War sovereign Soaring The Heavens 3439

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3439 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3439 : สิทธิพิเศษของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์!

 

“ท่านอาจารย์”

 

หลังจากปิดกั้นโลกใบเล็กและทําให้มันตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์แล้วเสร็จ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองฟงชิงหยาง ด้วยอาการคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ลังเลจนสุดท้ายไม่ได้พูดออกมา

 

“เสี่ยวเทียน เจ้าอยากถามข้าว่าไฉนถึงไม่ฆ่าเจ้าแล้วช่วงชิงเทพเบญจาตุของเจ้าไปใช่หรือไม่?”

 

ฟงชิงหยางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มรู้ทัน

 

เห็นได้ชัดว่าคาดเดาความในใจของต้วนหลิงเทียนได้ออก

 

ถึงแม้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ตั้งใจเอ่ยถามออกมาตรงๆแบบนั้น แต่เขาก็อดอยากรู้ขึ้นมาไม่ได้ ว่าไฉนอาจารย์ของเขาถึงแลดูไม่สนใจเทพเบญจธาตุเลย?

 

ด้วยศักยภาพของอาจารย์เขา หากอีกฝ่ายเข่นฆ่าเขาทิ้ง เทพเบญจธาตุก็สมควรเต็มใจอยู่ในร่างอาจารย์แน่

 

ท้ายที่สุดแล้ว ศักยภาพของอาจารย์เขาคืออะไรเล่า?

 

แม้จะไม่มีเทพเบญจธาตุ แต่ก็เป็นถึงเมล็ดพันธุ์ผู้แข็งแกร่งที่สุดแล้ว!

 

ถึงในใจต้วนหลิงเทียนจะมีคิดเช่นนั้นจริง แต่เขาก็ไม่กล้ากล่าวถามออกมาตรงๆ พอเห็นว่าฟงชิงหยางรู้ทัน จึงได้แต่คลี่ยิ้มโง่งมออกมา

 

ฟงชิงหยางเห็นสีหน้าต้วนหลิงเทียนก็หัวเราะออกมาอีกรอบ ค่อยกล่าวว่า “ก็จริงที่เทพเบญจธาตุนั้นมีค่ามาก แต่ต่อให้เป็นเทพเบญจธาตุแล้วอย่างไร ให้เลิศล้ําแค่ไหน…ในสายตาข้ามันก็แค่พลังภายนอกอย่างนึง”

 

“ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ข้าไม่สนใจเทพเบญจธาตุ เพราะเกรงว่ามันอาจจะรบกวนมรรคากระบี่ของข้าเลย…ต่อให้ข้าอยากได้เทพเบญจธาตุจริง ข้าก็ไม่มีวันทําร้ายเจ้าหรอก เจ้าคือศิษย์เพียงคนเดียวของข้า ทั้งยังสืบทอดมรรคากระบี่ของข้า ในสายตาข้าเจ้าก็ไม่ต่างอะไรจากลูกชายแท้ๆคนหนึ่ง…เสือร้ายยังไม่กินลูกตัวเอง แล้วข้าจักทําเรื่องเดียรัจฉานเช่นนั้นได้อย่างไร…”

 

ได้ยินคําพูดตรงไปตรงมาของฟงชิงหยาง ใจต้วนหลิงเทียนก็สะท้านไปไม่น้อย ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดขึ้นมา

 

เพราะก่อนหน้าเป็นเขาเลือกจะปกปิดเรื่องราวทั้งหมดกับอาจารย์ เหตุผลก็คือกลัวอาจารย์จะบังเกิดจิตคิดไม่ซื่อ หมายปองเทพเบญจธาตุของเขา

 

จังหวะนี้เขาพลันตระหนักได้ชัดเจน ถึงความหมายของคําว่าใช้จิตใจคนถ่อยหยังวัดวิญญูชน”

 

“ท่าอาจารย์ ข้าขอโทษ”

 

ต้วนหลิงเทียนได้แต่กล่าวคําขอขมาออกมาหน้าซึม

 

“เจ้าไม่จําเป็นต้องขอโทษข้าหรอก”

 

ฟงชิงหยางส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “ยังดีเสียอีกที่เจ้ารู้จักระวัง เพราะต่อให้เป็นข้าเองก็ต้องทําเหมือนเจ้าเช่นกัน….คราวนี้ถ้าไม่ใช่เพราะข้ากังวลว่าเรื่องราวในโลกใบเล็กเจ้าเสี่ยงจะเปิดเผยออกมาที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ข้าก็ตั้งใจจะไม่พูดเรื่องนี้แต่แรก แต่ไม่อาจไม่ระวังไว้ก่อนได้จริงๆ”

 

“เพราะหากโลกใบเล็กภายในกายเจ้าไม่ได้ถูกปิดกั้นโดยสมบูรณ์ ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดเรื่อง ไม่คาดฝันได้อยู่”

 

หลังได้ยินคําเตือนของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงความสําคัญของเรื่องราว ในใจบังเกิดความระวังเพิ่มขึ้นหลายส่วน ยังคิดไปว่าวันหน้าหากไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มั่นใจว่าปลอดภัยจริงๆ เขาจะไม่มีวันถอนการปิดกั้นโลกใบเล็กออกเด็ดขาด!

