War sovereign Soaring The Heavens 3659

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3659 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3659 : ระดับบ่มเพาะที่แท้จริงของถังชุน

 

พอถังชุนเปิดปากโพล่งคำออกมารอบนี้ จ้งเค่อฉีก็ถึงกับอึ้งไปไม่น้อย

 

ชายชราคนนี้ กระทั่งลุงใหญ่ของมันยามพบเจอ ก็ยังต้องก้มหัวคารวะ?

 

จ้งเค่อฉีรู้สึกเสมือนได้ยินเรื่องตลกครั้งใหญ่

 

อย่างไรก็ตามหลังถังชงพูดจบ ไม่ทันที่จ้งเค่อฉีจะได้พูดอะไรออกมา ก็เป็นจ้งเอ้อระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น “ตาแก่ เจ้ามันก็แค่เทพขั้นสูงไร้หัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง ยังหาญกล้ากล่าววาจาเขื่องโขต่อหน้าพวกเรา…นี่เจ้าไม่กลัวผู้คนหัวเราะจนฟันร่วงบ้างหรือ?”

 

ด้านจ้งซื่อเองก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกคน “อาศัยเทพขั้นสูงคนหนึ่ง…ข้าคิดจะฆ่าเจ้ายยังลำบากเพียงยกมือเท่านั้น!”   

 

แทบจะพร้อมกันกับที่จ้งซื่อกล่าวจบคำ พลังเทพก็ปะทุขึ้นมาทั่วร่างมันปานเพลิงไฟ กลิ่นอายพลังสุดไพศาลเริ่มกำจายไปทั่วห้องส่วนตัว พาลให้ห้วงอากาศเสมือนหยุดนิ่ง

 

แถมกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมานั้น มันต่างจากกลิ่นอายพลังขอบเขตเทพโดยสมบูรณ์

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังดังกล่าว ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็อดหรี่ลงไม่ได้ ใจยังเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย ‘จ้งซื่อคนนี้ไม่ใช่เป็นเพียงเทพขั้นสูงหรือไร? แต่กลิ่นอายพลังระดับนี้ไม่ใช่อะไรที่เทพขั้นสูงจะมีได้…’

 

‘มันทะลวงด่านพลังถึงขั้นราชาเทพแล้วรึ?’

 

ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะเข้าสู่สถานศึกษาหมอกเร้นลับ ตอนที่อยู่ในโรงประมูลตระกูลโจว เขาก็ได้ยินผู้คนกล่าวถึงระดับพลังบ่มเพาะของจ้งซื่อ นายท่าน 4 แห่งตระกูลจ้งหนาหู จึงรู้ว่าอีกฝ่ายมีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตเทพขั้นสูง

 

ทว่าตอนนี้ จากกลิ่นอายพลังเทพที่แผ่ออกมาทั่วร่างของจ้งซื่อ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แค่ขอบเขตเทพขั้นสูงแน่นอน

 

“โฮ่? นาย 4 แห่งตระกูลจ้ง ก็ทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพแล้วรึ?”

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังเทพทั่วร่างจ้งซื่อ ถังชุนก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา “แต่กระนั้น ข้ายังอยากรู้นัก…ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจมาแต่ที่ใด? เจ้าคิดว่าอาศัยระดับพลังราชาเทพขั้นต่ำ สามารถฆ่าข้าได้เพีงแค่พลิกฝ่ามือ?”

 

พอจ้งซื่อได้ยินวาจาเย้ยเยาะของถังชุน ใบหน้ามันก็ฉายชัดถึงความรังเกียจ “ตาแก่ รู้ทั้งรู้ว่าข้าบรรลุถึงราชาเทพแล้ว…อาศัยเทพขั้นสูงเช่นเจ้า คิดว่าข้าฆ่าไม่ได้เช่นนั้นรึ?”

 

กระทั่งจ้งเค่อฉีที่อยู่ด้านหลังเอง ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา ท่าทางแลดูตลกขบขันมาก “ตาแก่ หากเจ้ารีบคุกเข่าร้องขอความเมตตาตอนนี้ยังทัน…ไม่น่าว่าอา 4 ของข้าอาจเมตตาเฒ่าชราเช่นเจ้า จนเหลือซากศพสมบูรณ์ไว้ให้!”   

 

ถังชุนไม่แยแสรุ่นหลังอย่างจ้งเค่อฉี เพียงมองไปยังจ้งซื่อด้วยรอยยิ้ม “ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่ราชาเทพขั้นต่ำคนหนึ่งหาญกล้าวางท่าโอหังต่อหน้าข้าถังชุนผู้นี้”

 

แทบจะพร้อมๆกันกับที่ถังชุนกล่าวจบคำ จ้งซื่อ ไม่ได้เอะใจสงสัยอะไรหากทว่าจ้งเอกลับอดขมวดคิ้วไม่ได้ ด้วยเพราะมันรู้สึกว่านาม ‘ถังชุน’ คุ้นๆหูพิกล ราวกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน

 

อนิจจาแม้จะรู้สึกคุ้นๆ แต่ปุบปับกลับนึกไม่ออก

 

ซัววว!!

 

และในขณะเดียวกันกับที่จ้งเอ้อขมวดคิ้วครุ่นคิดนั้นเอง กลิ่นอายพลังเทพอันทรงพลังสุดไพศาลเหนือกว่ากลิ่นอายพลังเทพของจ้งซื่อก็ระเบิดออกมาจากร่างถังชุน และพริบตาที่มันปรากฏ ก็ได้กลบไอพลังของจ้งซื่อเสียมิด!

