War sovereign Soaring The Heavens 3639

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3639 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3639 : จังเค่อฉี

 

เวิง! เวิง! เวิง! เวิง! เวิง!

 

 

สังเวียนประลองด้านหลังโถง 10 ดาวนั้น มีพื้นที่กว้างขวางไม่ใช่เล่นๆ หากทว่าบัดนี้ทั่วอาณาบริเวณกว้างขวางดังกล่าว กลับถูกเสียงเวิงๆ ประหนึ่งมีคมมีดมิตินับพันฉีกผ่าความว่างเปล่า กลบทุกสรรพเสียงไปหมดสิ้น!

 

ด้านนักศึกษา 10 ดาวไม่เว้นอาจารย์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับตอนนี้ ก็ตกอยู่ในความตะลึงครั้งใหญ่

 

พวกมันเห็นเพียงว่า ต้วนหลิงเทียนแค่โบกมือออกไปส่งๆตามอำเภอใจเท่านั้น หากทว่าบังเกิดมหาพายุมิติขุมหนึ่งกวาดสะท้านออกไปอย่างน่าสะพรึงกลัว จากนั้นคมมีดมิติทั้ง 9 ก็พุ่งเข้าไปยังมหาพายุมิติดังกล่าว…เห็นชัดว่าเป็นการผสานรวมความลึกซึ้งผ่ามิติเข้ากับพายุมิติก่อนหน้าโดยตรง!

 

ต้องทราบด้วยว่าก่อนที่จะมีความลึกซึ้งผ่ามิติผสานเข้าไป มหาพายุมิติที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกนั่น ก็เป็นการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 2 ประการอยู่แล้ว!

 

บัดนี้พอคมมีดมิติผสานรวมเข้าไปอีก ก็เสมือนความลึกซึ้งผ่ามิติได้ผสานรวมเข้ากับการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 2 ประการอีกทอด! ทำให้พลังทำลายล้างอันมหาศาลอุบัติขึ้นในฉับพลัน และหาได้ง่ายดายเยี่ยง 2 บวก 1 เท่ากับ 3 ไม่! มันทรงพลังขึ้นกว่าการบวกรวมเช่นนั้นเป็นทบเท่าทวี!!

 

ด้วยเหตุนี้ กระบวนท่าที่ต้วนหลิงเทียนซัดออกตามอำเภอใจรอบนี้ ประหนึ่งจะมีพลังอำนาจเพิ่มขึ้นเกิน 2 เท่า!

 

เช่นนี้จะให้พูดอย่างไร?

 

เอาเป็นว่ายามเมื่อกระบวนท่ามหาพายุคมมีดมิติของต้วนหลิงเทียนปะทะเข้ากับมวลน้ำอันทรงพลังดั่งมังกรวารีพิโรธของหงจวิ้น มันก็ดขยี้ทำลายมังกรวารีตัวเขื่องที่เปี่ยมล้นไปด้วสภาวะพลังดุร้ายกว่าครึ่งได้อย่างง่ายดาย ประหนึ่งย่ำเหยียบใบไม้แห้งกรอบ!

 

จนเมื่อมังกรวารีของตัวเองถูกบดขยี้ไปครึ่งหนึ่ง หงจวิ้นจึงค่อยได้สติ มันเร่งสะบัดมือเรียกอุปกรณ์เทพคู่กายออกมาเพื่อเพิ่มพูนพลังกระบวนท่าของตัวเองทันที!

 

อนิจจาแม้มันจะอาศัยพลังอำนาจเพิ่มพูนของอุปกรณ์เทพก็แล้ว แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ต้านทานมหาพายุมิติคมมีดของต้วนหลิงเทียนได้อย่างเต็มกลืนเท่านั้น ไม่มีเปรียบอันใด!

 

“ข้าแพ้แล้ว…”

 

ในปัจจุบันเสื้อผ้าหงจวิ้นยังแลดูสะอาดสะอ้านเหมือนก่อน เพียงแค่เชือกรัดผมของมันบัดนี้ได้ขาดผึงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ เส้นผมยาวสลวยของมันปลิวไสวไม่หยุด ในมือถือกระบี่ที่ใสปานผลึกแก้วเล่มหนึ่งเอาไว้ ตลอดตัวกระบี่เป็นสีน้ำเงิน ยังปรากฏกระแสพลังพุ่งวนรอบๆไม่หยุด แลดูก็รู้ว่าเป็นของดี!

 

มันเป็นอุปกรณ์เทพคู่กายของหงจวิ้น

 

ถึงแม้ว่าหงจวิ้นจะสามารถใช้พลังอำนาจทั้งหมดของกระบี่เล่มนี้ต้านทานกระบวนท่าของต้วนหลิงเทียนเอาไว้ได้ในที่สุด แต่ใบหน้าหงจวิ้นก็หาความสุขไม่เจอ จะมีก็แต่ความเคร่งขรึมจริงจังเท่านั้น

 

และดวงตาที่เคยสงบคู่นั้นของมัน พอมองไปทางต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ก็ไม่อาจปกปิดความตื่นตระหนกได้ไหว

 

นักศึกษา 10 ดาวเข้าใหม่…ที่แท้กลับทรงพลังถึงเพียงนี้! หากไม่ใช่เพราะมันควักอุปกรณ์เทพออกมาใช้ได้ทันเวลา เกรงว่าคงไม่อาจหยุดยั้งกระบวนท่าของอีกฝ่ายได้เลย และต้องทราบด้วยว่าแต่ต้นจนจบอีกฝ่ายไม่ได้ใช้อุปกรณ์เทพใดๆ…

 

สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไรหรือ?

 

หมายความว่าพลังของคู่ต่อสู้ สูงกว่ามันมากโขอย่างไรเล่า!

