War sovereign Soaring The Heavens 3627

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3627 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3627 : นายน้อย

 

พอนึกถึงเรื่องที่ก่อนหน้ามันอยากจะแก้แค้นคนในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 แผ่นหลังจ้งซื่อก็เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นชุ่มโชก หน้าผากยังปรากฏเม็ดเงื่อร่วงตกไม่หยุดปานสายฝน

 

“นายท่าน 4 โชคดียิ่งนักที่พวกเรายังไม่ทันได้ลงมือทำอะไร…หาไม่แล้วข้าเกรงว่าจักมิใช่แค่พวกเรา แต่ตระกูลของพวกเรามิพ้นต้องประสบเคราะห์เป็นแน่!”

 

ชายชราที่ยืนอยู่ด้านหลังจ้งซื่อเอง ก็เป็นคนในตระกูลจ้งด้วย

 

“นั่นสิ…ข้าไม่คิดเลยว่าพวกมันจะน่ากลัวขนาดนี้”

 

จ้งซื่อยกมือขึ้นปาดเช็ดเหงื่อเย็นที่ผุดซึมเต็มหน้าผาก กล่าวคำเสียงสั่น เพราะใจยังหวาดกลัวไม่หาย

 

“นายท่าน 4…แต่ดูเหมือนคนที่จากไปจักมีแค่สตรีทั้ง 2 นั่น ส่วนชายหนุ่มที่แลดูสนิทสนมกับ ‘คุณหนู’ ที่สตรีนางนั้นเรียกยังอยู่ และคุณหนูที่ว่ายังจับมือถือแขนมันด้วย…”

 

ชายชราฉุกคิดถึงเรื่องนี้

 

“ไปกันเถอะ! พวกเรารีบไปคารวะนายน้อยผู้นั้น แล้วขอขมาเรื่องก่อนหน้าเถอะ!!”

 

พอได้ยินคำพูดของชายชรา สองตาจ้งซื่อก็ลุกวาวขึ้นมาทันที จากนั้นก็คิดจะไปหาชายหนุ่มที่ประมูลโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งแข่งกับมันในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 เพื่อปรับความเข้าใจทันที

 

ทว่าก่อนที่มันจะฉุกคิดถึงเรื่องนี้ ด้านคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพทั้ง 4 ก็เริ่มมุ่งหน้าปังห้องส่วนตัวหมายเลข 9 แล้ว

 

เพราะหลังจากที่สตรีทั้ง 2 จากไป พวกมันที่นั่งลงอีกครั้ง หลังจากอื้ออึงอยู่พักหนึ่งพอหายตะลึงก็ฉุกคิดขึ้นได้เช่นกัน ว่าภายในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 ยังสมควรมีชายหนุ่มอยู่อีกคน

 

อนิจจากว่าที่พวกมันจะรู้ตัวและไปยยังห้องส่วนตัวหมายเลข 9 คนก็ไม่อยู่แล้ว ในห้องว่างเปล่าไม่มีใคร…

 

“หรือเสียงชายหนุ่มก่อนหน้านี้…จะเป็นเด็กหญิงตัวน้อยนั่นนึกสนุกเลียนเสียงเล่น?”

 

ถึงแม้จะมีบางคนคาดเดาไปทำนองดังกล่าว แต่หลายคนก็รู้สึกว่าความเป็นไปได้มันน้อยมาก เพราะสตรีทั้ง 2 ไม่น่าจะอุตริทำอะไรแบบนี้ ถึงเด็กหญิงนางนั้นจะแลดูซุกซนก็ตาม

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกมันที่ลองถามคนตระกูลโจวดู ก็พบได้ในเวลาอันสั้น ว่าในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 มีชายหนุ่มผู้หนึ่งอยู่จริงๆ

 

อนิจจาชายหนุ่มคนดังกล่าวได้จากไปแล้ว

 

“หากพวกเรารู้ตัวกันเร็วกว่านี้ ก็อาจได้พบนายน้อยผู้นั้น”

 

รองประมุขนิกายหมอกเร้นลับ หรือก็คือคณบดีสถานศึกษาหมอกเร้นลับ มู่หรงสุยเฟิงได้แต่ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน

 

คนของอีก 3 ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพเอง ก็พากันถอนหายใจออกมาไม่ต่าง

 

ถึงแม้พวกมันจะไม่ทราบอัตลักษณ์และความเป็นมาของชายหนุ่มคนนั้น แต่ฟังจากคนในโรงประมูลของตระกูลโจวแล้ว เห็นได้ชัดว่าสาวน้อยที่ถูกสตรีนางนั้นเรียกหาว่า ‘คุณหนู’ แลดูใกล้ชิดสนิทสนมกับชายหนุ่มมาก ยังเรียกหาว่าพี่ชายไม่หยุด

 

บ่งชี้ว่าความเป็นมาของชายหนุ่มก็มิใช่ชั่วเช่นกัน!

 

เผลอๆอาจเป็นคุณชายนายน้อยของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพอันแข็งแกร่ง!

