War sovereign Soaring The Heavens 3608

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3608 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3608 : ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด?!

 

“ท่านปู่ชิว…ท่านคิดว่าศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงคนนั้นมันไปตามหาตัวข้าที่ตระกูลด้วยเรื่องอะไรกัน? ข้ามั่นใจว่าข้าไม่เคเห็นมันมาก่อนด้วยซ้ำ…ไฉนมันต้องเจาะจงหาตัวข้าด้วยเล่า?”

 

หลังจากถูกชายชราข้างกายหอบหิ้วออกมาจากหมู่บ้านสกุลเถี่ยสาขา 2 ระหว่างเดินทางเฉียนเฟยก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชายชราออกมาด้วยความงุนงง

 

และชายชราคนนี้ก็คือหนึ่งในเทพขั้นต่ำของตระกูลเฉียน เฉียนชิว

 

เฉียนชิวนั้นพอได้รับข้อความที่เฉียนเยว่จิ้นผู้นำตระกูลเฉียนส่งมา มันก็รีบพาตัวเฉียนเฟยออกจากหมู่บ้านสกุลเฉียนสาขา 2 อย่างไม่รอช้า ส่วนอนุภรรยาคนใหม่ของเฉียนเฟย เถี่ยหยู นั้น มันไม่ได้พามาด้วยและทิ้งอีกฝ่ายไว้ที่บ้านสกุลเถี่ย

 

และไฉนที่ไม่พาเถี่ยหยูมาด้วย เพราะเฉียนเฟยเป็นคนขอให้ทำแบบนั้น

 

เพราะเฉียนเฟยรู้สึกว่าถึงแม้อาจจะเป็นแค่เรื่องราวเข้าใจผิด แต่ไม่พ้นมันก็ต้องก้มหัวให้ศิษย์นิกายฟ้าลี้ลับคนนั้นแน่นอน เป็นธรรมดาที่มันไม่อยากให้สตรีคนใหม่ของมันเห็นมันต้องก้มหัวให้คนอื่นอย่างนอบน้อม

 

มันก็เลยให้เถี่ยอยู่รออยู่ที่บ้านมารดาของนางชั่วคราว หลังมันกลับไปสะสางเรื่องราวที่ตระกูลกับเฉียนชิวกับศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงคนนั้นเสร็จแล้ว ค่อยย้อนกลับมารับตัวนาง

 

“ข้าเองก็มิทราบเช่นกันว่าเป็นเรื่องราวใด…แต่มิพ้นต้องเป็นเรื่องเข้าใจกันผิดแน่นอน”

 

เฉียนชิวส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “ภาพเหมือนของศิษย์นิกายฟ้าลี้ลับผู้นั้นที่ผู้นำให้คุณชายรองมา ไม่ใช่แค่ท่านเท่านั้น แต่ข้าเองก็จำมิได้ว่าเคยพบเจอมันมาก่อน”

 

“แปลกยิ่ง ในเมืองมีคนตั้งเยอะแยะไฉนมันต้องเจาะจงข้าด้วยเล่า…”

 

เฉียนเฟยบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ

 

“คุณชายรอง…”

 

ได้ยินเสียงบ่นด้วยความไม่สบอารมณ์ของเฉียนเฟย เฉียนชิวก็ขมวดคิ้วกล่าวเตือนเสียงหนักทันที สีหน้าของมันยังแลดูจริงจังขึงขังนัก “ข้ารู้ว่าท่านไม่พอใจในเรื่องนี้ แต่ท่านต้องจำไว้ให้ดี…ต่อหน้าศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงผู้นั้น ท่านอย่าได้แสดงสีหน้าหรือท่าทางไม่พอใจมันออกมาเด็ดขาด!”

 

“ต่อให้จะเป็นเรื่องเข้าใจผิด และมิเกี่ยวข้องกับท่าน…ท่านก็ต้องยิ้มรับเข้าไว้ ยังต้องพูดกับมันด้วยดี”

 

“นิกายฟ้าจรัสแสง เป็นยักษ์ใหญ่ที่ตระกูลเฉียนของพวกเรามิอาจล่วงเกินได้แม้แต่นิดเดียว…และศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงนั่น ต่อให้เป็นศิษย์ที่ธรรมดาที่สุด ก็เป็นดั่งแผ่นฟ้าที่พวกเรามิอาจตอแยด้วยได้…”

 

ขณะกล่าวยิ่งมาน้ำเสียงของเฉียนชิวก็ยิ่งเคร่งขรึม

 

“ท่านปู่ชิว เรื่องนี้ขอท่านวางใจได้เลย ข้าก็แค่สบโอกาสบ่นไว้ก่อนตอนที่ยังไม่ได้เจอศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงนั่นเท่านั้น…ยามอยู่ต่อหน้ามัน ข้าจะทำตัวเรียบๆร้อยๆเสมือนเป็นหลานชายมันเลยดีหรือไม่?”

 

“ถึงแม้ข้าจักมิเคยเสแสร้งเป็นหลานชายผู้ใดมาก่อน…แต่ข้าเคยเห็นผู้อื่นเสแสร้งเป็นหลานชายข้ามานักต่อนักแล้ว ข้าไม่มีแสดงแข็งหรือหลุดบทเป็นแน่!”

 

เฉียนเฟยยังกล่าวทีเล่นทีจริงออกมาด้วยท่าทางไม่แยแส

 

อย่างไรก็ตามแม้ปากมันจะกล่าวอกมาราวทำเป็นเล่น แต่ในแววตาของเฉียนเฟยก็ฉายชัดถึงความไม่เต็มใจนัก เนื่องเพราะตั้งแต่เล็กจนโตมันไม่เคยรู้สึกหดหู่แบบนี้มาก่อนเลย

 

ก่อนหน้ามีแต่ผู้อื่นเสแสร้งแสดงเป็นหลานชายต่อหน้ามัน เฉียนเฟย

 

แต่ตอนนี้ถึงวันที่มันเฉียนเฟย จะต้องเสแสร้งแสดงเป็นหลานชายผู้อื่นแล้วหรือ?