 

หากไม่ใช่เพราะอาจารย์กล่าวเตือน เกรงว่าการมาเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนครั้งนี้ อาจจะเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ

 

และไม่นานนัก ต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางก็มาถึงด้านหน้าประตูใหญ่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน

 

พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ก็มีลักษณะที่ตั้งละม้ายคล้ายพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ส่วนใหญ่ในระนาบเทวโลก มันตั้งอยู่บนเกาะลอยฟ้าที่ลอยล่องอยู่เหนือหมู่เมฆ มองไปละม้ายคล้ายอสูรกายดึกดําบรรพ์ตัวเขื่องซุ่มซ่อนในม่านหมาก โดยรอบยังเต็มไปด้วยแสงพลังอาคมลี้ลับน่ากลัวแล่นตัดกันไปมา อาศัยแสงพลังอาคมดังกล่าว ก็ทําให้ไม่มีใครกล้าทะเล่อทะล่าเข้ามาใกล้แล้ว

 

“ท่านอาจารย์ ว่าแต่ศึกอัจฉริยะสวรรค์ที่จะมุ่งเป้าไปที่อัจฉริยะอายุไม่ถึงพันปีนี่อัจฉริยะทั่วไปไร้สังกัด จะสามารถมาเข้าร่วมด้วยตัวเองได้หรือไม่?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

 

“แน่นอนว่าไม่ได้”

 

ได้ยินคําถามต้วนหลิงเทียน ฟงชิงหยางก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา “หากใครคิดจะมาก็มาได้เช่นนั้นพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ไม่กลายเป็นตลาดเช้าแสนวุ่นวายแล้วหรือ?”

 

“แต่ละระนาบเทวโลกนั้น อัจฉริยะที่อายุไม่ถึงพันส่วนใหญ่จะมีภูมิหลังความเป็นมาทั้งสิ้น เพราะสุดท้ายแล้วหากไร้ซึ่งสภาพแวดล้อมและทรัพยากรดีๆ จะมีความร้ายกาจเทียบเทียมเหล่าอัจฉริยะอายุไม่ถึงพันที่ได้รับการปลูกฝังมาอย่างดีได้อย่างไร?”

 

ฟงชิงหยางเอ่ยเสริม “ดังนั้น แทบทุกครั้งที่มีศึกอัจฉริยะสวรรค์มากกว่า 9 ส่วนของอัจฉริยะที่เข้าร่วมการแข่งขัน ก็มีขุมกําลังหนุนหลังทั้งสิ้น ไม่เว้นคนของวิหารเฟิงฮ่าวเอง…จริงอยู่ว่ามีอัจฉริยะไร้สังกัดที่เจ้าพูดถึงอาจจะมีอยู่บ้าง แต่ตัวตนเหล่านั้นหากคิดจะช่วงชิงอะไรกับผู้อื่นได้ ก็ต้องมีโชควาสนาปาฏิหาริย์จริงๆ เรียกว่าต้องผ่านการผจญภัยอันเหนือคาดคิด สุดที่คนทั่วไปจะจินตนาการได้ออก”

 

คําพูดของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนเองก็เข้าใจ “แล้วอัจฉริยะที่ว่าละอาจารย์ หากพวกมันคิดเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ต้องทําอย่างไรหรือ ไม่อาจไปสมัครที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หน้างานด้วยตัวเองโดยตรงได้เลย?”

 

“ไม่ได้หรอก”

 

ฟงชิงหยางส่ายหัว “หากอัจฉริยะไร้สังกัดที่เจ้าว่าอยากเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์จริง อย่างน้อยๆก็ต้องมีพลังฝีมือใกล้เคียงจักรพรรดิอมตะสมญานาม…และเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ประการอย่างน้อยหนึ่งชุด…”

 

“เมื่อมีคุณสมบัติดังกล่าวแล้ว ก็ต้องไปเยือนวิหารเชิงฮ่าวที่ตั้งอยู่ทั่วทุกระนาบเทวโลกเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติรับสิทธิ์เข้าร่วม

 

วิหารเฟิงฮ่าวพามาเข้าร่วม

 

ฟงชิงหยางกล่าว

 

“แบบนี้นี่เอง”

 