 

ในปัจจุบันก็ไม่ได้มีแต่หงจวิ้นเท่านั้นที่ตกตะลึงกับพลังอันน่ากลัวของต้วนหลิงเทียน เหล่านักศึกษา 10 ดาวที่ชมดูเรื่องราว ไม่เว้นอาจารย์ทั้งหลายก็ตกใจถึงขั้นไร้คำจะพูดไปพักใหญ่!

 

หลังจากผ่านไปสักพัก พวกมันจึงค่อยทยอยกันได้สติคืนกลับ ใบหน้าฉายชัดถึงความเหลือเชื่อ “โอสวรรค์! ข้ามิได้ฝันไปกระมัง? นักศึกษาใหม่นามต้วนหลิงเทียนผู้นั้น มันถึงกับเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการแล้ว!?”

 

“ให้ตายเถอะ ข้าล่ะคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าหลังจากผ่านไปหลายพันปี ในที่สุดสถานศึกษาหมอกเร้นลับของพวกเราก็จักปรากฏนักศึกที่ที่สามารถเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการขึ้นมาอีกครั้ง!”

 

“ไม่! ต้วนหลิงเทียนยังเหนือกว่ารุ่นพี่คนนั้นเมื่อ 4,000 กว่าปีก่อนมาก! เจ้าลืมไปแล้วหรือว่ารุ่นพี่คนนั้นเข้าใจกฏอะไร แต่ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ใช้กฏมิติ 1 ใน 4 กฏสูงสุด เป็นอะไรที่ยากจะเข้าใจกว่ากันมากมายนัก!”

 

“ข้ารู้สึกเหมือนฝันไม่ตื่นยิ่ง…การลงมือของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ บอกให้รู้ว่าสามารถเอาชนะนักศึกษา 10 ดาวที่แข็งแกร่งที่สุดทั้ง 5 ของพวกเราได้เป็นที่แน่นอนแล้ว ทั้ง 5 คนนั่นรวมถึงหงจวิ้น ถูกลิขิตให้เป็นได้แค่หินรองเท้าให้ต้วนหลิงเทียนเท่านั้น!”

 

“สัตว์ประหลาดตัวนี้ผุดโผล่มาจากที่ใดกัน พลังฝีมือระดับนี้ต่อให้ไปนิกายหมอกเร้นลับโดยตรงก็น่าจะเข้าร่วมได้ไม่ยาก กระทั่งรับตำแหน่งศิษย์สายในได้ทันทีกระมัง…ไฉนถึงยังมาเสียเวลาที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับของพวกเราอีกล่า?”

 

 

เสียงอุทานด้วความตื่นตกใจดังขึ้นระงม ฟังดูแล้วเห็นชดว่าหลายๆคนไม่อาจเข้าใจได้ ว่าไฉนต้วนหลิงเทียนที่มีพลังฝึกปรือและความเข้าใจระดับนี้ ถึงมาเสียเวลาอยู่ที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับได้?

 

พวกมันย่อมไม่รู้เลย ว่าเหตุผลเดียวที่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะไม่ไปเข้าร่วมนิกายหมอกเร้นลับโดยตรงเพราะเหตุผลดังคำที่ว่า ‘ไม้เด่นเกินไพร ลมพัดหักโค่น’ ดังนั้นเขาจึงเลือกสถานศึกษาหมอกเร้นลับเป็นดั่งแท่นส่งตัวให้เขาเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับ แม้กระบวนการจะซับซ้อนล่าช้าเล็กน้อย แต่มันมีเสถียรภาพมากกว่าการเข้าไปดุ่มๆ…

 

ต้วนหลิงเทียนรู้ดีแก่ใจว่าในดินแดนดาราพิศวงแห่งนี้เขาไร้ภูมิหลังอันใด และทำได้แค่พึ่งพาพลังของตัวเองเท่านั้น

 

เช่นนั้นทั้งหมดทั้งมวล ไม่อาจรีบร้อนเอาเร็วเข้าว่าได้ ความมั่นคงต่างหากถึงจะสำคัญที่สุด

 

“อาจารย์หยวน หากเมื่อครู่ท่านเดิมพันกับข้า ป่านนี้ข้ากินเรียบไปแล้ว…”

 

ถึงแม้เรื่องราวที่อุบัติขึ้นตรงหน้าเมื่อครู่จะอยู่เหนือความคาดหมายของมันไปบ้าง แต่ซูเฟิงหยางก็ดึงสติกลับมาได้เร็วไว ยังไม่ลืมหันไปมองหยวนเล่ยข้างๆ ก่อนจะกล่าวหยอกด้วยรอยยิ้มขี้เล่น

 

สุดท้ายมันก็มีเตรียมใจไว้ในระดับหนึ่งแล้ว ทำให้ซูเฟิงหยางตกใจน้อยกว่าหยวนเล่ยและอาจารย์คนอื่นๆของสถานศึกษาหมอกเร้นลับมาก

 

ด้านหยวนเล่ยเองพอได้ยินคำหอกล้อของซูเฟิงหยางก็ได้สติกลับมาในที่สุด จากนั้นมันก็หันไปมองซูเฟิงหยางด้วยสายตาขุ่นเคือง “ซูเฟิงหยาง เจ้าเป็นใคร หรือยังมีผู้ใดในสถานศึกษาหมอกเร้นลับไม่ทราบ? ในเมื่อเจ้ารู้ข้อมูลผู้อื่นเขาอยยู่ก่อนเช่นนั้นยังจะมีผู้ใดชนะเดิมพันเจ้าได้เล่า เจ้าคิดว่าข้าหยวนเล่ยจะโดนเจ้าหลอกต้มได้ง่ายๆหรือไร!?”

