War sovereign Soaring The Heavens 3557

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3557 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3557 : รอยประทับจิตเทพของจักรพรรดิสวรรค์ชี้ฟานเทียน

 

“ต้วนหลิงเทียน พลังฝีมือของเจ้าช่างน่าทึ่งทั้งยังน่านับถือยิ่งนัก…”

  

ท่ามกลางสายตาชมมองของทุกคน หวู่หลงที่ย่ำอากาศมาหยุดลงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนอยู่สักพัก ค่อยกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ “เจ้านับเป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าหวู่หลงเคยพบเจอมา…”

  

“กระทั่งคนที่ข้าชื่นชมมากที่สุดอย่างศิษย์พี่…ตอนยังอยู่ในระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดารา ยังร้ายกาจไม่เท่าเจ้าด้วยซ้ำ…”

  

หวู่หลงกล่าว

  

“แล้วอย่างไร เจ้ายอมแพ้?”

  

ต้วนหลิงเทียนมองหวู่หลงด้วยสายตาเฉยเมย เอ่ยถามเสียงเรียบ

  

“ถึงขนาดนี้แล้ว นอกจากยอมแพ้เจ้ายังจะให้ข้าทำอะไรได้อีก?”

  

หวู่หลงมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน ค่อยถอนหายใจออกมา “หรือเจ้าคิดจะทุบตีข้าจนหมดทางสู้ให้ทุกคนเห็นกันชัดๆ?”

  

พอหวู่หลงกล่าวถึงจุดนี้ พลังที่แผ่ซ่านออกมาทั่วร่างต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆถูกรวมรั้งคืนกลับ ห้วงมิติรอบกายเขากระเพื่อมไหวเบาๆ ก่อนจะวูบเข้าสู่จุดศูนย์กลาง จากนั้นพื้นที่โดยรอบก็กลายเป็นสงบลง

  

“หวู่หลง…ยอมแพ้แล้ว?”

  

บทสนทนาระหว่างต้วนหลิงเทียนกับหวู่หลง ย่อมดังมากพอจะเข้าหูคนของพันธมิตรสวรรค์ทั้งหลายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ทันใดนั้นสองตาของซ่างกวนอวิ๋นเฟิงไม่เว้นเหล่าสมาชิกของพันธมิตรสวรรค์ก็เป็นประกายขึ้นมาทันที แต่ละคนยังแลดูคึกคักอักโขนัก!

  

สวรรค์!

  

รองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ของพวกมัน กลับสามารถเอาชนะหวู่หลงได้จริงๆ!

  

ต้องทราบด้วยว่า ก่อนหน้านี้ หวู่หลง ได้รับการขนานนามว่าเป็นยอดฝีมือไร้พ่ายใต้ขอบเขตเทพสงคราม 9 ดารา!

  

แต่วันนี้ตำนานไร้พ่ายของหวู่หลง กลับถูกรองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ทำลายลง!

  

และนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป นามอันดับ 1 ใต้เทพสงคราม 9 ดารา ก็จะตกเป็นของ ต้วนหลิงเทียน รองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ของพวกมัน!

  

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าหวู่หลงยอมแพ้แล้ว และต้วนหลิงเทียนเองก็ถอนรั้งพลังคืนกลับเรียบร้อย

  

ยังเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนผ่อนคลายความระวังลง

  

ลึกลงไปในแววตาของหวู่หลงกลับฉายแววแหลมคม เผยให้เห็นความเจ้าเล่ห์หนึ่ง!

  

พร้อมกันนั้นเองอยู่ๆหว่างคิ้วของหวู่หลงก็อุบัติอัสนีสีดำสลัวหนึ่งยิงพุ่งออกมาฉับไว! ยังจี้ตรงเข้าใส่หว่างคิ้วของต้วนหลิงเทียน!!

  

เป็นพลังวิญญาณของหวู่หลง ที่ใช้ออกโดยอุปกรณ์เทพที่เน้นการโจมตีทางวิญญาณเป็นพิเศษ กระสวยพิฆาตเทพ!

  

ถึงแม้กระสวยพิฆาตเทพจะเป็นอุปกรณ์เทพขั้นต่ำที่ไร้จิตวิญญาณ แต่กระนั้นมันก็ยังเป็นถึงอุปกรณ์เทพ ด้วยระดับพลังของหวู่หลง การโจมตีทางวิญญาณนี้ ต่อให้เทียบกับการใช้อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ และมุ่งเน้นในการขยายการโจมตีทางวิญญาณโดยเฉพาะ ก็มีแต่จะทรงพลังเหนือกว่าไม่มีทางด้อยไปกว่ากัน!

  

ที่สำคัญ ด้วยความที่มันเป็นอุปกรณ์เทพที่มุ่งเน้นในการโจมตีทางวิญญาณ ก็เป็นอะไรที่หาได้ยากกว่าอุปกรณ์เทพทั่วไปมาก!

  

“หืม!?”

  

การลงมือของหวู่หลงนั้น เรียกว่าเป็นการจู่โจมอัศจรรย์อย่างที่ไม่มีใครตั้งตัวได้ทัน! ทั้งพลังวิญญาณทำลายล้างที่พุ่งมายังรวดเร็วเป็นที่สุด!!

  

ไม่มีใครคิดใครฝันมาก่อน ว่าอยู่ๆหวู่หลงจะลงมือออกมาในลักษณะนี้ ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่มันยอมแพ้ไปแล้วหรือไร? ไฉนถึงก่อการต่ำช้าลอบสังหารผู้อื่นแบบนี้ด้วย!?