 

ด้านจ้งซื่อเองที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังเทพของอีกฝ่าย สีหน้าก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง

 

เพราะกระทั่งพี่ใหญ่ของมัน ผู้นำตระกูลจ้งคนปัจจุบัน ยามเร่งเร้าพลังเทพทั้งหมดออกมา แต่กลิ่นอายพลังเทพของอีกฝ่ายยังไม่กล้าแข็งเท่านี้เลย!

 

และต้องทราบด้วยว่า พี่ใหญ่ของมัน จ้งต้า เป็นถึงราชาเทพขั้นกลางแล้ว!

 

“สูง…ราชาเทพขั้นสูง!?”

 

มองไปยังถังชุนอีกครั้ง สีหน้าจ้งเอ้อก็กลับกลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยาก มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าชายชราเบื้องหน้าจะเสแสร้งเป็นหมูกินเสือเช่นนี้!

 

อีกฝ่ายไม่ใช่เทพขั้นสูงเลย แต่เป็นถึงราชาเทพขั้นสูง!

 

เพราะมีแต่พลังเทพของขอบเขตราชาเทพขั้นสูงเท่านั้น ถึงจะมีกิ่นอายพังกล้าแข้งถึงขั้นนี้!

 

ในระนาบเทพมีหลายสิ่งอย่างที่สามารถปกปิดพลังฝึกปรือของผู้ใช้ได้ แต่ในเมืองวายุสวรรค์นั้น ไม่เคยปรากฏว่ามีใครครอบครองสมบัติดังกล่าว

 

และต่อให้มี ก็เกรงว่าจะมีน้อยมากที่ใช้มัน

 

ในโลกที่ผู้เข้มแข็งได้รับการยอมรับนับถือ มีก็แต่ผู้อยากแสดงตัวว่าเข้มแข็ง หากไม่จำเป็นยังจะมีใครตั้งใจซ่อนพลังฝึกปรือของตัวเอง?

 

อนิจจา วันนี้มันกับบังเอิญพบพานตัวตนเช่นนั้นเข้าให้…

 

ราชาเทพขั้นสูงที่ซุกซ่อนพลังฝึกปรือของตัวเอง!

 

จังหวะนี้ไม่ใช่แค่จ้งเอ้อเท่านั้นทีมีสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยาก กระทั่งจ้งซื่อยังหน้าเปลี่ยนสีไป

 

แม้มันจะพึ่งทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพ แต่มันก็เคยสัมผัสกลิ่นอายพลังเทพของพี่ใหญ่มันหลายรอบแล้ว และกลิ่นอายพลังเทพของชายชราเบื้องหน้า ก็เหนือกว่ากลิ่นอายพลังเทพของพี่ใหญ่มันโดยสมบูรณ์!

 

อีกฝ่ายเป็นราชาเทพขั้นสูงไม่ผิดแน่!

 

พอคิดถึงเรื่องที่ก่อนหน้ามันกล่าววาจาวางท่าขู่ข่มอีกฝ่ายไป ใบหน้าจ้งซื่อก็เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์หาใดเปรียบ มันคิดไม่ถึงจริงว่าคนที่มันตอแยจะไม่ใช่เทพขั้นสูง แต่ที่แท้เป็นถึงราชาเทพขั้นสูง!

 

จังหวะนี้แววตาของจ้งซื่อเริ่มฉายให้เห็นถึงความสิ้นหวังแล้ว

 

“ตะ…ใต้เท้า”

 

จ้งซื่อหมอกถังชุนด้วยสายตาหวาดผวา กล่าวออกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเพราะความหวาดกลัวว่า “ข้า…เมื่อครู่…ข้าเพียงล้อท่านเล่น…ขอท่าน…อย่าได้เก็บไปใส่ใจเลย”

 

“ล้อข้าเล่น? เหอะๆ…”

 

ถังชุนยิ้มเยาะ “เจ้า…หรือคิดว่าข้าเป็นเด็ก 3 ขวบ?”

 

พอจ้งซื่อได้ยินดังนั้น ร่างมันก็สะท้านไป สีหน้ายังซีดลงปานไก่ต้ม แววตาเริ่มฉายชัดถึงความสิ้นหวังอับจน จากนั้นก็หันไปมองจ้งเอ้อที่อยู่ข้างๆ และเร่งส่งเสียงผ่านพลังไปว่า “พี่รอง ช่วยข้าด้วย!”

 

ถึงแม้มันจะรู้ดีว่า พี่รองของมันก็ไม่มีปัญญาช่วยเหลือมัน…

 

สุดท้ายแล้วเมื่อพิจารณาจากความเป็นมาของโฉมงามผู้ติดตามเด็กหญิงที่เรียกหาต้วนหลิงเทียนว่าพี่ชายคนนั้น เบื้องหลังของต้วนหลิงเทียนน่ากลัวว่าต้องเป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพแน่แล้ว และราชาเทพขั้นสูงคนนี้ ก็ไม่พ้นต้องเป็นผู้ติดตามของต้วนหลิงเทียน และเป็นคนของขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพนั่นแน่

 

มันก็เลยบังเกิดความสิ้นหวังจับใจ และรู้สึกว่า 9 ใน 10 มันต้องตายที่นี่วันนี้แน่ ยากจะรอดชีวิตไปได้

