War sovereign Soaring The Heavens 3573

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3573 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3573 : ผู้คุมกฏอาวุโสก็คือ ต้วนหลิงเทียน!?

 

ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งที่ผ่านมา ถึงแม้ถังซานเป่าจะไม่ได้เข้าหาเขาเพราะคิดร้ายอะไร แต่เมื่อตัวตนที่แท้จริงของมันถูกเปิดเผยออกมา มันกับต้วนหลิงเทียนก็ถูกลิขิตให้เป็นเส้นขนานยากจะบรรจบกันได้อีก

  

หลังจากนั้น เขาก็ไม่ได้พบเจอถังซานเป่าอีกเลย

  

อย่างไรก็ตามตั้งแต่วินาทีแรกที่วิหารเฟิงฮ่าวร่วมมือกับเผ่าภูตเพื่อเล่นงานเขา เขาก็รู้ดีว่าวิหารเฟิงฮ่าวถูกลิขิตให้เป็นศัตรูกับเขาไปชั่วชีวิต

  

และถังซานเป่า นายน้อยของวิหารเฟิงฮ่าว ว่าที่จ้าววิหารเฟิงฮ่าวคนต่อไป จึงกลายเป็นศัตรูของเขาไปด้วยเป็นธรรมชาติ

  

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนคิดไม่ถึงก็คือ…

  

เขาจะมาพบเจอถังซานเป่าอีกครั้งในสมรภูมิ 9 ยมโลก

  

ขวับ

  

ต้วนหลิงเทียนถอดหมวกฟางออก ไม่คิดปกปิดตัวตนอะไรอีก เพราะเขารู้ดีว่าด้วยสำนึกเทวะของถังซานเป่า อีกฝ่ายได้ตรวจสอบและยืนยันตัวตนของเขาๆได้แล้ว

  

และดูจากท่าทีของอีกฝ่ายเห็นชัดว่าไม่ได้มาดี

  

เผลอๆบางทีตั้งแต่ที่อีกฝ่ายระบุตัวเขาได้ คนอื่นๆของวิหารเฟิงฮ่าวไม่เว้นพันธมิตรฟ่านเทียนคงรู้แล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน

  

“ถังซานเป่า?”

  

ต้วนหลิงเทียนมองถังซานเป่าด้วยสายตาเฉยเมยเอ่ยถามออกไปเสียงเรียบ “เจ้ามาหาข้าคนเดียว หรือไม่กลัวโดนข้าฆ่าเอา? เพราะตอนนี้ข้ากับวิหารเฟิงฮ่าวของเจ้าก็เสมือนศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้ อย่างไรก็ต้องตายกันไปข้าง!”

  

กล่าวถึงท้ายประโยค สองตาต้วนหลิงเทียนก็ฉายแววเยียบเย็นออกมา

  

“ถังซานเป่า?”

  

ด้าน ‘ถังซานเป่า’ พอได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ก็ผงะไปเล็กน้อยค่อยส่ายหัวไปมา “ต้วนหลิงเทียน ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะยังจำเจ้าของเดิมของร่างข้าได้”

  

“น่าเสียดาย ที่ ‘ถังซานเป่า’ ผู้นั้นได้จากไปนานแล้ว…”

  

ทันทีที่ ‘ถังซานเป่า’ กล่าวประโยคนี้จบคำ สองตาต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลงทันที จากนั้นในใจเขาก็บังเกิดแสงหนึ่งงสว่างขึ้น ย้อนนึกถึงสำนึกเทวะที่คุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกก่อนหน้าขึ้นมาอีกครั้ง…

  

ต่อมา ในใจเขาพลันปรากฏร่างหนึ่งขึ้น

  

“เจ้า…เจ้าคือหมี่ซวนงั้นเหรอ?”

  

ต้วนหลิงเทียนย่อมจดจำภูตขอบเขตพลังราชาเทพที่ออกจากโลกแห่งความตายมาช่ววยหมี่เยี่ยนชิงร่างเขาได้ทันที และตอนที่อีกฝ่ายพบเจอเขากลิ่นอายสำนึกเทวะที่แผ่มาตรวจสอบเขานั้น ก็ไม่ต่างจากเมื่อครู่แม้แต่น้อย เพียงแค่กลิ่นอายพลังดูเหมือนจะด้อยลง ไม่ได้ยิ่งใหญ่สุดไพศาลเหมือนวันนั้น…

  

และเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่มันเรื่องอะไร

  

สุดท้ายสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้ ก็ไม่อนุญาตให้ผู้ที่มีระดับพลังหรือพลังวิญญาณขอบเขตเทพเข้ามา

  

“ไม่คิดเลยว่าถังซานเป่า จะถูกเจ้าหมี่ซวนชิงร่างมาแบบนี้…”

  

เรื่องดังกล่าวต้วนหลิงเทียนคิดไม่ถึงจริงๆ

  

“เจ้านับว่าฉลาด”

  

หมี่ซวนเอ่ยออกเสียยงเบา จากนั้นก็มองลึกไปทางต้วนหลิงเทียน และสายตาของมันก็เฉยเมยทำราวกับกำลังมองคนตาย!

  

“หมี่ซวน เจ้าเข้ามาในสมรภูมิ 9 ยมโลกด้วยร่างของถังซานเป่าข้าไม่แปลกใจเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่จิตวิญญาณระดับราชาเทพของเจ้า…มันไม่น่าจะเข้ามาในสมรภูมิ 9 ยมโลกได้มิใช่หรือ?”

  

เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนสงสัยไม่น้อยว่าอีกฝ่ายทำได้อย่างไร

  

เป็นธรรมดาว่าตั้งแต่ตอนที่สำนึกเทวะของหมี่ซวนตรวจสอบเขา เขาก็รู้ได้แต่แรกว่าวิญญาณของมันอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ! ถึงเขาจะพอเดาได้ว่ามันสมควรใช้วิธีอะไรสักอย่างลดพลังวิญญาณลง แต่เขาไม่รู้ว่ามันทำได้ยังไง

  

“หึ!”

  

หมี่ซวนพ่นลมสบถเสียงเย็น “เผ่าภูตเราเกิดมาก็เป็นร่างวิญญาณ กระทั่งเชี่ยวชาญทักษะวิญญาณเป็นที่สุด…เช่นนั้นสำหรับพวกเรา กับอีแค่ผนึกพลังวิญญาณตัวเอง มันง่ายจนไม่รู้จะง่ายอย่างไรแล้ว!”

  

พอหมี่ซวนกล่าวออกมา ต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันได้ทันที

  

อย่างที่คิดไว้ หมี่ซวนสมควรใช้วิธีการบางอย่างลดพลังวิญญาณของตัวเอง ทำให้พลังวิญญาณของมันอยู่ในระดับจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ เพื่อที่จะไม่ถูกสมรภูมิ 9 ยมโลกปฏิเสธ แค่ไม่รู้ว่ามันทำได้ง่ายๆแบบนี้

  

เพราะในประวัติศาสตร์สมรภูมิ 9 ยมโลก ก็ไม่ขาดผู้ที่ทำอะไรแบบนี้

  

อย่างไรก็ตาม คนประเภทนี้ถึงแม้จะเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลกได้ แต่ก็ไม่อาจคลายผนึกได้เด็ดขาด เพราะหากคลายผนึก จิตวิญญาณก็จะมีพลังเกินข้อจำกัดทันที และสมรภูมิ 9 ยมโลกก็จะทำการขับไล่ อาจร้ายแรงถึงขั้นกวาดล้าง!

  

สมรภูมิ 9 ยมโลกจะอย่างไรก็เกิดจากการชนกันของระนาบเทพ และพลังที่มันมีก็ร้ายกาจเหนือจินตนาการ

  

ไม่ต้องกล่าวถึงเซียนอมตะ ต่อให้เป็นตัวตนขอบเขตเทพทีม่ร้ายกาจก็ไม่อาจต้านทานได้

  

ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!

  

  

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

  

  

พร้อมๆกันกับที่เสียงหวิวจากการแหวกฝ่าสายลมดังขึ้น คนกลุ่มหนึ่งก็ทยอยกันปรากฏตัวไม่ไกลจากน่านฟ้าที่ต้วนหลิงเทียนกับหมี่ซวนกำลังเผชิญหน้ากัน ทั้งหมดมาเพื่อติดตามสถานการณ์

  

ในบรรดากลุ่มคนที่มา มี 2 ร่างที่เหินนำอยู่ด้านหน้าเป็นหลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิง ผู้นำกับรองผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับ

  

และบัดนี้สายตาของพวกมันก็ชมดูต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจ เพราะถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะยังอยู่ในชุดคลุมลมดำหลวมๆ หากทว่าได้ถอดหมวกฟางออกแล้ว ใบหน้าจึงเปิดเผยออกมาให้ได้เห็นกันชัดๆ

  

“ที่แท้ผู้คุมกฏอาวุโสยังเยาว์นัก!”

  

หลัวเฟิงอดอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจไม่ได้

  

“ข้าเองก็ประหลาดใจไม่ต่างจากเจ้า”

  

หลัวอี้หมิงก็พยักหน้า

  

คนอื่นๆก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจไม่ต่าง นี่น่ะหรือคือโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้คุมกฏอาวุโสพันธมิตรอุดรลี้ลับพวกมัน?

  

“เจ้านั่นน่ะหรือ ที่เข่นฆ่าผู้คุมกฏทั้ง 2 ของพวกเรา แล้วมากวนใจท่านผู้คุมกฏอาวุโส?”

  

หลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิง หลังจากมองต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจแล้ว ก็พากันมองจ้องไปยังหมี่ซวนเขม็ง แม้สีหน้าท่าทีจะแลดูมีโทสะ แต่ในแววตาก็อดฉายความประหวั่นพรั่นกลัวไม่ได้ เพราะพวกมันตระหนักดีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ใครที่พวกมันจะตอแยด้วยได้

  

คนที่หาญกล้ามาท้าทายผู้คุมกฏอาวุโสถึงที่แบบนี้ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?

  

“ต้วนหลิงเทียน ข้าต้องบอกเลยว่าวีรกรรมในสมรภูมิ 9 ยมโลกของเจ้าช่างทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ…ตอนนี้ในสมรภูมิ 9 ยมโลกคงหาผู้ใดที่ไม่ใช่เทพสงคราม 9 ดาราประมือกับเจ้าได้แล้วกระมัง ว่าแต่เจ้าภูมิใจมากไหมเล่า?”

