War sovereign Soaring The Heavens 3432

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3432 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3,432 : ซือถูฉูชิงหนีไปแล้ว…
ฟงชิงหยางลองแทนตัวเองเป็นต้วนหลิงเทียนดู ก็ไม่ยากที่จะบังเกิดความชื่นชมต้วนหลิงเทียนขึ้นมาจับใจ
เพราะตอนที่มันถูกไล่ล่าจนต้องหลบหนีเข้าสู่นรกอสุรานั้น มันคิดว่ากระทั่งมันที่ไม่เคยพบเจอต้วนหลิงเทียนสักครั้ง ยังโดนคนของระนาบเทพไล่ฆ่าขนาดนี้ เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนเล่าไม่เจอหนักกว่ามันหรือ?
ด้วยเหตุผลดังกล่าวมันจึงแทบไม่เหลือความหวังว่าต้วนหลิงเทียนจะรอดมาได้เลย และคิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องถูกฆ่าแล้วแน่
ตอนที่มัออกจากนรกอสุรา เหตุไฉนที่มันให้คนอื่นไปตามหาต้วนหลิงเทียนที่ระนาบเซียนแทนที่จะไปด้วยตัวเอง นั่นเพราะมันรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนสมควรเกิดเรื่องแน่แล้ว จึงให้คนไปยืนยันเรื่องราวแทน
ต่อมาเมื่อคนที่ส่งไปรายงานมาว่าไม่พบเจอต้วนหลิงเทียนที่ระนาบเซียน มันก็ได้ลงไปตรวจสอบเรื่องราวที่ระนาบเซียนด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง และพบว่าไม่มีข่าววเรื่องการตายของต้วนหลิงเทียนเลย
ตอนนั้น ในใจของมันบังเกิดภาพลวงตาประการหนึ่ง
แน่นอนว่าเป็นแค่การจินตนาการในแง่บวก
ลึกลงไปในใจมันยังคงรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่ารอดแล้ว เพราะสุดท้ายคนที่ตวนหลิงเทียนล่วงเกินก็เป็นถึงคนจากระนาบเทพ อาศัยต้วนหลิงเทียนที่ยังเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะในระนาบโลกียะไม่ทันได้ขึ้นสวรรค์กายเป็นเซียนอมตะด้วยซ้ำ จะเอาปัญญาที่ไหนไปรอด…
ในสายตาของเซียนอมตะบนระนาบเทวโลก ต้วนหลิงเทียนในตอนนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากมดตัวกระจ้อย นับประสาอะไรกับตัวตนจากระนาบเทพ
หังจากได้ยินเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนพบเจอในอดีต ฟงชิงหยางก็รู้สึกมีโมโหในใจไม่น้อย ด้วยไม่คิดว่าตัวตนระดับเทพคนหนึ่งจะทำเรื่องสามานย์ถึงขนาดนี้…
“ลั่วสุ่ยเทียน?”
ได้ยินคำพูดของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนที่เดิมพอคิดถึงเรื่องเค่อเอ๋อจนอารมณ์เริ่มขุ่นมัวก็สงบลงทันที เพราะความสนใจเขาถูกเบนมาเรื่องใหม่หมดสิ้น
ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดถึงเรื่องในอดีต และในใจก็ยังคงคิดถึงเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่พอพูดขึ้นมาทีไรก็อดไม่ได้ที่จะถูกความแค้นเข้าครอบงำ…
เพราะสุดท้าย เค่อเอ๋อภรรยารักเขาก็ยังคงอยู่ในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ
“อืม”
ฟงชิงหยางพยักหน้ารับคำ แม้สีหน้าท่าทีจะยังแลดูสงบ แต่ต้วนหลิงเทียนก็เห็นได้ชัดถึงประกายเยียบเย็นในแววตา ยังเป็นแววตาอันแหลมคมปานมีดดาบ
“ท่านอาจารย์ เป็นข้าทำร้ายระนาบเซียน…ข้าไม่คิดเลยว่าจักรพรรดีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนนั่น พอหาข้าที่ฆ่าลูกสาวนางไม่เจอ นางจะเอาความแค้นไปลงกับบ้านเกิดเราแบบนี้”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอโทษออกมาด้วยความรู้สึกผิด
เรื่องที่เกิดขึ้นกับระนาบเซียน เขาย่อมโทษตัวเอง เพราะสุดท้ายเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะน้ำมือเขาล้วนๆ หากเขาไม่ทำลายวิญญาณของลูกสาวของ ซือถูฉูชิง จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนเพื่อช่วยมู่อีอี ไหนเลยจะทำให้อีกฝ่ายแค้นถึงขั้นลงมือแบบนี้ได้?
“ข้ารู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมดแล้ว ข้าไม่เคยคิดโทษเจ้าในเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว”
ฟงชิงหยางหัวเราะกล่าว “หากข้าเป็นเจ้า ข้าก็จะทำเหมือนกัน…คนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้เรา ไหนเลยปล่อยให้ผู้อื่นมาคิดช่วงชิงร่างได้!!”
กล่าวถึงท้ายประโยค เจตนาฆ่าฟันก็เอ่อล้นออกมาจากแววตาฟงชิงหยาง ราวกับจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คนสดๆ
“จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน ซือถูฉูชิง ผู้นั้น เลือกที่จะฆ่าล้างสรรพชีวิตบนระนาบเซียนเพื่อระบายอารมณ์…เพราะนางถือว่าตัวเองยิ่งใหญ่และสิ่งมีชีวิตในระนาบเซียนเป็นแค่มดที่นางจะย่ำเหยียบอย่างไรก็ได้…”
พอฟงชิงหยางกล่าวออกอีกครั้ง น้ำเสียงก็เย็นชานัก “น่าเสียดาย ที่ครั้งนี้นางเลือกลงมือผิดระนาบโลกียะแล้ว…”
“บ้านเกิดของข้า ใช่อะไรที่ซือถูฉูชิคิดจะทำลายก็ทำได้งั้นหรือ?!”
กล่าวจบคำ ฟงชิงหยางก็ใช้พลังหอบหิ้วพาต้วนหลิงเทียนใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนไปทันที…และในระหว่างเดินทางไปถึงค่ายกลเคลื่อนย้าย ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งยืนอยู่บนค่ายกลเคลื่อนย้ายแล้ว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก!
‘นี่คือความเร็วของตัวตนขอบเขตเทพหรือ?’
พอมาปรากฏตัวในลั่วสุ่ยเทียน ต้วนหลิงเทียนก็อดอึ้งไม่ได้
ถึงแม้เขาจะรู้แต่แรกแล้ว ว่าช่องว่างระหว่างจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศกับขอบเขตเทพนั้นกว้างใหญ่มาก แต่พอมาพบเจอความเร็วที่ฟงชิงหยางใช้เข้าจริงๆ เขาจึงได้ตระหนักว่าที่ทำคำกว้างใหญ่ไพศาลมันเป็นเช่นไร…อีกทั้งต้องทราบด้วยว่าอาจารย์เขาที่เห็น เป็นแค่ร่างอวตารกฏแห่งดินเท่านั้น!
กฏแห่งดิน สามารถกล่าวได้ว่าเป็นกฏที่มีความลึกซึ้งหนุนเสริมความเร็วน้อยที่สุดในบรรดากฏทั้งมวล โดยทั่วไปแล้วผู้ใช้กฏแห่งดินก็จะเชื่องช้าที่สุด
ทว่าต้วนหลิงเทียนมั่นใจ
ภายใต้ขอบเขตเทพ แม้แต่จักรพรรดิอมตะสมญานามที่โดดเด่นในแง่ความเร็วที่สุด ก็ยังด้อยกว่าความเร็วที่เขาเผยออกมาเมื่อครู่
“พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนข้าไม่เคยไปมาก่อนเลย…เจ้าเคยไปหรือไม่?”
หลังมาถึงลั่วสุ่ยเทียนแล้ว ฟงชิงหยางก็ไม่ได้พาต้วนหลิงเทียนไปไหน เพราะไม่รู้ทาง
ต้วนหลิงเทียนที่เคยไปนิกายลั่วสุ่ยเพื่อหามู่อีอีมาแล้วย่อมรู้ทาง…กระทั่งเขายังจำได้ดีว่าวันนั้นเขาตื่นเต้นแค่ไหน ที่จะได้พบเจอมู่อีอี เพราะสุดท้ายแล้วนางก็คือสหายอีกคนที่รอดชีวิตมาได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ช่วยมู่อีอีก็แล้ว แต่สถานการณ์ของนางกลับไม่ค่อยจะสู้ดีนัก และมู่อีอีคนก่อนก็ไม่มีวันหวนกลับมาอีกต่อไป
“หากไม่ใช่เพราะข้า ศิษย์น้องอีอีไหนเลยจะพบชะตาแบบนั้น”
ไม่คิดก็แล้วไป แต่พอคิดถึงต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง ถึงแม้เรื่องนี้อาจมีจุดเริ่มต้นเพราะเจ้า แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการกระทำของอวิ๋นชิงเหยยียนจากระนาบเทพนั่น…ไม่ใช่คนจากระนาบเทพทุกคนที่จะชั่วช้าเช่นมัน”
ฟงชิงหยางกล่าวปลอบ
มันย่อมเข้าใจความรู้สึกของศิษย์เพีงหนึ่งเดียวของตัวเองดี
อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ต่างฝ่ายต่างคาดหวังจะได้พบกันมาก ทำให้ไม่ว่าจะต้วนหลิงเทียนหรือฟงชิงหยาง แม้จะพึ่งพบกันได้ไม่ทันไร แต่ก็เข้ากันได้ดีราวเป็นศิษย์อาจารย์กันมาหลายปี ไม่เหมือนคนีท่พึ่งเจอหน้ากันแม้แต่น้อย
เพราะครั้งที่แล้วต้วนหลิงเทียนมาหามู่อีอีถึงหน้าประตูใหญ่นิกายลั่วสุ่ย เขาจึงรู้ทางไป
ภายใต้การชี้นำของเขา ฟงชิงหางก็พาเขามาถึงด้านหน้าประตูใหญ่หน้านิกายลั่วสุ่ยในเวลาอันสั้น
และคราวนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่หน้าประตูใหญ่นิกายลั่วสุ่ยอีกต่อไป แต่ฟงชิงหยางพาเขาบุกเข้าไปในนิกายลั่วสุ่ยโดยตรง พร้อมกันนั้นยังตะโกนผสานพลังออกมา “ซือถูฉูชิง ไสหัวออกมา!!”
