War sovereign Soaring The Heavens 3376

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3376 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3376 : ของขวัญ

 

เห็นฉากเรื่องราวตรงหน้า เหลยเจิ้นซานเองก็ได้แต่ชมดูอย่างตกตะลึง ขณะเดียวกันในใจก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวนัก! เมื่อครู่นับว่าโชคดีเหลือเกินที่มันตัดสินใจเลือกข้างถูก!!

 

หาไม่แล้ว วันนี้คงเป็นวันตายของมัน!

 

“ข้าก็รู้สึกแต่แรกว่าชายหนุ่มผู้นั้นรวมถึงคนอื่นๆ ไม่ได้เห็นหลานเหิงอยู่ในสายตาแม้แต่นิดเดียว แต่ต้นจนจบแลดูมั่นใจราวทุกอย่างอยู่ในกํามือ..เช่นนี้ข้าจึงมีโอกาสได้ตัดสัมพันธ์กับหลานเหิง

 

“อีกทั้งอย่างไรหลังตัดสัมพันธ์กับหลานเหิง ข้าก็มั่นใจว่าจะจากไปได้แต่โดยดี

 

เหตุผลที่เหลยเจิ้นซานเลือกจะประกาศตัดสัมพันธ์กับหลานเหิงในช่วงเวลาสําคัญ นอกจากในใจต้องการแบบนี้แต่แรก ยังเป็นเพราะมันยังมองเรื่องราวได้กระจ่างกว่าหลานเหิง

 

มันนิ่งกว่าหลานเหิงมาก!

 

ในสายตาของมัน เนื่องจากต้วนหลิงเทียนมาพร้อมต้วนซื่อหลิงของนิกายกระบี่เมฆรุ้งคนนั้น อีกฝ่ายไม่พ้นต้องล่วงรู้พลังฝีมือของหลานเหิงจากต้วนซื่อหลิงดีอยู่แล้ว

 

ในเมื่อกล้ามาในเวลาแบบนี้ แถมพาคนอื่นมาด้วยอีก มีหรือจะโง่มารนหาที่ตาย?

 

เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้!

 

อย่างไรก็ตาม แม้เหลยเจิ้นซานจะเดาได้แต่แรกว่าชายหนุ่มชุดม่วงสมควรมีพลังฝีมือสูงกว่าหลานเหิง แต่มันก็คิดไม่ถึงจริงๆว่าพลังฝีมือของอีกฝ่ายจะสูงส่งถึงขั้นนี้!

 

“ให้ตายเถอะเจ้านั่นยังเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งแล้วอีกด้วย

 

“มันเข้าใจการผสานความลึกซึ้งตั้งแต่ยังเป็นจักรพรรดิอมตะ 1 ต้นกําเนิด! ที่แท้มันเป็นอัจฉริยะจากขุมกําลังเลิศล้ําอะไรกันแน่!?”

 

เหลยเจิ้นซานลองถามไถ่ตัวเองดู ก็บอกได้ว่าพลังฝีมือของมันนั้นนับว่าไม่ใช่ชั่ว แต่ในฐานะจักรพรรดิอมตะ 2 ยศ มันก็พึ่งจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฎแห่งทองถึงขั้นตอนความสําเร็จยิ่งใหญ่ครบทุกประการเมื่อไม่นานมานี้ และพึ่งริเริ่มทําความเข้าใจเกี่ยวกับการผสานรวมความลึกซึ้งเท่านั้น ยังห่างจากประตูการผสานรวมความลึกซึ้งหลายร้อยปี

 

แต่ทว่า ชายหนุ่มที่เป็นเพียงจักรพรรดิอมตะ 1 ต้นกําเนิดเบื้องหน้า กลับเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งแล้ว แถมยังเข้าใจไม่น้อย!

 

เพราะหลังได้เห็นชายหนุ่มชุดม่วงลงมือ มันก็ตระหนักได้ว่าชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้น ใช้การผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ประการหลายชุด! บวกกับกระบี่เล่มนั้นที่มีกลิ่นอายน่ากลัวกว่าอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ จึงสามารถบดขยี้หลานเหิงได้อย่างง่ายดาย!!

 

“เท่าที่ดู ต่อให้ข้ากับหลานเหิงร่วมมือกัน ก็ไม่มีทางงต่อกรกับเจ้าหนุ่มนี่ได้เลย”

 

พอคิดถึงจุดนี้เหลยเจิ้นซานก็ระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเฮือกใหญ่ และรู้สึกโชคดีกับไหวพริบและสายตาของตัวเองนัก

 

“ตะใต้เท้า…”

 

หลานเหิงที่บัดนี้คล้ายกลับกลายเป็นตอไม้ตอหนึ่ง ใบหน้าของมันซีดจนไร้สีเลือดในแววตา นอกจากความหวาดกลัวแล้วก็คงเหลือแต่ความหวาดกลัวจับใจ “เรื่องราวทั้งหมดในวันนี้ เป็นความผิดของข้าหลานเหิงแต่เพียงผู้เดียว! ขอใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่โปรดเมตตาละเว้นหลานชายข้า รวมถึงนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งด้วยเถอะ!”

 

เวลานี้หลานเหิงรู้ดีว่าชีวิตของมันต้องจบสิ้นลงอย่างไม่ต้องสงสัย พลังฝีมือของชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า ไม่ใช่อะไรที่มันหรือทั้งนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งจะตอแยด้วยได้!

 

“!”

 

ได้ยินคําพูดของหลานเหิง มุมปากต้วนหลิงเทียนยกยิ้มแสยะรังเกียจ จากนั้นเพียงยกมือขึ้นโบกปัดส่งๆ ก็ปรากฏพลังงขุมหนึ่งคล้ายสายลมบางเบาพัดแผ่วไปทางกรงหลากสี

 

ฉัวะ!!

 

เสียงสับสะบบั้นเลือดเนื้อดึงขึ้นแผวเบา เป็นหลานจี้หนานที่ถูกพลังมิติตัดร่างท่อนล่างของมัน! พาลให้คนที่เหลือครึ่งตัวแหกปากร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาณ “ท่านปู่ ข้าไม่อยากตาย! ข้าไม่อยากตาย! ช่วยข้าด้วยท่านปู่!”

