War sovereign Soaring The Heavens 3467

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3467 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3467 : มรรคากระบี่มิติ!

 

หลังจากต้วนหลิงเทียนกลับไปนั่งที่แล้ว อัฒจันทร์โดยรอบที่เงียบสงัดไปครู่หนึ่ง พลันกระหึ่ม ขึ้นมาทันที!

 

“มารดามันเถอะ กระบี่ผีสางอันใดไฉนว่องไวนัก!”

 

“เมื่อครู่ข้าได้ยินแต่เสียงกระบี่เท่านั้น แต่ไม่เห็นเลยว่ามันลงกระบี่อย่างไร…”

 

“ให้ตายเถอะ กระบี่ของมันจะไวเกินไปไหม ข้าเองก็เป็นเทพสงคราม 2 ดาราเช่นกัน แต่ข้าจับวิถีกระบี่มันไม่ได้เลย!”

 

อัจฉริยะรุ่นเยาว์หลายคนอดไม่ได้ที่จะตกใจ รวมทั้งอวี๋ตงฟางศิษย์ที่แท้จริงลําดับ 3 ของจักรพรรดิสวรรค์ชวนหยวนเทียนเองก็เช่นกัน สีหน้าท่าทีของมันตอนนี้แลดูเคร่งขรึมจริงจังเป็นที่สุด!

 

มันก็มองไม่เห็นวิถีกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเหมือนกัน!

 

สําหรับถงถูที่นั่งข้างอวี๋ตงฟางตอนนี้ มันหวาดกลัวจนขึ้หดตดหายแล้ว! หน้าผากยังปรากฎเม็ดเหงื่อผุดซึมจนชุ่ม พอคิดถึงเรื่องวันนั้นขึ้นมา ไม่ทราบต้วนหลิงเทียนที่แท้เมตตาปราณีมันขนาดไหน!

 

– ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันมองไม่เห็นวิถีกระบี่ต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ํา กระทั่งความเคลื่อนไหวของต้วนหลิงเทียนมันก็ไม่เห็น ที่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนสมควรใช้กระบี่ก็ฟังเสียงฮือฮาโดยรอบมาเท่านั้น!

 

แถมมันยังตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่งด่านพลังฝึกปรือของง้วนหลิงเทียนสูงกว่ามัน!

 

จากกลิ่นอายพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดที่ต้วนหลิงเทียนใช้ขับเคลื่อนความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ เมื่อครู่ มันตระหนักได้รางๆว่าอย่างน้อยๆด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนก็สมควรอยู่ในขอบ เขตจักรพรรดิอมตะ 8 ชะตา และอาจเป็นได้กระทั่งจักรพรรดิอมตะ 9 ตําหนักเหมือนศิษย์พี่ 3 ของมัน!

 

ส่วนตัวมันเป็นแค่จักรพรรดิอมตะ 6 ผสานเท่านั้น!

 

“เจ้านั่น… เมื่อครู่มันมิได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งด้วยซ้ํา!”

 

อวี๋ตงฟางกล่าวเสียงเครียด

 

“อะไร?!”

 

ได้ยินคําพูดของอวี๋ตงฟาง สีหน้าถงถูก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง เพราะเมื่อครู่มันเห็นชัดเจนว่า คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟแล้ว จนมีพลังและความเร็วสูงกว่ามันมาก!

 

แต่มาตอนนี้ ศิษย์พี่ 3 ของมันกลับบอกว่า….

 

การลงมือของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ไม่ได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้ง?!

 

นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร!?

 

ถึงแม้กฏมิติที่เป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุดจะทรงพลัง แต่ก็คงไม่ร้ายกาจถึงขั้นผืนฟ้าขนาดนั้นกระมัง? แต่ในเมื่อไม่ได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ ไฉนถึงลงมือสยบคนที่ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งได้?

 

หรือด่านพลังฝึกปรือของทั้งคู่ แตกต่างกันมาก?

“ศิษย์พี่ 3 ด่านพลังของเจ้าชื่อหม่าอะไรนั่นมันต่างจากต้วนหลิงเทียนมากหรือ?”

 

ถงถูเอ่ยถามเสิ่งหนัก ใบหน้าแลดูจริงจังไม่น้อย

 

“ความแตกต่างของด่านพลังฝึกปรือนั้นมีอยู่ แต่ไม่ได้แตกต่างกันมาก..หากข้าสัมผัสไม่ผิด ต้วนหลิงเทียนนั่นมันเป็นจักรพรรดิอมตะ 9 ตําหนัก ส่วนชื่อหม่าจึงจึงเป็นเพียงจักรพรรดิอมตะ 8 ชะตา ด่านพลังฝกปรือต่างกันแค่ขั้นเดียวเท่านั้น….ปกติแล้วต่อให้เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญกฏมิติแค่ไหน หากไม่ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งก็คงยากจะเอาชนะซือหม่าจึงจึงได้”

 

อวี๋ตงฟางกล่าวสรุป

 

“แล้วไฉนมันถึงเอาชนะได้ง่ายนักล่ะ?”

 

ถงถูสับสนุนงง มันไม่เข้าใจจริงๆว่าที่แท้เกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่กันแน่

 

“เจ้าลืมไปแล้วหรือไรว่าท่านอาจารย์ของพวกเรา ยามพูดถึงจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ท่านอาจารย์ชื่นชมผู้อื่นเรื่องอะไรมากที่สุด!”