ต้วนหลิงเทียนเข้าใจได้ทันที

 

“สําหรับอัจฉริยะจากขุมกําลังพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ต่างๆ ก็เสมือนได้รับสิทธิพิเศษ ไม่ต้องผ่านการตรวจวสอบคุณสมบัติเข้าร่วมของวิหารเฟิงฮ่าว สามารถมาเข้าร่วมได้โดยตรงเหมือนพวกเราก็เช่นกัน เจ้าอาจเห็นว่าเจ้ามากับข้าแค่สองคน แต่ความจริงข้าให้เมิ่งหลัวไปพาอัจฉริยะของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมียเทียนเรามาเรียบร้อยแล้ว”

 

ฟงชิงหยางกล่าว

 

“ผู้อาวุโสเมิ่งหลัว?”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายจ้า เขาก็คิดอยู่แล้วเชียว่าพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมียเทียน ไหนเลยจะขาดอัจฉริยะอายุไม่ถึงพันที่จะเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์…แล้วไฉนถึงไม่มาด้วยกันกับพวกเขา?

 

ปรากฏว่าที่อาจารย์ไปหาอาวุโสเมิ่งหลัวก่อนออกเดินทาง ก็เพื่อให้อาวุโสเมิ่งหลัวพาคนอื่นมานี่เอง

 

“สําหรับอัจฉริยะของขุมกําลังระดับสวรรค์ หากเกี่ยวข้องกับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ ก็สามารถติดสอยห้อยตามพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์มาเข้าร่วมได้อยู่…หากไม่อาจติดสอยห้อยตามคนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ได้เช่นนั้นก็ต้องไปเข้าร่วมการทดสอบวัดคุณสมบัติที่วิหารเฟิงฮ่าว และให้วิหารเฟิงฮ่าวพามาเข้าร่วมถ่ายเดียว”

 

ได้ยินคําอธิบายของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจเกณฑ์การเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์โดยละเอียด

 

พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ของทั้งเก้าเก้า 81 ระนาบเทวโลก มีคุณสมบัติพาคนมาเข้าร่วมได้ทันที

 

นอกนั้นต้องไปตรวจวัดคุณสมบัติที่วิหารเฟิงฮ่าว และให้วิหารเฟิงฮ่าวพามาเข้าร่วม

กล่าวอีกอย่างได้ว่าอัจฉริยะที่มาเข้าร่วมศึกอัจฉริยะที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนครั้งนี้ หากไม่ได้มากับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ก็ต้องมากับวิหารเฟิงฮ่าว

 

“วิหารเฟิงฮ่าวมีตัวตนขอบเขตเทพ และในบรรดาจักรพรรดิสวรรค์ก็มีตัวตนขอบเขตเทพอยู่แน่

 

พอนึกถึงคําเตือนก่อนหน้าของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจแล้วว่าไฉนอาจารย์ถึงเอ่ยเรื่องปิดกั้นโลกใบเล็กออกมา เพราะศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ น่ากลัวว่าตัวตนขอบเขตเทพทั้งหลาย จะมารวมตัวกันไม่น้อย!

 

ด้วยกลัวว่าตัวตนเหล่านั้นจะค้นพบความลับของเขา อาจารย์ก็เลยกล่าวเตือนเขาออกมา

 

“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์”

 

เมื่อเข้าใกล้พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ไม่ทันเดินทางถึงหน้าประตูใหญ่ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงเอ่ยทักหนึ่งดังขึ้น

 

พอหันไปมองตามเสียง ก็เห็นชายร่างกํายําเหยียบฟ้าก้าวอาดๆเข้ามาจากทางซ้ายไกลตา เป็นจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง เมิ่งหลัว แห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมียเทียน!

 

และด้านหลังของเมิ่งหลัว ก็มีคนเห็นร่างตามมาติดๆอีก 2-3 คน

 

เป็นชายหนุ่ม 2 หญิงสาว 1

 

ชายหนุ่มคนหนึ่งมาในชุดสีฟ้าอ่อนถือกระบี่ยาวในผักแลดูธรรมดา หากแต่นัยน์ตากลับแห ลมคมฉายความดุร้าย พออีกฝ่ายเหลือบมาเห็นอาจารย์ที่อยู่ข้างกายเขา สองตาก็ลุกวาวเต็มไป ด้วยความเคารพนับถือล้นพ้น “ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์!”