 

 

ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รู้เลยว่าหลังจากที่เขาออกมาจากโรงประมูลตระกูลโจว ห้องส่วนตัวหมายเลข 9 ที่เขาอยู่ก่อนหน้า ก็มีแขกมากมายแวะไปเยี่ยมเยียน

 

และหลังออกจากโรงประมูลตระกูลโจว ต้วนหลิงเทียนก็บึ่งตรงกับโรงเตี๊ยมที่พักทันที

 

เนื่องจากโรงเตี๊ยมที่พักที่เขาเลือกจะพักอาศัยอยู่ มันเป็นแค่โรงเตี๊ยมเล็กๆไม่โดดเด่นในเมืองวายุสวรรค์ และเจ้าของกิจการก็เป็นแค่ตระกูลเล็กๆที่เกี่ยวดองกับตระกูลราชาเทพแห่งหนึ่งในเมืองวายุสวรรค์เท่านั้น เขาก็เลยไม่ถูกผู้ใดพบเจอ…

 

เพราะหลังงานประมูลตระกูลโจวจบลง เหล่าคนของตระกูลโจวและตระกูลจ้งก็ได้ไปตระเวนถามข่าวของต้วนหลิงเทียนในโรงเตียมที่พักในเครือของพวกมันหรือของตระกูลราชาเทพกันใหญ่ ว่ามีชายหนุ่มท่าทางสูงศักดิ์แลดูไม่ธรรมดามาเข้าพักบ้างหรือไม่…

 

อนิจจาเพราะต้วนหลิงเทียนไม่ได้พักอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมที่เป็นกิจการของขุมกำลังระดับราชาเทพเหล่านั้น แม้พวกมันจะพยายามหาตัวต้วนหลิงเทียนแค่ไหน แต่ก็หาไม่พบ

 

สุดท้ายพวกมันก็ได้แต่ยอมแพ้

 

พวกมันเองก็คงนึกไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่สมควรเป็นตัวตนอันสูงศักดิ์ที่พวกมันกำลังตามหาอยู่นั้น ที่แท้กับอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมเล็กๆไร้สำคัญแห่งหนึ่งในเมืองวายุสวรรค์เท่านั้น

 

เป็นธรรมดาว่าเหตุผลเดียวที่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะพักโรงเตี๊ยมแห่งนี้ เพราะเขารู้สึกว่าสภาพแวดล้อมของมันแลดูสงบร่มรื่นดี อีกทั้งยังตั้งอยู่ในพื้นที่ไร้สำคัญที่ไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรผ่านไปมามากนัก เหมาะสำหรับการบ่มเพาะฝึกฝน

 

เขาจึงไม่รู้เลยว่าตระกูลโจวกับตระกูลจ้งกำลังตามหาเขาให้ควั่ก

 

และหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงห้องหับในโรงเตี๊ยมแล้ว เขาก็นำโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งออกมา และตบเข้าปากทันที เพื่อที่จะบุกทะวงไปยังขอบเขตเทพขั้นกลาง…ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกครึ่งเดือน ก่อนที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับจะรับนักศึกษาใหม่

 

อาศัยเวลาครึ่งเดือน ก็มากพอให้เขาทะลวงด่านพลังได้แล้ว

 

“เทพขั้นกลาง อายุไม่ถึง 2,700 ปี…ถึงจะไม่สนเรื่องความเข้าใจในกฏ อาศัยแค่ด่านพลังฝึกปรือดังกล่าว ก็น่าจะพอมีที่ยืนในสถานศึกษาหมอกเร้นลับแล้วกระมัง?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำเบาๆ

 

ในระนาบเทพ ผู้ที่ยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปี ถือว่ายังเยาว์นัก

 

ในบรรดาขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ ไม่ต้องกล่าวถึงเทพขั้นกลางที่ยังอายุไม่ถึง 3,000 ปี แม้แต่เทพขั้นสูง หรือกระทั่งราชาเทพก็อาจมี แต่ในสถานที่ไกลห่างอย่างละแวกเมืองวายุสวรรค์ เกรงว่าเทพขั้นกลางที่ยังอายุไม่ถึง 3,000 ปี ก็มากพอจะทำให้ผู้คนบังเกิดความรู้สึกชื่นชมอยู่บ้าง

 

เหตุไฉนถึงกล่าวว่ารู้สึกชื่นชมอยู่บ้าง ไม่ถึงกับทึ่งอะไรมากมาย เพราะในละแวกเมืองวายุสวรรค์แม้จะหาเทพขั้นกลางที่ยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปีได้ไม่มาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย

 

อย่างเช่น นักศึกษาระดับ 10 ดาวในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ผู้ที่ยังไม่จบการศึกษา ก็มีบางคนบรรลุถึงเทพขั้นกลางตั้งแต่อายุไม่ถึง 3,000 ปี

 

และตัวตนเช่นนั้น แม้จะยังไม่ทันจบการศึกษา พวกมันก็จะได้รับการยอมรับจากนิกายหมอกเร้นลับแล้ว วันหน้าเมื่อจบการศึกษาแล้วเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับเมื่อใด ก็จะได้กลายเป็นศิษย์ฝ่ายในและมีฐานะพอตัวในนิกายทันที

 

เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนก็ไม่ทราบรายละเอียดส่วนนี้

 

เพราะแม้แต่ในเมืองวายุสวรรค์เอง ก็ไม่มีใครรู้ว่าในสถานศึกษามีนักศึกษาระดับนี้อยู่

 

นักศึกษาที่ว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง และพึ่งทะลวงถึงเทพขั้นกลางได้ไม่นาน

 

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเก็บตัวบ่มเพาะ ทุกแห่งหนในเมืองวายุสวรรค์ก็เต็มไปด้วยความคึกคักนัก

 

บทสนทนาของผู้คนล้วนวนเวียนอยู่กับแต่งานประมูลตระกูลโจวเมื่อไม่กี่วันก่อน “พวกเจ้าได้ยินเรื่องนี้แล้วหรือยัง…เห็นว่าในงานประมูลตระกูลโจวเมื่อ 2 วันก่อน ปรากฏจอมราชันเทพชนชั้นยอดฝีมือโผล่มาด้วย!”