 

แม้การกระทำของซูเฟิงหยางจะทำให้มันบังเกิดอาการอยากทุบตีผู้คนขึ้นมาตงิดๆ แต่หยวนเล่ยก็ไม่คิดจะสนใจอีกฝ่าย เพียงหันไปมองร่างในชุดสีม่วงไกลตาด้วยความสนใจ

 

นักศึกษาใหม่นาม ต้วนหลิงเทียน คนนี้ ทำให้มันประหลาดใจครั้งใหญ่แล้วจริงๆ

 

มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่านักศึกษาใหม่ผู้นี้ไม่เพียงแต่จะมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะสูงเท่านั้น แต่ความเข้าใจยังเลิศล้ำ แถมความสำเร็จในกฏมิติก็ขู่ขวัญมันไม่น้อย!

 

พลังฝีมือระดับนี้ เหนือกว่านักศึกษา 10 ดาวทั้งหมดของสถานศึกษาหมอกเร้นลับแน่นอน!

 

“อาจารย์ซู”

 

ท่ามกลางสายตาซับซ้อนของทุกคน ต้วนหลิงเทียนที่ยืนอยู่บนเวทีประลองยังคงมีสีหน้าท่าทีสงบนิ่งเฉย และหลังจากหงจวิ้นยอมรับความพ่ายแพ้ เขาก็หันไปมองซูเฟิงหยางพลางถามทันที “ตอนนี้ข้าสมควรท้าทายนักศึกษาในหอพักระดับสูงได้แล้วกระมัง?”

 

“ย่อมได้”

 

ซูเฟิงหยางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “มีนักศึกษาในหอพักระดับสูง 5 คน…2 ในนั้นมิได้อ่อนแอไปกว่าหงจวิ้น ส่วนอีก 3 คนที่เหลือ…”

 

ถึงแม้ซูเฟิงหยางจะไม่ได้กล่าวต่อให้จบประโยค แต่บทสนทนาของนักศึกษาที่มาชมดูโดยรอบ ก็ได้มอบคำตอบที่ดีที่สุดให้ต้วนหลิงเทียนเรียบร้อย

 

‘ในบรรดา 3 คนที่ว่า มีคนมาจากตระกูลจ้งแห่งเมืองวายุสวรรค์ด้วยงั้นรึ?’

 

และหลังจากได้ยินบทสนทนาของนักศึกษาโดยรอบ สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง ในใจยังคิดถึง จ้งซื่อ นายท่าน 4 แห่งตระกูลจ้งที่เคยขู่เขาในงานประมูลตระกูลโจวเมื่อครึ่งเดือนก่อนทันที

 

ดูเหมือนว่าเวลาที่เขาจะได้เอาคืนมันทางอ้อม จะมาถึงแล้ว…

 

“อาจารย์ซู”

 

ต้วนหลิงเทียน หันไปมองซูเฟิงหยางอีกครั้งและกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “นักศึกษา 10 ดาวในหอพักระดับสูงที่ข้าอยากท้าก็คือ จ้งเค่อฉี”

 

จ้งเค่อฉี เป็นนักศึกษา 10 ดาวซึ่งครอบครองหอพักระดับสูงของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ และยังเป็นลูกชายคนเดียวของนายท่าน 2 แห่งตระกูลจ้ง กล่าวได้ว่ามันเป็นทายาทสายตรงคนหนึ่งของตระกูลจ้ง

 

นอกจากนั้น ผู้นำตระกูลจ้งคนปัจจุบันก็ไม่ได้แต่งงานมีครอบครัวไร้บุตรธิดา มันจึงปฏิบัติต่อลูกชายของน้องชายคนเล็กมันอย่างนายท่าน 2 ตระกูลจ้งเหมือนลูกชายแท้ๆของตัวเอง

 

ภาในตระกูลจ้ง หรือแม้แต่ผู้คนในเมืองวายุสวรรค์ ก็คาดกันว่า…

 

หากไม่มีเหตุผิดพลาดใดๆ จ้งเค่อฉีต้องได้ขึ้นนั่งเก้าอี้ผู้นำตระกูลจ้งคนต่อไปแน่นอน

 

เป็นเพราะเหตุนี้เองทำให้จ้งเค่อฉีมีฐานะและความเป็นมาไม่ธรรมดาในเมืองวายุสวรรค์แห่งนี้ ในบรรดาคนรุ่นเดียวกับมัน มีน้อยคนนักที่จะหาญกล้าล่วงเกินมันโดยง่าย…ทำให้ถึงแม้ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ พลังฝีมือมันจะไม่ถึงขั้น แต่มันก็สามารถยึดครองหอพักระดับสูงของนักศึกษา 10 ดาวได้ง่ายๆ เพราะฐานะของมัน ทำให้ไม่มีใครกล้าพูดอะไร…

 

และน้อยคนนักที่จะกล้าท้าทาย ซึ่งจะเป็นการล่วงเกินมัน

 

เป็นธรรมดาว่วาไม่ใช่นักศึกษาทุกคนในสถานศึกษาหมอกเร้นลับจะไม่กล้าล่วงเกินมัน

 

ยังมีอีก 2-3 คนที่กล้าท้าทายมัน แต่ทั้งหมดก็ล้วนอยู่ในหอพักระดับสูงกันหมดแล้ว จึงไม่ถึงขั้นต้องแข่งขันอะไรกับจ้งเค่อฉี

 

“จ้งเค่อฉี!?”

 

“อะไรนะ!? ต้วนหลิงเทียนคิดจะท้าจ้งเค่อฉีผู้นั้นงั้นเรอะ!?”

 

 

พอได้ยินต้วนหลิงเทียนเอ่ยชื่อเป้าหมายที่คิดจะท้าทายออกมา ไม่ทันที่ซูเฟิงหยางจะได้พูดอะไร ก็เป็นเหล่านักศึกษา 10 ดาวทั้งหลายโพล่งกันออกมาด้วยความตกตะลึง ด้วยไม่มีใครคิดฝันว่าต้วนหลิงเทียนจะหาญกล้าท้าทายจ้งเค่อฉี นายน้อยของตระกูลจ้งผู้นั้น!

