War sovereign Soaring The Heavens 3671

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3671 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3671 : ฉือวี่

 

จากนั้นชายหนุ่มมอซอก็ยกมือขึ้น ชี้นิ้วไปยังฟ้าเบื้องบน ต่อมาก็ปรากฏแสงพลังสีแดงเข้มหนึ่งพุ่งเข้าใส่ความว่างเปล่าเบื้องบน ก่อนจะทําปฏิกิริยาอะไรบางอย่างกับพื้นที่มิติ

 

ทันใดนั้น ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงพลังอํานาจดูดรั้งขุมหนึ่ง พุ่งมาจากก่าแพงมิติโดยรอบ พริบตาก็ปกคลุมไปทั่วร่างเขา เขาที่ไม่ได้ต่อต้านอะไรพริบตาก็ไปปรากฏตัวยังสถานที่อื่น

 

และสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่อันมืดมิดจนมองไม่เห็นนิ้วมือทั้ง 5 เหมือนเมื่อครู่อีกต่อไป

 

เพราะมองไปจะเห็นไข่มุกราตรีเม็ดเขื่องลอยอยู่กลางอากาศ สาดแสงนวลตาส่องสว่างไปทั่วระนาบอิสระเล็กๆทุกแห่งหน มองไปก็พบเห็นเป็นป่าศิลา ที่มีหินรูปทรงแปลกประหลาดมากมายตั้งอยู่ บ้างใหญ่บ้างเล็ก และด้วนหลิงเทียนก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้คน

 

“ดูเหมือนที่นี่จะเป็นระนาบอิสระขนาดย่อมของบันไดสวรรค์ขั้นที่ 2

 

ด้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

 

และไฉนที่เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้คน ด้วนหลิงเทียนก็เดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกําลังซ่อนตัวอยู่

 

ด้วนหลิงเทียนแผ่สํานึกเทวะออกไปโดยรอบโดยไม่ลังเล ไม่นานนักก็พบร่างที่ซ่อนอยู่หลังก้อนหินไม่ไกล

 

อีกฝ่ายเป็นชายในชุดคลุมสีน้ําเงิน ใบหน้าเคร่งขรึมจริงจัง เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ไม่คล้ายคนที่ถูกขังที่นี่มานานปี

เรียกว่าเมื่อให้เทียบกับชายหนุ่มมอซอที่ต้วนหลิงเทียนพบในพื้นที่ก่อนหน้า สารรูปพวกมันช่างแตกต่างกัน ราวคนละขั้ว

 

ฟุบบ!

 

ชั่ววว!!

 

ชายหนุ่มที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความข็งขังจริงจัง เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน เมื่อสัมผัสได้ถึงสํานึกเทวะที่แผ่มาปกคลุม มันก็ไม่รอช้า ชิงลงมือก่อนทันที พอเปิดฉากก็ป้อนกระบวนท่าด้วยเจตนาฆ่าฟัน ทั่วร่างเอ่อล้นไปด้วยพลังเทพที่ผสานรวมเข้ากับความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ําหลาประการ

 

พอเห็นอีกฝ่ายลงมือ ตัวนหลิงเทียนก็เข้าใจได้โดยพลันว่าไฉนมันถึงได้มีเนื้อตัวสะอาดสะอ้านนักทั้งๆที่สมควรถูกคุมขังมานานปี ที่แท้มันเชี่ยวชาญกฏแห่งนี้นี่เอง

 

ผู้ที่ใช้กฏแห่งน้ํา ยามผสานพลังความลึกซึ่งเข้ากับพลังเทพ ยอมสามารถสร้างขึ้นจากความว่างเปล่าได้โดยง่าย

 

นอกจากนั้นทันที่ที่ชายหนุ่มเปิดฉากจู่โจม ตัวนหลิงเทียนก็พบว่าพลังฝีมือของมันกลําแข็งกว่าชายหนุ่ม มอซอในระนาบอิสระขนาดย่อมของบันไดสวรรค์ขั้นที่ 1 มาก…เพราะมันเข้าใจความลึกซึ่งของกฎแห่งน้ําทุกประการถึงขั้นตอนความสําเร็จยิ่งใหญ่แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม มันยังไม่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแต่อย่างใด

 

นอกจากนั้นด่านพลังของมันก็เป็นแค่เทพขั้นกลางเท่านั้น

 

ปงงง!