เสียงตะโกนของฟงชิงหยางทำให้ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปด้วยความรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง
เพราะการบุกเข้ามาหาคนอย่างอุกอาจแบบนี้ เขาเองก็เคยทำ
เดิมทีเขาคิดว่าจะอย่างไรให้อาจารย์ร้ายกาจแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน และซือถูฉูชิงก็เป็นจักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุ่ยเทียน ก็ต้องมีให้เกียรติกันบ้าง
แต่ใครจะไปคิดฝัน พอมาถึงอาจารย์เขาก็ตะโกนสั่งให้ผู้อื่นไสหัวออกมา!
เป็นธรรมดาว่าเสียงตะโกนของฟงชิงหยาง ย่อมทำให้คนของนิกายลั่วสุ่ยแตกตื่นกันไม่น้อย
“เมื่อครู่ ที่ตะโกนมันพูดว่าอะไรนะ!?”
“เจ้านั่นมันเป็นใครกันแน่ ไฉนถึงกล้าเรียกใต้เท้าจักรพรรดินีสวรรค์ด้วยชื่อห้วนๆเช่นนั้น?”
“เสียงของมันสมควรดังมาจากบนฟ้าเหนือนิกายเรา…นี่พวกอาวุโสหน่วยลาดตระเวนมันอู้งานกันหรือไรไฉนปล่อยให้ผู้อื่นบุกเข้ามาได้ง่ายๆโดยที่พวกเราไม่รู้?”
“มันกล้าเรียกหาใต้เท้าจักรรพรดินีสวรรค์ด้วยชื่อห้วนๆ แถมสั่งให้ไสหัวออกไปอีก…ไม่ว่าที่มาเป็นใคร แต่ข้าว่ามันไม่ง่ายแน่!”

ในนิกายลั่วสุ่ยก็มีอาวุโสหลายคนที่มีโมโหกับเสียงตะโกนของฟงชิงหยาง แต่หลายคนก็เลือกจะเก็บงำความโมโหเอาไว้ไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะรู้สึกว่าใครก็ตามที่หาญกล้ามาตะโกนด้วยวาจาเช่นนี้ น่ากลัวจะไม่ใช่คนธรรมดา!
เกรงว่าหากผู้มาไม่ใช่คนเสียสติ ก็ต้องมีพลังฝีมือสูงเทียมฟ้า!
และอย่างแรกน่ากลัวว่าคงบุกเข้ามาถึงด้านในนิกายลั่วสุ่ยของพวกมันได้
จะอย่างไรก็ตาม ถึงแม้พวกมันจะบังเกิดความยำเกรงต่อผู้ที่บุกเข้ามาตะโกนอุกอาจ แต่อาวุโสนิกายลั่วสุ่ยหลายคนก็ได้แต่กัดฟันเหินร่างขึ้นไปรับหน้า พริบตาก็มีผู้คนนับโหลมาปรากฏตัวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยาง
ต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางก็ลอยร่างเคียงกันกลางหาว ชมมองผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นมาด้วยสายตาเฉยเมย
“ท่าน…มิทราบมาหาใต้เท้าจักรพรรดินีสวรรค์ของพวกเราด้วยเรื่องราวอันใด?”
จักรพรรดิอมตะสมญานามชนชั้นผู้อาวุโสคนหนึ่งของนิกายลั่วสุ่ย มองถามต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางด้ววยสีหน้าแววตากังวล
และตอนนี้เอง ชายชราหนึ่งในผู้อาวุโสนับโหลที่เหินร่างขึ้นมา ก็อดไม่ได้ที่จะชมมองฟงชิงหยางด้วยสายตาเบิกกว้าง อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจโดยไม่รู้ตัว “ท่าน…ท่านคือจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง!”
“เจ้ารู้จักข้า?”
ฟงชิงหยางหันไปมองชายชราด้วยความแปลกใจ ด้วยเพราะไม่คุ้นหน้าอีกฝ่ายเลย แถมวันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่มาเยือนนิกายลั่วสุ่ยด้วย
ด้านคนอื่นพอได้ยินคำของอาวุโสชรา ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจไปตามๆกัน
เพราะฟังจากเสียงเอ่ยถามเมื่อครู่ ที่เป็นน้ำเสียยงเดียวกับคำตะโกนก่อนหน้า เห็นชัดว่าเป็นคนๆเดียวกัน!
ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ไฉนถึงมาหาใต้เท้าจักรพรรดินีสวรรค์ของพวกมันได้? แถมยังวาจาที่ตะโกนก่อนหน้าอีก…
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาดีแน่!
จังหวะนี้พวกมันรู้สึกเสมือนหนังศีรษะชาหนึบ ทั่วร่างคล้ายมีไอเย็นแล่นวาบ
แม้จะเป็นตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์ดุจเดียวกัน แต่พลังฝีมือของฟงชิงหยางเบื้องหน้า ร้ายกาจกว่าจักรพรรดินีสวรรค์ของพวกมันหลายขุม! ที่สำคัญนั่นยังเป็นตอนที่ฟงชิงหยางไม่ได้เข้าสู่นรกอสุราด้วยซ้ำ ตอนนี้ผู้อื่นออกมาแล้วเกรงว่าจักรพรรดินีสวรรค์ของพวกมันคงห่างชั้นกับอีกฝ่ายจนไม่เห็นฝุ่น!!
“ผู้น้อย ขอคารวะใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง”
ชายชราที่ตกใจกับตัวตนของฟงชิงหยาง พอคืนสติก็เร่งกล่าวตอบคำฟงชิงหยางด้วยท่าทีนอบน้อม “พอดีสหายของข้าน้อยเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามคนหนึ่งในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน…และตอนที่ข้าไปหาสหายที่นั่น ข้าน้อยมีวาสนาได้เห็นท่านครั้งหนึ่ง”
“เข้าใจแล้ว”
ฟงชิงหยางตระหนักได้ทันที ในอดีตมันเคยไปเยือนพระราชวังจักรพรดริสวรรค์ซวนหยวนเทียนบ่อยครั้ง เพราะมันเป็นสหายกับกงซุนซวนหยวนจักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียน และนี่เป็นเรื่องก่อนที่มันจะถูกคนไล่ฆ่า
อย่างไรก็ตามหลังกลับออกมาจากนรกอสุรา มันก็ยังไม่ได้ไปเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียนอีกเลย
อย่างไรก็ มันไม่ได้ไป ก็ไม่ใช่ว่าผู้อื่นจะไม่มา จักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียน กงซุนซวนหยวนนั้นได้มาหามันเพื่อแสดงความยินดีที่รอดกลับมาได้…เรียกว่าทันทีที่รู้ข่าวว่าตัวมันกลับมาแล้ว อีกฝ่ายก็เร่งรุดมาหาโดยไม่ต้องเชิญ
เป็นธรรมดาว่าที่กงซุนซวนหยวนมาหาฟงชิงหยาง นอกจากจะมาแสดงความยินดีที่รอดกับมาได้แล้ว อีกฝ่ายยังมาเพื่อประลองกระชับมิตรอีกด้วย
อนิจจาการประลองกระชับมิตรวันนั้นทำให้จักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียนจขำต้องร่ำร้องโอดครวญด้วยความสิ้นหวัง ด้วยไม่คิดเลยวว่าสหายอย่างฟงชิงหยางจะพบวาสนาในคราวเคราะห์ หลังจากเข้าสู่นรกอสุรา…
ในอดีตถึงแม้ฟงชิงหยางจะเชี่ยวชาญกฏแห่งดิน แต่หากประมือกับมันก็จำต้องใช้กฏทำลายล้างอย่างเดียว เพราะถ้าใช้กฏแห่งดินก็คงสู้มันไม่ได้เลย…
ทว่าพบกันอีกครั้ง อีกฝ่ายอาศัยแค่ร่างอวตารกฏแห่งดินกลับไล่บี้มันจนไร้หนทางต่อต้าน!
“จักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน?”
ได้ยินคำพูดของชายชรา ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงเร็วไว เพราะหากเขาจำไม่ผิด ผู้เฒ่าหั่วเคยบอกเขาไว้ว่าจักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียน ก็คือกงซุนซวนหยวนที่มาจากดาวเหยียนหวง บ้านเกิดเขา!
อีกฝ่ายก็เป้นคนของงอวี้หวงเทียน ทั้งยังเติบโตก้าวหน้าเร็วมาก สุดท้ายก็สามารถเอาชนะจักรพรรดิสวรรค์ของอวี้หวงเทียนและแทนที่อีกฝ่าย กลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์คนใหม่ และเปลี่ยนชื่อระนาบเทวโลกเป็นซวนหยวนเทียน!