 

ลูกตาหลานเหิงหดเล็กลงฉับไว เร่งกล่าวด้วยน้ําเสียงวิงวอน “ใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ ขอท่านเมตตา ละเว้นหลายชายข้าด้วยเถิด! ข้าขอร้องท่านแล้ว!!”

 

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจคําวิงวอนของหลานเหิงเลย

 

เขาเพียงหันกลับไปมองลูกสาวของเขา ต้วนซื่อหลิงช้าๆ ใบหน้าแววตาที่เฉยเมยชุดชาก่อนหน้าสลายหายไปในบัดดล ถูกรอยยิ้มสดใสและความอ่อนโยนเข้ามาแทนที่ “ซื่อหลิง เจ้าอยากฆ่าปู่หลานคู่นี้ด้วยมือของเจ้าไหม?”

 

“ข้าอยากท่านพ่อ!”

 

หลังได้ยินคําถามของบิดา ต้วนซื่อหลิงก็หันไปมองปูหลานไม่สมประกอบ คนหนึ่งกลายเป็นท่อนไม้ ส่วนอีกคนเหลือแต่ร่างท่อนบนด้วยสายตาเย็นชา เพราะพวกมันทั้งคู่ทําให้อาจารย์ที่นางเคารพรักต้องทุกข์ใจ ถึงขั้นต้องประกาศถอนตัวออกจากนิกายกระบี่เมฆรุ้ง!

 

นางรู้จนไม่อาจรู้ความรู้สึกของอาจารย์ที่มีต่อนิกายกระบี่เมฆรุ้งได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว

 

เช่นนั้นนางจึงจินตนาการออกได้ทันที ว่าตอนที่อาจารย์ประกาศคําถอนตัวออกจากนิกายกระบี่เมฆรุ้ง อาจารย์ของนางต้องเจ็บปวดใจถึงเพียงไหน

 

และเรื่องนี้ ต้วนซื้อหลิง ก็ได้แต่ตําหนิตัวเองถ่ายเดียว

 

เพราะสุดท้ายแล้ว เรื่องทั้งหมดมีต้นเหตุมาจากตัวนาง

 

แน่นอนว่าหากพูดกันจริงๆ นางไม่ได้มีความผิดอะไรเลย ทั้งหมดเป็นเพราะคู่ปู่หลานเลว ชาตินี้คิดข่มเหงรังแกผู้คน!

 

“เอาล่ะ พ่อจะจับพวกมันมาให้เจ้าฆ่า”

 

หลังต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ เพียงโบกมือเบาๆ ทันใดนั้นกรงหลากสีที่ขังร่างหลานเหิงกับหลานขี้เหนียนก็วูบข้ามมิติทั้งหอบหิ้วทั้งคู่มาไว้ตรงหน้าต้วนซื่อหลิง

 

“เมตตาด้วย! เมตตาไว้ชีวิตข้าด้วย!!”

 

หลานขี้เหนียนได้แต่วิงวอนร้องขอชีวิตออกมาน้ําหูน้ําตาไหลพราก

 

ด้านหลานเหิงเองสีหน้าก็ฉายชัดถึงความสิ้นหวังและความหวาดกลัว

 

ต้วนซื่อหลิงยกมือขึ้นเบาๆ จากนั้นในมือก็ปรากฎกระบี่อมตะเล่มหนึ่งผุดจากความว่างมากระชับถือไว้ จากนั้นไม่รอช้า กระบี่ในมือตวัดฟันออกไป ปรากฏกระบี่พุ่งทะลวงอากาศฉับไว ทะลุผ่านเข้ากรงหลากสีอย่างไร้สิ่งใดกั้นขวาง เลือกทะลวงเจาะเข้าหว่างคิ้ว ทําลายดวงจิตของหลานเหิงและหลานขี้เหนียนจนสลายในพริบตา

 

“ท่านพ่อ!!”

 

หลังฆ่าหลานเหิงกับหลานชายอย่างหลานขี้เหนียนแล้ว ต้วนซื่อหลิงก็โผร่างเข้าอ้อมอกวนหลิงเทียนทั้งร่ําไห้ออกมายกใหญ่ ราวกับความอัดอั้นตันใจตลอดหลายวันที่ผ่านมาถูกระบายออกมาหมดสิ้น

 

ต้วนหลิงเทียนได้แต่ตบหลังลูกสาวเบาๆราวแมลงปอแตะผิวน้ําเป็นการปลอบโยน ตอนนี้วาจาใดล้วนไร้ความหมาย สองตาได้แต่มองลูกสาวตัวน้อยในวันวานที่เติบโตเป็นสาวแล้วด้วยความเอ็นดู

 

ลูกสาวของเขาคนนี้ ไม่ได้พบหน้ากันมา 200 กว่าปีแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม เดิมที่เขาคิดว่าคงต้องรออีก 700 ปี หลังขึ้นไปแดนเทพก่อนถึงจะมีโอกาสได้พบหน้านางอีกครั้ง แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าที่แท้ลูกสาวของเขากับคนอื่นๆจะหลบหนีออกมา จากแดนเทพได้ 200 กว่าปีแล้ว ทั้งลูกสาวเขากับเฟิงเทียนหวู่ยังมาเฝ้ารอเขาที่เมี่ยเทียนแห่งนี้อีก 100 ปีเศษ!

 

เมื่อวานตอนได้พบหน้าลูกสาว กล่าวได้ว่าเขาดีใจจนแทบคลั่ง เพราะสําหรับเขาแล้วนเป็นเรื่องน่าประหลาดใจครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ!

 

อย่างไรก็ตาม หลังได้รับทราบปัญหาที่ลูกสาวกับเฟิ่งเทียนหววู่กําลังเผชิญ เขาก็ไม่ทันได้ถามสารทุกข์สุกดิบ และเร่งรีบพาทั้งคู่มายังนิกายกระบี่เมฆรุ้งทันที!

 

วันนี้อันที่จริงเขามาถึงแต่แรก เพียงแค่ยังไม่ได้ปรากฏตัวออกมาเท่านั้น

 

จนเมื่อถึงช่วงเวลาคับขันจึงค่อยปรากฏตัวออกมา

 

“อา…ชายหนุ่มผู้นั้น เป็นบิดาของต้วนซื่อหลิงหรือ?!”