  

การโจมตีด้วยพลังวิญญาณด้วยอุปกรณ์เทพดังกล่าว ทำให้ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงทันใด

  

ฉากเรื่องราวที่อุบัติขึ้นในฉับพลัน ไม่เพียงคนอื่นยังคิดไม่ถึง กระทั่งเขาที่ถูกจู่โจมเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน…แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เขาเองก็ผ่านเรื่องราวมามากมายแล้ว แม้จะไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ถึงกับไม่ได้ระวังป้องกันตัวเอาไว้เลย

  

เช่นนั้นเมื่อเผชิญกับการลอบจู่โจมของหวู่หลงโดยใช้ กระสวยพิฆาตเทพ สองตาต้วนหลิงเทียนพลันหดเล็กลง จากนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดก็ผสานเข้ากับพลังอำนาจลี้ลับหนึ่ง ก่อนจะกำจายออกไปในฉับพลัน! ทำให้พลังวิญญาณในรูปลักษณ์อัสนีสีดำสลัวที่เข่นฆ่าเข้ามา หยุดลงอย่างกะทันหัน!!

  

ถึงแม้ว่าจะเป็นการหยุดลงชั่วคราวในเวลาสั้นๆเพียงเสี้ยวพริบตา แต่ทว่าอาศัยเสี้ยวพริบตานี้ก็ยังนานมากพอให้ผู้ที่พลังฝีมืออ่อนด้อยแลเห็นกันชัดเจน

  

ทันใดนั้น ทุกคนที่มองชมเรื่องราวอยู่ก็อุบัติความคิดหนึ่งขึ้นมาในใจอย่างพร้อมเพรียง “กฏเวลา!!”

  

หากจะกล่าวกันในแง่การรับมือการลอบทำร้ายแล้วล่ะก็ ในฟ้าดินแห่งนี้กฏที่มีพลังอำนาจยับยั้งการลอบทำร้ายมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นกฏเวลา!

  

กฏอื่นๆนั้นจะป้องกันก็ดี จู่โจมสวนกลับเพื่อต้านทานหรือหลบหนีก็ดี ล้วนต้องอาศัยการรวบรวมพลังอยู่บ้าง แต่ทว่ากฏเวลานั้นไม่จำเป็น! เพียงแค่หนึ่งห้วงคิด ก็สามารถหลอมรวมพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดเข้ากับพลังธาตุเวลา จากนั้นก็ใช้พลังของความลึกซึ้งของกฏเวลาออกมาได้ทันที!!

  

นี่ยังเป็นอีก 1 เหตุผลที่ไฉนกฏเวลาจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับ 1 ในบรรดา 4 กฏสูงสุด!

  

และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็อาศัยความลึกซึ้ง ผนึกห้วงเวลา เพื่อทำการหยุดเวลารอบตัว ทำให้การลอบจู่โจมของหวู่หลงถูกหยุดลงในฉับพลัน!

  

“กฏเวลา!”

  

ด้านหวู่หลงที่อยู่นอกรัศมีการผนึกห้วงเวลาของต้วนหลิงเทียน ก็รับทราบได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนทำอะไร! พาลให้สีหน้าของมันเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ลูกตายังหรี่ลงแทบปิด!!

  

มันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าการลอบโจมตีของมันจะจบลงแบบนี้ มันหลงคิดว่ามันเข้ามาใกล้ต้วนหลิงเทียนมากพอ และไม่ว่าต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจแค่ไหน ตราบใดที่ยังไม่ใช่เทพสงคราม 9 ดารา มันก็มั่นใจว่าการลอบสังหารของมันครั้งนี้ต้องสำเร็จแล้วเสียอีก!

  

สำหรับเรื่องที่มันจะตกเป็นขี้ปากของผู้อื่น และถูกประนามหยามหยัน เพราะคนของพันธมิตรสวรรค์ที่เห็นเหตุการณ์จะเอาไปแฉนั้น มันไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย

  

เพราะหลังจากที่มันลอบฆ่าต้วนหลิงเทียนได้สำเร็จ มันก็ไม่คิดจะปลอยให้สมาชิกกองกำลังพันธมิตรสวรรค์รอดชีวิตไปบอกกล่าวใครได้แม้แต่คนเดียว!

  

มันกับชายชราที่มันพามา ก็มากพอแล้วที่จะทำให้คนของพันธมิตรสวรรค์เป็นดั่งแมลงวันไร้ปีก ไม่อาจหลบหนีไปไหนได้!

  

อย่างไรก็ตาม กระทั่งหลับมันยังไม่เคยฝันถึง ว่าต้วนหลิงเทียนจะเข้าใจกฏเวลาด้วย! กระทั่งไม่ได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของฏเวลาใดๆ เพียงแค่ใช้การหยุดเวลา ก็สามารถฉกฉวยโอกาสรอดได้แล้ว!

  

ที่สำคัญโอกาสรอดที่ฉกฉวยมาได้ดังกล่าว ไม่เพียงจะทำให้การลอบสังหารครั้งนี้ของมันพบกับความล้มเหลวเท่านั้น! แต่หลังจากนี้ความตายยังจะมาเยือนมันเสียอีก!!