 

อวี๋ตงฟางหันไปมองถงถูด้วยสายตาลึกซึ้งพลางถาม

 

พอถึงถได้ยินคําถามดังกล่าว ความคิดมันก็โลดแล่นในหัว พริบตาก็คล้ายมีประกายแสงหนึ่งสว่างวาบ ลูกตาหดเล็กลงเร็วไว “ศิษย์พี่ท่านหมายความว่าอะไร..ต้วนหลิงเทียนนั่น มันสําเร็จมรรคากระบี่ของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางแล้วงั้นเหรอ?”

 

จักรพรรดิสวรรค์ชวนหยวนเทียน กงซุนซวนหยวน อาจารย์ขอมัน ถึงแม้จะล่วงรู้เรื่องที่จักรพรรดิสวรรค์ในตํานานแห่งจี้เมียเทียนบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว แต่เรื่องที่อาจารย์มันชื่นชมฟงชิงหยางมากที่สุดไม่ใช่เรื่องบรรลุถึงขอบเขตเทพ แต่เป็นเรื่องที่ฟงชิงหยางค้นพบเต๋าของตัวเอง ทําให้มีพลังอํานาจอีกอย่างที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความลึกซึ้งของกฏ กระทั่งยังใช้ร่วมกันได้ ก่อให้เกิดเป็นพลานุภาพในการต่อสู้อย่างน่ากลัว

 

วิธีการดังกล่าว คือสิ่งที่กระทั่งอาจารย์ของมันกระทั่งหลับยังฝันถึง และเนิ่นนานก็ทําได้แค่แต่ถึงธรณีประตูไม่อาจข้ามผ่าน

 

อย่างไรก็ตาม ฟงชิงหยาง ข้ามประตูนั้นไปแล้ว

 

“ท่านอาจารย์เคยบอกข้ามานานแล้วว่าหากจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางมีความสําเร็จในเด็กระบี่มากขึ้น เรื่องจะบรรลุเทพก็เป็นแค่เรื่องที่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น”

 

อวี๋ตงฟางหันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง แววตามันสั่นไหวไม่น้อย “ว่ากันว่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้น พึ่งจะได้พบเจอกับจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางเมื่อ 100 ปีก่อนเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะ เข้าถึงเต๋ากระบี่ กระทั่งไม่แน่มันอาจค้นพบเต๋ากระบี่ของตัวเรียบร้อยแล้ว!”

 

“จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ร้ายกาจเกินคน!”

 

มันย่อมเดาได้ไม่ยากเป็นธรรมดา ว่ากระบี่ที่ทรงพลังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพลังแห่งกฏที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งสําแดงออกนั้นไม่พ้นต้องได้รับถ่ายทอดมาจากจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางแน่!

 

แน่นอนว่าถึงงแม้จะได้พบเจอกับจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางได้แค่ 100 กว่าปี แต่เนื่องจากได้รับสืบทอดมรดกจากฟงชิงหยางในระนาบโลกียะ ก็ไม่ต่างอะไรจากการวางรากฐานไว้แล้ว! ทว่า ต่อให้จะวางรากฐานมาตั้งแต่ระนาบโลกียะ แต่กับประสบความสําเร็จถึงขนาดนี้หลังได้รับการชี้แนะแค่ 100 กว่าปี ก็เป็นเรื่องที่ทําให้ผู้คนตกใจอยู่ดี

 

เพราะ เต๋ามรรคา หรือวิถีสิ่งที่สําคัญที่สุดคือการค้นพบหนทาง และเดินไปให้ถูกทาง

ยกตัวอย่างเช่นอาจารย์ของมัน ถึงแม้จะเป็นอัจฉริยะกระบี่เช่นกัน แต่เพราะก้าวเดินบนเส้นทางกระบี่ผิดพลาดหลายครั้ง ทําให้เสียเวลาไปไม่น้อย

 

แต่เป็นธรรมดาที่มันจะเชื่อมั่นว่า หากอาจารยย์ของมันมีเวลามากกว่านี้ สุดท้ายก็ต้องค้นพบมรรคากระบีของตัวเองแน่นอน!

 

ดุจเดียวกับอวี๋ตงฟาง มีจักรพรรดิสวรรค์รวมถึงระดับสูงของวิหารเฟิงฮ่าวจากระนาบเทวโลกต่างๆสามารถมองเห็นเบาะแสบางอย่างจากกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ “เป็นมรรคา กระบี่ทําลายล้างของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง! ไม่! ดูเหมือนจะไม่ใช่มรรคากระบี่ทําลายล้าง แม้วิถีกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่จะให้กลิ่นอายยของมรรคากระบี่ทําลายล้าง แต่มันกลับแฝงไว้ด้วยกฏมิติ เป็นมันใช้วิถีกระบี่ร่วมกับกฏมิติในแนวทางของตัวเอง!”

 

“มาตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าไฉนจักรพรรดิสวรรค์ถึงเลือกรับมันเป็นศิษย์! ที่แท้มันเป็นอัจฉริยะในเชิงกระบี่! อายุมีแค่น้อยนิด แต่มันกลับพบเจอมรรคากระบี่มิติของตัวเองจากมรรคากระบี่ทําลายล้างของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง!”