 

เผชิญหน้ากดับการเปิดฉากลงมือเข่นฆ่าเข้ามาของอีกฝ่าย ตัวนหลิงเทียนไม่แม้แต่จะเหลือบแล เพิ่งยกมือขึ้นโบกส่งๆตามอําเภอใจ ก็ปรากฏพายุมิติโหมกระหน่ํา สลายพลังกระบวนท่าของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย จึงซัดกระแทกร่างมันจนปลิวละลิ่วไปไม่เป็นท่า บาดเจ็บไม่ใช่น้อย

 

“อัคค—!”

 

ในขณะที่มันมกระอักโลหิตออกมาค่าใหญ่ สองตาที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนก็ฉายชัดถึงความสยดสยองหวาดกลัว จากนั้นคล้ายมันกลัวด้วนหลิงเทียนจะจู่โจมปลิดชีวิต จึงรีบเปิดใช้อาคมส่งตัวด้วนหลิงเทียนให้ออกไปจากที่นี่ทันที

 

ด้วนหลิงเทียนก็เลยมาโผล่ในระนาบอิสระขนาดย่อมที่อยู่ในบันไดสวรรค์ชั้นที่ 3…

 

และยังคงจัดการผู้เฝ้าด่านอย่างราบคาบ ให้ใช้ค่าว่าบดขยี้ก็ไม่เกินเลย…

 

ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับที่ถูกขังไว้ในบันไดสวรรค์ขั้นที่ 3 ก็ยังคงเป็นเทพขั้นกลาง นอกจากนั้นความลึกซึ้ง ทุกประการของกฎแห่งทองอีกฝ่ายก็บรรลุถึงขั้นตอนความสําเร็จยิ่งใหญ่ทั้งหมด

 

อนิจจาความแข็งแกร่งเล็กน้อยเพียงเท่านี้ ย่อมไม่อาจนับเป็นอะไรในสายตาด้วนหลิงเทียนได้ จึงแพ้พ่ายต้วนหลิงเทียนในกระบวนท่าเดียว

 

ขั้นที่ 4 ก็เหมือนเดิม…

 

ขั้นที่ 5 ก็ไม่ต่างกัน

 

จนมาถึงขั้นที่ 6 ต้วนหลิงเทียนก็ต้องลงมืออยู่หลายท่ากว่าจะจัดการได้

 

เป็นธรรมดาว่าทั้งหมดเพราะเขาจงใจปกปิดพลังของตัวเอง หากเขาใช้พลังทั้งหมดก็เกรงว่าคงจะสยบอีกฝ่ายได้ในท่าเดียว!

 

พอมาถึงบันไดสวรรค์ขั้นที่ 7 ศิษย์นิกายที่ถูกขังไว้ที่นี่ ไม่เพียงแต่ด่านพลังจะบรรลุถึงเทพขั้นสูงแล้วเท่านั้น แต่มันยังเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ประการหลายชุด ความแข็งแกร่งของมันนับว่าพอทําให้ด้วนหลิงเทียนที่จงใจปกปิดพลังเอาไว้ สัมผัสได้ถึงแรงกดดันเล็กๆ

 

“หม?”

 

ตัวนหลิงเทียนที่กําลังแลกกระบวนท่าประมือกับอีกฝ่าอย่างสนุกสนานไม่รีบไม่ร้อน อยู่ดีๆร่างเขาก็ชะงักไป เพราะอยู่ๆพลังเทพในร่างก็พุ่งพล่านขึ้นมาปานน้ําเดือด

 

หลังจากเร่งโคจรพลังขณะต่อสู้จนมือเป็นระวิง ในที่สุดด่านพลังของต้วนหลิงเทียนก็ทะลวงถึงเทพขั้นสูงได้สําเร็จ

“ทะลวงด่านพลังขณะ

สู้?”

