War sovereign Soaring The Heavens 3348

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3348 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3,348 : อเวจี!

 

ถึงแม้ฮ่วนเอ๋อจะไม่ได้ไปช่วยเหลียนชิวกับตู้เสวียพร้อมกับต้วนหลิงเทียน แต่ในใจนางก็รู้สึกกดดันทั้งเป็นกังวลนัก

 

กระทั่งนางยังนําลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียนออกมามองจ้องไว้ไม่วางตา ราวกับทันทีที่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับต้วนหลิงเทียนเพราะไปช่วยเหลือบิดามารดาของนางล่ะก็นางจะตายตามอีก ฝ่ายไปทันที และนี่เป็นคํามั่นที่นางกล่าวออกมา ตอนต้วนหลิงเทียนทิ้งนางไว้ในระนาบโลกียะ

 

ยังเป็นขีดจํากัดล่างของนาง

 

พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกลับมาอย่างปลอดภัย ฮ่วนเอ๋อย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา กระทั่งถึงกับลืมเลือนบิดาบังเกิดเกล้าอย่างเหลียนชิวไปชั่วขณะ

 

เหลียนชิวที่ยืนอึ้งตาปริบๆอยู่ข้างๆ ก็ได้แต่มองสตรีที่สวมกอดต้วนหลิงเทียนไม่วางตาสีหน้า ของมันตอนนี้เต็มไปด้วยความโล่งใจเป็นที่สุด

 

“เสวียนเอ้อ เจ้าเห็นแล้วหรือไม่?”

 

ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่บัดนี้จิ้งจอกขาวราวหิมะได้อยู่ในอ้อมแขนเหลียนชิวอีกครั้ง บาดแผลทั่วร่างก็เริ่มสมานตัวไปบางส่วนแล้ว

 

กระทั่งยังลืมตาคู่งามดั่งมณีแก้วขึ้นมาแล้วด้วย

 

และพอเห็นฮ่วนเอ๋อกอดชายหนุ่มชุดม่วงไม่ไกล ดวงตาคู่งงามดั่งแก้วมณีดังกล่าวก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นถึงขีดสุด

 

คล้ายจะสังเกตได้ถึงสายตาที่มองมาของจิ้งจอกมายาสีขาวราวหิมะ ฮ่วนเอ๋อพลันผละออกจากอ้อมกอดต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็วูบร่างมาหยุดเบื้องหน้าเหลียนชิว พลางพยักหน้าให้เหลียนชิวเบาๆ แต่ต้นจนจบไม่ได้เรียกหาอีกฝ่ายว่า พ่อ ออกมาสักครั้ง

 

สายตาขอนางเพียงจดจ้องไปยังจิ้งจอกมายาสีขาวในอ้อมแขนเหลียนชิวไม่วางตา

 

“ฮ่วนเอ๋อ…เป็นเจ้าหรือ?”

 

ดั่งมีเสียงระเบิดดังสะท้านในหูของฮ่วนเอ๋อ น้ำเสียงนี้สําหรับนางแล้วไม่ต่างอะไรกับเสียงที่นางสลักไว้ในความทรงจําอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นเสียงที่นางไม่ได้ยินมา 200 กว่าปีแล้ว

 

“ท่านแม่ ข้าเอง”

 

ฮ่วนเอ๋อกล่าวตอบด้วยเสียงสะอื้นไห้ ขณะเดียวกันชุดคลุมสีขาวพิสุทธิ์ราวเทพธิดาของนางก็เริ่มโบกสะบัดแม้ไร้ลม จากนั้นเบื้องหลังก็ปรากฏเงาร่างจิ้งจอกขาวตัวเขื่องขึ้น ลักษณะของมันช่างแลดูสูงส่งและศักดิ์สิทธิ์นัก!

 

และทันทีที่เงาร่างจิ้งจอกสีขาวปรากฏขึ้น ไม่ว่าจะจี้หนิงอวิ๋น เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจิน ก็สัมผัสได้ถึงพลังสะกดข่มทางสายเลือดประการหนึ่ง! ราวกับจิตวิญญาณของพวกมันบังเกิดความยําเกรงขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม!!

 

ความรู้สึกดังกล่าว บ่งบอกให้รู้ว่าเงาร่างจิ้งจอกขาวที่ปรากฏขึ้นนั้น มีสายเลือดที่สูงส่งและบริสุทธิ์เหนือกว่าพวกมัน!

 

กล่าวอีกอย่างได้ว่า อีกฝ่ายไม่ใช่สัตว์อมตะอีกต่อไป

 

เนื่องเพราะทั้ง 4 ก็เป็นสัตว์อมตะที่นับว่ามีสายเลือดสูงส่งและยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาสัตว์อมตะทั้งปวงแล้ว

 

“นี่มัน…”

 

ลูกตาจี้หนิงอวิ๋นหดเล็กลงทันใด หลังเงียบไปอยู่นานเพราะได้เห็นเงาร่างจิ้งจอกขาวด้านหลังฮ่วนเอ๋อ สุดท้ายก็โพล่งออกมาด้วยความตกใจว่า “จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา!”

 

“จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา?”