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญกับความตาย มันก็ได้แต่เอื้อมมือไขว่คว้าหาฟางเส้นสุดท้ายไปทั่ว ก็เลยขอความช่วยเหลือจากพี่รองของมัน  

 

ขณะเดียวกัน ด้านจ้งเค่อฉีที่ยืนอยู่ด้านหลังจ้งเอ้อก็ตกใจจนหน้าถอดสี ร่างมันยังสั่นระริกไปอย่างแรง กระทั่งสองขาอยู่ๆก็รู้สึกอ่อนกำลัง คนทรุดลงนั่งก้นจ้ำเบ้บากับพื้นโดยไม่รู้ตัว จากนั้นกลิ่นปัสสาวะก็เริ่มเหม็นคลุ้งไปทั่วห้องส่วนตัว

 

ราชาเทพขั้นสูง!?

 

คนที่มันกล่าวประชดเย้ยหยันเมื่อครู่ ที่แท้เป็นถึงราชาเทพขั้นสูง?

 

เพราะมันอยู่ใกล้กับบิดาของมันมาก แม้เมื่อครู่บิดาของมันจะเพียงกล่าวพึมพำออกมากับตัว มันก็ยังได้ยินชัดถนัดหู ด้วยเหตุนี้จึงรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นราชาเทพขั้นสูง!

 

ด้านจ้งเอ้อเองก็หน้าซีดปานขี้เถ้า

 

อย่างไรก็ตามพอนึกถึงชื่อที่อีกฝ่ายพึ่งกล่าวออกมา ในที่สุดก็คล้ายมีแสงส่องสว่างขึ้นในหัว จากนั้นมันก็หันไปมองถังชุนโดยไม่รู้ตัว ยังถามออกมาด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า “ท่านผู้อาวุโส…ท่านก็คือผู้อาววุโสถังชุนแห่งนิกายหมอกเร้นลับ?”   มันนึกออกแล้ว!

 

ครั้งก่อนตอนที่มีอาวุโสนิกายหมอกเร้นลับที่เป็นคนของตระกูลจ้งกลับมาเยี่ยมตระกูล อีกฝ่ายก็เคยเอ่ยถึงชื่อ ถังชุน ขึ้นมา และดูเหมือนความสัมพันธ์กับถังชุนจะไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่ก็ล้วนเป็นอาวุโสของนิกายหมอกเร้นลับดุจเดียวกัน

 

ยิ่งไปกว่านั้น ยังอยู่ในแวดวงคนของเมืองวายุสวรรค์ไม่ต่าง ทำให้ถึงไม่ชอบขี้หน้ากันแค่ไหนก็ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้

 

ในขณะที่กล่าวถามออกไป จ้งเอ้อก็ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ มันเร่งส่งข้อความไปหาพี่ใหญ่ของมันโดใช้ลูกแก้ววิญญาณในแหวนพื้นที่เป็นสื่อทันที

 

เร่งบอกเล่าพี่ใหญ่ให้รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่

 

นอกจากนั้นจ้งเอ้อไม่เพียงสลายข่ายอาคมจากจานค่ายกลที่มันใช้ปกคลุมไปทั่วห้องส่วนตัวแห่งนี้ ยังเร่งส่งเสียงผ่านพลังบอกให้จ้งซื่อสลายข่ายอาคมที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเหลาอาหารเช่นกัน

 

เมื่อค่ายกลทั้ง 2 ถูกปิด ก็สามารถติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้อีกครั้ง

 

หลังจากส่งข่าวรางานสถานการณ์ให้พี่ใหญ่แล้วเสร็จ จงเอ้อยังไม่ลืมเตือนว่า “พี่ใหญ่ ท่านเร่งติดต่อไปหาท่านทวดเถอะ

 

“ตอนนี้มีเพียงท่านทวดคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยพวกเราได้”

 

ท่านทวดที่จ้งเอ้อกล่าวถึงนั้น ก็คือบิดาของปู่แท้ๆจ้งต้าและจ้งเอ้อ มีลำดับอาวุโสในตระกูลจ้งสูงมาก อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในคนตระกูลจ้งที่มีฐานะดีที่สุดในนิกายหมอกเร้นลับ

 

ด้านจ้งต้าเองก็ไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าครั้งนี้น้องรองกับน้อง 4 ของมันจะไปตอแยถังชุนเข้าให้ มันย่อมไม่กล้าละเลยรอช้า เร่งส่งข้อความผ่านลูกแก้ววิญญาณทันที

 

ลูกแก้ววิญญาณของท่านทวดตระกูลจ้งผู้นั้น มีเพียงผู้นำตระกูลจ้งคนปัจจุบันเช่นมันเท่านั้นที่มี ทำให้มีมันเพียงคนเดียวที่สามารถติดต่อไปหาอีกฝ่ายได้

 

 

ภายในเหลาอาหารของตระกูลจ้ง

 

บัดนี้ภายในห้องส่วนตัว ด้วยมีจ้งเอ้อเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะจ้งซื่อก็ดี จ้งเค่อฉีก็ดี อีกทั้งชายชราที่เป็นมือดีของจ้งซื่อบัดนี้ต่างพากันคุกเข่าลงกับพื้น ร่างสั่นระริกปานลูกนกตกน้ำ

 

“ผู้อาวุโสถังชุน ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเราจดจำท่านไม่ได้จึงเผลอล่วงเกินท่านไป เป็นพวกเราผิดเอง…ข้าหวังว่าท่านจะให้อภัยผู้ไม่รู้ ทั้งเห็นแก่หน้าท่านทวดของพวกเรา โปรดเมตตาละเว้นชีวิตพวกเราด้วยเถอะ”

 

จ้งเอ้อที่คุกเข่าบนพื้นห้อง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

 

“อะไร? แล้วเจ้านั่นเล่า ไม่คิดอาศัยการพลิกฝ่ามือฆ่าข้าแล้วรึ?”