  

เดิมทีมันตั้งใจจะลอบสังหารต้วนหลิงเทียนในขณะที่อีกฝ่ายลดความระวังลงถึงที่สุด อาศัยการจู่โจมอัศจรรย์ด้วยอุปกรณ์เทพ จากนั้นก็ฆ่าล้างบางพันธมิตรสวรรค์เพื่อปิดปากให้หมด

  

อนิจจาร้อยพันหมื่นคาดมันก็ไม่เคยคิด ว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นในลักษณะนี้

  

“ในเมื่อสวรรค์มีทางเจ้าไม่เดิน นรกไร้ประตูดันทุรังมุดมา…ข้าก็จะสงเคราะห์ให้”

  

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่พลังวิญญาณของหวู่หลงถูกหยุดลง รวมถึงช่วงเวลาที่หน้าหวู่หลงเปลี่ยนสี กฏเวลาที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เชี่ยวชาญเท่ากฏมิติก็สิ้นพลังอานุภาพ พลังวิญญาณจู่โจมในรูปลักษณ์อัสนีสีดำสลัว ก็หลุดพ้นจากการหยุดเวลา และพุ่งเข่นฆ่าเข้ามายังหว่างคิ้วต้วนหลิงเทียนสืบต่อ

  

“หวงเอ้อ!”

  

ต้วนหลิงเทียนสั่งการในใจ ยังเป็นการสั่งจิตวิญญาณของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน หวงเอ้อ โดยตรง

  

พริบตาต่อมาหว่างคิ้วต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏแสงหลากสีพวยสาดส่องออกมา แสงหลากสีดังกล่าวยังเปล่งประกายงดงามนัก เพียงมองครั้งเดียวก็ชวนให้ผู้คนอดบังเกิดความหลงใหลไม่ได้ เพราะมันมีเสน่ห์เหลือเกิน

  

อย่างไรก็ตามมีคำกล่าวที่ว่า…

  

สิ่งที่สวยงามที่สุด มักเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด

  

และในตอนนี้ ก็ถือว่าเป็นเช่นนั้นไม่มีผิดเพี้ยน!

  

ฟั่ฟฟฟ!

  

แสงหลากสีสันที่พวยพุ่งออกมา เป็นแสงกระบี่สายหนึ่ง หากนับดูจะพบว่ามันมี 7 สีดั่งสายรุ้ง เพียงปรากฏขึ้นสรรพสิ่งโดยรอบก็เสมือนหม่นหมองลง กระทั่งสีสันใดๆในฟ้าดินยังคล้ายซีดจางลงถนัดตา

  

เรียกว่าในห้วงเวลานี้ โลกหล้าในสายตาของทุกคน เสมือนคงเหลือเพียงแสงกระบี่สีรุ้งดังกล่าว…

  

“ไม่–!!”

  

ก่อนที่ผู้ที่ชมดูเรื่องราวโดยรอบจะทันได้ตอบสนองสิ่งใด หวู่หลงที่รู้สึกเสมือนถูกจิตสังหารจากแสงกระบี่สีรุ้งเพ่งเล็งก็หน้าซีดลงทันที โพล่งร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวเสียขวัญ!

  

กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน เป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงสุดแล้ว…

  

และอุปกรณ์เทพขั้นสูงสุดก็มีคุณสมบัติเลิศล้ำประการหนึ่ง นั่นคือมันสามารถใช้ในการโจมตีทางกายภาพหรือใช้ในการจู่โจมทางวิญญาณก็ได้!

  

ระดับพลังฝึกปรือและความเข้าใจในกฏของต้วนหลิงเทียนไม่ได้ด้อยกว่าหวู่หลงแม้แต่นิดเดียว

  

แต่ตอนนี้สิ่งที่หวู่หลงใช้มันเป็นแค่อุปกรณ์เทพขั้นต่ำ ที่ไร้จิตวิญญาณสถิตย์…

  

กลับกัน สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนใช้เป็นถึงอุปกรณ์เทพขั้นสูงสุด ที่มีจิตวิญญาณ!

  

ผลลัพธ์ย่อมจินตนาการออกได้ไม่ยาก

  

ซัว!

  

แทบจะพร้อมๆกันกับที่เสียงโพล่งอุทานด้วยความหวาดกลัวเสียขวัญของหวู่หลงดังขึ้น และในขณะที่ชายชราผู้ติดตามหวู่หลงรวมถึงคนของพันธมิตรสวรรค์กำลังตื่นตระหนกตกใจ

  

พวกมันที่ไม่ทันได้ทำอะไร ก็เห็นว่า….

  

การจู่โจมสังหารด้วยพลังวิญญาณโดยใช้อุปกรณ์เทพ กระสวยพิฆาตเทพ ของหวู่หลงอันเป็นอัสนีสีดำสลัวนั่น พอปะทะเข้ากับแสงกระบี่สีรุ้ง ไม่เพียงแต่พลังวิญญาณที่อัดแน่นจะสลายลงอย่างง่ายดาย กระทั่งตัวกระสวยพิฆาตเทพเอง ก็ยังถูกผ่าเป็น 2 เสี่ยงจนแยกออกไปซ้ายขวา หลุดการควบคุม….

  

พร้อมกันนั้น แสงกระบี่ 7 สีสันดังกล่าวที่เพียงหม่นแสงไปเพราะเสียพลังเล็กน้อย ก็พุ่งหายเข้าไปในหว่างคิ้วของหวู่หลงทันที…

  

เวิงงง!!

  

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่แสงกระบี่สีรุ้งจมหายไปในหว่างคิ้วของหวู่หลง กลิ่นอายอันทรงพลังน่าสะพรึงกลัวขุมหนึ่งก็ระเบิดกำจายออกมาจากหว่างคิ้วหวู่หลง! เพาะสร้างเป็นแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวกดดันไปในบรรยากาศ!!

  

และทันใดนั้นเอง กลิ่นอายพลังอันน่าสะพรึงกลัวดังกล่าวก็เริ่มควบรวมก่อสร้างเงาร่างมหึมาหนึ่งขึ้นมาอย่างทันท่วงที!

  

“จักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน?”