  

หมี่ซวนมองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวอย่างไม่รีบไม่ร้อน สีหน้าน้ำเสียงยังแฝงความเย้ยหยันไม่น้อย

  

ดูจากท่าทางของมัน เห็นชัดว่าไม่คิดรีบร้อนลงมือจัดการต้วนหลิงเทียน! เพราะสำหรับมัน…ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากตะพาบในไหแล้ว!!

  

“ต้วนหลิงเทียน?”

  

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินคำที่หมี่ซวนพูดกับต้วนหลิงเทียน กลุ่มคนของพันธมิตรอุดรลี้ลับ ไม่ว่าจะผู้นำอย่างหลัวอี้หมิง รองผู้นำอย่างหลัวเฟิง จนไปถึงสมาชิกทั่วไป ล้วนอึ้งไปเป็นแถบ..

  

ผู้คุมกฏอาวุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับมัน ไม่ใช่เรียกว่าลี่เฟิงหรือไร?

  

ไฉนถึงกลายเป็นต้วนหลิงเทียนไปได้?

  

ที่แท้เรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่?

  

“ต้วนหลิงเทียน…คนที่ฆ่าผู้นำคนที่ 2 ของพันธมิตรฟ่านเทียน หวู่หลง คนนั้นในภาคตะวันออกรึ?! ไม่เพียงแต่จะเป็นรองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ แต่ยังเป็นตำนานไปแล้วผู้นั้น…ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน!?”

  

“ให้ตายเถอะ ที่แท้ผู้คุมกฏอาวุโสก็คือต้วนหลิงเทียน! ลี่เฟิงเป็นเพียงนามแฝงเท่านั้น?”

  

“จะว่าไปต้วนหลิงเทียนผู้นั้นก็เก่งกฏมิติ…แล้วผู้คุมกฏอาวุโสของพวกเราก็เห็นชัดว่าเชี่ยวชาญกฏมิติเช่นกัน!”

  

  

พอรู้ว่าที่แท้ ลี่เฟิง ผู้คุมกฏอาวุโสแห่งพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกมัน ก็คือต้วนหลิงเทียนที่โด่งดังเป็นพลุแตกไปทั่วสมรภูมิ 9 ยมโลกก่อนหน้า…ทุกคนในพันธมิตรอุดรลี้ลับก็พากันตกตะลึงกันถ้วนหน้า

  

“มิน่าแปลกใจเลยที่ไฉนพลังฝีมือของผู้คุมกฏอาวุโสเราถึงได้ร้ายกาจนัก…หลายคนยังพูดอยู่เลยว่าพอๆกับหวู่หลงรวมถึงต้วนหลิงเทียน…ที่แท้เจ้าตัวก็คือต้วนหลิงเทียนเอง!”

  

“คิดไม่ถึงจริงๆ ช่างเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายนัก! ที่แท้ผู้คุมกฏอาวุโสเราก็คือต้วนหลิงเทียนผู้นั้น!!”

  

  

ในขณะที่ผู้คุมกฏคนอื่นๆรวมถึงชนชั้นอาวุโสกับสมาชิกทั่วไปของพันธมิตรอุดรลี้ลับกำลังสนทนากันด้วยความตกใจ หลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิง ผู้นำและรองผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับก็รู้สึกเสมือนกำลังฝันไป

  

“หมี่ซวน เจ้าไร้พลังขอบเขตราชาเทพ แต่ยังกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าแบบนี้…เจ้าไม่กลัวโดนข้าฆ่าทิ้งรึไง?”

  

แม้จะโดนหมี่ซวนถามประชดเย้ยหยัน แต่ต้วนหลิงเทียนยังแลดูสงบไม่ยินดียินร้ายใดๆ “เจ้าทราบหรือไม่ว่าในสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้ เจ้าไม่อาจคลายผนึกพลังวิญญาณและใช้พลังระดับราชาเทพเล่นงานข้าได้?”

  

“ราชาเทพ!?”

  

พอเสียงกล่าวของต้วนหลิงเทียนดังขึ้น ผู้คนในพันธมิตรอุดรลี้ลับล้วนพากันงุนงงกันใหญ่ เพราะหลายคนไม่รู้ว่าคำนี้มีความหมายว่าอย่างไร…

  

อย่างไรก็ตาม สีหน้าหลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิงพลันเปลี่ยนไปใหญ่หลวง

  

พอพวกมันมองไปยังแผ่นหลังหมี่ซวนอีกครั้ง สีหน้าพวกมันก็ฉายชัดถึงความสยดสยอง “นะ…นั่นเป็นตัวตนขอบเขตตราชาเทพอันทรงพลัง?!”

  

ในระนาบเทวโลก แค่เป็นเทพขั้นต่ำก็ร้ายกาจมากๆแล้ว

  

ไม่ต้องพูดถึงราชาเทพ ที่เป็นตัวตนอยู่เหนือกว่า เทพขั้นต่ำ เทพขั้นกลาง และเทพขั้นสูงเลย

  

แต่ชายเบื้องหน้า เป็นถึงตัวตนระดับราชาเทพจริงๆ!?

  

และพอฟังจากคำพูดของผู้คุมกฏอาวุโส เห็นชัดว่าอีกฝ่ายสมควรใช้วิธีผนึกพลังของตัวเองเพื่อเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลก จึงไม่อาจใช้พลังที่แท้จริงได้ เพราะทันทีที่ใช้พลังที่แท้จริงออกมาก็จะโดนพลังของสมรภูมิ 9 ยมโลกเล่นงานทันที

  

ตระกูลหลัวของพวกมันเองก็เป็นขุมกำลังระดับสูงที่เร้นกายตัดขาดจากโลกหล้าตระกูลหนึ่งในระนาบเทวโลก

  

และในบันทึกโบราณของตระกูล ก็มีบันทึกเรื่องที่ตัวตนขอบเขตเทพในตระกูลบางคน ได้ผนึกพลังฝึกปรือและพลังวิญญาณเพื่อเข้ามาไล่ฆ่าผู้คนในสมรภูมิ 9 ยมโลกเพื่อหาทรัพยากรให้ลูกหลานเช่นกัน…อย่างไรก็ตามสุดท้ายขอบเขตเทพคนนั้นก็ดันเผลอใช้พลังขอบเขตเทพออกมา จึงตกตายในสมรภูมิ 9 ยมโลก…

  

ไม่ได้ถูกใครฆ่า แต่โดนพลังของอาคมและข้อจำกัดของสมรภูมิ 9 ยมโลกกำจัด!

  

ด้วยมีเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ทำให้พวกมันตระหนักได้ทันที ว่าในสมรภูมิ 9 ยมโลก ต่อให้เป็นตัวตนขอบเขตเทพ ก็ทำได้แค่ใช้พลังระดับเทพสงคราม 9 ดาราเท่านั้น!

  

“ถึงในสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้ อย่างดีเจ้านั่นก็ใช้พลังได้แค่ระดับเทพสงคราม 9 ดารา…แต่ข้าเกรงว่านั่นยังเป็นอะไรที่ร้ายกาจเกินผู้คุมกฏอาวุโสจะรับมือได้มิใช่หรือไร?”

  

หลัวเฟิงที่ลอยร่างข้างๆหลัวอี้หมิงอดพึมพำออกมาไม่ได้

  

“กระทั่งพวกเรายังรู้เรื่องนี้ ด้านผู้คุมกฏอาวุโสเองก็สมควรรู้ดี…แต่ดูจากสีหน้าท่าทีของผู้คุมกฏอาวุโส ไม่คล้ายจะหวาดกลัวอีกฝ่ายเลย”

  

หลัวอี้หมิงที่มองสำรวจท่าทีของต้วนหลิงเทียนครู่หนึ่ง ก็สรุปได้ดังว่า

  

ขณะเดียวกัน ด้านหมี่ซวนที่ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ก็คลี่ยิ้มแสยะออกมาด้วยความดูถูก “ต้วนหลิงเทียนอาศัยคนที่ยังไม่เป็นเทพสงคราม 9 ดาราเช่นเจ้า หากสามารถฆ่าข้าได้ เช่นนั้นชีวิตข้าหมี่ซวนที่อยู่มานานเกรงว่าคงไร้ค่าเยี่ยงชีวิตสุนัขแล้ว”

  

“ถึงข้าที่อยู่ในสมรภูมิ 9 ยมโลก จะไม่อาจสำแดงพลังเกินขอบเขตจำกัดได้…แต่เจ้าคิดหรือว่าถ้าข้าไม่มีพลังระดับเทพสงคราม 9 ดารา ข้าจะมาหาเจ้าเพียงลำพัง?”

  

พอกล่าวจบคำ สีหน้าหมี่ซวนก็ฉายความดูแคลนมากขึ้น

  

เทพสงคราม 9 ดารา!

  

ถึงแม้กลุ่มคนพันธมิตรอุดรลี้ลับจะตระหนักได้แต่แรกว่าหมี่ซวนอาจเป็นเทพสงคราม 9 ดารา แต่พอได้ยินหมี่ซวนพูดออกมากับปาก พวกมันก็ยังอดตกใจไม่ได้!

  

ถึงแม้พวกมันจะตกใจทั้งประหลาดใจไม่น้อย เมื่อฐานะที่แท้จริงของผู้คุมกฏอาวุโสถูกเปิดเผยออกมา

  

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าพวกมันไม่เห็นต้วนหลิงเทียนเป็นผู้คุมกฏอาวุโสของมันอีกต่อไป ต้วนหลิงเทียนยังเป็นผู้คุมกฏอาวุโสที่พวกมันเคารพนับถือดังเดิม!

  

ครั้งก่อนตอนที่กองกำลังใหญ่ทั้ง 2 ได้ร่วมมือกันบุกเข่นฆ่าเข้ามาถึงค่ายพันธมิตรอุดรลี้ลับ หากไม่ใช่ผู้คุมกฏอาวุโสคนนี้ลงมือ น่ากลัวพันธมิตรอุดรลี้ลับคงถูกฆ่าล้างบางไปแต่แรก…ใจพวกมันย่อมซาบซึ้งบุญคุณไม่ลืมเลือน

  

เป็นธรรมดาว่าพวกมันไม่อยากให้ผู้คุมกฏอาวุโสต้องมาเกิดเรื่องอะไรขึ้นต่อหน้าต่อตา

  

“เทพสงคราม 9 ดารา?”

