War sovereign Soaring The Heavens 3668

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3668 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3668 : โอสถจ้าวอว่า

 

“หม?”

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แปลกใจอะไรที่ถึงอู่เยี่ยนจะล่วงรู้ว่าเขาออกจากการปิดด่าน สุดท้ายก็มีศิษย์สายใน หลายคนที่เห็นเขา แถมในบรรดาศิษย์เหล่านั้นต้องมีหลายคนรู้จักของถังอู่เยี่ยนแน่นอน พวกมันไม่พ้นต้องส่งข้อความบบอกให้ถึงอู่เยียนรู้ว่าเขาออกมาแล้ว

 

“เมื่อ 3 เดือนก่อน ศิษย์สายใน ที่ติดอันดับ 10 ศิษย์สายในขอบเขตเทพที่แข็งแกร่งที่สุด อวี ได้ท้าประลองกับเจ้า แต่เจ้าไม่ตอบ… 2 เดือนก่อนมันก็มาท้าทายเจ้าอีกครั้ง แต่เจ้าก็ไม่ตอบ กระทั่งเมื่อเดือนที่แล้วมันก็มาท้าเจ้าเป็นครั้งที่ 3 แต่เจ้าก็เงียบ…”

 

ถังอู่เขียนบอกอีกว่า “หลายคนคิดว่าเจ้าไม่มีความกล้าที่จะสู้กับมัน…แต่แน่นอนว่ามีหลายคนที่รู้ว่าเจ้าสมควรปิดด่านบ่มเพาะอยู่ เช่นนั้นเจ้าจึงไม่อาจตอบรับคําท้ามันได้สุดท้ายแล้วเจ้ายังไม่ได้รับแม้แต่ข้อความด้วยซ้ํา”

 

“อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะมีคนฉวยโอกาสให้ร้ายเจ้า…ป่าวประกาศไปทั่วว่าเจ้า ต้วนหลิงเทียน เป็นตัวขลาด ไม่มีแม้แต่ความกล้าจะรับคําท้า จึงพยายามทําเป็นไม่รู้ไม่เห็นคําท้าของฉือ”

 

พอถึงอู่เยี่ยนกล่าวถึงจุดนี้ นางก็กล่าวปลอบมาว่า “ต้วนหลิงเทียน ไม่ว่าผู้คนเหล่านั้นจะคิดอย่างไร เจ้าก็ไม่ต้องไปสนใจหรอก แค่เป็นตัวของตัวเองอย่าได้ให้ความเห็นคนนอกมากวนใจ”

 

“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องห่วง”

 

ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินค่าปลอบของถึงอู่เยียนเขาก็เข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายกริ่งเกรงเขาได้รับผลกระทบจากค่าครหาดังกล่าว จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง

 

เขา ต้วนหลิงเทียน จากระนาบโลกียะไปต่อที่ระนาบเทวโลก จวบจนมาถึงระนาบเทพแห่งนี้ ไม่ทราบผ่านการเคี่ยวกรําทางอารมณ์มาเท่าไหร่ จะมาได้รับผกระทบจากเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ได้อย่างไร?

 

“เช่นนั้นก็ดี”

 

ข้อความตอบกลับของต้วนหลิงเทียนนั้น แม้จะสั้นๆ แต่ถึงอู่เยียนก็สัมผัสได้ถึงความไม่แยแสในน้ําเสิ่งอันนิ่งสงบของต้วนหลิงเทียน นางจึงตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่สนใจค่าครหาเหล่านั้นจริงๆ

 

“ตั้งแต่วันนี้ไป ตลอดจนหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ก็ถือว่าอยยู่ในช่วงการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์…เจ้าสนใจไปชมดูให้บันเทิงใจหรือไม่? หรือเจ้าจะลงแข่งด้วย?”

 

ถังอู่เยี่ยนกล่าวถาม

 

“ข้าว่าจะลองแข่งดู”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

 

“หวังว่าเจ้าจะได้อันดับดีๆ”

 

หลังถึงอู่เยี่ยนกล่าวอวยพร และต้วนหลิงเทียนตอบกลับว่าขอบคุณ นางก็เงียบไปเลย และไม่ได้บอกว่าตัวนางเองจะไปด้วยหรือไม่

 

อย่างไรก็ตาม ถังอู่เยี่ยนจะไปก็ดีไม่ไปก็ดี ไม่ได้มีผลกระทบอะไรสําหรับต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย เขาไม่แม้แต่จะคิดเรื่องนี้ด้วยซ้ํา เพียงมองไปยังเหล่าศิษย์สายในที่พากันเห็นร่างข้ามฟ้า และโจนร่างขึ้นฟ้าติดตามไปทันที

 

รอบนี้เขาไม่จําเป็นต้องถามใคร เพราะเขาเชื่อว่าศิษย์สายในเหล่านี้สมควรมุ่งหน้าไปยังสถานที่แข่งขันไต่บันไดสวรรค์แน่นอน

 

เพราะสาหรับศิษย์สายในแล้ว นับเป็นงานใหญ่งานหนึ่ง หลายคนยังหวังจะท่าผลงานในการไต่บันไดสวรรค์ให้ดี อีกทั้งยังอยากได้ของรางวัลจากการชนะ ที่สําคัญที่สุดเลยก็คือได้หน้า…

 

ต้วนหลิงเทียนเริ่มย้อนนึกถึงเรื่องราวที่ได้รู้จากคู่มือศิษย์สายใน เรียกว่ามันก็ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์เอาไว้เช่นกัน