 

“ใช่ๆๆ แถมข้าได้ยยินมาว่ายอดฝีมือจอมราชันเทพผู้นั้น ยังเป็นสตรีที่งามหมดจดนางหนึ่ง…ข้างกายนางมีเด็กสาวที่นางเรียกหาว่า ‘คุณหนู’ อยู่ เห็นได้ชัดว่าตัวตนของเด็กสาวที่ว่ายังสูงส่งกว่ายอดฝีมือจอมราชันเทพนางนั้นเสียอีก”

 

“ให้ตายเถอะ…ผู้ติดตามเป็นยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันเทพ! ต่อให้เป็นลูกหลานของผู้นำขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในละแวกเมืองวายุสวรรค์ ก็คงไม่ได้รับการดูแลดีงามถึงเพียงนี้กระมัง?”

 

“เดาได้มิยากเลย…สตรีนางนั้น อย่างน้อยๆก็ต้องมาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพเป็นแน่! เผลอๆอาจจะมากจากขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพด้วยซ้ำ!!”

 

“ข้าได้ยินมาว่าเด็กหญิงที่ถูกยอดฝีมือเรียกหาว่า ‘คุณหนู’ มีชายหนุ่มที่นางเรียกหาว่า ‘พี่ชาย’ อยู่ข้างๆกายแถมชายหนุ่มที่ว่าก็ไม่ได้จากไปพร้อมพวกนาง…ไม่แน่ชายหนุ่มผู้นั้นอาจจะยังอยู่ในเมืองวายุสวรรค์ของพวกเรา!”

 

“จริงรึ?! เช่นนั้นหากข้าเจอผู้ที่คุณหนูเรียกหาว่าพี่ชายนั่นแล้วผูกมิตรหรือเป็นสหายด้วยได้ ไม่ใช่ข้าจะทะยานฟ้าในก้าวเดียวเลยรึไร?”

 

 

หัวข้อสนทนาก็มุ่งเน้นไปยังเรื่องของต้วนเฉียวอวี่ อวี๋ชิวซวน และต้วนหลิงเทียนเป็นพิเศษ ผู้คนกล่าวขานถึงเรื่องนี้กันอย่างหนาหู แม้แต่ในโรงเตี๊ยมเล็กๆที่ต้วนหลิงเทียนพักอยู่ก็มีคนพูดถึงเช่นกัน

 

เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนที่ปิดด่านบ่มเพาะย่อมไม่รู้เรื่องเลย

 

นอกจากหัวข้อนี้แล้ว ยังมีประเด็น ผู้อาวุโสลำดับ 2 ของนิกายหมื่นปีศาจ หานลี่กัง อีกด้วย “ข้าได้ยินมาว่า อาวุโสรองของนิกายหมื่นปีศาจหานลี่กัง ถึงกับคุกเข่าขอขมา คุณหนู ผู้นั้นกลางโรงประมูล…แถมยังเห่าเสียงสุนัขได้เหมือนอีกด้วย ช่างเป็นราชาเทพขั้นสูงที่น่าสมเพชยิ่งนัก!”

 

“เหอะๆ เจ้าก็พูดไป…หากเจ้าเป็นมัน หรือเจ้าจะแข็งข้อต่อต้านยอดฝีมือจอมราชันเทพผู้นั้นเล่า? เจ้าคิดว่าศักดิ์ศรีมันสำคัญกว่าชีวิตหรือไร?”

 

“ใช่ ข้ายังคิดว่าหานล่กังผู้นั้นนับว่ายืดได้หดได้ เป็นผู้ฉลาดที่รู้สถานการณ์…กว่ามันจะฝึกปรือจนบรรลุถึงราชาเทพขั้นสูงได้ก็ไม่ง่ายเลย หากต้องมาตายกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ ก็ไม่คุ้มอย่างแรง”

 

“ข้าก็คิดเช่นนั้น”

 

 

หานลี่กัง อาวุโสลำดับ 2 ของนิกายหมื่นปีศาจ แม้การกระทำในโรงประมูลตระกูลโจวจะทำให้มันต้องอับอายขายหน้า แต่คนส่วนใหญ่ในเมืองวายุสวรรค์ก็พอเข้าใจได้

 

เมื่อวันเวลาผ่านไป เรื่องราวในงานประมูลตระกูลโจวก็ถูกผู้คนกล่าวถึงน้อยลง

 

พอใกล้ถึงวันที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับจะเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ หัวข้อสนทนาของผู้คนก็เริ่มเปลี่ยนไปกล่าวถึงสถานศึกษาหมอกเร้นลับมากขึ้น “ว่ากันว่าการรับสมัครนักศึกษาใหม่ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับปีนี้ หากไม่เกิดเหตุผิดพลาดอะไร ตระกูลราชาเทพหลักๆในเมืองวายุสวรรค์เรา ล้วนส่งลูกหลานไปสมัครกันพร้อมหน้าพร้อมตา”

 

“เหอะๆ แล้วมีปีไหนที่ตระกูลราชาเทพทั้งหลายไม่ส่งลูกหลานไปบ้างเล่า…แต่สุดท้ายจะมีสักกี่คนที่ผ่านการทดสอบ และเข้าสู่สถานศึกษาได้?”

