War sovereign Soaring The Heavens 3650

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3650 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

WSSTH ตอนที่ 3650 : สิ้นสุดการทดสอบ

 

ระหว่างลาดตระเวนเข่นฆ่าสัตว์อสูรในพื้นที่ทดสอบนั้น ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงไม่เจอจ้งเค่อฉีเท่านั้น กระทั่งติงเหยียน โหวชิ่งหนิง รวมถึงหลิวจินเขาก็ไม่เจอ เพียงเจอนักศึกษา 10 ดาวคนอื่นกว่าโหลแทน

 

นักศึกษา 10 ดาวกว่าโหลที่ว่า กล่าวไปก็แทบจะเป็นครึ่งหนึ่งของนักศึกษา 10 ดาวแล้ว

 

“ต้วนหลิงเทียน!”

 

พอต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงจุดรวมพล เขาก็พบว่ามีนักศึกษาที่กลับมาก่อนเขาจับกลุ่มคุยกันกลางหาวเกินโหลแล้ว จากนั้นไม่ทันไรเขาก็ได้ยินเสียงเรียกหาหนึ่งดังมาแต่ไกล มองไปก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นติงเหยียนเอง

 

ด้านติงเหยียนพอเห็นต้วนหลิงเทียนกลับมาโดยสวัสดิภาพ มันก็อดระบายลมหายใจออกมาอยางโล่งอกไม่ได้

 

และรอยยิ้มโล่งใจที่คลี่กางขึ้นบนใบหน้ามันพอตกอู่ในสายตาของต้วนหลิงเทียน ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกซาบซึ้งใจอยู่บ้าง ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหว

 

ถึงแม้เขากับติงเหยียนอาจพูดได้ว่าเป็นสหายกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมากนัก

 

การที่ติงเหยียนจะหวังดีกับเขาแบบนี้ มันเป็นอะไรที่หาได้ยากไม่น้อย

 

“เจ้ากลับมานานแล้ว?”

 

หลังต้วนหลิงเทียนเหินร่างไปหาติงเหยียนพลางยิ้มถาม เขาก็สัมผัสได้ว่า สายตา 4 คู่ของอาจารย์สถานศึกษาหมอกเร้นลับนั้นจับจ้องมาที่เขาไม่วางตา

 

ในดวงตาอวี๋เชียนซานยังเผยประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่งไม่ทราบคิดอ่านอะไรอยู่ ส่วนแววตาของอาจารย์อีก 2 คนก็เผยความประหลาดใจให้เห็นชัด

 

จะมีก็แต่สายตาของจู้ชุนที่ยังคงสงบ แต่อันที่จริงในใจจู้ชุนตอนนี้เสมือนมีมรสุมโหมกระหน่ำ

 

“ก็ไม่นานนักหรอก ยังกลับมาก่อนเจ้าไม่ถึง 2 เค่อด้วยซ้ำ”

 

ติงเหยียนส่ายหัวพลางกล่าว

 

“แต่หลังข้ากลับมาก็ได้ยินคนพูดกันว่า…เจ้า 2 คนนั่นมันกลับมาก่อนใคร”

 

ขณะกล่าวประโยคนี้ สายตาติงเหยียนก็เบือนไปตกยังร่าง จ้งเค่อฉีกับจ้งเฮ่อเหลียงที่ลอยร่างอยยู่ด้านหลังจู้ชุน “เท่าที่ข้าฟังมาเห็นว่าพวกมันทั้งคู่บาดเจ็บสาหัส…อย่างไรก็ตาม ดูสารรูปอยู่ดีของพวกมันตอนนี้ คงมีแต่ผีเท่านั้นล่ะที่เชื่อ!”

 

ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็หันไปมองตามสายตาติงเหยียนทันที จนเห็นร่าง 2 ร่างคุ้นตาหลังจู้ชุน

 

เขาไม่แปลกใจนักที่ทั้งคู่จะกลับมาเร็ว

 

เพราะทันทีที่ตระกูลจ้งทราบเรื่องที่หน่วยเดนตายทั้ง 17 คนถูกฆ่าหมดสิ้น ไม่พ้นต้องเร่งส่งข้อความบอกให้ทั้งคู่ถอนตัวจากการทดสอบทันทีแน่ เพื่อไม่ให้ถูกเขาพบเจอแล้วฆ่าเอา!

 

ถึงแม้ว่าคราวนี้หน่วยเดนตายตระกูลจ้งจะตกตายด้วยน้ำมือต้วนหลิงเทียน

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเดนตายเหล่านั้น ไม่ว่าใครก็ตกตายลงแทบจะทันที ทำให้ไม่มีใครสามารถรายงานกลับไปยังตระกูลจ้งได้ทัน เช่นนั้นตระกูลจ้งเองก็ไม่รู้เลยว่าที่แท้พวกมันตายเพราะเขาหรือใครกันแน่

 

อย่างไรก็ตาม จะตายเพราะเขาก็ดีหรือด้วยน้ำมือคนอื่นก็ดี ทางตระกูลจ้งก็ไม่กล้าปล่อยให้จ้งเค่อฉีรั้งอยู่ในการทดสอบนักศึกษา 10 ดาวแน่นอน เพราะจ้งเค่อฉีไม่เหลือมือดีคอยคุ้มกันแล้ว

 