ค่าว่าแข่งขันไต่บันไดสวรรค์นั้น ฟังแล้วคล้ายแข่งกันขึ้นบันไดอะไรทํานองนั้น

 

แต่อันที่จริงมันไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น

 

การไต่บันไดสวรรค์ เดิมที่เป็นการทดสอบที่บรรพบุรุษของนิกายหมอกเร้นลับสร้างไว้ ให้เหล่าศิษย์สายในใช้เคียวกว่าตัวเอง แต่ต่อมาภายหลังมันก็เริ่มกลายเป็นการแข่งขันที่ให้เหล่าศิษย์สายในมาเปรียบเทียบความสามารถกัน

 

และการแข่งขันประชันความสามารถดังกล่าว ทางนิกายหมอกเร้นลับก็เห็นดีด้วย กระทั่งยังส่งเสริมโดยการให้ของรางวัลดีๆสําหรับการแข่งขันแต่ละครั้ง ที่สําคัญผู้ชนะเลิศการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ยังได้รัของรางวัลที่ทําให้ผู้อื่นอิจฉาอีกด้วย

 

ครั้งนี้ก็ดุจเดียวกัน

 

“เห็นว่าผู้ชนะอันดับ 1 ในการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์รอบนี้หากอู่ในขอบเขตเทพจะได้โอสถเสริมโชค ส่วน อันดับ 1 ในขอบเขตราชาเทพ จะได้ผลหายนะ!”

 

ระหว่างเดินทางต้วนหลิงเทียนที่เงียหูฟังเรื่องราวโดยรอบ ในที่สุดก็ได้ยินบทสนทนาสําคัญของเหล่าศิษย์ ที่เห็นบินไม่ไกล

 

เป็นธรรมดาว่าอีกฝ่ายก่าลังคุยกับสหายของตัวเอง ไม่ได้ตั้งใจจะบอกต้วนหลิงเทียนแต่อย่างไร ทว่า ด้วโสตประสาทรับฟังของต้วนหลิงเทียน เขาจึงได้ยินชัดเจน

 

“โอสถเสริมโชค?”

 

และพอได้ยินเสียงคุยกันดังกล่าวของศิษย์สายในคนนั้น ต้วนหลิงเทียนก็อดตกใจไม่ได้ เพราะเขาไม่คิดเลยว่านิกายหมอกเร้นลับจะใจป่าถึงขั้นแจกโอสถเสริมโชคให้กับผู้ชนะอันดับ 1 ขอบเขตเทพ

 

โอสถเสริมโชคนั้น เป็นโอสถเทพที่ล้ําค่ามากสําหรับผู้ที่ยังอยู่ในขอบเขตเทพ หากเป็นตัวตนที่อยู่เหนือขอบเขตเทพไปแล้ว ถึงจะใช้มันไปก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร

 

โอสถเสริมโชค 9 เม็ด บรรลุถึงราชาเทพ!

 

นี่คือค่าแนะนําของโอสถเสริมโชคในระนาบเทพ

 

ตัวตนขอบเขตเทพขั้นสูงนั้น แม้จะมีพรสวรรค์ต่ําเตี้ยเรี่ยดินแค่ไหน แต่หลังจากรับประทานโอสถเสริมโชค 9 เม็ด พวกมันก็จะทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพได้เต็มสิบส่วน! สําหรับผู้ที่มีพรสวรรค์ดีๆ โอสถเสริมโชคก็นับเป็นสิ่งที่ช่วยลดระยะเวลาบ่มเพาะได้อย่างยอดเยี่ยม…

 

มีข่าวลือกันว่า เคยมีผู้มากพรสวรรค์คนหนึ่ง แม้จะพึ่งทะลวงถึงขอบเขตเทพขั้นสูงได้ในตอนเช้า แต่เมื่อรับประทานโอสถเสริมโชค 9 เม็ดในคราเดียว ไม่ทันค่ํามันก็สามารถทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพได้แล้ว!

 

เรียกว่าทะลวงด่านพลัง 2 ครั้งในวันเดียว!

 

และกรณีดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกในระนาบเทพ

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ขุมกําาลังระดับอระเทพมักส่งเสริมทายาทคนสาคัญด้วยวิธีนี้ กระทั่งขุมกําลังระดับจักรพรรดิเทพ หรือแม้แต่ขุมกําลังระดับจอมราชั้นเทพ ก็มักจะส่งเสริมอัจฉริยะที่มากพรสวรรค์ของพวกมันเช่นนี้ แต่ตัวตนที่จะได้รับการส่งเสริมเลิศล้ําขนาดนั้น มันมีไม่ค่อยมาก…

 

ด้วยเหตุนี้จึงสามารถจินตนาการออกได้ไม่ยาก ว่าโอสถเสริมโชคมีคุณค่าขนาดไหน

 

“ส่าหรับผู้ที่ชนะเลิศการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์รอบนี้ หากเป็นขอบเขตทางนิกายก็จะมอบโอสถเสริมโชคให้…แต่ถ้าเป็นขอบเขตราชาเทพนิกายจะมอบผลหายนะให้?

 

โอสถเสริมโชคนั้นต้วนหลิงเทียนย่อมรู้จัก

 

และเขาเองก็เคยได้ยินเรื่องราวของผลหายนะมาก่อนเช่นกัน

 

และมันแตกต่างจานกโอสถเสริมโชคอันเป็นเม็ดยาที่ถูกหลอมปรุงขึ้นมาโดยผู้หลอมโอสถเทพที่ใช้วัตถุดิบสมุนไพรล้ําค่า ผลหายนะนั้นเป็นผลไม้เทพที่จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ และมีพลังอํานาจช่วยให้ผู้ใช้ฝ่าฟันหายนะได้ง่ายขึ้น

 

ไม่ว่าจะอยู่ในระนาบเทพ ระนาบเทวโลก หรือแม้แต่ระนาบโลกียะ ตัวตนขอบเขตราชาเทพขึ้นไปนั้น จ่าต้องเผชิญหน้ากับหายนะอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง!