 

ในเมืองวายุสวรรค์ จ้งเค่อฉีได้รับการยอมรับจากทุกคนว่าเป็นนายน้อยแห่งตระกูลจ้ง

 

บัดนี้กระทั่งหงจวิ้นเอง ก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

 

“ต้วนหลิงเทียน!”

 

ทันใดนั้นเอง เสียงผ่านพลังของติงเหยียนพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง และน้ำเสียงของมันยังจริงจังเคร่งขรึมกว่าที่เคย “จ้งเค่อฉีผู้นั้น มันเป็นดั่งความภาคภูมิใจของตระกูลจ้งในปัจจุบัน ถึงแม้พรสวรรค์กับความเข้าใจของมันจะไม่ถึงขั้นโดดเด่นที่สุดในคนรุ่นเดียวกันของตระกูลใหญ่อื่นๆ แต่สถานะของมัน กล่าวได้ว่าสุดจัดในรุ่นก็ไม่เกินเลย…”

 

“หากเจ้าท้าทายปล้นชิงหอพักของมัน ข้าเกรงว่าตระกูลจ้งอาจจะไม่พอใจ เพราะสุดท้ายแล้วเจ้าจ้งเค่อฉีนั่น มันก็คือตัวตนที่สามารถเป็นตัวแทนของทั้งตระกูลจ้งได้”

 

ติงเหยียนกล่าวเตือนด้วยความหวังดี

 

และหลังจากเสียงผ่านพลังกล่าวเตือนของติงเหยียนดังจบ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงผ่านพลังของหลิวจินดังขึ้นติดๆ แน่นอนว่าเป็นวาจาทำนองเดียวกัน

 

“ต้วนหลิงเทียน เจ้าแน่ใจหรือว่าจักท้าทายจ้งเค่อฉี?”

 

ซูเฟิงหยางที่สองตาเป็นประกายสว่างจ้า หันไปมองถามต้วนหลิงเทียนเพื่อขอคำยืนยัน

 

ถึงแม้มันจะบังเกิดความประทับใจอันดีต่อต้วนหลิงเทียนไม่น้อย แต่มันก็ไม่คิดโน้มน้าวต้วนหลิงเทียนเหมือนติงเหยียนกับหลิวจิน เพราะมันเองก็ไม่ชอบบรรยากาศที่เป็นอยู่ในปัจจุบันของนักศึกษา 10 ดาว และเป็นเหมือนอาจารย์คนอื่นๆในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ที่หวังให้เกิด ‘ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่’ ในหมู่นักศึกษา 10 ดาว

 

ก่อนหน้านี้อาจารย์ลุงของมันอวิ๋นฮุ่ย ก็ได้กล่าวบอกมันไว้แล้ว ว่าการปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียน จะทำลายสภาวะอิ่มตัวของนักศึกษา 10 ดาว…

 

และตอนนี้การท้าทายจ้งเค่อฉีของต้วนหลิงเทียน ก็เป็นดั่งการโหมโรงของความเปลี่ยนแปลงไม่มีผิด…

 

“ข้าแน่ใจ”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ค่อยกล่าวออกมาอีกครั้งว่า “อาจารย์ซู อย่างไรก็ตามข้าได้ยินมาว่าพลังฝีมือของจ้งเค่อฉีผู้นั้น ยังสู้หงจวิ้นไม่ได้ด้วยซ้ำ เช่นนั้นต่อให้ข้าท้ามันไป มันก็ไม่น่าจะกล้าสู้กับข้า…”

 

“ในเมื่อเป็นแบบนั้น…หรือหลังจากที่ข้าส่งสาส์นท้าประลองถึงมันแล้ว ข้าทำได้แค่เฝ้ารอให้หมดเวลา ถึงจะเข้าไปอยู่ในหอพักของมันได้?”

 

กล่าวถึงจุดนี้ หว่างคิ้วต้วนหลิงเทียนก็ขดย่นเป็นปม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดจะเสียเวลารออย่างเปล่าประโยชน์

 

“ตามกฏแล้ว…ก็ทำได้แค่รอ”

 

ซูเฟิงหยางได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆออกมา นี่เป็นกฏในการท้าทายหอพักนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ไม่ใช่อะไรที่มันจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้…

 

ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็สนับสนุนการตัดสินใจท้าทายจ้งเค่อฉีของต้วนหลิงเทียน

 

เพราะมันเชื่อว่าคณบดีของสถานศึกษาหมอกเร้นลับแห่งนี้ ต้องปกป้องต้วนหลิงเทียนอย่างสุดความสามารถแน่นอน…ท้ายที่สุดเรื่องนี้คณบดีก็เคยประกาศไปแล้ว แถมตัวคณบดีเองก็เป็นผู้ที่รักถนอมอัจฉริยะมาโดยตลอด อาศัยพรสวรรค์และความเข้าใจของต้วนหลิงเทียน คณบดีย่อมเล็งเห็นคุณค่าแน่นอน

 

“เหอะ!”

 

ทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงพ่นลมหายใจเยียบเย็นหนึ่งดังขึ้นแต่ไกล จากนั้นก็ปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดหรูหราเหินมาถึงพื้นที่ใกล้เคียงเวทีประลองอย่างประจวบเหมาะ ไม่นานนักมันก็เหินร่างมาหยุดลอยเหนือเวทีประลองหลังโถง 10 ดาวอย่างองอาจ

 

“จ้งเค่อฉี!”

 

“ดูเหมือนจะมีคนเรียกมันมา กระทั่งบอกให้มันรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่…”

 

 

ทันทีที่ชายหนุ่มในชุดหรูหราปรากฏตัวขึ้น มันก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนไปทันที

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3639

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3639 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3639 : จังเค่อฉี

 

เวิง! เวิง! เวิง! เวิง! เวิง!