 

“จ้าวสวรรค์ช่วย! บิดาของต้วนซื่อหลิงเป็นจักรพรรดิอมตะเชียวหรือ? แถมยังเป็นจักรพรรดิอมตะที่ทรงพลังอีกด้วย!”

 

“จะไม่ร้ายกาจเกินไปหน่อยหรือ!?”

 

เหล่าศิษย์และอาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้ง หลังเห็นปู่หลานอย่างหลานเหิงกับหลานจี้เหนียนถูกต้วนซื่อหลิงฆ่า กระทั่งร่างยังถูกกรงหลากสีที่ยุบตัวบีบอัดจนหายไปในความว่างเปล่าก็ได้ แต่ตกตะลึงอึ้งไปอยู่นานกว่าจะหาย

 

ร้ายกาจมาก!

 

ต้องทราบด้วยว่าหลานเหิงเป็นถึงยอดฝีมืออันดับ 1 ของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง และ เป็นถึงจักรพรรดิอมตะ 4 รูปแล้ว!

 

ทว่าบิดาต้วนซื่อหลิงกลับจัดการอีกฝ่ายได้ง่ายๆปานพลิกฝ่ามือ!

 

ต้องร้ายกาจถึงขั้นไหน!?

 

ใช่จวนเจียนจะเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้วหรือไม่!?

 

หรือเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว?

 

จังหวะนี้ไม่ใช่แค่เหล่าศิษย์กับผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งเท่านั้นที่ตกใจ กระทั่งโหยวไป๋เฟิ่งกับอวี่เหวินชิงก็อึ้งไปเป็นไก่ตาแตก

 

ถึงแม้พวกนางจะรับทราบเรื่องที่บิดาของต้วนซื่อหลิงอาจได้รับการยอมรับจากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ แต่ทว่าเรื่องพลังฝีมือของบิดาต้วนซื้อหลิงสูงต่ําอย่างไรพวกนางไม่รู้เลย…มาบัดนี้จึงได้ตระหนักว่า บิดาของต้วนซื่อหลิงนั้น ร้ายกาจถึงขั้นสุดที่พวกนางจะจินตนาการได้ออก!

 

เพราะเดิมทีพวกนางนึกว่าบิดาของต้วนซื่อหลิงอาจจะต้องพึ่งพายอดฝีมือของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ หรือใช้ชื่อพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ในการสะกดข่มหลานเหิงและนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง

 

แต่พวกนางไหนเลยจะคาดคิด บิดาของต้วนซื่อหลิงกลับอาศัยพลังตัวเองบดขยี้หลานเหิงจนราบ!

 

“ประมุขอวี่เหวิน”

 

หลังจากต้วนซื่อหลิงผละออกจากอ้อมอกต้วนหลิงเทียนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ลูบเส้นผมสลวยที่ทอดยาวดั่งม่านน้ําตกของนางอย่างอ่อนโยนก่อน ค่อยหันไปมองกล่าวกอวี่เหวินชิง “เพื่อเป็นการขอบคุณท่านที่ดูแลลูกสาวของข้ามาโดยตลอด…ข้าจะมอบของขวัญให้ท่าน”

 

“บิดาชื่อหลิง ท่าน…ท่านเกรงใจไปแล้ว ของขวัญอันใดล้วนไม่จําเป็น ตลอด 100 กว่าปีที่ซื่อหลิงอยู่กับข้า นางก็เป็นดั่งลูกสาวของข้าคนหนึ่ง ข้าย่อมต้องดูแลนางอย่างดี”

 

อวี่เหวินชิงเร่งส่ายหน้าปฏิเสธเร็วไว

 

“ประมุขอวี่เหวินอย่าได้ปฏิเสธเลย ของขวัญนี้หากท่านไม่รับ เกรงว่าสุดท้ายก็ถูกผู้อื่นมารับไปอยู่ดี”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าพลางยิ้ม

 

“หืม?”

 

สีหน้าอวี่เหวินชิงแลดูว่างเปล่าทันที

 

“ประมุขอวี่เหวิน อาวุโสโหยว หากพวกท่านไม่มีใดขัดข้อง เช่นนั้นรบกวนพวกท่านติดตามข้าไปนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งสักครั้งเถอะ”

 

ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับอวี่เหวินชิงพลางคลี่ยิ้มลึกลับ จากนั้นก็หันไปมองเหลยเจิ้นซานที่ยืนอยู่อีกด้าน พลางเอ่ยออกเสียงเบาว่า “ข้าคิดจะไปเยือนนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งสักครา…ไม่ทราบเจ้าพอจะนําทางได้หรือไม่?”

 

“ย่อมได้ใต้เท้า! ยังเป็นเกียรติของข้าน้อย!”

 

เหลยเจิ้นซานประสานมือกล่าวคําด้วยท่าทีสุภาพมากเคารพ จากนั้นก็เริ่มเห็นร่างนาทางไปทันที ขณะเดียวกันยังลอบกล่าวในใจว่า นิกายอมตะทะเลเยือกแข็งจบสิ้นแล้ว”

 

หลังเหลยเจิ้นซานเริ่มเห็นร่างนําไป ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือจบชีวิตคนแบกสินสอดทั้ง 6 ก่อน จากนั้นก็ใช้พลังหอบหิ้วนําพาต้วนซื่อหลิง เฟิงเทียนหวู่ ฮ่วนเอ๋อ และเสี่ยวจินเหินร่างติดตามไปทันที

 

ขณะเดียวกันกลุ่มคนของนิกายกระบี่เมฆรุ้ง ไม่เว้นอวี่เหวินชิงกับบโหยวไป๋เฟิ่งที่พึ่งกลับมารู้สึกตัว ก็พอจะตระหนักได้แล้วว่า “ของขวัญ” ที่ต้วนหลิงเทียนพูดหมายความว่าอะไร

 

นิกายอมตะทะเลเยือกแข็งเป็นถึงขุมกําลังระดับ 2 แน่นอนว่าย่อมตั้งรกรากอยู่บนสายแร่ผลึกอมตะระดับราชาหลายสาย ทําให้พลังวิญญาณฟ้าดินที่นั้นหนาแน่นบริบูรณ์มากสุดที่ถิ่นที่อยู่ของนิกายกระบี่เมฆรุ้งจะเทียบได้

 

สําหรับนิกายกระบี่เมฆรุ้งนั้น มีสายแร่ผลึกอมตะระดับขุนนางแค่สายเดียวเท่านั้น

 

“บิดาของต้วนซื่อหลิง คิดจะทําลายนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งจริงๆหรือ?!”