“พวกเจ้า หนีไวดีนี่…”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนมองไปยังจ้งเค่อฉี เขาก็ไม่ลืมส่งเสียงผ่านพลังไปถึงมัน “สักวันทั้งหมดที่ตระกูลจ้งทำกับข้า ข้าจะให้พวกเจ้าชดใช้พร้อมดอกเบี้ย…และหวังว่าเจ้าจะโชคดีเหมือนครานี้ทุกครั้ง”   หลังส่งเสียงผ่านพลังเสร็จ ต้วนหลิงเทียนก็เพียงม้องจ้องจ้งเค่อฉีด้วยสายตาลึกล้ำปราดหนึ่งก่อนจะเลิกสนใจมัน ด้านจ้งเค่อฉีพอได้ยยินเสียงผ่านพลังรวมถึงสายตาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ในใจก็เสมือนมีไอเย็นเยียบปกคลุมทันที ยังเริ่มคิดขึ้นมาว่าไม่น่าตั้งตัวเป็นศัตรูกับชายหนุ่มผู้นั้นเลย…

 

อย่างไรก็ตาม ความคิดดังกล่าวปรากฏขึ้นในหัวมันไม่ทันไร มันก็สะกดเอาไว้ทันที

 

จากนั้นมันก็เลิกสนใจต้วนหลิงเทียน และหันไปส่งข้อความหาอา 3 จ้งซัน รวมถึงจ้งเอ้อผู้เป็นบิดาของมันทันที เนื้อความก็คือเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวข่มขู่มัน “อา 3 ต้วนหลิงเทียนมันต้องตาย…หาไม่แล้ววันหน้าข้ารวมถึงตระกูลจ้งของพวกเรา ต้องตกเป็นเป้าล้างแค้นของมันแน่!”

 

“ท่านพ่อ หากต้วนหลิงเทียนไม่ตายในเร็ววัน วันหน้าไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้นที่จะมีอันเป็นไป…กระทั่งตระกูลจ้งของพวกเรามีหวังได้ถูกฆ่าล้างหมดสิ้นแน่!”   และข้อความที่จ้งเค่อฉีส่งไปรอบนี้ ก็ทำให้จ้งซันกับจ้งเอ้อคิดหนักทันที ดวงตาแต่ละคนยังฉายชัดถึงจิตสังหารขึ้นมาโดยพลัน

 

ทั้งคู่ล้วนเป็นตัวตนขอบเขตราชาเทพ เมื่อบังเกิดจิตสังหารเช่นนี้ ผู้คนรอบกายย่อมสัมผัสได้ทันที

 

“พี่รอง ท่านเป็นอันใดไป?”

 

ข้างกายของจ้งเอ้อ ก็พอดีมีจ้งต้า ผู้นำตระกูลจ้งอยู่ใกล้ๆ พอมันตระหนักได้ถึงจิตสังหารของอีกฝ่าย ก็เลยอดถามออกมาไม่ได้

 

“พี่ใหญ่….”

 

และหลังจากจ้งเอ่อเล่าเรื่องราวออกมา สองตาจ้งต้าก็เผยจิตสังหารอำมหิตเช่นกัน “หลังข้ากับไปถึงตระกูลเมื่อใด ข้าจักส่งมือดีขอบเขตราชาเทพออกไปทุกคน เพื่อหาทางฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่นให้จงได้…หาไม่แล้วเกรงว่าคราวนี้ตระกูลจ้งของเราต้องประสบกับภัยพิบัติแล้วจริงๆ!”

 

หากบอกว่าตอนแรกมันไม่ได้จริงจังอะไรกับเรื่องต้วนหลิงเทียนล่ะก็…   มาตอนนี้พอได้รับทราบว่า ต้วนหลิงเทียนกำลังจะถูกมู่หรงสุยเฟิงใช้สิทธิ์แนะนำให้เข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับล่วงหน้า รวมถึงอาจถูกเสนอชื่อให้พิจารณาเป็นศิษย์หลัก ในใจจ้งต้าก็ตระหนักถึงวิกฤตกาลทันที

 

เพราะหากอีกฝ่ายได้เป็นศิษย์หลักนิกายหมอกเร้นลับขึ้นมา วันหน้าเมื่อเติบโตขึ้น ตระกูลจ้งไม่พ้นถูกอีกฝ่ายย้อนกลับบมาย่ำจนราบเป็นหน้ากลองแน่!

 

ด้านต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ก็ไม่รู้เลยว่าระดับสูงของตระกูลจ้งตอนนี้กำลังร้อนใจกันแค่ไหน

 

แต่เป็นธรรมดาว่าถึงเขาจะรู้ เขาก็ไม่สนใจอยู่ดี

 

ตั้งแต่ที่ตระกูลจ้งส่งพวกเดนตายมาฆ่าเขา เขากับตระกูลจ้งก็ถูกกำหนดให้ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้ เข้าทำนอง ‘ไม่ท่านตายก็ข้าม้วย!’

 

ตั้งแต่มาถึงดินแดนดาราพิศวง นี่นับเป็นครั้งแรกเลยที่เขาบังเกิดจิตคิดฆ่าล้างตระกูลใดตระกูลหนึ่ง!  

 

ต้องทราบด้วยว่าตอนที่เกิดเรื่องในละแวกเมืองหลินซาน แม้หมู่บ้านตระกูลต้วนทิศใต้จะถูกฆ่าล้างโดยนายน้อยในเมืองหลินซาน เขาเองก็เพียงไปหาความและคิดบัญชีกับนายน้อยผู้นั้นรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ไม่ได้คิดจะระบายโทสะโดยการฆ่าล้างตระกูล

 

แต่คราวนี้มันต่างออกไป

 

อีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะคิดฆ่าเขา ยังใช้กำลังของตระกูลเพื่อฆ่าเขาด้วย!

 

“ต้วนหลิงเทียน”

 

ไม่นานนักโหวชิ่งหนิงก็กลับมาถึงจุดรวมพล และพอเห็นต้วนหลิงเทียนปลอดภัยดี ใบหน้ามันก็ปรากฏรอยยิ้มคลี่กางขึ้น “พอเห็นว่าเจ้ายังปลอดภัยดีอยู่ ข้าก็พอได้โล่งใจขึ้นมาหน่อย…ครั้งนี้ข้ากลัวเจ้าจะเกิดเรื่องด้านในไม่น้อย ว่าแต่เป็นอย่างไรบ้างเล่า แล้วเจ้ากลับมานานหรือยัง?”

