผิด พวกมันสมควรเป็นนักโทษอีก 3 คนที่อยู่ในเรือนจําชั้นที่ 3 จักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬ จักรพรรดิอมตะกวางขาว และจักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท!”

 

เหลยอิงรีบร้อนส่งข้อความแจ้งไปถึงจ้าววังเทียนฉือเป็นการด่วน น้ำเสียงของนางฟังดูร้อนรนไม่น้อย

 

ขณะเดียวกันเหลยอิงก็ไม่รอช้าเร่งส่งข้อความทํานองเดียวกันไปถึงจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 7 คนที่เหลือทันที และขอให้ทุกคนรับมาตามมาคุมสถานการณ์ที่คุกหมื่นพันธนาการโดยเร็วที่สุด ส่วนนางก็เร่งรุดเห็นร่างติดตามกลุ่มจักกรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ไปห่างๆ

 

แน่นอนว่าในระหว่างทางนางยังจัดการนักโทษที่หลบหนีออกจากคุกหมื่นพันธนาการด้วยและทั้งหมดเป็นการฆ่าไม่ละเว้น!

 

คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนโชคร้ายที่ดันเลือกจะหลบหนีไปในทิศทางเดียวกับพวกต้วนหลิงเทียน แน่นอนว่าความเร็วของพวกมันช้ากว่ามาก เมื่อเจอเข้ากับจักรพรรดิอมตะไร้ใจเหลยอิงที่เข่นฆ่าไล่หลังมา จึงทําได้แค่ตกตายอย่างไร้หนทางต่อต้าน

 

“เมื่อครู่ข้าพึ่งได้รับแจ้งจากสัญญาณเตือนค่ายกลตรวจจับรวมถึงอาวุโสหน่วยลาดตระเวนหลายคนที่จับตาดูความเคลื่อนไหวนอกคุกหมื่นพันธนาการแล้ว”

 

จ้าววังเทียนฉือส่งข้อความตอบกลับถึงเหลยอิงเร็วไว แม้น้ำเสียงจะฟังดูสงบ แต่เหลยอิงย่อมสัมผัสได้ถึงโทสะอารมณ์ที่คุกรุ่นปานภูเขาไฟระอุใกล้ปะทุเต็มที

 

ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!

 

หลังจากนั้นไม่นานนักก็มีร่าง 8 ร่างเร่งรุดเหินมาจากทุกทิศทาง ติดตามมาสมทบกับเหลยอิง

 

ผู้ที่มาถึงก่อนใครก็คือจ้าววังเทียนฉือ จักรพรรดิอมตะพินิจเอกอุ โหยวเฟิงอวี้ !

 

แน่นอนว่าในบรรดาคนทั้ง 8 ก็มีจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่างมาด้วย

 

นอกจากฉือหล่าง ก็มีจักรพรรดิอมตะมังกรบกู้ฉางเจียง จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ จักรพรรดิอมตะคลื่นหมอกก็มาด้วย

 

นอกจากที่กล่าวมาแล้วก็ยังมีอีก 3 คน

 

เป็นสตรี 2 ชายหนึ่ง

 

สตรีหนึ่งในนั้นมาในชุดสีดํา เส้นผมดําขลับทอดยาวไปยังด้านหลังปานม่านน้ำตก ใบหน้าแลดูอ่อนวัยราวดรุณีน้อยแรกรุ่นของนาง ยามนี้เต็มไปด้วยความเย็นชา ดวงตาก็ทอประกายดุร้ายนัก!

 

นางก็คือจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกแห่งวังเทียนฉือ ชื่อเสียงอยู่ในระดับเดียวกับจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ เรียกว่าเป็น 1 ใน 2 จักรพรรดิอมตะสมญานามที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากจ้าววังเทียนฉือ!