 

ได้ยินสิ่งที่จี้หนิงอวิ๋นโพ่งออกมา ไม่ว่าจะเสี่ยวเฮย เสียวไป๋หรือเสี่ยวจิน ก็กลับมารู้สึกตัว มองไปยังฮ่วนเอ๋ออีกครั้ง ในแววตายังฉายชัดถึงความตกใจครั้งใหญ่

 

และในเวลาเดียวกัน พวกมันก็เข้าใจได้ทันทีว่าไฉนเงาร่างของฮ่วนเอ๋อ ถึงทําให้พวกมันถึงรู้สึกได้ถึงแรงกดดันทางสายเลือดนัก!

 

ที่แท้นี่ก็คือจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา!

 

ไม่ว่าจะในเผ่ามังกร หรือหุบจันทร์โลหิตแห่งว่านโช่วเทียน ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นขุมกําลังที่สืบทอดมรดกต่อๆกันมายาวนานที่สุดในว่านโชวเทียน พวกมันมีมรดกที่ลึกซึ้งทั้งรากฐานมั่นคง ไม่ใช่อะไรที่ขุมกําลังระดับสวรรค์อย่างวังเทียนฉือของอู๋หยาเทียน หรือขุนเขากระบี่ฟ้าแห่งจี้เมี่ยเทียนจะเทียบได้แม้ปลายเล็บ!

 

ด้วยเหตุนี้ ปกติแล้วคนของเผ่ามังกรกับหุบจันทร์โลหิต จึงได้รับมรดกความทรงจําที่สืบทอดต่อกันมาเนิ่นนาน ทําให้รู้เรื่องสัตว์อสูรไม่น้อย ยังล่วงเวลาที่จะปรากฏตัวคร่าวๆ

 

ในบรรดาสัตว์อสูรที่ว่า ก็รวมถึงสัตว์เทพที่เคยปรากฏตัวขึ้นในระนาบเทวโลกด้วย

 

ยกตัวอย่างเช่น ในเผ่ามังกรของมัน ก็มักจะปรากฏมังกรเทพดา 10 กรงเล็บขึ้นมาทุกๆแสนปี

 

และยอดฝีมือของเผ่ามังกรที่ออกไปสร้างขุมกําลังของตัวเอง จนกลายเป็นจักรพรรดิ สวรรค์ของระนาบเทวโลกแห่งหนึ่ง ร่างที่แท้จริงของมันก็คือมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บเช่นกัน

 

และมันยังเป็นมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บที่ปรากฏตัวขึ้นมาเพียงหนึ่งเดียวในรอบ 100,000 ปี ที่ผ่านของเผ่ามังกร

 

ในหุบจันทร์โลหิตเองก็มีสัตว์เทพปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน

 

ทว่าแตกต่างจากเผ่ามังกรที่จะปรากฏสัตว์เทพอย่างมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บขึ้นทุกๆ 100,000 ปี ในหุบจันทร์โลหิตนั้นสัตว์เทพจะปรากฏขึ้นหรือไม่ก็สุดแล้วแต่โชควาสนาล้วนๆ

 

บางครั้งก็กินเวลาหลายล้านปี บางทีไม่กี่ร้อยพันปีก็ปรากฏ

 

กระทั่งสถิติที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของหุบจันทร์โลหิตที่บันทึกไว้ในอดีต ก็มีสัตว์เทพปรากฏตัวขึ้นติดๆกันถึง 2 ในเวลาไม่ถึงหมื่นปี

 

ในประวัติศาสตร์ของหุบจันทร์โลหิตนั้น สัตว์เทพที่ทรงพลังและมีชื่อเสียงที่สุดก็คือ หนูเทพสังหาร 9 สันโดษ และจ้าวหีบจันทร์โลหิตคนปัจจุบันก็คือทายาทองหนูเทพสังหาร 9 สันโดษที่ว่า

 

ในหุบจันทร์โลหิตเอง ก็มียอดฝีมือมากมายที่เป็นสัตว์อมตะประเภทหนู

 

ไม่ว่าจะจ้าวหุบจันทร์โลหิต หรืออาวุโสใหญ่ของหุบจันทร์โลหิต ก็เป็นสัตว์อมตะสายพันธุ์หนูทั้งสิ้น

 

ด้วยเหตุนี้เอง เสี่ยวจินที่ได้พบเจอบ่อโลหิตสืบทอดของหุบจันทร์โลหิต จึงบังเกิดการวิวัฒนาการที่ไม่ธรรมดา กลับกลายเป็นสัตว์อมตะสายพันธุ์หนูระดับสุดยอด ทําให้นางได้รับการดูแลจากหุบจันทร์โลหิตอย่างดี

 

อาวุโสใหญ่แห่งหุบจันทร์โลหิต ถึงกับประกาศรับนางเป็นบุตรบุญธรรม ให้ความสําคัญกับนางไม่ต่างอะไรกับลูกหลานแท้ๆ

 

“จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาสัตว์เทพที่จักปรากฏขึ้นในรอบหลายล้านปีของเผ่าพันธุ์จิ้งจอกมาย….ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าในช่วงชีวิตของข้าจะได้พบเห็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาต่อหน้าต่อตาแบบนี้”

 

จี้หนิงอวิ๋นกล่าวอย่างทอดถอนใจ

 

ทันใดนั้น สายตานางก็วกกลับไปจับจ้องมองเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ด้วยความวาดหวัง อดพึมพําในใจไม่ได้ “ในประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลก มังกรเทพยดา 10 กรงเล็บมักปรากฏตัวทุกรอบแสนปี แต่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาไม่แน่ว่าจะปรากฏตัวออกมาในรอบหลายล้านปีเสมอไป”