 

“ปีนี้เด็กๆในตระกูลข้าก็จะไปสมัครเข้าร่วมการประเมินของสถานศึกษาหมอกเร้นลับเช่นกัน…ข้าไม่หวังให้มันสอบผ่านหรอก ขอแค่มันไม่ไปทำตัวขายหน้าผู้อื่นข้าก็ดีใจแล้ว”

 

“ปีก่อนก็มีรุ่นเยาว์แห่ไปเข้าร่วมการทดสอบของสถานศึกษาหมอกเร้นลับนับพัน…แต่สุดท้ายกลับมีแค่ 7 คนเท่านั้น ที่ผ่านการทดสอบ”

 

“ปีนี้ข้าเกรงว่าก็คงมีคนผ่านราวๆนั้นล่ะ”

 

 

สถานศึกษาหมอกเร้นลับ เป็นอะไรที่สูงส่งที่สุดในเมืองวายุสวรรค์ เนื่องจากมันเป็นสถานศึกษาที่ถูกก่อตั้งโดยนิกายหมอกเร้นลับ ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพในละแวกเมืองวายุสวรรค์ ผู้ที่โดดเด่นในสถานศึกษาก็เท่ากับว่ามีอนาคตที่สดใสในนิกาหมอกเร้นลับรออยู่

 

ตระกูลระดับราชาเทพทั้งหลายในเมือง ก็มีรุ่นเยาว์ที่ผ่านการทดสอบเข้าสู่สถานศึกษาหมอกเร้นลับ และได้เข้าร่วมนิกายหมอกเร้นลับไม่น้อย

 

และก็พอมีสถานะในนิกายหมอกเร้นลับอยู่บ้าง

 

เช่นนั้นการรับสมัครนักศึกษาใหม่แต่ละปีของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ตระกูลระดับราชาเทพหลายตระกูลในละแวกเมืองวายุสวรรค์ก็ไม่มีใครละเลย เพราะถ้าคนของพวกมันมีฐานะในนิกายหมอกเร้นลับด้อยกว่าตระกูลคู่แข่งขึ้นมา ตระกูลของพวกมันก็เสียเปรียบแล้ว

 

อย่างเช่นหากลูกหลานของตระกูลโจวกลายเป็นผู้อาวุโสที่โดดเด่นในนิกายหมอกเร้นลับ

 

แต่ลุกหลานของตระกูลจ้งกลับเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาหรือเป็นแค่อาวุโสทั่วไปในนิกายหมอกเร้นลับ

 

เช่นนั้นเมื่อผ่านไปนานเข้า ตระกูลโจวก็จะเริ่มสะกดข่มตระกูลจ้งได้อยย่างสมบูรณ์ ตระกูลจ้งจะคิดพลิกฟื้นอันใด ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว

 

ถึงแม้นิกายหมอกเร้นลับจะไม่ได้เป็นขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในละแวกเมืองวายุสวรรค์ เพราะยังมีขุมกำลังระดับจอมราชันเทพอีกมากมายที่ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ากัน…อย่างไรก็ตามนิกายหมอกเร้นลับเป็นขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่อยู่ใกล้เมืองวายุสวรรค์มากที่สุด

 

ด้วยเหตุนี้เมืองวายุสวรรค์ก็คล้ายจะถูกนิกายหมอกเร้นลับปกครองกลายๆ

 

สิ่งนี้เห็นได้ชัดจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ

 

 

วันเวลาครึ่งเดือนผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

และเช้าวันนี้ประตูใหญ่ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ก็ได้เปิดออกอย่างเป็นทางการ

 

ทุกคนที่มีอายุกระดูกน้อยกว่า 2,800 ปี สามารถเข้าไปประเมินทดสอบรับนักศึกษาใหม่ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับได้ หลังตรวจสอบอายุกระดูกแล้วว่าไม่ถึง 2,800 ปีจริงๆ

 

นอกเหนือจากนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการทดสอบ

 

“สาวน้อยของพ่อ มาเถอะ เจ้าต้องพยายามทำคะแนนทดสอบให้ดี…แต่ถึงแม้ปีนี้เจ้าจะทำได้ไม่ดี เจ้าก็ยังมีปีหน้า ขอเพียงเจ้าทำคะแนนทดสอบได้สูงขึ้นเรื่อยๆ เจ้าก็ยังมีหวังเข้าสถานศึกษาหมอกเร้นลับได้อยู่”

 

หน้าประตูใหญ่ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ มีบิดาชราคนหนึ่งกำลังยืนกล่าวคำกับลูกสาวด้วยใบหน้าอ่อนโยน แม้ไม่ได้แลดูเข้มงวดกวดขันมากนัก แต่ฟังแล้วเห็นชัดว่ามันก็ตั้งความหวังไว้ไม่น้อย

 

“เจ้าเด็กหัวเหม็น วันหน้าหากเจ้าผ่านการทดสอบเข้าสถานศึกษาหมอกเร้นลับได้สำเร็จ ต่อให้บิดาผู้นี้ตกตาย ก็นอนตายตาหลับแล้ว!”

 

“หลงเอ๋อ พยายามเข้า”

 

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนมาถึงหน้าประตูสถานศึกษาหมอกเร้นลับ เขาก็พบฉากอาวุโสส่งรุ่นเยาว์มากมาย พาลให้เขานึกถึงชีวิตที่แล้วตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยบนโลกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

 

เขาเป็นเด็กกำพร้า ตอนไปสอบอะไร เขาก็ไปเพียงลำพัง…

 

ในอดีตตอนจะเข้าสู่สถานที่สอบแข่งขัน เขาก็เห็นเด็กมัธยมปลายรุ่นเดียวกันมีผู้ปกครองมาส่งด้วยความวาดหวัง ทั้งให้กำลังใจอย่างดี ทำให้เขาที่ไม่มีใครรู้สึกอิจฉาจับใจนัก…

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3627

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3627 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3627 : นายน้อย

 

พอนึกถึงเรื่องที่ก่อนหน้ามันอยากจะแก้แค้นคนในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 แผ่นหลังจ้งซื่อก็เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นชุ่มโชก หน้าผากยังปรากฏเม็ดเงื่อร่วงตกไม่หยุดปานสายฝน

 

“นายท่าน 4 โชคดียิ่งนักที่พวกเรายังไม่ทันได้ลงมือทำอะไร…หาไม่แล้วข้าเกรงว่าจักมิใช่แค่พวกเรา แต่ตระกูลของพวกเรามิพ้นต้องประสบเคราะห์เป็นแน่!”