 

จักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกคนนี้ยังเป็นอาจารย์ของ หลิวไป๋เฟิ่ง 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉืออีกด้วย

 

สตรีอีกคนนั้นมาในชุดคุมยาวสีเขียวอ่อน ในอ้อมแขนกอดฉันเอาไว้ รูปร่างหน้าตาไม่เว้นท์วงท่า แลดูสง่างามทุกอิริยาบถ แม้ยามเร่งรุดเห็นร่างแหวกฝ่าสายลม ก็ยังแลดูสูงส่งเลอค่าชวนมองราวสตรีสูงศักดิ์

 

และนางก็คือจักรพรรดิอมตะเมฆดุริยะ อวี๋ชิวหราน

 

ส่วนชายคนสุดท้ายมีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมเพรียว หน้าตาแลดูธรรมดา หากแต่ดวงตาของมันกลับทอประกายดุร้ายคล้ายหมาป่าตลอดเวลา

 

จักรพรรดิอมตะหอนฟ้า หยางเซี่ยวเทียน!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3334

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3334 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3,334 : จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 9

 

ในวังเทียนฉือมีจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งสิ้น 9 คน

 

ถึงแม้ว่าจักรพรรดิอมตะสมญานาม 2 คนจะถูกดึงไปตามแผนของต้วนหลิงเทียน แต่อย่างไรก็ยังเหลือจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 7 คน…แต่แน่นอนว่าหากเกิดการปะทะกันจริงๆ เสมือนกําลังรบของอีกฝ่ายก็จะเหลือแค่จักรพรรดิอมตะสมญานาม 6 คนเท่านั้น

 

ทั้งหมดเป็นเพราะด้านนอก ต้วนหลิงเทียนได้เตรียมจักรพรรดิอมตะสมญานามคนหนึ่งที่จะถ่วงรั้งโหยวเฟิงอวี้ จ้าววังเทียนฉือเอาไว้แล้ว

 

นอกจากนี้โลกใบเล็กภายในร่างของต้วนหลิวเทียนยังมีมังกรชั่วร้ายอีก 2 ตัว ที่สามารถผสานพลังจู่โจมได้ทัดเทียมการลงมือเต็มกําลังของจักรพรรดิอมตะสมญานามระดับกลางๆ เช่นนั้นขอเพียงแค่ระวังให้มาก ไม่ทําอะไรบ่มบ่าม เรื่องหลบหนีออกไปจากที่นี่ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

 

“จัตุรัสสิ้นสุด”

 

หลังมาถึงจัตุรัสสิ้นสุดอีกครั้ง สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง

 

กล่าวไป นี่เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่เขามาเหยียบจัตุรัสสิ้นสุด

 

ครั้งแรกก็คือการมาคุกหมื่นพันธนาการรอบแรกสุด ส่วนครั้งที่ 2 ก็คือขากลับออกจากคุกหมื่นพันธนาการรอบแรก ครั้งที่ 3 ก็คือการกลับมายยังคุกพันธนาการอีกครั้งเมื่อไม่กี่วันก่อน

 

ครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่ 4 แล้ว

 

จัตุรัสสิ้นสุดเป็นดั่งปราการสุดท้ายก่อนจะออกจากคุกหมื่นพันธนาการ และที่นี่ยังมีมาตรการป้องกันที่แน่นหนาที่สุด

 

ถึงแม้ในแง่ของระดับค่ายกลกับข่ายอาคมที่นี่ จะพอๆกับค่ายกลและข่ายอาคมบนเรือนจําชั้นที่ 3

 

อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่ได้มีแค่ข่ายยอาคมกักกันเท่านั้น ยังมีค่ายกลและข่ายอาคมสังหารที่จัดตั้งไว้แน่นหนา ที่สําคัญคือจํานวนมั่นมากมายมหาศาลเหนือกว่าในเรือนจําชั้น 3 หลายเท่าตัว และแต่ละอาคมสังหารก็ทรงพลังมากพอจะสร้างความเสียหายให้กับจักรพรรดิอมตะสมญานามได้ไม่น้อย!

 

หากคนที่อยู่ใต้ขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานามคิดบุกฝ่าออกไปถึงไม่ตายก็ต้องร่อแร่เจียนตายแน่นอน!!