 

ทันทีที่ทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพ ท่านก็จะเผชิญกับหายนะทุกๆรอบพันปี

 

ยิ่งไปกว่านั้นหายนะที่พบเจอยิ่งมาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

หากความแข็งแกร่งไม่อาจก้าวหน้าติดตามความรุนแรงของหายนะที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นนั้นก็มีเพียงชะตากรรมเดียวเท่านั้นที่รอคอยท่านอยู่…

 

ตกตายภายใต้หายนะ!

 

เป็นเพราะตัวตนตั้งแต่ขอบเขตราชาเทพขึ้นไป ต้องเผชิญหน้ากับหายนะภัพิบัติเช่นนี้ทุกๆรอบหนึ่งพันปี ทำให้มีเทพขั้นสูงจํานวนมากหวาดกลัวการทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพเช่นนั้นจึงมีเทพขั้นสูงมากมายที่กลัวตาย เพราะหายนะจนเกิดมารในใจก็ดี หรือไม่กล้าบ่มเพาะพลังต่อก็ดี ได้ติดอยู่ในขอบเขตเทพขั้นสูงไปชั่วชีวิต ไม่อาจทะลวงผ่านไปได้…

 

เพราะถึงจะไม่ทะลวงผ่านขอบเขตเทพขั้นสูงไปสู่ขอบเขตราชาเทพ ท่านก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างยาวนานตราบชั่วฟ้าดินสลาย เพียงแค่ความแข็งแกร่งจะอ่อนด้อยกว่าผู้ที่กล้าทะลวงด่านเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ทะลวงผ่านไปถึงขอบเขตราชาเทพแล้ว ก็เสมือนได้เลือกเดินไปยังเส้นทางอันไร้หวนกลับ

 

ไม่ว่าจะเอาชนะหายนะทุกๆรอบพันปีได้เสมอ หรือตกตายภายใต้หายนะทุกรอบพันปีจนสาบสูญไปจากสวรรค์และโลก

 

และผลหายนะนั้น เป็นผลไม้เทพที่สามารถช่วตัวตนขอบเขตราชาเทพให้สามารถข้ามผ่านหายนะได้ง่ายขึ้น หลังจากรับประทานมันไป ก็สามารถชักนําพลังของผลหายนะไปผสานรวมเข้ากับพลังเทพในร่าง จากนั้นก็จะเกิดม่านพลังขึ้นมาชั้นหนึ่งซึ่งมีผลกระทบในการต้านทานหายนะโดยเฉพาะ

 

แน่นอนว่ามันแค่ช่วยเหลือได้บางส่วนเท่านั้น และไม่มีวิธีใดที่จะช่วยให้ผู้คนสามารถต้านทานหายนะภัยพิบัติได้อย่างสมบูณ์

 

แต่กระนั้น มันก็ช่วยเพิ่มโอกาสที่จะข้ามผ่านหายนะภัยพิบัติได้เป็นอย่างมาก

 

หากแต่เดิมท่านมีโอกาสเพียง 5 ใน 10 ส่วนที่จะข้ามผ่านหายนะได้สําเร็จ แต่หลังจากได้รับประทานผลหายนะแล้ว โอกาสข้ามผ่านได้สําเร็จก็จะเพิ่มเป็น 8 ใน 10 ส่วนทันที

 

“นิกายหมอกเร้นลับช่างทุ่มทุนสร้างจริงๆ

 

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะทอดถอนในใจกับความใจป่าของนิกายหมอกเร้นลับ

 

นี่น่ะเหรอ รากฐานของขุมกําลังระดับจอมราชั้นเทพ

 

“นายน้อยต้วน”

 

ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังต้วนหลิงเทียน เดิมทีเพราะเสียงอีกฝ่ายไม่คุ้นหู ต้วนหลิงเทียนก็คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่ได้เรียกหาเขา จนเมื่อเจ้าของเสียงได้เร่งความเร็วจนแซงไปและหยุดลงเบื้องหน้าจวบจนมองมาไม่วางตา จึงตระหนักว่าอีกฝ่ายมาหาเขาจริงๆ

 

“เจ้าคือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองไปยังร่างที่หยุดขวางเบื้องหน้าด้วยความสงสัย อีกฝ่ายมีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคน ใบหน้าแน่วแน่ คิ้วเรียวแหลม อย่างไรก็ตามสายตาที่อีกฝ่าใช้มองมาทางเขานั้น มันฉายชัดถึงความหวาดกลัวไม่น้อย

 

“นายน้อยต้วน ข้าเรียกว่าจังเทียนอู่ เป็นคนของตระกูลจัง”

 

ชายวัยกลางคนเร่งกล่าวแนะนําตัวเองออกมา

 

จังเทียนอู่ไม่ใช่คนของตระกูลจังทั่วไป แต่เป็นเพียงบุตรบุญธรรมผู้นําตระกูลจังคนปัจจุบันเท่านั้น ทําให้ในร่างมันไม่ได้มีสายเลือดของตระกูลจังไหลเวียนอยู่เลย

 

และเรื่องที่สําคัญที่สุดก็คือ…

 

ในอดีตจังเทียนอผู้นี้ได้กล่าวค่าสาบานต่อเลือดมารหัวใจเรียบร้อยแล้วว่าจะไม่ทรยศระกูลจังหรือ เป็นเหตุทําให้ตระกูลจังเสีผลประโยชน์ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง….