  

ต้วนหลิงเทียนหยีตาพลงคลี่ยิ้มเฉยเมย “พอดีเลย…ตั้งแต่กลายเป็นเทพสงคราม 9 ดารา ข้าเองก็ยังไม่ได้ประมือกับใครสักคน…”

  

“เช่นนั้น ครั้งนี้ให้ข้าใช้เจ้าหมี่ซวนต่างหินลับมีดเถอะ”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3573

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3573 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3573 : ผู้คุมกฏอาวุโสก็คือ ต้วนหลิงเทียน!?

 

ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งที่ผ่านมา ถึงแม้ถังซานเป่าจะไม่ได้เข้าหาเขาเพราะคิดร้ายอะไร แต่เมื่อตัวตนที่แท้จริงของมันถูกเปิดเผยออกมา มันกับต้วนหลิงเทียนก็ถูกลิขิตให้เป็นเส้นขนานยากจะบรรจบกันได้อีก

  

หลังจากนั้น เขาก็ไม่ได้พบเจอถังซานเป่าอีกเลย

  

อย่างไรก็ตามตั้งแต่วินาทีแรกที่วิหารเฟิงฮ่าวร่วมมือกับเผ่าภูตเพื่อเล่นงานเขา เขาก็รู้ดีว่าวิหารเฟิงฮ่าวถูกลิขิตให้เป็นศัตรูกับเขาไปชั่วชีวิต

  

และถังซานเป่า นายน้อยของวิหารเฟิงฮ่าว ว่าที่จ้าววิหารเฟิงฮ่าวคนต่อไป จึงกลายเป็นศัตรูของเขาไปด้วยเป็นธรรมชาติ

  

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนคิดไม่ถึงก็คือ…

  

เขาจะมาพบเจอถังซานเป่าอีกครั้งในสมรภูมิ 9 ยมโลก

  

ขวับ

  

ต้วนหลิงเทียนถอดหมวกฟางออก ไม่คิดปกปิดตัวตนอะไรอีก เพราะเขารู้ดีว่าด้วยสำนึกเทวะของถังซานเป่า อีกฝ่ายได้ตรวจสอบและยืนยันตัวตนของเขาๆได้แล้ว

  

และดูจากท่าทีของอีกฝ่ายเห็นชัดว่าไม่ได้มาดี

  

เผลอๆบางทีตั้งแต่ที่อีกฝ่ายระบุตัวเขาได้ คนอื่นๆของวิหารเฟิงฮ่าวไม่เว้นพันธมิตรฟ่านเทียนคงรู้แล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน

  

“ถังซานเป่า?”

  

ต้วนหลิงเทียนมองถังซานเป่าด้วยสายตาเฉยเมยเอ่ยถามออกไปเสียงเรียบ “เจ้ามาหาข้าคนเดียว หรือไม่กลัวโดนข้าฆ่าเอา? เพราะตอนนี้ข้ากับวิหารเฟิงฮ่าวของเจ้าก็เสมือนศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้ อย่างไรก็ต้องตายกันไปข้าง!”

  

กล่าวถึงท้ายประโยค สองตาต้วนหลิงเทียนก็ฉายแววเยียบเย็นออกมา

  

“ถังซานเป่า?”

  

ด้าน ‘ถังซานเป่า’ พอได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ก็ผงะไปเล็กน้อยค่อยส่ายหัวไปมา “ต้วนหลิงเทียน ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะยังจำเจ้าของเดิมของร่างข้าได้”

  

“น่าเสียดาย ที่ ‘ถังซานเป่า’ ผู้นั้นได้จากไปนานแล้ว…”

  

ทันทีที่ ‘ถังซานเป่า’ กล่าวประโยคนี้จบคำ สองตาต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลงทันที จากนั้นในใจเขาก็บังเกิดแสงหนึ่งงสว่างขึ้น ย้อนนึกถึงสำนึกเทวะที่คุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกก่อนหน้าขึ้นมาอีกครั้ง…

  

ต่อมา ในใจเขาพลันปรากฏร่างหนึ่งขึ้น

  

“เจ้า…เจ้าคือหมี่ซวนงั้นเหรอ?”

  

ต้วนหลิงเทียนย่อมจดจำภูตขอบเขตพลังราชาเทพที่ออกจากโลกแห่งความตายมาช่ววยหมี่เยี่ยนชิงร่างเขาได้ทันที และตอนที่อีกฝ่ายพบเจอเขากลิ่นอายสำนึกเทวะที่แผ่มาตรวจสอบเขานั้น ก็ไม่ต่างจากเมื่อครู่แม้แต่น้อย เพียงแค่กลิ่นอายพลังดูเหมือนจะด้อยลง ไม่ได้ยิ่งใหญ่สุดไพศาลเหมือนวันนั้น…

  

และเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่มันเรื่องอะไร

  

สุดท้ายสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้ ก็ไม่อนุญาตให้ผู้ที่มีระดับพลังหรือพลังวิญญาณขอบเขตเทพเข้ามา

  

“ไม่คิดเลยว่าถังซานเป่า จะถูกเจ้าหมี่ซวนชิงร่างมาแบบนี้…”

  

เรื่องดังกล่าวต้วนหลิงเทียนคิดไม่ถึงจริงๆ

  

“เจ้านับว่าฉลาด”

  

หมี่ซวนเอ่ยออกเสียยงเบา จากนั้นก็มองลึกไปทางต้วนหลิงเทียน และสายตาของมันก็เฉยเมยทำราวกับกำลังมองคนตาย!

  

“หมี่ซวน เจ้าเข้ามาในสมรภูมิ 9 ยมโลกด้วยร่างของถังซานเป่าข้าไม่แปลกใจเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่จิตวิญญาณระดับราชาเทพของเจ้า…มันไม่น่าจะเข้ามาในสมรภูมิ 9 ยมโลกได้มิใช่หรือ?”

  

เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนสงสัยไม่น้อยว่าอีกฝ่ายทำได้อย่างไร

  

เป็นธรรมดาว่าตั้งแต่ตอนที่สำนึกเทวะของหมี่ซวนตรวจสอบเขา เขาก็รู้ได้แต่แรกว่าวิญญาณของมันอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ! ถึงเขาจะพอเดาได้ว่ามันสมควรใช้วิธีอะไรสักอย่างลดพลังวิญญาณลง แต่เขาไม่รู้ว่ามันทำได้ยังไง

  

“หึ!”

  

หมี่ซวนพ่นลมสบถเสียงเย็น “เผ่าภูตเราเกิดมาก็เป็นร่างวิญญาณ กระทั่งเชี่ยวชาญทักษะวิญญาณเป็นที่สุด…เช่นนั้นสำหรับพวกเรา กับอีแค่ผนึกพลังวิญญาณตัวเอง มันง่ายจนไม่รู้จะง่ายอย่างไรแล้ว!”

  

พอหมี่ซวนกล่าวออกมา ต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันได้ทันที

  

อย่างที่คิดไว้ หมี่ซวนสมควรใช้วิธีการบางอย่างลดพลังวิญญาณของตัวเอง ทำให้พลังวิญญาณของมันอยู่ในระดับจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ เพื่อที่จะไม่ถูกสมรภูมิ 9 ยมโลกปฏิเสธ แค่ไม่รู้ว่ามันทำได้ง่ายๆแบบนี้

  

เพราะในประวัติศาสตร์สมรภูมิ 9 ยมโลก ก็ไม่ขาดผู้ที่ทำอะไรแบบนี้

  

อย่างไรก็ตาม คนประเภทนี้ถึงแม้จะเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลกได้ แต่ก็ไม่อาจคลายผนึกได้เด็ดขาด เพราะหากคลายผนึก จิตวิญญาณก็จะมีพลังเกินข้อจำกัดทันที และสมรภูมิ 9 ยมโลกก็จะทำการขับไล่ อาจร้ายแรงถึงขั้นกวาดล้าง!

  

สมรภูมิ 9 ยมโลกจะอย่างไรก็เกิดจากการชนกันของระนาบเทพ และพลังที่มันมีก็ร้ายกาจเหนือจินตนาการ

  

ไม่ต้องกล่าวถึงเซียนอมตะ ต่อให้เป็นตัวตนขอบเขตเทพทีม่ร้ายกาจก็ไม่อาจต้านทานได้

  

ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!

  

  

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

  

  

พร้อมๆกันกับที่เสียงหวิวจากการแหวกฝ่าสายลมดังขึ้น คนกลุ่มหนึ่งก็ทยอยกันปรากฏตัวไม่ไกลจากน่านฟ้าที่ต้วนหลิงเทียนกับหมี่ซวนกำลังเผชิญหน้ากัน ทั้งหมดมาเพื่อติดตามสถานการณ์

  

ในบรรดากลุ่มคนที่มา มี 2 ร่างที่เหินนำอยู่ด้านหน้าเป็นหลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิง ผู้นำกับรองผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับ

  

และบัดนี้สายตาของพวกมันก็ชมดูต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจ เพราะถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะยังอยู่ในชุดคลุมลมดำหลวมๆ หากทว่าได้ถอดหมวกฟางออกแล้ว ใบหน้าจึงเปิดเผยออกมาให้ได้เห็นกันชัดๆ

  

“ที่แท้ผู้คุมกฏอาวุโสยังเยาว์นัก!”

  

หลัวเฟิงอดอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจไม่ได้

  

“ข้าเองก็ประหลาดใจไม่ต่างจากเจ้า”

  

หลัวอี้หมิงก็พยักหน้า

  

คนอื่นๆก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจไม่ต่าง นี่น่ะหรือคือโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้คุมกฏอาวุโสพันธมิตรอุดรลี้ลับพวกมัน?

  

“เจ้านั่นน่ะหรือ ที่เข่นฆ่าผู้คุมกฏทั้ง 2 ของพวกเรา แล้วมากวนใจท่านผู้คุมกฏอาวุโส?”

  

หลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิง หลังจากมองต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจแล้ว ก็พากันมองจ้องไปยังหมี่ซวนเขม็ง แม้สีหน้าท่าทีจะแลดูมีโทสะ แต่ในแววตาก็อดฉายความประหวั่นพรั่นกลัวไม่ได้ เพราะพวกมันตระหนักดีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ใครที่พวกมันจะตอแยด้วยได้

  

คนที่หาญกล้ามาท้าทายผู้คุมกฏอาวุโสถึงที่แบบนี้ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?

  

“ต้วนหลิงเทียน ข้าต้องบอกเลยว่าวีรกรรมในสมรภูมิ 9 ยมโลกของเจ้าช่างทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ…ตอนนี้ในสมรภูมิ 9 ยมโลกคงหาผู้ใดที่ไม่ใช่เทพสงคราม 9 ดาราประมือกับเจ้าได้แล้วกระมัง ว่าแต่เจ้าภูมิใจมากไหมเล่า?”