 

“พี่ใหญ่เผย ขายอาคมกับค่ายกลสังหารที่นี่ ท่านไม่อาจลงมือคนเดียวได้ จําต้องพึ่งพลังของจักรพรรดิอมตะอีก 5 คนที่เหลือ…หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกท่านแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับเผยหยวนจี๋ด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

ก่อนจะมาถึงที่นี้ เขาได้แจ้งพี่ใหญ่เผยกับจักรพรรดิอมตะสมญานามทุกคนเอาไว้แล้ว กระทั่งยังสอนวิธีจัดการค่ายกลสังหารพวกนี้โดยเฉพาะ ตอนนี้จึงไม่ต้องเสียเวลากล่าวย้ำอะไรเรื่องนี้นั้นอีก

 

“อืม”

 

เผยหยวนจี๋พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปมองพยักหน้าเป็นการให้สัญญานกับจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คน

 

เมื่อทั้ง 6 คนยืนเรียงตัวในลักษณะค่ายกลมนุษย์ประการหนึ่ง สองตาของเผยหยวนจี๋ก็หดหยีเผยประกายเยียบเย็น “ลงมือ!!”

 

สิ้นเสียงสั่งการของเผยหยวนจี๋ นอกเหนือจากพลังเย็นยะเย็กที่แผ่ซ่านกําจายออกมาจากร่างของจักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬ เฉวียนปิง แล้ว อีก 5 คนรวมถึงเผยหยวนจี๋ ก็ระเบิดพลังสีกากีออกมาอย่างดุดัน!

 

จักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬนั้นเชี่ยวชาญกฏน้ำแข็งกับกฏแห่งดิน แต่ที่เชี่ยวชาญมากที่สุดก็คือกฏน้ำแข็ง แม้กฏแห่งดินของมันจะมีพลังไม่ใช่ชั่ว แต่ในสถานการณ์ที่จําต้องใช้พลังผลาญทําลาย ใช้กฎน้ำแข็งย่อมดีกว่ากันมาก

 

สําหรับอีก 5 คนที่เหลือไม่เว้นเผยหยวนจี๋ นอกจากกฎแห่งดินแล้ว พวกมันไม่ได้เชี่ยวชาญกฏอื่นๆมากนัก

 

ดังนั้นถึงแม้จะต้องใช้การโจมตีหักฝาค่ายกลกับข่ายอาคมทั้งหลาย ต่อให้กฏแห่งดินมีพลังโจมตีอ่อนด้อยที่สุดในกฏทั้งหลาย พวกมันก็มีแต่ต้องใช้กฏแห่งดินเท่านั้น….

 

“ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ หากใครกล้าเคลื่อนไหวตามอําเภอใจ อย่าได้โทษข้าว่าอํามหิต!”

 

ขณะเดียวกันกับที่ทั้ง 6 ลงมือลุยฝาจัตุรัสสิ้นสุด ต้วนหลิงเทียนก็เคลื่อนย้ายข้ามมิติขึ้นไปลอยล่องด้านหน้าสุด หันหน้ามาหาทุกคน จากนั้นก็สะบัดมือเรียยกมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ออกมา พลังมิติยังปะทุออกมาแผ่แรงกดดันไปในบรรยากาศ ราวกับขอเพียงมีใครกล้าเคลื่อนไหวตามอําเภอใจ เขาจะลงมือสังหารในบัดดล

 

ถึงแม้คนเหล่านี้สมควรเชื่อฟังและรู้สถานการณ์ดี แต่หมื่นไม่กลัวๆหนึ่งในหมื่น หากมีใครคิดก่อการวุ่นวายจนเป็นการรบกวนพี่ใหญ่เผยกับคนอื่นๆขึ้นมา ย่อมมีโอกาสเกิดเรื่องขึ้นได้

 

ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!