 

ถังชุนเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็หันไปมองจ้งซื่อพลางถามเคล้าเสียงหัวเราะ

 

“ขอผู้อาวุโสถังชุนโปรดไว้ชีวิตผู้น้อยด้วย”

 

ร่างจ้งซื่อที่คุกเข่าอยู่บนพื้นสั่นไปอย่างแรง ได้แต่กล่าวอ้อนวอนร้องขอชีวิตออกมาเสียงอ่อน

 

“ไฉนถึงยอมเร็วนักเล่า?”

 

ถังชุนเย้ยเยาะ จากนั้นสองตามันก็ฉายแววเยียบเย็นเรืองขึ้นวูบหนึ่ง ไอพลังเทพทั่วร่างพลั่นสั่นไหวพุ่งพล่าน จากนั้นกลิ่นอายพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็เริ่มปั่นป่วนไปทั่วห้องส่วนตัว

 

ถังชุนจะอย่างไรก็เป็นราชาเทพขั้นสูงคนหนึ่ง

 

แต่วันนี้กลับมีราชาเทพขั้นต่ำคนหนึ่งปากดี กล่าวบอกว่าคิดฆ่ามัน อาศัยแค่พลิกฝ่ามือก็พอ…

 

จะให้มันทนไหวได้อย่างไร

 

หากวันนี้ไม่ใช่เพราะพลังมันกล้าแข็งกว่าผู้อื่นเขา ไม่ใช่ว่าคงถูกผู้อื่นเข่นฆ่าเอาจริงๆหรือไร?   

 

“ผู้อาวุโสถังชุน ขอท่านเมตตาไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย!”

 

เมื่อจ้งซื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของถังชุน มันก็เร่งโขกศีรษะลงพื้นห้องส่วนตัวอย่างแรงจนเลือดโชกโดยไม่รู้ตัว

 

ต้วนหลิงเทียนที่ยังคงนั่งอยู่เพียงใช้ตะเคียบคีบอาหารกินไปพลางชมดูเรื่องราวไปพลาง สีหน้าแววตาช่างเฉยเมไร้แยแสนัก ราวกับทุกสิ่งอย่างไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเอง เพราะในสายตาเขา ที่คนของตระกูลจ้งต้องตกอยู่ในสภาพอนาถแบบนี้ ทั้งหมดเพราะพวกมันหาเรื่องใส่ตัวทั้งนั้น

 

อีกฝ่ายกล้าขู่ว่าจะฆ่าเขาต่อหน้าถังชุนไม่พอ ยังกล้าพูดทำนองจะฆ่าถังชุนซึ่งเป็นอาวุโสฝ่ายในของนิกายหมอกเร้นลับออกมาอย่างอุกอาจอีก

 

‘อย่างไรก็ตามวันนี้เต็มที่อาวุโสถังชุนก็แค่ฆ่าคนที่ล่วงเกินเท่านั้น…ส่วนด้านตระกูลจ้งนั่น ต่อให้จะมีอาวุโสถังชุนเป็นพยานว่าพวกมันคิดฆ่าข้า แต่ด้วยฐานะของผู้อาวุโสนิกายหมอกเร้นลับ ก็คงไม่อาจลงมือฆ่าล้างทั้งตระกูลเพียงเพื่อศิษย์สายในคนใหม่เช่นข้าแน่นอน’

 

‘ต่อให้ข้าจะผ่านการทดสอบจนได้เป็นศิษย์หลักแล้ว แต่ถ้าตระกูลจ้งไม่ก่อการจนมีหลักฐานมัดตัว ทางงิกายหมอกเร้นลับก็คงเอาผิดพวกมันยาก’

 

‘สุดท้ายแล้วในบรรดาอาวุโสฝ่ายในของนิกายหมอกเร้นลับ ก็สมควรมีคนของตระกูลจ้งอยู่ไม่น้อย กระทั่งอาวุโสฝ่านอกเองก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 20 คน’

 

ตอนที่ยังอยู่ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ทราบารายละเอียดของตระกูลจ้งจากติงเหยียนและโหวชิ่งหนิง จึงรู้ว่าตระกูลจ้งเองก็มีเส้นสายไม่น้อย และในนิกายหมอกเร้นลับเองก็มีความสัมพันธ์ซับซ้อน

 

ดังนั้นต้วนหลิงเทียนจึงรู้ดี ว่าตระกูลจ้งไม่ใช่อะไรที่จะโค่นล้มได้ง่ายๆ

 

หากเขาคิดจะฆ่าล้างตระกูลจ้ง เห็นทีจะมีแต่พึ่งกำลังของตัวเองเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม พอคิดว่าจะได้เห็นคนของตระกูลจ้งทั้ง 3 ถูกฆ่าลงต่อหน้าต่อตาเขาก็รู้พึงพอใจไม่น้อย แน่นอนว่าไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความเมตตาใดๆให้พวกมัน

 

ท้ายที่สุดแล้ว ก็เป็นพวกมันคิดฆ่าเขา!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3659

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3659 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3659 : ระดับบ่มเพาะที่แท้จริงของถังชุน

 

พอถังชุนเปิดปากโพล่งคำออกมารอบนี้ จ้งเค่อฉีก็ถึงกับอึ้งไปไม่น้อย

 

ชายชราคนนี้ กระทั่งลุงใหญ่ของมันยามพบเจอ ก็ยังต้องก้มหัวคารวะ?