 

“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์”

 

ชายหนุ่มอีกคนมาในชุดจอมยุทธ์เรียบง่ายสีน้ําเงิน ลักษณะท่วงท่าแลดูสง่างาม ข้างกายมีหญิงสาวสวมชุดสีเขียวใบหน้าเกลี่ยงเกลาแลดูสะสวยสองตาสารทใส่ดั่งน้ํา ทั้งคู่ก็พากันเห็นร่างติดตามเมิ่งหลัวมาอย่างเรียบร้อยๆ ประสานมือโค้งคารวะฟงชิงหยางอย่างนอบน้อม

 

“อืม”

 

เห็นคนทั้ง 4 ฟงชิงหยางก็พยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็หันไปมองประตูใหญ่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนไกลตาเอ่ยว่า “ในเมื่อมาแล้ว ก็เข้าไปพร้อมกันเถอะ”

 

“ทราบ”

 

ได้ยินคําพูดดังกล่าว เมิ่งหลัวกับทั้ง 3 ก็เร่งเดินมาอยู่ด้านหลังฟงชิงหยางกับต้วนหลิงเทียน และติดตามเข้าพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนไปด้วยกัน

 

ด้วยความที่ต้วนหลิงเทียนเหินร่างเคียงข้างฟงชิงหยางอยู่ด้านหน้า เขาก็สัมผัสได้ไม่ยากว่ามีสายตาทั้ง 3 คู่จับจ้องมองแผ่นหลังเขาไม่วางตา กระทั่งดวงตาคู่หนึ่งยังฉายชัดถึงความไร้ปราณี

 

พอต้วนหลิงเทียนหันหลังไปเหลือบมองเจ้าของสายตาคู่นั้นปราดหนึ่ง ก็พบว่าชายหนุ่มในชุดสีฟ้าที่ถือกระบี่ในฝักข้างกาย กําลังมองมาด้วยสายตาเอาเรื่องราวเขาไปติดหนี้มันแล้วไม่จ่ายอย่างไรอย่างนั้น

 

“นายน้อย”

 

เมิ่งหลัวที่สัมผัสได้ว่าต้วนหลิงเทียนหันกลับมามองชายหนุ่มชุดฟ้า ก็เร่งส่งเสียงผ่านพลังไปหาต้วนหลิงเทียนทันที “ทั้ง 3 เป็นบุตรหลานของสหายเก่าข้าเอง…ชายหนุ่มชุดสีน้ําเงินกับสาวน้อยที่อยู่ข้างๆ เป็นลูกหลานของจักรพรรดิอมตะสมญานามในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมียเทียน เราเองทั้งหมดล้วนมีอายุไม่ถึงพันปี และพลังฝีมือใกล้เคียงกับจักรพรรดิอมตะสมญานาม”

 

“ส่วนชายหนุ่มในชุดสีฟ้าถือกระบี่นั่น มันเป็นคนของนิกายกระบี่ลี้ลับ อันเป็นขุมกําลังระดับสวรรค์ในจี้เมียเทียนเรา พอดีข้ากับประมุขนิกายของมันรู้จักกันดี อีกฝ่ายก็เลยฝากฝังมันมาเข้าร่วมศึกอัจฉริยะพร้อมกับคนของเรา เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลําบากไปประเมินคุณสมบัติของวิหารเฟิงฮ่าว

 

เมิ่งหลัวหยุดลงเล็กน้อย ค่อยกล่าวสืบต่อว่า “ในบรรดาทั้ง 3 คน ก็เป็นชายหนุ่มชุดฟ้าที่ท่านกําลังมองอยู่ร้ายกาจที่สุด พลังฝีมือของมันเข้าเกณฑ์จักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว”

 

“กล่าวได้ว่ามันทัดเทียมกับจักรพรรดิอมตะสมญานามได้ตั้งแต่อายุ 800 กว่าปี”

 

เมิ่งหลัวกล่าว

 

“ด้วยพรสวรรค์ดังกล่าวของมัน ก็เลยทําให้มันเป็นคนจองหองถือดีก่อนที่พวกเราจะได้เจอท่านกับใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ ข้าก็บอกมันแต่แรกว่าท่านจะมากับใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์กันก่อน”

 

“ที่ไฉนมันจ้องท่านด้วยสายตาเอาเรื่อง เนื่องเพราะมันไม่เชื่อว่าท่านจะมีคุณสมบัติเป็นศิษย์ที่แท้จริงของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ได้”

 

“หลังจากที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์กลับมาจากนรกอสุราและลงมือชิงตําแหน่งคืนจนมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทางนิกายกระบี่ลี้ลับก็ได้ส่งมันมาที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์เรา เพราะมันรบเร้าอยากขอเป็นศิษย์ของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์…แต่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ก็ได้ปฏิเสธมันไป”

 

พอเมิ่งหลัวกล่าวถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ไม่ยากว่าไฉนอีกฝ่ายถึงได้มองเขาด้วยสายตาราวกับเขาไปติดเงินมันแบบนั้น

 

ที่แท้ทั้งหมดเพราะฐานะของเขา

 

ศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์จี้เมียเทียน!