 

จากนั้นก็มีร่างหนึ่งวูบมาอยู่ใกล้ๆต้วนหลิงเทียน รอบกายร่างดังกล่าวยังปรากฏแถบริ้วกระบี่แผ่กลิ่นอายแหลมคมเยียบเย็นหมุนวนเร่งเร้าสภาวะพลังเตรียมพร้อม เป็นเหลียนชิวที่ไม่ทราบเก็บร่างตู้เสวียนไว้ในโลกใบเล็กตั้งแต่เมื่อไหร่ คิดมาสนับสนุนต้วนหลิงเทียนอีกแรง

 

สองตามันยังฉายแววแหมคมถึงขีดสุด จับจ้องมองไปยังกลุ่มคนนับพันด้านหลังไม่วางตา

 

“ขอคุณชายทั้ง 2 โปรดวางใจ พวกเราไม่มีใครกล้าคิดทําอะไรอันเป็นการสร้างปัญหาให้ใต้เท้าเผยกับใต้เท้าทั้ง 5 ที่ทําลายค่ายกลอยู่เป็นแน่! พวกเราถูกทรมานจนไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันมาหลายปีดีดัก เช่นนั้นไม่ว่าใครก็ล้วนหวังจะออกไปจากที่นี่เหนือสิ่งใด”

 

ชายวัยกลางคนที่แลดูแข็งแรงแต่เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลยิ้มกล่าว

 

“ใช่”

 

และคําพูดของมันก็มีร่างผู้คนที่ชุดเสื้อผ้าขาดวินเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลสยดสยองหลายคนเห็นด้วยมากมาย “หากมีใครกล้าสร้างปัญหา ไม่ต้องถึงมือพวกท่านหรอก ข้าจักแลกชีวิตกับมันผู้นั้นเอง ต่อให้ข้าตาย ก็ไม่มีทางปล่อยให้ใครไปสร้างปัญหาให้ใต้เท้าทั้ง 6 แน่!”

 

“ผู้ใดเบื้อชีวิตก็ลองดู!”

 

ด้วยประการฉะนี้ คนกลุ่มใหญ่จึงยืนนิ่งกันเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีใครคิดทําอะไรโง่ๆแม้แต่น้อย

 

“เรียบร้อย”

 

ราวๆ 1 เค่อต่อมา ก็บังเกิดสายลมรุนแรงโหมกระหน่ำไปทั่วจัตุรัสสิ้นสุด จนชุดเสื้อผ้าทั้งผมเผ้าผู้คนนับพันโบกสะบัดวุ่นวายกันไปหมด ขณะเดียวกัน เสียงไร้แยแสของเผยหยวนจี๋ก็แว่วมาตามลมแรงดังกล่าว

 

เมื่อครู่เพราะถูกแรงกดดันของต้วนหลิงเทียนกับเหลียนชิว กอปรกับอยู่ในช่วงสถานการณ์ตึงเครียด จึงไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจแรง ทําให้บรรยากาศนั้นเงียบสงัดมาก

 

ตอนนี้ถึงเผยหยวนจี๋จะไม่ได้กล่าวคําเสียงดังมากมาย แต่ทุกคนที่ยืนรอชายขอบจัตุรัสสิ้นสิ้นสุดก็ได้ยินกันชัดถนัดหู

 

“หลังออกจากคุกหมื่นพันธนาการแล้ว พวกเจ้าก็แยกย้ายกันหลบหนีไปเสียไม่ว่าพวกเจ้าจะหนีรอดไปหรือไม่ ก็ล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตาของพวกเจ้า”

 

หลังข้ามผ่านจัตุรัสสิ้นสุดไปได้แล้ว เผยหยวนจี๋ก็หันกลับมามองกล่าวกับนักโทษแหกคุกนับพันด้านหลังเสียงเบา เหตุผลในการช่วยคนกลุ่มนี้หลบหนีออกมา ไม่มีอะไรมากกว่าสร้างความวุ่นวาย หมายให้พวกมันคอยดึงดูดความสนใจของคนวังเทียนฉือ

 

ถึงแม้ภายในคุกหมื่นพันธนาการจะไม่ตกอยู่ในอํานาจของค่ายกลเฝ้าระวังของวังเทียนฉือเพราะที่นี่มีค่ายกลและข่ายอาคมพิเศษเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ด้านนอกนั้นมีอาคมเฝ้าระวังและตรวจจับอยู่

 

ทันทีที่มีคนหลบหนีออกจากคุกหมื่นพันธนาการ ผู้หลบหนีจะถูกพบตัวทันที และข่าวเรื่องราวจะถูกส่งตรงถึงหูโหยวเฟิงอวี้จ้าววังเทียนฉือ จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ และจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกในพริบตา

 

และขอเพียงโหยวเชิงอวี้รู้ข่าว จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหมดของวังเทียนฉือก็จะล่วงรู้เช่นกัน

 

“ไป!”