ตอนที่ 3,432 : ซือถูฉูชิงหนีไปแล้ว…
ฟงชิงหยางลองแทนตัวเองเป็นต้วนหลิงเทียนดู ก็ไม่ยากที่จะบังเกิดความชื่นชมต้วนหลิงเทียนขึ้นมาจับใจ
เพราะตอนที่มันถูกไล่ล่าจนต้องหลบหนีเข้าสู่นรกอสุรานั้น มันคิดว่ากระทั่งมันที่ไม่เคยพบเจอต้วนหลิงเทียนสักครั้ง ยังโดนคนของระนาบเทพไล่ฆ่าขนาดนี้ เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนเล่าไม่เจอหนักกว่ามันหรือ?
ด้วยเหตุผลดังกล่าวมันจึงแทบไม่เหลือความหวังว่าต้วนหลิงเทียนจะรอดมาได้เลย และคิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องถูกฆ่าแล้วแน่
ตอนที่มัออกจากนรกอสุรา เหตุไฉนที่มันให้คนอื่นไปตามหาต้วนหลิงเทียนที่ระนาบเซียนแทนที่จะไปด้วยตัวเอง นั่นเพราะมันรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนสมควรเกิดเรื่องแน่แล้ว จึงให้คนไปยืนยันเรื่องราวแทน
ต่อมาเมื่อคนที่ส่งไปรายงานมาว่าไม่พบเจอต้วนหลิงเทียนที่ระนาบเซียน มันก็ได้ลงไปตรวจสอบเรื่องราวที่ระนาบเซียนด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง และพบว่าไม่มีข่าววเรื่องการตายของต้วนหลิงเทียนเลย
ตอนนั้น ในใจของมันบังเกิดภาพลวงตาประการหนึ่ง
แน่นอนว่าเป็นแค่การจินตนาการในแง่บวก
ลึกลงไปในใจมันยังคงรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่ารอดแล้ว เพราะสุดท้ายคนที่ตวนหลิงเทียนล่วงเกินก็เป็นถึงคนจากระนาบเทพ อาศัยต้วนหลิงเทียนที่ยังเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะในระนาบโลกียะไม่ทันได้ขึ้นสวรรค์กายเป็นเซียนอมตะด้วยซ้ำ จะเอาปัญญาที่ไหนไปรอด…
ในสายตาของเซียนอมตะบนระนาบเทวโลก ต้วนหลิงเทียนในตอนนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากมดตัวกระจ้อย นับประสาอะไรกับตัวตนจากระนาบเทพ
หังจากได้ยินเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนพบเจอในอดีต ฟงชิงหยางก็รู้สึกมีโมโหในใจไม่น้อย ด้วยไม่คิดว่าตัวตนระดับเทพคนหนึ่งจะทำเรื่องสามานย์ถึงขนาดนี้…
“ลั่วสุ่ยเทียน?”
ได้ยินคำพูดของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนที่เดิมพอคิดถึงเรื่องเค่อเอ๋อจนอารมณ์เริ่มขุ่นมัวก็สงบลงทันที เพราะความสนใจเขาถูกเบนมาเรื่องใหม่หมดสิ้น
ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดถึงเรื่องในอดีต และในใจก็ยังคงคิดถึงเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่พอพูดขึ้นมาทีไรก็อดไม่ได้ที่จะถูกความแค้นเข้าครอบงำ…
เพราะสุดท้าย เค่อเอ๋อภรรยารักเขาก็ยังคงอยู่ในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ
“อืม”
ฟงชิงหยางพยักหน้ารับคำ แม้สีหน้าท่าทีจะยังแลดูสงบ แต่ต้วนหลิงเทียนก็เห็นได้ชัดถึงประกายเยียบเย็นในแววตา ยังเป็นแววตาอันแหลมคมปานมีดดาบ
“ท่านอาจารย์ เป็นข้าทำร้ายระนาบเซียน…ข้าไม่คิดเลยว่าจักรพรรดีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนนั่น พอหาข้าที่ฆ่าลูกสาวนางไม่เจอ นางจะเอาความแค้นไปลงกับบ้านเกิดเราแบบนี้”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอโทษออกมาด้วยความรู้สึกผิด
เรื่องที่เกิดขึ้นกับระนาบเซียน เขาย่อมโทษตัวเอง เพราะสุดท้ายเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะน้ำมือเขาล้วนๆ หากเขาไม่ทำลายวิญญาณของลูกสาวของ ซือถูฉูชิง จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนเพื่อช่วยมู่อีอี ไหนเลยจะทำให้อีกฝ่ายแค้นถึงขั้นลงมือแบบนี้ได้?
“ข้ารู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมดแล้ว ข้าไม่เคยคิดโทษเจ้าในเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว”
ฟงชิงหยางหัวเราะกล่าว “หากข้าเป็นเจ้า ข้าก็จะทำเหมือนกัน…คนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้เรา ไหนเลยปล่อยให้ผู้อื่นมาคิดช่วงชิงร่างได้!!”
กล่าวถึงท้ายประโยค เจตนาฆ่าฟันก็เอ่อล้นออกมาจากแววตาฟงชิงหยาง ราวกับจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คนสดๆ
“จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน ซือถูฉูชิง ผู้นั้น เลือกที่จะฆ่าล้างสรรพชีวิตบนระนาบเซียนเพื่อระบายอารมณ์…เพราะนางถือว่าตัวเองยิ่งใหญ่และสิ่งมีชีวิตในระนาบเซียนเป็นแค่มดที่นางจะย่ำเหยียบอย่างไรก็ได้…”
พอฟงชิงหยางกล่าวออกอีกครั้ง น้ำเสียงก็เย็นชานัก “น่าเสียดาย ที่ครั้งนี้นางเลือกลงมือผิดระนาบโลกียะแล้ว…”
“บ้านเกิดของข้า ใช่อะไรที่ซือถูฉูชิคิดจะทำลายก็ทำได้งั้นหรือ?!”
กล่าวจบคำ ฟงชิงหยางก็ใช้พลังหอบหิ้วพาต้วนหลิงเทียนใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนไปทันที…และในระหว่างเดินทางไปถึงค่ายกลเคลื่อนย้าย ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งยืนอยู่บนค่ายกลเคลื่อนย้ายแล้ว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก!
‘นี่คือความเร็วของตัวตนขอบเขตเทพหรือ?’
พอมาปรากฏตัวในลั่วสุ่ยเทียน ต้วนหลิงเทียนก็อดอึ้งไม่ได้
ถึงแม้เขาจะรู้แต่แรกแล้ว ว่าช่องว่างระหว่างจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศกับขอบเขตเทพนั้นกว้างใหญ่มาก แต่พอมาพบเจอความเร็วที่ฟงชิงหยางใช้เข้าจริงๆ เขาจึงได้ตระหนักว่าที่ทำคำกว้างใหญ่ไพศาลมันเป็นเช่นไร…อีกทั้งต้องทราบด้วยว่าอาจารย์เขาที่เห็น เป็นแค่ร่างอวตารกฏแห่งดินเท่านั้น!
กฏแห่งดิน สามารถกล่าวได้ว่าเป็นกฏที่มีความลึกซึ้งหนุนเสริมความเร็วน้อยที่สุดในบรรดากฏทั้งมวล โดยทั่วไปแล้วผู้ใช้กฏแห่งดินก็จะเชื่องช้าที่สุด
ทว่าต้วนหลิงเทียนมั่นใจ
ภายใต้ขอบเขตเทพ แม้แต่จักรพรรดิอมตะสมญานามที่โดดเด่นในแง่ความเร็วที่สุด ก็ยังด้อยกว่าความเร็วที่เขาเผยออกมาเมื่อครู่
“พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนข้าไม่เคยไปมาก่อนเลย…เจ้าเคยไปหรือไม่?”
หลังมาถึงลั่วสุ่ยเทียนแล้ว ฟงชิงหยางก็ไม่ได้พาต้วนหลิงเทียนไปไหน เพราะไม่รู้ทาง
ต้วนหลิงเทียนที่เคยไปนิกายลั่วสุ่ยเพื่อหามู่อีอีมาแล้วย่อมรู้ทาง…กระทั่งเขายังจำได้ดีว่าวันนั้นเขาตื่นเต้นแค่ไหน ที่จะได้พบเจอมู่อีอี เพราะสุดท้ายแล้วนางก็คือสหายอีกคนที่รอดชีวิตมาได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ช่วยมู่อีอีก็แล้ว แต่สถานการณ์ของนางกลับไม่ค่อยจะสู้ดีนัก และมู่อีอีคนก่อนก็ไม่มีวันหวนกลับมาอีกต่อไป
“หากไม่ใช่เพราะข้า ศิษย์น้องอีอีไหนเลยจะพบชะตาแบบนั้น”
ไม่คิดก็แล้วไป แต่พอคิดถึงต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง ถึงแม้เรื่องนี้อาจมีจุดเริ่มต้นเพราะเจ้า แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการกระทำของอวิ๋นชิงเหยยียนจากระนาบเทพนั่น…ไม่ใช่คนจากระนาบเทพทุกคนที่จะชั่วช้าเช่นมัน”
ฟงชิงหยางกล่าวปลอบ
มันย่อมเข้าใจความรู้สึกของศิษย์เพีงหนึ่งเดียวของตัวเองดี
อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ต่างฝ่ายต่างคาดหวังจะได้พบกันมาก ทำให้ไม่ว่าจะต้วนหลิงเทียนหรือฟงชิงหยาง แม้จะพึ่งพบกันได้ไม่ทันไร แต่ก็เข้ากันได้ดีราวเป็นศิษย์อาจารย์กันมาหลายปี ไม่เหมือนคนีท่พึ่งเจอหน้ากันแม้แต่น้อย
เพราะครั้งที่แล้วต้วนหลิงเทียนมาหามู่อีอีถึงหน้าประตูใหญ่นิกายลั่วสุ่ย เขาจึงรู้ทางไป
ภายใต้การชี้นำของเขา ฟงชิงหางก็พาเขามาถึงด้านหน้าประตูใหญ่หน้านิกายลั่วสุ่ยในเวลาอันสั้น
และคราวนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่หน้าประตูใหญ่นิกายลั่วสุ่ยอีกต่อไป แต่ฟงชิงหยางพาเขาบุกเข้าไปในนิกายลั่วสุ่ยโดยตรง พร้อมกันนั้นยังตะโกนผสานพลังออกมา “ซือถูฉูชิง ไสหัวออกมา!!”