 

“เช่นนั้นใช่อีกฝ่ายคิดจะมอบสถานที่ตั้งนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งให้นิกายกระบี่เมฆ รุ้งเราหรือไม่?”

 

“บ้าไปแล้ว! ของขวัญนี้ล้ําค่าเกินไป!”

 

หลังจากเหล่าศิษย์และอาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งได้สติทุกคนก็ตกใจกันใหญ่ ขณะเดียวกัน สองตายังเริ่มทอแสงสว่างจ้าขึ้นมา ใบหน้ายังเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

 

นิกายกระบี่เมฆรุ้งของพวกนาง กําลังจะย้ายไปตั้งรกรากในสถานที่ๆดีกว่าเดิมครั้งใหญ่งั้นหรือ!?

 

หากเป็นสถานการณ์ปกติ ต่อให้นิกายอมตะทะเลเยือกแข็งจะเป็นฝ่ายมอบพื้นที่ตั้งนิกายให้พวกนาง แต่พวกนางก็คงไม่กล้ารับ! เพราะพลังของนิกายกระบี่เมฆรุ้งอ่อนด้อยเกินกว่าจะครอบครองสถานที่ประเสริฐเช่นนั้น มันจึงไม่ต่างอะไรจากเผือกร้อน

 

อย่างไรก็ตาม หากบิดาของชื่อหลิงออกหน้าลงมือทําลายนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง จากนั้นก็มอบสถานที่ให้ คงไม่มีใครกล้าคิดไม่ซื่อ!

 

นี่คือพลังสะกดข่มของตัวตนอันทรงพลัง! แค่ชื่อเสียงก็ทําให้ผู้อ่อนแอไม่กล้าที่อถือแล้ว!!

 

เพราะถึงวันนี้ท่านสามารถแย่งชิงสถานที่จากนิกายกระบี่เมฆรุ้งได้ แต่พรุ่งนี้ท่านต้องปกป้องสถานที่ให้ได้ด้วย! การไปช่วงชิงสถานที่ๆผู้ยิ่งใหญ่มอบให้นิกายกระบี่เมฆรุ้งแบบนี้ ยังต่างอะไรกับหาเรื่องตายหมู่กัน?

หากเป็นไปได้ ก็ไม่มีใครอยากล่วงเกินตอแยตัวตนที่ทรงพลังเช่นนั้น

 

สําหรับตัวตนที่ทรงพลังกว่ายอดฝีมือที่มอบสถานที่ให้นิกายกระบี่เมฆรุ้ง ก็คงไม่เหลียวแลสถานที่ตั้งนิกายอมตะทะเยือกแข็งอยู่แล้ว

 

“เมื่อครู่ข้าพูดไปแล้วว่าข้าอวี่เหวินชิงได้ถอนตัวออกจากนิกายกระบี่เมฆรุ้ง และไม่ใช่ประมุขนิกากระบี่เมฆรุ้งอีกต่อไป”

 

ได้ยินบทสนทนาของเหล่าศิษย์กับผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้ง สีหน้าอวี่เหวินชิงอดเปลี่ยนไปไม่ได้ในใจยังเสมือนมีไฟลุกโชนขึ้นมาเมื่อครู่คนพวกนี้ยังอยากจะผลักไสต้วนซื่อหลิงศิษย์รักของนางลงกองไฟอยู่เลย

 

ตอนนี้ยังมีหน้าคิดรับของขวัญจากบิดาต้วนซื่อหลิงอีกเหรอ?

 

เหลวไหล!

 

ถึงแม้อวี่เหวินชิงเองก็จะรู้สถานการณ์ดี และเข้าใจว่าทั้งหมดทําไปเพราะถูกบีบคั้นด้วยชีวิต แต่พอเห็นสีหน้ายินดีราวเรื่องก่อนหน้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางก็อดมิโมโหขึ้นมาไม่ได้

 

“หึ! พวกเจ้าสมควรปกป้องนิกายกระบี่เมฆรุ้งให้ได้เสียก่อน!”

 

โหยวไป๋เฟิงกวาดตามองเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งด้วยสายตาเฉยชา ก่อนจะเห็นร่างติดตามพวกต้วนหลิงเทียนไปทันที

 

อวี่เหวินชิงก็เห็นร่างตามไปติดๆ

 

“ท่านประมุข!”

 

“อาวุโสสูงสุด”

 

“ท่านประมุข ท่านผู้อาวุโสสูงสุด เมื่อครู่พวกเราเองก็ด้วยถูกสถานการณ์บีบคั้น จนไร้หนทางเลือกใดอื่นจึงต้องทําเช่นนั้น หาไม่แล้วพวกเราก็คงต้องตายกันหมด….พวกเราไม่เอาสถานที่ตั้งนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งก็ได้ แต่นิกายกระบี่เมฆรุ้งไม่อาจไม่มีพวกท่านได้!!”

 

“ใช่แล้วท่านประมุข ท่านผู้อาวุโสสูงสุด พวกเราไม่อาจขาดพวกท่านได้!”

 

หลังเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งได้ยินวาจาตัดรอนของอวี่เหวินชิงกับโหยวไป๋เฟิ่งแต่ละคนก็หน้าเปลี่ยนสีทันที จากนั้นก็เร่งรุดเหินร่างตามทั้งคู่ไปเร็วไว เพราะถ้าทั้งคู่เลือกจะจากนิกายกระบี่เมฆรุ้งไปจริงๆ เช่นนั้นก็ย่ําแย่แล้ว!

 

เพราะถึงตอนนั้นเกรงว่านิกายกระบี่เมฆรุ้งจะไม่ได้เป็นแม้แต่ขุมกําลังระดับ 4 ด้วยซ้ํา! 