 

“อย่างไรก็ตามหากหัวงเวลาคาบเกี่ยวในการปรากฏมาบรรจบกัน ถ้าจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาพลันปรากฏตัวขึ้นในรอบหลายล้านปี ในยุคสมัยนั้นก็จักปรากฏมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บขึ้นมาด้วยเสมอ”

 

“ดูเหมือนคงอีกไม่นานแล้ว ที่เผ่ามังกรของเราจักปรากฏมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บขึ้น”

 

“เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋เป็นผู้ที่มีความเป็นไปได้สูงสุดในรุ่นนี้…ไม่ทราบที่แท้จะเป็นผู้ใด”

 

ในใจจี้หนิงอวิ๋นเต็มไปด้วยความคาดหวังนัก

 

ระดับสูงของเผ่ามังกรได้จัดประชุมและหารือกันมากกว่าหนึ่งครั้ง และหลายคนก็รู้สึกว่ามังกรเทพยดา 9 กรงเล็บในเผ่าที่มีโอกาสวิวัฒนาการเป็นมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บสูงสุด ก็เป็นเสี่ยวเฮยหรือเสี่ยวไป๋

 

กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นทั้งคู่เลยด้วยซ้ำ!

 

“ฮ่วนเอ๋อใช่หรือไม่ เจ้าถอยไปก่อน ให้ข้าช่วยรักษามารดาเจ้าเถอะ” จี้หนิงอวิ๋นคลี่ยิ้มบางๆ จากนั้นก็เดินมาหยุดข้างๆฮ่วนเอ๋อพลางกล่าว

 

ด้านฮ่วนเอ๋อหลังได้ยินคําพูดของจี้หนิงอวิ๋น นางก็หันไปมองด้วนหลิงเทียนก่อนใดอื่น จนเมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนพยักหน้า นางจึงค่อยพยักหน้าให้จี้หนิงอวิ๋นและหลีกทางให้

 

“พวกเจ้านับว่ามีบุตรอันประเสริฐนัก”

 

จี้หนิงอวิ๋นพยักหน้าให้เหลียนชิวกับจิ้งจอกขาวในวงแขน และในขณะที่ลูกตานางหดแคบลง แสงพลังสีขาวราวพลังศักดิ์สิทธิ์ก็เรื่องสว่างขึ้นมาทั่วร่างปานแสงทิพย์ จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นมาช้าๆก่อนจะแผ่แสงพลังไปปกคลุมร่างจิ้งจอกขาวในวงแขนเหลียนชิวทันที

 

พริบตาต่อมา เมื่อแสงสว่างปกคลุมไปทั่วร่างจิ้งจอกมายา บาดแผลตามตัวก็ค่อยๆฟื้นฟูด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า!

 

“ได้ยินมานานแล้วว่ากฏแห่งแสงมีพลังอํานาจฟื้นฟูรักษาเลิศล้ำพอๆกับกฏแห่งไม้..ได้เห็นกับตาวันนี้นับว่าสมคําร่ำลือจริงๆ”

 

ชมดูฉากเรื่องราวปานอภินิหารเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนอดทอดถอนในใจไม่ได้

 

เพียงเวลา 2 เค่อ จี้หนิงอวิ๋นก็รักษาอาการบาดเจ็บตามตัวจิ้งจอกขาวได้หายหมดจด กระทั่งบาดแผลและอาการบอบช้ําภายในก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง

 

เมื่อจี้หนิงอวิ๋นลดมือลง หน้าผากของนางก็ปรากฏเหงื่อเม็ดเขื่องเต็มไปหมด ทว่าไม่ทันไรนางก็ใช้พลังระเหยหายไปสิ้น

 

วู้มมม!

 

ทันใดนั้นเองร่างจิ้งจอกขาวในวงแขนเหลียนชิวก็ส่องแสงจ้า จากนั้นก็ไม่มีจิ้งจอกขาวอีกต่อไปกลับกลายเป็นสตริงดงามนางหนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าเหลียนชิวแทน

 

“ขอบคุณอาวุโส 4”

 

สตรีนางนี้ก็คือตู้เสวียน มารดาของฮ่วนเอ๋อนั่นเอง สิ่งแรกที่ทําหลังปรากฏตัวก็คือการขอบคุณจี้หนิงอวิ๋น

 

ถึงแม้นางจะถูกทรมานจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เต็มที่นางก็แค่ไม่อาจสื่อสารกับโลกภายนอกได้ ทว่าจิตใต้สํานึกของนาง ก็ยังรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายนอกได้อยู่

 

กระทั่งช่วงที่อยู่ในโลกใบเล็กภายในกายเหลียนชิวผู้เป็นสามี นางก็ล่วงรู้ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้านนอก

 

“อือ”

 

จี้หนิงอวิ๋นพยักหน้าให้ตู้เสวียน

 

“ท่านแม่”

 

เมื่อเห็นตู้เสวียนกลับมาอยู่ในรูปลักษณ์มนุษย์ และยังมีรูปลักษณ์เหมือนตอนที่จากไปในปีนั้น ฮ่วนเอ๋อย่อมตื่นเต้นยินดีเป็นที่สุด เร่งโผเข้าไปกอดตู้เสียนทันที

 

“ฮ่วนเอ๋อ ไม่ทันไรเจ้าก็โตขนาดนี้แล้วแม่มีความสุขยิ่ง มีความสุขยิ่ง”

 