  

หมี่ซวนมองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวอย่างไม่รีบไม่ร้อน สีหน้าน้ำเสียงยังแฝงความเย้ยหยันไม่น้อย

  

ดูจากท่าทางของมัน เห็นชัดว่าไม่คิดรีบร้อนลงมือจัดการต้วนหลิงเทียน! เพราะสำหรับมัน…ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากตะพาบในไหแล้ว!!

  

“ต้วนหลิงเทียน?”

  

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินคำที่หมี่ซวนพูดกับต้วนหลิงเทียน กลุ่มคนของพันธมิตรอุดรลี้ลับ ไม่ว่าจะผู้นำอย่างหลัวอี้หมิง รองผู้นำอย่างหลัวเฟิง จนไปถึงสมาชิกทั่วไป ล้วนอึ้งไปเป็นแถบ..

  

ผู้คุมกฏอาวุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับมัน ไม่ใช่เรียกว่าลี่เฟิงหรือไร?

  

ไฉนถึงกลายเป็นต้วนหลิงเทียนไปได้?

  

ที่แท้เรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่?

  

“ต้วนหลิงเทียน…คนที่ฆ่าผู้นำคนที่ 2 ของพันธมิตรฟ่านเทียน หวู่หลง คนนั้นในภาคตะวันออกรึ?! ไม่เพียงแต่จะเป็นรองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ แต่ยังเป็นตำนานไปแล้วผู้นั้น…ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน!?”

  

“ให้ตายเถอะ ที่แท้ผู้คุมกฏอาวุโสก็คือต้วนหลิงเทียน! ลี่เฟิงเป็นเพียงนามแฝงเท่านั้น?”

  

“จะว่าไปต้วนหลิงเทียนผู้นั้นก็เก่งกฏมิติ…แล้วผู้คุมกฏอาวุโสของพวกเราก็เห็นชัดว่าเชี่ยวชาญกฏมิติเช่นกัน!”

  

  

พอรู้ว่าที่แท้ ลี่เฟิง ผู้คุมกฏอาวุโสแห่งพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกมัน ก็คือต้วนหลิงเทียนที่โด่งดังเป็นพลุแตกไปทั่วสมรภูมิ 9 ยมโลกก่อนหน้า…ทุกคนในพันธมิตรอุดรลี้ลับก็พากันตกตะลึงกันถ้วนหน้า

  

“มิน่าแปลกใจเลยที่ไฉนพลังฝีมือของผู้คุมกฏอาวุโสเราถึงได้ร้ายกาจนัก…หลายคนยังพูดอยู่เลยว่าพอๆกับหวู่หลงรวมถึงต้วนหลิงเทียน…ที่แท้เจ้าตัวก็คือต้วนหลิงเทียนเอง!”

  

“คิดไม่ถึงจริงๆ ช่างเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายนัก! ที่แท้ผู้คุมกฏอาวุโสเราก็คือต้วนหลิงเทียนผู้นั้น!!”

  

  

ในขณะที่ผู้คุมกฏคนอื่นๆรวมถึงชนชั้นอาวุโสกับสมาชิกทั่วไปของพันธมิตรอุดรลี้ลับกำลังสนทนากันด้วยความตกใจ หลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิง ผู้นำและรองผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับก็รู้สึกเสมือนกำลังฝันไป

  

“หมี่ซวน เจ้าไร้พลังขอบเขตราชาเทพ แต่ยังกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าแบบนี้…เจ้าไม่กลัวโดนข้าฆ่าทิ้งรึไง?”

  

แม้จะโดนหมี่ซวนถามประชดเย้ยหยัน แต่ต้วนหลิงเทียนยังแลดูสงบไม่ยินดียินร้ายใดๆ “เจ้าทราบหรือไม่ว่าในสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้ เจ้าไม่อาจคลายผนึกพลังวิญญาณและใช้พลังระดับราชาเทพเล่นงานข้าได้?”

  

“ราชาเทพ!?”

  

พอเสียงกล่าวของต้วนหลิงเทียนดังขึ้น ผู้คนในพันธมิตรอุดรลี้ลับล้วนพากันงุนงงกันใหญ่ เพราะหลายคนไม่รู้ว่าคำนี้มีความหมายว่าอย่างไร…

  

อย่างไรก็ตาม สีหน้าหลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิงพลันเปลี่ยนไปใหญ่หลวง

  

พอพวกมันมองไปยังแผ่นหลังหมี่ซวนอีกครั้ง สีหน้าพวกมันก็ฉายชัดถึงความสยดสยอง “นะ…นั่นเป็นตัวตนขอบเขตตราชาเทพอันทรงพลัง?!”

  

ในระนาบเทวโลก แค่เป็นเทพขั้นต่ำก็ร้ายกาจมากๆแล้ว

  

ไม่ต้องพูดถึงราชาเทพ ที่เป็นตัวตนอยู่เหนือกว่า เทพขั้นต่ำ เทพขั้นกลาง และเทพขั้นสูงเลย

  

แต่ชายเบื้องหน้า เป็นถึงตัวตนระดับราชาเทพจริงๆ!?

  

และพอฟังจากคำพูดของผู้คุมกฏอาวุโส เห็นชัดว่าอีกฝ่ายสมควรใช้วิธีผนึกพลังของตัวเองเพื่อเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลก จึงไม่อาจใช้พลังที่แท้จริงได้ เพราะทันทีที่ใช้พลังที่แท้จริงออกมาก็จะโดนพลังของสมรภูมิ 9 ยมโลกเล่นงานทันที

  

ตระกูลหลัวของพวกมันเองก็เป็นขุมกำลังระดับสูงที่เร้นกายตัดขาดจากโลกหล้าตระกูลหนึ่งในระนาบเทวโลก

  

และในบันทึกโบราณของตระกูล ก็มีบันทึกเรื่องที่ตัวตนขอบเขตเทพในตระกูลบางคน ได้ผนึกพลังฝึกปรือและพลังวิญญาณเพื่อเข้ามาไล่ฆ่าผู้คนในสมรภูมิ 9 ยมโลกเพื่อหาทรัพยากรให้ลูกหลานเช่นกัน…อย่างไรก็ตามสุดท้ายขอบเขตเทพคนนั้นก็ดันเผลอใช้พลังขอบเขตเทพออกมา จึงตกตายในสมรภูมิ 9 ยมโลก…

  

ไม่ได้ถูกใครฆ่า แต่โดนพลังของอาคมและข้อจำกัดของสมรภูมิ 9 ยมโลกกำจัด!

  

ด้วยมีเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ทำให้พวกมันตระหนักได้ทันที ว่าในสมรภูมิ 9 ยมโลก ต่อให้เป็นตัวตนขอบเขตเทพ ก็ทำได้แค่ใช้พลังระดับเทพสงคราม 9 ดาราเท่านั้น!

  

“ถึงในสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้ อย่างดีเจ้านั่นก็ใช้พลังได้แค่ระดับเทพสงคราม 9 ดารา…แต่ข้าเกรงว่านั่นยังเป็นอะไรที่ร้ายกาจเกินผู้คุมกฏอาวุโสจะรับมือได้มิใช่หรือไร?”

  

หลัวเฟิงที่ลอยร่างข้างๆหลัวอี้หมิงอดพึมพำออกมาไม่ได้

  

“กระทั่งพวกเรายังรู้เรื่องนี้ ด้านผู้คุมกฏอาวุโสเองก็สมควรรู้ดี…แต่ดูจากสีหน้าท่าทีของผู้คุมกฏอาวุโส ไม่คล้ายจะหวาดกลัวอีกฝ่ายเลย”

  

หลัวอี้หมิงที่มองสำรวจท่าทีของต้วนหลิงเทียนครู่หนึ่ง ก็สรุปได้ดังว่า

  

ขณะเดียวกัน ด้านหมี่ซวนที่ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ก็คลี่ยิ้มแสยะออกมาด้วยความดูถูก “ต้วนหลิงเทียนอาศัยคนที่ยังไม่เป็นเทพสงคราม 9 ดาราเช่นเจ้า หากสามารถฆ่าข้าได้ เช่นนั้นชีวิตข้าหมี่ซวนที่อยู่มานานเกรงว่าคงไร้ค่าเยี่ยงชีวิตสุนัขแล้ว”

  

“ถึงข้าที่อยู่ในสมรภูมิ 9 ยมโลก จะไม่อาจสำแดงพลังเกินขอบเขตจำกัดได้…แต่เจ้าคิดหรือว่าถ้าข้าไม่มีพลังระดับเทพสงคราม 9 ดารา ข้าจะมาหาเจ้าเพียงลำพัง?”

  

พอกล่าวจบคำ สีหน้าหมี่ซวนก็ฉายความดูแคลนมากขึ้น

  

เทพสงคราม 9 ดารา!

  

ถึงแม้กลุ่มคนพันธมิตรอุดรลี้ลับจะตระหนักได้แต่แรกว่าหมี่ซวนอาจเป็นเทพสงคราม 9 ดารา แต่พอได้ยินหมี่ซวนพูดออกมากับปาก พวกมันก็ยังอดตกใจไม่ได้!

  

ถึงแม้พวกมันจะตกใจทั้งประหลาดใจไม่น้อย เมื่อฐานะที่แท้จริงของผู้คุมกฏอาวุโสถูกเปิดเผยออกมา

  

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าพวกมันไม่เห็นต้วนหลิงเทียนเป็นผู้คุมกฏอาวุโสของมันอีกต่อไป ต้วนหลิงเทียนยังเป็นผู้คุมกฏอาวุโสที่พวกมันเคารพนับถือดังเดิม!

  

ครั้งก่อนตอนที่กองกำลังใหญ่ทั้ง 2 ได้ร่วมมือกันบุกเข่นฆ่าเข้ามาถึงค่ายพันธมิตรอุดรลี้ลับ หากไม่ใช่ผู้คุมกฏอาวุโสคนนี้ลงมือ น่ากลัวพันธมิตรอุดรลี้ลับคงถูกฆ่าล้างบางไปแต่แรก…ใจพวกมันย่อมซาบซึ้งบุญคุณไม่ลืมเลือน

  

เป็นธรรมดาว่าพวกมันไม่อยากให้ผู้คุมกฏอาวุโสต้องมาเกิดเรื่องอะไรขึ้นต่อหน้าต่อตา

  

“เทพสงคราม 9 ดารา?”