 

“หลังจากนี้ หากมันประสบความสําเร็จในมรรคากระบี่มิติ เกรงว่าคงกลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางคนที่ 21”

 

“ไม่แน่! หากมรรคากระบี่มิติของมันประสบความสําเร็จ ไม่ว่าจะพลังอํานาจรวมถึงความพิสดาร ข้าเกรงว่าอาจจะมีอานุภาพเหนือกว่ามรรคากระบี่ทําลายล้างของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางเสียอีก!”

 

จักรพรรดิสวรรค์ทั้งหลายลอบสนทนากันอย่างลับๆ มองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้งสายตายังต่างไปจากเดิมลิบลับ

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งยูไล

 

“ฟงชิงหยางนั้นถ่ายทอดมรรคากระบีให้มันจริงๆ..หากข้าสามารถชิงร่างหลอมกลืนวิญญาณมันได้ มิใช่ว่าต่อไปข้าก็จักสําเร็จมรรคากระบี่ของฟงชิงหยางหรือไร?”

 

“มันเป็นแค่จักรพรรดิอมตะตัวกระจ้อยเท่านั้น…ข้าคิดจัดการมันไยมิใช่เรื่องง่าย?”

 

ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของมันยังงอ่อนด้อยกว่ายุไลมาก…ข้ามิอาจครอบงําหลอมกลืนวิญญาณยูไลได้ทั้งหมด แต่กับวิญญาณอ่อนแอของเจ้าหนูนั่น ไยมิใช่ขนมหวานเล่า?

 

“มรรคากระบี่นั่นเป็น 1 ในหนทางสู่ขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุด!

 

สองตายูไลทอแสงจ้า

 

“น้องฟงท่าน”

 

จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนติง หันไปมองถามฟงชิงหยางด้วยความประหลาดใจ “นี่ท่านถ่ายทอดมรรคากระบี่ทําลายล้างให้ศิษย์หลานต้วน?”

 

“ที่สําคัญ ด้วยมีแนวทางมรรคากระบี่ทําลายล้างของท่าน ศิษย์หลานต้วนถึงกับเริ่มก้าวเดินในมรรคากระบี่มิติของตัวเองได้แล้ว?!”

 

บัดนี้สีหน้าติงฟฉาชัดถึงความตกตะลึงทั้งซับซ้อนนัก

 

“อืม”

 

ฟงชิงหยางพยักหน้า มุมปากเริ่มยกยิ้มบางๆ “มรรคากระบี่มิติ…ตอนนี้ยังค่อนข้างอ่อนด้อยอยู่บ้าง”

 

“เพ่ย! น้องฟงท่านคิดทําร้ายจิตใจผู้คนให้ตายเชียวหรือ นี่ยังเรียกว่าอ่อนด้อย?”

 

ได้ยินคําพูดของฝูงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ติงฟู แทบกระอักเลือดตาย จากนั้นก็หันไปถลึงตามองกล่าวกับเว่ยฉีข้างๆ เป็นการระบายความคับข้องใจ “เจ้าเห็นแล้วหรือไม่? นั่นคือศิษย์ของอาจารย์อาเจ้า….ตอนเจ้าอายยุเท่าศิษย์หลานต้วน ด้วยพลังฝีมือเจ้าน่ากลัวจะต้านทานศิษย์หลานต้วนไม่ได้แม้กระบี่เดียว!!

 

เว่ยฉีที่อยู่ๆก็โดนอาจารย์ตําหนิ ได้แต่คลี่ยิ้มชื่นขม

 

มันอย่างไรก็คือจักรพรรดิอมตะกระดูกมังกรที่ลือชื่อ ตอนนี้กลับเป็นได้แค่กระโถนรองรับอารมณ์?

 

มันอยากจะโต้เถียงกลับไปว่า แล้วตอนที่อาจารย์ท่านอายุเท่านี้ ท่านตีกับศิษย์น้องต้วนไหวไหมล่ะ? แต่ก็ไม่กล้าเพราะสุดท้าย ในสายตาของมันอาจารย์ของก็ไม่ต่างอะไรจากบิดาคนที่ 2

 

เป็นธรรมดาถึงแม้มันจะรู้สึกว่าคําพูดของอาจารย์นี้เหมือนจะทําร้ายจิตใจผู้คน แต่ทุกถ้อยคําก็เป็นเรื่องจริง…ตอนมันอายุเท่าต้วนหลิงเทียน มองจากกระบวนท่ากระบี่เมื่อครู่ อย่าว่าแต่หนึ่งกระบวนท่าเลย ต่อให้ครึ่งกระบวนก็ไม่ไหวจะสู้!

 

“อาศัยมรรคากระบี่ทําลายล้างของฟงชิงหยางเป็นแนวทาง กลับคลําทางสร้างมรรคากระบี่มิติของตัวเองได้ และประสบความสําเร็จไม่ธรรมดา…ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นสัตว์ประหลาดหรือไร?”

 

เหล่าคนของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาระนาบเทวโลกต่างๆเริ่มส่งเสียงผ่านพลังคุยกันอย่างลับๆ ตอนนี้ในแววตาพวกมันแต่ละคนล้วนฉายชัดถึงความตกใจ

 

“หากให้เวลามันอีก 2-3 พันปี ไม่พ้นต้องไล่ตามฟงชิงหยางทันแน่!”