 

ชายชราที่ยืนอยู่ด้านหลังจ้งซื่อเอง ก็เป็นคนในตระกูลจ้งด้วย

 

“นั่นสิ…ข้าไม่คิดเลยว่าพวกมันจะน่ากลัวขนาดนี้”

 

จ้งซื่อยกมือขึ้นปาดเช็ดเหงื่อเย็นที่ผุดซึมเต็มหน้าผาก กล่าวคำเสียงสั่น เพราะใจยังหวาดกลัวไม่หาย

 

“นายท่าน 4…แต่ดูเหมือนคนที่จากไปจักมีแค่สตรีทั้ง 2 นั่น ส่วนชายหนุ่มที่แลดูสนิทสนมกับ ‘คุณหนู’ ที่สตรีนางนั้นเรียกยังอยู่ และคุณหนูที่ว่ายังจับมือถือแขนมันด้วย…”

 

ชายชราฉุกคิดถึงเรื่องนี้

 

“ไปกันเถอะ! พวกเรารีบไปคารวะนายน้อยผู้นั้น แล้วขอขมาเรื่องก่อนหน้าเถอะ!!”

 

พอได้ยินคำพูดของชายชรา สองตาจ้งซื่อก็ลุกวาวขึ้นมาทันที จากนั้นก็คิดจะไปหาชายหนุ่มที่ประมูลโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งแข่งกับมันในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 เพื่อปรับความเข้าใจทันที

 

ทว่าก่อนที่มันจะฉุกคิดถึงเรื่องนี้ ด้านคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพทั้ง 4 ก็เริ่มมุ่งหน้าปังห้องส่วนตัวหมายเลข 9 แล้ว

 

เพราะหลังจากที่สตรีทั้ง 2 จากไป พวกมันที่นั่งลงอีกครั้ง หลังจากอื้ออึงอยู่พักหนึ่งพอหายตะลึงก็ฉุกคิดขึ้นได้เช่นกัน ว่าภายในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 ยังสมควรมีชายหนุ่มอยู่อีกคน

 

อนิจจากว่าที่พวกมันจะรู้ตัวและไปยยังห้องส่วนตัวหมายเลข 9 คนก็ไม่อยู่แล้ว ในห้องว่างเปล่าไม่มีใคร…

 

“หรือเสียงชายหนุ่มก่อนหน้านี้…จะเป็นเด็กหญิงตัวน้อยนั่นนึกสนุกเลียนเสียงเล่น?”

 

ถึงแม้จะมีบางคนคาดเดาไปทำนองดังกล่าว แต่หลายคนก็รู้สึกว่าความเป็นไปได้มันน้อยมาก เพราะสตรีทั้ง 2 ไม่น่าจะอุตริทำอะไรแบบนี้ ถึงเด็กหญิงนางนั้นจะแลดูซุกซนก็ตาม

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกมันที่ลองถามคนตระกูลโจวดู ก็พบได้ในเวลาอันสั้น ว่าในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 มีชายหนุ่มผู้หนึ่งอยู่จริงๆ

 

อนิจจาชายหนุ่มคนดังกล่าวได้จากไปแล้ว

 

“หากพวกเรารู้ตัวกันเร็วกว่านี้ ก็อาจได้พบนายน้อยผู้นั้น”

 

รองประมุขนิกายหมอกเร้นลับ หรือก็คือคณบดีสถานศึกษาหมอกเร้นลับ มู่หรงสุยเฟิงได้แต่ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน

 

คนของอีก 3 ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพเอง ก็พากันถอนหายใจออกมาไม่ต่าง

 

ถึงแม้พวกมันจะไม่ทราบอัตลักษณ์และความเป็นมาของชายหนุ่มคนนั้น แต่ฟังจากคนในโรงประมูลของตระกูลโจวแล้ว เห็นได้ชัดว่าสาวน้อยที่ถูกสตรีนางนั้นเรียกหาว่า ‘คุณหนู’ แลดูใกล้ชิดสนิทสนมกับชายหนุ่มมาก ยังเรียกหาว่าพี่ชายไม่หยุด

 

บ่งชี้ว่าความเป็นมาของชายหนุ่มก็มิใช่ชั่วเช่นกัน!

 

เผลอๆอาจเป็นคุณชายนายน้อยของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพอันแข็งแกร่ง!