 

 

สังเวียนประลองด้านหลังโถง 10 ดาวนั้น มีพื้นที่กว้างขวางไม่ใช่เล่นๆ หากทว่าบัดนี้ทั่วอาณาบริเวณกว้างขวางดังกล่าว กลับถูกเสียงเวิงๆ ประหนึ่งมีคมมีดมิตินับพันฉีกผ่าความว่างเปล่า กลบทุกสรรพเสียงไปหมดสิ้น!

 

ด้านนักศึกษา 10 ดาวไม่เว้นอาจารย์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับตอนนี้ ก็ตกอยู่ในความตะลึงครั้งใหญ่

 

พวกมันเห็นเพียงว่า ต้วนหลิงเทียนแค่โบกมือออกไปส่งๆตามอำเภอใจเท่านั้น หากทว่าบังเกิดมหาพายุมิติขุมหนึ่งกวาดสะท้านออกไปอย่างน่าสะพรึงกลัว จากนั้นคมมีดมิติทั้ง 9 ก็พุ่งเข้าไปยังมหาพายุมิติดังกล่าว…เห็นชัดว่าเป็นการผสานรวมความลึกซึ้งผ่ามิติเข้ากับพายุมิติก่อนหน้าโดยตรง!

 

ต้องทราบด้วยว่าก่อนที่จะมีความลึกซึ้งผ่ามิติผสานเข้าไป มหาพายุมิติที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกนั่น ก็เป็นการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 2 ประการอยู่แล้ว!

 

บัดนี้พอคมมีดมิติผสานรวมเข้าไปอีก ก็เสมือนความลึกซึ้งผ่ามิติได้ผสานรวมเข้ากับการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 2 ประการอีกทอด! ทำให้พลังทำลายล้างอันมหาศาลอุบัติขึ้นในฉับพลัน และหาได้ง่ายดายเยี่ยง 2 บวก 1 เท่ากับ 3 ไม่! มันทรงพลังขึ้นกว่าการบวกรวมเช่นนั้นเป็นทบเท่าทวี!!

 

ด้วยเหตุนี้ กระบวนท่าที่ต้วนหลิงเทียนซัดออกตามอำเภอใจรอบนี้ ประหนึ่งจะมีพลังอำนาจเพิ่มขึ้นเกิน 2 เท่า!

 

เช่นนี้จะให้พูดอย่างไร?

 

เอาเป็นว่ายามเมื่อกระบวนท่ามหาพายุคมมีดมิติของต้วนหลิงเทียนปะทะเข้ากับมวลน้ำอันทรงพลังดั่งมังกรวารีพิโรธของหงจวิ้น มันก็ดขยี้ทำลายมังกรวารีตัวเขื่องที่เปี่ยมล้นไปด้วสภาวะพลังดุร้ายกว่าครึ่งได้อย่างง่ายดาย ประหนึ่งย่ำเหยียบใบไม้แห้งกรอบ!

 

จนเมื่อมังกรวารีของตัวเองถูกบดขยี้ไปครึ่งหนึ่ง หงจวิ้นจึงค่อยได้สติ มันเร่งสะบัดมือเรียกอุปกรณ์เทพคู่กายออกมาเพื่อเพิ่มพูนพลังกระบวนท่าของตัวเองทันที!

 

อนิจจาแม้มันจะอาศัยพลังอำนาจเพิ่มพูนของอุปกรณ์เทพก็แล้ว แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ต้านทานมหาพายุมิติคมมีดของต้วนหลิงเทียนได้อย่างเต็มกลืนเท่านั้น ไม่มีเปรียบอันใด!

 

“ข้าแพ้แล้ว…”

 

ในปัจจุบันเสื้อผ้าหงจวิ้นยังแลดูสะอาดสะอ้านเหมือนก่อน เพียงแค่เชือกรัดผมของมันบัดนี้ได้ขาดผึงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ เส้นผมยาวสลวยของมันปลิวไสวไม่หยุด ในมือถือกระบี่ที่ใสปานผลึกแก้วเล่มหนึ่งเอาไว้ ตลอดตัวกระบี่เป็นสีน้ำเงิน ยังปรากฏกระแสพลังพุ่งวนรอบๆไม่หยุด แลดูก็รู้ว่าเป็นของดี!

 

มันเป็นอุปกรณ์เทพคู่กายของหงจวิ้น

 

ถึงแม้ว่าหงจวิ้นจะสามารถใช้พลังอำนาจทั้งหมดของกระบี่เล่มนี้ต้านทานกระบวนท่าของต้วนหลิงเทียนเอาไว้ได้ในที่สุด แต่ใบหน้าหงจวิ้นก็หาความสุขไม่เจอ จะมีก็แต่ความเคร่งขรึมจริงจังเท่านั้น

 

และดวงตาที่เคยสงบคู่นั้นของมัน พอมองไปทางต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ก็ไม่อาจปกปิดความตื่นตระหนกได้ไหว

 

นักศึกษา 10 ดาวเข้าใหม่…ที่แท้กลับทรงพลังถึงเพียงนี้! หากไม่ใช่เพราะมันควักอุปกรณ์เทพออกมาใช้ได้ทันเวลา เกรงว่าคงไม่อาจหยุดยั้งกระบวนท่าของอีกฝ่ายได้เลย และต้องทราบด้วยว่าแต่ต้นจนจบอีกฝ่ายไม่ได้ใช้อุปกรณ์เทพใดๆ…

 

สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไรหรือ?

 

หมายความว่าพลังของคู่ต่อสู้ สูงกว่ามันมากโขอย่างไรเล่า!