 

ต่อมาต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆก็ข้ามผ่านจัตุรัสสิ้นสุด และมาถึงบริเวณทางออกคุกหมื่นพันธนาการ แน่นอนว่าต้องพบเจอกับผู้อาวุโสที่ทําหน้าที่เฝ้าระวังทางออกทันที และทั้งหมดก็ถูกจักรพรรดิอมตะกัมปนาท หม่าฉือ รวมถึงจักรพรรดิอมตะกวางขาว เคอไป๋ลู่ เข่นฆ่าในพริบตา

 

ภายใต้การลงมือที่คล้ายเก็บกดและอัดอั้นมานานของทั้งคู่ อาวุโสที่เฝ้าทางออกคุกหมื่นพันธนาการย่อมไม่มีแม้แต่โอกาสตอบโต้

 

“ออกไปกัน!”

 

หลังจากทุกคมารวมตัวกันหน้าทางออกแล้ว เผยหยวนจี๋ให้สัญญาณคําหนึ่ง ก็ประหนึ่งม้าถูกปล่อยออกจากคอก ต้วนหลิงเทียนกับเผยหยวนจี๋เองก็เหินพุ่งออกจากคุกหมื่นพันธนาการไปอย่างไม่รอช้า

 

ด้านนอกประตู ผู้อาวุโสที่ทําหน้าที่เฝ้าคุกหมื่นพันธนาการหลายคน ก็ไม่ได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้านในเลย เมื่อเห็นคนกรูกันออกมาราวคุกแตก พวกมันก็ได้แต่ยืนตกตะลึง ก่อนจะถูกฆ่าทิ้งไปในที่สุด

 

“ข้าหนีออกมาได้แล้ว!”

 

“ฮ่าๆๆๆ..นี่หรือคือกลิ่นของอิสระภาพ ช่างหอมหวานยิ่งนัก!”

 

“วังเทียนฉือ สักวันข้าจะกลับมาทําลายล้างพวกเจ้าให้ฉิบหาย!”

 

“รีบไปกันเร็ว!!”

 

หลังเหล่านักโทษที่ถูกกักขังในคุกหมื่นพันธนาการมานาได้ออกมาเห็นแสงตะวันอีกครั้งพวกมันก็ร่ำร้องกันออกมาอย่างอดไม่ไหว แน่นอนว่าหลังจากตะโกนวาจาปลอดโปร่งทั้งอาฆาตใดๆแล้ว แต่ละคนก็รู้ว่าไม่ควรอยู่นาน จึงแยกย้ายกันหลบหนีไปทั่วสารทิศปานผึ้งแตกรัง

 

ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนและคนในกลุ่มก็เร่งรุดออกจากหน้าประตูคุกวังเทียนฉือเช่นกัน

 

“หืม?”

 

หลังจากเห็นร่างห่างออกมาจากคุกหมื่นพันธนาการได้สักพัก ต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นร่างหญิงชราหนึ่งเหาะลัดฟ้ามาแต่ไกล มุ่งหน้าไปยังคุกหมื่นพันธนาการด้วยสีหน้ามีดดํา พอมองดูให้ชัดก็พบว่านางคือจักรพรรดิอมตะไร้ใจเหลยอิง

 

“ดูเหมือนจักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง ก็จะรับทราบการตายของลูกชายแล้ว

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

 

“พี่ใหญ่เผย อาวุโสเหลียนชิวและทุกท่าน พวกเราไปทางนั้นกัน”

 