 

พอเห็นว่าด้วนหลิงเทียนทะลวงด่านพลังขณะต่อสู้อยู่ ศิษย์สายในนิกายที่ถูกขังไว้ในบันไดสวรรค์ชั้น 7 ไม่เพียงแต่จะไม่กลัวเท่านั้น สองตายังฉายแววอํามหิต เร่งเร้าพลังชั่วชีวิต โจนร่างทานพร้อมป้อนกระบวนท่าสังหารเข้าใส่ถ้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย

 

เพราะทันทีที่ทะลวงด่านพลัง จะมากจะน้อยก็ต้องทําการปรับพลังในร่างให้เสถียร ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าว หากที่จะใช้พลังได้เต็มประสิทธิภาพ

 

ศิษย์สาใมนนิกายหมอกเร้นลับที่ถูกขังคนนี้ จึงคิดปล้นบ้านยามไฟไหม้ หมายเข่นฆ่าด้วนหลิงเทียนให้ตายในท่าเดียว

 

เพราะหากมันลงมือสําาเร็จ 9 ใน 10 มันก็จะเป็นผู้ชนะและได้ลดหย่อนโทษ!

 

ซัวว!

 

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนเหมือนจะเดาได้แต่แรกว่าอีกฝ่ายไม่พ้นต้องฉกฉวยโอกาสนี้แน่ พริบตาร่างเขาก็อันตรธานหายไปในความว่างเปล่าราวภูตผี

 

หากทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ถอดใจ เร่งเปลี่ยนทิศทางกลางหาว คนห้อเหยียดเข้ามาสุดตัวหมายฆ่าตัวนหลิงเทียนให้จงได้!

 

กว่าต้วนหลิงเทียนจะควบคุมพลังเทพในร่างให้สงบลงและปรับพลังให้เสถียรบางส่วน ก็สายเกินกว่าจะใช้ความลึกซึ่งเคลื่อนมิติอีกครั้ง

 

ทันใดนั้น สองตาเขาก็ฉายประกายเย็นชา และมองไปยังศิษย์เบื้องหน้าที่เข่นฆ่าสังหารเข้ามาด้วยเจตนาฆ่าฟัน “ในเมื่อสวรรค์มีทางเจ้าไม่เดิน นรกไร้ประตูดันทุรังมดมานัก ก็ไปตามทางเสีย!”

 

พออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ต้วนหลิงเทียนก็ใช้ออกด้วย 1 ในจตุรวิถีสวรรค์โลกอย่างวิถีควบคุมทันที พลังมิติอันน่าพรั่นพรึงอุบัติขึ้นทั่วอาณาบริเวณรอบร่าง จากนั้นก็ในร่างอีกฝ่ายจนสลายหายไปในความว่างเปล่าทันที!

 

มันนับเป็นคนแรกที่ต้วนหลิงเทียนฆ่า หลังจากเข้ามาในบันไดสวรรค์

 

ระหว่างทางเขาไม่ได้คิดฆ่าใครเลย

 

สุดท้ายแล้วอีกฝ่ายก็ไม่มีเรื่องราวบาดหมางกับเขา และเขาเองก็รู้สึกว่าไม่จําเป็นต้องพรากชีวิตผู้อื่นตามอําเภอใจ

 

หลังฆ่าศัตรูแล้ว ด้วนหลิงเทียนก็เลือกจะต้านทานพลังดูดรั้งที่ปรากฏออกมาโดยอัตโนมัติ และเลือกจะนั่งลงเพื่อโคจรปรับพลังเทพในร่างก่อน

ในเวลาเดียวกัน…

 

ด้านนอกบันไดสวรรค์ เหล่าศิษย์สายในทั้งหลายไม่เว้นถึงอู่เยี่ยนล้วนจับจ้องมองไปยังจุดแสงแทนตัวด้วนหลิงเทียนบนบันไดสวรรค์ขั้นที่ 7 ไม่วางตา นั่นเพราะจุดแสงดวงนี้มันเคลื่อนไหวไต่ระดับเร็วเกินไป!