 

เป็นธรรมดาว่าถึงใจมันไม่ยินยอมแค่ไหน มันก็รู้ดีว่ามันจำต้องแบบนั้น เพราะศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงไม่ใช่คนที่มันจะตอแยด้วยได้จริงๆ กระทั่งให้ขุมกำลังทั้ง 4 ของเมืองหลินซานมัดรวมกัน ก็ไม่อาจล่วงเกินอีกฝ่ายได้…

 

พอคิดถึงจุดนี้ เฉียนเฟยก็ได้แต่โอดครวญในใจ

 

“คุณชายรอง ท่านคิดได้เช่นนี้ ก็นับว่าประเสริฐแล้ว…”

 

ได้ยินคำพูดของเฉียนเฟย เฉียนชิวก็พอได้ผ่อนคลายวางใจ

 

อย่างไรเสียมันก็ยังอดกังวลไม่ได้ ด้วยกลัวว่าเฉียนเฟยจะมีเรื่องกับศิษย์นิกายฟ้าลี้ลับคนนั้นเพราะถูกกล่าวหาผิดๆ ถึงตอนนั้นเกิดทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจขึ้นมา เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขได้ด้วยหินเทพจำนวนเล็กน้อย…

 

“ถึงแล้ว”

 

หลังจากนั้นไม่นานนัก เฉียนเฟยที่ถูกเฉียนชิวหอบหิ้วเดินทาง ก็มาถึงเมืองหลินซาน และไม่นานก็คงถึงตระกูลเฉียน

 

และเมื่อทั้งคู่เหินร่างมาใกล้ถึงตระกูลเฉียน ก็พบว่าน่านฟ้าตระกูลเฉียนยามนี้ไม่ได้มีแต่คนตระกูลเฉียนเท่านั้น แต่อีก 3 ขุมกำลังใหญ่ของเมืองหลินซานก็มากันพร้อมหน้าพร้อมตา

 

ระดับสูงของตระกูลเฉียนเองก็อยู่กันครบคน!

 

“นั่น…”

 

เฉียนชิวที่พาเฉียนเฟยมาใกล้ถึง พอเหลือบไปเห็นหน้าตาชายชราคนหนึ่งชัดๆ สองตามันก็ลุกวาวขึ้นมาทันที “ท่านบรรพบุรุษ!!”

 

“บรรพบุรุษ?”

 

เฉียนเฟยที่ได้ยินก็ถึงกับอึ้ง “ท่านปู่ชิว เป็นบรรพบุรุษท่านใดหรือ?”

 

ตระกูลเฉียนของพวกมันมีบรรพบุรุษอยู่ไม่น้อย แต่ทั้งหมดก็ได้ออกจากตระกูลเฉียนทั้งออกจากเมืองหลินซานไปกันหมดแล้ว

 

“เป็นท่านบรรพบุรุษ เฉียนซู่หวน!”

 

เฉียนชิวเร่งกล่าวบอกเฉียนเฟยเร็วไว

 

พอได้ยิน สองตาเฉียนเฟยก็ลุกวาวจ้าทันที “เป็นท่านบรรพบุรุษเฉียนซู่หวน ที่บรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูงเมื่อหมื่นกว่าปีก่อนน่ะรึ?!”

 

เฉียนเฟยนั้นไม่เคยเห็นเฉียนซู่หวนมาก่อนเลย เพราะตอนที่เฉียนซู่หวนออกจากตระกูลเฉียนทั้งออกจากเมืองหลินซานแห่งนี้ไป มันยังไม่ทันเกิดด้วยซ้ำ

 

แต่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยิน

 

ในตระกูลเฉียนนั้น มันมักได้ยินคนกล่าวถึงเหล่าบรรพบุรุษที่เดินทางออกจากตระกูลเฉียนรวมทั้งเมืองหลินซานอยู่บ่อยๆ ส่วนใหญ่นั้นก็จากไปหลังบรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูง ในบรรดาคนที่จากไปก็มีเฉียนซู่หวนรวมอยู่ด้วย

 

อย่างไรก็ตามเหล่าบรรพบุรุษของตระกูลเฉียนที่จากไปแล้ว ก็ไม่ค่อยมีใครย้อนกลับมานัก

 

อย่างน้อยๆตั้งแต่ที่มันเกิดมานับพันปี มันก็ไม่เคยได้ยินว่าจะมีบรรพบุรุษคนไหนย้อนกลับมาเลย

 

แต่ตอนนี้กลับมีบรรพบุรุษคนหนึ่งกลับมาจริงๆ?

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นบรรพบุรุษที่บรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูงเมื่อหมื่นกว่าปีก่อน?

 

“คุณชายรองกับอาวุโสเฉียนชิวกลับมากันแล้ว!”

 

การปรากฏตัวของเฉียนเฟยและเฉียนชิว ย่อมดึงดูดความสนใจของคนตระกูลเฉียนหลายๆคน ทันใดนั้นสายตาของคนตระกูลเฉียนหลายคนก็ละออกจากร่างบรรพบุรุษอย่างเฉียนซู่หานไปยังพวกเฉียนเฟยสองคนทันที

 

ด้านผู้นำตระกูลเฉียน เฉียนเยว่จิ้นพอเห็นลูกชายกลับมา ก็เร่งกล่าวออกมาเสียงดังแฝงตำหนิ “ลูกไม่รักดีเจ้ายังไม่รีบมาคารวะทั้งอธิบายให้นายน้อยต้วนฟังอีก!?”

 

เฉียนเยว่จิ้น ไม่คิดบอกให้เฉียนเฟยไปคารวะทักทายบรรพบุรุษอย่างเฉียนซู่หานก่อน เพราะมันรู้ดีว่าต่อให้เป็นบรรพบุรุษตระกูลเฉียนเอง ก็ไม่กล้าละเลยศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสง!