 

พอโหวชิ่งหนิงเปิดปาก มันก็กล่าวถามออกมาอย่างเปิดเผยไม่อ้อมค้อม  ถึงแม้ตระกูลจ้งจะเป็นขุมกำลังระดับราชาเทพ อีกทั้งยังเป็นดั่งงูดินเจ้าที่ในเมืองวายุสวรรค์ แต่มันก็ไม่ได้กลัวตระกูลจ้งแม้แต่นิดเดียว เพราะมันรู้ดีว่าตระกูลจ้งเองหากไม่ถึงที่สุดก็ไม่กล้าแตกหักกับนิกายหมื่นจันทราที่อยู่เบื้องหลังมัน

 

“อย่างที่เจ้าว่าไว้ไม่มีผิด คราวนี้มีพวกเดนตายแห่กันมาอุ่นหนาฝาคั่งทีเดียว…แต่พวกมันก็ล้วนไปเมืองผีกันหมดสิ้น”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ

 

“ตายหมดเลยรึ?”

 

ได้ยินคำพูดเคล้าเสียงหัวเราะของต้วนหลิงเทียน โหวชิ่งหนิงก็ถึงกับอึ้ง “นี่เจ้า…ฆ่าพวกมันทั้งหมดเพียงลำพัง?”

 

มันไม่ได้แปลกใจอะไรหากพบว่าต้วนหลิงเทียนสามารถฆ่าเทพขั้นสูง 1-2 คนได้…แต่คราวนี้ ตระกูลจ้งไหนเลยจะส่งพวกเดนตายมาแค่ไม่กี่คนเพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียน

 

แต่กระนั้น ต้วนหลิงเทียนกลับฆ่าพวกมันหมดสิ้น?

 

“ตอนแรกก็มีพวกมันเล่นมาทำลับๆล่อๆอยู่ใกล้ๆข้าไม่กี่คน พอข้าพบพวกมัน ข้าก็ชิงฆ่าพวกมันทันที…หลังจากนั้นพวกมันก็ทยอยกันมาทีละคนๆ ข้าเองก็ค่อยๆไล่ฆ่าไปทีละคนๆ สุดท้ายไปๆมาๆก็ฆ่าพวกมันจนหมด”

 

ฟังจากคำพูดไม่อีนังขังขอบของต้วนหลิงเทียนแล้ว ราวกับเรื่องราวที่กล่าวเป็นแค่เรื่องไม่สลักสำคัญอะไร

 

“เอ่อ…พวกมันซุ่มอยู่ แต่เจ้ากลับพบตัวพวกมันหรือ?”

 

โหวชิ่งหนิงที่จับใจความสำคัญได้ กล่าวถามไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

อันที่จริงมันก็มีคาดเดาไว้บ้างแล้ว ว่าหากมีพวกเดนตายมาตามฆ่าต้วนหลิงเทียนในพื้นที่ทดสอบ จะอย่างไรก็ต้องกระจายตัวแยกย้ายกันออกค้นหาก่อนแน่…

 

ทว่ามันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะค้นพบพวกเดนตายที่ซุ่มอยู่ และชิงลงมือฆ่าพวกมันก่อน…

 

ต้องทราบด้วยว่าพวกเดนตายของตระกูลจ้งหรือตระกูลไหนๆ อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นเทพขั้นสูง!

 

“พวกมันซ่อนตัวไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่…”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มพลางกล่าว

 

“เจ้านี่นะ…ช่างโชคดีจริงๆ!”

 

โหวชิ่งหนิงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

มันคิดแค่ว่าครั้งนี้เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนโชคดี ที่พบเจอพวกเดนตายฝีมือต่ำทรามของตระกูลจ้งก่อน จากนั้นก็ฉกฉวยโอกาสเข่นฆ่าอีกฝ่ายไปทีละคนๆก่อนที่จะทันได้รวมกลุ่มกัน เพราะหากโชคไม่ดี พวกเดนตายที่พบเจอต้วนหลิงเทียนเป็นคนแรกมีฝีมือสูงเข้าหน่อย จนสามารถซ่อนตัวได้อย่างมิดชิด ถึงตอนนั้นถ้าเรียกระดมพลมากลุ้มรุมได้ ต้วนหลิงเทียนก็รอดยากแล้ว…

 

“พวกเดนตายที่ตระกูลจ้งส่งมาครานี้ คงไม่มีชนชั้นหัวหน้าหน่วยกระมัง…หาไม่แล้วหากมาสักคน เจ้าเองก็คงยากจะเป็นคู่มือมันได้”

 

โหวชิ่งหนิงกล่าวออกมาสืบต่อ

 

หัวหน้าหน่วยเดนตาย?

 

ได้ยินคำพูดของโหวชิ่งหนิง ต้วนหลิงเทียนก็เพียงคลี่ยิ้มบางๆเท่านั้นแต่ไม่ได้ตอบอะไร เพราะหากเขาไม่ผิดพลาด สมควรมีหัวหน้าหน่วยเดนตายของตระกูลจ้งถูกเขาฆ่าด้วย

 

อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดจะพูดออกไป

 

เพราะสุดท้ายการจะฆ่าชนชั้นหัวหน้าหน่วยของพวกเดนตายได้ พลังที่ใช้อย่างน้อยๆก็ต้องมากกว่าตอนที่เผยออกมาขณะประมือกับหงจวินในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ

 