 

ตั้งแต่ขั้นที่ 1 ถึงขั้นที่ 6 เรียกว่าเสมือนจุดแสงกระโดดโหยงๆไม่หยุดก็ว่าได้

 

มีก็แต่ระหว่างขึ้นจากขั้นที่ 6 ไปขั้นที่ 7 เท่านั้น ที่เริ่มชะลอตัว

 

ต่อมาพอจุดแสงมาถึงขั้นที่ 7 แล้ว มันก็นิ่งเงียบไปไม่โดดขึ้นไปขั้นที่ 8 อยู่นาน แต่ทว่าจุดแสงก็ไม่ได้หายไปแต่อย่างใด

 

“ดูเหมือนด้วนหลิงเทียนจะหยุดลงที่ขั้นที่ 7 แล้วล่ะ…”

 

ศิษย์สายในหลายคนเริ่มระบายลมหายใจออกมา

 

“แต่ไม่พูดไม่ได้ มันอาศัยด่านพลังเทพขั้นกลางจนไปถึงขั้นที่ 7 ได้แบบนี้…นับว่าร้ายกาจยิ่งนัก! สมแล้วที่เป็นสัตว์ประหลาดจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์!!”

 

“จริง กระทั่งศิษย์สายในขอบเขตเทพที่แข็งแกร่งที่สุดทั้ง 10 คนในอดีต ตอนที่ด่านพลังรั้งอยู่ในขอบเขต เทพขั้นกลางก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถไต่ขึ้นไปถึงบันไดสวรรค์ขั้นที่ 7!”

 

“ด้วนหลิงเทียนนั่น ถึงมันจะหยุดอยู่แค่ขั้นที่ 7 ก็สมควรภูมิใจได้แล้ว”

 

แม้เสียงสนทนาโดยรอบจะดังเข้าหูระงม แต่ถึงอู่เยี่ยนก็ไม่ได้แยแส เพียงจับจ้องมองไปยังจุดแสงแทนตัว ต้วนหลิงเทียนบนบันไดสวรรค์ขั้นที่ 7 ไม่วางตา และในแววตานางยังเผยให้เห็นความคาดหวังประการหนึ่ง

 

ถึงแม้ตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่หลังจากได้ยินเสียงผู้คนโดยรอบที่ไม่ได้มองโลกในแง่ดีสําหรับต้วนหลิงเทียนมากนัก และพากันกล่าวว่าตัวนหลิงเทียนจะหยุดอยู่ที่บันไดสวรรค์ขั้นที่ 7 แต่นางก็แอบหวังให้ต้วนหลิงเทียนสร้างปาฏิหาริย์ได้

 

ถึงแม้นางเองก็รู้ดีว่าปาฏิหาริย์ดังกล่าวไม่ใช่จะสร้างขึ้นง่ายๆก็ตาม

 

ฟุบ!

 

ทันใดนั้นเอง ปรากฏร่างหนึ่งขึ้นจากความว่างเปล่าต่อหน้าต่อตาผู้คน และหากใครสังเกตให้ดีจะพบว่าจุดแสงที่อยู่ในบันไดสวรรค์ขั้นที่ 8 มาสักพักใหญ่ๆ ในที่สุดก็หายไป…

 

มองไปเห็นเป็นชายหนุ่มมาในชุดคลุมสีน้ําตาล หน้าตาหล่อเหลารูปร่างค่อนข้างสูง พอมันปรากฏตัวก็เรียกว่าดึงดูดสายตาของเหล่าศิษย์สายในที่เป็นสตร์จํานวนมาก แต่ละนางยังออกอาการราวปรารถนาทิ้งตัวลงอ้อมกอดมันอย่างไรอย่างนั้น

 

“ศิษย์พี่ฉอว! ศิษย์น้องมาให้กําลังใจท่านเจ้าค่ะ!!”