  

ต้วนหลิงเทียนหยีตาพลงคลี่ยิ้มเฉยเมย “พอดีเลย…ตั้งแต่กลายเป็นเทพสงคราม 9 ดารา ข้าเองก็ยังไม่ได้ประมือกับใครสักคน…”

  

“เช่นนั้น ครั้งนี้ให้ข้าใช้เจ้าหมี่ซวนต่างหินลับมีดเถอะ”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3573

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3573 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3573 : ผู้คุมกฏอาวุโสก็คือ ต้วนหลิงเทียน!?

 

ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งที่ผ่านมา ถึงแม้ถังซานเป่าจะไม่ได้เข้าหาเขาเพราะคิดร้ายอะไร แต่เมื่อตัวตนที่แท้จริงของมันถูกเปิดเผยออกมา มันกับต้วนหลิงเทียนก็ถูกลิขิตให้เป็นเส้นขนานยากจะบรรจบกันได้อีก

  

หลังจากนั้น เขาก็ไม่ได้พบเจอถังซานเป่าอีกเลย

  

อย่างไรก็ตามตั้งแต่วินาทีแรกที่วิหารเฟิงฮ่าวร่วมมือกับเผ่าภูตเพื่อเล่นงานเขา เขาก็รู้ดีว่าวิหารเฟิงฮ่าวถูกลิขิตให้เป็นศัตรูกับเขาไปชั่วชีวิต

  

และถังซานเป่า นายน้อยของวิหารเฟิงฮ่าว ว่าที่จ้าววิหารเฟิงฮ่าวคนต่อไป จึงกลายเป็นศัตรูของเขาไปด้วยเป็นธรรมชาติ

  

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนคิดไม่ถึงก็คือ…

  

เขาจะมาพบเจอถังซานเป่าอีกครั้งในสมรภูมิ 9 ยมโลก

  

ขวับ

  

ต้วนหลิงเทียนถอดหมวกฟางออก ไม่คิดปกปิดตัวตนอะไรอีก เพราะเขารู้ดีว่าด้วยสำนึกเทวะของถังซานเป่า อีกฝ่ายได้ตรวจสอบและยืนยันตัวตนของเขาๆได้แล้ว

  

และดูจากท่าทีของอีกฝ่ายเห็นชัดว่าไม่ได้มาดี

  

เผลอๆบางทีตั้งแต่ที่อีกฝ่ายระบุตัวเขาได้ คนอื่นๆของวิหารเฟิงฮ่าวไม่เว้นพันธมิตรฟ่านเทียนคงรู้แล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน

  

“ถังซานเป่า?”

  

ต้วนหลิงเทียนมองถังซานเป่าด้วยสายตาเฉยเมยเอ่ยถามออกไปเสียงเรียบ “เจ้ามาหาข้าคนเดียว หรือไม่กลัวโดนข้าฆ่าเอา? เพราะตอนนี้ข้ากับวิหารเฟิงฮ่าวของเจ้าก็เสมือนศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้ อย่างไรก็ต้องตายกันไปข้าง!”

  

กล่าวถึงท้ายประโยค สองตาต้วนหลิงเทียนก็ฉายแววเยียบเย็นออกมา

  

“ถังซานเป่า?”

  

ด้าน ‘ถังซานเป่า’ พอได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ก็ผงะไปเล็กน้อยค่อยส่ายหัวไปมา “ต้วนหลิงเทียน ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะยังจำเจ้าของเดิมของร่างข้าได้”

  

“น่าเสียดาย ที่ ‘ถังซานเป่า’ ผู้นั้นได้จากไปนานแล้ว…”

  

ทันทีที่ ‘ถังซานเป่า’ กล่าวประโยคนี้จบคำ สองตาต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลงทันที จากนั้นในใจเขาก็บังเกิดแสงหนึ่งงสว่างขึ้น ย้อนนึกถึงสำนึกเทวะที่คุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกก่อนหน้าขึ้นมาอีกครั้ง…

  

ต่อมา ในใจเขาพลันปรากฏร่างหนึ่งขึ้น

  

“เจ้า…เจ้าคือหมี่ซวนงั้นเหรอ?”

  

ต้วนหลิงเทียนย่อมจดจำภูตขอบเขตพลังราชาเทพที่ออกจากโลกแห่งความตายมาช่ววยหมี่เยี่ยนชิงร่างเขาได้ทันที และตอนที่อีกฝ่ายพบเจอเขากลิ่นอายสำนึกเทวะที่แผ่มาตรวจสอบเขานั้น ก็ไม่ต่างจากเมื่อครู่แม้แต่น้อย เพียงแค่กลิ่นอายพลังดูเหมือนจะด้อยลง ไม่ได้ยิ่งใหญ่สุดไพศาลเหมือนวันนั้น…

  

และเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่มันเรื่องอะไร

  

สุดท้ายสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้ ก็ไม่อนุญาตให้ผู้ที่มีระดับพลังหรือพลังวิญญาณขอบเขตเทพเข้ามา

  

“ไม่คิดเลยว่าถังซานเป่า จะถูกเจ้าหมี่ซวนชิงร่างมาแบบนี้…”

  

เรื่องดังกล่าวต้วนหลิงเทียนคิดไม่ถึงจริงๆ

  

“เจ้านับว่าฉลาด”

  

หมี่ซวนเอ่ยออกเสียยงเบา จากนั้นก็มองลึกไปทางต้วนหลิงเทียน และสายตาของมันก็เฉยเมยทำราวกับกำลังมองคนตาย!

  

“หมี่ซวน เจ้าเข้ามาในสมรภูมิ 9 ยมโลกด้วยร่างของถังซานเป่าข้าไม่แปลกใจเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่จิตวิญญาณระดับราชาเทพของเจ้า…มันไม่น่าจะเข้ามาในสมรภูมิ 9 ยมโลกได้มิใช่หรือ?”

  

เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนสงสัยไม่น้อยว่าอีกฝ่ายทำได้อย่างไร

  

เป็นธรรมดาว่าตั้งแต่ตอนที่สำนึกเทวะของหมี่ซวนตรวจสอบเขา เขาก็รู้ได้แต่แรกว่าวิญญาณของมันอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ! ถึงเขาจะพอเดาได้ว่ามันสมควรใช้วิธีอะไรสักอย่างลดพลังวิญญาณลง แต่เขาไม่รู้ว่ามันทำได้ยังไง

  

“หึ!”

  

หมี่ซวนพ่นลมสบถเสียงเย็น “เผ่าภูตเราเกิดมาก็เป็นร่างวิญญาณ กระทั่งเชี่ยวชาญทักษะวิญญาณเป็นที่สุด…เช่นนั้นสำหรับพวกเรา กับอีแค่ผนึกพลังวิญญาณตัวเอง มันง่ายจนไม่รู้จะง่ายอย่างไรแล้ว!”

  

พอหมี่ซวนกล่าวออกมา ต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันได้ทันที

  

อย่างที่คิดไว้ หมี่ซวนสมควรใช้วิธีการบางอย่างลดพลังวิญญาณของตัวเอง ทำให้พลังวิญญาณของมันอยู่ในระดับจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ เพื่อที่จะไม่ถูกสมรภูมิ 9 ยมโลกปฏิเสธ แค่ไม่รู้ว่ามันทำได้ง่ายๆแบบนี้

  

เพราะในประวัติศาสตร์สมรภูมิ 9 ยมโลก ก็ไม่ขาดผู้ที่ทำอะไรแบบนี้

  

อย่างไรก็ตาม คนประเภทนี้ถึงแม้จะเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลกได้ แต่ก็ไม่อาจคลายผนึกได้เด็ดขาด เพราะหากคลายผนึก จิตวิญญาณก็จะมีพลังเกินข้อจำกัดทันที และสมรภูมิ 9 ยมโลกก็จะทำการขับไล่ อาจร้ายแรงถึงขั้นกวาดล้าง!

  

สมรภูมิ 9 ยมโลกจะอย่างไรก็เกิดจากการชนกันของระนาบเทพ และพลังที่มันมีก็ร้ายกาจเหนือจินตนาการ

  

ไม่ต้องกล่าวถึงเซียนอมตะ ต่อให้เป็นตัวตนขอบเขตเทพทีม่ร้ายกาจก็ไม่อาจต้านทานได้

  

ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!

  

  

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

  

  

พร้อมๆกันกับที่เสียงหวิวจากการแหวกฝ่าสายลมดังขึ้น คนกลุ่มหนึ่งก็ทยอยกันปรากฏตัวไม่ไกลจากน่านฟ้าที่ต้วนหลิงเทียนกับหมี่ซวนกำลังเผชิญหน้ากัน ทั้งหมดมาเพื่อติดตามสถานการณ์

  

ในบรรดากลุ่มคนที่มา มี 2 ร่างที่เหินนำอยู่ด้านหน้าเป็นหลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิง ผู้นำกับรองผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับ

  

และบัดนี้สายตาของพวกมันก็ชมดูต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจ เพราะถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะยังอยู่ในชุดคลุมลมดำหลวมๆ หากทว่าได้ถอดหมวกฟางออกแล้ว ใบหน้าจึงเปิดเผยออกมาให้ได้เห็นกันชัดๆ

  

“ที่แท้ผู้คุมกฏอาวุโสยังเยาว์นัก!”

  

หลัวเฟิงอดอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจไม่ได้

  

“ข้าเองก็ประหลาดใจไม่ต่างจากเจ้า”

  

หลัวอี้หมิงก็พยักหน้า

  

คนอื่นๆก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจไม่ต่าง นี่น่ะหรือคือโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้คุมกฏอาวุโสพันธมิตรอุดรลี้ลับพวกมัน?

  

“เจ้านั่นน่ะหรือ ที่เข่นฆ่าผู้คุมกฏทั้ง 2 ของพวกเรา แล้วมากวนใจท่านผู้คุมกฏอาวุโส?”

  

หลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิง หลังจากมองต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจแล้ว ก็พากันมองจ้องไปยังหมี่ซวนเขม็ง แม้สีหน้าท่าทีจะแลดูมีโทสะ แต่ในแววตาก็อดฉายความประหวั่นพรั่นกลัวไม่ได้ เพราะพวกมันตระหนักดีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ใครที่พวกมันจะตอแยด้วยได้

  

คนที่หาญกล้ามาท้าทายผู้คุมกฏอาวุโสถึงที่แบบนี้ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?