 

ในปัจจุบันก็ไม่ได้มีแต่หงจวิ้นเท่านั้นที่ตกตะลึงกับพลังอันน่ากลัวของต้วนหลิงเทียน เหล่านักศึกษา 10 ดาวที่ชมดูเรื่องราว ไม่เว้นอาจารย์ทั้งหลายก็ตกใจถึงขั้นไร้คำจะพูดไปพักใหญ่!

 

หลังจากผ่านไปสักพัก พวกมันจึงค่อยทยอยกันได้สติคืนกลับ ใบหน้าฉายชัดถึงความเหลือเชื่อ “โอสวรรค์! ข้ามิได้ฝันไปกระมัง? นักศึกษาใหม่นามต้วนหลิงเทียนผู้นั้น มันถึงกับเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการแล้ว!?”

 

“ให้ตายเถอะ ข้าล่ะคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าหลังจากผ่านไปหลายพันปี ในที่สุดสถานศึกษาหมอกเร้นลับของพวกเราก็จักปรากฏนักศึกที่ที่สามารถเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการขึ้นมาอีกครั้ง!”

 

“ไม่! ต้วนหลิงเทียนยังเหนือกว่ารุ่นพี่คนนั้นเมื่อ 4,000 กว่าปีก่อนมาก! เจ้าลืมไปแล้วหรือว่ารุ่นพี่คนนั้นเข้าใจกฏอะไร แต่ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ใช้กฏมิติ 1 ใน 4 กฏสูงสุด เป็นอะไรที่ยากจะเข้าใจกว่ากันมากมายนัก!”

 

“ข้ารู้สึกเหมือนฝันไม่ตื่นยิ่ง…การลงมือของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ บอกให้รู้ว่าสามารถเอาชนะนักศึกษา 10 ดาวที่แข็งแกร่งที่สุดทั้ง 5 ของพวกเราได้เป็นที่แน่นอนแล้ว ทั้ง 5 คนนั่นรวมถึงหงจวิ้น ถูกลิขิตให้เป็นได้แค่หินรองเท้าให้ต้วนหลิงเทียนเท่านั้น!”

 

“สัตว์ประหลาดตัวนี้ผุดโผล่มาจากที่ใดกัน พลังฝีมือระดับนี้ต่อให้ไปนิกายหมอกเร้นลับโดยตรงก็น่าจะเข้าร่วมได้ไม่ยาก กระทั่งรับตำแหน่งศิษย์สายในได้ทันทีกระมัง…ไฉนถึงยังมาเสียเวลาที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับของพวกเราอีกล่า?”

 

 

เสียงอุทานด้วความตื่นตกใจดังขึ้นระงม ฟังดูแล้วเห็นชดว่าหลายๆคนไม่อาจเข้าใจได้ ว่าไฉนต้วนหลิงเทียนที่มีพลังฝึกปรือและความเข้าใจระดับนี้ ถึงมาเสียเวลาอยู่ที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับได้?

 

พวกมันย่อมไม่รู้เลย ว่าเหตุผลเดียวที่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะไม่ไปเข้าร่วมนิกายหมอกเร้นลับโดยตรงเพราะเหตุผลดังคำที่ว่า ‘ไม้เด่นเกินไพร ลมพัดหักโค่น’ ดังนั้นเขาจึงเลือกสถานศึกษาหมอกเร้นลับเป็นดั่งแท่นส่งตัวให้เขาเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับ แม้กระบวนการจะซับซ้อนล่าช้าเล็กน้อย แต่มันมีเสถียรภาพมากกว่าการเข้าไปดุ่มๆ…

 

ต้วนหลิงเทียนรู้ดีแก่ใจว่าในดินแดนดาราพิศวงแห่งนี้เขาไร้ภูมิหลังอันใด และทำได้แค่พึ่งพาพลังของตัวเองเท่านั้น

 

เช่นนั้นทั้งหมดทั้งมวล ไม่อาจรีบร้อนเอาเร็วเข้าว่าได้ ความมั่นคงต่างหากถึงจะสำคัญที่สุด

 

“อาจารย์หยวน หากเมื่อครู่ท่านเดิมพันกับข้า ป่านนี้ข้ากินเรียบไปแล้ว…”

 

ถึงแม้เรื่องราวที่อุบัติขึ้นตรงหน้าเมื่อครู่จะอยู่เหนือความคาดหมายของมันไปบ้าง แต่ซูเฟิงหยางก็ดึงสติกลับมาได้เร็วไว ยังไม่ลืมหันไปมองหยวนเล่ยข้างๆ ก่อนจะกล่าวหยอกด้วยรอยยิ้มขี้เล่น

 

สุดท้ายมันก็มีเตรียมใจไว้ในระดับหนึ่งแล้ว ทำให้ซูเฟิงหยางตกใจน้อยกว่าหยวนเล่ยและอาจารย์คนอื่นๆของสถานศึกษาหมอกเร้นลับมาก

 

ด้านหยวนเล่ยเองพอได้ยินคำหอกล้อของซูเฟิงหยางก็ได้สติกลับมาในที่สุด จากนั้นมันก็หันไปมองซูเฟิงหยางด้วยสายตาขุ่นเคือง “ซูเฟิงหยาง เจ้าเป็นใคร หรือยังมีผู้ใดในสถานศึกษาหมอกเร้นลับไม่ทราบ? ในเมื่อเจ้ารู้ข้อมูลผู้อื่นเขาอยยู่ก่อนเช่นนั้นยังจะมีผู้ใดชนะเดิมพันเจ้าได้เล่า เจ้าคิดว่าข้าหยวนเล่ยจะโดนเจ้าหลอกต้มได้ง่ายๆหรือไร!?”