 

ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายไม่ใช่แค่ศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงธรรมดาๆ แต่อีกฝ่ายได้กราบเย่เป่ยหยวน จ้าวหุบเขาเงาจันทร์ของนิกายฟ้าจรัสแสงเป็นอาจารย์ และในนิกายฟ้าจรัสแสงฐานะของเย่เป่ยหยวนก็ไม่ใช่ชั่วเลยทีเดียว

 

เช่นนั้นถึงแม้การทำแบบนี้จะถือว่าหยาบคายและไม่ไว้หน้าเฉียนซู่หวนอยู่บ้าง แต่มันก็รู้ดีว่าบรรพบุรุษไม่มีทางตำหนิมันด้วยเรื่องนี้แน่

 

สุดท้ายแล้วเรื่องราวใดๆก็มีแบ่งหนักเบา เร่งด่วนหรือทีหลัง

 

“เฉียนชิวขอคารวะท่านบรรพบุรุษ”

 

ในขณะที่เฉียนเยว่จิ้นตะคอกเสียงใส่เฉียนเฟย ด้านเฉียนชิวก็เหินร่างมาหยุดลงเบื้องหน้าเฉียนซู่หวนและประสานมือคารวะทักทายทันที

 

“เฉียนชิวหรือ…”

 

เฉียนซู่หวนมองเฉียนชิวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “มิเลว เจ้าบรรลุถึงเทพขั้นต่ำแล้ว…เจ้าไม่ทำให้ปู่ของเจ้าผิดหวังจริงๆ”

 

ปู่ของเฉียนชิวนั้น ก็เป็นคนรุ่นเดียวกับเฉียนซู่หวน แต่ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นเทพขั้นกลาง ก็ถูกผู้อื่นฆ่าตาย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฆาตกรเป็นใคร…

 

“นายน้อยต้วน? ที่แท้เกิดเรื่องราวอันใดขึ้นกันแน่?”

 

หลังจากรับคารวะเฉียนชิวแล้ว เฉียนซู่หวนก็หันไปมองถามเฉียนเยว่จิ้นด้วยความสงสัย เพราะคำพูดของเฉียนเยว่จิ้นเมื่อครู่ ไม่ต่างอะไรกับไม่ไว้หน้ามันอยู่บ้าง…

 

ตัวมันเป็นถึงบรรพบุรุษตระกูลเฉียน

 

แต่พอลูกชายของเฉียนเยว่จิ้นมาถึง ด้านเฉียนเยว่จิ้นกลับไม่ให้ลูกชายคนนั้นมาทำความเคารพมัน แต่กลับให้ไปคารวะทั้งอธิบายอะไรให้นายน้อยต้วนที่ว่าฟัง?

 

นายน้อยต้วนที่ว่า หรือมีฐานะสูงกว่าตัวมันที่เป็นบรรพบุรุษของตระกูล?

 

ในขณะที่เฉียนซู่หวนกำลังสอบถามเรื่องราวกับเฉียนเยว่จิ้น ด้านคุณชายรองตระกูลเฉียน เฉียนเฟย ก็เหินร่างไปหยุดลงด้านหน้าต้วนหลิงเทียน ภายใต้การชี้นำของเฉียนเยว่จิ้นทันที

 

“เฉียนเฟย ขอคารวะนายน้อยต้วน!”

 

ถึงแม้ระหว่างเดินทางมาเฉียนเฟยจะกล่าวบ่นด้วยความไม่พอใจและไร้ความเกรงกลัว ทว่าพออยู่ต่อหน้าต้วนหลิงเทียน มันก็ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย สองมือประสานโค้งศีรษะลงต่ำ กล่าวคำด้วยน้ำเสียงสุภาพกิริยาแลดูนอบน้อม และอันที่จริงพอเห็นสีหน้าไร้แยแสของต้วนหลิงเทียน ลึกลงไปในใจของมัน ก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา

 

อย่างไรเสีย ชายหนุ่มผู้นี้ก็เป็นถึงศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสง

 

และนิกายฟ้าจรัสแสงที่ว่าก็เป็นถึงขุมกังระดับจักรพรรดิเทพ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่น้อยในเขตคฤหาสน์ตงหลิงฝั่งตะวันออก ถึงแม้ในปัจจุบันจะไม่มีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพดำรงอยู่ในนิกายแล้ว แต่ยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันเทพย่อมมีไม่ขาด และนั่นไม่ใช่อะไรที่ตระกูลเฉียนของพวกมันจะเทียบชั้นได้เลย…

 

แม้แต่บรรพบุรุษตระกูลเฉียนของพวกมันที่บรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูงและออกจากตระกูลรวมถึงเมืองหลินซานไป ก็ไม่มีใครไม่อยากเข้าร่วมกับขุมกำลังเช่นนิกายฟ้าจรัสแสง…อนิจจาเรื่องดังกล่าวเป็นอะไรที่พวกมันไม่อาจเอื้อม

 

อย่างมากก็ทำได้แค่เข้าร่วมกับขุมกำลังจอมราชันเทพเท่านั้น และก็ไม่ใช่คนสำคัญอะไรเป็นแค่ข้ารับใช้ทั่วๆไป ที่คอยจัดการเรื่องราวไร้สำคัญเท่านั้น

 

หากคิดจะมีฐานะดีๆหน่อย เว้นเสียแต่จะเลือกเข้าร่วมกับขุมกำลังระดับราชาเทพ หาไม่แล้วก็คงยากจะมีสิทธิ์มีเสียงอะไร…

 

ในระนาบเทพนั้น ล้วนอาศัยพลังพูดคุย!

 

“นายน้อยต้วน มิทราบว่าระหว่างพวกเรา ใช่มีเรื่องเข้าใจผิดอันใดหรือไม่?”

 

เฉียนเฟยเงยหน้าขึ้นมามองต้วนหลิงเทียนอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงหวั่นใจ

 

ขณะเดียวกันไม่ว่าจะคนของตระกูลเฉียนก็ดี คนของตระกูลเมิ่งหรือนิกายเมฆอรุณรวมถึงนิกายฟ้ายุทธ์ก็ดี ทั้งหมดหันไปมองเฉียนเฟยด้วยสายตาสนุกสนานทั้งนั้น เรียกว่าในแววตาเผยให้เห็นถึงความสุขบนความทุกข์ของเฉียนเฟย

 

ตระกูลเฉียนเป็นคู่แข่งของพวกมัน

 

พวกมันไหนเลยจะไม่อยากให้ตระกูลเฉียนจบสิ้นหรือล่มจมเพราะล่วงเกินศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสง?