เนื่องจากต้วนหลิงเทียนให้เผยหยวนจี๋นัดแนะกับจักรพรรดิอมตะคนอื่นๆเอาไว้แล้วก่อนที่จะออกมา เช่นนั้นตอนนี้กลุ่มเขาจึงวางแผนจะหลบหนีไปด้วยกันก่อน เพื่อไม่ให้ถูกอีกฝ่ายตามเก็บทีละคน

 

และทิศทางที่ต้วนหลิงเทียนชี้ไป ก็คือทิศทางที่เขานัดหมายกับ เมิ่งชวน จักรพรรดิอมตะหยกรุ้งแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ของจี้เมี่ยเทียนเอาไว้แต่แรก

 

“ผู้อาวุโสเมิ่งชวน”

 

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกําลังเร่งรุดไปยังงทิศทางดังกล่าวพร้อมกับพี่ใหญ่เผยและคนอื่นๆ ต้วนหลิงเทียนก็เร่งติดต่อไปหาเฟิงชวนทันที “ตอนนี้ข้าหลบหนีออกมาจากคุกหมื่นพันธนาการแล้ว! นอกจากข้ายังมีจักรพรรดิอมตะสมญานามของคุกหมื่นพันธนาการอีก 6 คนตามมาด้วย”

 

“เมื่อท่านมาสมทบกับพวกเรา เรื่องคิดจะหนีไปให้พันการตามล่าของวังเทียยนฉือ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรแล้ว!”

 

และเมื่อได้รับการติดต่อมาจากต้วนหลิงเทียน เมิ่งชวน ก็ไม่คิดจะรออยู่เฉยๆ ที่จุดนัดพบ แต่เลือกจะเห็นร่างมุ่งหน้าไปยังคุกหมื่นพันธนาการ หมายไปสมทบกับพวกต้วนหลิงเทียนให้เร็วที่สุด

 

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับเมิ่งชวนเข้าใกล้กันทุกขณะ จักรพรรดิอมตะไร้ใจเหลยอิงเองก็ได้แลเห็นสถานการณ์วุ่นวายของคุกหมื่นพันธนาการ และเห็นฉากนักโทษมากมายแยกย้ายกันหลบหนีเรียบร้อย

 

ยังผลให้แม้ต้วนหลิงเทียนจะปะปนอยู่ในกลุ่มคนหลบหนีด้วย นางก็ไม่ทันสังเกตเห็น

 

อย่างไรก็ตาม แม้นางจะไม่ทันเห็นต้วนหลิงเทียน แต่นางก็จดจําจักรพรรดิอมตะสมญานาม 2 ใน 6 ที่เห็นร่างไปพร้อมๆกับต้วนหลิงเทียนได้ เพราะเหลยอิงเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มคนที่กําราบทั้ง 2 นั่นด้วย

 

“จ้าววัง! ตอนนี้นักโทษในคุกหมื่นพันธนาการกําหลังหลบหนีออกมาเป็นจํานวนมาก ในบรรดาผู้ที่หลบหนีข้ายังเห็นจักรพรรดิอมตะขยี้เมฆากับจักรพรรดิอมตะผกาทอง! แถมในบรรดาคกลุ่มเดียวกับมันยังมีชายหนุ่มชุดขาวที่คาดว่าน่าจักเป็นเผยหยวนจี๋รวมอยู่ด้วย!!”

 

“นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องสงสัยอีก 3 คนที่ข้าเห็นเพียงหลังไวๆ แต่หากเดาไม่ผิด พวกมันสมควรเป็นนักโทษอีก 3 คนที่อยู่ในเรือนจําชั้นที่ 3 จักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬ จักรพรรดิอมตะกวางขาว และจักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท!”

 

เหลยอิงรีบร้อนส่งข้อความแจ้งไปถึงจ้าววังเทียนฉือเป็นการด่วน น้ำเสียงของนางฟังดูร้อนรนไม่น้อย

 

ขณะเดียวกันเหลยอิงก็ไม่รอช้าเร่งส่งข้อความทํานองเดียวกันไปถึงจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 7 คนที่เหลือทันที และขอให้ทุกคนรับมาตามมาคุมสถานการณ์ที่คุกหมื่นพันธนาการโดยเร็วที่สุด ส่วนนางก็เร่งรุดเห็นร่างติดตามกลุ่มจักกรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ไปห่างๆ

 

แน่นอนว่าในระหว่างทางนางยังจัดการนักโทษที่หลบหนีออกจากคุกหมื่นพันธนาการด้วยและทั้งหมดเป็นการฆ่าไม่ละเว้น!