  

เพียงมองปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็จดจำเงาร่างดังกล่าวได้ ไม่ใช่ใครที่ไหน…มันคือจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน จี้โยว ที่ต้วนหลิงเทียนเคยเห็นในศึกอัจฉริยะสวรรค์!

  

หวู่หลงเป็นศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน เช่นนั้นในร่างของมันจะมีรอยประทับจิตเทพของจี้โยวประทับเอาไว้ก็ไม่แปลก

  

“ท่านอาจารย์ช่วยข้าด้วย!”

  

หวู่หลงที่พบว่าตัวเองยังไม่ตาย เร่งร่ำร้องออกมาเสียงหลง ราวกับจะไขว่คว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย

  

“ต้วนหลิงเทียน”

  

จี้โยวมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาที่ฉายชัดถึงความประหลาดใจ

  

“จักรพรรดิสวรรค์จี้โยว”

  

ต้วนหลิงเทียนมองงไปยังเงาร่างจี้โยวเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้ากล่าวทักทายเสียงเรียบ “วันนี้เป็นศิษย์ของเจ้าลงมือลอบสังหารข้าก่อน…หากเจ้าคิดจะขอชีวิตมัน ก็อย่าเสียเวลาเปล่า!”

  

“ข้าต้วนหลิงเทียน ไม่เคยปราณีคนที่คิดฆ่าข้า!”

  

คำพูดของต้วนหลิงเทียนได้เผยเจตนาชัดแจ้ง น้ำเสียงยังหนักแน่นจริงจังนัก ไม่ได้หวาดกลัวเงาร่าง จี้โยว อันดับ 1 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ที่ปรากฏขึ้นแม้แต่น้อย

  

“มิว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ข้ายินดีชดใช้ให้เจ้า”

  

พอได้ยินน้ำเสียงแน่วแน่เผยความเด็ดเดี่ยวของต้วนหลิงเทียน จี้โยวก็ขมวดคิ้วเป็นปมย่น สุดท้ายก็คลายออกก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ฟังจากคำพูดเห็นได้ชัดว่า…ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนต้องการสิ่งใด มันก็พร้อมจะจ่ายเพื่อซื้อชีวิตของหวู่หลง!

  

“ข้าไม่สน”

  

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ในขณะที่เงาร่างจี้โยวกำลังขมวดคิ้ว สีหน้าเปลี่ยนเป็นอึมครึม ทั่วร่างหวู่หลงก็ปรากฏแสงพลังหลากสีส่องสว่างขึ้นมา สุดท้ายเมื่อแสงพลังเจิดจ้าถึงระดับหนึ่ง ก็บังเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง!!

  

สำหรับเงาร่างจากรอยประทับจิตเทพที่จี้โยวประทับไว้ในร่างของหวู่หลง ก็ถูกแรงระเบิดดังกล่าวเป่าจนสลายหายไปหมดสิ้น!

  

รอยประทับจิตเทพมักใช้เพื่อส่งสัญญาณแจ้งผู้ประทับ ให้รู้ว่าผู้ที่ถูกประทับกำลังตกอยู่ในอันตราย จะได้เร่งรุดไปช่วยเหลือได้ทัน…

  

อนิจจาเวลานี้หวู่หลงอยู่ในสมรภูมิ 9 ยมโลก อย่าว่าแต่จี้โยวจะไม่อาจเข้ามาช่วยเหลือได้เลย ต่อให้ช่วยเหลือได้ก็ไม่มีวันตามมาช่วยได้ทันเวลาแน่นอน…

  

ตูมมมม!!

  

เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นฟ้า ร่างหวู่หลงสลายหายไปในความว่างเปล่า ราวกับคนไม่เคยดำรงอยู่มาก่อน

  

ไม่เพียงแต่แหวนพื้นที่จะถูกทำลาย กระทั่งเลือดยังถูกระเหิดหายไปหมดสิ้น!

  

ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน หวู่หลง ที่ทุกคนรู้จักกันดีในนาม อันดับ 1 ใต้เทพสงคราม 9 ดาราของสมรภูมิ 9 ยมโลก ได้ตกตายโดยไร้ศพให้กลบฝัง ในภาคตะวันออกเขต 9 ของสมรภูมิ 9 ยมโลก…ตกตายในกองกำลังที่ไม่นับเป็นตัวอะไรในภาคกลาง…

  

“หวู่หลง…ตายแล้ว?”

  

“เงาร่างผู้คนเมื่อครู่…เหมือนจะเป็นจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน จี้โยว มิใช่หรือ?”

  

“มิผิด! เมื่อครู่สมควรเป็นเงาร่างจากรอยประทับจิตเทพที่มันทิ้งไว้ในร่างศิษย์ ก่อนที่หวู่หลงจะตาย เห็นได้ชัดว่ามันสามารถต้านทนพลังให้หวู่หลงได้ครู่หนึ่ง เช่นนั้นมันจึงเร่งเจรจากับรองผู้นำอย่างไรเล่า…”

  

“รองผู้นำกลับไม่ไว้หน้ามัน กระทั่งฆ่าหวู่หลงทิ้งดื้อๆ!!”

  

  

ไม่ว่าจะเป็นซ่างกวนอวิ๋นเฟิง ผู้นำกองกำลังพันธมิตรสวรรค์ หรือสมาชิกกองกำลังคนอื่นๆ ล้วนบังเกิดความหวาดกลัวกับเรื่องราวที่อุบัติขึ้นเมื่อครู่นี้นัก พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่ารองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ที่แท้จะร้ายกาจทั้งดุร้ายถึงขนาดนี้! กระทั่งจี้โยว จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้ฟ่านเทียนที่ถือครองอันดับ 1 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ร้องขอ ก็ไม่คิดจะอ่อนข้อไว้หน้าแม้แต่น้อย!!