 

เป็นเพราะสาเหตุนี้เอง ถึงแม้จังเทียนคู่จะเป็นแค่บุตรบุญธรรมคนหนึ่ง แต่ผู้นําตระกูลจังก็มักใช้สอยมันด้วยความเชื่อใจ

 

เป็นเพราะสาเหตุดังกล่าว เงื่อนไขประการที่ 2 ที่ต้วนหลิงเทียนพูดไว้วันนั้น ผู้นําตระกูลจังจึงให้จังเทียนว่า “ความจริงใจของตระกูลจังมาส่งมอบให้ต้วนหลิงเทียนกับมือ…และมันก็รอส่งมอบความจริงใจ ในแหวนพื้นที่ให้ต้วนหลิงเทียนหลายเดือนแล้ว

 

อนิจจาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ต้วนหลิงเทียนนั้นอู่ในช่วงปิดด่านบ่มเพาะ ดังนั้นให้จังเทียนอ่อยากส่งมอบของให้ต้วนหลิงเทียนมากแค่ไหนมันก็ทําไม่ได้

 

วันนี้เป็นวันที่การแข่งขันไต่บันไดสวรรค์จะเริ่มต้นขึ้น จังเทียนอู่ก็คาดเดาได้ว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะเข้าร่วมสนุกด้วยก็เลยมาหาต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตามกว่ามันจะไปถึงบ้านศิลาของต้วนหลิงเทียน ก็พบว่าต้วนหลิงเทียนได้ออกจากบ้านไปแล้ว เช่นนั้นมันก็เลยเร่งรุดเหาะตามมา หมายมอบสิ่งของให้กับต้วนหลิงเทียน “นายน้อยต้วนที่ข้าตามหาท่าน เพราะข้าต้องการมอบของที่ท่านพ่อบุญธรรมฝากข่ามาให้ท่าน…”

 

“พ่อบุญธรรม?”

 

ต้วนหลิงเทียนตกใจอยู่บ้าง เพราะเขาไม่รู้ว่าจังเทียนอู่มีความสัมพันธ์กับผู้นําตระกูลจังในลักษณะนี้

 

“พ่อบุญธรรมของข้าก็คือผู้นําตระกูลจังคนปัจจุบัน จังต้า…”

 

จังเทียนอ่ค่อยๆกล่าวบอกด้วยน้ําเสียงสุภาพ ขณะเดียวกันมันก็สะบัดมือเรียกแหวนพื้นที่วงหนึ่งออกมาจากแหวนพื้นที่ของตัวเอง ก่อนจะยื่นส่งให้ต้วนหลิงเทียน “นายน้อยต้วน สิ่งของที่ท่านพ่อบุญธรรมตั้งใจมอบให้ท่าน ทั้งหมดอยู่ในแหวนพื้นที่วงนี้…”

 

เรื่องที่จังต้าเป็นผู้นําของตระกูลจังคนปัจจุบันนั้น…

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้แต่แรก

 

เช่นนั้นเขาจึงยื่นมือไปรับแหวนพื้นที่ๆจังเทียนอู่ส่งให้อย่างไม่เกรงใจ จากนั้นยังทําการหยดเลือดผูกพันธะ ครอบครองต่อหน้าต่อตาจังเทียนอู่ด้วย

 

เพียงห้วงคิดเดียว พื้นที่กว้างใหญ่ของแหวนก็ปรากฏขึ้นในใจต้วนหลิงเทียน

 

และสิ่งของที่เก็บไว้ในพื้นที่ดังกล่าว ก็ทําให้ลมหายใจของต้วนหลิงเทียนถี่รัวขึ้นมาทันที

 

ถึงแม้เขาจะมีเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่สิ่งของที่อยู่ในแหวนพื้นที่วงนี้ก็ทําให้ใจเขาเต้นรัวไปไม่เป็นจังหวะทันที…สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือภูเขาหินเทพ นอกจากนั้นยังมีสิ่งของหายากที่ต้วนหลิงเทียนเคยได้ยินเพียงแต่ชื่อ และไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน วัสดุต่างๆ รวมไปถึงผลไม้เทพ สมุนไพรเทพ และโอสถเทพบางอย่าง

 

และขวดโอสถเทพแต่ละขวดก็มีอักษรเขียนบอกไว้ว่าด้านในเป็นเม็ดยาอันใด

 

“โอสถเสริมโชค!?

 

ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็เห็นอักษรค่าว่า โอสถเสริมโชค เขียนแปะไว้บนขวดโอสถขวดหนึ่ง…

 

เป็นโอสถเสริมโชค ที่ทางนิกายหมอกเร้นลับจะมอบให้เป็นของรางวัลศิษย์สายในขอบเขตเทพที่ได้อันดับ 1 ในการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์รอบนี้!

 

อย่างไรก็ตามของรางวัลที่นิกายหมอกเร้นลับมอบให้นั้น เป็นแค่โอสถเสริมโชค 1 เม็ดเท่านั้น

 

มีกี่เม็ดยากันนะ?

 

ต้วนหลิงเทียนที่สูดลมหายใจเข้าลึกๆระงับความตื่นเต้นในใจ ก็อาศัยหนึ่งห้วงคิดเปิดจุกขวดโอสถเสริมโชค จากนั้นสานึกเทวะของเขาก็แผ่ลงไปตรวจสอบทุกสิ่งในขวดโอสถ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3668

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3668 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3668 : โอสถจ้าวอว่า

 

“หม?”