 

“นั่นไม่จําเป็น…มันก้าวหน้าเติบโตได้ หรือฟงชิงหยางไม่ก้าวหน้าเติบโตแล้ว? พวกเจ้าต้องทราบด้วยว่าจักรพรรดิสวรรค์ฟังซิงหยางจะอย่างไรก็บรรลุถึงขอบเขตเทพเรียบร้อย หนทางข้างหน้ายังมีพื้นที่ให้ก้าวหน้าอีกมาก!”

 

“อย่างน้อยๆต้วนหลิงเทียนนั่นก็ต้องใช้เววลาอีกหลายยพันกระทั่งนับหมื่นปี ถึงจักไล่ตามฟงชิงหยางได้ทัน!”

 

มีคํากล่าวที่ว่า “ชาวบ้านดูเอาสนุกสนาน แต่ผู้เชี่ยวชาญแลเห็นลู่ทาง” จักรพรรดิสวรรค์รวมถึงเหล่าจ้าววิหารและรองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวของระนาบเทวโลกต่างๆ ล้วนถกกันถึงเรื่องมรรคา กระบี่มิติของต้วนหลิงเทียนกันใหญ่ และเพียงดูก็รู้ว่าได้แนวทางมาจากมรรคากระบี่ทําลายล้างของฟงชิงหยาง สําหรับอัจฉริยะทั้งหลายนั้น กว่า 99 ส่วน ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย

 

มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่พอจะมองเห็นอะไรบางอย่าง ทําให้สีหน้ากลายเป็นจริงจังขึ้นมาทันที

 

สําหรับผู้คนส่วนใหญ่นั้นจุนงงและไม่เข้าใจอะไรเลย

 

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พลังของกฏมิติมันร้ายกาจท้าทายสวรรค์ขนาดนี้? สหายของข้าเองก็เก่งกฏมิติ แต่ตอนที่มีระดับความเข้าใจพอๆกัน พลังงฝีมือมันก็ดีกว่าข้าแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ต้วนหลิงเทียนนั่นมันจะไม่เกินจริงไปหน่อยรึ?”

 

“ที่แท้ต้วนหลิงเทียนลงมือด้วยวิชาผีสางอันใดกันแน่? ไฉนไม่ได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้ง แต่กลับเอาชนะเทพสงคราม 2 ดาราได้ง่ายๆ?”

 

“ให้ตายเถอะวะ นั่นมันเทพสงคราม 2 ดาราเชียวนะ ไม่ใช่หมาแมวที่ไหน!”

 

เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ส่วนใหญ่ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

 

อย่างไรก็ตามจนเมื่อต้วนหลิงเทียนกลับไปนั่งที่ ทั้งหมดค่อยได้สติและตระหนักว่ากระบี่เมื่อครู่ของต้วนหลิงเทียนมันร้ายกาจขนาดไหน

 

“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าจะค้นพบมรรคากระบี่ของตัวเองแล้ว”

 

เป็นธรรมดาว่าท่ามกลางผู้คนรอบตัวด้วนหลิงเทียน ผู้ที่ตกใจกว่าใครก็คือหลิงเจี่ยอขึ้น เพราะมันมาจากตระกูลลับ ที่จัดว่าเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งของดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ มันเองก็ได้ยินผู้อาวุโสในตระกูลกล่าวถึงตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าพลังแห่งกฏนั้นแม้จะทรงพลานุภาพ แต่หากบรรลุถึงจุดสูงสุดแล้วปลายทางของทุกคนก็เท่ากัน

 

ทว่า เต๋าวิถี หรือมรรคานั้น แต่ละคนล้วนมีเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ว่าใครก็จะบรรลุถึงและเข้าใจเส้นทางของตัวเองกันได้ง่ายๆ และต่างจากเทพเบญจธาตุที่ขอแค่ขวนขวายหน่อยก็หาได้โดยสิ้นเชิง มันเป็นอีกหนึ่งเส้นทางในการบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุด!

 

แต่เป็นธรรมดา ไม่ใช่ผู้ที่ค้นพบมรรคาของตัวเอง หรือครอบครองเทพเบญจธาตุจะบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดได้ทุกคน

 

เพราะไม่ว่าผู้ใดก็ตาม ต่อให้ค้นพบมรรคาของตัวเองแล้ว แต่ถ้าไม่อาจก้าวเดินไปจนสุดทาง และทําให้มรรคานั้นเป็นเอกอุไว้ใดเสมอเหมือน รวมถึงผู้ที่ไม่อาจยกระดับวิวัฒน์เทพเบญจธาตุให้ถึงขั้นสุดท้าย ก็ยากจะบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดได้อยู่ดี

 

“นี่เจ้า เข้าใจมรรคากระบี่ของเจ้าด้วยตัวเองหรือ?”

 

หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวถามเสียงเข้ม ขณะเดียวกันสองตามันก็ทอประกายซับซ้อนออกมา เพราะถ้าหากต้วนหลิงเทียนค้นพบมรรคากระบี่ของตัวเองด้วยอายุเพียงเท่านี้ เรียกว่าเข้าถึง “เต๋า” ได้ แล้วล่ะก็ ต่อให้ไปอยู่ในระนาบเทพ แต่ต้วนหลิงเทียนก็คือสุดยอดอัจฉริยะที่หาตัวจับยาก!

 

ตัวตนเช่นนี้ หากยอดฝีมือขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดคิดจะรับเป็นศิษย์ เกรงว่าจะให้ความสําคัญเป็นอันดับแรก!