  

“ต้วนหลิงเทียน ข้าต้องบอกเลยว่าวีรกรรมในสมรภูมิ 9 ยมโลกของเจ้าช่างทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ…ตอนนี้ในสมรภูมิ 9 ยมโลกคงหาผู้ใดที่ไม่ใช่เทพสงคราม 9 ดาราประมือกับเจ้าได้แล้วกระมัง ว่าแต่เจ้าภูมิใจมากไหมเล่า?”

  

หมี่ซวนมองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวอย่างไม่รีบไม่ร้อน สีหน้าน้ำเสียงยังแฝงความเย้ยหยันไม่น้อย

  

ดูจากท่าทางของมัน เห็นชัดว่าไม่คิดรีบร้อนลงมือจัดการต้วนหลิงเทียน! เพราะสำหรับมัน…ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากตะพาบในไหแล้ว!!

  

“ต้วนหลิงเทียน?”

  

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินคำที่หมี่ซวนพูดกับต้วนหลิงเทียน กลุ่มคนของพันธมิตรอุดรลี้ลับ ไม่ว่าจะผู้นำอย่างหลัวอี้หมิง รองผู้นำอย่างหลัวเฟิง จนไปถึงสมาชิกทั่วไป ล้วนอึ้งไปเป็นแถบ..

  

ผู้คุมกฏอาวุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับมัน ไม่ใช่เรียกว่าลี่เฟิงหรือไร?

  

ไฉนถึงกลายเป็นต้วนหลิงเทียนไปได้?

  

ที่แท้เรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่?

  

“ต้วนหลิงเทียน…คนที่ฆ่าผู้นำคนที่ 2 ของพันธมิตรฟ่านเทียน หวู่หลง คนนั้นในภาคตะวันออกรึ?! ไม่เพียงแต่จะเป็นรองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ แต่ยังเป็นตำนานไปแล้วผู้นั้น…ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน!?”

  

“ให้ตายเถอะ ที่แท้ผู้คุมกฏอาวุโสก็คือต้วนหลิงเทียน! ลี่เฟิงเป็นเพียงนามแฝงเท่านั้น?”

  

“จะว่าไปต้วนหลิงเทียนผู้นั้นก็เก่งกฏมิติ…แล้วผู้คุมกฏอาวุโสของพวกเราก็เห็นชัดว่าเชี่ยวชาญกฏมิติเช่นกัน!”

  

  

พอรู้ว่าที่แท้ ลี่เฟิง ผู้คุมกฏอาวุโสแห่งพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกมัน ก็คือต้วนหลิงเทียนที่โด่งดังเป็นพลุแตกไปทั่วสมรภูมิ 9 ยมโลกก่อนหน้า…ทุกคนในพันธมิตรอุดรลี้ลับก็พากันตกตะลึงกันถ้วนหน้า

  

“มิน่าแปลกใจเลยที่ไฉนพลังฝีมือของผู้คุมกฏอาวุโสเราถึงได้ร้ายกาจนัก…หลายคนยังพูดอยู่เลยว่าพอๆกับหวู่หลงรวมถึงต้วนหลิงเทียน…ที่แท้เจ้าตัวก็คือต้วนหลิงเทียนเอง!”

  

“คิดไม่ถึงจริงๆ ช่างเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายนัก! ที่แท้ผู้คุมกฏอาวุโสเราก็คือต้วนหลิงเทียนผู้นั้น!!”

  

  

ในขณะที่ผู้คุมกฏคนอื่นๆรวมถึงชนชั้นอาวุโสกับสมาชิกทั่วไปของพันธมิตรอุดรลี้ลับกำลังสนทนากันด้วยความตกใจ หลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิง ผู้นำและรองผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับก็รู้สึกเสมือนกำลังฝันไป

  

“หมี่ซวน เจ้าไร้พลังขอบเขตราชาเทพ แต่ยังกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าแบบนี้…เจ้าไม่กลัวโดนข้าฆ่าทิ้งรึไง?”

  

แม้จะโดนหมี่ซวนถามประชดเย้ยหยัน แต่ต้วนหลิงเทียนยังแลดูสงบไม่ยินดียินร้ายใดๆ “เจ้าทราบหรือไม่ว่าในสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้ เจ้าไม่อาจคลายผนึกพลังวิญญาณและใช้พลังระดับราชาเทพเล่นงานข้าได้?”

  

“ราชาเทพ!?”

  

พอเสียงกล่าวของต้วนหลิงเทียนดังขึ้น ผู้คนในพันธมิตรอุดรลี้ลับล้วนพากันงุนงงกันใหญ่ เพราะหลายคนไม่รู้ว่าคำนี้มีความหมายว่าอย่างไร…

  

อย่างไรก็ตาม สีหน้าหลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิงพลันเปลี่ยนไปใหญ่หลวง

  

พอพวกมันมองไปยังแผ่นหลังหมี่ซวนอีกครั้ง สีหน้าพวกมันก็ฉายชัดถึงความสยดสยอง “นะ…นั่นเป็นตัวตนขอบเขตตราชาเทพอันทรงพลัง?!”

  

ในระนาบเทวโลก แค่เป็นเทพขั้นต่ำก็ร้ายกาจมากๆแล้ว

  

ไม่ต้องพูดถึงราชาเทพ ที่เป็นตัวตนอยู่เหนือกว่า เทพขั้นต่ำ เทพขั้นกลาง และเทพขั้นสูงเลย

  

แต่ชายเบื้องหน้า เป็นถึงตัวตนระดับราชาเทพจริงๆ!?

  

และพอฟังจากคำพูดของผู้คุมกฏอาวุโส เห็นชัดว่าอีกฝ่ายสมควรใช้วิธีผนึกพลังของตัวเองเพื่อเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลก จึงไม่อาจใช้พลังที่แท้จริงได้ เพราะทันทีที่ใช้พลังที่แท้จริงออกมาก็จะโดนพลังของสมรภูมิ 9 ยมโลกเล่นงานทันที

  

ตระกูลหลัวของพวกมันเองก็เป็นขุมกำลังระดับสูงที่เร้นกายตัดขาดจากโลกหล้าตระกูลหนึ่งในระนาบเทวโลก

  

และในบันทึกโบราณของตระกูล ก็มีบันทึกเรื่องที่ตัวตนขอบเขตเทพในตระกูลบางคน ได้ผนึกพลังฝึกปรือและพลังวิญญาณเพื่อเข้ามาไล่ฆ่าผู้คนในสมรภูมิ 9 ยมโลกเพื่อหาทรัพยากรให้ลูกหลานเช่นกัน…อย่างไรก็ตามสุดท้ายขอบเขตเทพคนนั้นก็ดันเผลอใช้พลังขอบเขตเทพออกมา จึงตกตายในสมรภูมิ 9 ยมโลก…

  

ไม่ได้ถูกใครฆ่า แต่โดนพลังของอาคมและข้อจำกัดของสมรภูมิ 9 ยมโลกกำจัด!

  

ด้วยมีเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ทำให้พวกมันตระหนักได้ทันที ว่าในสมรภูมิ 9 ยมโลก ต่อให้เป็นตัวตนขอบเขตเทพ ก็ทำได้แค่ใช้พลังระดับเทพสงคราม 9 ดาราเท่านั้น!

  

“ถึงในสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้ อย่างดีเจ้านั่นก็ใช้พลังได้แค่ระดับเทพสงคราม 9 ดารา…แต่ข้าเกรงว่านั่นยังเป็นอะไรที่ร้ายกาจเกินผู้คุมกฏอาวุโสจะรับมือได้มิใช่หรือไร?”

  

หลัวเฟิงที่ลอยร่างข้างๆหลัวอี้หมิงอดพึมพำออกมาไม่ได้

  

“กระทั่งพวกเรายังรู้เรื่องนี้ ด้านผู้คุมกฏอาวุโสเองก็สมควรรู้ดี…แต่ดูจากสีหน้าท่าทีของผู้คุมกฏอาวุโส ไม่คล้ายจะหวาดกลัวอีกฝ่ายเลย”

  

หลัวอี้หมิงที่มองสำรวจท่าทีของต้วนหลิงเทียนครู่หนึ่ง ก็สรุปได้ดังว่า

  

ขณะเดียวกัน ด้านหมี่ซวนที่ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ก็คลี่ยิ้มแสยะออกมาด้วยความดูถูก “ต้วนหลิงเทียนอาศัยคนที่ยังไม่เป็นเทพสงคราม 9 ดาราเช่นเจ้า หากสามารถฆ่าข้าได้ เช่นนั้นชีวิตข้าหมี่ซวนที่อยู่มานานเกรงว่าคงไร้ค่าเยี่ยงชีวิตสุนัขแล้ว”

  

“ถึงข้าที่อยู่ในสมรภูมิ 9 ยมโลก จะไม่อาจสำแดงพลังเกินขอบเขตจำกัดได้…แต่เจ้าคิดหรือว่าถ้าข้าไม่มีพลังระดับเทพสงคราม 9 ดารา ข้าจะมาหาเจ้าเพียงลำพัง?”

  

พอกล่าวจบคำ สีหน้าหมี่ซวนก็ฉายความดูแคลนมากขึ้น

  

เทพสงคราม 9 ดารา!

  

ถึงแม้กลุ่มคนพันธมิตรอุดรลี้ลับจะตระหนักได้แต่แรกว่าหมี่ซวนอาจเป็นเทพสงคราม 9 ดารา แต่พอได้ยินหมี่ซวนพูดออกมากับปาก พวกมันก็ยังอดตกใจไม่ได้!

  

ถึงแม้พวกมันจะตกใจทั้งประหลาดใจไม่น้อย เมื่อฐานะที่แท้จริงของผู้คุมกฏอาวุโสถูกเปิดเผยออกมา

  

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าพวกมันไม่เห็นต้วนหลิงเทียนเป็นผู้คุมกฏอาวุโสของมันอีกต่อไป ต้วนหลิงเทียนยังเป็นผู้คุมกฏอาวุโสที่พวกมันเคารพนับถือดังเดิม!

  

ครั้งก่อนตอนที่กองกำลังใหญ่ทั้ง 2 ได้ร่วมมือกันบุกเข่นฆ่าเข้ามาถึงค่ายพันธมิตรอุดรลี้ลับ หากไม่ใช่ผู้คุมกฏอาวุโสคนนี้ลงมือ น่ากลัวพันธมิตรอุดรลี้ลับคงถูกฆ่าล้างบางไปแต่แรก…ใจพวกมันย่อมซาบซึ้งบุญคุณไม่ลืมเลือน

  

เป็นธรรมดาว่าพวกมันไม่อยากให้ผู้คุมกฏอาวุโสต้องมาเกิดเรื่องอะไรขึ้นต่อหน้าต่อตา

  

“เทพสงคราม 9 ดารา?”