 

 

ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รู้เลยว่าหลังจากที่เขาออกมาจากโรงประมูลตระกูลโจว ห้องส่วนตัวหมายเลข 9 ที่เขาอยู่ก่อนหน้า ก็มีแขกมากมายแวะไปเยี่ยมเยียน

 

และหลังออกจากโรงประมูลตระกูลโจว ต้วนหลิงเทียนก็บึ่งตรงกับโรงเตี๊ยมที่พักทันที

 

เนื่องจากโรงเตี๊ยมที่พักที่เขาเลือกจะพักอาศัยอยู่ มันเป็นแค่โรงเตี๊ยมเล็กๆไม่โดดเด่นในเมืองวายุสวรรค์ และเจ้าของกิจการก็เป็นแค่ตระกูลเล็กๆที่เกี่ยวดองกับตระกูลราชาเทพแห่งหนึ่งในเมืองวายุสวรรค์เท่านั้น เขาก็เลยไม่ถูกผู้ใดพบเจอ…

 

เพราะหลังงานประมูลตระกูลโจวจบลง เหล่าคนของตระกูลโจวและตระกูลจ้งก็ได้ไปตระเวนถามข่าวของต้วนหลิงเทียนในโรงเตียมที่พักในเครือของพวกมันหรือของตระกูลราชาเทพกันใหญ่ ว่ามีชายหนุ่มท่าทางสูงศักดิ์แลดูไม่ธรรมดามาเข้าพักบ้างหรือไม่…

 

อนิจจาเพราะต้วนหลิงเทียนไม่ได้พักอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมที่เป็นกิจการของขุมกำลังระดับราชาเทพเหล่านั้น แม้พวกมันจะพยายามหาตัวต้วนหลิงเทียนแค่ไหน แต่ก็หาไม่พบ

 

สุดท้ายพวกมันก็ได้แต่ยอมแพ้

 

พวกมันเองก็คงนึกไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่สมควรเป็นตัวตนอันสูงศักดิ์ที่พวกมันกำลังตามหาอยู่นั้น ที่แท้กับอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมเล็กๆไร้สำคัญแห่งหนึ่งในเมืองวายุสวรรค์เท่านั้น

 

เป็นธรรมดาว่าเหตุผลเดียวที่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะพักโรงเตี๊ยมแห่งนี้ เพราะเขารู้สึกว่าสภาพแวดล้อมของมันแลดูสงบร่มรื่นดี อีกทั้งยังตั้งอยู่ในพื้นที่ไร้สำคัญที่ไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรผ่านไปมามากนัก เหมาะสำหรับการบ่มเพาะฝึกฝน

 

เขาจึงไม่รู้เลยว่าตระกูลโจวกับตระกูลจ้งกำลังตามหาเขาให้ควั่ก

 

และหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงห้องหับในโรงเตี๊ยมแล้ว เขาก็นำโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งออกมา และตบเข้าปากทันที เพื่อที่จะบุกทะวงไปยังขอบเขตเทพขั้นกลาง…ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกครึ่งเดือน ก่อนที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับจะรับนักศึกษาใหม่

 

อาศัยเวลาครึ่งเดือน ก็มากพอให้เขาทะลวงด่านพลังได้แล้ว

 

“เทพขั้นกลาง อายุไม่ถึง 2,700 ปี…ถึงจะไม่สนเรื่องความเข้าใจในกฏ อาศัยแค่ด่านพลังฝึกปรือดังกล่าว ก็น่าจะพอมีที่ยืนในสถานศึกษาหมอกเร้นลับแล้วกระมัง?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำเบาๆ

 

ในระนาบเทพ ผู้ที่ยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปี ถือว่ายังเยาว์นัก

 

ในบรรดาขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ ไม่ต้องกล่าวถึงเทพขั้นกลางที่ยังอายุไม่ถึง 3,000 ปี แม้แต่เทพขั้นสูง หรือกระทั่งราชาเทพก็อาจมี แต่ในสถานที่ไกลห่างอย่างละแวกเมืองวายุสวรรค์ เกรงว่าเทพขั้นกลางที่ยังอายุไม่ถึง 3,000 ปี ก็มากพอจะทำให้ผู้คนบังเกิดความรู้สึกชื่นชมอยู่บ้าง

 

เหตุไฉนถึงกล่าวว่ารู้สึกชื่นชมอยู่บ้าง ไม่ถึงกับทึ่งอะไรมากมาย เพราะในละแวกเมืองวายุสวรรค์แม้จะหาเทพขั้นกลางที่ยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปีได้ไม่มาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย

 

อย่างเช่น นักศึกษาระดับ 10 ดาวในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ผู้ที่ยังไม่จบการศึกษา ก็มีบางคนบรรลุถึงเทพขั้นกลางตั้งแต่อายุไม่ถึง 3,000 ปี

 

และตัวตนเช่นนั้น แม้จะยังไม่ทันจบการศึกษา พวกมันก็จะได้รับการยอมรับจากนิกายหมอกเร้นลับแล้ว วันหน้าเมื่อจบการศึกษาแล้วเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับเมื่อใด ก็จะได้กลายเป็นศิษย์ฝ่ายในและมีฐานะพอตัวในนิกายทันที

 

เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนก็ไม่ทราบรายละเอียดส่วนนี้

 

เพราะแม้แต่ในเมืองวายุสวรรค์เอง ก็ไม่มีใครรู้ว่าในสถานศึกษามีนักศึกษาระดับนี้อยู่

 

นักศึกษาที่ว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง และพึ่งทะลวงถึงเทพขั้นกลางได้ไม่นาน

 

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเก็บตัวบ่มเพาะ ทุกแห่งหนในเมืองวายุสวรรค์ก็เต็มไปด้วยความคึกคักนัก

 

บทสนทนาของผู้คนล้วนวนเวียนอยู่กับแต่งานประมูลตระกูลโจวเมื่อไม่กี่วันก่อน “พวกเจ้าได้ยินเรื่องนี้แล้วหรือยัง…เห็นว่าในงานประมูลตระกูลโจวเมื่อ 2 วันก่อน ปรากฏจอมราชันเทพชนชั้นยอดฝีมือโผล่มาด้วย!”