“ตอนแม่จากไป แม่กลัวใจเหลือเกินว่าจักเกิดเรื่องร้ายๆอันใดกับเจ้าหรือไม่ แต่แม่ไม่อาจไม่ไป เพราะแม่กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าพ่อของเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”

 

“แม่เห็นแก่ตัวเช่นนี้ ฮ่วนเอ๋อไม่โทษแม่ได้หรือไม่”

 

เมื่อเห็นว่า 3 คนครอบครัวของฮ่วนเอ๋อได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนกับจี้หนิงอวิ๋นก็หันมามองสบตากันเล็กน้อย จากนั้นก็ชวนพวกเสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจินจากไป ปล่อยให้ครอบครัวทั้ง 3 ได้มีเวลาส่วนตัว

 

“ ต้วนหลิงเทียน หลังจากนี้เจ้าคิดจะทําอย่างไรต่อไป ใช่มีแผนแล้วหรือไม่?”

 

จี้หนิงอวิ๋นเอ่ถามต้วนหลิงเทียน

 

“ยังไม่”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา จากนั้นสองตาก็ฉายประกายเรื่องขึ้นวาบหนึ่ง “อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ข้าจะหาวิธียกระดับพลังฝึกปรือ และทะลวงให้ถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะโดยเร็วที่สุด!”

 

มีเพียงบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะเท่านั้น ต้วนหลิงเทียนถึงจะเปิดประตูสู่การหลอมรวมความลึกซึ้งแห่งกฏได้

 

หาไม่แล้วต่อให้พลังของผลึกสํานึกผู้แข็งแกร่งที่สุดจะทรงพลังฝืนลิขิต แต่ด้วยด่านพลังฝึกปรือไม่ถึงขั้น ก็ไม่มีทางที่มันจะช่วยให้เขาเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏได้เลย

 

“หากเจ้ายังไม่มีแผนใดๆ ไม่สู้ไปเผ่ามังกรของพวกเราที่ว่านโชวเทียนเล่า?”

 

จี้หนิงอวิ๋นกล่าวชวนด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ขณะเดียวกันก็เหลือบไปมองเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ข้างๆ “ข้าคิดว่าเด็กน้อยทั้ง 2 ก็ไม่พ้นหวังให้เจ้ากลับไปยังเผ่ามังกรพร้อมกับพวกเรา”

 

แทบจะทันทีที่เสียงจี้หนิงอวิ๋นดังจบคํา จะเสี่ยวเฮยหรือเสี่ยวไป๋ก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาคาดหวังอย่างแรงกล้า

 

ก็เป็นอย่างที่จี้หนิงอวิ๋นพูดมาไม่มีผิด

 

หากเป็นไปได้ พวกมันก็หวังให้พี่ใหญ่หลิงเทียนจะติดตามพวกมันกับไปยังเผ่ามังกร

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียน กลับไปกับพวกเราเถอะ..พวกเราจะได้ฝึกปรือด้วยกัน หลังจากนี้อีก 700 ปี รอให้ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างระนาบเทวโลกและระนาบเทพเปิดออกเมื่อใด พวกเราจักได้ไปช่วยพี่สาวเค่อเอ๋อ กับพี่สาวเฟยเอ๋อด้วยกัน”

 

เสียวไป๋กล่าวโน้มน้ามตัวนหลิงเทียน

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียน หากท่านไม่อยากไปเผ่ามังกร ท่านไปอยู่หุบจันทร์โลหิตกับข้าก็ได้นะ…หุบจันทร์โลหิตของข้าก็ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าเผ่ามังกรเลย”

 

เสี่ยวจินก็ชักชวนออกมาด้วยรอยยิ้มคาดหวัง

 

“ผู้อาวุโสจี้ ข้าเข้าใจในความหวังดีของท่านอย่างไรก็ตาม หลังจากได้คิด ตอนนี้ข้าว่าข้ามแผนแล้วว่าจะทําอย่างไรต่อไป”

 

คําพูดของต้วนหลิงเทียน ก็เป็นการปฏิเสธคําชวนของจี้หนิงอวิ๋นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

 

“แล้วเจ้ามีแผนอย่างไรเล่า?”

 

จี้หนิงอวิ๋นอยากรู้ไม่น้อย เพราะยังมีที่ใดดีกว่าเผ่ามังกรของนางอีก? รู้หรือไม่ว่ามีผู้คนกี่คนต่อกี่คนที่อยากเข้าร่วมเผ่ามังกรของพวกนางใจจะขาด?

 

แต่ชายหนุ่มเบื้องหน้าแลแล้วไม่คล้ายอยากจะเข้าร่วมเผ่ามังกรแม้แต่น้อย

 

อย่างไรก็ตาม นางก็พอจะเข้าใจได้ เพราะถึงแม้ชายหนุ่มเบื้องหน้าจะยังเยาว์ แต่กลับมีพลังแข็งแกร่งเหนือกว่าเสียวเฮยกับเสี่ยวไป๋ที่ได้รับการสนับสนุนจากเผ่ามังกรเสียอีก

 

อีกฝ่ายมีความมั่นใจ ก็ไม่แปลก

 

นอกจากนี้อีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นผู้สืบทอดของฟงชิงหยาง แห่งจี้เมี่ยเทียน!

 

“อเวจี!”

 

ขณะกล่าววาจาไม่กี่พยางค์นี้ สองตาต้วนหลิงเทียนพลันทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3348

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3348 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3,348 : อเวจี!