 

“ศิษย์พี่ฉอวออกมาแล้ว! ถึงแม้จะยังไม่อาจข้ามผ่านขั้นที่ 8 แต่คราวนี้กลับอยู่ในขั้นที่ 8 ได้เนิ่นนาน เห็นชัดว่าสูสีกับศิษย์เฝ้าด่านไม่น้อย ดูท่าครานี้การแข่งขันไต่บันไดสวรรค์สําหรับศิษย์สายในขอบเขตเทพ ศิษย์พี่ฉือวี่ต้องคว้าอันดับ 1 มาครองได้แน่!!”

 

“ศิษย์พี่ฉอวน่าทิ้งยิ่ง!”

 

เหล่าศิษย์สายในขอบเขตเทพจะหญิงก็ดีจะชายก็ดี ต่างพากันมองไปยังฉือวีด้วยตาเป็นประกาย ฟังจากคําพูดแล้วเต็มไปด้วยความชื่นชม แตกต่างจากวาจาตัดรอนต้วนหลิงเทียนก่อนหน้าคนละโลก

 

“ศิษย์น้องหญิงอู่เยียน”

 

หลังจากฉือออกมา และได้ยินเสียงกล่าวด้วยความชื่นชมของเหล่าศิษย์สายในโดยรอบ คนก็แลดูจะยึดขึ้นไม่น้อยเห็นชัดว่ามันชมชอบวาจาในหูเหล่านี้พอสมควร ใบหน้ายังฉายชัดถึงความเย่อหยิ่งไม่เห็นใครอยู่ในสายตา จนกระทั่งเหลือบไปเห็นถึงอู่เยี่ยน สองตามันก็เป็นประกายจ้า ใบหน้าเย่อหยิ่งถือดีเริ่มอ่อนลงทันตาเห็น

 

จากนั้นเมื่อฉีอวมอบป้ายบันไดสวรรค์ให้อาวุโสและกล่าวลาอาวุโสเฒ่าแล้วเสร็จ มันก็เห็นร่างมาหาถัง เขียนด้วยท่าทางที่มันคิดว่าสง่างามที่สุด ยังคลี่ยิ้มบางๆกล่าวถามเสียงอ่อนว่า “ศิษย์น้องหญิงอู่เยียน เจ้าพึ่งออกมาจากบันไดสวรรค์หรือพึ่งจะมาถึงเล่า?”

 

“ศิษย์พี่ฉอวี”

 

ถังอู่เยี่ยนกล่าวทักฉือว ก่อนจะตอบว่า “ข้ายังไม่ได้เข้าไปในบันไดสวรรค์

 

“ยังไม่ได้เข้าไปหรือ?”

 

ฉือวี่ผงะไปเล็กน้อย ค่อยถามด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนว่า “แล้วเจ้าพร้อมจะเข้าไปหรือยัง ข้าจําได้ว่าครั้งก่อน ศิษย์น้องหญิงอู่เยี่ยนแม้จะยังขึ้นไปไม่ถึงขั้นที่ 8 แต่เจ้าก็สามารถรั้งอยู่ในขั้นที่ 7 ได้นานสองนาน กระทั่งเวลาที่เจ้ารั้งอยู่เกือบทําให้เจ้าติด 1 ใน 10 อันดับแรกของการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ได้แล้ว…”

 

“คราวนี้ศิษย์น้องอู่เยี่ยนต้องมีโอกาสติดอยู่ใน 10 อันดับแรกแน่!”

 

ฉือวคลี่ยิ้มยิงฟันขาว กล่าวอวยว่า “ดูเหมือนวันนี้ข้าจะถูกลิขิตไว้ ให้เป็นประจักษ์พยานช่วงเวลาที่ศิษย์น้องหญิงอู่เยียนเฉิดฉายแล้วแน่แท้…”

 

ยามอยู่ต่อหน้าถังอู่เยี่ยน ฉือที่เรียกว่ากลายเป็นคนมากอัธยาศัยและช่างเจรจานัก

 

ทําไมน่ะหรือ?