 

“เข้าใจผิด?”

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองเฉียนเฟยด้วยสายตาเย็นชา ยกยิ้มแสยะด้วยความรังเกียจ “ในเมื่อข้ามาหาเจ้าด้วยตัวเอง ข้าไม่มีทางเข้าใจผิด!”

 

ไม่มีทางเข้าใจผิด?

 

พอได้ยินต้วนหลิงเทียนกล่าวชัดถ้อยชัดคำ สีหน้าเฉียนเฟยก็เปลี่ยนสีไปทันที ยังซีดลงปานกระดาษ!

 

สีหน้าผู้นำตระกูลเฉียนและคนของตระกูลเฉียนก็เปลี่ยนไปยกใหญ่

 

ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดจริงๆหรือ?

 

เช่นนั้นหมายความว่าลูกชายของมัน ไปล่วงเกินให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองจริงๆ?

 

“ท่านบรรพบุรุษ”

 

ตอนนี้เองก็มีผู้อาวุโสของตระกูลเฉียนหลายคน ได้กล่าวแนะนำต้วนหลิงเทียนให้บรรพบุรุษอย่างเฉียนซู่หวนที่ไม่ได้กลับมาตระกูลเฉียนเป็นเวลานานฟัง “ชายหนุ่มในชุดสีม่วงคนนั้น เป็นศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสง”

 

“เหตุผลที่มันมาตระกูลเฉียนเราวันนี้ เห็นว่าเฉียนเฟยลูกชายคนรองของผู้นำไปล่วงเกินมันเข้า”

 

พอได้ยินคำพูดของอาวุโสตระกูลเฉียน ลูกตาเฉียนซู่หวนก็หดเล็กลงทันที สีหน้ายังเปลี่ยนไปในฉับพลัน “ฟ้า…นิกายฟ้าจรัสแสง?!”

 

มาบัดนี้มันจึงตระหนักได้ทันที ว่าไฉนเมื่อครู่เฉียนเยว่จิ้นถึงให้ลูกชายไปคารวะทักทายผู้อื่นข้ามหัวมัน…ที่แท้อีกฝ่ายเป็นถึงศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสง ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ!!

 

ศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสง ต่อให้เป็นศิษย์ที่ธรรมดาที่สุด แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่ตระกูลเฉียนหรือแม้แต่ตัวมันจะไปมีเรื่องด้วยได้!

 

เพราะการรับสมัครศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงนั้นเข้มงวดมาก อย่างน้อยๆศักยภาพและพรสวรรค์ต้องสูงพอจะสามารถบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพได้! แถมไม่ใช่ว่าทุกคนที่มีศักภาพมากพอจะบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพ จะสามารถเป็นศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงได้แน่ๆ!

 

ทำให้มันไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่าจะมีศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงที่ไม่อาจบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพดำรงอยู่!

 

ขอบเขตราชาเทพนั้น ต่อให้เป็นแค่ราชาเทพขั้นต่ำ แต่ก็เป็นอะไรที่ตัวตนระดับเทพขั้นสูงมากมายไม่มีโอกาสบรรลุถึง

 

ดุจเดียวกับเฉียนซู่หวน มันบรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูงตั้งแต่หมื่นกว่าปีก่อน แต่จนถึงตอนนี้วันเวลาล่วงเลยไปหมื่นกว่าปี แต่มันก็ยังไม่อาจมองเห็นธรณีประตูขอบเขตราชาเทพได้เลย…

 

นอกจากนั้นชนชั้นผู้อาวุโสในขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่มันเข้าร่วม ก็เคยบอกมันไว้แล้ว ว่าหากชีวิตนี้มันไม่พบเจอโอกาสหรือวาสนาปาฏิหาริย์ใดๆ มันก็เลิกหวังเรื่องบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพได้เลย

 

นอกจากนั้นศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงนั้น เสมือนมีนิกายฟ้าจรัสแสงให้ท้าย…

 

นิกายฟ้าจรัสแสงหรือขุมกำลังอื่นๆที่อยู่ในระดับเดียวกัน ล้วนห่วงเรื่องศักดิ์ศรีและหน้าตาเป็นที่สุด ทำให้พวกมันปกป้องคนของตัวเองเป็นอย่างมาก

 

“ข้ายังได้ยินท่านผู้นำกล่าวอีกว่า…ชายคนนี้มิใช่แค่ศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงธรรมดาๆ”

 

ชายชราคนหนึ่งของตระกูลเฉียน กล่าวเสริมให้เฉียนซู่หวนฟังว่า “ท่านผู้นำกล่าวว่านายน้อยต้วนคนนี้ เป็นศิษย์ของเย่เป่ยหยวน จ้าวหุบเขาเงาจันทร์แห่งนิกายฟ้าจรัสแสง…สถานะของมันในนิกาย จึงมิใช่อะไรที่ศิษย์ทั่วไปของนิกายฟ้าจรัสแสงจักเทียบได้!!”

 

“ศิษย์ของเย่เป่ยหยวน จ้าวหุบเขาเงาจันทร์แห่งนิกายฟ้าจรัสแสง?!”

 

เฉียนซู่หวนที่เดิมมีสีหน้าหวาดกลัวพอได้ยินเรื่องนี้ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นงุนงงสงสัย “ใต้เท้าเย่เป่ยหยวน? มิใช่ว่าศิษย์เพียงคนเดียวของท่าน ถูกนิกายฟ้าจรัสแสงทอดทิ้งไปเมื่อ 30 ปีก่อนแล้วหรือไร?”

 

“หลังจากนั้นข้าไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อนเลยว่าใต้เท้าเย่เป่ยหยวนรับศิษย์คนใหม่แล้ว…”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3608

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3608 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3608 : ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด?!