 

ถึงแม้ฮ่วนเอ๋อจะไม่ได้ไปช่วยเหลียนชิวกับตู้เสวียพร้อมกับต้วนหลิงเทียน แต่ในใจนางก็รู้สึกกดดันทั้งเป็นกังวลนัก

 

กระทั่งนางยังนําลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียนออกมามองจ้องไว้ไม่วางตา ราวกับทันทีที่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับต้วนหลิงเทียนเพราะไปช่วยเหลือบิดามารดาของนางล่ะก็นางจะตายตามอีก ฝ่ายไปทันที และนี่เป็นคํามั่นที่นางกล่าวออกมา ตอนต้วนหลิงเทียนทิ้งนางไว้ในระนาบโลกียะ

 

ยังเป็นขีดจํากัดล่างของนาง

 

พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกลับมาอย่างปลอดภัย ฮ่วนเอ๋อย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา กระทั่งถึงกับลืมเลือนบิดาบังเกิดเกล้าอย่างเหลียนชิวไปชั่วขณะ

 

เหลียนชิวที่ยืนอึ้งตาปริบๆอยู่ข้างๆ ก็ได้แต่มองสตรีที่สวมกอดต้วนหลิงเทียนไม่วางตาสีหน้า ของมันตอนนี้เต็มไปด้วยความโล่งใจเป็นที่สุด

 

“เสวียนเอ้อ เจ้าเห็นแล้วหรือไม่?”

 

ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่บัดนี้จิ้งจอกขาวราวหิมะได้อยู่ในอ้อมแขนเหลียนชิวอีกครั้ง บาดแผลทั่วร่างก็เริ่มสมานตัวไปบางส่วนแล้ว

 

กระทั่งยังลืมตาคู่งามดั่งมณีแก้วขึ้นมาแล้วด้วย

 

และพอเห็นฮ่วนเอ๋อกอดชายหนุ่มชุดม่วงไม่ไกล ดวงตาคู่งงามดั่งแก้วมณีดังกล่าวก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นถึงขีดสุด

 

คล้ายจะสังเกตได้ถึงสายตาที่มองมาของจิ้งจอกมายาสีขาวราวหิมะ ฮ่วนเอ๋อพลันผละออกจากอ้อมกอดต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็วูบร่างมาหยุดเบื้องหน้าเหลียนชิว พลางพยักหน้าให้เหลียนชิวเบาๆ แต่ต้นจนจบไม่ได้เรียกหาอีกฝ่ายว่า พ่อ ออกมาสักครั้ง

 

สายตาขอนางเพียงจดจ้องไปยังจิ้งจอกมายาสีขาวในอ้อมแขนเหลียนชิวไม่วางตา

 

“ฮ่วนเอ๋อ…เป็นเจ้าหรือ?”

 

ดั่งมีเสียงระเบิดดังสะท้านในหูของฮ่วนเอ๋อ น้ำเสียงนี้สําหรับนางแล้วไม่ต่างอะไรกับเสียงที่นางสลักไว้ในความทรงจําอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นเสียงที่นางไม่ได้ยินมา 200 กว่าปีแล้ว

 

“ท่านแม่ ข้าเอง”

 

ฮ่วนเอ๋อกล่าวตอบด้วยเสียงสะอื้นไห้ ขณะเดียวกันชุดคลุมสีขาวพิสุทธิ์ราวเทพธิดาของนางก็เริ่มโบกสะบัดแม้ไร้ลม จากนั้นเบื้องหลังก็ปรากฏเงาร่างจิ้งจอกขาวตัวเขื่องขึ้น ลักษณะของมันช่างแลดูสูงส่งและศักดิ์สิทธิ์นัก!

 

และทันทีที่เงาร่างจิ้งจอกสีขาวปรากฏขึ้น ไม่ว่าจะจี้หนิงอวิ๋น เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจิน ก็สัมผัสได้ถึงพลังสะกดข่มทางสายเลือดประการหนึ่ง! ราวกับจิตวิญญาณของพวกมันบังเกิดความยําเกรงขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม!!

 

ความรู้สึกดังกล่าว บ่งบอกให้รู้ว่าเงาร่างจิ้งจอกขาวที่ปรากฏขึ้นนั้น มีสายเลือดที่สูงส่งและบริสุทธิ์เหนือกว่าพวกมัน!

 

กล่าวอีกอย่างได้ว่า อีกฝ่ายไม่ใช่สัตว์อมตะอีกต่อไป

 

เนื่องเพราะทั้ง 4 ก็เป็นสัตว์อมตะที่นับว่ามีสายเลือดสูงส่งและยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาสัตว์อมตะทั้งปวงแล้ว

 

“นี่มัน…”

 

ลูกตาจี้หนิงอวิ๋นหดเล็กลงทันใด หลังเงียบไปอยู่นานเพราะได้เห็นเงาร่างจิ้งจอกขาวด้านหลังฮ่วนเอ๋อ สุดท้ายก็โพล่งออกมาด้วยความตกใจว่า “จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา!”

 

“จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา?”