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3557

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3557 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3557 : รอยประทับจิตเทพของจักรพรรดิสวรรค์ชี้ฟานเทียน

 

“ต้วนหลิงเทียน พลังฝีมือของเจ้าช่างน่าทึ่งทั้งยังน่านับถือยิ่งนัก…”

  

ท่ามกลางสายตาชมมองของทุกคน หวู่หลงที่ย่ำอากาศมาหยุดลงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนอยู่สักพัก ค่อยกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ “เจ้านับเป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าหวู่หลงเคยพบเจอมา…”

  

“กระทั่งคนที่ข้าชื่นชมมากที่สุดอย่างศิษย์พี่…ตอนยังอยู่ในระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดารา ยังร้ายกาจไม่เท่าเจ้าด้วยซ้ำ…”

  

หวู่หลงกล่าว

  

“แล้วอย่างไร เจ้ายอมแพ้?”

  

ต้วนหลิงเทียนมองหวู่หลงด้วยสายตาเฉยเมย เอ่ยถามเสียงเรียบ

  

“ถึงขนาดนี้แล้ว นอกจากยอมแพ้เจ้ายังจะให้ข้าทำอะไรได้อีก?”

  

หวู่หลงมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน ค่อยถอนหายใจออกมา “หรือเจ้าคิดจะทุบตีข้าจนหมดทางสู้ให้ทุกคนเห็นกันชัดๆ?”

  

พอหวู่หลงกล่าวถึงจุดนี้ พลังที่แผ่ซ่านออกมาทั่วร่างต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆถูกรวมรั้งคืนกลับ ห้วงมิติรอบกายเขากระเพื่อมไหวเบาๆ ก่อนจะวูบเข้าสู่จุดศูนย์กลาง จากนั้นพื้นที่โดยรอบก็กลายเป็นสงบลง

  

“หวู่หลง…ยอมแพ้แล้ว?”

  

บทสนทนาระหว่างต้วนหลิงเทียนกับหวู่หลง ย่อมดังมากพอจะเข้าหูคนของพันธมิตรสวรรค์ทั้งหลายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ทันใดนั้นสองตาของซ่างกวนอวิ๋นเฟิงไม่เว้นเหล่าสมาชิกของพันธมิตรสวรรค์ก็เป็นประกายขึ้นมาทันที แต่ละคนยังแลดูคึกคักอักโขนัก!

  

สวรรค์!

  

รองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ของพวกมัน กลับสามารถเอาชนะหวู่หลงได้จริงๆ!

  

ต้องทราบด้วยว่า ก่อนหน้านี้ หวู่หลง ได้รับการขนานนามว่าเป็นยอดฝีมือไร้พ่ายใต้ขอบเขตเทพสงคราม 9 ดารา!

  

แต่วันนี้ตำนานไร้พ่ายของหวู่หลง กลับถูกรองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ทำลายลง!

  

และนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป นามอันดับ 1 ใต้เทพสงคราม 9 ดารา ก็จะตกเป็นของ ต้วนหลิงเทียน รองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ของพวกมัน!

  

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าหวู่หลงยอมแพ้แล้ว และต้วนหลิงเทียนเองก็ถอนรั้งพลังคืนกลับเรียบร้อย

  

ยังเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนผ่อนคลายความระวังลง

  

ลึกลงไปในแววตาของหวู่หลงกลับฉายแววแหลมคม เผยให้เห็นความเจ้าเล่ห์หนึ่ง!

  

พร้อมกันนั้นเองอยู่ๆหว่างคิ้วของหวู่หลงก็อุบัติอัสนีสีดำสลัวหนึ่งยิงพุ่งออกมาฉับไว! ยังจี้ตรงเข้าใส่หว่างคิ้วของต้วนหลิงเทียน!!

  

เป็นพลังวิญญาณของหวู่หลง ที่ใช้ออกโดยอุปกรณ์เทพที่เน้นการโจมตีทางวิญญาณเป็นพิเศษ กระสวยพิฆาตเทพ!

  

ถึงแม้กระสวยพิฆาตเทพจะเป็นอุปกรณ์เทพขั้นต่ำที่ไร้จิตวิญญาณ แต่กระนั้นมันก็ยังเป็นถึงอุปกรณ์เทพ ด้วยระดับพลังของหวู่หลง การโจมตีทางวิญญาณนี้ ต่อให้เทียบกับการใช้อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ และมุ่งเน้นในการขยายการโจมตีทางวิญญาณโดยเฉพาะ ก็มีแต่จะทรงพลังเหนือกว่าไม่มีทางด้อยไปกว่ากัน!

  

ที่สำคัญ ด้วยความที่มันเป็นอุปกรณ์เทพที่มุ่งเน้นในการโจมตีทางวิญญาณ ก็เป็นอะไรที่หาได้ยากกว่าอุปกรณ์เทพทั่วไปมาก!

  

“หืม!?”

  

การลงมือของหวู่หลงนั้น เรียกว่าเป็นการจู่โจมอัศจรรย์อย่างที่ไม่มีใครตั้งตัวได้ทัน! ทั้งพลังวิญญาณทำลายล้างที่พุ่งมายังรวดเร็วเป็นที่สุด!!

  

ไม่มีใครคิดใครฝันมาก่อน ว่าอยู่ๆหวู่หลงจะลงมือออกมาในลักษณะนี้ ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่มันยอมแพ้ไปแล้วหรือไร? ไฉนถึงก่อการต่ำช้าลอบสังหารผู้อื่นแบบนี้ด้วย!?