เสียงตะโกนของฟงชิงหยางทำให้ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปด้วยความรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง
เพราะการบุกเข้ามาหาคนอย่างอุกอาจแบบนี้ เขาเองก็เคยทำ
เดิมทีเขาคิดว่าจะอย่างไรให้อาจารย์ร้ายกาจแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน และซือถูฉูชิงก็เป็นจักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุ่ยเทียน ก็ต้องมีให้เกียรติกันบ้าง
แต่ใครจะไปคิดฝัน พอมาถึงอาจารย์เขาก็ตะโกนสั่งให้ผู้อื่นไสหัวออกมา!
เป็นธรรมดาว่าเสียงตะโกนของฟงชิงหยาง ย่อมทำให้คนของนิกายลั่วสุ่ยแตกตื่นกันไม่น้อย
“เมื่อครู่ ที่ตะโกนมันพูดว่าอะไรนะ!?”
“เจ้านั่นมันเป็นใครกันแน่ ไฉนถึงกล้าเรียกใต้เท้าจักรพรรดินีสวรรค์ด้วยชื่อห้วนๆเช่นนั้น?”
“เสียงของมันสมควรดังมาจากบนฟ้าเหนือนิกายเรา…นี่พวกอาวุโสหน่วยลาดตระเวนมันอู้งานกันหรือไรไฉนปล่อยให้ผู้อื่นบุกเข้ามาได้ง่ายๆโดยที่พวกเราไม่รู้?”
“มันกล้าเรียกหาใต้เท้าจักรรพรดินีสวรรค์ด้วยชื่อห้วนๆ แถมสั่งให้ไสหัวออกไปอีก…ไม่ว่าที่มาเป็นใคร แต่ข้าว่ามันไม่ง่ายแน่!”

ในนิกายลั่วสุ่ยก็มีอาวุโสหลายคนที่มีโมโหกับเสียงตะโกนของฟงชิงหยาง แต่หลายคนก็เลือกจะเก็บงำความโมโหเอาไว้ไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะรู้สึกว่าใครก็ตามที่หาญกล้ามาตะโกนด้วยวาจาเช่นนี้ น่ากลัวจะไม่ใช่คนธรรมดา!
เกรงว่าหากผู้มาไม่ใช่คนเสียสติ ก็ต้องมีพลังฝีมือสูงเทียมฟ้า!
และอย่างแรกน่ากลัวว่าคงบุกเข้ามาถึงด้านในนิกายลั่วสุ่ยของพวกมันได้
จะอย่างไรก็ตาม ถึงแม้พวกมันจะบังเกิดความยำเกรงต่อผู้ที่บุกเข้ามาตะโกนอุกอาจ แต่อาวุโสนิกายลั่วสุ่ยหลายคนก็ได้แต่กัดฟันเหินร่างขึ้นไปรับหน้า พริบตาก็มีผู้คนนับโหลมาปรากฏตัวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยาง
ต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางก็ลอยร่างเคียงกันกลางหาว ชมมองผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นมาด้วยสายตาเฉยเมย
“ท่าน…มิทราบมาหาใต้เท้าจักรพรรดินีสวรรค์ของพวกเราด้วยเรื่องราวอันใด?”
จักรพรรดิอมตะสมญานามชนชั้นผู้อาวุโสคนหนึ่งของนิกายลั่วสุ่ย มองถามต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางด้ววยสีหน้าแววตากังวล
และตอนนี้เอง ชายชราหนึ่งในผู้อาวุโสนับโหลที่เหินร่างขึ้นมา ก็อดไม่ได้ที่จะชมมองฟงชิงหยางด้วยสายตาเบิกกว้าง อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจโดยไม่รู้ตัว “ท่าน…ท่านคือจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง!”
“เจ้ารู้จักข้า?”
ฟงชิงหยางหันไปมองชายชราด้วยความแปลกใจ ด้วยเพราะไม่คุ้นหน้าอีกฝ่ายเลย แถมวันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่มาเยือนนิกายลั่วสุ่ยด้วย
ด้านคนอื่นพอได้ยินคำของอาวุโสชรา ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจไปตามๆกัน
เพราะฟังจากเสียงเอ่ยถามเมื่อครู่ ที่เป็นน้ำเสียยงเดียวกับคำตะโกนก่อนหน้า เห็นชัดว่าเป็นคนๆเดียวกัน!
ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ไฉนถึงมาหาใต้เท้าจักรพรรดินีสวรรค์ของพวกมันได้? แถมยังวาจาที่ตะโกนก่อนหน้าอีก…
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาดีแน่!
จังหวะนี้พวกมันรู้สึกเสมือนหนังศีรษะชาหนึบ ทั่วร่างคล้ายมีไอเย็นแล่นวาบ
แม้จะเป็นตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์ดุจเดียวกัน แต่พลังฝีมือของฟงชิงหยางเบื้องหน้า ร้ายกาจกว่าจักรพรรดินีสวรรค์ของพวกมันหลายขุม! ที่สำคัญนั่นยังเป็นตอนที่ฟงชิงหยางไม่ได้เข้าสู่นรกอสุราด้วยซ้ำ ตอนนี้ผู้อื่นออกมาแล้วเกรงว่าจักรพรรดินีสวรรค์ของพวกมันคงห่างชั้นกับอีกฝ่ายจนไม่เห็นฝุ่น!!
“ผู้น้อย ขอคารวะใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง”
ชายชราที่ตกใจกับตัวตนของฟงชิงหยาง พอคืนสติก็เร่งกล่าวตอบคำฟงชิงหยางด้วยท่าทีนอบน้อม “พอดีสหายของข้าน้อยเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามคนหนึ่งในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน…และตอนที่ข้าไปหาสหายที่นั่น ข้าน้อยมีวาสนาได้เห็นท่านครั้งหนึ่ง”
“เข้าใจแล้ว”
ฟงชิงหยางตระหนักได้ทันที ในอดีตมันเคยไปเยือนพระราชวังจักรพรดริสวรรค์ซวนหยวนเทียนบ่อยครั้ง เพราะมันเป็นสหายกับกงซุนซวนหยวนจักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียน และนี่เป็นเรื่องก่อนที่มันจะถูกคนไล่ฆ่า
อย่างไรก็ตามหลังกลับออกมาจากนรกอสุรา มันก็ยังไม่ได้ไปเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียนอีกเลย
อย่างไรก็ มันไม่ได้ไป ก็ไม่ใช่ว่าผู้อื่นจะไม่มา จักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียน กงซุนซวนหยวนนั้นได้มาหามันเพื่อแสดงความยินดีที่รอดกลับมาได้…เรียกว่าทันทีที่รู้ข่าวว่าตัวมันกลับมาแล้ว อีกฝ่ายก็เร่งรุดมาหาโดยไม่ต้องเชิญ
เป็นธรรมดาว่าที่กงซุนซวนหยวนมาหาฟงชิงหยาง นอกจากจะมาแสดงความยินดีที่รอดกับมาได้แล้ว อีกฝ่ายยังมาเพื่อประลองกระชับมิตรอีกด้วย
อนิจจาการประลองกระชับมิตรวันนั้นทำให้จักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียนจขำต้องร่ำร้องโอดครวญด้วยความสิ้นหวัง ด้วยไม่คิดเลยวว่าสหายอย่างฟงชิงหยางจะพบวาสนาในคราวเคราะห์ หลังจากเข้าสู่นรกอสุรา…
ในอดีตถึงแม้ฟงชิงหยางจะเชี่ยวชาญกฏแห่งดิน แต่หากประมือกับมันก็จำต้องใช้กฏทำลายล้างอย่างเดียว เพราะถ้าใช้กฏแห่งดินก็คงสู้มันไม่ได้เลย…
ทว่าพบกันอีกครั้ง อีกฝ่ายอาศัยแค่ร่างอวตารกฏแห่งดินกลับไล่บี้มันจนไร้หนทางต่อต้าน!
“จักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน?”
ได้ยินคำพูดของชายชรา ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงเร็วไว เพราะหากเขาจำไม่ผิด ผู้เฒ่าหั่วเคยบอกเขาไว้ว่าจักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียน ก็คือกงซุนซวนหยวนที่มาจากดาวเหยียนหวง บ้านเกิดเขา!