 

ได้ยินสิ่งที่จี้หนิงอวิ๋นโพ่งออกมา ไม่ว่าจะเสี่ยวเฮย เสียวไป๋หรือเสี่ยวจิน ก็กลับมารู้สึกตัว มองไปยังฮ่วนเอ๋ออีกครั้ง ในแววตายังฉายชัดถึงความตกใจครั้งใหญ่

 

และในเวลาเดียวกัน พวกมันก็เข้าใจได้ทันทีว่าไฉนเงาร่างของฮ่วนเอ๋อ ถึงทําให้พวกมันถึงรู้สึกได้ถึงแรงกดดันทางสายเลือดนัก!

 

ที่แท้นี่ก็คือจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา!

 

ไม่ว่าจะในเผ่ามังกร หรือหุบจันทร์โลหิตแห่งว่านโช่วเทียน ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นขุมกําลังที่สืบทอดมรดกต่อๆกันมายาวนานที่สุดในว่านโชวเทียน พวกมันมีมรดกที่ลึกซึ้งทั้งรากฐานมั่นคง ไม่ใช่อะไรที่ขุมกําลังระดับสวรรค์อย่างวังเทียนฉือของอู๋หยาเทียน หรือขุนเขากระบี่ฟ้าแห่งจี้เมี่ยเทียนจะเทียบได้แม้ปลายเล็บ!

 

ด้วยเหตุนี้ ปกติแล้วคนของเผ่ามังกรกับหุบจันทร์โลหิต จึงได้รับมรดกความทรงจําที่สืบทอดต่อกันมาเนิ่นนาน ทําให้รู้เรื่องสัตว์อสูรไม่น้อย ยังล่วงเวลาที่จะปรากฏตัวคร่าวๆ

 

ในบรรดาสัตว์อสูรที่ว่า ก็รวมถึงสัตว์เทพที่เคยปรากฏตัวขึ้นในระนาบเทวโลกด้วย

 

ยกตัวอย่างเช่น ในเผ่ามังกรของมัน ก็มักจะปรากฏมังกรเทพดา 10 กรงเล็บขึ้นมาทุกๆแสนปี

 

และยอดฝีมือของเผ่ามังกรที่ออกไปสร้างขุมกําลังของตัวเอง จนกลายเป็นจักรพรรดิ สวรรค์ของระนาบเทวโลกแห่งหนึ่ง ร่างที่แท้จริงของมันก็คือมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บเช่นกัน

 

และมันยังเป็นมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บที่ปรากฏตัวขึ้นมาเพียงหนึ่งเดียวในรอบ 100,000 ปี ที่ผ่านของเผ่ามังกร

 

ในหุบจันทร์โลหิตเองก็มีสัตว์เทพปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน

 

ทว่าแตกต่างจากเผ่ามังกรที่จะปรากฏสัตว์เทพอย่างมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บขึ้นทุกๆ 100,000 ปี ในหุบจันทร์โลหิตนั้นสัตว์เทพจะปรากฏขึ้นหรือไม่ก็สุดแล้วแต่โชควาสนาล้วนๆ

 

บางครั้งก็กินเวลาหลายล้านปี บางทีไม่กี่ร้อยพันปีก็ปรากฏ

 

กระทั่งสถิติที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของหุบจันทร์โลหิตที่บันทึกไว้ในอดีต ก็มีสัตว์เทพปรากฏตัวขึ้นติดๆกันถึง 2 ในเวลาไม่ถึงหมื่นปี

 

ในประวัติศาสตร์ของหุบจันทร์โลหิตนั้น สัตว์เทพที่ทรงพลังและมีชื่อเสียงที่สุดก็คือ หนูเทพสังหาร 9 สันโดษ และจ้าวหีบจันทร์โลหิตคนปัจจุบันก็คือทายาทองหนูเทพสังหาร 9 สันโดษที่ว่า

 

ในหุบจันทร์โลหิตเอง ก็มียอดฝีมือมากมายที่เป็นสัตว์อมตะประเภทหนู

 

ไม่ว่าจะจ้าวหุบจันทร์โลหิต หรืออาวุโสใหญ่ของหุบจันทร์โลหิต ก็เป็นสัตว์อมตะสายพันธุ์หนูทั้งสิ้น

 

ด้วยเหตุนี้เอง เสี่ยวจินที่ได้พบเจอบ่อโลหิตสืบทอดของหุบจันทร์โลหิต จึงบังเกิดการวิวัฒนาการที่ไม่ธรรมดา กลับกลายเป็นสัตว์อมตะสายพันธุ์หนูระดับสุดยอด ทําให้นางได้รับการดูแลจากหุบจันทร์โลหิตอย่างดี

 

อาวุโสใหญ่แห่งหุบจันทร์โลหิต ถึงกับประกาศรับนางเป็นบุตรบุญธรรม ให้ความสําคัญกับนางไม่ต่างอะไรกับลูกหลานแท้ๆ

 

“จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาสัตว์เทพที่จักปรากฏขึ้นในรอบหลายล้านปีของเผ่าพันธุ์จิ้งจอกมาย….ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าในช่วงชีวิตของข้าจะได้พบเห็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาต่อหน้าต่อตาแบบนี้”

 

จี้หนิงอวิ๋นกล่าวอย่างทอดถอนใจ

 

ทันใดนั้น สายตานางก็วกกลับไปจับจ้องมองเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ด้วยความวาดหวัง อดพึมพําในใจไม่ได้ “ในประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลก มังกรเทพยดา 10 กรงเล็บมักปรากฏตัวทุกรอบแสนปี แต่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาไม่แน่ว่าจะปรากฏตัวออกมาในรอบหลายล้านปีเสมอไป”

 