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3439

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3439 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3439 : สิทธิพิเศษของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์!

 

“ท่านอาจารย์”

 

หลังจากปิดกั้นโลกใบเล็กและทําให้มันตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์แล้วเสร็จ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองฟงชิงหยาง ด้วยอาการคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ลังเลจนสุดท้ายไม่ได้พูดออกมา

 

“เสี่ยวเทียน เจ้าอยากถามข้าว่าไฉนถึงไม่ฆ่าเจ้าแล้วช่วงชิงเทพเบญจาตุของเจ้าไปใช่หรือไม่?”

 

ฟงชิงหยางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มรู้ทัน

 

เห็นได้ชัดว่าคาดเดาความในใจของต้วนหลิงเทียนได้ออก

 

ถึงแม้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ตั้งใจเอ่ยถามออกมาตรงๆแบบนั้น แต่เขาก็อดอยากรู้ขึ้นมาไม่ได้ ว่าไฉนอาจารย์ของเขาถึงแลดูไม่สนใจเทพเบญจธาตุเลย?

 

ด้วยศักยภาพของอาจารย์เขา หากอีกฝ่ายเข่นฆ่าเขาทิ้ง เทพเบญจธาตุก็สมควรเต็มใจอยู่ในร่างอาจารย์แน่

 

ท้ายที่สุดแล้ว ศักยภาพของอาจารย์เขาคืออะไรเล่า?

 

แม้จะไม่มีเทพเบญจธาตุ แต่ก็เป็นถึงเมล็ดพันธุ์ผู้แข็งแกร่งที่สุดแล้ว!

 

ถึงในใจต้วนหลิงเทียนจะมีคิดเช่นนั้นจริง แต่เขาก็ไม่กล้ากล่าวถามออกมาตรงๆ พอเห็นว่าฟงชิงหยางรู้ทัน จึงได้แต่คลี่ยิ้มโง่งมออกมา

 

ฟงชิงหยางเห็นสีหน้าต้วนหลิงเทียนก็หัวเราะออกมาอีกรอบ ค่อยกล่าวว่า “ก็จริงที่เทพเบญจธาตุนั้นมีค่ามาก แต่ต่อให้เป็นเทพเบญจธาตุแล้วอย่างไร ให้เลิศล้ําแค่ไหน…ในสายตาข้ามันก็แค่พลังภายนอกอย่างนึง”

 

“ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ข้าไม่สนใจเทพเบญจธาตุ เพราะเกรงว่ามันอาจจะรบกวนมรรคากระบี่ของข้าเลย…ต่อให้ข้าอยากได้เทพเบญจธาตุจริง ข้าก็ไม่มีวันทําร้ายเจ้าหรอก เจ้าคือศิษย์เพียงคนเดียวของข้า ทั้งยังสืบทอดมรรคากระบี่ของข้า ในสายตาข้าเจ้าก็ไม่ต่างอะไรจากลูกชายแท้ๆคนหนึ่ง…เสือร้ายยังไม่กินลูกตัวเอง แล้วข้าจักทําเรื่องเดียรัจฉานเช่นนั้นได้อย่างไร…”

 

ได้ยินคําพูดตรงไปตรงมาของฟงชิงหยาง ใจต้วนหลิงเทียนก็สะท้านไปไม่น้อย ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดขึ้นมา

 

เพราะก่อนหน้าเป็นเขาเลือกจะปกปิดเรื่องราวทั้งหมดกับอาจารย์ เหตุผลก็คือกลัวอาจารย์จะบังเกิดจิตคิดไม่ซื่อ หมายปองเทพเบญจธาตุของเขา

 

จังหวะนี้เขาพลันตระหนักได้ชัดเจน ถึงความหมายของคําว่าใช้จิตใจคนถ่อยหยังวัดวิญญูชน”

 

“ท่าอาจารย์ ข้าขอโทษ”

 

ต้วนหลิงเทียนได้แต่กล่าวคําขอขมาออกมาหน้าซึม

 

“เจ้าไม่จําเป็นต้องขอโทษข้าหรอก”

 

ฟงชิงหยางส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “ยังดีเสียอีกที่เจ้ารู้จักระวัง เพราะต่อให้เป็นข้าเองก็ต้องทําเหมือนเจ้าเช่นกัน….คราวนี้ถ้าไม่ใช่เพราะข้ากังวลว่าเรื่องราวในโลกใบเล็กเจ้าเสี่ยงจะเปิดเผยออกมาที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ข้าก็ตั้งใจจะไม่พูดเรื่องนี้แต่แรก แต่ไม่อาจไม่ระวังไว้ก่อนได้จริงๆ”

 

“เพราะหากโลกใบเล็กภายในกายเจ้าไม่ได้ถูกปิดกั้นโดยสมบูรณ์ ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดเรื่อง ไม่คาดฝันได้อยู่”

 

หลังได้ยินคําเตือนของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงความสําคัญของเรื่องราว ในใจบังเกิดความระวังเพิ่มขึ้นหลายส่วน ยังคิดไปว่าวันหน้าหากไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มั่นใจว่าปลอดภัยจริงๆ เขาจะไม่มีวันถอนการปิดกั้นโลกใบเล็กออกเด็ดขาด!