 

“ท่านปู่ชิว…ท่านคิดว่าศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงคนนั้นมันไปตามหาตัวข้าที่ตระกูลด้วยเรื่องอะไรกัน? ข้ามั่นใจว่าข้าไม่เคเห็นมันมาก่อนด้วยซ้ำ…ไฉนมันต้องเจาะจงหาตัวข้าด้วยเล่า?”

 

หลังจากถูกชายชราข้างกายหอบหิ้วออกมาจากหมู่บ้านสกุลเถี่ยสาขา 2 ระหว่างเดินทางเฉียนเฟยก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชายชราออกมาด้วยความงุนงง

 

และชายชราคนนี้ก็คือหนึ่งในเทพขั้นต่ำของตระกูลเฉียน เฉียนชิว

 

เฉียนชิวนั้นพอได้รับข้อความที่เฉียนเยว่จิ้นผู้นำตระกูลเฉียนส่งมา มันก็รีบพาตัวเฉียนเฟยออกจากหมู่บ้านสกุลเฉียนสาขา 2 อย่างไม่รอช้า ส่วนอนุภรรยาคนใหม่ของเฉียนเฟย เถี่ยหยู นั้น มันไม่ได้พามาด้วยและทิ้งอีกฝ่ายไว้ที่บ้านสกุลเถี่ย

 

และไฉนที่ไม่พาเถี่ยหยูมาด้วย เพราะเฉียนเฟยเป็นคนขอให้ทำแบบนั้น

 

เพราะเฉียนเฟยรู้สึกว่าถึงแม้อาจจะเป็นแค่เรื่องราวเข้าใจผิด แต่ไม่พ้นมันก็ต้องก้มหัวให้ศิษย์นิกายฟ้าลี้ลับคนนั้นแน่นอน เป็นธรรมดาที่มันไม่อยากให้สตรีคนใหม่ของมันเห็นมันต้องก้มหัวให้คนอื่นอย่างนอบน้อม

 

มันก็เลยให้เถี่ยอยู่รออยู่ที่บ้านมารดาของนางชั่วคราว หลังมันกลับไปสะสางเรื่องราวที่ตระกูลกับเฉียนชิวกับศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงคนนั้นเสร็จแล้ว ค่อยย้อนกลับมารับตัวนาง

 

“ข้าเองก็มิทราบเช่นกันว่าเป็นเรื่องราวใด…แต่มิพ้นต้องเป็นเรื่องเข้าใจกันผิดแน่นอน”

 

เฉียนชิวส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “ภาพเหมือนของศิษย์นิกายฟ้าลี้ลับผู้นั้นที่ผู้นำให้คุณชายรองมา ไม่ใช่แค่ท่านเท่านั้น แต่ข้าเองก็จำมิได้ว่าเคยพบเจอมันมาก่อน”

 

“แปลกยิ่ง ในเมืองมีคนตั้งเยอะแยะไฉนมันต้องเจาะจงข้าด้วยเล่า…”

 

เฉียนเฟยบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ

 

“คุณชายรอง…”

 

ได้ยินเสียงบ่นด้วยความไม่สบอารมณ์ของเฉียนเฟย เฉียนชิวก็ขมวดคิ้วกล่าวเตือนเสียงหนักทันที สีหน้าของมันยังแลดูจริงจังขึงขังนัก “ข้ารู้ว่าท่านไม่พอใจในเรื่องนี้ แต่ท่านต้องจำไว้ให้ดี…ต่อหน้าศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงผู้นั้น ท่านอย่าได้แสดงสีหน้าหรือท่าทางไม่พอใจมันออกมาเด็ดขาด!”

 

“ต่อให้จะเป็นเรื่องเข้าใจผิด และมิเกี่ยวข้องกับท่าน…ท่านก็ต้องยิ้มรับเข้าไว้ ยังต้องพูดกับมันด้วยดี”

 

“นิกายฟ้าจรัสแสง เป็นยักษ์ใหญ่ที่ตระกูลเฉียนของพวกเรามิอาจล่วงเกินได้แม้แต่นิดเดียว…และศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงนั่น ต่อให้เป็นศิษย์ที่ธรรมดาที่สุด ก็เป็นดั่งแผ่นฟ้าที่พวกเรามิอาจตอแยด้วยได้…”

 

ขณะกล่าวยิ่งมาน้ำเสียงของเฉียนชิวก็ยิ่งเคร่งขรึม

 

“ท่านปู่ชิว เรื่องนี้ขอท่านวางใจได้เลย ข้าก็แค่สบโอกาสบ่นไว้ก่อนตอนที่ยังไม่ได้เจอศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงนั่นเท่านั้น…ยามอยู่ต่อหน้ามัน ข้าจะทำตัวเรียบๆร้อยๆเสมือนเป็นหลานชายมันเลยดีหรือไม่?”

 

“ถึงแม้ข้าจักมิเคยเสแสร้งเป็นหลานชายผู้ใดมาก่อน…แต่ข้าเคยเห็นผู้อื่นเสแสร้งเป็นหลานชายข้ามานักต่อนักแล้ว ข้าไม่มีแสดงแข็งหรือหลุดบทเป็นแน่!”

 

เฉียนเฟยยังกล่าวทีเล่นทีจริงออกมาด้วยท่าทางไม่แยแส

 

อย่างไรก็ตามแม้ปากมันจะกล่าวอกมาราวทำเป็นเล่น แต่ในแววตาของเฉียนเฟยก็ฉายชัดถึงความไม่เต็มใจนัก เนื่องเพราะตั้งแต่เล็กจนโตมันไม่เคยรู้สึกหดหู่แบบนี้มาก่อนเลย

 

ก่อนหน้ามีแต่ผู้อื่นเสแสร้งแสดงเป็นหลานชายต่อหน้ามัน เฉียนเฟย

 

แต่ตอนนี้ถึงวันที่มันเฉียนเฟย จะต้องเสแสร้งแสดงเป็นหลานชายผู้อื่นแล้วหรือ?