  

การโจมตีด้วยพลังวิญญาณด้วยอุปกรณ์เทพดังกล่าว ทำให้ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงทันใด

  

ฉากเรื่องราวที่อุบัติขึ้นในฉับพลัน ไม่เพียงคนอื่นยังคิดไม่ถึง กระทั่งเขาที่ถูกจู่โจมเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน…แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เขาเองก็ผ่านเรื่องราวมามากมายแล้ว แม้จะไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ถึงกับไม่ได้ระวังป้องกันตัวเอาไว้เลย

  

เช่นนั้นเมื่อเผชิญกับการลอบจู่โจมของหวู่หลงโดยใช้ กระสวยพิฆาตเทพ สองตาต้วนหลิงเทียนพลันหดเล็กลง จากนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดก็ผสานเข้ากับพลังอำนาจลี้ลับหนึ่ง ก่อนจะกำจายออกไปในฉับพลัน! ทำให้พลังวิญญาณในรูปลักษณ์อัสนีสีดำสลัวที่เข่นฆ่าเข้ามา หยุดลงอย่างกะทันหัน!!

  

ถึงแม้ว่าจะเป็นการหยุดลงชั่วคราวในเวลาสั้นๆเพียงเสี้ยวพริบตา แต่ทว่าอาศัยเสี้ยวพริบตานี้ก็ยังนานมากพอให้ผู้ที่พลังฝีมืออ่อนด้อยแลเห็นกันชัดเจน

  

ทันใดนั้น ทุกคนที่มองชมเรื่องราวอยู่ก็อุบัติความคิดหนึ่งขึ้นมาในใจอย่างพร้อมเพรียง “กฏเวลา!!”

  

หากจะกล่าวกันในแง่การรับมือการลอบทำร้ายแล้วล่ะก็ ในฟ้าดินแห่งนี้กฏที่มีพลังอำนาจยับยั้งการลอบทำร้ายมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นกฏเวลา!

  

กฏอื่นๆนั้นจะป้องกันก็ดี จู่โจมสวนกลับเพื่อต้านทานหรือหลบหนีก็ดี ล้วนต้องอาศัยการรวบรวมพลังอยู่บ้าง แต่ทว่ากฏเวลานั้นไม่จำเป็น! เพียงแค่หนึ่งห้วงคิด ก็สามารถหลอมรวมพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดเข้ากับพลังธาตุเวลา จากนั้นก็ใช้พลังของความลึกซึ้งของกฏเวลาออกมาได้ทันที!!

  

นี่ยังเป็นอีก 1 เหตุผลที่ไฉนกฏเวลาจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับ 1 ในบรรดา 4 กฏสูงสุด!

  

และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็อาศัยความลึกซึ้ง ผนึกห้วงเวลา เพื่อทำการหยุดเวลารอบตัว ทำให้การลอบจู่โจมของหวู่หลงถูกหยุดลงในฉับพลัน!

  

“กฏเวลา!”

  

ด้านหวู่หลงที่อยู่นอกรัศมีการผนึกห้วงเวลาของต้วนหลิงเทียน ก็รับทราบได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนทำอะไร! พาลให้สีหน้าของมันเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ลูกตายังหรี่ลงแทบปิด!!

  

มันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าการลอบโจมตีของมันจะจบลงแบบนี้ มันหลงคิดว่ามันเข้ามาใกล้ต้วนหลิงเทียนมากพอ และไม่ว่าต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจแค่ไหน ตราบใดที่ยังไม่ใช่เทพสงคราม 9 ดารา มันก็มั่นใจว่าการลอบสังหารของมันครั้งนี้ต้องสำเร็จแล้วเสียอีก!

  

สำหรับเรื่องที่มันจะตกเป็นขี้ปากของผู้อื่น และถูกประนามหยามหยัน เพราะคนของพันธมิตรสวรรค์ที่เห็นเหตุการณ์จะเอาไปแฉนั้น มันไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย

  

เพราะหลังจากที่มันลอบฆ่าต้วนหลิงเทียนได้สำเร็จ มันก็ไม่คิดจะปลอยให้สมาชิกกองกำลังพันธมิตรสวรรค์รอดชีวิตไปบอกกล่าวใครได้แม้แต่คนเดียว!

  

มันกับชายชราที่มันพามา ก็มากพอแล้วที่จะทำให้คนของพันธมิตรสวรรค์เป็นดั่งแมลงวันไร้ปีก ไม่อาจหลบหนีไปไหนได้!

  

อย่างไรก็ตาม กระทั่งหลับมันยังไม่เคยฝันถึง ว่าต้วนหลิงเทียนจะเข้าใจกฏเวลาด้วย! กระทั่งไม่ได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของฏเวลาใดๆ เพียงแค่ใช้การหยุดเวลา ก็สามารถฉกฉวยโอกาสรอดได้แล้ว!

  

ที่สำคัญโอกาสรอดที่ฉกฉวยมาได้ดังกล่าว ไม่เพียงจะทำให้การลอบสังหารครั้งนี้ของมันพบกับความล้มเหลวเท่านั้น! แต่หลังจากนี้ความตายยังจะมาเยือนมันเสียอีก!!