 

หากไม่ใช่เพราะอาจารย์กล่าวเตือน เกรงว่าการมาเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนครั้งนี้ อาจจะเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ

 

และไม่นานนัก ต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางก็มาถึงด้านหน้าประตูใหญ่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน

 

พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ก็มีลักษณะที่ตั้งละม้ายคล้ายพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ส่วนใหญ่ในระนาบเทวโลก มันตั้งอยู่บนเกาะลอยฟ้าที่ลอยล่องอยู่เหนือหมู่เมฆ มองไปละม้ายคล้ายอสูรกายดึกดําบรรพ์ตัวเขื่องซุ่มซ่อนในม่านหมาก โดยรอบยังเต็มไปด้วยแสงพลังอาคมลี้ลับน่ากลัวแล่นตัดกันไปมา อาศัยแสงพลังอาคมดังกล่าว ก็ทําให้ไม่มีใครกล้าทะเล่อทะล่าเข้ามาใกล้แล้ว

 

“ท่านอาจารย์ ว่าแต่ศึกอัจฉริยะสวรรค์ที่จะมุ่งเป้าไปที่อัจฉริยะอายุไม่ถึงพันปีนี่อัจฉริยะทั่วไปไร้สังกัด จะสามารถมาเข้าร่วมด้วยตัวเองได้หรือไม่?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

 

“แน่นอนว่าไม่ได้”

 

ได้ยินคําถามต้วนหลิงเทียน ฟงชิงหยางก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา “หากใครคิดจะมาก็มาได้เช่นนั้นพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ไม่กลายเป็นตลาดเช้าแสนวุ่นวายแล้วหรือ?”

 

“แต่ละระนาบเทวโลกนั้น อัจฉริยะที่อายุไม่ถึงพันส่วนใหญ่จะมีภูมิหลังความเป็นมาทั้งสิ้น เพราะสุดท้ายแล้วหากไร้ซึ่งสภาพแวดล้อมและทรัพยากรดีๆ จะมีความร้ายกาจเทียบเทียมเหล่าอัจฉริยะอายุไม่ถึงพันที่ได้รับการปลูกฝังมาอย่างดีได้อย่างไร?”

 

ฟงชิงหยางเอ่ยเสริม “ดังนั้น แทบทุกครั้งที่มีศึกอัจฉริยะสวรรค์มากกว่า 9 ส่วนของอัจฉริยะที่เข้าร่วมการแข่งขัน ก็มีขุมกําลังหนุนหลังทั้งสิ้น ไม่เว้นคนของวิหารเฟิงฮ่าวเอง…จริงอยู่ว่ามีอัจฉริยะไร้สังกัดที่เจ้าพูดถึงอาจจะมีอยู่บ้าง แต่ตัวตนเหล่านั้นหากคิดจะช่วงชิงอะไรกับผู้อื่นได้ ก็ต้องมีโชควาสนาปาฏิหาริย์จริงๆ เรียกว่าต้องผ่านการผจญภัยอันเหนือคาดคิด สุดที่คนทั่วไปจะจินตนาการได้ออก”

 

คําพูดของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนเองก็เข้าใจ “แล้วอัจฉริยะที่ว่าละอาจารย์ หากพวกมันคิดเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ต้องทําอย่างไรหรือ ไม่อาจไปสมัครที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หน้างานด้วยตัวเองโดยตรงได้เลย?”

 

“ไม่ได้หรอก”

 

ฟงชิงหยางส่ายหัว “หากอัจฉริยะไร้สังกัดที่เจ้าว่าอยากเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์จริง อย่างน้อยๆก็ต้องมีพลังฝีมือใกล้เคียงจักรพรรดิอมตะสมญานาม…และเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ประการอย่างน้อยหนึ่งชุด…”

 

“เมื่อมีคุณสมบัติดังกล่าวแล้ว ก็ต้องไปเยือนวิหารเชิงฮ่าวที่ตั้งอยู่ทั่วทุกระนาบเทวโลกเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติรับสิทธิ์เข้าร่วม

 

วิหารเฟิงฮ่าวพามาเข้าร่วม

 

ฟงชิงหยางกล่าว

 

“แบบนี้นี่เอง”

 

ต้วนหลิงเทียนเข้าใจได้ทันที

 