 

จ้งเค่อฉีรู้สึกเสมือนได้ยินเรื่องตลกครั้งใหญ่

 

อย่างไรก็ตามหลังถังชงพูดจบ ไม่ทันที่จ้งเค่อฉีจะได้พูดอะไรออกมา ก็เป็นจ้งเอ้อระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น “ตาแก่ เจ้ามันก็แค่เทพขั้นสูงไร้หัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง ยังหาญกล้ากล่าววาจาเขื่องโขต่อหน้าพวกเรา…นี่เจ้าไม่กลัวผู้คนหัวเราะจนฟันร่วงบ้างหรือ?”

 

ด้านจ้งซื่อเองก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกคน “อาศัยเทพขั้นสูงคนหนึ่ง…ข้าคิดจะฆ่าเจ้ายยังลำบากเพียงยกมือเท่านั้น!”   

 

แทบจะพร้อมกันกับที่จ้งซื่อกล่าวจบคำ พลังเทพก็ปะทุขึ้นมาทั่วร่างมันปานเพลิงไฟ กลิ่นอายพลังสุดไพศาลเริ่มกำจายไปทั่วห้องส่วนตัว พาลให้ห้วงอากาศเสมือนหยุดนิ่ง

 

แถมกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมานั้น มันต่างจากกลิ่นอายพลังขอบเขตเทพโดยสมบูรณ์

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังดังกล่าว ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็อดหรี่ลงไม่ได้ ใจยังเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย ‘จ้งซื่อคนนี้ไม่ใช่เป็นเพียงเทพขั้นสูงหรือไร? แต่กลิ่นอายพลังระดับนี้ไม่ใช่อะไรที่เทพขั้นสูงจะมีได้…’

 

‘มันทะลวงด่านพลังถึงขั้นราชาเทพแล้วรึ?’

 

ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะเข้าสู่สถานศึกษาหมอกเร้นลับ ตอนที่อยู่ในโรงประมูลตระกูลโจว เขาก็ได้ยินผู้คนกล่าวถึงระดับพลังบ่มเพาะของจ้งซื่อ นายท่าน 4 แห่งตระกูลจ้งหนาหู จึงรู้ว่าอีกฝ่ายมีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตเทพขั้นสูง

 

ทว่าตอนนี้ จากกลิ่นอายพลังเทพที่แผ่ออกมาทั่วร่างของจ้งซื่อ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แค่ขอบเขตเทพขั้นสูงแน่นอน

 

“โฮ่? นาย 4 แห่งตระกูลจ้ง ก็ทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพแล้วรึ?”

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังเทพทั่วร่างจ้งซื่อ ถังชุนก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา “แต่กระนั้น ข้ายังอยากรู้นัก…ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจมาแต่ที่ใด? เจ้าคิดว่าอาศัยระดับพลังราชาเทพขั้นต่ำ สามารถฆ่าข้าได้เพีงแค่พลิกฝ่ามือ?”

 

พอจ้งซื่อได้ยินวาจาเย้ยเยาะของถังชุน ใบหน้ามันก็ฉายชัดถึงความรังเกียจ “ตาแก่ รู้ทั้งรู้ว่าข้าบรรลุถึงราชาเทพแล้ว…อาศัยเทพขั้นสูงเช่นเจ้า คิดว่าข้าฆ่าไม่ได้เช่นนั้นรึ?”

 

กระทั่งจ้งเค่อฉีที่อยู่ด้านหลังเอง ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา ท่าทางแลดูตลกขบขันมาก “ตาแก่ หากเจ้ารีบคุกเข่าร้องขอความเมตตาตอนนี้ยังทัน…ไม่น่าว่าอา 4 ของข้าอาจเมตตาเฒ่าชราเช่นเจ้า จนเหลือซากศพสมบูรณ์ไว้ให้!”   

 

ถังชุนไม่แยแสรุ่นหลังอย่างจ้งเค่อฉี เพียงมองไปยังจ้งซื่อด้วยรอยยิ้ม “ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่ราชาเทพขั้นต่ำคนหนึ่งหาญกล้าวางท่าโอหังต่อหน้าข้าถังชุนผู้นี้”

 

แทบจะพร้อมๆกันกับที่ถังชุนกล่าวจบคำ จ้งซื่อ ไม่ได้เอะใจสงสัยอะไรหากทว่าจ้งเอกลับอดขมวดคิ้วไม่ได้ ด้วยเพราะมันรู้สึกว่านาม ‘ถังชุน’ คุ้นๆหูพิกล ราวกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน

 

อนิจจาแม้จะรู้สึกคุ้นๆ แต่ปุบปับกลับนึกไม่ออก

 

ซัววว!!

 

และในขณะเดียวกันกับที่จ้งเอ้อขมวดคิ้วครุ่นคิดนั้นเอง กลิ่นอายพลังเทพอันทรงพลังสุดไพศาลเหนือกว่ากลิ่นอายพลังเทพของจ้งซื่อก็ระเบิดออกมาจากร่างถังชุน และพริบตาที่มันปรากฏ ก็ได้กลบไอพลังของจ้งซื่อเสียมิด!