  

เดิมทีมันตั้งใจจะลอบสังหารต้วนหลิงเทียนในขณะที่อีกฝ่ายลดความระวังลงถึงที่สุด อาศัยการจู่โจมอัศจรรย์ด้วยอุปกรณ์เทพ จากนั้นก็ฆ่าล้างบางพันธมิตรสวรรค์เพื่อปิดปากให้หมด

  

อนิจจาร้อยพันหมื่นคาดมันก็ไม่เคยคิด ว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นในลักษณะนี้

  

“ในเมื่อสวรรค์มีทางเจ้าไม่เดิน นรกไร้ประตูดันทุรังมุดมา…ข้าก็จะสงเคราะห์ให้”

  

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่พลังวิญญาณของหวู่หลงถูกหยุดลง รวมถึงช่วงเวลาที่หน้าหวู่หลงเปลี่ยนสี กฏเวลาที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เชี่ยวชาญเท่ากฏมิติก็สิ้นพลังอานุภาพ พลังวิญญาณจู่โจมในรูปลักษณ์อัสนีสีดำสลัว ก็หลุดพ้นจากการหยุดเวลา และพุ่งเข่นฆ่าเข้ามายังหว่างคิ้วต้วนหลิงเทียนสืบต่อ

  

“หวงเอ้อ!”

  

ต้วนหลิงเทียนสั่งการในใจ ยังเป็นการสั่งจิตวิญญาณของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน หวงเอ้อ โดยตรง

  

พริบตาต่อมาหว่างคิ้วต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏแสงหลากสีพวยสาดส่องออกมา แสงหลากสีดังกล่าวยังเปล่งประกายงดงามนัก เพียงมองครั้งเดียวก็ชวนให้ผู้คนอดบังเกิดความหลงใหลไม่ได้ เพราะมันมีเสน่ห์เหลือเกิน

  

อย่างไรก็ตามมีคำกล่าวที่ว่า…

  

สิ่งที่สวยงามที่สุด มักเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด

  

และในตอนนี้ ก็ถือว่าเป็นเช่นนั้นไม่มีผิดเพี้ยน!

  

ฟั่ฟฟฟ!

  

แสงหลากสีสันที่พวยพุ่งออกมา เป็นแสงกระบี่สายหนึ่ง หากนับดูจะพบว่ามันมี 7 สีดั่งสายรุ้ง เพียงปรากฏขึ้นสรรพสิ่งโดยรอบก็เสมือนหม่นหมองลง กระทั่งสีสันใดๆในฟ้าดินยังคล้ายซีดจางลงถนัดตา

  

เรียกว่าในห้วงเวลานี้ โลกหล้าในสายตาของทุกคน เสมือนคงเหลือเพียงแสงกระบี่สีรุ้งดังกล่าว…

  

“ไม่–!!”

  

ก่อนที่ผู้ที่ชมดูเรื่องราวโดยรอบจะทันได้ตอบสนองสิ่งใด หวู่หลงที่รู้สึกเสมือนถูกจิตสังหารจากแสงกระบี่สีรุ้งเพ่งเล็งก็หน้าซีดลงทันที โพล่งร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวเสียขวัญ!

  

กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน เป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงสุดแล้ว…

  

และอุปกรณ์เทพขั้นสูงสุดก็มีคุณสมบัติเลิศล้ำประการหนึ่ง นั่นคือมันสามารถใช้ในการโจมตีทางกายภาพหรือใช้ในการจู่โจมทางวิญญาณก็ได้!

  

ระดับพลังฝึกปรือและความเข้าใจในกฏของต้วนหลิงเทียนไม่ได้ด้อยกว่าหวู่หลงแม้แต่นิดเดียว

  

แต่ตอนนี้สิ่งที่หวู่หลงใช้มันเป็นแค่อุปกรณ์เทพขั้นต่ำ ที่ไร้จิตวิญญาณสถิตย์…

  

กลับกัน สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนใช้เป็นถึงอุปกรณ์เทพขั้นสูงสุด ที่มีจิตวิญญาณ!

  

ผลลัพธ์ย่อมจินตนาการออกได้ไม่ยาก

  

ซัว!

  

แทบจะพร้อมๆกันกับที่เสียงโพล่งอุทานด้วยความหวาดกลัวเสียขวัญของหวู่หลงดังขึ้น และในขณะที่ชายชราผู้ติดตามหวู่หลงรวมถึงคนของพันธมิตรสวรรค์กำลังตื่นตระหนกตกใจ

  

พวกมันที่ไม่ทันได้ทำอะไร ก็เห็นว่า….

  

การจู่โจมสังหารด้วยพลังวิญญาณโดยใช้อุปกรณ์เทพ กระสวยพิฆาตเทพ ของหวู่หลงอันเป็นอัสนีสีดำสลัวนั่น พอปะทะเข้ากับแสงกระบี่สีรุ้ง ไม่เพียงแต่พลังวิญญาณที่อัดแน่นจะสลายลงอย่างง่ายดาย กระทั่งตัวกระสวยพิฆาตเทพเอง ก็ยังถูกผ่าเป็น 2 เสี่ยงจนแยกออกไปซ้ายขวา หลุดการควบคุม….

  

พร้อมกันนั้น แสงกระบี่ 7 สีสันดังกล่าวที่เพียงหม่นแสงไปเพราะเสียพลังเล็กน้อย ก็พุ่งหายเข้าไปในหว่างคิ้วของหวู่หลงทันที…

  

เวิงงง!!

  

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่แสงกระบี่สีรุ้งจมหายไปในหว่างคิ้วของหวู่หลง กลิ่นอายอันทรงพลังน่าสะพรึงกลัวขุมหนึ่งก็ระเบิดกำจายออกมาจากหว่างคิ้วหวู่หลง! เพาะสร้างเป็นแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวกดดันไปในบรรยากาศ!!

  

และทันใดนั้นเอง กลิ่นอายพลังอันน่าสะพรึงกลัวดังกล่าวก็เริ่มควบรวมก่อสร้างเงาร่างมหึมาหนึ่งขึ้นมาอย่างทันท่วงที!

  

“จักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน?”

  

เพียงมองปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็จดจำเงาร่างดังกล่าวได้ ไม่ใช่ใครที่ไหน…มันคือจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน จี้โยว ที่ต้วนหลิงเทียนเคยเห็นในศึกอัจฉริยะสวรรค์!