“สําหรับอัจฉริยะจากขุมกําลังพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ต่างๆ ก็เสมือนได้รับสิทธิพิเศษ ไม่ต้องผ่านการตรวจวสอบคุณสมบัติเข้าร่วมของวิหารเฟิงฮ่าว สามารถมาเข้าร่วมได้โดยตรงเหมือนพวกเราก็เช่นกัน เจ้าอาจเห็นว่าเจ้ามากับข้าแค่สองคน แต่ความจริงข้าให้เมิ่งหลัวไปพาอัจฉริยะของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมียเทียนเรามาเรียบร้อยแล้ว”

 

ฟงชิงหยางกล่าว

 

“ผู้อาวุโสเมิ่งหลัว?”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายจ้า เขาก็คิดอยู่แล้วเชียว่าพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมียเทียน ไหนเลยจะขาดอัจฉริยะอายุไม่ถึงพันที่จะเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์…แล้วไฉนถึงไม่มาด้วยกันกับพวกเขา?

 

ปรากฏว่าที่อาจารย์ไปหาอาวุโสเมิ่งหลัวก่อนออกเดินทาง ก็เพื่อให้อาวุโสเมิ่งหลัวพาคนอื่นมานี่เอง

 

“สําหรับอัจฉริยะของขุมกําลังระดับสวรรค์ หากเกี่ยวข้องกับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ ก็สามารถติดสอยห้อยตามพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์มาเข้าร่วมได้อยู่…หากไม่อาจติดสอยห้อยตามคนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ได้เช่นนั้นก็ต้องไปเข้าร่วมการทดสอบวัดคุณสมบัติที่วิหารเฟิงฮ่าว และให้วิหารเฟิงฮ่าวพามาเข้าร่วมถ่ายเดียว”

 

ได้ยินคําอธิบายของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจเกณฑ์การเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์โดยละเอียด

 

พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ของทั้งเก้าเก้า 81 ระนาบเทวโลก มีคุณสมบัติพาคนมาเข้าร่วมได้ทันที

 

นอกนั้นต้องไปตรวจวัดคุณสมบัติที่วิหารเฟิงฮ่าว และให้วิหารเฟิงฮ่าวพามาเข้าร่วม

กล่าวอีกอย่างได้ว่าอัจฉริยะที่มาเข้าร่วมศึกอัจฉริยะที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนครั้งนี้ หากไม่ได้มากับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ก็ต้องมากับวิหารเฟิงฮ่าว

 

“วิหารเฟิงฮ่าวมีตัวตนขอบเขตเทพ และในบรรดาจักรพรรดิสวรรค์ก็มีตัวตนขอบเขตเทพอยู่แน่

 

พอนึกถึงคําเตือนก่อนหน้าของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจแล้วว่าไฉนอาจารย์ถึงเอ่ยเรื่องปิดกั้นโลกใบเล็กออกมา เพราะศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ น่ากลัวว่าตัวตนขอบเขตเทพทั้งหลาย จะมารวมตัวกันไม่น้อย!

 

ด้วยกลัวว่าตัวตนเหล่านั้นจะค้นพบความลับของเขา อาจารย์ก็เลยกล่าวเตือนเขาออกมา

 

“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์”

 

เมื่อเข้าใกล้พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ไม่ทันเดินทางถึงหน้าประตูใหญ่ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงเอ่ยทักหนึ่งดังขึ้น

 

พอหันไปมองตามเสียง ก็เห็นชายร่างกํายําเหยียบฟ้าก้าวอาดๆเข้ามาจากทางซ้ายไกลตา เป็นจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง เมิ่งหลัว แห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมียเทียน!

 

และด้านหลังของเมิ่งหลัว ก็มีคนเห็นร่างตามมาติดๆอีก 2-3 คน

 

เป็นชายหนุ่ม 2 หญิงสาว 1

 

ชายหนุ่มคนหนึ่งมาในชุดสีฟ้าอ่อนถือกระบี่ยาวในผักแลดูธรรมดา หากแต่นัยน์ตากลับแห ลมคมฉายความดุร้าย พออีกฝ่ายเหลือบมาเห็นอาจารย์ที่อยู่ข้างกายเขา สองตาก็ลุกวาวเต็มไป ด้วยความเคารพนับถือล้นพ้น “ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์!”