 

ด้านจ้งซื่อเองที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังเทพของอีกฝ่าย สีหน้าก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง

 

เพราะกระทั่งพี่ใหญ่ของมัน ผู้นำตระกูลจ้งคนปัจจุบัน ยามเร่งเร้าพลังเทพทั้งหมดออกมา แต่กลิ่นอายพลังเทพของอีกฝ่ายยังไม่กล้าแข็งเท่านี้เลย!

 

และต้องทราบด้วยว่า พี่ใหญ่ของมัน จ้งต้า เป็นถึงราชาเทพขั้นกลางแล้ว!

 

“สูง…ราชาเทพขั้นสูง!?”

 

มองไปยังถังชุนอีกครั้ง สีหน้าจ้งเอ้อก็กลับกลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยาก มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าชายชราเบื้องหน้าจะเสแสร้งเป็นหมูกินเสือเช่นนี้!

 

อีกฝ่ายไม่ใช่เทพขั้นสูงเลย แต่เป็นถึงราชาเทพขั้นสูง!

 

เพราะมีแต่พลังเทพของขอบเขตราชาเทพขั้นสูงเท่านั้น ถึงจะมีกิ่นอายพังกล้าแข้งถึงขั้นนี้!

 

ในระนาบเทพมีหลายสิ่งอย่างที่สามารถปกปิดพลังฝึกปรือของผู้ใช้ได้ แต่ในเมืองวายุสวรรค์นั้น ไม่เคยปรากฏว่ามีใครครอบครองสมบัติดังกล่าว

 

และต่อให้มี ก็เกรงว่าจะมีน้อยมากที่ใช้มัน

 

ในโลกที่ผู้เข้มแข็งได้รับการยอมรับนับถือ มีก็แต่ผู้อยากแสดงตัวว่าเข้มแข็ง หากไม่จำเป็นยังจะมีใครตั้งใจซ่อนพลังฝึกปรือของตัวเอง?

 

อนิจจา วันนี้มันกับบังเอิญพบพานตัวตนเช่นนั้นเข้าให้…

 

ราชาเทพขั้นสูงที่ซุกซ่อนพลังฝึกปรือของตัวเอง!

 

จังหวะนี้ไม่ใช่แค่จ้งเอ้อเท่านั้นทีมีสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยาก กระทั่งจ้งซื่อยังหน้าเปลี่ยนสีไป

 

แม้มันจะพึ่งทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพ แต่มันก็เคยสัมผัสกลิ่นอายพลังเทพของพี่ใหญ่มันหลายรอบแล้ว และกลิ่นอายพลังเทพของชายชราเบื้องหน้า ก็เหนือกว่ากลิ่นอายพลังเทพของพี่ใหญ่มันโดยสมบูรณ์!

 

อีกฝ่ายเป็นราชาเทพขั้นสูงไม่ผิดแน่!

 

พอคิดถึงเรื่องที่ก่อนหน้ามันกล่าววาจาวางท่าขู่ข่มอีกฝ่ายไป ใบหน้าจ้งซื่อก็เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์หาใดเปรียบ มันคิดไม่ถึงจริงว่าคนที่มันตอแยจะไม่ใช่เทพขั้นสูง แต่ที่แท้เป็นถึงราชาเทพขั้นสูง!

 

จังหวะนี้แววตาของจ้งซื่อเริ่มฉายให้เห็นถึงความสิ้นหวังแล้ว

 

“ตะ…ใต้เท้า”

 

จ้งซื่อหมอกถังชุนด้วยสายตาหวาดผวา กล่าวออกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเพราะความหวาดกลัวว่า “ข้า…เมื่อครู่…ข้าเพียงล้อท่านเล่น…ขอท่าน…อย่าได้เก็บไปใส่ใจเลย”

 

“ล้อข้าเล่น? เหอะๆ…”

 

ถังชุนยิ้มเยาะ “เจ้า…หรือคิดว่าข้าเป็นเด็ก 3 ขวบ?”

 

พอจ้งซื่อได้ยินดังนั้น ร่างมันก็สะท้านไป สีหน้ายังซีดลงปานไก่ต้ม แววตาเริ่มฉายชัดถึงความสิ้นหวังอับจน จากนั้นก็หันไปมองจ้งเอ้อที่อยู่ข้างๆ และเร่งส่งเสียงผ่านพลังไปว่า “พี่รอง ช่วยข้าด้วย!”

 

ถึงแม้มันจะรู้ดีว่า พี่รองของมันก็ไม่มีปัญญาช่วยเหลือมัน…

 

สุดท้ายแล้วเมื่อพิจารณาจากความเป็นมาของโฉมงามผู้ติดตามเด็กหญิงที่เรียกหาต้วนหลิงเทียนว่าพี่ชายคนนั้น เบื้องหลังของต้วนหลิงเทียนน่ากลัวว่าต้องเป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพแน่แล้ว และราชาเทพขั้นสูงคนนี้ ก็ไม่พ้นต้องเป็นผู้ติดตามของต้วนหลิงเทียน และเป็นคนของขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพนั่นแน่

 

มันก็เลยบังเกิดความสิ้นหวังจับใจ และรู้สึกว่า 9 ใน 10 มันต้องตายที่นี่วันนี้แน่ ยากจะรอดชีวิตไปได้

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญกับความตาย มันก็ได้แต่เอื้อมมือไขว่คว้าหาฟางเส้นสุดท้ายไปทั่ว ก็เลยขอความช่วยเหลือจากพี่รองของมัน  

 

ขณะเดียวกัน ด้านจ้งเค่อฉีที่ยืนอยู่ด้านหลังจ้งเอ้อก็ตกใจจนหน้าถอดสี ร่างมันยังสั่นระริกไปอย่างแรง กระทั่งสองขาอยู่ๆก็รู้สึกอ่อนกำลัง คนทรุดลงนั่งก้นจ้ำเบ้บากับพื้นโดยไม่รู้ตัว จากนั้นกลิ่นปัสสาวะก็เริ่มเหม็นคลุ้งไปทั่วห้องส่วนตัว

 

ราชาเทพขั้นสูง!?