 

เพราะเรื่องที่ถือวชมชอบถังอู่เยียนนั้นไม่ได้เป็นความลับในนิกายหมอกเร้นลับฝ่ายใน กระทั่งทั่วทั้งนิกายหมอกเร้นลับก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้ทําให้ศิษย์ชายหลายคนที่แอบชอบถังอู่เยี่ยนไม่กล้าแสดงตัว

 

เนื่องเพราะพวกมันกลัวฉีอวตามราวีกันท่า!

 

“ข้ายังไม่คิดจะเข้าไปตอนนี้…ข้าจะรอจนกว่าเพื่อนของข้าจะออกมาก่อน”

 

สําหรับฉีอวี ถึงแม้ถังอู่เยี่ยนจะไม่ได้เพิกเฉย แต่ก็ไม่ได้อะไรกับมันมากนัก

 

ถึงแม้ว่าฉือวเองก็มีคุณสมบัติดีพอ แต่ชื่อเสียงของฉือวไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ เพราะเท่าที่นางรู้ มีศิษย์สตรีไม่น้อยกว่า 5 คนในนิกายที่มีสัมพันธ์คลุมเครือกับมัน

 

อย่างไรก็ตาม ศิษย์สตรีเหล่านั้นก็ไม่ได้ออกตัวแรงและแสดงความเป็นเจ้าของฉือวแต่อย่างใด ยังไม่คิดจะให้ฉือวี่เปิดตัวพวกนางอีกด้วย เช่นนั้นนางที่เป็นแค่คนนอกก็คร้านจะออกความเห็นใดๆ

 

อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้มีความประทับใจอันดีกับฉือวี

 

“เพื่อนของเจ้าหรือ? เป็นผู้ใดกัน…ข้ารู้จักหรือไม่?”

 

ฉอเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

 

“สมควรรู้”

 

ถังอู่เยี่ยนมองลึกไปยังถือว “เพราะสุดท้าย ศิษย์พี่ฉอวีก็เอาแต่ทําทายมันที่ปิดด่านบ่มเพาะมาตลอด 3 เดือน…”

 

พอได้ฟัง ลูกตาฉือวีก็หดเล็กลงโดยพลัน ยังถามออกมาด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อ “ศิษย์น้องหญิงอู่เยี่ยนเพื่อนที่เจ้ากล่าวถึง…หรือจะเป็นตัวนหลิงเทียนผู้นั้น?”

 

“ไม่ผิด”

– – –

ถังอู่เยียนพยักหน้า จากนั้นสองตากลมใสของนางก็หันกลับไปจดจ้องยังจุดแสงดวงเล็กๆบนบันไดสวรรค์ ขั้นที่ 7 อีกครั้ง และไม่ได้เหลือบแลฉืออีกต่อไป

 

ด้านฉือวี่พอเห็นสายตาวาดหวังแลดูเอาใจช่วยของถังอู่เยียน สีหน้าของมันยิ่งมาก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยาก สองหมัดเริ่มก่าแน่น ฟันกรามยังขบกันดังกรอดๆ จากนั้นมันก็มองตามสายตาถังอู่เยี่ยนไปยังจุดแสงดวง เล็กๆบนบันไดสวรรค์ชั้นที่ 7 นั่นด้วยความเย็นชา

 

หากจะบอกว่าก่อนหน้านี้มันเพียงเพ่งเล็งหาเรื่องตัวนหลิงเทียนเพราะค่าพูดของถูเฟิงล่ะก็..

 

เช่นนั้น นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป มันก็ได้เพ่งเล็งหมายเล่นงานตัวนหลิงเทียนด้วความตั้งใจของมันเอง!