 

อย่างมากก็ถือว่าเป็นขุมกําลังระดับ 5 เท่านั้น

 

กระทั่งหลังข่าวเรื่องราวการถอนตัวของทั้งคู่แพร่ออกไป เกรงว่าสถานที่ตั้งนิกายกระบี่เมฆรุ้ง พวกนางก็ไม่มีปัญญารักษาเอาไว้ได้!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3376

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3376 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3376 : ของขวัญ

 

เห็นฉากเรื่องราวตรงหน้า เหลยเจิ้นซานเองก็ได้แต่ชมดูอย่างตกตะลึง ขณะเดียวกันในใจก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวนัก! เมื่อครู่นับว่าโชคดีเหลือเกินที่มันตัดสินใจเลือกข้างถูก!!

 

หาไม่แล้ว วันนี้คงเป็นวันตายของมัน!

 

“ข้าก็รู้สึกแต่แรกว่าชายหนุ่มผู้นั้นรวมถึงคนอื่นๆ ไม่ได้เห็นหลานเหิงอยู่ในสายตาแม้แต่นิดเดียว แต่ต้นจนจบแลดูมั่นใจราวทุกอย่างอยู่ในกํามือ..เช่นนี้ข้าจึงมีโอกาสได้ตัดสัมพันธ์กับหลานเหิง

 

“อีกทั้งอย่างไรหลังตัดสัมพันธ์กับหลานเหิง ข้าก็มั่นใจว่าจะจากไปได้แต่โดยดี

 

เหตุผลที่เหลยเจิ้นซานเลือกจะประกาศตัดสัมพันธ์กับหลานเหิงในช่วงเวลาสําคัญ นอกจากในใจต้องการแบบนี้แต่แรก ยังเป็นเพราะมันยังมองเรื่องราวได้กระจ่างกว่าหลานเหิง

 

มันนิ่งกว่าหลานเหิงมาก!

 

ในสายตาของมัน เนื่องจากต้วนหลิงเทียนมาพร้อมต้วนซื่อหลิงของนิกายกระบี่เมฆรุ้งคนนั้น อีกฝ่ายไม่พ้นต้องล่วงรู้พลังฝีมือของหลานเหิงจากต้วนซื่อหลิงดีอยู่แล้ว

 

ในเมื่อกล้ามาในเวลาแบบนี้ แถมพาคนอื่นมาด้วยอีก มีหรือจะโง่มารนหาที่ตาย?

 

เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้!

 

อย่างไรก็ตาม แม้เหลยเจิ้นซานจะเดาได้แต่แรกว่าชายหนุ่มชุดม่วงสมควรมีพลังฝีมือสูงกว่าหลานเหิง แต่มันก็คิดไม่ถึงจริงๆว่าพลังฝีมือของอีกฝ่ายจะสูงส่งถึงขั้นนี้!

 

“ให้ตายเถอะเจ้านั่นยังเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งแล้วอีกด้วย

 

“มันเข้าใจการผสานความลึกซึ้งตั้งแต่ยังเป็นจักรพรรดิอมตะ 1 ต้นกําเนิด! ที่แท้มันเป็นอัจฉริยะจากขุมกําลังเลิศล้ําอะไรกันแน่!?”

 

เหลยเจิ้นซานลองถามไถ่ตัวเองดู ก็บอกได้ว่าพลังฝีมือของมันนั้นนับว่าไม่ใช่ชั่ว แต่ในฐานะจักรพรรดิอมตะ 2 ยศ มันก็พึ่งจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฎแห่งทองถึงขั้นตอนความสําเร็จยิ่งใหญ่ครบทุกประการเมื่อไม่นานมานี้ และพึ่งริเริ่มทําความเข้าใจเกี่ยวกับการผสานรวมความลึกซึ้งเท่านั้น ยังห่างจากประตูการผสานรวมความลึกซึ้งหลายร้อยปี

 

แต่ทว่า ชายหนุ่มที่เป็นเพียงจักรพรรดิอมตะ 1 ต้นกําเนิดเบื้องหน้า กลับเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งแล้ว แถมยังเข้าใจไม่น้อย!

 

เพราะหลังได้เห็นชายหนุ่มชุดม่วงลงมือ มันก็ตระหนักได้ว่าชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้น ใช้การผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ประการหลายชุด! บวกกับกระบี่เล่มนั้นที่มีกลิ่นอายน่ากลัวกว่าอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ จึงสามารถบดขยี้หลานเหิงได้อย่างง่ายดาย!!

 

“เท่าที่ดู ต่อให้ข้ากับหลานเหิงร่วมมือกัน ก็ไม่มีทางงต่อกรกับเจ้าหนุ่มนี่ได้เลย”

 

พอคิดถึงจุดนี้เหลยเจิ้นซานก็ระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเฮือกใหญ่ และรู้สึกโชคดีกับไหวพริบและสายตาของตัวเองนัก

 

“ตะใต้เท้า…”

 

หลานเหิงที่บัดนี้คล้ายกลับกลายเป็นตอไม้ตอหนึ่ง ใบหน้าของมันซีดจนไร้สีเลือดในแววตา นอกจากความหวาดกลัวแล้วก็คงเหลือแต่ความหวาดกลัวจับใจ “เรื่องราวทั้งหมดในวันนี้ เป็นความผิดของข้าหลานเหิงแต่เพียงผู้เดียว! ขอใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่โปรดเมตตาละเว้นหลานชายข้า รวมถึงนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งด้วยเถอะ!”

 

เวลานี้หลานเหิงรู้ดีว่าชีวิตของมันต้องจบสิ้นลงอย่างไม่ต้องสงสัย พลังฝีมือของชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า ไม่ใช่อะไรที่มันหรือทั้งนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งจะตอแยด้วยได้!

 

“!”

 

ได้ยินคําพูดของหลานเหิง มุมปากต้วนหลิงเทียนยกยิ้มแสยะรังเกียจ จากนั้นเพียงยกมือขึ้นโบกปัดส่งๆ ก็ปรากฏพลังงขุมหนึ่งคล้ายสายลมบางเบาพัดแผ่วไปทางกรงหลากสี

 

ฉัวะ!!

 

เสียงสับสะบบั้นเลือดเนื้อดึงขึ้นแผวเบา เป็นหลานจี้หนานที่ถูกพลังมิติตัดร่างท่อนล่างของมัน! พาลให้คนที่เหลือครึ่งตัวแหกปากร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาณ “ท่านปู่ ข้าไม่อยากตาย! ข้าไม่อยากตาย! ช่วยข้าด้วยท่านปู่!”