 

เป็นธรรมดาว่าถึงใจมันไม่ยินยอมแค่ไหน มันก็รู้ดีว่ามันจำต้องแบบนั้น เพราะศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงไม่ใช่คนที่มันจะตอแยด้วยได้จริงๆ กระทั่งให้ขุมกำลังทั้ง 4 ของเมืองหลินซานมัดรวมกัน ก็ไม่อาจล่วงเกินอีกฝ่ายได้…

 

พอคิดถึงจุดนี้ เฉียนเฟยก็ได้แต่โอดครวญในใจ

 

“คุณชายรอง ท่านคิดได้เช่นนี้ ก็นับว่าประเสริฐแล้ว…”

 

ได้ยินคำพูดของเฉียนเฟย เฉียนชิวก็พอได้ผ่อนคลายวางใจ

 

อย่างไรเสียมันก็ยังอดกังวลไม่ได้ ด้วยกลัวว่าเฉียนเฟยจะมีเรื่องกับศิษย์นิกายฟ้าลี้ลับคนนั้นเพราะถูกกล่าวหาผิดๆ ถึงตอนนั้นเกิดทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจขึ้นมา เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขได้ด้วยหินเทพจำนวนเล็กน้อย…

 

“ถึงแล้ว”

 

หลังจากนั้นไม่นานนัก เฉียนเฟยที่ถูกเฉียนชิวหอบหิ้วเดินทาง ก็มาถึงเมืองหลินซาน และไม่นานก็คงถึงตระกูลเฉียน

 

และเมื่อทั้งคู่เหินร่างมาใกล้ถึงตระกูลเฉียน ก็พบว่าน่านฟ้าตระกูลเฉียนยามนี้ไม่ได้มีแต่คนตระกูลเฉียนเท่านั้น แต่อีก 3 ขุมกำลังใหญ่ของเมืองหลินซานก็มากันพร้อมหน้าพร้อมตา

 

ระดับสูงของตระกูลเฉียนเองก็อยู่กันครบคน!

 

“นั่น…”

 

เฉียนชิวที่พาเฉียนเฟยมาใกล้ถึง พอเหลือบไปเห็นหน้าตาชายชราคนหนึ่งชัดๆ สองตามันก็ลุกวาวขึ้นมาทันที “ท่านบรรพบุรุษ!!”

 

“บรรพบุรุษ?”

 

เฉียนเฟยที่ได้ยินก็ถึงกับอึ้ง “ท่านปู่ชิว เป็นบรรพบุรุษท่านใดหรือ?”

 

ตระกูลเฉียนของพวกมันมีบรรพบุรุษอยู่ไม่น้อย แต่ทั้งหมดก็ได้ออกจากตระกูลเฉียนทั้งออกจากเมืองหลินซานไปกันหมดแล้ว

 

“เป็นท่านบรรพบุรุษ เฉียนซู่หวน!”

 

เฉียนชิวเร่งกล่าวบอกเฉียนเฟยเร็วไว

 

พอได้ยิน สองตาเฉียนเฟยก็ลุกวาวจ้าทันที “เป็นท่านบรรพบุรุษเฉียนซู่หวน ที่บรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูงเมื่อหมื่นกว่าปีก่อนน่ะรึ?!”

 

เฉียนเฟยนั้นไม่เคยเห็นเฉียนซู่หวนมาก่อนเลย เพราะตอนที่เฉียนซู่หวนออกจากตระกูลเฉียนทั้งออกจากเมืองหลินซานแห่งนี้ไป มันยังไม่ทันเกิดด้วยซ้ำ

 

แต่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยิน

 

ในตระกูลเฉียนนั้น มันมักได้ยินคนกล่าวถึงเหล่าบรรพบุรุษที่เดินทางออกจากตระกูลเฉียนรวมทั้งเมืองหลินซานอยู่บ่อยๆ ส่วนใหญ่นั้นก็จากไปหลังบรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูง ในบรรดาคนที่จากไปก็มีเฉียนซู่หวนรวมอยู่ด้วย

 

อย่างไรก็ตามเหล่าบรรพบุรุษของตระกูลเฉียนที่จากไปแล้ว ก็ไม่ค่อยมีใครย้อนกลับมานัก

 

อย่างน้อยๆตั้งแต่ที่มันเกิดมานับพันปี มันก็ไม่เคยได้ยินว่าจะมีบรรพบุรุษคนไหนย้อนกลับมาเลย

 

แต่ตอนนี้กลับมีบรรพบุรุษคนหนึ่งกลับมาจริงๆ?

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นบรรพบุรุษที่บรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูงเมื่อหมื่นกว่าปีก่อน?

 

“คุณชายรองกับอาวุโสเฉียนชิวกลับมากันแล้ว!”

 

การปรากฏตัวของเฉียนเฟยและเฉียนชิว ย่อมดึงดูดความสนใจของคนตระกูลเฉียนหลายๆคน ทันใดนั้นสายตาของคนตระกูลเฉียนหลายคนก็ละออกจากร่างบรรพบุรุษอย่างเฉียนซู่หานไปยังพวกเฉียนเฟยสองคนทันที

 

ด้านผู้นำตระกูลเฉียน เฉียนเยว่จิ้นพอเห็นลูกชายกลับมา ก็เร่งกล่าวออกมาเสียงดังแฝงตำหนิ “ลูกไม่รักดีเจ้ายังไม่รีบมาคารวะทั้งอธิบายให้นายน้อยต้วนฟังอีก!?”

 

เฉียนเยว่จิ้น ไม่คิดบอกให้เฉียนเฟยไปคารวะทักทายบรรพบุรุษอย่างเฉียนซู่หานก่อน เพราะมันรู้ดีว่าต่อให้เป็นบรรพบุรุษตระกูลเฉียนเอง ก็ไม่กล้าละเลยศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสง!