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แปลกใจอะไรที่ถึงอู่เยี่ยนจะล่วงรู้ว่าเขาออกจากการปิดด่าน สุดท้ายก็มีศิษย์สายใน หลายคนที่เห็นเขา แถมในบรรดาศิษย์เหล่านั้นต้องมีหลายคนรู้จักของถังอู่เยี่ยนแน่นอน พวกมันไม่พ้นต้องส่งข้อความบบอกให้ถึงอู่เยียนรู้ว่าเขาออกมาแล้ว

 

“เมื่อ 3 เดือนก่อน ศิษย์สายใน ที่ติดอันดับ 10 ศิษย์สายในขอบเขตเทพที่แข็งแกร่งที่สุด อวี ได้ท้าประลองกับเจ้า แต่เจ้าไม่ตอบ… 2 เดือนก่อนมันก็มาท้าทายเจ้าอีกครั้ง แต่เจ้าก็ไม่ตอบ กระทั่งเมื่อเดือนที่แล้วมันก็มาท้าเจ้าเป็นครั้งที่ 3 แต่เจ้าก็เงียบ…”

 

ถังอู่เขียนบอกอีกว่า “หลายคนคิดว่าเจ้าไม่มีความกล้าที่จะสู้กับมัน…แต่แน่นอนว่ามีหลายคนที่รู้ว่าเจ้าสมควรปิดด่านบ่มเพาะอยู่ เช่นนั้นเจ้าจึงไม่อาจตอบรับคําท้ามันได้สุดท้ายแล้วเจ้ายังไม่ได้รับแม้แต่ข้อความด้วยซ้ํา”

 

“อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะมีคนฉวยโอกาสให้ร้ายเจ้า…ป่าวประกาศไปทั่วว่าเจ้า ต้วนหลิงเทียน เป็นตัวขลาด ไม่มีแม้แต่ความกล้าจะรับคําท้า จึงพยายามทําเป็นไม่รู้ไม่เห็นคําท้าของฉือ”

 

พอถึงอู่เยี่ยนกล่าวถึงจุดนี้ นางก็กล่าวปลอบมาว่า “ต้วนหลิงเทียน ไม่ว่าผู้คนเหล่านั้นจะคิดอย่างไร เจ้าก็ไม่ต้องไปสนใจหรอก แค่เป็นตัวของตัวเองอย่าได้ให้ความเห็นคนนอกมากวนใจ”

 

“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องห่วง”

 

ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินค่าปลอบของถึงอู่เยียนเขาก็เข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายกริ่งเกรงเขาได้รับผลกระทบจากค่าครหาดังกล่าว จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง

 

เขา ต้วนหลิงเทียน จากระนาบโลกียะไปต่อที่ระนาบเทวโลก จวบจนมาถึงระนาบเทพแห่งนี้ ไม่ทราบผ่านการเคี่ยวกรําทางอารมณ์มาเท่าไหร่ จะมาได้รับผกระทบจากเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ได้อย่างไร?

 

“เช่นนั้นก็ดี”

 

ข้อความตอบกลับของต้วนหลิงเทียนนั้น แม้จะสั้นๆ แต่ถึงอู่เยียนก็สัมผัสได้ถึงความไม่แยแสในน้ําเสิ่งอันนิ่งสงบของต้วนหลิงเทียน นางจึงตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่สนใจค่าครหาเหล่านั้นจริงๆ

 

“ตั้งแต่วันนี้ไป ตลอดจนหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ก็ถือว่าอยยู่ในช่วงการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์…เจ้าสนใจไปชมดูให้บันเทิงใจหรือไม่? หรือเจ้าจะลงแข่งด้วย?”

 

ถังอู่เยี่ยนกล่าวถาม

 

“ข้าว่าจะลองแข่งดู”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

 

“หวังว่าเจ้าจะได้อันดับดีๆ”

 

หลังถึงอู่เยี่ยนกล่าวอวยพร และต้วนหลิงเทียนตอบกลับว่าขอบคุณ นางก็เงียบไปเลย และไม่ได้บอกว่าตัวนางเองจะไปด้วยหรือไม่

 

อย่างไรก็ตาม ถังอู่เยี่ยนจะไปก็ดีไม่ไปก็ดี ไม่ได้มีผลกระทบอะไรสําหรับต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย เขาไม่แม้แต่จะคิดเรื่องนี้ด้วยซ้ํา เพียงมองไปยังเหล่าศิษย์สายในที่พากันเห็นร่างข้ามฟ้า และโจนร่างขึ้นฟ้าติดตามไปทันที

 

รอบนี้เขาไม่จําเป็นต้องถามใคร เพราะเขาเชื่อว่าศิษย์สายในเหล่านี้สมควรมุ่งหน้าไปยังสถานที่แข่งขันไต่บันไดสวรรค์แน่นอน

 

เพราะสาหรับศิษย์สายในแล้ว นับเป็นงานใหญ่งานหนึ่ง หลายคนยังหวังจะท่าผลงานในการไต่บันไดสวรรค์ให้ดี อีกทั้งยังอยากได้ของรางวัลจากการชนะ ที่สําคัญที่สุดเลยก็คือได้หน้า…

 

ต้วนหลิงเทียนเริ่มย้อนนึกถึงเรื่องราวที่ได้รู้จากคู่มือศิษย์สายใน เรียกว่ามันก็ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์เอาไว้เช่นกัน