 

เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่มันเห็นถึงอู่เยี่ยนเผยท่าที่คล้ายจะห่วงใยแถมคาดหวังผู้ชายคนหนึ่งจากใจ และสิ่งนี้เป็นอะไรที่มัน ฉือวี่ไม่เคยได้รับมาก่อน!

 

ตัวนหลิงเทียนผู้นั้น…เพราะอะไรกัน!?

 

ด้านตัวนหลิงเทียนเองก็ไม่ได้รู้เลยว่าบัดนี้ ฉือวี่ได้ออกมาจากขั้นที่ 8 ของบันไดสวรรค์แล้ว แถมไม่ได้รู้เลยว่าฉือวี่กําลังเกลียดเขาจับใจ เพราะท่าทีของถังอู่เยี่ยน…

 

“เอาล่ะ…เท่านี้ก็พอได้แล้ว ไปขั้นที่ 8 ต่อดีกว่า…”

 

หลังโคจรพลังเทพที่พึ่งยกระดับพัฒนารอบแล้วรอบเล่า จนปรับด่านพลังให้มั่นคงแล้วเสร็จไปบางส่วน ตัวนหลิงเทียนที่สามารถควบคุมใช้พลังเทพได้คล่องกว่าตอนที่พึ่งทะลวงขั้นพลังพอสมควร ก็ลุกขึ้นยืนและเตรียมตัวขึ้นไปยังขั้นที่ 8 ของบันไดสวรรค์…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3671

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3671 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3671 : ฉือวี่

 

จากนั้นชายหนุ่มมอซอก็ยกมือขึ้น ชี้นิ้วไปยังฟ้าเบื้องบน ต่อมาก็ปรากฏแสงพลังสีแดงเข้มหนึ่งพุ่งเข้าใส่ความว่างเปล่าเบื้องบน ก่อนจะทําปฏิกิริยาอะไรบางอย่างกับพื้นที่มิติ

 

ทันใดนั้น ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงพลังอํานาจดูดรั้งขุมหนึ่ง พุ่งมาจากก่าแพงมิติโดยรอบ พริบตาก็ปกคลุมไปทั่วร่างเขา เขาที่ไม่ได้ต่อต้านอะไรพริบตาก็ไปปรากฏตัวยังสถานที่อื่น

 

และสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่อันมืดมิดจนมองไม่เห็นนิ้วมือทั้ง 5 เหมือนเมื่อครู่อีกต่อไป

 

เพราะมองไปจะเห็นไข่มุกราตรีเม็ดเขื่องลอยอยู่กลางอากาศ สาดแสงนวลตาส่องสว่างไปทั่วระนาบอิสระเล็กๆทุกแห่งหน มองไปก็พบเห็นเป็นป่าศิลา ที่มีหินรูปทรงแปลกประหลาดมากมายตั้งอยู่ บ้างใหญ่บ้างเล็ก และด้วนหลิงเทียนก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้คน

 

“ดูเหมือนที่นี่จะเป็นระนาบอิสระขนาดย่อมของบันไดสวรรค์ขั้นที่ 2

 

ด้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

 

และไฉนที่เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้คน ด้วนหลิงเทียนก็เดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกําลังซ่อนตัวอยู่

 

ด้วนหลิงเทียนแผ่สํานึกเทวะออกไปโดยรอบโดยไม่ลังเล ไม่นานนักก็พบร่างที่ซ่อนอยู่หลังก้อนหินไม่ไกล

 

อีกฝ่ายเป็นชายในชุดคลุมสีน้ําเงิน ใบหน้าเคร่งขรึมจริงจัง เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ไม่คล้ายคนที่ถูกขังที่นี่มานานปี

เรียกว่าเมื่อให้เทียบกับชายหนุ่มมอซอที่ต้วนหลิงเทียนพบในพื้นที่ก่อนหน้า สารรูปพวกมันช่างแตกต่างกัน ราวคนละขั้ว

 

ฟุบบ!

 

ชั่ววว!!