 

แม้การกระทำของซูเฟิงหยางจะทำให้มันบังเกิดอาการอยากทุบตีผู้คนขึ้นมาตงิดๆ แต่หยวนเล่ยก็ไม่คิดจะสนใจอีกฝ่าย เพียงหันไปมองร่างในชุดสีม่วงไกลตาด้วยความสนใจ

 

นักศึกษาใหม่นาม ต้วนหลิงเทียน คนนี้ ทำให้มันประหลาดใจครั้งใหญ่แล้วจริงๆ

 

มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่านักศึกษาใหม่ผู้นี้ไม่เพียงแต่จะมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะสูงเท่านั้น แต่ความเข้าใจยังเลิศล้ำ แถมความสำเร็จในกฏมิติก็ขู่ขวัญมันไม่น้อย!

 

พลังฝีมือระดับนี้ เหนือกว่านักศึกษา 10 ดาวทั้งหมดของสถานศึกษาหมอกเร้นลับแน่นอน!

 

“อาจารย์ซู”

 

ท่ามกลางสายตาซับซ้อนของทุกคน ต้วนหลิงเทียนที่ยืนอยู่บนเวทีประลองยังคงมีสีหน้าท่าทีสงบนิ่งเฉย และหลังจากหงจวิ้นยอมรับความพ่ายแพ้ เขาก็หันไปมองซูเฟิงหยางพลางถามทันที “ตอนนี้ข้าสมควรท้าทายนักศึกษาในหอพักระดับสูงได้แล้วกระมัง?”

 

“ย่อมได้”

 

ซูเฟิงหยางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “มีนักศึกษาในหอพักระดับสูง 5 คน…2 ในนั้นมิได้อ่อนแอไปกว่าหงจวิ้น ส่วนอีก 3 คนที่เหลือ…”

 

ถึงแม้ซูเฟิงหยางจะไม่ได้กล่าวต่อให้จบประโยค แต่บทสนทนาของนักศึกษาที่มาชมดูโดยรอบ ก็ได้มอบคำตอบที่ดีที่สุดให้ต้วนหลิงเทียนเรียบร้อย

 

‘ในบรรดา 3 คนที่ว่า มีคนมาจากตระกูลจ้งแห่งเมืองวายุสวรรค์ด้วยงั้นรึ?’

 

และหลังจากได้ยินบทสนทนาของนักศึกษาโดยรอบ สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง ในใจยังคิดถึง จ้งซื่อ นายท่าน 4 แห่งตระกูลจ้งที่เคยขู่เขาในงานประมูลตระกูลโจวเมื่อครึ่งเดือนก่อนทันที

 

ดูเหมือนว่าเวลาที่เขาจะได้เอาคืนมันทางอ้อม จะมาถึงแล้ว…

 

“อาจารย์ซู”

 

ต้วนหลิงเทียน หันไปมองซูเฟิงหยางอีกครั้งและกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “นักศึกษา 10 ดาวในหอพักระดับสูงที่ข้าอยากท้าก็คือ จ้งเค่อฉี”

 

จ้งเค่อฉี เป็นนักศึกษา 10 ดาวซึ่งครอบครองหอพักระดับสูงของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ และยังเป็นลูกชายคนเดียวของนายท่าน 2 แห่งตระกูลจ้ง กล่าวได้ว่ามันเป็นทายาทสายตรงคนหนึ่งของตระกูลจ้ง

 

นอกจากนั้น ผู้นำตระกูลจ้งคนปัจจุบันก็ไม่ได้แต่งงานมีครอบครัวไร้บุตรธิดา มันจึงปฏิบัติต่อลูกชายของน้องชายคนเล็กมันอย่างนายท่าน 2 ตระกูลจ้งเหมือนลูกชายแท้ๆของตัวเอง

 

ภาในตระกูลจ้ง หรือแม้แต่ผู้คนในเมืองวายุสวรรค์ ก็คาดกันว่า…

 

หากไม่มีเหตุผิดพลาดใดๆ จ้งเค่อฉีต้องได้ขึ้นนั่งเก้าอี้ผู้นำตระกูลจ้งคนต่อไปแน่นอน

 

เป็นเพราะเหตุนี้เองทำให้จ้งเค่อฉีมีฐานะและความเป็นมาไม่ธรรมดาในเมืองวายุสวรรค์แห่งนี้ ในบรรดาคนรุ่นเดียวกับมัน มีน้อยคนนักที่จะหาญกล้าล่วงเกินมันโดยง่าย…ทำให้ถึงแม้ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ พลังฝีมือมันจะไม่ถึงขั้น แต่มันก็สามารถยึดครองหอพักระดับสูงของนักศึกษา 10 ดาวได้ง่ายๆ เพราะฐานะของมัน ทำให้ไม่มีใครกล้าพูดอะไร…

 

และน้อยคนนักที่จะกล้าท้าทาย ซึ่งจะเป็นการล่วงเกินมัน

 

เป็นธรรมดาว่วาไม่ใช่นักศึกษาทุกคนในสถานศึกษาหมอกเร้นลับจะไม่กล้าล่วงเกินมัน

 

ยังมีอีก 2-3 คนที่กล้าท้าทายมัน แต่ทั้งหมดก็ล้วนอยู่ในหอพักระดับสูงกันหมดแล้ว จึงไม่ถึงขั้นต้องแข่งขันอะไรกับจ้งเค่อฉี

 

“จ้งเค่อฉี!?”

 

“อะไรนะ!? ต้วนหลิงเทียนคิดจะท้าจ้งเค่อฉีผู้นั้นงั้นเรอะ!?”

 

 

พอได้ยินต้วนหลิงเทียนเอ่ยชื่อเป้าหมายที่คิดจะท้าทายออกมา ไม่ทันที่ซูเฟิงหยางจะได้พูดอะไร ก็เป็นเหล่านักศึกษา 10 ดาวทั้งหลายโพล่งกันออกมาด้วยความตกตะลึง ด้วยไม่มีใครคิดฝันว่าต้วนหลิงเทียนจะหาญกล้าท้าทายจ้งเค่อฉี นายน้อยของตระกูลจ้งผู้นั้น!