 

ลูกตาหลานเหิงหดเล็กลงฉับไว เร่งกล่าวด้วยน้ําเสียงวิงวอน “ใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ ขอท่านเมตตา ละเว้นหลายชายข้าด้วยเถิด! ข้าขอร้องท่านแล้ว!!”

 

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจคําวิงวอนของหลานเหิงเลย

 

เขาเพียงหันกลับไปมองลูกสาวของเขา ต้วนซื่อหลิงช้าๆ ใบหน้าแววตาที่เฉยเมยชุดชาก่อนหน้าสลายหายไปในบัดดล ถูกรอยยิ้มสดใสและความอ่อนโยนเข้ามาแทนที่ “ซื่อหลิง เจ้าอยากฆ่าปู่หลานคู่นี้ด้วยมือของเจ้าไหม?”

 

“ข้าอยากท่านพ่อ!”

 

หลังได้ยินคําถามของบิดา ต้วนซื่อหลิงก็หันไปมองปูหลานไม่สมประกอบ คนหนึ่งกลายเป็นท่อนไม้ ส่วนอีกคนเหลือแต่ร่างท่อนบนด้วยสายตาเย็นชา เพราะพวกมันทั้งคู่ทําให้อาจารย์ที่นางเคารพรักต้องทุกข์ใจ ถึงขั้นต้องประกาศถอนตัวออกจากนิกายกระบี่เมฆรุ้ง!

 

นางรู้จนไม่อาจรู้ความรู้สึกของอาจารย์ที่มีต่อนิกายกระบี่เมฆรุ้งได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว

 

เช่นนั้นนางจึงจินตนาการออกได้ทันที ว่าตอนที่อาจารย์ประกาศคําถอนตัวออกจากนิกายกระบี่เมฆรุ้ง อาจารย์ของนางต้องเจ็บปวดใจถึงเพียงไหน

 

และเรื่องนี้ ต้วนซื้อหลิง ก็ได้แต่ตําหนิตัวเองถ่ายเดียว

 

เพราะสุดท้ายแล้ว เรื่องทั้งหมดมีต้นเหตุมาจากตัวนาง

 

แน่นอนว่าหากพูดกันจริงๆ นางไม่ได้มีความผิดอะไรเลย ทั้งหมดเป็นเพราะคู่ปู่หลานเลว ชาตินี้คิดข่มเหงรังแกผู้คน!

 

“เอาล่ะ พ่อจะจับพวกมันมาให้เจ้าฆ่า”

 

หลังต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ เพียงโบกมือเบาๆ ทันใดนั้นกรงหลากสีที่ขังร่างหลานเหิงกับหลานขี้เหนียนก็วูบข้ามมิติทั้งหอบหิ้วทั้งคู่มาไว้ตรงหน้าต้วนซื่อหลิง

 

“เมตตาด้วย! เมตตาไว้ชีวิตข้าด้วย!!”

 

หลานขี้เหนียนได้แต่วิงวอนร้องขอชีวิตออกมาน้ําหูน้ําตาไหลพราก

 

ด้านหลานเหิงเองสีหน้าก็ฉายชัดถึงความสิ้นหวังและความหวาดกลัว

 

ต้วนซื่อหลิงยกมือขึ้นเบาๆ จากนั้นในมือก็ปรากฎกระบี่อมตะเล่มหนึ่งผุดจากความว่างมากระชับถือไว้ จากนั้นไม่รอช้า กระบี่ในมือตวัดฟันออกไป ปรากฏกระบี่พุ่งทะลวงอากาศฉับไว ทะลุผ่านเข้ากรงหลากสีอย่างไร้สิ่งใดกั้นขวาง เลือกทะลวงเจาะเข้าหว่างคิ้ว ทําลายดวงจิตของหลานเหิงและหลานขี้เหนียนจนสลายในพริบตา

 

“ท่านพ่อ!!”

 

หลังฆ่าหลานเหิงกับหลานชายอย่างหลานขี้เหนียนแล้ว ต้วนซื่อหลิงก็โผร่างเข้าอ้อมอกวนหลิงเทียนทั้งร่ําไห้ออกมายกใหญ่ ราวกับความอัดอั้นตันใจตลอดหลายวันที่ผ่านมาถูกระบายออกมาหมดสิ้น

 

ต้วนหลิงเทียนได้แต่ตบหลังลูกสาวเบาๆราวแมลงปอแตะผิวน้ําเป็นการปลอบโยน ตอนนี้วาจาใดล้วนไร้ความหมาย สองตาได้แต่มองลูกสาวตัวน้อยในวันวานที่เติบโตเป็นสาวแล้วด้วยความเอ็นดู

 

ลูกสาวของเขาคนนี้ ไม่ได้พบหน้ากันมา 200 กว่าปีแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม เดิมที่เขาคิดว่าคงต้องรออีก 700 ปี หลังขึ้นไปแดนเทพก่อนถึงจะมีโอกาสได้พบหน้านางอีกครั้ง แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าที่แท้ลูกสาวของเขากับคนอื่นๆจะหลบหนีออกมา จากแดนเทพได้ 200 กว่าปีแล้ว ทั้งลูกสาวเขากับเฟิงเทียนหวู่ยังมาเฝ้ารอเขาที่เมี่ยเทียนแห่งนี้อีก 100 ปีเศษ!

 

เมื่อวานตอนได้พบหน้าลูกสาว กล่าวได้ว่าเขาดีใจจนแทบคลั่ง เพราะสําหรับเขาแล้วนเป็นเรื่องน่าประหลาดใจครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ!

 

อย่างไรก็ตาม หลังได้รับทราบปัญหาที่ลูกสาวกับเฟิ่งเทียนหววู่กําลังเผชิญ เขาก็ไม่ทันได้ถามสารทุกข์สุกดิบ และเร่งรีบพาทั้งคู่มายังนิกายกระบี่เมฆรุ้งทันที!

 

วันนี้อันที่จริงเขามาถึงแต่แรก เพียงแค่ยังไม่ได้ปรากฏตัวออกมาเท่านั้น

 

จนเมื่อถึงช่วงเวลาคับขันจึงค่อยปรากฏตัวออกมา

 

“อา…ชายหนุ่มผู้นั้น เป็นบิดาของต้วนซื่อหลิงหรือ?!”