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3467

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3467 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3467 : มรรคากระบี่มิติ!

 

หลังจากต้วนหลิงเทียนกลับไปนั่งที่แล้ว อัฒจันทร์โดยรอบที่เงียบสงัดไปครู่หนึ่ง พลันกระหึ่ม ขึ้นมาทันที!

 

“มารดามันเถอะ กระบี่ผีสางอันใดไฉนว่องไวนัก!”

 

“เมื่อครู่ข้าได้ยินแต่เสียงกระบี่เท่านั้น แต่ไม่เห็นเลยว่ามันลงกระบี่อย่างไร…”

 

“ให้ตายเถอะ กระบี่ของมันจะไวเกินไปไหม ข้าเองก็เป็นเทพสงคราม 2 ดาราเช่นกัน แต่ข้าจับวิถีกระบี่มันไม่ได้เลย!”

 

อัจฉริยะรุ่นเยาว์หลายคนอดไม่ได้ที่จะตกใจ รวมทั้งอวี๋ตงฟางศิษย์ที่แท้จริงลําดับ 3 ของจักรพรรดิสวรรค์ชวนหยวนเทียนเองก็เช่นกัน สีหน้าท่าทีของมันตอนนี้แลดูเคร่งขรึมจริงจังเป็นที่สุด!

 

มันก็มองไม่เห็นวิถีกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเหมือนกัน!

 

สําหรับถงถูที่นั่งข้างอวี๋ตงฟางตอนนี้ มันหวาดกลัวจนขึ้หดตดหายแล้ว! หน้าผากยังปรากฎเม็ดเหงื่อผุดซึมจนชุ่ม พอคิดถึงเรื่องวันนั้นขึ้นมา ไม่ทราบต้วนหลิงเทียนที่แท้เมตตาปราณีมันขนาดไหน!

 

– ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันมองไม่เห็นวิถีกระบี่ต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ํา กระทั่งความเคลื่อนไหวของต้วนหลิงเทียนมันก็ไม่เห็น ที่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนสมควรใช้กระบี่ก็ฟังเสียงฮือฮาโดยรอบมาเท่านั้น!

 

แถมมันยังตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่งด่านพลังฝึกปรือของง้วนหลิงเทียนสูงกว่ามัน!

 

จากกลิ่นอายพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดที่ต้วนหลิงเทียนใช้ขับเคลื่อนความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ เมื่อครู่ มันตระหนักได้รางๆว่าอย่างน้อยๆด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนก็สมควรอยู่ในขอบ เขตจักรพรรดิอมตะ 8 ชะตา และอาจเป็นได้กระทั่งจักรพรรดิอมตะ 9 ตําหนักเหมือนศิษย์พี่ 3 ของมัน!

 

ส่วนตัวมันเป็นแค่จักรพรรดิอมตะ 6 ผสานเท่านั้น!

 

“เจ้านั่น… เมื่อครู่มันมิได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งด้วยซ้ํา!”

 

อวี๋ตงฟางกล่าวเสียงเครียด

 

“อะไร?!”

 

ได้ยินคําพูดของอวี๋ตงฟาง สีหน้าถงถูก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง เพราะเมื่อครู่มันเห็นชัดเจนว่า คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟแล้ว จนมีพลังและความเร็วสูงกว่ามันมาก!

 

แต่มาตอนนี้ ศิษย์พี่ 3 ของมันกลับบอกว่า….

 

การลงมือของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ไม่ได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้ง?!

 

นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร!?

 

ถึงแม้กฏมิติที่เป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุดจะทรงพลัง แต่ก็คงไม่ร้ายกาจถึงขั้นผืนฟ้าขนาดนั้นกระมัง? แต่ในเมื่อไม่ได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ ไฉนถึงลงมือสยบคนที่ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งได้?

 

หรือด่านพลังฝึกปรือของทั้งคู่ แตกต่างกันมาก?

“ศิษย์พี่ 3 ด่านพลังของเจ้าชื่อหม่าอะไรนั่นมันต่างจากต้วนหลิงเทียนมากหรือ?”

 

ถงถูเอ่ยถามเสิ่งหนัก ใบหน้าแลดูจริงจังไม่น้อย

 

“ความแตกต่างของด่านพลังฝึกปรือนั้นมีอยู่ แต่ไม่ได้แตกต่างกันมาก..หากข้าสัมผัสไม่ผิด ต้วนหลิงเทียนนั่นมันเป็นจักรพรรดิอมตะ 9 ตําหนัก ส่วนชื่อหม่าจึงจึงเป็นเพียงจักรพรรดิอมตะ 8 ชะตา ด่านพลังฝกปรือต่างกันแค่ขั้นเดียวเท่านั้น….ปกติแล้วต่อให้เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญกฏมิติแค่ไหน หากไม่ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งก็คงยากจะเอาชนะซือหม่าจึงจึงได้”

 

อวี๋ตงฟางกล่าวสรุป

 

“แล้วไฉนมันถึงเอาชนะได้ง่ายนักล่ะ?”

 

ถงถูสับสนุนงง มันไม่เข้าใจจริงๆว่าที่แท้เกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่กันแน่

 

“เจ้าลืมไปแล้วหรือไรว่าท่านอาจารย์ของพวกเรา ยามพูดถึงจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ท่านอาจารย์ชื่นชมผู้อื่นเรื่องอะไรมากที่สุด!”