ไม่นานนัก เหล่านักศึกษา 10 ดาวก็ทยอยกันออกมาจากพื้นที่ทดสอบทีละคนๆ มองไปก็พบเห็นนักศึกษาบาดเจ็บไม่กี่คนเท่านั้น และทุกคนล้วนกลับออกมาจากพื้นที่ทดสอบทั้งยังมีชีวิต

 

“พวกเจ้าส่งป้ายเก็บคะแนนมาให้ข้า”

 

เมื่อเห็นว่านักศึกษามากันครบแล้ว อวี๋เชียนซานก็กวาดตามองต้วนหลิงเทียนรวมถึงนักศึกษา 10 ดาวทั้งหมดรอบหนึ่ง ค่อยกล่าวออกมา

 

ตอนที่รับป้ายเก็บคะแนนของคนอื่นมาตรวจก็ไม่นับเป็นอะไร ทว่าพอรับป้ายเก็บคะแนนของต้วนหลิงเทียนมา และตรวจพบคะแนนในป้าย อวี๋เชียนซานก็อดไม่ได้ที่จะสะดุ้งไปอย่างเสียอาการ จากนั้นก็หันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเลื่อนลอยอยู่นาน…

 

และฉากดังกล่าว ก็ตกอยู่ในสายตาของทุกคน

 

”เกิดอะไรขึ้น?”

 

“ไฉนอาจารย์อวี๋เชียนซานถึงแลดูประหลาดใจนักเล่า?”

 

“สวรรค์! ที่แท้ในป้ายเก็บคะแนนของต้วนหลิงเทียนมันมีคะแนนทดสอบกี่แต้มกันแน่ ไฉนถึงทำให้อาจารย์อวี๋เอ๋อไปเช่นนั้น?!”

 

 

นักศึกษา 10 ดาวหลายคนอดโพล่งขึ้นมาด้วยความอยากรู้ไม่ได้  และจังหวะนี้ไม่ใช่แค่นักศึกษา 10 ดาวเท่านั้น กระทั่งจู้ชนรวมถึงอาจารย์คนอื่นๆอีก 3 คนของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ก็มองอวี๋เชียนซานด้วยสายตาอยากรู้เช่นกัน อาจารย์บางคนก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอวี๋เชียนซานออกมาตรงๆ “อาจารย์อวี๋ มิทราบในป้ายเก็บคะแนนของต้วนหลิงเทียน…มันมีคะแนนทดสอบกี่แต้มหรือ?”

 

“รอให้กลับไปก่อน พอข้าติดป้ายประกาศแล้ว เดี๋ยวก็รู้เอง”

 

อวี๋เชียนซานกล่าวพลางคลี่ยิ้มมีเลศนัย ออกอาการให้ผู้คนสงสัยว่าในน้ำเต้าขายยาอันใด

 

เพราะอวี๋เชียนซานทำเป็นลี้ลับ ยังผลให้ทุกคนบังเกิดอาการคันในหัวใจยากจะเกาขึ้นมาตงิดๆ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครพูดอะไร และติดตามอวี๋เชียนซานที่เหินร่างนำ กลับสู่สถานศึกษาอย่างค้างคาใจ

 

ระหว่างเดินทางกลับโหวชิ่งหนิงที่เหินร่างอยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียน ก็อดถามต้วนหลิงเทียนออกมาไม่ได้ “ต้วนหลิงเทียน…ที่แท้เจ้าเก็บคะแนนได้เท่าไหร่กันแน่?”   

 

“อาจารย์อวี๋ไม่ได้บอกไปแล้วหรือไร…เดี๋ยวกลับไป รอให้ติดประกาศเมื่อไหร่ก็รู้เอง”

 

ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ พลางยืมคำพูดของอวี๋เชียนมากล่าว

 

ก่อนที่เขาจะกับมาจุดรวมพล เขาก็เชื่อมั่นว่าคะแนนทดสอบของเขาสมควรสูงกว่าผู้อื่นแน่นอน…เพราะสุดท้ายแล้วความเร็วในการล่าสัตว์อสูรของเขา ก็ไม่ใช่อะไรที่ใครจะเทียบได้ ให้เป็นโหวชิ่งหนิงกับหงจวินก็เทียบไม่ได้

 

พอได้ยินต้วนหลิงเทียนตอบมาอย่างยียวน โหวชิ่งหนิงก็ได้แต่เบ้ปากมองบน “เจ้ามันโจรน้อยชัดๆ กระทั่งคำพูดอาจารย์อวี๋ยังโขมยมาได้!”

 

“เฮ่ ติงเหยียน”

 

โหวชิ่งหนิงที่ขัดใจกับคำตอบของต้วนหลิงเทียน ก็หันไปมองถามติงเหยียนที่เหินร่างอีกข้างของต้วนหลิงเทียนแทน “ว่าแต่เจ้าเล่า คราวนี้ได้คะแนนทดสอบกี่แต้ม?”

 

“8,000 กว่าๆ”   ติงเหยียนกล่าวตอบตรงๆ

 

โหวชิ่งหนิงพยักหน้า “ไม่เลวเลยนี่…ใกล้ถึงหมื่นแต้มแล้ว!”

 

“แล้วเจ้าเล่า?”

 

ติงเหยียนถามกลับด้วยความสงสัย

 

“ข้าหรือ?”

 

โหวชิ่งหนิงคลี่ยิ้มพลางกล่าวตอบออกมาเสียงดังฟังชัดอย่างภาคภูมิใจ “นับว่าดีกว่าครั้งที่แล้วมาก…ข้าทำคะแนนได้เกิน 20,000 แต้ม”

 

“อะไร! เกิน 20,000 แต้ม!?”