 

ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายไม่ใช่แค่ศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงธรรมดาๆ แต่อีกฝ่ายได้กราบเย่เป่ยหยวน จ้าวหุบเขาเงาจันทร์ของนิกายฟ้าจรัสแสงเป็นอาจารย์ และในนิกายฟ้าจรัสแสงฐานะของเย่เป่ยหยวนก็ไม่ใช่ชั่วเลยทีเดียว

 

เช่นนั้นถึงแม้การทำแบบนี้จะถือว่าหยาบคายและไม่ไว้หน้าเฉียนซู่หวนอยู่บ้าง แต่มันก็รู้ดีว่าบรรพบุรุษไม่มีทางตำหนิมันด้วยเรื่องนี้แน่

 

สุดท้ายแล้วเรื่องราวใดๆก็มีแบ่งหนักเบา เร่งด่วนหรือทีหลัง

 

“เฉียนชิวขอคารวะท่านบรรพบุรุษ”

 

ในขณะที่เฉียนเยว่จิ้นตะคอกเสียงใส่เฉียนเฟย ด้านเฉียนชิวก็เหินร่างมาหยุดลงเบื้องหน้าเฉียนซู่หวนและประสานมือคารวะทักทายทันที

 

“เฉียนชิวหรือ…”

 

เฉียนซู่หวนมองเฉียนชิวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “มิเลว เจ้าบรรลุถึงเทพขั้นต่ำแล้ว…เจ้าไม่ทำให้ปู่ของเจ้าผิดหวังจริงๆ”

 

ปู่ของเฉียนชิวนั้น ก็เป็นคนรุ่นเดียวกับเฉียนซู่หวน แต่ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นเทพขั้นกลาง ก็ถูกผู้อื่นฆ่าตาย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฆาตกรเป็นใคร…

 

“นายน้อยต้วน? ที่แท้เกิดเรื่องราวอันใดขึ้นกันแน่?”

 

หลังจากรับคารวะเฉียนชิวแล้ว เฉียนซู่หวนก็หันไปมองถามเฉียนเยว่จิ้นด้วยความสงสัย เพราะคำพูดของเฉียนเยว่จิ้นเมื่อครู่ ไม่ต่างอะไรกับไม่ไว้หน้ามันอยู่บ้าง…

 

ตัวมันเป็นถึงบรรพบุรุษตระกูลเฉียน

 

แต่พอลูกชายของเฉียนเยว่จิ้นมาถึง ด้านเฉียนเยว่จิ้นกลับไม่ให้ลูกชายคนนั้นมาทำความเคารพมัน แต่กลับให้ไปคารวะทั้งอธิบายอะไรให้นายน้อยต้วนที่ว่าฟัง?

 

นายน้อยต้วนที่ว่า หรือมีฐานะสูงกว่าตัวมันที่เป็นบรรพบุรุษของตระกูล?

 

ในขณะที่เฉียนซู่หวนกำลังสอบถามเรื่องราวกับเฉียนเยว่จิ้น ด้านคุณชายรองตระกูลเฉียน เฉียนเฟย ก็เหินร่างไปหยุดลงด้านหน้าต้วนหลิงเทียน ภายใต้การชี้นำของเฉียนเยว่จิ้นทันที

 

“เฉียนเฟย ขอคารวะนายน้อยต้วน!”

 

ถึงแม้ระหว่างเดินทางมาเฉียนเฟยจะกล่าวบ่นด้วยความไม่พอใจและไร้ความเกรงกลัว ทว่าพออยู่ต่อหน้าต้วนหลิงเทียน มันก็ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย สองมือประสานโค้งศีรษะลงต่ำ กล่าวคำด้วยน้ำเสียงสุภาพกิริยาแลดูนอบน้อม และอันที่จริงพอเห็นสีหน้าไร้แยแสของต้วนหลิงเทียน ลึกลงไปในใจของมัน ก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา

 

อย่างไรเสีย ชายหนุ่มผู้นี้ก็เป็นถึงศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสง

 

และนิกายฟ้าจรัสแสงที่ว่าก็เป็นถึงขุมกังระดับจักรพรรดิเทพ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่น้อยในเขตคฤหาสน์ตงหลิงฝั่งตะวันออก ถึงแม้ในปัจจุบันจะไม่มีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพดำรงอยู่ในนิกายแล้ว แต่ยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันเทพย่อมมีไม่ขาด และนั่นไม่ใช่อะไรที่ตระกูลเฉียนของพวกมันจะเทียบชั้นได้เลย…

 

แม้แต่บรรพบุรุษตระกูลเฉียนของพวกมันที่บรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูงและออกจากตระกูลรวมถึงเมืองหลินซานไป ก็ไม่มีใครไม่อยากเข้าร่วมกับขุมกำลังเช่นนิกายฟ้าจรัสแสง…อนิจจาเรื่องดังกล่าวเป็นอะไรที่พวกมันไม่อาจเอื้อม

 

อย่างมากก็ทำได้แค่เข้าร่วมกับขุมกำลังจอมราชันเทพเท่านั้น และก็ไม่ใช่คนสำคัญอะไรเป็นแค่ข้ารับใช้ทั่วๆไป ที่คอยจัดการเรื่องราวไร้สำคัญเท่านั้น

 

หากคิดจะมีฐานะดีๆหน่อย เว้นเสียแต่จะเลือกเข้าร่วมกับขุมกำลังระดับราชาเทพ หาไม่แล้วก็คงยากจะมีสิทธิ์มีเสียงอะไร…

 

ในระนาบเทพนั้น ล้วนอาศัยพลังพูดคุย!

 

“นายน้อยต้วน มิทราบว่าระหว่างพวกเรา ใช่มีเรื่องเข้าใจผิดอันใดหรือไม่?”

 

เฉียนเฟยเงยหน้าขึ้นมามองต้วนหลิงเทียนอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงหวั่นใจ

 

ขณะเดียวกันไม่ว่าจะคนของตระกูลเฉียนก็ดี คนของตระกูลเมิ่งหรือนิกายเมฆอรุณรวมถึงนิกายฟ้ายุทธ์ก็ดี ทั้งหมดหันไปมองเฉียนเฟยด้วยสายตาสนุกสนานทั้งนั้น เรียกว่าในแววตาเผยให้เห็นถึงความสุขบนความทุกข์ของเฉียนเฟย

 

ตระกูลเฉียนเป็นคู่แข่งของพวกมัน

 

พวกมันไหนเลยจะไม่อยากให้ตระกูลเฉียนจบสิ้นหรือล่มจมเพราะล่วงเกินศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสง?