 

คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนโชคร้ายที่ดันเลือกจะหลบหนีไปในทิศทางเดียวกับพวกต้วนหลิงเทียน แน่นอนว่าความเร็วของพวกมันช้ากว่ามาก เมื่อเจอเข้ากับจักรพรรดิอมตะไร้ใจเหลยอิงที่เข่นฆ่าไล่หลังมา จึงทําได้แค่ตกตายอย่างไร้หนทางต่อต้าน

 

“เมื่อครู่ข้าพึ่งได้รับแจ้งจากสัญญาณเตือนค่ายกลตรวจจับรวมถึงอาวุโสหน่วยลาดตระเวนหลายคนที่จับตาดูความเคลื่อนไหวนอกคุกหมื่นพันธนาการแล้ว”

 

จ้าววังเทียนฉือส่งข้อความตอบกลับถึงเหลยอิงเร็วไว แม้น้ำเสียงจะฟังดูสงบ แต่เหลยอิงย่อมสัมผัสได้ถึงโทสะอารมณ์ที่คุกรุ่นปานภูเขาไฟระอุใกล้ปะทุเต็มที

 

ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!

 

หลังจากนั้นไม่นานนักก็มีร่าง 8 ร่างเร่งรุดเหินมาจากทุกทิศทาง ติดตามมาสมทบกับเหลยอิง

 

ผู้ที่มาถึงก่อนใครก็คือจ้าววังเทียนฉือ จักรพรรดิอมตะพินิจเอกอุ โหยวเฟิงอวี้ !

 

แน่นอนว่าในบรรดาคนทั้ง 8 ก็มีจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่างมาด้วย

 

นอกจากฉือหล่าง ก็มีจักรพรรดิอมตะมังกรบกู้ฉางเจียง จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ จักรพรรดิอมตะคลื่นหมอกก็มาด้วย

 

นอกจากที่กล่าวมาแล้วก็ยังมีอีก 3 คน

 

เป็นสตรี 2 ชายหนึ่ง

 

สตรีหนึ่งในนั้นมาในชุดสีดํา เส้นผมดําขลับทอดยาวไปยังด้านหลังปานม่านน้ำตก ใบหน้าแลดูอ่อนวัยราวดรุณีน้อยแรกรุ่นของนาง ยามนี้เต็มไปด้วยความเย็นชา ดวงตาก็ทอประกายดุร้ายนัก!

 

นางก็คือจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกแห่งวังเทียนฉือ ชื่อเสียงอยู่ในระดับเดียวกับจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ เรียกว่าเป็น 1 ใน 2 จักรพรรดิอมตะสมญานามที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากจ้าววังเทียนฉือ!

 

จักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกคนนี้ยังเป็นอาจารย์ของ หลิวไป๋เฟิ่ง 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉืออีกด้วย

 

สตรีอีกคนนั้นมาในชุดคุมยาวสีเขียวอ่อน ในอ้อมแขนกอดฉันเอาไว้ รูปร่างหน้าตาไม่เว้นท์วงท่า แลดูสง่างามทุกอิริยาบถ แม้ยามเร่งรุดเห็นร่างแหวกฝ่าสายลม ก็ยังแลดูสูงส่งเลอค่าชวนมองราวสตรีสูงศักดิ์

 

และนางก็คือจักรพรรดิอมตะเมฆดุริยะ อวี๋ชิวหราน

 

ส่วนชายคนสุดท้ายมีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมเพรียว หน้าตาแลดูธรรมดา หากแต่ดวงตาของมันกลับทอประกายดุร้ายคล้ายหมาป่าตลอดเวลา

 

จักรพรรดิอมตะหอนฟ้า หยางเซี่ยวเทียน!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+