อีกฝ่ายก็เป้นคนของงอวี้หวงเทียน ทั้งยังเติบโตก้าวหน้าเร็วมาก สุดท้ายก็สามารถเอาชนะจักรพรรดิสวรรค์ของอวี้หวงเทียนและแทนที่อีกฝ่าย กลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์คนใหม่ และเปลี่ยนชื่อระนาบเทวโลกเป็นซวนหยวนเทียน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3432

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3432 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3,432 : ซือถูฉูชิงหนีไปแล้ว…
ฟงชิงหยางลองแทนตัวเองเป็นต้วนหลิงเทียนดู ก็ไม่ยากที่จะบังเกิดความชื่นชมต้วนหลิงเทียนขึ้นมาจับใจ
เพราะตอนที่มันถูกไล่ล่าจนต้องหลบหนีเข้าสู่นรกอสุรานั้น มันคิดว่ากระทั่งมันที่ไม่เคยพบเจอต้วนหลิงเทียนสักครั้ง ยังโดนคนของระนาบเทพไล่ฆ่าขนาดนี้ เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนเล่าไม่เจอหนักกว่ามันหรือ?
ด้วยเหตุผลดังกล่าวมันจึงแทบไม่เหลือความหวังว่าต้วนหลิงเทียนจะรอดมาได้เลย และคิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องถูกฆ่าแล้วแน่
ตอนที่มัออกจากนรกอสุรา เหตุไฉนที่มันให้คนอื่นไปตามหาต้วนหลิงเทียนที่ระนาบเซียนแทนที่จะไปด้วยตัวเอง นั่นเพราะมันรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนสมควรเกิดเรื่องแน่แล้ว จึงให้คนไปยืนยันเรื่องราวแทน
ต่อมาเมื่อคนที่ส่งไปรายงานมาว่าไม่พบเจอต้วนหลิงเทียนที่ระนาบเซียน มันก็ได้ลงไปตรวจสอบเรื่องราวที่ระนาบเซียนด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง และพบว่าไม่มีข่าววเรื่องการตายของต้วนหลิงเทียนเลย
ตอนนั้น ในใจของมันบังเกิดภาพลวงตาประการหนึ่ง
แน่นอนว่าเป็นแค่การจินตนาการในแง่บวก
ลึกลงไปในใจมันยังคงรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่ารอดแล้ว เพราะสุดท้ายคนที่ตวนหลิงเทียนล่วงเกินก็เป็นถึงคนจากระนาบเทพ อาศัยต้วนหลิงเทียนที่ยังเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะในระนาบโลกียะไม่ทันได้ขึ้นสวรรค์กายเป็นเซียนอมตะด้วยซ้ำ จะเอาปัญญาที่ไหนไปรอด…
ในสายตาของเซียนอมตะบนระนาบเทวโลก ต้วนหลิงเทียนในตอนนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากมดตัวกระจ้อย นับประสาอะไรกับตัวตนจากระนาบเทพ
หังจากได้ยินเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนพบเจอในอดีต ฟงชิงหยางก็รู้สึกมีโมโหในใจไม่น้อย ด้วยไม่คิดว่าตัวตนระดับเทพคนหนึ่งจะทำเรื่องสามานย์ถึงขนาดนี้…
“ลั่วสุ่ยเทียน?”
ได้ยินคำพูดของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนที่เดิมพอคิดถึงเรื่องเค่อเอ๋อจนอารมณ์เริ่มขุ่นมัวก็สงบลงทันที เพราะความสนใจเขาถูกเบนมาเรื่องใหม่หมดสิ้น
ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดถึงเรื่องในอดีต และในใจก็ยังคงคิดถึงเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่พอพูดขึ้นมาทีไรก็อดไม่ได้ที่จะถูกความแค้นเข้าครอบงำ…
เพราะสุดท้าย เค่อเอ๋อภรรยารักเขาก็ยังคงอยู่ในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ
“อืม”
ฟงชิงหยางพยักหน้ารับคำ แม้สีหน้าท่าทีจะยังแลดูสงบ แต่ต้วนหลิงเทียนก็เห็นได้ชัดถึงประกายเยียบเย็นในแววตา ยังเป็นแววตาอันแหลมคมปานมีดดาบ
“ท่านอาจารย์ เป็นข้าทำร้ายระนาบเซียน…ข้าไม่คิดเลยว่าจักรพรรดีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนนั่น พอหาข้าที่ฆ่าลูกสาวนางไม่เจอ นางจะเอาความแค้นไปลงกับบ้านเกิดเราแบบนี้”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอโทษออกมาด้วยความรู้สึกผิด
เรื่องที่เกิดขึ้นกับระนาบเซียน เขาย่อมโทษตัวเอง เพราะสุดท้ายเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะน้ำมือเขาล้วนๆ หากเขาไม่ทำลายวิญญาณของลูกสาวของ ซือถูฉูชิง จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนเพื่อช่วยมู่อีอี ไหนเลยจะทำให้อีกฝ่ายแค้นถึงขั้นลงมือแบบนี้ได้?
“ข้ารู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมดแล้ว ข้าไม่เคยคิดโทษเจ้าในเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว”
ฟงชิงหยางหัวเราะกล่าว “หากข้าเป็นเจ้า ข้าก็จะทำเหมือนกัน…คนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้เรา ไหนเลยปล่อยให้ผู้อื่นมาคิดช่วงชิงร่างได้!!”
กล่าวถึงท้ายประโยค เจตนาฆ่าฟันก็เอ่อล้นออกมาจากแววตาฟงชิงหยาง ราวกับจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คนสดๆ
“จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน ซือถูฉูชิง ผู้นั้น เลือกที่จะฆ่าล้างสรรพชีวิตบนระนาบเซียนเพื่อระบายอารมณ์…เพราะนางถือว่าตัวเองยิ่งใหญ่และสิ่งมีชีวิตในระนาบเซียนเป็นแค่มดที่นางจะย่ำเหยียบอย่างไรก็ได้…”
พอฟงชิงหยางกล่าวออกอีกครั้ง น้ำเสียงก็เย็นชานัก “น่าเสียดาย ที่ครั้งนี้นางเลือกลงมือผิดระนาบโลกียะแล้ว…”
“บ้านเกิดของข้า ใช่อะไรที่ซือถูฉูชิคิดจะทำลายก็ทำได้งั้นหรือ?!”
กล่าวจบคำ ฟงชิงหยางก็ใช้พลังหอบหิ้วพาต้วนหลิงเทียนใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนไปทันที…และในระหว่างเดินทางไปถึงค่ายกลเคลื่อนย้าย ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งยืนอยู่บนค่ายกลเคลื่อนย้ายแล้ว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก!
‘นี่คือความเร็วของตัวตนขอบเขตเทพหรือ?’
พอมาปรากฏตัวในลั่วสุ่ยเทียน ต้วนหลิงเทียนก็อดอึ้งไม่ได้
ถึงแม้เขาจะรู้แต่แรกแล้ว ว่าช่องว่างระหว่างจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศกับขอบเขตเทพนั้นกว้างใหญ่มาก แต่พอมาพบเจอความเร็วที่ฟงชิงหยางใช้เข้าจริงๆ เขาจึงได้ตระหนักว่าที่ทำคำกว้างใหญ่ไพศาลมันเป็นเช่นไร…อีกทั้งต้องทราบด้วยว่าอาจารย์เขาที่เห็น เป็นแค่ร่างอวตารกฏแห่งดินเท่านั้น!
กฏแห่งดิน สามารถกล่าวได้ว่าเป็นกฏที่มีความลึกซึ้งหนุนเสริมความเร็วน้อยที่สุดในบรรดากฏทั้งมวล โดยทั่วไปแล้วผู้ใช้กฏแห่งดินก็จะเชื่องช้าที่สุด
ทว่าต้วนหลิงเทียนมั่นใจ
ภายใต้ขอบเขตเทพ แม้แต่จักรพรรดิอมตะสมญานามที่โดดเด่นในแง่ความเร็วที่สุด ก็ยังด้อยกว่าความเร็วที่เขาเผยออกมาเมื่อครู่
“พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนข้าไม่เคยไปมาก่อนเลย…เจ้าเคยไปหรือไม่?”
หลังมาถึงลั่วสุ่ยเทียนแล้ว ฟงชิงหยางก็ไม่ได้พาต้วนหลิงเทียนไปไหน เพราะไม่รู้ทาง
ต้วนหลิงเทียนที่เคยไปนิกายลั่วสุ่ยเพื่อหามู่อีอีมาแล้วย่อมรู้ทาง…กระทั่งเขายังจำได้ดีว่าวันนั้นเขาตื่นเต้นแค่ไหน ที่จะได้พบเจอมู่อีอี เพราะสุดท้ายแล้วนางก็คือสหายอีกคนที่รอดชีวิตมาได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ช่วยมู่อีอีก็แล้ว แต่สถานการณ์ของนางกลับไม่ค่อยจะสู้ดีนัก และมู่อีอีคนก่อนก็ไม่มีวันหวนกลับมาอีกต่อไป
“หากไม่ใช่เพราะข้า ศิษย์น้องอีอีไหนเลยจะพบชะตาแบบนั้น”
ไม่คิดก็แล้วไป แต่พอคิดถึงต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง ถึงแม้เรื่องนี้อาจมีจุดเริ่มต้นเพราะเจ้า แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการกระทำของอวิ๋นชิงเหยยียนจากระนาบเทพนั่น…ไม่ใช่คนจากระนาบเทพทุกคนที่จะชั่วช้าเช่นมัน”
ฟงชิงหยางกล่าวปลอบ
มันย่อมเข้าใจความรู้สึกของศิษย์เพีงหนึ่งเดียวของตัวเองดี
อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ต่างฝ่ายต่างคาดหวังจะได้พบกันมาก ทำให้ไม่ว่าจะต้วนหลิงเทียนหรือฟงชิงหยาง แม้จะพึ่งพบกันได้ไม่ทันไร แต่ก็เข้ากันได้ดีราวเป็นศิษย์อาจารย์กันมาหลายปี ไม่เหมือนคนีท่พึ่งเจอหน้ากันแม้แต่น้อย
เพราะครั้งที่แล้วต้วนหลิงเทียนมาหามู่อีอีถึงหน้าประตูใหญ่นิกายลั่วสุ่ย เขาจึงรู้ทางไป
ภายใต้การชี้นำของเขา ฟงชิงหางก็พาเขามาถึงด้านหน้าประตูใหญ่หน้านิกายลั่วสุ่ยในเวลาอันสั้น
และคราวนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่หน้าประตูใหญ่นิกายลั่วสุ่ยอีกต่อไป แต่ฟงชิงหยางพาเขาบุกเข้าไปในนิกายลั่วสุ่ยโดยตรง พร้อมกันนั้นยังตะโกนผสานพลังออกมา “ซือถูฉูชิง ไสหัวออกมา!!”