 

“ใช่ๆๆ แถมข้าได้ยยินมาว่ายอดฝีมือจอมราชันเทพผู้นั้น ยังเป็นสตรีที่งามหมดจดนางหนึ่ง…ข้างกายนางมีเด็กสาวที่นางเรียกหาว่า ‘คุณหนู’ อยู่ เห็นได้ชัดว่าตัวตนของเด็กสาวที่ว่ายังสูงส่งกว่ายอดฝีมือจอมราชันเทพนางนั้นเสียอีก”

 

“ให้ตายเถอะ…ผู้ติดตามเป็นยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันเทพ! ต่อให้เป็นลูกหลานของผู้นำขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในละแวกเมืองวายุสวรรค์ ก็คงไม่ได้รับการดูแลดีงามถึงเพียงนี้กระมัง?”

 

“เดาได้มิยากเลย…สตรีนางนั้น อย่างน้อยๆก็ต้องมาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพเป็นแน่! เผลอๆอาจจะมากจากขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพด้วยซ้ำ!!”

 

“ข้าได้ยินมาว่าเด็กหญิงที่ถูกยอดฝีมือเรียกหาว่า ‘คุณหนู’ มีชายหนุ่มที่นางเรียกหาว่า ‘พี่ชาย’ อยู่ข้างๆกายแถมชายหนุ่มที่ว่าก็ไม่ได้จากไปพร้อมพวกนาง…ไม่แน่ชายหนุ่มผู้นั้นอาจจะยังอยู่ในเมืองวายุสวรรค์ของพวกเรา!”

 

“จริงรึ?! เช่นนั้นหากข้าเจอผู้ที่คุณหนูเรียกหาว่าพี่ชายนั่นแล้วผูกมิตรหรือเป็นสหายด้วยได้ ไม่ใช่ข้าจะทะยานฟ้าในก้าวเดียวเลยรึไร?”

 

 

หัวข้อสนทนาก็มุ่งเน้นไปยังเรื่องของต้วนเฉียวอวี่ อวี๋ชิวซวน และต้วนหลิงเทียนเป็นพิเศษ ผู้คนกล่าวขานถึงเรื่องนี้กันอย่างหนาหู แม้แต่ในโรงเตี๊ยมเล็กๆที่ต้วนหลิงเทียนพักอยู่ก็มีคนพูดถึงเช่นกัน

 

เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนที่ปิดด่านบ่มเพาะย่อมไม่รู้เรื่องเลย

 

นอกจากหัวข้อนี้แล้ว ยังมีประเด็น ผู้อาวุโสลำดับ 2 ของนิกายหมื่นปีศาจ หานลี่กัง อีกด้วย “ข้าได้ยินมาว่า อาวุโสรองของนิกายหมื่นปีศาจหานลี่กัง ถึงกับคุกเข่าขอขมา คุณหนู ผู้นั้นกลางโรงประมูล…แถมยังเห่าเสียงสุนัขได้เหมือนอีกด้วย ช่างเป็นราชาเทพขั้นสูงที่น่าสมเพชยิ่งนัก!”

 

“เหอะๆ เจ้าก็พูดไป…หากเจ้าเป็นมัน หรือเจ้าจะแข็งข้อต่อต้านยอดฝีมือจอมราชันเทพผู้นั้นเล่า? เจ้าคิดว่าศักดิ์ศรีมันสำคัญกว่าชีวิตหรือไร?”

 

“ใช่ ข้ายังคิดว่าหานล่กังผู้นั้นนับว่ายืดได้หดได้ เป็นผู้ฉลาดที่รู้สถานการณ์…กว่ามันจะฝึกปรือจนบรรลุถึงราชาเทพขั้นสูงได้ก็ไม่ง่ายเลย หากต้องมาตายกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ ก็ไม่คุ้มอย่างแรง”

 

“ข้าก็คิดเช่นนั้น”

 

 

หานลี่กัง อาวุโสลำดับ 2 ของนิกายหมื่นปีศาจ แม้การกระทำในโรงประมูลตระกูลโจวจะทำให้มันต้องอับอายขายหน้า แต่คนส่วนใหญ่ในเมืองวายุสวรรค์ก็พอเข้าใจได้

 

เมื่อวันเวลาผ่านไป เรื่องราวในงานประมูลตระกูลโจวก็ถูกผู้คนกล่าวถึงน้อยลง

 

พอใกล้ถึงวันที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับจะเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ หัวข้อสนทนาของผู้คนก็เริ่มเปลี่ยนไปกล่าวถึงสถานศึกษาหมอกเร้นลับมากขึ้น “ว่ากันว่าการรับสมัครนักศึกษาใหม่ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับปีนี้ หากไม่เกิดเหตุผิดพลาดอะไร ตระกูลราชาเทพหลักๆในเมืองวายุสวรรค์เรา ล้วนส่งลูกหลานไปสมัครกันพร้อมหน้าพร้อมตา”

 

“เหอะๆ แล้วมีปีไหนที่ตระกูลราชาเทพทั้งหลายไม่ส่งลูกหลานไปบ้างเล่า…แต่สุดท้ายจะมีสักกี่คนที่ผ่านการทดสอบ และเข้าสู่สถานศึกษาได้?”