  

ต้วนหลิงเทียนหยีตาพลงคลี่ยิ้มเฉยเมย “พอดีเลย…ตั้งแต่กลายเป็นเทพสงคราม 9 ดารา ข้าเองก็ยังไม่ได้ประมือกับใครสักคน…”

  

“เช่นนั้น ครั้งนี้ให้ข้าใช้เจ้าหมี่ซวนต่างหินลับมีดเถอะ”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3573

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3573 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งที่ผ่านมา ถึงแม้ถังซานเป่าจะไม่ได้เข้าหาเขาเพราะคิดร้ายอะไร แต่เมื่อตัวตนที่แท้จริงของมันถูกเปิดเผยออกมา มันกับต้วนหลิงเทียนก็ถูกลิขิตให้เป็นเส้นขนานยากจะบรรจบกันได้อีก
หลังจากนั้น เขาก็ไม่ได้พบเจอถังซานเป่าอีกเลย
อย่างไรก็ตามตั้งแต่วินาทีแรกที่วิหารเฟิงฮ่าวร่วมมือกับเผ่าภูตเพื่อเล่นงานเขา เขาก็รู้ดีว่าวิหารเฟิงฮ่าวถูกลิขิตให้เป็นศัตรูกับเขาไปชั่วชีวิต
และถังซานเป่า นายน้อยของวิหารเฟิงฮ่าว ว่าที่จ้าววิหารเฟิงฮ่าวคนต่อไป จึงกลายเป็นศัตรูของเขาไปด้วยเป็นธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนคิดไม่ถึงก็คือ…
เขาจะมาพบเจอถังซานเป่าอีกครั้งในสมรภูมิ 9 ยมโลก
ขวับ
ต้วนหลิงเทียนถอดหมวกฟางออก ไม่คิดปกปิดตัวตนอะไรอีก เพราะเขารู้ดีว่าด้วยสำนึกเทวะของถังซานเป่า อีกฝ่ายได้ตรวจสอบและยืนยันตัวตนของเขาๆได้แล้ว
และดูจากท่าทีของอีกฝ่ายเห็นชัดว่าไม่ได้มาดี
เผลอๆบางทีตั้งแต่ที่อีกฝ่ายระบุตัวเขาได้ คนอื่นๆของวิหารเฟิงฮ่าวไม่เว้นพันธมิตรฟ่านเทียนคงรู้แล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน
“ถังซานเป่า?”
ต้วนหลิงเทียนมองถังซานเป่าด้วยสายตาเฉยเมยเอ่ยถามออกไปเสียงเรียบ “เจ้ามาหาข้าคนเดียว หรือไม่กลัวโดนข้าฆ่าเอา? เพราะตอนนี้ข้ากับวิหารเฟิงฮ่าวของเจ้าก็เสมือนศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้ อย่างไรก็ต้องตายกันไปข้าง!”
กล่าวถึงท้ายประโยค สองตาต้วนหลิงเทียนก็ฉายแววเยียบเย็นออกมา
“ถังซานเป่า?”
ด้าน ‘ถังซานเป่า’ พอได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ก็ผงะไปเล็กน้อยค่อยส่ายหัวไปมา “ต้วนหลิงเทียน ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะยังจำเจ้าของเดิมของร่างข้าได้”
“น่าเสียดาย ที่ ‘ถังซานเป่า’ ผู้นั้นได้จากไปนานแล้ว…”
ทันทีที่ ‘ถังซานเป่า’ กล่าวประโยคนี้จบคำ สองตาต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลงทันที จากนั้นในใจเขาก็บังเกิดแสงหนึ่งงสว่างขึ้น ย้อนนึกถึงสำนึกเทวะที่คุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกก่อนหน้าขึ้นมาอีกครั้ง…
ต่อมา ในใจเขาพลันปรากฏร่างหนึ่งขึ้น
“เจ้า…เจ้าคือหมี่ซวนงั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนย่อมจดจำภูตขอบเขตพลังราชาเทพที่ออกจากโลกแห่งความตายมาช่ววยหมี่เยี่ยนชิงร่างเขาได้ทันที และตอนที่อีกฝ่ายพบเจอเขากลิ่นอายสำนึกเทวะที่แผ่มาตรวจสอบเขานั้น ก็ไม่ต่างจากเมื่อครู่แม้แต่น้อย เพียงแค่กลิ่นอายพลังดูเหมือนจะด้อยลง ไม่ได้ยิ่งใหญ่สุดไพศาลเหมือนวันนั้น…
และเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่มันเรื่องอะไร
สุดท้ายสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้ ก็ไม่อนุญาตให้ผู้ที่มีระดับพลังหรือพลังวิญญาณขอบเขตเทพเข้ามา
“ไม่คิดเลยว่าถังซานเป่า จะถูกเจ้าหมี่ซวนชิงร่างมาแบบนี้…”
เรื่องดังกล่าวต้วนหลิงเทียนคิดไม่ถึงจริงๆ
“เจ้านับว่าฉลาด”
หมี่ซวนเอ่ยออกเสียยงเบา จากนั้นก็มองลึกไปทางต้วนหลิงเทียน และสายตาของมันก็เฉยเมยทำราวกับกำลังมองคนตาย!
“หมี่ซวน เจ้าเข้ามาในสมรภูมิ 9 ยมโลกด้วยร่างของถังซานเป่าข้าไม่แปลกใจเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่จิตวิญญาณระดับราชาเทพของเจ้า…มันไม่น่าจะเข้ามาในสมรภูมิ 9 ยมโลกได้มิใช่หรือ?”
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนสงสัยไม่น้อยว่าอีกฝ่ายทำได้อย่างไร
เป็นธรรมดาว่าตั้งแต่ตอนที่สำนึกเทวะของหมี่ซวนตรวจสอบเขา เขาก็รู้ได้แต่แรกว่าวิญญาณของมันอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ! ถึงเขาจะพอเดาได้ว่ามันสมควรใช้วิธีอะไรสักอย่างลดพลังวิญญาณลง แต่เขาไม่รู้ว่ามันทำได้ยังไง
“หึ!”
หมี่ซวนพ่นลมสบถเสียงเย็น “เผ่าภูตเราเกิดมาก็เป็นร่างวิญญาณ กระทั่งเชี่ยวชาญทักษะวิญญาณเป็นที่สุด…เช่นนั้นสำหรับพวกเรา กับอีแค่ผนึกพลังวิญญาณตัวเอง มันง่ายจนไม่รู้จะง่ายอย่างไรแล้ว!”
พอหมี่ซวนกล่าวออกมา ต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันได้ทันที
อย่างที่คิดไว้ หมี่ซวนสมควรใช้วิธีการบางอย่างลดพลังวิญญาณของตัวเอง ทำให้พลังวิญญาณของมันอยู่ในระดับจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ เพื่อที่จะไม่ถูกสมรภูมิ 9 ยมโลกปฏิเสธ แค่ไม่รู้ว่ามันทำได้ง่ายๆแบบนี้
เพราะในประวัติศาสตร์สมรภูมิ 9 ยมโลก ก็ไม่ขาดผู้ที่ทำอะไรแบบนี้
อย่างไรก็ตาม คนประเภทนี้ถึงแม้จะเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลกได้ แต่ก็ไม่อาจคลายผนึกได้เด็ดขาด เพราะหากคลายผนึก จิตวิญญาณก็จะมีพลังเกินข้อจำกัดทันที และสมรภูมิ 9 ยมโลกก็จะทำการขับไล่ อาจร้ายแรงถึงขั้นกวาดล้าง!
สมรภูมิ 9 ยมโลกจะอย่างไรก็เกิดจากการชนกันของระนาบเทพ และพลังที่มันมีก็ร้ายกาจเหนือจินตนาการ
ไม่ต้องกล่าวถึงเซียนอมตะ ต่อให้เป็นตัวตนขอบเขตเทพทีม่ร้ายกาจก็ไม่อาจต้านทานได้
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

พร้อมๆกันกับที่เสียงหวิวจากการแหวกฝ่าสายลมดังขึ้น คนกลุ่มหนึ่งก็ทยอยกันปรากฏตัวไม่ไกลจากน่านฟ้าที่ต้วนหลิงเทียนกับหมี่ซวนกำลังเผชิญหน้ากัน ทั้งหมดมาเพื่อติดตามสถานการณ์
ในบรรดากลุ่มคนที่มา มี 2 ร่างที่เหินนำอยู่ด้านหน้าเป็นหลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิง ผู้นำกับรองผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับ
และบัดนี้สายตาของพวกมันก็ชมดูต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจ เพราะถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะยังอยู่ในชุดคลุมลมดำหลวมๆ หากทว่าได้ถอดหมวกฟางออกแล้ว ใบหน้าจึงเปิดเผยออกมาให้ได้เห็นกันชัดๆ
“ที่แท้ผู้คุมกฏอาวุโสยังเยาว์นัก!”
หลัวเฟิงอดอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจไม่ได้
“ข้าเองก็ประหลาดใจไม่ต่างจากเจ้า”
หลัวอี้หมิงก็พยักหน้า
คนอื่นๆก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจไม่ต่าง นี่น่ะหรือคือโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้คุมกฏอาวุโสพันธมิตรอุดรลี้ลับพวกมัน?.ไอรีนโนเวล.
“เจ้านั่นน่ะหรือ ที่เข่นฆ่าผู้คุมกฏทั้ง 2 ของพวกเรา แล้วมากวนใจท่านผู้คุมกฏอาวุโส?”
หลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิง หลังจากมองต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจแล้ว ก็พากันมองจ้องไปยังหมี่ซวนเขม็ง แม้สีหน้าท่าทีจะแลดูมีโทสะ แต่ในแววตาก็อดฉายความประหวั่นพรั่นกลัวไม่ได้ เพราะพวกมันตระหนักดีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ใครที่พวกมันจะตอแยด้วยได้
คนที่หาญกล้ามาท้าทายผู้คุมกฏอาวุโสถึงที่แบบนี้ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?
“ต้วนหลิงเทียน ข้าต้องบอกเลยว่าวีรกรรมในสมรภูมิ 9 ยมโลกของเจ้าช่างทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ…ตอนนี้ในสมรภูมิ 9 ยมโลกคงหาผู้ใดที่ไม่ใช่เทพสงคราม 9 ดาราประมือกับเจ้าได้แล้วกระมัง ว่าแต่เจ้าภูมิใจมากไหมเล่า?”
หมี่ซวนมองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวอย่างไม่รีบไม่ร้อน สีหน้าน้ำเสียงยังแฝงความเย้ยหยันไม่น้อย
ดูจากท่าทางของมัน เห็นชัดว่าไม่คิดรีบร้อนลงมือจัดการต้วนหลิงเทียน! เพราะสำหรับมัน…ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากตะพาบในไหแล้ว!!
“ต้วนหลิงเทียน?”
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินคำที่หมี่ซวนพูดกับต้วนหลิงเทียน กลุ่มคนของพันธมิตรอุดรลี้ลับ ไม่ว่าจะผู้นำอย่างหลัวอี้หมิง รองผู้นำอย่างหลัวเฟิง จนไปถึงสมาชิกทั่วไป ล้วนอึ้งไปเป็นแถบ..
ผู้คุมกฏอาวุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับมัน ไม่ใช่เรียกว่าลี่เฟิงหรือไร?
ไฉนถึงกลายเป็นต้วนหลิงเทียนไปได้?
ที่แท้เรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่?
“ต้วนหลิงเทียน…คนที่ฆ่าผู้นำคนที่ 2 ของพันธมิตรฟ่านเทียน หวู่หลง คนนั้นในภาคตะวันออกรึ?! ไม่เพียงแต่จะเป็นรองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ แต่ยังเป็นตำนานไปแล้วผู้นั้น…ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน!?”
“ให้ตายเถอะ ที่แท้ผู้คุมกฏอาวุโสก็คือต้วนหลิงเทียน! ลี่เฟิงเป็นเพียงนามแฝงเท่านั้น?”
“จะว่าไปต้วนหลิงเทียนผู้นั้นก็เก่งกฏมิติ…แล้วผู้คุมกฏอาวุโสของพวกเราก็เห็นชัดว่าเชี่ยวชาญกฏมิติเช่นกัน!”