 

อวี๋ตงฟางหันไปมองถงถูด้วยสายตาลึกซึ้งพลางถาม

 

พอถึงถได้ยินคําถามดังกล่าว ความคิดมันก็โลดแล่นในหัว พริบตาก็คล้ายมีประกายแสงหนึ่งสว่างวาบ ลูกตาหดเล็กลงเร็วไว “ศิษย์พี่ท่านหมายความว่าอะไร..ต้วนหลิงเทียนนั่น มันสําเร็จมรรคากระบี่ของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางแล้วงั้นเหรอ?”

 

จักรพรรดิสวรรค์ชวนหยวนเทียน กงซุนซวนหยวน อาจารย์ขอมัน ถึงแม้จะล่วงรู้เรื่องที่จักรพรรดิสวรรค์ในตํานานแห่งจี้เมียเทียนบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว แต่เรื่องที่อาจารย์มันชื่นชมฟงชิงหยางมากที่สุดไม่ใช่เรื่องบรรลุถึงขอบเขตเทพ แต่เป็นเรื่องที่ฟงชิงหยางค้นพบเต๋าของตัวเอง ทําให้มีพลังอํานาจอีกอย่างที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความลึกซึ้งของกฏ กระทั่งยังใช้ร่วมกันได้ ก่อให้เกิดเป็นพลานุภาพในการต่อสู้อย่างน่ากลัว

 

วิธีการดังกล่าว คือสิ่งที่กระทั่งอาจารย์ของมันกระทั่งหลับยังฝันถึง และเนิ่นนานก็ทําได้แค่แต่ถึงธรณีประตูไม่อาจข้ามผ่าน

 

อย่างไรก็ตาม ฟงชิงหยาง ข้ามประตูนั้นไปแล้ว

 

“ท่านอาจารย์เคยบอกข้ามานานแล้วว่าหากจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางมีความสําเร็จในเด็กระบี่มากขึ้น เรื่องจะบรรลุเทพก็เป็นแค่เรื่องที่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น”

 

อวี๋ตงฟางหันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง แววตามันสั่นไหวไม่น้อย “ว่ากันว่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้น พึ่งจะได้พบเจอกับจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางเมื่อ 100 ปีก่อนเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะ เข้าถึงเต๋ากระบี่ กระทั่งไม่แน่มันอาจค้นพบเต๋ากระบี่ของตัวเรียบร้อยแล้ว!”

 

“จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ร้ายกาจเกินคน!”

 

มันย่อมเดาได้ไม่ยากเป็นธรรมดา ว่ากระบี่ที่ทรงพลังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพลังแห่งกฏที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งสําแดงออกนั้นไม่พ้นต้องได้รับถ่ายทอดมาจากจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางแน่!

 

แน่นอนว่าถึงงแม้จะได้พบเจอกับจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางได้แค่ 100 กว่าปี แต่เนื่องจากได้รับสืบทอดมรดกจากฟงชิงหยางในระนาบโลกียะ ก็ไม่ต่างอะไรจากการวางรากฐานไว้แล้ว! ทว่า ต่อให้จะวางรากฐานมาตั้งแต่ระนาบโลกียะ แต่กับประสบความสําเร็จถึงขนาดนี้หลังได้รับการชี้แนะแค่ 100 กว่าปี ก็เป็นเรื่องที่ทําให้ผู้คนตกใจอยู่ดี

 

เพราะ เต๋ามรรคา หรือวิถีสิ่งที่สําคัญที่สุดคือการค้นพบหนทาง และเดินไปให้ถูกทาง

ยกตัวอย่างเช่นอาจารย์ของมัน ถึงแม้จะเป็นอัจฉริยะกระบี่เช่นกัน แต่เพราะก้าวเดินบนเส้นทางกระบี่ผิดพลาดหลายครั้ง ทําให้เสียเวลาไปไม่น้อย

 

แต่เป็นธรรมดาที่มันจะเชื่อมั่นว่า หากอาจารยย์ของมันมีเวลามากกว่านี้ สุดท้ายก็ต้องค้นพบมรรคากระบีของตัวเองแน่นอน!

 

ดุจเดียวกับอวี๋ตงฟาง มีจักรพรรดิสวรรค์รวมถึงระดับสูงของวิหารเฟิงฮ่าวจากระนาบเทวโลกต่างๆสามารถมองเห็นเบาะแสบางอย่างจากกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ “เป็นมรรคา กระบี่ทําลายล้างของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง! ไม่! ดูเหมือนจะไม่ใช่มรรคากระบี่ทําลายล้าง แม้วิถีกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่จะให้กลิ่นอายยของมรรคากระบี่ทําลายล้าง แต่มันกลับแฝงไว้ด้วยกฏมิติ เป็นมันใช้วิถีกระบี่ร่วมกับกฏมิติในแนวทางของตัวเอง!”

 

“มาตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าไฉนจักรพรรดิสวรรค์ถึงเลือกรับมันเป็นศิษย์! ที่แท้มันเป็นอัจฉริยะในเชิงกระบี่! อายุมีแค่น้อยนิด แต่มันกลับพบเจอมรรคากระบี่มิติของตัวเองจากมรรคากระบี่ทําลายล้างของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง!”