 

คนที่มันกล่าวประชดเย้ยหยันเมื่อครู่ ที่แท้เป็นถึงราชาเทพขั้นสูง?

 

เพราะมันอยู่ใกล้กับบิดาของมันมาก แม้เมื่อครู่บิดาของมันจะเพียงกล่าวพึมพำออกมากับตัว มันก็ยังได้ยินชัดถนัดหู ด้วยเหตุนี้จึงรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นราชาเทพขั้นสูง!

 

ด้านจ้งเอ้อเองก็หน้าซีดปานขี้เถ้า

 

อย่างไรก็ตามพอนึกถึงชื่อที่อีกฝ่ายพึ่งกล่าวออกมา ในที่สุดก็คล้ายมีแสงส่องสว่างขึ้นในหัว จากนั้นมันก็หันไปมองถังชุนโดยไม่รู้ตัว ยังถามออกมาด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า “ท่านผู้อาวุโส…ท่านก็คือผู้อาววุโสถังชุนแห่งนิกายหมอกเร้นลับ?”   มันนึกออกแล้ว!

 

ครั้งก่อนตอนที่มีอาวุโสนิกายหมอกเร้นลับที่เป็นคนของตระกูลจ้งกลับมาเยี่ยมตระกูล อีกฝ่ายก็เคยเอ่ยถึงชื่อ ถังชุน ขึ้นมา และดูเหมือนความสัมพันธ์กับถังชุนจะไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่ก็ล้วนเป็นอาวุโสของนิกายหมอกเร้นลับดุจเดียวกัน

 

ยิ่งไปกว่านั้น ยังอยู่ในแวดวงคนของเมืองวายุสวรรค์ไม่ต่าง ทำให้ถึงไม่ชอบขี้หน้ากันแค่ไหนก็ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้

 

ในขณะที่กล่าวถามออกไป จ้งเอ้อก็ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ มันเร่งส่งข้อความไปหาพี่ใหญ่ของมันโดใช้ลูกแก้ววิญญาณในแหวนพื้นที่เป็นสื่อทันที

 

เร่งบอกเล่าพี่ใหญ่ให้รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่

 

นอกจากนั้นจ้งเอ้อไม่เพียงสลายข่ายอาคมจากจานค่ายกลที่มันใช้ปกคลุมไปทั่วห้องส่วนตัวแห่งนี้ ยังเร่งส่งเสียงผ่านพลังบอกให้จ้งซื่อสลายข่ายอาคมที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเหลาอาหารเช่นกัน

 

เมื่อค่ายกลทั้ง 2 ถูกปิด ก็สามารถติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้อีกครั้ง

 

หลังจากส่งข่าวรางานสถานการณ์ให้พี่ใหญ่แล้วเสร็จ จงเอ้อยังไม่ลืมเตือนว่า “พี่ใหญ่ ท่านเร่งติดต่อไปหาท่านทวดเถอะ

 

“ตอนนี้มีเพียงท่านทวดคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยพวกเราได้”

 

ท่านทวดที่จ้งเอ้อกล่าวถึงนั้น ก็คือบิดาของปู่แท้ๆจ้งต้าและจ้งเอ้อ มีลำดับอาวุโสในตระกูลจ้งสูงมาก อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในคนตระกูลจ้งที่มีฐานะดีที่สุดในนิกายหมอกเร้นลับ

 

ด้านจ้งต้าเองก็ไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าครั้งนี้น้องรองกับน้อง 4 ของมันจะไปตอแยถังชุนเข้าให้ มันย่อมไม่กล้าละเลยรอช้า เร่งส่งข้อความผ่านลูกแก้ววิญญาณทันที

 

ลูกแก้ววิญญาณของท่านทวดตระกูลจ้งผู้นั้น มีเพียงผู้นำตระกูลจ้งคนปัจจุบันเช่นมันเท่านั้นที่มี ทำให้มีมันเพียงคนเดียวที่สามารถติดต่อไปหาอีกฝ่ายได้

 

 

ภายในเหลาอาหารของตระกูลจ้ง

 

บัดนี้ภายในห้องส่วนตัว ด้วยมีจ้งเอ้อเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะจ้งซื่อก็ดี จ้งเค่อฉีก็ดี อีกทั้งชายชราที่เป็นมือดีของจ้งซื่อบัดนี้ต่างพากันคุกเข่าลงกับพื้น ร่างสั่นระริกปานลูกนกตกน้ำ

 

“ผู้อาวุโสถังชุน ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเราจดจำท่านไม่ได้จึงเผลอล่วงเกินท่านไป เป็นพวกเราผิดเอง…ข้าหวังว่าท่านจะให้อภัยผู้ไม่รู้ ทั้งเห็นแก่หน้าท่านทวดของพวกเรา โปรดเมตตาละเว้นชีวิตพวกเราด้วยเถอะ”

 

จ้งเอ้อที่คุกเข่าบนพื้นห้อง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

 

“อะไร? แล้วเจ้านั่นเล่า ไม่คิดอาศัยการพลิกฝ่ามือฆ่าข้าแล้วรึ?”