เสียงตะโกนของฟงชิงหยางทำให้ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปด้วยความรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง
เพราะการบุกเข้ามาหาคนอย่างอุกอาจแบบนี้ เขาเองก็เคยทำ
เดิมทีเขาคิดว่าจะอย่างไรให้อาจารย์ร้ายกาจแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน และซือถูฉูชิงก็เป็นจักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุ่ยเทียน ก็ต้องมีให้เกียรติกันบ้าง
แต่ใครจะไปคิดฝัน พอมาถึงอาจารย์เขาก็ตะโกนสั่งให้ผู้อื่นไสหัวออกมา!
เป็นธรรมดาว่าเสียงตะโกนของฟงชิงหยาง ย่อมทำให้คนของนิกายลั่วสุ่ยแตกตื่นกันไม่น้อย
“เมื่อครู่ ที่ตะโกนมันพูดว่าอะไรนะ!?”
“เจ้านั่นมันเป็นใครกันแน่ ไฉนถึงกล้าเรียกใต้เท้าจักรพรรดินีสวรรค์ด้วยชื่อห้วนๆเช่นนั้น?”
“เสียงของมันสมควรดังมาจากบนฟ้าเหนือนิกายเรา…นี่พวกอาวุโสหน่วยลาดตระเวนมันอู้งานกันหรือไรไฉนปล่อยให้ผู้อื่นบุกเข้ามาได้ง่ายๆโดยที่พวกเราไม่รู้?”
“มันกล้าเรียกหาใต้เท้าจักรรพรดินีสวรรค์ด้วยชื่อห้วนๆ แถมสั่งให้ไสหัวออกไปอีก…ไม่ว่าที่มาเป็นใคร แต่ข้าว่ามันไม่ง่ายแน่!”

ในนิกายลั่วสุ่ยก็มีอาวุโสหลายคนที่มีโมโหกับเสียงตะโกนของฟงชิงหยาง แต่หลายคนก็เลือกจะเก็บงำความโมโหเอาไว้ไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะรู้สึกว่าใครก็ตามที่หาญกล้ามาตะโกนด้วยวาจาเช่นนี้ น่ากลัวจะไม่ใช่คนธรรมดา!
เกรงว่าหากผู้มาไม่ใช่คนเสียสติ ก็ต้องมีพลังฝีมือสูงเทียมฟ้า!
และอย่างแรกน่ากลัวว่าคงบุกเข้ามาถึงด้านในนิกายลั่วสุ่ยของพวกมันได้
จะอย่างไรก็ตาม ถึงแม้พวกมันจะบังเกิดความยำเกรงต่อผู้ที่บุกเข้ามาตะโกนอุกอาจ แต่อาวุโสนิกายลั่วสุ่ยหลายคนก็ได้แต่กัดฟันเหินร่างขึ้นไปรับหน้า พริบตาก็มีผู้คนนับโหลมาปรากฏตัวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยาง
ต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางก็ลอยร่างเคียงกันกลางหาว ชมมองผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นมาด้วยสายตาเฉยเมย
“ท่าน…มิทราบมาหาใต้เท้าจักรพรรดินีสวรรค์ของพวกเราด้วยเรื่องราวอันใด?”
จักรพรรดิอมตะสมญานามชนชั้นผู้อาวุโสคนหนึ่งของนิกายลั่วสุ่ย มองถามต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางด้ววยสีหน้าแววตากังวล
และตอนนี้เอง ชายชราหนึ่งในผู้อาวุโสนับโหลที่เหินร่างขึ้นมา ก็อดไม่ได้ที่จะชมมองฟงชิงหยางด้วยสายตาเบิกกว้าง อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจโดยไม่รู้ตัว “ท่าน…ท่านคือจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง!”
“เจ้ารู้จักข้า?”
ฟงชิงหยางหันไปมองชายชราด้วยความแปลกใจ ด้วยเพราะไม่คุ้นหน้าอีกฝ่ายเลย แถมวันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่มาเยือนนิกายลั่วสุ่ยด้วย
ด้านคนอื่นพอได้ยินคำของอาวุโสชรา ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจไปตามๆกัน
เพราะฟังจากเสียงเอ่ยถามเมื่อครู่ ที่เป็นน้ำเสียยงเดียวกับคำตะโกนก่อนหน้า เห็นชัดว่าเป็นคนๆเดียวกัน!
ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ไฉนถึงมาหาใต้เท้าจักรพรรดินีสวรรค์ของพวกมันได้? แถมยังวาจาที่ตะโกนก่อนหน้าอีก…
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาดีแน่!
จังหวะนี้พวกมันรู้สึกเสมือนหนังศีรษะชาหนึบ ทั่วร่างคล้ายมีไอเย็นแล่นวาบ
แม้จะเป็นตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์ดุจเดียวกัน แต่พลังฝีมือของฟงชิงหยางเบื้องหน้า ร้ายกาจกว่าจักรพรรดินีสวรรค์ของพวกมันหลายขุม! ที่สำคัญนั่นยังเป็นตอนที่ฟงชิงหยางไม่ได้เข้าสู่นรกอสุราด้วยซ้ำ ตอนนี้ผู้อื่นออกมาแล้วเกรงว่าจักรพรรดินีสวรรค์ของพวกมันคงห่างชั้นกับอีกฝ่ายจนไม่เห็นฝุ่น!!
“ผู้น้อย ขอคารวะใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง”
ชายชราที่ตกใจกับตัวตนของฟงชิงหยาง พอคืนสติก็เร่งกล่าวตอบคำฟงชิงหยางด้วยท่าทีนอบน้อม “พอดีสหายของข้าน้อยเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามคนหนึ่งในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน…และตอนที่ข้าไปหาสหายที่นั่น ข้าน้อยมีวาสนาได้เห็นท่านครั้งหนึ่ง”
“เข้าใจแล้ว”
ฟงชิงหยางตระหนักได้ทันที ในอดีตมันเคยไปเยือนพระราชวังจักรพรดริสวรรค์ซวนหยวนเทียนบ่อยครั้ง เพราะมันเป็นสหายกับกงซุนซวนหยวนจักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียน และนี่เป็นเรื่องก่อนที่มันจะถูกคนไล่ฆ่า
อย่างไรก็ตามหลังกลับออกมาจากนรกอสุรา มันก็ยังไม่ได้ไปเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียนอีกเลย
อย่างไรก็ มันไม่ได้ไป ก็ไม่ใช่ว่าผู้อื่นจะไม่มา จักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียน กงซุนซวนหยวนนั้นได้มาหามันเพื่อแสดงความยินดีที่รอดกลับมาได้…เรียกว่าทันทีที่รู้ข่าวว่าตัวมันกลับมาแล้ว อีกฝ่ายก็เร่งรุดมาหาโดยไม่ต้องเชิญ
เป็นธรรมดาว่าที่กงซุนซวนหยวนมาหาฟงชิงหยาง นอกจากจะมาแสดงความยินดีที่รอดกับมาได้แล้ว อีกฝ่ายยังมาเพื่อประลองกระชับมิตรอีกด้วย
อนิจจาการประลองกระชับมิตรวันนั้นทำให้จักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียนจขำต้องร่ำร้องโอดครวญด้วยความสิ้นหวัง ด้วยไม่คิดเลยวว่าสหายอย่างฟงชิงหยางจะพบวาสนาในคราวเคราะห์ หลังจากเข้าสู่นรกอสุรา…
ในอดีตถึงแม้ฟงชิงหยางจะเชี่ยวชาญกฏแห่งดิน แต่หากประมือกับมันก็จำต้องใช้กฏทำลายล้างอย่างเดียว เพราะถ้าใช้กฏแห่งดินก็คงสู้มันไม่ได้เลย…
ทว่าพบกันอีกครั้ง อีกฝ่ายอาศัยแค่ร่างอวตารกฏแห่งดินกลับไล่บี้มันจนไร้หนทางต่อต้าน!
“จักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน?”
ได้ยินคำพูดของชายชรา ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงเร็วไว เพราะหากเขาจำไม่ผิด ผู้เฒ่าหั่วเคยบอกเขาไว้ว่าจักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียน ก็คือกงซุนซวนหยวนที่มาจากดาวเหยียนหวง บ้านเกิดเขา!
อีกฝ่ายก็เป้นคนของงอวี้หวงเทียน ทั้งยังเติบโตก้าวหน้าเร็วมาก สุดท้ายก็สามารถเอาชนะจักรพรรดิสวรรค์ของอวี้หวงเทียนและแทนที่อีกฝ่าย กลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์คนใหม่ และเปลี่ยนชื่อระนาบเทวโลกเป็นซวนหยวนเทียน!