 

“หลังจากนี้ หากมันประสบความสําเร็จในมรรคากระบี่มิติ เกรงว่าคงกลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางคนที่ 21”

 

“ไม่แน่! หากมรรคากระบี่มิติของมันประสบความสําเร็จ ไม่ว่าจะพลังอํานาจรวมถึงความพิสดาร ข้าเกรงว่าอาจจะมีอานุภาพเหนือกว่ามรรคากระบี่ทําลายล้างของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางเสียอีก!”

 

จักรพรรดิสวรรค์ทั้งหลายลอบสนทนากันอย่างลับๆ มองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้งสายตายังต่างไปจากเดิมลิบลับ

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งยูไล

 

“ฟงชิงหยางนั้นถ่ายทอดมรรคากระบีให้มันจริงๆ..หากข้าสามารถชิงร่างหลอมกลืนวิญญาณมันได้ มิใช่ว่าต่อไปข้าก็จักสําเร็จมรรคากระบี่ของฟงชิงหยางหรือไร?”

 

“มันเป็นแค่จักรพรรดิอมตะตัวกระจ้อยเท่านั้น…ข้าคิดจัดการมันไยมิใช่เรื่องง่าย?”

 

ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของมันยังงอ่อนด้อยกว่ายุไลมาก…ข้ามิอาจครอบงําหลอมกลืนวิญญาณยูไลได้ทั้งหมด แต่กับวิญญาณอ่อนแอของเจ้าหนูนั่น ไยมิใช่ขนมหวานเล่า?

 

“มรรคากระบี่นั่นเป็น 1 ในหนทางสู่ขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุด!

 

สองตายูไลทอแสงจ้า

 

“น้องฟงท่าน”

 

จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนติง หันไปมองถามฟงชิงหยางด้วยความประหลาดใจ “นี่ท่านถ่ายทอดมรรคากระบี่ทําลายล้างให้ศิษย์หลานต้วน?”

 

“ที่สําคัญ ด้วยมีแนวทางมรรคากระบี่ทําลายล้างของท่าน ศิษย์หลานต้วนถึงกับเริ่มก้าวเดินในมรรคากระบี่มิติของตัวเองได้แล้ว?!”

 

บัดนี้สีหน้าติงฟฉาชัดถึงความตกตะลึงทั้งซับซ้อนนัก

 

“อืม”

 

ฟงชิงหยางพยักหน้า มุมปากเริ่มยกยิ้มบางๆ “มรรคากระบี่มิติ…ตอนนี้ยังค่อนข้างอ่อนด้อยอยู่บ้าง”

 

“เพ่ย! น้องฟงท่านคิดทําร้ายจิตใจผู้คนให้ตายเชียวหรือ นี่ยังเรียกว่าอ่อนด้อย?”

 

ได้ยินคําพูดของฝูงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ติงฟู แทบกระอักเลือดตาย จากนั้นก็หันไปถลึงตามองกล่าวกับเว่ยฉีข้างๆ เป็นการระบายความคับข้องใจ “เจ้าเห็นแล้วหรือไม่? นั่นคือศิษย์ของอาจารย์อาเจ้า….ตอนเจ้าอายยุเท่าศิษย์หลานต้วน ด้วยพลังฝีมือเจ้าน่ากลัวจะต้านทานศิษย์หลานต้วนไม่ได้แม้กระบี่เดียว!!

 

เว่ยฉีที่อยู่ๆก็โดนอาจารย์ตําหนิ ได้แต่คลี่ยิ้มชื่นขม

 

มันอย่างไรก็คือจักรพรรดิอมตะกระดูกมังกรที่ลือชื่อ ตอนนี้กลับเป็นได้แค่กระโถนรองรับอารมณ์?

 

มันอยากจะโต้เถียงกลับไปว่า แล้วตอนที่อาจารย์ท่านอายุเท่านี้ ท่านตีกับศิษย์น้องต้วนไหวไหมล่ะ? แต่ก็ไม่กล้าเพราะสุดท้าย ในสายตาของมันอาจารย์ของก็ไม่ต่างอะไรจากบิดาคนที่ 2

 

เป็นธรรมดาถึงแม้มันจะรู้สึกว่าคําพูดของอาจารย์นี้เหมือนจะทําร้ายจิตใจผู้คน แต่ทุกถ้อยคําก็เป็นเรื่องจริง…ตอนมันอายุเท่าต้วนหลิงเทียน มองจากกระบวนท่ากระบี่เมื่อครู่ อย่าว่าแต่หนึ่งกระบวนท่าเลย ต่อให้ครึ่งกระบวนก็ไม่ไหวจะสู้!

 

“อาศัยมรรคากระบี่ทําลายล้างของฟงชิงหยางเป็นแนวทาง กลับคลําทางสร้างมรรคากระบี่มิติของตัวเองได้ และประสบความสําเร็จไม่ธรรมดา…ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นสัตว์ประหลาดหรือไร?”

 

เหล่าคนของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาระนาบเทวโลกต่างๆเริ่มส่งเสียงผ่านพลังคุยกันอย่างลับๆ ตอนนี้ในแววตาพวกมันแต่ละคนล้วนฉายชัดถึงความตกใจ

 

“หากให้เวลามันอีก 2-3 พันปี ไม่พ้นต้องไล่ตามฟงชิงหยางทันแน่!”