พอรู้ว่าที่แท้ ลี่เฟิง ผู้คุมกฏอาวุโสแห่งพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกมัน ก็คือต้วนหลิงเทียนที่โด่งดังเป็นพลุแตกไปทั่วสมรภูมิ 9 ยมโลกก่อนหน้า…ทุกคนในพันธมิตรอุดรลี้ลับก็พากันตกตะลึงกันถ้วนหน้า
“มิน่าแปลกใจเลยที่ไฉนพลังฝีมือของผู้คุมกฏอาวุโสเราถึงได้ร้ายกาจนัก…หลายคนยังพูดอยู่เลยว่าพอๆกับหวู่หลงรวมถึงต้วนหลิงเทียน…ที่แท้เจ้าตัวก็คือต้วนหลิงเทียนเอง!”
“คิดไม่ถึงจริงๆ ช่างเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายนัก! ที่แท้ผู้คุมกฏอาวุโสเราก็คือต้วนหลิงเทียนผู้นั้น!!”

ในขณะที่ผู้คุมกฏคนอื่นๆรวมถึงชนชั้นอาวุโสกับสมาชิกทั่วไปของพันธมิตรอุดรลี้ลับกำลังสนทนากันด้วยความตกใจ หลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิง ผู้นำและรองผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับก็รู้สึกเสมือนกำลังฝันไป
“หมี่ซวน เจ้าไร้พลังขอบเขตราชาเทพ แต่ยังกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าแบบนี้…เจ้าไม่กลัวโดนข้าฆ่าทิ้งรึไง?”
แม้จะโดนหมี่ซวนถามประชดเย้ยหยัน แต่ต้วนหลิงเทียนยังแลดูสงบไม่ยินดียินร้ายใดๆ “เจ้าทราบหรือไม่ว่าในสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้ เจ้าไม่อาจคลายผนึกพลังวิญญาณและใช้พลังระดับราชาเทพเล่นงานข้าได้?”
“ราชาเทพ!?”
พอเสียงกล่าวของต้วนหลิงเทียนดังขึ้น ผู้คนในพันธมิตรอุดรลี้ลับล้วนพากันงุนงงกันใหญ่ เพราะหลายคนไม่รู้ว่าคำนี้มีความหมายว่าอย่างไร…
อย่างไรก็ตาม สีหน้าหลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิงพลันเปลี่ยนไปใหญ่หลวง
พอพวกมันมองไปยังแผ่นหลังหมี่ซวนอีกครั้ง สีหน้าพวกมันก็ฉายชัดถึงความสยดสยอง “นะ…นั่นเป็นตัวตนขอบเขตตราชาเทพอันทรงพลัง?!”
ในระนาบเทวโลก แค่เป็นเทพขั้นต่ำก็ร้ายกาจมากๆแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงราชาเทพ ที่เป็นตัวตนอยู่เหนือกว่า เทพขั้นต่ำ เทพขั้นกลาง และเทพขั้นสูงเลย
แต่ชายเบื้องหน้า เป็นถึงตัวตนระดับราชาเทพจริงๆ!?
และพอฟังจากคำพูดของผู้คุมกฏอาวุโส เห็นชัดว่าอีกฝ่ายสมควรใช้วิธีผนึกพลังของตัวเองเพื่อเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลก จึงไม่อาจใช้พลังที่แท้จริงได้ เพราะทันทีที่ใช้พลังที่แท้จริงออกมาก็จะโดนพลังของสมรภูมิ 9 ยมโลกเล่นงานทันที
ตระกูลหลัวของพวกมันเองก็เป็นขุมกำลังระดับสูงที่เร้นกายตัดขาดจากโลกหล้าตระกูลหนึ่งในระนาบเทวโลก
และในบันทึกโบราณของตระกูล ก็มีบันทึกเรื่องที่ตัวตนขอบเขตเทพในตระกูลบางคน ได้ผนึกพลังฝึกปรือและพลังวิญญาณเพื่อเข้ามาไล่ฆ่าผู้คนในสมรภูมิ 9 ยมโลกเพื่อหาทรัพยากรให้ลูกหลานเช่นกัน…อย่างไรก็ตามสุดท้ายขอบเขตเทพคนนั้นก็ดันเผลอใช้พลังขอบเขตเทพออกมา จึงตกตายในสมรภูมิ 9 ยมโลก…
ไม่ได้ถูกใครฆ่า แต่โดนพลังของอาคมและข้อจำกัดของสมรภูมิ 9 ยมโลกกำจัด!
ด้วยมีเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ทำให้พวกมันตระหนักได้ทันที ว่าในสมรภูมิ 9 ยมโลก ต่อให้เป็นตัวตนขอบเขตเทพ ก็ทำได้แค่ใช้พลังระดับเทพสงคราม 9 ดาราเท่านั้น!
“ถึงในสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้ อย่างดีเจ้านั่นก็ใช้พลังได้แค่ระดับเทพสงคราม 9 ดารา…แต่ข้าเกรงว่านั่นยังเป็นอะไรที่ร้ายกาจเกินผู้คุมกฏอาวุโสจะรับมือได้มิใช่หรือไร?”
หลัวเฟิงที่ลอยร่างข้างๆหลัวอี้หมิงอดพึมพำออกมาไม่ได้
“กระทั่งพวกเรายังรู้เรื่องนี้ ด้านผู้คุมกฏอาวุโสเองก็สมควรรู้ดี…แต่ดูจากสีหน้าท่าทีของผู้คุมกฏอาวุโส ไม่คล้ายจะหวาดกลัวอีกฝ่ายเลย”
หลัวอี้หมิงที่มองสำรวจท่าทีของต้วนหลิงเทียนครู่หนึ่ง ก็สรุปได้ดังว่า
ขณะเดียวกัน ด้านหมี่ซวนที่ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ก็คลี่ยิ้มแสยะออกมาด้วยความดูถูก “ต้วนหลิงเทียนอาศัยคนที่ยังไม่เป็นเทพสงคราม 9 ดาราเช่นเจ้า หากสามารถฆ่าข้าได้ เช่นนั้นชีวิตข้าหมี่ซวนที่อยู่มานานเกรงว่าคงไร้ค่าเยี่ยงชีวิตสุนัขแล้ว”
“ถึงข้าที่อยู่ในสมรภูมิ 9 ยมโลก จะไม่อาจสำแดงพลังเกินขอบเขตจำกัดได้…แต่เจ้าคิดหรือว่าถ้าข้าไม่มีพลังระดับเทพสงคราม 9 ดารา ข้าจะมาหาเจ้าเพียงลำพัง?”
พอกล่าวจบคำ สีหน้าหมี่ซวนก็ฉายความดูแคลนมากขึ้น
เทพสงคราม 9 ดารา!
ถึงแม้กลุ่มคนพันธมิตรอุดรลี้ลับจะตระหนักได้แต่แรกว่าหมี่ซวนอาจเป็นเทพสงคราม 9 ดารา แต่พอได้ยินหมี่ซวนพูดออกมากับปาก พวกมันก็ยังอดตกใจไม่ได้!
ถึงแม้พวกมันจะตกใจทั้งประหลาดใจไม่น้อย เมื่อฐานะที่แท้จริงของผู้คุมกฏอาวุโสถูกเปิดเผยออกมา
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าพวกมันไม่เห็นต้วนหลิงเทียนเป็นผู้คุมกฏอาวุโสของมันอีกต่อไป ต้วนหลิงเทียนยังเป็นผู้คุมกฏอาวุโสที่พวกมันเคารพนับถือดังเดิม!
ครั้งก่อนตอนที่กองกำลังใหญ่ทั้ง 2 ได้ร่วมมือกันบุกเข่นฆ่าเข้ามาถึงค่ายพันธมิตรอุดรลี้ลับ หากไม่ใช่ผู้คุมกฏอาวุโสคนนี้ลงมือ น่ากลัวพันธมิตรอุดรลี้ลับคงถูกฆ่าล้างบางไปแต่แรก…ใจพวกมันย่อมซาบซึ้งบุญคุณไม่ลืมเลือน
เป็นธรรมดาว่าพวกมันไม่อยากให้ผู้คุมกฏอาวุโสต้องมาเกิดเรื่องอะไรขึ้นต่อหน้าต่อตา
“เทพสงคราม 9 ดารา?”
ต้วนหลิงเทียนหยีตาพลงคลี่ยิ้มเฉยเมย “พอดีเลย…ตั้งแต่กลายเป็นเทพสงคราม 9 ดารา ข้าเองก็ยังไม่ได้ประมือกับใครสักคน…”
“เช่นนั้น ครั้งนี้ให้ข้าใช้เจ้าหมี่ซวนต่างหินลับมีดเถอะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+