“อย่างไรก็ตามหากหัวงเวลาคาบเกี่ยวในการปรากฏมาบรรจบกัน ถ้าจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาพลันปรากฏตัวขึ้นในรอบหลายล้านปี ในยุคสมัยนั้นก็จักปรากฏมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บขึ้นมาด้วยเสมอ”

 

“ดูเหมือนคงอีกไม่นานแล้ว ที่เผ่ามังกรของเราจักปรากฏมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บขึ้น”

 

“เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋เป็นผู้ที่มีความเป็นไปได้สูงสุดในรุ่นนี้…ไม่ทราบที่แท้จะเป็นผู้ใด”

 

ในใจจี้หนิงอวิ๋นเต็มไปด้วยความคาดหวังนัก

 

ระดับสูงของเผ่ามังกรได้จัดประชุมและหารือกันมากกว่าหนึ่งครั้ง และหลายคนก็รู้สึกว่ามังกรเทพยดา 9 กรงเล็บในเผ่าที่มีโอกาสวิวัฒนาการเป็นมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บสูงสุด ก็เป็นเสี่ยวเฮยหรือเสี่ยวไป๋

 

กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นทั้งคู่เลยด้วยซ้ำ!

 

“ฮ่วนเอ๋อใช่หรือไม่ เจ้าถอยไปก่อน ให้ข้าช่วยรักษามารดาเจ้าเถอะ” จี้หนิงอวิ๋นคลี่ยิ้มบางๆ จากนั้นก็เดินมาหยุดข้างๆฮ่วนเอ๋อพลางกล่าว

 

ด้านฮ่วนเอ๋อหลังได้ยินคําพูดของจี้หนิงอวิ๋น นางก็หันไปมองด้วนหลิงเทียนก่อนใดอื่น จนเมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนพยักหน้า นางจึงค่อยพยักหน้าให้จี้หนิงอวิ๋นและหลีกทางให้

 

“พวกเจ้านับว่ามีบุตรอันประเสริฐนัก”

 

จี้หนิงอวิ๋นพยักหน้าให้เหลียนชิวกับจิ้งจอกขาวในวงแขน และในขณะที่ลูกตานางหดแคบลง แสงพลังสีขาวราวพลังศักดิ์สิทธิ์ก็เรื่องสว่างขึ้นมาทั่วร่างปานแสงทิพย์ จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นมาช้าๆก่อนจะแผ่แสงพลังไปปกคลุมร่างจิ้งจอกขาวในวงแขนเหลียนชิวทันที

 

พริบตาต่อมา เมื่อแสงสว่างปกคลุมไปทั่วร่างจิ้งจอกมายา บาดแผลตามตัวก็ค่อยๆฟื้นฟูด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า!

 

“ได้ยินมานานแล้วว่ากฏแห่งแสงมีพลังอํานาจฟื้นฟูรักษาเลิศล้ำพอๆกับกฏแห่งไม้..ได้เห็นกับตาวันนี้นับว่าสมคําร่ำลือจริงๆ”

 

ชมดูฉากเรื่องราวปานอภินิหารเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนอดทอดถอนในใจไม่ได้

 

เพียงเวลา 2 เค่อ จี้หนิงอวิ๋นก็รักษาอาการบาดเจ็บตามตัวจิ้งจอกขาวได้หายหมดจด กระทั่งบาดแผลและอาการบอบช้ําภายในก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง

 

เมื่อจี้หนิงอวิ๋นลดมือลง หน้าผากของนางก็ปรากฏเหงื่อเม็ดเขื่องเต็มไปหมด ทว่าไม่ทันไรนางก็ใช้พลังระเหยหายไปสิ้น

 

วู้มมม!

 

ทันใดนั้นเองร่างจิ้งจอกขาวในวงแขนเหลียนชิวก็ส่องแสงจ้า จากนั้นก็ไม่มีจิ้งจอกขาวอีกต่อไปกลับกลายเป็นสตริงดงามนางหนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าเหลียนชิวแทน

 

“ขอบคุณอาวุโส 4”

 

สตรีนางนี้ก็คือตู้เสวียน มารดาของฮ่วนเอ๋อนั่นเอง สิ่งแรกที่ทําหลังปรากฏตัวก็คือการขอบคุณจี้หนิงอวิ๋น

 

ถึงแม้นางจะถูกทรมานจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เต็มที่นางก็แค่ไม่อาจสื่อสารกับโลกภายนอกได้ ทว่าจิตใต้สํานึกของนาง ก็ยังรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายนอกได้อยู่

 

กระทั่งช่วงที่อยู่ในโลกใบเล็กภายในกายเหลียนชิวผู้เป็นสามี นางก็ล่วงรู้ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้านนอก

 

“อือ”

 

จี้หนิงอวิ๋นพยักหน้าให้ตู้เสวียน

 

“ท่านแม่”

 

เมื่อเห็นตู้เสวียนกลับมาอยู่ในรูปลักษณ์มนุษย์ และยังมีรูปลักษณ์เหมือนตอนที่จากไปในปีนั้น ฮ่วนเอ๋อย่อมตื่นเต้นยินดีเป็นที่สุด เร่งโผเข้าไปกอดตู้เสียนทันที

 

“ฮ่วนเอ๋อ ไม่ทันไรเจ้าก็โตขนาดนี้แล้วแม่มีความสุขยิ่ง มีความสุขยิ่ง”

 