ตอนที่ 3,432 : ซือถูฉูชิงหนีไปแล้ว…
ฟงชิงหยางลองแทนตัวเองเป็นต้วนหลิงเทียนดู ก็ไม่ยากที่จะบังเกิดความชื่นชมต้วนหลิงเทียนขึ้นมาจับใจ
เพราะตอนที่มันถูกไล่ล่าจนต้องหลบหนีเข้าสู่นรกอสุรานั้น มันคิดว่ากระทั่งมันที่ไม่เคยพบเจอต้วนหลิงเทียนสักครั้ง ยังโดนคนของระนาบเทพไล่ฆ่าขนาดนี้ เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนเล่าไม่เจอหนักกว่ามันหรือ?
ด้วยเหตุผลดังกล่าวมันจึงแทบไม่เหลือความหวังว่าต้วนหลิงเทียนจะรอดมาได้เลย และคิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องถูกฆ่าแล้วแน่
ตอนที่มัออกจากนรกอสุรา เหตุไฉนที่มันให้คนอื่นไปตามหาต้วนหลิงเทียนที่ระนาบเซียนแทนที่จะไปด้วยตัวเอง นั่นเพราะมันรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนสมควรเกิดเรื่องแน่แล้ว จึงให้คนไปยืนยันเรื่องราวแทน
ต่อมาเมื่อคนที่ส่งไปรายงานมาว่าไม่พบเจอต้วนหลิงเทียนที่ระนาบเซียน มันก็ได้ลงไปตรวจสอบเรื่องราวที่ระนาบเซียนด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง และพบว่าไม่มีข่าววเรื่องการตายของต้วนหลิงเทียนเลย
ตอนนั้น ในใจของมันบังเกิดภาพลวงตาประการหนึ่ง
แน่นอนว่าเป็นแค่การจินตนาการในแง่บวก
ลึกลงไปในใจมันยังคงรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่ารอดแล้ว เพราะสุดท้ายคนที่ตวนหลิงเทียนล่วงเกินก็เป็นถึงคนจากระนาบเทพ อาศัยต้วนหลิงเทียนที่ยังเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะในระนาบโลกียะไม่ทันได้ขึ้นสวรรค์กายเป็นเซียนอมตะด้วยซ้ำ จะเอาปัญญาที่ไหนไปรอด…
ในสายตาของเซียนอมตะบนระนาบเทวโลก ต้วนหลิงเทียนในตอนนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากมดตัวกระจ้อย นับประสาอะไรกับตัวตนจากระนาบเทพ
หังจากได้ยินเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนพบเจอในอดีต ฟงชิงหยางก็รู้สึกมีโมโหในใจไม่น้อย ด้วยไม่คิดว่าตัวตนระดับเทพคนหนึ่งจะทำเรื่องสามานย์ถึงขนาดนี้…
“ลั่วสุ่ยเทียน?”
ได้ยินคำพูดของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนที่เดิมพอคิดถึงเรื่องเค่อเอ๋อจนอารมณ์เริ่มขุ่นมัวก็สงบลงทันที เพราะความสนใจเขาถูกเบนมาเรื่องใหม่หมดสิ้น
ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดถึงเรื่องในอดีต และในใจก็ยังคงคิดถึงเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่พอพูดขึ้นมาทีไรก็อดไม่ได้ที่จะถูกความแค้นเข้าครอบงำ…
เพราะสุดท้าย เค่อเอ๋อภรรยารักเขาก็ยังคงอยู่ในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ
“อืม”
ฟงชิงหยางพยักหน้ารับคำ แม้สีหน้าท่าทีจะยังแลดูสงบ แต่ต้วนหลิงเทียนก็เห็นได้ชัดถึงประกายเยียบเย็นในแววตา ยังเป็นแววตาอันแหลมคมปานมีดดาบ
“ท่านอาจารย์ เป็นข้าทำร้ายระนาบเซียน…ข้าไม่คิดเลยว่าจักรพรรดีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนนั่น พอหาข้าที่ฆ่าลูกสาวนางไม่เจอ นางจะเอาความแค้นไปลงกับบ้านเกิดเราแบบนี้”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอโทษออกมาด้วยความรู้สึกผิด
เรื่องที่เกิดขึ้นกับระนาบเซียน เขาย่อมโทษตัวเอง เพราะสุดท้ายเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะน้ำมือเขาล้วนๆ หากเขาไม่ทำลายวิญญาณของลูกสาวของ ซือถูฉูชิง จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนเพื่อช่วยมู่อีอี ไหนเลยจะทำให้อีกฝ่ายแค้นถึงขั้นลงมือแบบนี้ได้?
“ข้ารู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมดแล้ว ข้าไม่เคยคิดโทษเจ้าในเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว”
ฟงชิงหยางหัวเราะกล่าว “หากข้าเป็นเจ้า ข้าก็จะทำเหมือนกัน…คนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้เรา ไหนเลยปล่อยให้ผู้อื่นมาคิดช่วงชิงร่างได้!!”
กล่าวถึงท้ายประโยค เจตนาฆ่าฟันก็เอ่อล้นออกมาจากแววตาฟงชิงหยาง ราวกับจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คนสดๆ
“จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน ซือถูฉูชิง ผู้นั้น เลือกที่จะฆ่าล้างสรรพชีวิตบนระนาบเซียนเพื่อระบายอารมณ์…เพราะนางถือว่าตัวเองยิ่งใหญ่และสิ่งมีชีวิตในระนาบเซียนเป็นแค่มดที่นางจะย่ำเหยียบอย่างไรก็ได้…”
พอฟงชิงหยางกล่าวออกอีกครั้ง น้ำเสียงก็เย็นชานัก “น่าเสียดาย ที่ครั้งนี้นางเลือกลงมือผิดระนาบโลกียะแล้ว…”
“บ้านเกิดของข้า ใช่อะไรที่ซือถูฉูชิคิดจะทำลายก็ทำได้งั้นหรือ?!”
กล่าวจบคำ ฟงชิงหยางก็ใช้พลังหอบหิ้วพาต้วนหลิงเทียนใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนไปทันที…และในระหว่างเดินทางไปถึงค่ายกลเคลื่อนย้าย ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งยืนอยู่บนค่ายกลเคลื่อนย้ายแล้ว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก!
‘นี่คือความเร็วของตัวตนขอบเขตเทพหรือ?’
พอมาปรากฏตัวในลั่วสุ่ยเทียน ต้วนหลิงเทียนก็อดอึ้งไม่ได้
ถึงแม้เขาจะรู้แต่แรกแล้ว ว่าช่องว่างระหว่างจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศกับขอบเขตเทพนั้นกว้างใหญ่มาก แต่พอมาพบเจอความเร็วที่ฟงชิงหยางใช้เข้าจริงๆ เขาจึงได้ตระหนักว่าที่ทำคำกว้างใหญ่ไพศาลมันเป็นเช่นไร…อีกทั้งต้องทราบด้วยว่าอาจารย์เขาที่เห็น เป็นแค่ร่างอวตารกฏแห่งดินเท่านั้น!
กฏแห่งดิน สามารถกล่าวได้ว่าเป็นกฏที่มีความลึกซึ้งหนุนเสริมความเร็วน้อยที่สุดในบรรดากฏทั้งมวล โดยทั่วไปแล้วผู้ใช้กฏแห่งดินก็จะเชื่องช้าที่สุด
ทว่าต้วนหลิงเทียนมั่นใจ
ภายใต้ขอบเขตเทพ แม้แต่จักรพรรดิอมตะสมญานามที่โดดเด่นในแง่ความเร็วที่สุด ก็ยังด้อยกว่าความเร็วที่เขาเผยออกมาเมื่อครู่
“พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนข้าไม่เคยไปมาก่อนเลย…เจ้าเคยไปหรือไม่?”
หลังมาถึงลั่วสุ่ยเทียนแล้ว ฟงชิงหยางก็ไม่ได้พาต้วนหลิงเทียนไปไหน เพราะไม่รู้ทาง
ต้วนหลิงเทียนที่เคยไปนิกายลั่วสุ่ยเพื่อหามู่อีอีมาแล้วย่อมรู้ทาง…กระทั่งเขายังจำได้ดีว่าวันนั้นเขาตื่นเต้นแค่ไหน ที่จะได้พบเจอมู่อีอี เพราะสุดท้ายแล้วนางก็คือสหายอีกคนที่รอดชีวิตมาได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ช่วยมู่อีอีก็แล้ว แต่สถานการณ์ของนางกลับไม่ค่อยจะสู้ดีนัก และมู่อีอีคนก่อนก็ไม่มีวันหวนกลับมาอีกต่อไป
“หากไม่ใช่เพราะข้า ศิษย์น้องอีอีไหนเลยจะพบชะตาแบบนั้น”
ไม่คิดก็แล้วไป แต่พอคิดถึงต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง ถึงแม้เรื่องนี้อาจมีจุดเริ่มต้นเพราะเจ้า แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการกระทำของอวิ๋นชิงเหยยียนจากระนาบเทพนั่น…ไม่ใช่คนจากระนาบเทพทุกคนที่จะชั่วช้าเช่นมัน”
ฟงชิงหยางกล่าวปลอบ
มันย่อมเข้าใจความรู้สึกของศิษย์เพีงหนึ่งเดียวของตัวเองดี
อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ต่างฝ่ายต่างคาดหวังจะได้พบกันมาก ทำให้ไม่ว่าจะต้วนหลิงเทียนหรือฟงชิงหยาง แม้จะพึ่งพบกันได้ไม่ทันไร แต่ก็เข้ากันได้ดีราวเป็นศิษย์อาจารย์กันมาหลายปี ไม่เหมือนคนีท่พึ่งเจอหน้ากันแม้แต่น้อย
เพราะครั้งที่แล้วต้วนหลิงเทียนมาหามู่อีอีถึงหน้าประตูใหญ่นิกายลั่วสุ่ย เขาจึงรู้ทางไป
ภายใต้การชี้นำของเขา ฟงชิงหางก็พาเขามาถึงด้านหน้าประตูใหญ่หน้านิกายลั่วสุ่ยในเวลาอันสั้น
และคราวนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่หน้าประตูใหญ่นิกายลั่วสุ่ยอีกต่อไป แต่ฟงชิงหยางพาเขาบุกเข้าไปในนิกายลั่วสุ่ยโดยตรง พร้อมกันนั้นยังตะโกนผสานพลังออกมา “ซือถูฉูชิง ไสหัวออกมา!!”