 

ในเมืองวายุสวรรค์ จ้งเค่อฉีได้รับการยอมรับจากทุกคนว่าเป็นนายน้อยแห่งตระกูลจ้ง

 

บัดนี้กระทั่งหงจวิ้นเอง ก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

 

“ต้วนหลิงเทียน!”

 

ทันใดนั้นเอง เสียงผ่านพลังของติงเหยียนพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง และน้ำเสียงของมันยังจริงจังเคร่งขรึมกว่าที่เคย “จ้งเค่อฉีผู้นั้น มันเป็นดั่งความภาคภูมิใจของตระกูลจ้งในปัจจุบัน ถึงแม้พรสวรรค์กับความเข้าใจของมันจะไม่ถึงขั้นโดดเด่นที่สุดในคนรุ่นเดียวกันของตระกูลใหญ่อื่นๆ แต่สถานะของมัน กล่าวได้ว่าสุดจัดในรุ่นก็ไม่เกินเลย…”

 

“หากเจ้าท้าทายปล้นชิงหอพักของมัน ข้าเกรงว่าตระกูลจ้งอาจจะไม่พอใจ เพราะสุดท้ายแล้วเจ้าจ้งเค่อฉีนั่น มันก็คือตัวตนที่สามารถเป็นตัวแทนของทั้งตระกูลจ้งได้”

 

ติงเหยียนกล่าวเตือนด้วยความหวังดี

 

และหลังจากเสียงผ่านพลังกล่าวเตือนของติงเหยียนดังจบ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงผ่านพลังของหลิวจินดังขึ้นติดๆ แน่นอนว่าเป็นวาจาทำนองเดียวกัน

 

“ต้วนหลิงเทียน เจ้าแน่ใจหรือว่าจักท้าทายจ้งเค่อฉี?”

 

ซูเฟิงหยางที่สองตาเป็นประกายสว่างจ้า หันไปมองถามต้วนหลิงเทียนเพื่อขอคำยืนยัน

 

ถึงแม้มันจะบังเกิดความประทับใจอันดีต่อต้วนหลิงเทียนไม่น้อย แต่มันก็ไม่คิดโน้มน้าวต้วนหลิงเทียนเหมือนติงเหยียนกับหลิวจิน เพราะมันเองก็ไม่ชอบบรรยากาศที่เป็นอยู่ในปัจจุบันของนักศึกษา 10 ดาว และเป็นเหมือนอาจารย์คนอื่นๆในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ที่หวังให้เกิด ‘ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่’ ในหมู่นักศึกษา 10 ดาว

 

ก่อนหน้านี้อาจารย์ลุงของมันอวิ๋นฮุ่ย ก็ได้กล่าวบอกมันไว้แล้ว ว่าการปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียน จะทำลายสภาวะอิ่มตัวของนักศึกษา 10 ดาว…

 

และตอนนี้การท้าทายจ้งเค่อฉีของต้วนหลิงเทียน ก็เป็นดั่งการโหมโรงของความเปลี่ยนแปลงไม่มีผิด…

 

“ข้าแน่ใจ”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ค่อยกล่าวออกมาอีกครั้งว่า “อาจารย์ซู อย่างไรก็ตามข้าได้ยินมาว่าพลังฝีมือของจ้งเค่อฉีผู้นั้น ยังสู้หงจวิ้นไม่ได้ด้วยซ้ำ เช่นนั้นต่อให้ข้าท้ามันไป มันก็ไม่น่าจะกล้าสู้กับข้า…”

 

“ในเมื่อเป็นแบบนั้น…หรือหลังจากที่ข้าส่งสาส์นท้าประลองถึงมันแล้ว ข้าทำได้แค่เฝ้ารอให้หมดเวลา ถึงจะเข้าไปอยู่ในหอพักของมันได้?”

 

กล่าวถึงจุดนี้ หว่างคิ้วต้วนหลิงเทียนก็ขดย่นเป็นปม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดจะเสียเวลารออย่างเปล่าประโยชน์

 

“ตามกฏแล้ว…ก็ทำได้แค่รอ”

 

ซูเฟิงหยางได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆออกมา นี่เป็นกฏในการท้าทายหอพักนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ไม่ใช่อะไรที่มันจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้…

 

ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็สนับสนุนการตัดสินใจท้าทายจ้งเค่อฉีของต้วนหลิงเทียน

 

เพราะมันเชื่อว่าคณบดีของสถานศึกษาหมอกเร้นลับแห่งนี้ ต้องปกป้องต้วนหลิงเทียนอย่างสุดความสามารถแน่นอน…ท้ายที่สุดเรื่องนี้คณบดีก็เคยประกาศไปแล้ว แถมตัวคณบดีเองก็เป็นผู้ที่รักถนอมอัจฉริยะมาโดยตลอด อาศัยพรสวรรค์และความเข้าใจของต้วนหลิงเทียน คณบดีย่อมเล็งเห็นคุณค่าแน่นอน

 

“เหอะ!”

 

ทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงพ่นลมหายใจเยียบเย็นหนึ่งดังขึ้นแต่ไกล จากนั้นก็ปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดหรูหราเหินมาถึงพื้นที่ใกล้เคียงเวทีประลองอย่างประจวบเหมาะ ไม่นานนักมันก็เหินร่างมาหยุดลอยเหนือเวทีประลองหลังโถง 10 ดาวอย่างองอาจ

 

“จ้งเค่อฉี!”

 

“ดูเหมือนจะมีคนเรียกมันมา กระทั่งบอกให้มันรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่…”

 

 

ทันทีที่ชายหนุ่มในชุดหรูหราปรากฏตัวขึ้น มันก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนไปทันที

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+