 

ใบหน้าติงเหยียนฉายความตะลึงออกชัด “การทดสอบครั้งก่อน…ไม่ใช่ว่าคนที่ได้คะแนนทดสอบสูงสุด ยังได้ไม่ถึง 20,000 แต้มมิใช่หรือ?”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3650

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3650 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

WSSTH ตอนที่ 3650 : สิ้นสุดการทดสอบ

 

ระหว่างลาดตระเวนเข่นฆ่าสัตว์อสูรในพื้นที่ทดสอบนั้น ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงไม่เจอจ้งเค่อฉีเท่านั้น กระทั่งติงเหยียน โหวชิ่งหนิง รวมถึงหลิวจินเขาก็ไม่เจอ เพียงเจอนักศึกษา 10 ดาวคนอื่นกว่าโหลแทน

 

นักศึกษา 10 ดาวกว่าโหลที่ว่า กล่าวไปก็แทบจะเป็นครึ่งหนึ่งของนักศึกษา 10 ดาวแล้ว

 

“ต้วนหลิงเทียน!”

 

พอต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงจุดรวมพล เขาก็พบว่ามีนักศึกษาที่กลับมาก่อนเขาจับกลุ่มคุยกันกลางหาวเกินโหลแล้ว จากนั้นไม่ทันไรเขาก็ได้ยินเสียงเรียกหาหนึ่งดังมาแต่ไกล มองไปก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นติงเหยียนเอง

 

ด้านติงเหยียนพอเห็นต้วนหลิงเทียนกลับมาโดยสวัสดิภาพ มันก็อดระบายลมหายใจออกมาอยางโล่งอกไม่ได้

 

และรอยยิ้มโล่งใจที่คลี่กางขึ้นบนใบหน้ามันพอตกอู่ในสายตาของต้วนหลิงเทียน ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกซาบซึ้งใจอยู่บ้าง ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหว

 

ถึงแม้เขากับติงเหยียนอาจพูดได้ว่าเป็นสหายกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมากนัก

 

การที่ติงเหยียนจะหวังดีกับเขาแบบนี้ มันเป็นอะไรที่หาได้ยากไม่น้อย

 

“เจ้ากลับมานานแล้ว?”

 

หลังต้วนหลิงเทียนเหินร่างไปหาติงเหยียนพลางยิ้มถาม เขาก็สัมผัสได้ว่า สายตา 4 คู่ของอาจารย์สถานศึกษาหมอกเร้นลับนั้นจับจ้องมาที่เขาไม่วางตา

 

ในดวงตาอวี๋เชียนซานยังเผยประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่งไม่ทราบคิดอ่านอะไรอยู่ ส่วนแววตาของอาจารย์อีก 2 คนก็เผยความประหลาดใจให้เห็นชัด

 

จะมีก็แต่สายตาของจู้ชุนที่ยังคงสงบ แต่อันที่จริงในใจจู้ชุนตอนนี้เสมือนมีมรสุมโหมกระหน่ำ

 

“ก็ไม่นานนักหรอก ยังกลับมาก่อนเจ้าไม่ถึง 2 เค่อด้วยซ้ำ”

 

ติงเหยียนส่ายหัวพลางกล่าว

 

“แต่หลังข้ากลับมาก็ได้ยินคนพูดกันว่า…เจ้า 2 คนนั่นมันกลับมาก่อนใคร”

 

ขณะกล่าวประโยคนี้ สายตาติงเหยียนก็เบือนไปตกยังร่าง จ้งเค่อฉีกับจ้งเฮ่อเหลียงที่ลอยร่างอยยู่ด้านหลังจู้ชุน “เท่าที่ข้าฟังมาเห็นว่าพวกมันทั้งคู่บาดเจ็บสาหัส…อย่างไรก็ตาม ดูสารรูปอยู่ดีของพวกมันตอนนี้ คงมีแต่ผีเท่านั้นล่ะที่เชื่อ!”

 

ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็หันไปมองตามสายตาติงเหยียนทันที จนเห็นร่าง 2 ร่างคุ้นตาหลังจู้ชุน

 

เขาไม่แปลกใจนักที่ทั้งคู่จะกลับมาเร็ว

 

เพราะทันทีที่ตระกูลจ้งทราบเรื่องที่หน่วยเดนตายทั้ง 17 คนถูกฆ่าหมดสิ้น ไม่พ้นต้องเร่งส่งข้อความบอกให้ทั้งคู่ถอนตัวจากการทดสอบทันทีแน่ เพื่อไม่ให้ถูกเขาพบเจอแล้วฆ่าเอา!

 

ถึงแม้ว่าคราวนี้หน่วยเดนตายตระกูลจ้งจะตกตายด้วยน้ำมือต้วนหลิงเทียน

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเดนตายเหล่านั้น ไม่ว่าใครก็ตกตายลงแทบจะทันที ทำให้ไม่มีใครสามารถรายงานกลับไปยังตระกูลจ้งได้ทัน เช่นนั้นตระกูลจ้งเองก็ไม่รู้เลยว่าที่แท้พวกมันตายเพราะเขาหรือใครกันแน่

 

อย่างไรก็ตาม จะตายเพราะเขาก็ดีหรือด้วยน้ำมือคนอื่นก็ดี ทางตระกูลจ้งก็ไม่กล้าปล่อยให้จ้งเค่อฉีรั้งอยู่ในการทดสอบนักศึกษา 10 ดาวแน่นอน เพราะจ้งเค่อฉีไม่เหลือมือดีคอยคุ้มกันแล้ว

 