 

“เข้าใจผิด?”

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองเฉียนเฟยด้วยสายตาเย็นชา ยกยิ้มแสยะด้วยความรังเกียจ “ในเมื่อข้ามาหาเจ้าด้วยตัวเอง ข้าไม่มีทางเข้าใจผิด!”

 

ไม่มีทางเข้าใจผิด?

 

พอได้ยินต้วนหลิงเทียนกล่าวชัดถ้อยชัดคำ สีหน้าเฉียนเฟยก็เปลี่ยนสีไปทันที ยังซีดลงปานกระดาษ!

 

สีหน้าผู้นำตระกูลเฉียนและคนของตระกูลเฉียนก็เปลี่ยนไปยกใหญ่

 

ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดจริงๆหรือ?

 

เช่นนั้นหมายความว่าลูกชายของมัน ไปล่วงเกินให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองจริงๆ?

 

“ท่านบรรพบุรุษ”

 

ตอนนี้เองก็มีผู้อาวุโสของตระกูลเฉียนหลายคน ได้กล่าวแนะนำต้วนหลิงเทียนให้บรรพบุรุษอย่างเฉียนซู่หวนที่ไม่ได้กลับมาตระกูลเฉียนเป็นเวลานานฟัง “ชายหนุ่มในชุดสีม่วงคนนั้น เป็นศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสง”

 

“เหตุผลที่มันมาตระกูลเฉียนเราวันนี้ เห็นว่าเฉียนเฟยลูกชายคนรองของผู้นำไปล่วงเกินมันเข้า”

 

พอได้ยินคำพูดของอาวุโสตระกูลเฉียน ลูกตาเฉียนซู่หวนก็หดเล็กลงทันที สีหน้ายังเปลี่ยนไปในฉับพลัน “ฟ้า…นิกายฟ้าจรัสแสง?!”

 

มาบัดนี้มันจึงตระหนักได้ทันที ว่าไฉนเมื่อครู่เฉียนเยว่จิ้นถึงให้ลูกชายไปคารวะทักทายผู้อื่นข้ามหัวมัน…ที่แท้อีกฝ่ายเป็นถึงศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสง ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ!!

 

ศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสง ต่อให้เป็นศิษย์ที่ธรรมดาที่สุด แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่ตระกูลเฉียนหรือแม้แต่ตัวมันจะไปมีเรื่องด้วยได้!

 

เพราะการรับสมัครศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงนั้นเข้มงวดมาก อย่างน้อยๆศักยภาพและพรสวรรค์ต้องสูงพอจะสามารถบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพได้! แถมไม่ใช่ว่าทุกคนที่มีศักภาพมากพอจะบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพ จะสามารถเป็นศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงได้แน่ๆ!

 

ทำให้มันไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่าจะมีศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงที่ไม่อาจบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพดำรงอยู่!

 

ขอบเขตราชาเทพนั้น ต่อให้เป็นแค่ราชาเทพขั้นต่ำ แต่ก็เป็นอะไรที่ตัวตนระดับเทพขั้นสูงมากมายไม่มีโอกาสบรรลุถึง

 

ดุจเดียวกับเฉียนซู่หวน มันบรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูงตั้งแต่หมื่นกว่าปีก่อน แต่จนถึงตอนนี้วันเวลาล่วงเลยไปหมื่นกว่าปี แต่มันก็ยังไม่อาจมองเห็นธรณีประตูขอบเขตราชาเทพได้เลย…

 

นอกจากนั้นชนชั้นผู้อาวุโสในขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่มันเข้าร่วม ก็เคยบอกมันไว้แล้ว ว่าหากชีวิตนี้มันไม่พบเจอโอกาสหรือวาสนาปาฏิหาริย์ใดๆ มันก็เลิกหวังเรื่องบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพได้เลย

 

นอกจากนั้นศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงนั้น เสมือนมีนิกายฟ้าจรัสแสงให้ท้าย…

 

นิกายฟ้าจรัสแสงหรือขุมกำลังอื่นๆที่อยู่ในระดับเดียวกัน ล้วนห่วงเรื่องศักดิ์ศรีและหน้าตาเป็นที่สุด ทำให้พวกมันปกป้องคนของตัวเองเป็นอย่างมาก

 

“ข้ายังได้ยินท่านผู้นำกล่าวอีกว่า…ชายคนนี้มิใช่แค่ศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงธรรมดาๆ”

 

ชายชราคนหนึ่งของตระกูลเฉียน กล่าวเสริมให้เฉียนซู่หวนฟังว่า “ท่านผู้นำกล่าวว่านายน้อยต้วนคนนี้ เป็นศิษย์ของเย่เป่ยหยวน จ้าวหุบเขาเงาจันทร์แห่งนิกายฟ้าจรัสแสง…สถานะของมันในนิกาย จึงมิใช่อะไรที่ศิษย์ทั่วไปของนิกายฟ้าจรัสแสงจักเทียบได้!!”

 

“ศิษย์ของเย่เป่ยหยวน จ้าวหุบเขาเงาจันทร์แห่งนิกายฟ้าจรัสแสง?!”

 

เฉียนซู่หวนที่เดิมมีสีหน้าหวาดกลัวพอได้ยินเรื่องนี้ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นงุนงงสงสัย “ใต้เท้าเย่เป่ยหยวน? มิใช่ว่าศิษย์เพียงคนเดียวของท่าน ถูกนิกายฟ้าจรัสแสงทอดทิ้งไปเมื่อ 30 ปีก่อนแล้วหรือไร?”

 

“หลังจากนั้นข้าไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อนเลยว่าใต้เท้าเย่เป่ยหยวนรับศิษย์คนใหม่แล้ว…”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+