 

“จ้าวสวรรค์ช่วย! บิดาของต้วนซื่อหลิงเป็นจักรพรรดิอมตะเชียวหรือ? แถมยังเป็นจักรพรรดิอมตะที่ทรงพลังอีกด้วย!”

 

“จะไม่ร้ายกาจเกินไปหน่อยหรือ!?”

 

เหล่าศิษย์และอาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้ง หลังเห็นปู่หลานอย่างหลานเหิงกับหลานจี้เหนียนถูกต้วนซื่อหลิงฆ่า กระทั่งร่างยังถูกกรงหลากสีที่ยุบตัวบีบอัดจนหายไปในความว่างเปล่าก็ได้ แต่ตกตะลึงอึ้งไปอยู่นานกว่าจะหาย

 

ร้ายกาจมาก!

 

ต้องทราบด้วยว่าหลานเหิงเป็นถึงยอดฝีมืออันดับ 1 ของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง และ เป็นถึงจักรพรรดิอมตะ 4 รูปแล้ว!

 

ทว่าบิดาต้วนซื่อหลิงกลับจัดการอีกฝ่ายได้ง่ายๆปานพลิกฝ่ามือ!

 

ต้องร้ายกาจถึงขั้นไหน!?

 

ใช่จวนเจียนจะเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้วหรือไม่!?

 

หรือเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว?

 

จังหวะนี้ไม่ใช่แค่เหล่าศิษย์กับผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งเท่านั้นที่ตกใจ กระทั่งโหยวไป๋เฟิ่งกับอวี่เหวินชิงก็อึ้งไปเป็นไก่ตาแตก

 

ถึงแม้พวกนางจะรับทราบเรื่องที่บิดาของต้วนซื่อหลิงอาจได้รับการยอมรับจากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ แต่ทว่าเรื่องพลังฝีมือของบิดาต้วนซื้อหลิงสูงต่ําอย่างไรพวกนางไม่รู้เลย…มาบัดนี้จึงได้ตระหนักว่า บิดาของต้วนซื่อหลิงนั้น ร้ายกาจถึงขั้นสุดที่พวกนางจะจินตนาการได้ออก!

 

เพราะเดิมทีพวกนางนึกว่าบิดาของต้วนซื่อหลิงอาจจะต้องพึ่งพายอดฝีมือของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ หรือใช้ชื่อพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ในการสะกดข่มหลานเหิงและนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง

 

แต่พวกนางไหนเลยจะคาดคิด บิดาของต้วนซื่อหลิงกลับอาศัยพลังตัวเองบดขยี้หลานเหิงจนราบ!

 

“ประมุขอวี่เหวิน”

 

หลังจากต้วนซื่อหลิงผละออกจากอ้อมอกต้วนหลิงเทียนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ลูบเส้นผมสลวยที่ทอดยาวดั่งม่านน้ําตกของนางอย่างอ่อนโยนก่อน ค่อยหันไปมองกล่าวกอวี่เหวินชิง “เพื่อเป็นการขอบคุณท่านที่ดูแลลูกสาวของข้ามาโดยตลอด…ข้าจะมอบของขวัญให้ท่าน”

 

“บิดาชื่อหลิง ท่าน…ท่านเกรงใจไปแล้ว ของขวัญอันใดล้วนไม่จําเป็น ตลอด 100 กว่าปีที่ซื่อหลิงอยู่กับข้า นางก็เป็นดั่งลูกสาวของข้าคนหนึ่ง ข้าย่อมต้องดูแลนางอย่างดี”

 

อวี่เหวินชิงเร่งส่ายหน้าปฏิเสธเร็วไว

 

“ประมุขอวี่เหวินอย่าได้ปฏิเสธเลย ของขวัญนี้หากท่านไม่รับ เกรงว่าสุดท้ายก็ถูกผู้อื่นมารับไปอยู่ดี”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าพลางยิ้ม

 

“หืม?”

 

สีหน้าอวี่เหวินชิงแลดูว่างเปล่าทันที

 

“ประมุขอวี่เหวิน อาวุโสโหยว หากพวกท่านไม่มีใดขัดข้อง เช่นนั้นรบกวนพวกท่านติดตามข้าไปนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งสักครั้งเถอะ”

 

ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับอวี่เหวินชิงพลางคลี่ยิ้มลึกลับ จากนั้นก็หันไปมองเหลยเจิ้นซานที่ยืนอยู่อีกด้าน พลางเอ่ยออกเสียงเบาว่า “ข้าคิดจะไปเยือนนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งสักครา…ไม่ทราบเจ้าพอจะนําทางได้หรือไม่?”

 

“ย่อมได้ใต้เท้า! ยังเป็นเกียรติของข้าน้อย!”

 

เหลยเจิ้นซานประสานมือกล่าวคําด้วยท่าทีสุภาพมากเคารพ จากนั้นก็เริ่มเห็นร่างนาทางไปทันที ขณะเดียวกันยังลอบกล่าวในใจว่า นิกายอมตะทะเลเยือกแข็งจบสิ้นแล้ว”

 

หลังเหลยเจิ้นซานเริ่มเห็นร่างนําไป ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือจบชีวิตคนแบกสินสอดทั้ง 6 ก่อน จากนั้นก็ใช้พลังหอบหิ้วนําพาต้วนซื่อหลิง เฟิงเทียนหวู่ ฮ่วนเอ๋อ และเสี่ยวจินเหินร่างติดตามไปทันที

 

ขณะเดียวกันกลุ่มคนของนิกายกระบี่เมฆรุ้ง ไม่เว้นอวี่เหวินชิงกับบโหยวไป๋เฟิ่งที่พึ่งกลับมารู้สึกตัว ก็พอจะตระหนักได้แล้วว่า “ของขวัญ” ที่ต้วนหลิงเทียนพูดหมายความว่าอะไร

 

นิกายอมตะทะเลเยือกแข็งเป็นถึงขุมกําลังระดับ 2 แน่นอนว่าย่อมตั้งรกรากอยู่บนสายแร่ผลึกอมตะระดับราชาหลายสาย ทําให้พลังวิญญาณฟ้าดินที่นั้นหนาแน่นบริบูรณ์มากสุดที่ถิ่นที่อยู่ของนิกายกระบี่เมฆรุ้งจะเทียบได้

 

สําหรับนิกายกระบี่เมฆรุ้งนั้น มีสายแร่ผลึกอมตะระดับขุนนางแค่สายเดียวเท่านั้น

 

“บิดาของต้วนซื่อหลิง คิดจะทําลายนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งจริงๆหรือ?!”