ค่าว่าแข่งขันไต่บันไดสวรรค์นั้น ฟังแล้วคล้ายแข่งกันขึ้นบันไดอะไรทํานองนั้น

 

แต่อันที่จริงมันไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น

 

การไต่บันไดสวรรค์ เดิมที่เป็นการทดสอบที่บรรพบุรุษของนิกายหมอกเร้นลับสร้างไว้ ให้เหล่าศิษย์สายในใช้เคียวกว่าตัวเอง แต่ต่อมาภายหลังมันก็เริ่มกลายเป็นการแข่งขันที่ให้เหล่าศิษย์สายในมาเปรียบเทียบความสามารถกัน

 

และการแข่งขันประชันความสามารถดังกล่าว ทางนิกายหมอกเร้นลับก็เห็นดีด้วย กระทั่งยังส่งเสริมโดยการให้ของรางวัลดีๆสําหรับการแข่งขันแต่ละครั้ง ที่สําคัญผู้ชนะเลิศการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ยังได้รัของรางวัลที่ทําให้ผู้อื่นอิจฉาอีกด้วย

 

ครั้งนี้ก็ดุจเดียวกัน

 

“เห็นว่าผู้ชนะอันดับ 1 ในการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์รอบนี้หากอู่ในขอบเขตเทพจะได้โอสถเสริมโชค ส่วน อันดับ 1 ในขอบเขตราชาเทพ จะได้ผลหายนะ!”

 

ระหว่างเดินทางต้วนหลิงเทียนที่เงียหูฟังเรื่องราวโดยรอบ ในที่สุดก็ได้ยินบทสนทนาสําคัญของเหล่าศิษย์ ที่เห็นบินไม่ไกล

 

เป็นธรรมดาว่าอีกฝ่ายก่าลังคุยกับสหายของตัวเอง ไม่ได้ตั้งใจจะบอกต้วนหลิงเทียนแต่อย่างไร ทว่า ด้วโสตประสาทรับฟังของต้วนหลิงเทียน เขาจึงได้ยินชัดเจน

 

“โอสถเสริมโชค?”

 

และพอได้ยินเสียงคุยกันดังกล่าวของศิษย์สายในคนนั้น ต้วนหลิงเทียนก็อดตกใจไม่ได้ เพราะเขาไม่คิดเลยว่านิกายหมอกเร้นลับจะใจป่าถึงขั้นแจกโอสถเสริมโชคให้กับผู้ชนะอันดับ 1 ขอบเขตเทพ

 

โอสถเสริมโชคนั้น เป็นโอสถเทพที่ล้ําค่ามากสําหรับผู้ที่ยังอยู่ในขอบเขตเทพ หากเป็นตัวตนที่อยู่เหนือขอบเขตเทพไปแล้ว ถึงจะใช้มันไปก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร

 

โอสถเสริมโชค 9 เม็ด บรรลุถึงราชาเทพ!

 

นี่คือค่าแนะนําของโอสถเสริมโชคในระนาบเทพ

 

ตัวตนขอบเขตเทพขั้นสูงนั้น แม้จะมีพรสวรรค์ต่ําเตี้ยเรี่ยดินแค่ไหน แต่หลังจากรับประทานโอสถเสริมโชค 9 เม็ด พวกมันก็จะทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพได้เต็มสิบส่วน! สําหรับผู้ที่มีพรสวรรค์ดีๆ โอสถเสริมโชคก็นับเป็นสิ่งที่ช่วยลดระยะเวลาบ่มเพาะได้อย่างยอดเยี่ยม…

 

มีข่าวลือกันว่า เคยมีผู้มากพรสวรรค์คนหนึ่ง แม้จะพึ่งทะลวงถึงขอบเขตเทพขั้นสูงได้ในตอนเช้า แต่เมื่อรับประทานโอสถเสริมโชค 9 เม็ดในคราเดียว ไม่ทันค่ํามันก็สามารถทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพได้แล้ว!

 

เรียกว่าทะลวงด่านพลัง 2 ครั้งในวันเดียว!

 

และกรณีดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกในระนาบเทพ

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ขุมกําาลังระดับอระเทพมักส่งเสริมทายาทคนสาคัญด้วยวิธีนี้ กระทั่งขุมกําลังระดับจักรพรรดิเทพ หรือแม้แต่ขุมกําลังระดับจอมราชั้นเทพ ก็มักจะส่งเสริมอัจฉริยะที่มากพรสวรรค์ของพวกมันเช่นนี้ แต่ตัวตนที่จะได้รับการส่งเสริมเลิศล้ําขนาดนั้น มันมีไม่ค่อยมาก…

 

ด้วยเหตุนี้จึงสามารถจินตนาการออกได้ไม่ยาก ว่าโอสถเสริมโชคมีคุณค่าขนาดไหน

 

“ส่าหรับผู้ที่ชนะเลิศการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์รอบนี้ หากเป็นขอบเขตทางนิกายก็จะมอบโอสถเสริมโชคให้…แต่ถ้าเป็นขอบเขตราชาเทพนิกายจะมอบผลหายนะให้?

 

โอสถเสริมโชคนั้นต้วนหลิงเทียนย่อมรู้จัก

 

และเขาเองก็เคยได้ยินเรื่องราวของผลหายนะมาก่อนเช่นกัน

 

และมันแตกต่างจานกโอสถเสริมโชคอันเป็นเม็ดยาที่ถูกหลอมปรุงขึ้นมาโดยผู้หลอมโอสถเทพที่ใช้วัตถุดิบสมุนไพรล้ําค่า ผลหายนะนั้นเป็นผลไม้เทพที่จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ และมีพลังอํานาจช่วยให้ผู้ใช้ฝ่าฟันหายนะได้ง่ายขึ้น

 

ไม่ว่าจะอยู่ในระนาบเทพ ระนาบเทวโลก หรือแม้แต่ระนาบโลกียะ ตัวตนขอบเขตราชาเทพขึ้นไปนั้น จ่าต้องเผชิญหน้ากับหายนะอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง!