 

“นั่นไม่จําเป็น…มันก้าวหน้าเติบโตได้ หรือฟงชิงหยางไม่ก้าวหน้าเติบโตแล้ว? พวกเจ้าต้องทราบด้วยว่าจักรพรรดิสวรรค์ฟังซิงหยางจะอย่างไรก็บรรลุถึงขอบเขตเทพเรียบร้อย หนทางข้างหน้ายังมีพื้นที่ให้ก้าวหน้าอีกมาก!”

 

“อย่างน้อยๆต้วนหลิงเทียนนั่นก็ต้องใช้เววลาอีกหลายยพันกระทั่งนับหมื่นปี ถึงจักไล่ตามฟงชิงหยางได้ทัน!”

 

มีคํากล่าวที่ว่า “ชาวบ้านดูเอาสนุกสนาน แต่ผู้เชี่ยวชาญแลเห็นลู่ทาง” จักรพรรดิสวรรค์รวมถึงเหล่าจ้าววิหารและรองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวของระนาบเทวโลกต่างๆ ล้วนถกกันถึงเรื่องมรรคา กระบี่มิติของต้วนหลิงเทียนกันใหญ่ และเพียงดูก็รู้ว่าได้แนวทางมาจากมรรคากระบี่ทําลายล้างของฟงชิงหยาง สําหรับอัจฉริยะทั้งหลายนั้น กว่า 99 ส่วน ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย

 

มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่พอจะมองเห็นอะไรบางอย่าง ทําให้สีหน้ากลายเป็นจริงจังขึ้นมาทันที

 

สําหรับผู้คนส่วนใหญ่นั้นจุนงงและไม่เข้าใจอะไรเลย

 

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พลังของกฏมิติมันร้ายกาจท้าทายสวรรค์ขนาดนี้? สหายของข้าเองก็เก่งกฏมิติ แต่ตอนที่มีระดับความเข้าใจพอๆกัน พลังงฝีมือมันก็ดีกว่าข้าแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ต้วนหลิงเทียนนั่นมันจะไม่เกินจริงไปหน่อยรึ?”

 

“ที่แท้ต้วนหลิงเทียนลงมือด้วยวิชาผีสางอันใดกันแน่? ไฉนไม่ได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้ง แต่กลับเอาชนะเทพสงคราม 2 ดาราได้ง่ายๆ?”

 

“ให้ตายเถอะวะ นั่นมันเทพสงคราม 2 ดาราเชียวนะ ไม่ใช่หมาแมวที่ไหน!”

 

เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ส่วนใหญ่ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

 

อย่างไรก็ตามจนเมื่อต้วนหลิงเทียนกลับไปนั่งที่ ทั้งหมดค่อยได้สติและตระหนักว่ากระบี่เมื่อครู่ของต้วนหลิงเทียนมันร้ายกาจขนาดไหน

 

“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าจะค้นพบมรรคากระบี่ของตัวเองแล้ว”

 

เป็นธรรมดาว่าท่ามกลางผู้คนรอบตัวด้วนหลิงเทียน ผู้ที่ตกใจกว่าใครก็คือหลิงเจี่ยอขึ้น เพราะมันมาจากตระกูลลับ ที่จัดว่าเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งของดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ มันเองก็ได้ยินผู้อาวุโสในตระกูลกล่าวถึงตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าพลังแห่งกฏนั้นแม้จะทรงพลานุภาพ แต่หากบรรลุถึงจุดสูงสุดแล้วปลายทางของทุกคนก็เท่ากัน

 

ทว่า เต๋าวิถี หรือมรรคานั้น แต่ละคนล้วนมีเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ว่าใครก็จะบรรลุถึงและเข้าใจเส้นทางของตัวเองกันได้ง่ายๆ และต่างจากเทพเบญจธาตุที่ขอแค่ขวนขวายหน่อยก็หาได้โดยสิ้นเชิง มันเป็นอีกหนึ่งเส้นทางในการบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุด!

 

แต่เป็นธรรมดา ไม่ใช่ผู้ที่ค้นพบมรรคาของตัวเอง หรือครอบครองเทพเบญจธาตุจะบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดได้ทุกคน

 

เพราะไม่ว่าผู้ใดก็ตาม ต่อให้ค้นพบมรรคาของตัวเองแล้ว แต่ถ้าไม่อาจก้าวเดินไปจนสุดทาง และทําให้มรรคานั้นเป็นเอกอุไว้ใดเสมอเหมือน รวมถึงผู้ที่ไม่อาจยกระดับวิวัฒน์เทพเบญจธาตุให้ถึงขั้นสุดท้าย ก็ยากจะบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดได้อยู่ดี

 

“นี่เจ้า เข้าใจมรรคากระบี่ของเจ้าด้วยตัวเองหรือ?”

 

หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวถามเสียงเข้ม ขณะเดียวกันสองตามันก็ทอประกายซับซ้อนออกมา เพราะถ้าหากต้วนหลิงเทียนค้นพบมรรคากระบี่ของตัวเองด้วยอายุเพียงเท่านี้ เรียกว่าเข้าถึง “เต๋า” ได้ แล้วล่ะก็ ต่อให้ไปอยู่ในระนาบเทพ แต่ต้วนหลิงเทียนก็คือสุดยอดอัจฉริยะที่หาตัวจับยาก!

 

ตัวตนเช่นนี้ หากยอดฝีมือขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดคิดจะรับเป็นศิษย์ เกรงว่าจะให้ความสําคัญเป็นอันดับแรก!

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+