“พวกเจ้า หนีไวดีนี่…”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนมองไปยังจ้งเค่อฉี เขาก็ไม่ลืมส่งเสียงผ่านพลังไปถึงมัน “สักวันทั้งหมดที่ตระกูลจ้งทำกับข้า ข้าจะให้พวกเจ้าชดใช้พร้อมดอกเบี้ย…และหวังว่าเจ้าจะโชคดีเหมือนครานี้ทุกครั้ง”   หลังส่งเสียงผ่านพลังเสร็จ ต้วนหลิงเทียนก็เพียงม้องจ้องจ้งเค่อฉีด้วยสายตาลึกล้ำปราดหนึ่งก่อนจะเลิกสนใจมัน ด้านจ้งเค่อฉีพอได้ยยินเสียงผ่านพลังรวมถึงสายตาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ในใจก็เสมือนมีไอเย็นเยียบปกคลุมทันที ยังเริ่มคิดขึ้นมาว่าไม่น่าตั้งตัวเป็นศัตรูกับชายหนุ่มผู้นั้นเลย…

 

อย่างไรก็ตาม ความคิดดังกล่าวปรากฏขึ้นในหัวมันไม่ทันไร มันก็สะกดเอาไว้ทันที

 

จากนั้นมันก็เลิกสนใจต้วนหลิงเทียน และหันไปส่งข้อความหาอา 3 จ้งซัน รวมถึงจ้งเอ้อผู้เป็นบิดาของมันทันที เนื้อความก็คือเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวข่มขู่มัน “อา 3 ต้วนหลิงเทียนมันต้องตาย…หาไม่แล้ววันหน้าข้ารวมถึงตระกูลจ้งของพวกเรา ต้องตกเป็นเป้าล้างแค้นของมันแน่!”

 

“ท่านพ่อ หากต้วนหลิงเทียนไม่ตายในเร็ววัน วันหน้าไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้นที่จะมีอันเป็นไป…กระทั่งตระกูลจ้งของพวกเรามีหวังได้ถูกฆ่าล้างหมดสิ้นแน่!”   และข้อความที่จ้งเค่อฉีส่งไปรอบนี้ ก็ทำให้จ้งซันกับจ้งเอ้อคิดหนักทันที ดวงตาแต่ละคนยังฉายชัดถึงจิตสังหารขึ้นมาโดยพลัน

 

ทั้งคู่ล้วนเป็นตัวตนขอบเขตราชาเทพ เมื่อบังเกิดจิตสังหารเช่นนี้ ผู้คนรอบกายย่อมสัมผัสได้ทันที

 

“พี่รอง ท่านเป็นอันใดไป?”

 

ข้างกายของจ้งเอ้อ ก็พอดีมีจ้งต้า ผู้นำตระกูลจ้งอยู่ใกล้ๆ พอมันตระหนักได้ถึงจิตสังหารของอีกฝ่าย ก็เลยอดถามออกมาไม่ได้

 

“พี่ใหญ่….”

 

และหลังจากจ้งเอ่อเล่าเรื่องราวออกมา สองตาจ้งต้าก็เผยจิตสังหารอำมหิตเช่นกัน “หลังข้ากับไปถึงตระกูลเมื่อใด ข้าจักส่งมือดีขอบเขตราชาเทพออกไปทุกคน เพื่อหาทางฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่นให้จงได้…หาไม่แล้วเกรงว่าคราวนี้ตระกูลจ้งของเราต้องประสบกับภัยพิบัติแล้วจริงๆ!”

 

หากบอกว่าตอนแรกมันไม่ได้จริงจังอะไรกับเรื่องต้วนหลิงเทียนล่ะก็…   มาตอนนี้พอได้รับทราบว่า ต้วนหลิงเทียนกำลังจะถูกมู่หรงสุยเฟิงใช้สิทธิ์แนะนำให้เข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับล่วงหน้า รวมถึงอาจถูกเสนอชื่อให้พิจารณาเป็นศิษย์หลัก ในใจจ้งต้าก็ตระหนักถึงวิกฤตกาลทันที

 

เพราะหากอีกฝ่ายได้เป็นศิษย์หลักนิกายหมอกเร้นลับขึ้นมา วันหน้าเมื่อเติบโตขึ้น ตระกูลจ้งไม่พ้นถูกอีกฝ่ายย้อนกลับบมาย่ำจนราบเป็นหน้ากลองแน่!

 

ด้านต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ก็ไม่รู้เลยว่าระดับสูงของตระกูลจ้งตอนนี้กำลังร้อนใจกันแค่ไหน

 

แต่เป็นธรรมดาว่าถึงเขาจะรู้ เขาก็ไม่สนใจอยู่ดี

 

ตั้งแต่ที่ตระกูลจ้งส่งพวกเดนตายมาฆ่าเขา เขากับตระกูลจ้งก็ถูกกำหนดให้ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้ เข้าทำนอง ‘ไม่ท่านตายก็ข้าม้วย!’

 

ตั้งแต่มาถึงดินแดนดาราพิศวง นี่นับเป็นครั้งแรกเลยที่เขาบังเกิดจิตคิดฆ่าล้างตระกูลใดตระกูลหนึ่ง!  

 

ต้องทราบด้วยว่าตอนที่เกิดเรื่องในละแวกเมืองหลินซาน แม้หมู่บ้านตระกูลต้วนทิศใต้จะถูกฆ่าล้างโดยนายน้อยในเมืองหลินซาน เขาเองก็เพียงไปหาความและคิดบัญชีกับนายน้อยผู้นั้นรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ไม่ได้คิดจะระบายโทสะโดยการฆ่าล้างตระกูล

 

แต่คราวนี้มันต่างออกไป

 

อีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะคิดฆ่าเขา ยังใช้กำลังของตระกูลเพื่อฆ่าเขาด้วย!

 

“ต้วนหลิงเทียน”

 

ไม่นานนักโหวชิ่งหนิงก็กลับมาถึงจุดรวมพล และพอเห็นต้วนหลิงเทียนปลอดภัยดี ใบหน้ามันก็ปรากฏรอยยิ้มคลี่กางขึ้น “พอเห็นว่าเจ้ายังปลอดภัยดีอยู่ ข้าก็พอได้โล่งใจขึ้นมาหน่อย…ครั้งนี้ข้ากลัวเจ้าจะเกิดเรื่องด้านในไม่น้อย ว่าแต่เป็นอย่างไรบ้างเล่า แล้วเจ้ากลับมานานหรือยัง?”