 

“ปีนี้เด็กๆในตระกูลข้าก็จะไปสมัครเข้าร่วมการประเมินของสถานศึกษาหมอกเร้นลับเช่นกัน…ข้าไม่หวังให้มันสอบผ่านหรอก ขอแค่มันไม่ไปทำตัวขายหน้าผู้อื่นข้าก็ดีใจแล้ว”

 

“ปีก่อนก็มีรุ่นเยาว์แห่ไปเข้าร่วมการทดสอบของสถานศึกษาหมอกเร้นลับนับพัน…แต่สุดท้ายกลับมีแค่ 7 คนเท่านั้น ที่ผ่านการทดสอบ”

 

“ปีนี้ข้าเกรงว่าก็คงมีคนผ่านราวๆนั้นล่ะ”

 

 

สถานศึกษาหมอกเร้นลับ เป็นอะไรที่สูงส่งที่สุดในเมืองวายุสวรรค์ เนื่องจากมันเป็นสถานศึกษาที่ถูกก่อตั้งโดยนิกายหมอกเร้นลับ ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพในละแวกเมืองวายุสวรรค์ ผู้ที่โดดเด่นในสถานศึกษาก็เท่ากับว่ามีอนาคตที่สดใสในนิกาหมอกเร้นลับรออยู่

 

ตระกูลระดับราชาเทพทั้งหลายในเมือง ก็มีรุ่นเยาว์ที่ผ่านการทดสอบเข้าสู่สถานศึกษาหมอกเร้นลับ และได้เข้าร่วมนิกายหมอกเร้นลับไม่น้อย

 

และก็พอมีสถานะในนิกายหมอกเร้นลับอยู่บ้าง

 

เช่นนั้นการรับสมัครนักศึกษาใหม่แต่ละปีของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ตระกูลระดับราชาเทพหลายตระกูลในละแวกเมืองวายุสวรรค์ก็ไม่มีใครละเลย เพราะถ้าคนของพวกมันมีฐานะในนิกายหมอกเร้นลับด้อยกว่าตระกูลคู่แข่งขึ้นมา ตระกูลของพวกมันก็เสียเปรียบแล้ว

 

อย่างเช่นหากลูกหลานของตระกูลโจวกลายเป็นผู้อาวุโสที่โดดเด่นในนิกายหมอกเร้นลับ

 

แต่ลุกหลานของตระกูลจ้งกลับเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาหรือเป็นแค่อาวุโสทั่วไปในนิกายหมอกเร้นลับ

 

เช่นนั้นเมื่อผ่านไปนานเข้า ตระกูลโจวก็จะเริ่มสะกดข่มตระกูลจ้งได้อยย่างสมบูรณ์ ตระกูลจ้งจะคิดพลิกฟื้นอันใด ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว

 

ถึงแม้นิกายหมอกเร้นลับจะไม่ได้เป็นขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในละแวกเมืองวายุสวรรค์ เพราะยังมีขุมกำลังระดับจอมราชันเทพอีกมากมายที่ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ากัน…อย่างไรก็ตามนิกายหมอกเร้นลับเป็นขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่อยู่ใกล้เมืองวายุสวรรค์มากที่สุด

 

ด้วยเหตุนี้เมืองวายุสวรรค์ก็คล้ายจะถูกนิกายหมอกเร้นลับปกครองกลายๆ

 

สิ่งนี้เห็นได้ชัดจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ

 

 

วันเวลาครึ่งเดือนผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

และเช้าวันนี้ประตูใหญ่ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ก็ได้เปิดออกอย่างเป็นทางการ

 

ทุกคนที่มีอายุกระดูกน้อยกว่า 2,800 ปี สามารถเข้าไปประเมินทดสอบรับนักศึกษาใหม่ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับได้ หลังตรวจสอบอายุกระดูกแล้วว่าไม่ถึง 2,800 ปีจริงๆ

 

นอกเหนือจากนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการทดสอบ

 

“สาวน้อยของพ่อ มาเถอะ เจ้าต้องพยายามทำคะแนนทดสอบให้ดี…แต่ถึงแม้ปีนี้เจ้าจะทำได้ไม่ดี เจ้าก็ยังมีปีหน้า ขอเพียงเจ้าทำคะแนนทดสอบได้สูงขึ้นเรื่อยๆ เจ้าก็ยังมีหวังเข้าสถานศึกษาหมอกเร้นลับได้อยู่”

 

หน้าประตูใหญ่ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ มีบิดาชราคนหนึ่งกำลังยืนกล่าวคำกับลูกสาวด้วยใบหน้าอ่อนโยน แม้ไม่ได้แลดูเข้มงวดกวดขันมากนัก แต่ฟังแล้วเห็นชัดว่ามันก็ตั้งความหวังไว้ไม่น้อย

 

“เจ้าเด็กหัวเหม็น วันหน้าหากเจ้าผ่านการทดสอบเข้าสถานศึกษาหมอกเร้นลับได้สำเร็จ ต่อให้บิดาผู้นี้ตกตาย ก็นอนตายตาหลับแล้ว!”

 

“หลงเอ๋อ พยายามเข้า”

 

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนมาถึงหน้าประตูสถานศึกษาหมอกเร้นลับ เขาก็พบฉากอาวุโสส่งรุ่นเยาว์มากมาย พาลให้เขานึกถึงชีวิตที่แล้วตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยบนโลกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

 

เขาเป็นเด็กกำพร้า ตอนไปสอบอะไร เขาก็ไปเพียงลำพัง…

 

ในอดีตตอนจะเข้าสู่สถานที่สอบแข่งขัน เขาก็เห็นเด็กมัธยมปลายรุ่นเดียวกันมีผู้ปกครองมาส่งด้วยความวาดหวัง ทั้งให้กำลังใจอย่างดี ทำให้เขาที่ไม่มีใครรู้สึกอิจฉาจับใจนัก…

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+