  

หวู่หลงเป็นศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน เช่นนั้นในร่างของมันจะมีรอยประทับจิตเทพของจี้โยวประทับเอาไว้ก็ไม่แปลก

  

“ท่านอาจารย์ช่วยข้าด้วย!”

  

หวู่หลงที่พบว่าตัวเองยังไม่ตาย เร่งร่ำร้องออกมาเสียงหลง ราวกับจะไขว่คว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย

  

“ต้วนหลิงเทียน”

  

จี้โยวมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาที่ฉายชัดถึงความประหลาดใจ

  

“จักรพรรดิสวรรค์จี้โยว”

  

ต้วนหลิงเทียนมองงไปยังเงาร่างจี้โยวเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้ากล่าวทักทายเสียงเรียบ “วันนี้เป็นศิษย์ของเจ้าลงมือลอบสังหารข้าก่อน…หากเจ้าคิดจะขอชีวิตมัน ก็อย่าเสียเวลาเปล่า!”

  

“ข้าต้วนหลิงเทียน ไม่เคยปราณีคนที่คิดฆ่าข้า!”

  

คำพูดของต้วนหลิงเทียนได้เผยเจตนาชัดแจ้ง น้ำเสียงยังหนักแน่นจริงจังนัก ไม่ได้หวาดกลัวเงาร่าง จี้โยว อันดับ 1 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ที่ปรากฏขึ้นแม้แต่น้อย

  

“มิว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ข้ายินดีชดใช้ให้เจ้า”

  

พอได้ยินน้ำเสียงแน่วแน่เผยความเด็ดเดี่ยวของต้วนหลิงเทียน จี้โยวก็ขมวดคิ้วเป็นปมย่น สุดท้ายก็คลายออกก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ฟังจากคำพูดเห็นได้ชัดว่า…ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนต้องการสิ่งใด มันก็พร้อมจะจ่ายเพื่อซื้อชีวิตของหวู่หลง!

  

“ข้าไม่สน”

  

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ในขณะที่เงาร่างจี้โยวกำลังขมวดคิ้ว สีหน้าเปลี่ยนเป็นอึมครึม ทั่วร่างหวู่หลงก็ปรากฏแสงพลังหลากสีส่องสว่างขึ้นมา สุดท้ายเมื่อแสงพลังเจิดจ้าถึงระดับหนึ่ง ก็บังเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง!!

  

สำหรับเงาร่างจากรอยประทับจิตเทพที่จี้โยวประทับไว้ในร่างของหวู่หลง ก็ถูกแรงระเบิดดังกล่าวเป่าจนสลายหายไปหมดสิ้น!

  

รอยประทับจิตเทพมักใช้เพื่อส่งสัญญาณแจ้งผู้ประทับ ให้รู้ว่าผู้ที่ถูกประทับกำลังตกอยู่ในอันตราย จะได้เร่งรุดไปช่วยเหลือได้ทัน…

  

อนิจจาเวลานี้หวู่หลงอยู่ในสมรภูมิ 9 ยมโลก อย่าว่าแต่จี้โยวจะไม่อาจเข้ามาช่วยเหลือได้เลย ต่อให้ช่วยเหลือได้ก็ไม่มีวันตามมาช่วยได้ทันเวลาแน่นอน…

  

ตูมมมม!!

  

เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นฟ้า ร่างหวู่หลงสลายหายไปในความว่างเปล่า ราวกับคนไม่เคยดำรงอยู่มาก่อน

  

ไม่เพียงแต่แหวนพื้นที่จะถูกทำลาย กระทั่งเลือดยังถูกระเหิดหายไปหมดสิ้น!

  

ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน หวู่หลง ที่ทุกคนรู้จักกันดีในนาม อันดับ 1 ใต้เทพสงคราม 9 ดาราของสมรภูมิ 9 ยมโลก ได้ตกตายโดยไร้ศพให้กลบฝัง ในภาคตะวันออกเขต 9 ของสมรภูมิ 9 ยมโลก…ตกตายในกองกำลังที่ไม่นับเป็นตัวอะไรในภาคกลาง…

  

“หวู่หลง…ตายแล้ว?”

  

“เงาร่างผู้คนเมื่อครู่…เหมือนจะเป็นจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน จี้โยว มิใช่หรือ?”

  

“มิผิด! เมื่อครู่สมควรเป็นเงาร่างจากรอยประทับจิตเทพที่มันทิ้งไว้ในร่างศิษย์ ก่อนที่หวู่หลงจะตาย เห็นได้ชัดว่ามันสามารถต้านทนพลังให้หวู่หลงได้ครู่หนึ่ง เช่นนั้นมันจึงเร่งเจรจากับรองผู้นำอย่างไรเล่า…”

  

“รองผู้นำกลับไม่ไว้หน้ามัน กระทั่งฆ่าหวู่หลงทิ้งดื้อๆ!!”

  

  

ไม่ว่าจะเป็นซ่างกวนอวิ๋นเฟิง ผู้นำกองกำลังพันธมิตรสวรรค์ หรือสมาชิกกองกำลังคนอื่นๆ ล้วนบังเกิดความหวาดกลัวกับเรื่องราวที่อุบัติขึ้นเมื่อครู่นี้นัก พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่ารองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ที่แท้จะร้ายกาจทั้งดุร้ายถึงขนาดนี้! กระทั่งจี้โยว จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้ฟ่านเทียนที่ถือครองอันดับ 1 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ร้องขอ ก็ไม่คิดจะอ่อนข้อไว้หน้าแม้แต่น้อย!!

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+