 

พอโหวชิ่งหนิงเปิดปาก มันก็กล่าวถามออกมาอย่างเปิดเผยไม่อ้อมค้อม  ถึงแม้ตระกูลจ้งจะเป็นขุมกำลังระดับราชาเทพ อีกทั้งยังเป็นดั่งงูดินเจ้าที่ในเมืองวายุสวรรค์ แต่มันก็ไม่ได้กลัวตระกูลจ้งแม้แต่นิดเดียว เพราะมันรู้ดีว่าตระกูลจ้งเองหากไม่ถึงที่สุดก็ไม่กล้าแตกหักกับนิกายหมื่นจันทราที่อยู่เบื้องหลังมัน

 

“อย่างที่เจ้าว่าไว้ไม่มีผิด คราวนี้มีพวกเดนตายแห่กันมาอุ่นหนาฝาคั่งทีเดียว…แต่พวกมันก็ล้วนไปเมืองผีกันหมดสิ้น”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ

 

“ตายหมดเลยรึ?”

 

ได้ยินคำพูดเคล้าเสียงหัวเราะของต้วนหลิงเทียน โหวชิ่งหนิงก็ถึงกับอึ้ง “นี่เจ้า…ฆ่าพวกมันทั้งหมดเพียงลำพัง?”

 

มันไม่ได้แปลกใจอะไรหากพบว่าต้วนหลิงเทียนสามารถฆ่าเทพขั้นสูง 1-2 คนได้…แต่คราวนี้ ตระกูลจ้งไหนเลยจะส่งพวกเดนตายมาแค่ไม่กี่คนเพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียน

 

แต่กระนั้น ต้วนหลิงเทียนกลับฆ่าพวกมันหมดสิ้น?

 

“ตอนแรกก็มีพวกมันเล่นมาทำลับๆล่อๆอยู่ใกล้ๆข้าไม่กี่คน พอข้าพบพวกมัน ข้าก็ชิงฆ่าพวกมันทันที…หลังจากนั้นพวกมันก็ทยอยกันมาทีละคนๆ ข้าเองก็ค่อยๆไล่ฆ่าไปทีละคนๆ สุดท้ายไปๆมาๆก็ฆ่าพวกมันจนหมด”

 

ฟังจากคำพูดไม่อีนังขังขอบของต้วนหลิงเทียนแล้ว ราวกับเรื่องราวที่กล่าวเป็นแค่เรื่องไม่สลักสำคัญอะไร

 

“เอ่อ…พวกมันซุ่มอยู่ แต่เจ้ากลับพบตัวพวกมันหรือ?”

 

โหวชิ่งหนิงที่จับใจความสำคัญได้ กล่าวถามไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

อันที่จริงมันก็มีคาดเดาไว้บ้างแล้ว ว่าหากมีพวกเดนตายมาตามฆ่าต้วนหลิงเทียนในพื้นที่ทดสอบ จะอย่างไรก็ต้องกระจายตัวแยกย้ายกันออกค้นหาก่อนแน่…

 

ทว่ามันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะค้นพบพวกเดนตายที่ซุ่มอยู่ และชิงลงมือฆ่าพวกมันก่อน…

 

ต้องทราบด้วยว่าพวกเดนตายของตระกูลจ้งหรือตระกูลไหนๆ อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นเทพขั้นสูง!

 

“พวกมันซ่อนตัวไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่…”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มพลางกล่าว

 

“เจ้านี่นะ…ช่างโชคดีจริงๆ!”

 

โหวชิ่งหนิงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

มันคิดแค่ว่าครั้งนี้เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนโชคดี ที่พบเจอพวกเดนตายฝีมือต่ำทรามของตระกูลจ้งก่อน จากนั้นก็ฉกฉวยโอกาสเข่นฆ่าอีกฝ่ายไปทีละคนๆก่อนที่จะทันได้รวมกลุ่มกัน เพราะหากโชคไม่ดี พวกเดนตายที่พบเจอต้วนหลิงเทียนเป็นคนแรกมีฝีมือสูงเข้าหน่อย จนสามารถซ่อนตัวได้อย่างมิดชิด ถึงตอนนั้นถ้าเรียกระดมพลมากลุ้มรุมได้ ต้วนหลิงเทียนก็รอดยากแล้ว…

 

“พวกเดนตายที่ตระกูลจ้งส่งมาครานี้ คงไม่มีชนชั้นหัวหน้าหน่วยกระมัง…หาไม่แล้วหากมาสักคน เจ้าเองก็คงยากจะเป็นคู่มือมันได้”

 

โหวชิ่งหนิงกล่าวออกมาสืบต่อ

 

หัวหน้าหน่วยเดนตาย?

 

ได้ยินคำพูดของโหวชิ่งหนิง ต้วนหลิงเทียนก็เพียงคลี่ยิ้มบางๆเท่านั้นแต่ไม่ได้ตอบอะไร เพราะหากเขาไม่ผิดพลาด สมควรมีหัวหน้าหน่วยเดนตายของตระกูลจ้งถูกเขาฆ่าด้วย

 

อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดจะพูดออกไป

 

เพราะสุดท้ายการจะฆ่าชนชั้นหัวหน้าหน่วยของพวกเดนตายได้ พลังที่ใช้อย่างน้อยๆก็ต้องมากกว่าตอนที่เผยออกมาขณะประมือกับหงจวินในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ

 

ไม่นานนัก เหล่านักศึกษา 10 ดาวก็ทยอยกันออกมาจากพื้นที่ทดสอบทีละคนๆ มองไปก็พบเห็นนักศึกษาบาดเจ็บไม่กี่คนเท่านั้น และทุกคนล้วนกลับออกมาจากพื้นที่ทดสอบทั้งยังมีชีวิต