 

“เช่นนั้นใช่อีกฝ่ายคิดจะมอบสถานที่ตั้งนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งให้นิกายกระบี่เมฆ รุ้งเราหรือไม่?”

 

“บ้าไปแล้ว! ของขวัญนี้ล้ําค่าเกินไป!”

 

หลังจากเหล่าศิษย์และอาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งได้สติทุกคนก็ตกใจกันใหญ่ ขณะเดียวกัน สองตายังเริ่มทอแสงสว่างจ้าขึ้นมา ใบหน้ายังเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

 

นิกายกระบี่เมฆรุ้งของพวกนาง กําลังจะย้ายไปตั้งรกรากในสถานที่ๆดีกว่าเดิมครั้งใหญ่งั้นหรือ!?

 

หากเป็นสถานการณ์ปกติ ต่อให้นิกายอมตะทะเลเยือกแข็งจะเป็นฝ่ายมอบพื้นที่ตั้งนิกายให้พวกนาง แต่พวกนางก็คงไม่กล้ารับ! เพราะพลังของนิกายกระบี่เมฆรุ้งอ่อนด้อยเกินกว่าจะครอบครองสถานที่ประเสริฐเช่นนั้น มันจึงไม่ต่างอะไรจากเผือกร้อน

 

อย่างไรก็ตาม หากบิดาของชื่อหลิงออกหน้าลงมือทําลายนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง จากนั้นก็มอบสถานที่ให้ คงไม่มีใครกล้าคิดไม่ซื่อ!

 

นี่คือพลังสะกดข่มของตัวตนอันทรงพลัง! แค่ชื่อเสียงก็ทําให้ผู้อ่อนแอไม่กล้าที่อถือแล้ว!!

 

เพราะถึงวันนี้ท่านสามารถแย่งชิงสถานที่จากนิกายกระบี่เมฆรุ้งได้ แต่พรุ่งนี้ท่านต้องปกป้องสถานที่ให้ได้ด้วย! การไปช่วงชิงสถานที่ๆผู้ยิ่งใหญ่มอบให้นิกายกระบี่เมฆรุ้งแบบนี้ ยังต่างอะไรกับหาเรื่องตายหมู่กัน?

หากเป็นไปได้ ก็ไม่มีใครอยากล่วงเกินตอแยตัวตนที่ทรงพลังเช่นนั้น

 

สําหรับตัวตนที่ทรงพลังกว่ายอดฝีมือที่มอบสถานที่ให้นิกายกระบี่เมฆรุ้ง ก็คงไม่เหลียวแลสถานที่ตั้งนิกายอมตะทะเยือกแข็งอยู่แล้ว

 

“เมื่อครู่ข้าพูดไปแล้วว่าข้าอวี่เหวินชิงได้ถอนตัวออกจากนิกายกระบี่เมฆรุ้ง และไม่ใช่ประมุขนิกากระบี่เมฆรุ้งอีกต่อไป”

 

ได้ยินบทสนทนาของเหล่าศิษย์กับผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้ง สีหน้าอวี่เหวินชิงอดเปลี่ยนไปไม่ได้ในใจยังเสมือนมีไฟลุกโชนขึ้นมาเมื่อครู่คนพวกนี้ยังอยากจะผลักไสต้วนซื่อหลิงศิษย์รักของนางลงกองไฟอยู่เลย

 

ตอนนี้ยังมีหน้าคิดรับของขวัญจากบิดาต้วนซื่อหลิงอีกเหรอ?

 

เหลวไหล!

 

ถึงแม้อวี่เหวินชิงเองก็จะรู้สถานการณ์ดี และเข้าใจว่าทั้งหมดทําไปเพราะถูกบีบคั้นด้วยชีวิต แต่พอเห็นสีหน้ายินดีราวเรื่องก่อนหน้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางก็อดมิโมโหขึ้นมาไม่ได้

 

“หึ! พวกเจ้าสมควรปกป้องนิกายกระบี่เมฆรุ้งให้ได้เสียก่อน!”

 

โหยวไป๋เฟิงกวาดตามองเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งด้วยสายตาเฉยชา ก่อนจะเห็นร่างติดตามพวกต้วนหลิงเทียนไปทันที

 

อวี่เหวินชิงก็เห็นร่างตามไปติดๆ

 

“ท่านประมุข!”

 

“อาวุโสสูงสุด”

 

“ท่านประมุข ท่านผู้อาวุโสสูงสุด เมื่อครู่พวกเราเองก็ด้วยถูกสถานการณ์บีบคั้น จนไร้หนทางเลือกใดอื่นจึงต้องทําเช่นนั้น หาไม่แล้วพวกเราก็คงต้องตายกันหมด….พวกเราไม่เอาสถานที่ตั้งนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งก็ได้ แต่นิกายกระบี่เมฆรุ้งไม่อาจไม่มีพวกท่านได้!!”

 

“ใช่แล้วท่านประมุข ท่านผู้อาวุโสสูงสุด พวกเราไม่อาจขาดพวกท่านได้!”

 

หลังเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งได้ยินวาจาตัดรอนของอวี่เหวินชิงกับโหยวไป๋เฟิ่งแต่ละคนก็หน้าเปลี่ยนสีทันที จากนั้นก็เร่งรุดเหินร่างตามทั้งคู่ไปเร็วไว เพราะถ้าทั้งคู่เลือกจะจากนิกายกระบี่เมฆรุ้งไปจริงๆ เช่นนั้นก็ย่ําแย่แล้ว!

 

เพราะถึงตอนนั้นเกรงว่านิกายกระบี่เมฆรุ้งจะไม่ได้เป็นแม้แต่ขุมกําลังระดับ 4 ด้วยซ้ํา! 

 

อย่างมากก็ถือว่าเป็นขุมกําลังระดับ 5 เท่านั้น

 

กระทั่งหลังข่าวเรื่องราวการถอนตัวของทั้งคู่แพร่ออกไป เกรงว่าสถานที่ตั้งนิกายกระบี่เมฆรุ้ง พวกนางก็ไม่มีปัญญารักษาเอาไว้ได้!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+