 

ถังชุนเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็หันไปมองจ้งซื่อพลางถามเคล้าเสียงหัวเราะ

 

“ขอผู้อาวุโสถังชุนโปรดไว้ชีวิตผู้น้อยด้วย”

 

ร่างจ้งซื่อที่คุกเข่าอยู่บนพื้นสั่นไปอย่างแรง ได้แต่กล่าวอ้อนวอนร้องขอชีวิตออกมาเสียงอ่อน

 

“ไฉนถึงยอมเร็วนักเล่า?”

 

ถังชุนเย้ยเยาะ จากนั้นสองตามันก็ฉายแววเยียบเย็นเรืองขึ้นวูบหนึ่ง ไอพลังเทพทั่วร่างพลั่นสั่นไหวพุ่งพล่าน จากนั้นกลิ่นอายพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็เริ่มปั่นป่วนไปทั่วห้องส่วนตัว

 

ถังชุนจะอย่างไรก็เป็นราชาเทพขั้นสูงคนหนึ่ง

 

แต่วันนี้กลับมีราชาเทพขั้นต่ำคนหนึ่งปากดี กล่าวบอกว่าคิดฆ่ามัน อาศัยแค่พลิกฝ่ามือก็พอ…

 

จะให้มันทนไหวได้อย่างไร

 

หากวันนี้ไม่ใช่เพราะพลังมันกล้าแข็งกว่าผู้อื่นเขา ไม่ใช่ว่าคงถูกผู้อื่นเข่นฆ่าเอาจริงๆหรือไร?   

 

“ผู้อาวุโสถังชุน ขอท่านเมตตาไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย!”

 

เมื่อจ้งซื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของถังชุน มันก็เร่งโขกศีรษะลงพื้นห้องส่วนตัวอย่างแรงจนเลือดโชกโดยไม่รู้ตัว

 

ต้วนหลิงเทียนที่ยังคงนั่งอยู่เพียงใช้ตะเคียบคีบอาหารกินไปพลางชมดูเรื่องราวไปพลาง สีหน้าแววตาช่างเฉยเมไร้แยแสนัก ราวกับทุกสิ่งอย่างไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเอง เพราะในสายตาเขา ที่คนของตระกูลจ้งต้องตกอยู่ในสภาพอนาถแบบนี้ ทั้งหมดเพราะพวกมันหาเรื่องใส่ตัวทั้งนั้น

 

อีกฝ่ายกล้าขู่ว่าจะฆ่าเขาต่อหน้าถังชุนไม่พอ ยังกล้าพูดทำนองจะฆ่าถังชุนซึ่งเป็นอาวุโสฝ่ายในของนิกายหมอกเร้นลับออกมาอย่างอุกอาจอีก

 

‘อย่างไรก็ตามวันนี้เต็มที่อาวุโสถังชุนก็แค่ฆ่าคนที่ล่วงเกินเท่านั้น…ส่วนด้านตระกูลจ้งนั่น ต่อให้จะมีอาวุโสถังชุนเป็นพยานว่าพวกมันคิดฆ่าข้า แต่ด้วยฐานะของผู้อาวุโสนิกายหมอกเร้นลับ ก็คงไม่อาจลงมือฆ่าล้างทั้งตระกูลเพียงเพื่อศิษย์สายในคนใหม่เช่นข้าแน่นอน’

 

‘ต่อให้ข้าจะผ่านการทดสอบจนได้เป็นศิษย์หลักแล้ว แต่ถ้าตระกูลจ้งไม่ก่อการจนมีหลักฐานมัดตัว ทางงิกายหมอกเร้นลับก็คงเอาผิดพวกมันยาก’

 

‘สุดท้ายแล้วในบรรดาอาวุโสฝ่ายในของนิกายหมอกเร้นลับ ก็สมควรมีคนของตระกูลจ้งอยู่ไม่น้อย กระทั่งอาวุโสฝ่านอกเองก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 20 คน’

 

ตอนที่ยังอยู่ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ทราบารายละเอียดของตระกูลจ้งจากติงเหยียนและโหวชิ่งหนิง จึงรู้ว่าตระกูลจ้งเองก็มีเส้นสายไม่น้อย และในนิกายหมอกเร้นลับเองก็มีความสัมพันธ์ซับซ้อน

 

ดังนั้นต้วนหลิงเทียนจึงรู้ดี ว่าตระกูลจ้งไม่ใช่อะไรที่จะโค่นล้มได้ง่ายๆ

 

หากเขาคิดจะฆ่าล้างตระกูลจ้ง เห็นทีจะมีแต่พึ่งกำลังของตัวเองเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม พอคิดว่าจะได้เห็นคนของตระกูลจ้งทั้ง 3 ถูกฆ่าลงต่อหน้าต่อตาเขาก็รู้พึงพอใจไม่น้อย แน่นอนว่าไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความเมตตาใดๆให้พวกมัน

 

ท้ายที่สุดแล้ว ก็เป็นพวกมันคิดฆ่าเขา!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+