“ตอนแม่จากไป แม่กลัวใจเหลือเกินว่าจักเกิดเรื่องร้ายๆอันใดกับเจ้าหรือไม่ แต่แม่ไม่อาจไม่ไป เพราะแม่กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าพ่อของเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”

 

“แม่เห็นแก่ตัวเช่นนี้ ฮ่วนเอ๋อไม่โทษแม่ได้หรือไม่”

 

เมื่อเห็นว่า 3 คนครอบครัวของฮ่วนเอ๋อได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนกับจี้หนิงอวิ๋นก็หันมามองสบตากันเล็กน้อย จากนั้นก็ชวนพวกเสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจินจากไป ปล่อยให้ครอบครัวทั้ง 3 ได้มีเวลาส่วนตัว

 

“ ต้วนหลิงเทียน หลังจากนี้เจ้าคิดจะทําอย่างไรต่อไป ใช่มีแผนแล้วหรือไม่?”

 

จี้หนิงอวิ๋นเอ่ถามต้วนหลิงเทียน

 

“ยังไม่”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา จากนั้นสองตาก็ฉายประกายเรื่องขึ้นวาบหนึ่ง “อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ข้าจะหาวิธียกระดับพลังฝึกปรือ และทะลวงให้ถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะโดยเร็วที่สุด!”

 

มีเพียงบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะเท่านั้น ต้วนหลิงเทียนถึงจะเปิดประตูสู่การหลอมรวมความลึกซึ้งแห่งกฏได้

 

หาไม่แล้วต่อให้พลังของผลึกสํานึกผู้แข็งแกร่งที่สุดจะทรงพลังฝืนลิขิต แต่ด้วยด่านพลังฝึกปรือไม่ถึงขั้น ก็ไม่มีทางที่มันจะช่วยให้เขาเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏได้เลย

 

“หากเจ้ายังไม่มีแผนใดๆ ไม่สู้ไปเผ่ามังกรของพวกเราที่ว่านโชวเทียนเล่า?”

 

จี้หนิงอวิ๋นกล่าวชวนด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ขณะเดียวกันก็เหลือบไปมองเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ข้างๆ “ข้าคิดว่าเด็กน้อยทั้ง 2 ก็ไม่พ้นหวังให้เจ้ากลับไปยังเผ่ามังกรพร้อมกับพวกเรา”

 

แทบจะทันทีที่เสียงจี้หนิงอวิ๋นดังจบคํา จะเสี่ยวเฮยหรือเสี่ยวไป๋ก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาคาดหวังอย่างแรงกล้า

 

ก็เป็นอย่างที่จี้หนิงอวิ๋นพูดมาไม่มีผิด

 

หากเป็นไปได้ พวกมันก็หวังให้พี่ใหญ่หลิงเทียนจะติดตามพวกมันกับไปยังเผ่ามังกร

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียน กลับไปกับพวกเราเถอะ..พวกเราจะได้ฝึกปรือด้วยกัน หลังจากนี้อีก 700 ปี รอให้ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างระนาบเทวโลกและระนาบเทพเปิดออกเมื่อใด พวกเราจักได้ไปช่วยพี่สาวเค่อเอ๋อ กับพี่สาวเฟยเอ๋อด้วยกัน”

 

เสียวไป๋กล่าวโน้มน้ามตัวนหลิงเทียน

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียน หากท่านไม่อยากไปเผ่ามังกร ท่านไปอยู่หุบจันทร์โลหิตกับข้าก็ได้นะ…หุบจันทร์โลหิตของข้าก็ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าเผ่ามังกรเลย”

 

เสี่ยวจินก็ชักชวนออกมาด้วยรอยยิ้มคาดหวัง

 

“ผู้อาวุโสจี้ ข้าเข้าใจในความหวังดีของท่านอย่างไรก็ตาม หลังจากได้คิด ตอนนี้ข้าว่าข้ามแผนแล้วว่าจะทําอย่างไรต่อไป”

 

คําพูดของต้วนหลิงเทียน ก็เป็นการปฏิเสธคําชวนของจี้หนิงอวิ๋นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

 

“แล้วเจ้ามีแผนอย่างไรเล่า?”

 

จี้หนิงอวิ๋นอยากรู้ไม่น้อย เพราะยังมีที่ใดดีกว่าเผ่ามังกรของนางอีก? รู้หรือไม่ว่ามีผู้คนกี่คนต่อกี่คนที่อยากเข้าร่วมเผ่ามังกรของพวกนางใจจะขาด?

 

แต่ชายหนุ่มเบื้องหน้าแลแล้วไม่คล้ายอยากจะเข้าร่วมเผ่ามังกรแม้แต่น้อย

 

อย่างไรก็ตาม นางก็พอจะเข้าใจได้ เพราะถึงแม้ชายหนุ่มเบื้องหน้าจะยังเยาว์ แต่กลับมีพลังแข็งแกร่งเหนือกว่าเสียวเฮยกับเสี่ยวไป๋ที่ได้รับการสนับสนุนจากเผ่ามังกรเสียอีก

 

อีกฝ่ายมีความมั่นใจ ก็ไม่แปลก

 

นอกจากนี้อีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นผู้สืบทอดของฟงชิงหยาง แห่งจี้เมี่ยเทียน!

 

“อเวจี!”

 

ขณะกล่าววาจาไม่กี่พยางค์นี้ สองตาต้วนหลิงเทียนพลันทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+