 

ทันทีที่ทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพ ท่านก็จะเผชิญกับหายนะทุกๆรอบพันปี

 

ยิ่งไปกว่านั้นหายนะที่พบเจอยิ่งมาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

หากความแข็งแกร่งไม่อาจก้าวหน้าติดตามความรุนแรงของหายนะที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นนั้นก็มีเพียงชะตากรรมเดียวเท่านั้นที่รอคอยท่านอยู่…

 

ตกตายภายใต้หายนะ!

 

เป็นเพราะตัวตนตั้งแต่ขอบเขตราชาเทพขึ้นไป ต้องเผชิญหน้ากับหายนะภัพิบัติเช่นนี้ทุกๆรอบหนึ่งพันปี ทำให้มีเทพขั้นสูงจํานวนมากหวาดกลัวการทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพเช่นนั้นจึงมีเทพขั้นสูงมากมายที่กลัวตาย เพราะหายนะจนเกิดมารในใจก็ดี หรือไม่กล้าบ่มเพาะพลังต่อก็ดี ได้ติดอยู่ในขอบเขตเทพขั้นสูงไปชั่วชีวิต ไม่อาจทะลวงผ่านไปได้…

 

เพราะถึงจะไม่ทะลวงผ่านขอบเขตเทพขั้นสูงไปสู่ขอบเขตราชาเทพ ท่านก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างยาวนานตราบชั่วฟ้าดินสลาย เพียงแค่ความแข็งแกร่งจะอ่อนด้อยกว่าผู้ที่กล้าทะลวงด่านเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ทะลวงผ่านไปถึงขอบเขตราชาเทพแล้ว ก็เสมือนได้เลือกเดินไปยังเส้นทางอันไร้หวนกลับ

 

ไม่ว่าจะเอาชนะหายนะทุกๆรอบพันปีได้เสมอ หรือตกตายภายใต้หายนะทุกรอบพันปีจนสาบสูญไปจากสวรรค์และโลก

 

และผลหายนะนั้น เป็นผลไม้เทพที่สามารถช่วตัวตนขอบเขตราชาเทพให้สามารถข้ามผ่านหายนะได้ง่ายขึ้น หลังจากรับประทานมันไป ก็สามารถชักนําพลังของผลหายนะไปผสานรวมเข้ากับพลังเทพในร่าง จากนั้นก็จะเกิดม่านพลังขึ้นมาชั้นหนึ่งซึ่งมีผลกระทบในการต้านทานหายนะโดยเฉพาะ

 

แน่นอนว่ามันแค่ช่วยเหลือได้บางส่วนเท่านั้น และไม่มีวิธีใดที่จะช่วยให้ผู้คนสามารถต้านทานหายนะภัยพิบัติได้อย่างสมบูณ์

 

แต่กระนั้น มันก็ช่วยเพิ่มโอกาสที่จะข้ามผ่านหายนะภัยพิบัติได้เป็นอย่างมาก

 

หากแต่เดิมท่านมีโอกาสเพียง 5 ใน 10 ส่วนที่จะข้ามผ่านหายนะได้สําเร็จ แต่หลังจากได้รับประทานผลหายนะแล้ว โอกาสข้ามผ่านได้สําเร็จก็จะเพิ่มเป็น 8 ใน 10 ส่วนทันที

 

“นิกายหมอกเร้นลับช่างทุ่มทุนสร้างจริงๆ

 

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะทอดถอนในใจกับความใจป่าของนิกายหมอกเร้นลับ

 

นี่น่ะเหรอ รากฐานของขุมกําลังระดับจอมราชั้นเทพ

 

“นายน้อยต้วน”

 

ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังต้วนหลิงเทียน เดิมทีเพราะเสียงอีกฝ่ายไม่คุ้นหู ต้วนหลิงเทียนก็คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่ได้เรียกหาเขา จนเมื่อเจ้าของเสียงได้เร่งความเร็วจนแซงไปและหยุดลงเบื้องหน้าจวบจนมองมาไม่วางตา จึงตระหนักว่าอีกฝ่ายมาหาเขาจริงๆ

 

“เจ้าคือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองไปยังร่างที่หยุดขวางเบื้องหน้าด้วยความสงสัย อีกฝ่ายมีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคน ใบหน้าแน่วแน่ คิ้วเรียวแหลม อย่างไรก็ตามสายตาที่อีกฝ่าใช้มองมาทางเขานั้น มันฉายชัดถึงความหวาดกลัวไม่น้อย

 

“นายน้อยต้วน ข้าเรียกว่าจังเทียนอู่ เป็นคนของตระกูลจัง”

 

ชายวัยกลางคนเร่งกล่าวแนะนําตัวเองออกมา

 

จังเทียนอู่ไม่ใช่คนของตระกูลจังทั่วไป แต่เป็นเพียงบุตรบุญธรรมผู้นําตระกูลจังคนปัจจุบันเท่านั้น ทําให้ในร่างมันไม่ได้มีสายเลือดของตระกูลจังไหลเวียนอยู่เลย

 

และเรื่องที่สําคัญที่สุดก็คือ…

 

ในอดีตจังเทียนอผู้นี้ได้กล่าวค่าสาบานต่อเลือดมารหัวใจเรียบร้อยแล้วว่าจะไม่ทรยศระกูลจังหรือ เป็นเหตุทําให้ตระกูลจังเสีผลประโยชน์ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง….