 

“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์”

 

ชายหนุ่มอีกคนมาในชุดจอมยุทธ์เรียบง่ายสีน้ําเงิน ลักษณะท่วงท่าแลดูสง่างาม ข้างกายมีหญิงสาวสวมชุดสีเขียวใบหน้าเกลี่ยงเกลาแลดูสะสวยสองตาสารทใส่ดั่งน้ํา ทั้งคู่ก็พากันเห็นร่างติดตามเมิ่งหลัวมาอย่างเรียบร้อยๆ ประสานมือโค้งคารวะฟงชิงหยางอย่างนอบน้อม

 

“อืม”

 

เห็นคนทั้ง 4 ฟงชิงหยางก็พยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็หันไปมองประตูใหญ่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนไกลตาเอ่ยว่า “ในเมื่อมาแล้ว ก็เข้าไปพร้อมกันเถอะ”

 

“ทราบ”

 

ได้ยินคําพูดดังกล่าว เมิ่งหลัวกับทั้ง 3 ก็เร่งเดินมาอยู่ด้านหลังฟงชิงหยางกับต้วนหลิงเทียน และติดตามเข้าพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนไปด้วยกัน

 

ด้วยความที่ต้วนหลิงเทียนเหินร่างเคียงข้างฟงชิงหยางอยู่ด้านหน้า เขาก็สัมผัสได้ไม่ยากว่ามีสายตาทั้ง 3 คู่จับจ้องมองแผ่นหลังเขาไม่วางตา กระทั่งดวงตาคู่หนึ่งยังฉายชัดถึงความไร้ปราณี

 

พอต้วนหลิงเทียนหันหลังไปเหลือบมองเจ้าของสายตาคู่นั้นปราดหนึ่ง ก็พบว่าชายหนุ่มในชุดสีฟ้าที่ถือกระบี่ในฝักข้างกาย กําลังมองมาด้วยสายตาเอาเรื่องราวเขาไปติดหนี้มันแล้วไม่จ่ายอย่างไรอย่างนั้น

 

“นายน้อย”

 

เมิ่งหลัวที่สัมผัสได้ว่าต้วนหลิงเทียนหันกลับมามองชายหนุ่มชุดฟ้า ก็เร่งส่งเสียงผ่านพลังไปหาต้วนหลิงเทียนทันที “ทั้ง 3 เป็นบุตรหลานของสหายเก่าข้าเอง…ชายหนุ่มชุดสีน้ําเงินกับสาวน้อยที่อยู่ข้างๆ เป็นลูกหลานของจักรพรรดิอมตะสมญานามในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมียเทียน เราเองทั้งหมดล้วนมีอายุไม่ถึงพันปี และพลังฝีมือใกล้เคียงกับจักรพรรดิอมตะสมญานาม”

 

“ส่วนชายหนุ่มในชุดสีฟ้าถือกระบี่นั่น มันเป็นคนของนิกายกระบี่ลี้ลับ อันเป็นขุมกําลังระดับสวรรค์ในจี้เมียเทียนเรา พอดีข้ากับประมุขนิกายของมันรู้จักกันดี อีกฝ่ายก็เลยฝากฝังมันมาเข้าร่วมศึกอัจฉริยะพร้อมกับคนของเรา เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลําบากไปประเมินคุณสมบัติของวิหารเฟิงฮ่าว

 

เมิ่งหลัวหยุดลงเล็กน้อย ค่อยกล่าวสืบต่อว่า “ในบรรดาทั้ง 3 คน ก็เป็นชายหนุ่มชุดฟ้าที่ท่านกําลังมองอยู่ร้ายกาจที่สุด พลังฝีมือของมันเข้าเกณฑ์จักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว”

 

“กล่าวได้ว่ามันทัดเทียมกับจักรพรรดิอมตะสมญานามได้ตั้งแต่อายุ 800 กว่าปี”

 

เมิ่งหลัวกล่าว

 

“ด้วยพรสวรรค์ดังกล่าวของมัน ก็เลยทําให้มันเป็นคนจองหองถือดีก่อนที่พวกเราจะได้เจอท่านกับใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ ข้าก็บอกมันแต่แรกว่าท่านจะมากับใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์กันก่อน”

 

“ที่ไฉนมันจ้องท่านด้วยสายตาเอาเรื่อง เนื่องเพราะมันไม่เชื่อว่าท่านจะมีคุณสมบัติเป็นศิษย์ที่แท้จริงของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ได้”

 

“หลังจากที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์กลับมาจากนรกอสุราและลงมือชิงตําแหน่งคืนจนมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทางนิกายกระบี่ลี้ลับก็ได้ส่งมันมาที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์เรา เพราะมันรบเร้าอยากขอเป็นศิษย์ของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์…แต่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ก็ได้ปฏิเสธมันไป”

 

พอเมิ่งหลัวกล่าวถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ไม่ยากว่าไฉนอีกฝ่ายถึงได้มองเขาด้วยสายตาราวกับเขาไปติดเงินมันแบบนั้น

 

ที่แท้ทั้งหมดเพราะฐานะของเขา

 

ศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์จี้เมียเทียน!

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+