เสียงตะโกนของฟงชิงหยางทำให้ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปด้วยความรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง
เพราะการบุกเข้ามาหาคนอย่างอุกอาจแบบนี้ เขาเองก็เคยทำ
เดิมทีเขาคิดว่าจะอย่างไรให้อาจารย์ร้ายกาจแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน และซือถูฉูชิงก็เป็นจักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุ่ยเทียน ก็ต้องมีให้เกียรติกันบ้าง
แต่ใครจะไปคิดฝัน พอมาถึงอาจารย์เขาก็ตะโกนสั่งให้ผู้อื่นไสหัวออกมา!
เป็นธรรมดาว่าเสียงตะโกนของฟงชิงหยาง ย่อมทำให้คนของนิกายลั่วสุ่ยแตกตื่นกันไม่น้อย
“เมื่อครู่ ที่ตะโกนมันพูดว่าอะไรนะ!?”
“เจ้านั่นมันเป็นใครกันแน่ ไฉนถึงกล้าเรียกใต้เท้าจักรพรรดินีสวรรค์ด้วยชื่อห้วนๆเช่นนั้น?”
“เสียงของมันสมควรดังมาจากบนฟ้าเหนือนิกายเรา…นี่พวกอาวุโสหน่วยลาดตระเวนมันอู้งานกันหรือไรไฉนปล่อยให้ผู้อื่นบุกเข้ามาได้ง่ายๆโดยที่พวกเราไม่รู้?”
“มันกล้าเรียกหาใต้เท้าจักรรพรดินีสวรรค์ด้วยชื่อห้วนๆ แถมสั่งให้ไสหัวออกไปอีก…ไม่ว่าที่มาเป็นใคร แต่ข้าว่ามันไม่ง่ายแน่!”

ในนิกายลั่วสุ่ยก็มีอาวุโสหลายคนที่มีโมโหกับเสียงตะโกนของฟงชิงหยาง แต่หลายคนก็เลือกจะเก็บงำความโมโหเอาไว้ไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะรู้สึกว่าใครก็ตามที่หาญกล้ามาตะโกนด้วยวาจาเช่นนี้ น่ากลัวจะไม่ใช่คนธรรมดา!
เกรงว่าหากผู้มาไม่ใช่คนเสียสติ ก็ต้องมีพลังฝีมือสูงเทียมฟ้า!
และอย่างแรกน่ากลัวว่าคงบุกเข้ามาถึงด้านในนิกายลั่วสุ่ยของพวกมันได้
จะอย่างไรก็ตาม ถึงแม้พวกมันจะบังเกิดความยำเกรงต่อผู้ที่บุกเข้ามาตะโกนอุกอาจ แต่อาวุโสนิกายลั่วสุ่ยหลายคนก็ได้แต่กัดฟันเหินร่างขึ้นไปรับหน้า พริบตาก็มีผู้คนนับโหลมาปรากฏตัวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยาง
ต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางก็ลอยร่างเคียงกันกลางหาว ชมมองผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นมาด้วยสายตาเฉยเมย
“ท่าน…มิทราบมาหาใต้เท้าจักรพรรดินีสวรรค์ของพวกเราด้วยเรื่องราวอันใด?”
จักรพรรดิอมตะสมญานามชนชั้นผู้อาวุโสคนหนึ่งของนิกายลั่วสุ่ย มองถามต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางด้ววยสีหน้าแววตากังวล
และตอนนี้เอง ชายชราหนึ่งในผู้อาวุโสนับโหลที่เหินร่างขึ้นมา ก็อดไม่ได้ที่จะชมมองฟงชิงหยางด้วยสายตาเบิกกว้าง อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจโดยไม่รู้ตัว “ท่าน…ท่านคือจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง!”
“เจ้ารู้จักข้า?”
ฟงชิงหยางหันไปมองชายชราด้วยความแปลกใจ ด้วยเพราะไม่คุ้นหน้าอีกฝ่ายเลย แถมวันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่มาเยือนนิกายลั่วสุ่ยด้วย
ด้านคนอื่นพอได้ยินคำของอาวุโสชรา ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจไปตามๆกัน
เพราะฟังจากเสียงเอ่ยถามเมื่อครู่ ที่เป็นน้ำเสียยงเดียวกับคำตะโกนก่อนหน้า เห็นชัดว่าเป็นคนๆเดียวกัน!
ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ไฉนถึงมาหาใต้เท้าจักรพรรดินีสวรรค์ของพวกมันได้? แถมยังวาจาที่ตะโกนก่อนหน้าอีก…
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาดีแน่!
จังหวะนี้พวกมันรู้สึกเสมือนหนังศีรษะชาหนึบ ทั่วร่างคล้ายมีไอเย็นแล่นวาบ
แม้จะเป็นตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์ดุจเดียวกัน แต่พลังฝีมือของฟงชิงหยางเบื้องหน้า ร้ายกาจกว่าจักรพรรดินีสวรรค์ของพวกมันหลายขุม! ที่สำคัญนั่นยังเป็นตอนที่ฟงชิงหยางไม่ได้เข้าสู่นรกอสุราด้วยซ้ำ ตอนนี้ผู้อื่นออกมาแล้วเกรงว่าจักรพรรดินีสวรรค์ของพวกมันคงห่างชั้นกับอีกฝ่ายจนไม่เห็นฝุ่น!!
“ผู้น้อย ขอคารวะใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง”
ชายชราที่ตกใจกับตัวตนของฟงชิงหยาง พอคืนสติก็เร่งกล่าวตอบคำฟงชิงหยางด้วยท่าทีนอบน้อม “พอดีสหายของข้าน้อยเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามคนหนึ่งในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน…และตอนที่ข้าไปหาสหายที่นั่น ข้าน้อยมีวาสนาได้เห็นท่านครั้งหนึ่ง”
“เข้าใจแล้ว”
ฟงชิงหยางตระหนักได้ทันที ในอดีตมันเคยไปเยือนพระราชวังจักรพรดริสวรรค์ซวนหยวนเทียนบ่อยครั้ง เพราะมันเป็นสหายกับกงซุนซวนหยวนจักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียน และนี่เป็นเรื่องก่อนที่มันจะถูกคนไล่ฆ่า
อย่างไรก็ตามหลังกลับออกมาจากนรกอสุรา มันก็ยังไม่ได้ไปเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียนอีกเลย
อย่างไรก็ มันไม่ได้ไป ก็ไม่ใช่ว่าผู้อื่นจะไม่มา จักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียน กงซุนซวนหยวนนั้นได้มาหามันเพื่อแสดงความยินดีที่รอดกลับมาได้…เรียกว่าทันทีที่รู้ข่าวว่าตัวมันกลับมาแล้ว อีกฝ่ายก็เร่งรุดมาหาโดยไม่ต้องเชิญ
เป็นธรรมดาว่าที่กงซุนซวนหยวนมาหาฟงชิงหยาง นอกจากจะมาแสดงความยินดีที่รอดกับมาได้แล้ว อีกฝ่ายยังมาเพื่อประลองกระชับมิตรอีกด้วย
อนิจจาการประลองกระชับมิตรวันนั้นทำให้จักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียนจขำต้องร่ำร้องโอดครวญด้วยความสิ้นหวัง ด้วยไม่คิดเลยวว่าสหายอย่างฟงชิงหยางจะพบวาสนาในคราวเคราะห์ หลังจากเข้าสู่นรกอสุรา…
ในอดีตถึงแม้ฟงชิงหยางจะเชี่ยวชาญกฏแห่งดิน แต่หากประมือกับมันก็จำต้องใช้กฏทำลายล้างอย่างเดียว เพราะถ้าใช้กฏแห่งดินก็คงสู้มันไม่ได้เลย…
ทว่าพบกันอีกครั้ง อีกฝ่ายอาศัยแค่ร่างอวตารกฏแห่งดินกลับไล่บี้มันจนไร้หนทางต่อต้าน!
“จักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน?”
ได้ยินคำพูดของชายชรา ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงเร็วไว เพราะหากเขาจำไม่ผิด ผู้เฒ่าหั่วเคยบอกเขาไว้ว่าจักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียน ก็คือกงซุนซวนหยวนที่มาจากดาวเหยียนหวง บ้านเกิดเขา!
อีกฝ่ายก็เป้นคนของงอวี้หวงเทียน ทั้งยังเติบโตก้าวหน้าเร็วมาก สุดท้ายก็สามารถเอาชนะจักรพรรดิสวรรค์ของอวี้หวงเทียนและแทนที่อีกฝ่าย กลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์คนใหม่ และเปลี่ยนชื่อระนาบเทวโลกเป็นซวนหยวนเทียน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+