 

เป็นเพราะสาเหตุนี้เอง ถึงแม้จังเทียนคู่จะเป็นแค่บุตรบุญธรรมคนหนึ่ง แต่ผู้นําตระกูลจังก็มักใช้สอยมันด้วยความเชื่อใจ

 

เป็นเพราะสาเหตุดังกล่าว เงื่อนไขประการที่ 2 ที่ต้วนหลิงเทียนพูดไว้วันนั้น ผู้นําตระกูลจังจึงให้จังเทียนว่า “ความจริงใจของตระกูลจังมาส่งมอบให้ต้วนหลิงเทียนกับมือ…และมันก็รอส่งมอบความจริงใจ ในแหวนพื้นที่ให้ต้วนหลิงเทียนหลายเดือนแล้ว

 

อนิจจาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ต้วนหลิงเทียนนั้นอู่ในช่วงปิดด่านบ่มเพาะ ดังนั้นให้จังเทียนอ่อยากส่งมอบของให้ต้วนหลิงเทียนมากแค่ไหนมันก็ทําไม่ได้

 

วันนี้เป็นวันที่การแข่งขันไต่บันไดสวรรค์จะเริ่มต้นขึ้น จังเทียนอู่ก็คาดเดาได้ว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะเข้าร่วมสนุกด้วยก็เลยมาหาต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตามกว่ามันจะไปถึงบ้านศิลาของต้วนหลิงเทียน ก็พบว่าต้วนหลิงเทียนได้ออกจากบ้านไปแล้ว เช่นนั้นมันก็เลยเร่งรุดเหาะตามมา หมายมอบสิ่งของให้กับต้วนหลิงเทียน “นายน้อยต้วนที่ข้าตามหาท่าน เพราะข้าต้องการมอบของที่ท่านพ่อบุญธรรมฝากข่ามาให้ท่าน…”

 

“พ่อบุญธรรม?”

 

ต้วนหลิงเทียนตกใจอยู่บ้าง เพราะเขาไม่รู้ว่าจังเทียนอู่มีความสัมพันธ์กับผู้นําตระกูลจังในลักษณะนี้

 

“พ่อบุญธรรมของข้าก็คือผู้นําตระกูลจังคนปัจจุบัน จังต้า…”

 

จังเทียนอ่ค่อยๆกล่าวบอกด้วยน้ําเสียงสุภาพ ขณะเดียวกันมันก็สะบัดมือเรียกแหวนพื้นที่วงหนึ่งออกมาจากแหวนพื้นที่ของตัวเอง ก่อนจะยื่นส่งให้ต้วนหลิงเทียน “นายน้อยต้วน สิ่งของที่ท่านพ่อบุญธรรมตั้งใจมอบให้ท่าน ทั้งหมดอยู่ในแหวนพื้นที่วงนี้…”

 

เรื่องที่จังต้าเป็นผู้นําของตระกูลจังคนปัจจุบันนั้น…

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้แต่แรก

 

เช่นนั้นเขาจึงยื่นมือไปรับแหวนพื้นที่ๆจังเทียนอู่ส่งให้อย่างไม่เกรงใจ จากนั้นยังทําการหยดเลือดผูกพันธะ ครอบครองต่อหน้าต่อตาจังเทียนอู่ด้วย

 

เพียงห้วงคิดเดียว พื้นที่กว้างใหญ่ของแหวนก็ปรากฏขึ้นในใจต้วนหลิงเทียน

 

และสิ่งของที่เก็บไว้ในพื้นที่ดังกล่าว ก็ทําให้ลมหายใจของต้วนหลิงเทียนถี่รัวขึ้นมาทันที

 

ถึงแม้เขาจะมีเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่สิ่งของที่อยู่ในแหวนพื้นที่วงนี้ก็ทําให้ใจเขาเต้นรัวไปไม่เป็นจังหวะทันที…สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือภูเขาหินเทพ นอกจากนั้นยังมีสิ่งของหายากที่ต้วนหลิงเทียนเคยได้ยินเพียงแต่ชื่อ และไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน วัสดุต่างๆ รวมไปถึงผลไม้เทพ สมุนไพรเทพ และโอสถเทพบางอย่าง

 

และขวดโอสถเทพแต่ละขวดก็มีอักษรเขียนบอกไว้ว่าด้านในเป็นเม็ดยาอันใด

 

“โอสถเสริมโชค!?

 

ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็เห็นอักษรค่าว่า โอสถเสริมโชค เขียนแปะไว้บนขวดโอสถขวดหนึ่ง…

 

เป็นโอสถเสริมโชค ที่ทางนิกายหมอกเร้นลับจะมอบให้เป็นของรางวัลศิษย์สายในขอบเขตเทพที่ได้อันดับ 1 ในการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์รอบนี้!

 

อย่างไรก็ตามของรางวัลที่นิกายหมอกเร้นลับมอบให้นั้น เป็นแค่โอสถเสริมโชค 1 เม็ดเท่านั้น

 

มีกี่เม็ดยากันนะ?

 

ต้วนหลิงเทียนที่สูดลมหายใจเข้าลึกๆระงับความตื่นเต้นในใจ ก็อาศัยหนึ่งห้วงคิดเปิดจุกขวดโอสถเสริมโชค จากนั้นสานึกเทวะของเขาก็แผ่ลงไปตรวจสอบทุกสิ่งในขวดโอสถ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+