 

“พวกเจ้าส่งป้ายเก็บคะแนนมาให้ข้า”

 

เมื่อเห็นว่านักศึกษามากันครบแล้ว อวี๋เชียนซานก็กวาดตามองต้วนหลิงเทียนรวมถึงนักศึกษา 10 ดาวทั้งหมดรอบหนึ่ง ค่อยกล่าวออกมา

 

ตอนที่รับป้ายเก็บคะแนนของคนอื่นมาตรวจก็ไม่นับเป็นอะไร ทว่าพอรับป้ายเก็บคะแนนของต้วนหลิงเทียนมา และตรวจพบคะแนนในป้าย อวี๋เชียนซานก็อดไม่ได้ที่จะสะดุ้งไปอย่างเสียอาการ จากนั้นก็หันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเลื่อนลอยอยู่นาน…

 

และฉากดังกล่าว ก็ตกอยู่ในสายตาของทุกคน

 

”เกิดอะไรขึ้น?”

 

“ไฉนอาจารย์อวี๋เชียนซานถึงแลดูประหลาดใจนักเล่า?”

 

“สวรรค์! ที่แท้ในป้ายเก็บคะแนนของต้วนหลิงเทียนมันมีคะแนนทดสอบกี่แต้มกันแน่ ไฉนถึงทำให้อาจารย์อวี๋เอ๋อไปเช่นนั้น?!”

 

 

นักศึกษา 10 ดาวหลายคนอดโพล่งขึ้นมาด้วยความอยากรู้ไม่ได้  และจังหวะนี้ไม่ใช่แค่นักศึกษา 10 ดาวเท่านั้น กระทั่งจู้ชนรวมถึงอาจารย์คนอื่นๆอีก 3 คนของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ก็มองอวี๋เชียนซานด้วยสายตาอยากรู้เช่นกัน อาจารย์บางคนก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอวี๋เชียนซานออกมาตรงๆ “อาจารย์อวี๋ มิทราบในป้ายเก็บคะแนนของต้วนหลิงเทียน…มันมีคะแนนทดสอบกี่แต้มหรือ?”

 

“รอให้กลับไปก่อน พอข้าติดป้ายประกาศแล้ว เดี๋ยวก็รู้เอง”

 

อวี๋เชียนซานกล่าวพลางคลี่ยิ้มมีเลศนัย ออกอาการให้ผู้คนสงสัยว่าในน้ำเต้าขายยาอันใด

 

เพราะอวี๋เชียนซานทำเป็นลี้ลับ ยังผลให้ทุกคนบังเกิดอาการคันในหัวใจยากจะเกาขึ้นมาตงิดๆ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครพูดอะไร และติดตามอวี๋เชียนซานที่เหินร่างนำ กลับสู่สถานศึกษาอย่างค้างคาใจ

 

ระหว่างเดินทางกลับโหวชิ่งหนิงที่เหินร่างอยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียน ก็อดถามต้วนหลิงเทียนออกมาไม่ได้ “ต้วนหลิงเทียน…ที่แท้เจ้าเก็บคะแนนได้เท่าไหร่กันแน่?”   

 

“อาจารย์อวี๋ไม่ได้บอกไปแล้วหรือไร…เดี๋ยวกลับไป รอให้ติดประกาศเมื่อไหร่ก็รู้เอง”

 

ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ พลางยืมคำพูดของอวี๋เชียนมากล่าว

 

ก่อนที่เขาจะกับมาจุดรวมพล เขาก็เชื่อมั่นว่าคะแนนทดสอบของเขาสมควรสูงกว่าผู้อื่นแน่นอน…เพราะสุดท้ายแล้วความเร็วในการล่าสัตว์อสูรของเขา ก็ไม่ใช่อะไรที่ใครจะเทียบได้ ให้เป็นโหวชิ่งหนิงกับหงจวินก็เทียบไม่ได้

 

พอได้ยินต้วนหลิงเทียนตอบมาอย่างยียวน โหวชิ่งหนิงก็ได้แต่เบ้ปากมองบน “เจ้ามันโจรน้อยชัดๆ กระทั่งคำพูดอาจารย์อวี๋ยังโขมยมาได้!”

 

“เฮ่ ติงเหยียน”

 

โหวชิ่งหนิงที่ขัดใจกับคำตอบของต้วนหลิงเทียน ก็หันไปมองถามติงเหยียนที่เหินร่างอีกข้างของต้วนหลิงเทียนแทน “ว่าแต่เจ้าเล่า คราวนี้ได้คะแนนทดสอบกี่แต้ม?”

 

“8,000 กว่าๆ”   ติงเหยียนกล่าวตอบตรงๆ

 

โหวชิ่งหนิงพยักหน้า “ไม่เลวเลยนี่…ใกล้ถึงหมื่นแต้มแล้ว!”

 

“แล้วเจ้าเล่า?”

 

ติงเหยียนถามกลับด้วยความสงสัย

 

“ข้าหรือ?”

 

โหวชิ่งหนิงคลี่ยิ้มพลางกล่าวตอบออกมาเสียงดังฟังชัดอย่างภาคภูมิใจ “นับว่าดีกว่าครั้งที่แล้วมาก…ข้าทำคะแนนได้เกิน 20,000 แต้ม”

 

“อะไร! เกิน 20,000 แต้ม!?”

 

ใบหน้าติงเหยียนฉายความตะลึงออกชัด “การทดสอบครั้งก่อน…ไม่ใช่ว่าคนที่ได้คะแนนทดสอบสูงสุด ยังได้ไม่ถึง 20,000 แต้มมิใช่หรือ?”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+