 

ชายหนุ่มที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความข็งขังจริงจัง เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน เมื่อสัมผัสได้ถึงสํานึกเทวะที่แผ่มาปกคลุม มันก็ไม่รอช้า ชิงลงมือก่อนทันที พอเปิดฉากก็ป้อนกระบวนท่าด้วยเจตนาฆ่าฟัน ทั่วร่างเอ่อล้นไปด้วยพลังเทพที่ผสานรวมเข้ากับความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ําหลาประการ

 

พอเห็นอีกฝ่ายลงมือ ตัวนหลิงเทียนก็เข้าใจได้โดยพลันว่าไฉนมันถึงได้มีเนื้อตัวสะอาดสะอ้านนักทั้งๆที่สมควรถูกคุมขังมานานปี ที่แท้มันเชี่ยวชาญกฏแห่งนี้นี่เอง

 

ผู้ที่ใช้กฏแห่งน้ํา ยามผสานพลังความลึกซึ่งเข้ากับพลังเทพ ยอมสามารถสร้างขึ้นจากความว่างเปล่าได้โดยง่าย

 

นอกจากนั้นทันที่ที่ชายหนุ่มเปิดฉากจู่โจม ตัวนหลิงเทียนก็พบว่าพลังฝีมือของมันกลําแข็งกว่าชายหนุ่ม มอซอในระนาบอิสระขนาดย่อมของบันไดสวรรค์ขั้นที่ 1 มาก…เพราะมันเข้าใจความลึกซึ่งของกฎแห่งน้ําทุกประการถึงขั้นตอนความสําเร็จยิ่งใหญ่แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม มันยังไม่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแต่อย่างใด

 

นอกจากนั้นด่านพลังของมันก็เป็นแค่เทพขั้นกลางเท่านั้น

 

ปงงง!

 

เผชิญหน้ากดับการเปิดฉากลงมือเข่นฆ่าเข้ามาของอีกฝ่าย ตัวนหลิงเทียนไม่แม้แต่จะเหลือบแล เพิ่งยกมือขึ้นโบกส่งๆตามอําเภอใจ ก็ปรากฏพายุมิติโหมกระหน่ํา สลายพลังกระบวนท่าของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย จึงซัดกระแทกร่างมันจนปลิวละลิ่วไปไม่เป็นท่า บาดเจ็บไม่ใช่น้อย

 

“อัคค—!”

 

ในขณะที่มันมกระอักโลหิตออกมาค่าใหญ่ สองตาที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนก็ฉายชัดถึงความสยดสยองหวาดกลัว จากนั้นคล้ายมันกลัวด้วนหลิงเทียนจะจู่โจมปลิดชีวิต จึงรีบเปิดใช้อาคมส่งตัวด้วนหลิงเทียนให้ออกไปจากที่นี่ทันที

 

ด้วนหลิงเทียนก็เลยมาโผล่ในระนาบอิสระขนาดย่อมที่อยู่ในบันไดสวรรค์ชั้นที่ 3…

 

และยังคงจัดการผู้เฝ้าด่านอย่างราบคาบ ให้ใช้ค่าว่าบดขยี้ก็ไม่เกินเลย…

 

ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับที่ถูกขังไว้ในบันไดสวรรค์ขั้นที่ 3 ก็ยังคงเป็นเทพขั้นกลาง นอกจากนั้นความลึกซึ้ง ทุกประการของกฎแห่งทองอีกฝ่ายก็บรรลุถึงขั้นตอนความสําเร็จยิ่งใหญ่ทั้งหมด

 

อนิจจาความแข็งแกร่งเล็กน้อยเพียงเท่านี้ ย่อมไม่อาจนับเป็นอะไรในสายตาด้วนหลิงเทียนได้ จึงแพ้พ่ายต้วนหลิงเทียนในกระบวนท่าเดียว

 

ขั้นที่ 4 ก็เหมือนเดิม…

 

ขั้นที่ 5 ก็ไม่ต่างกัน

 

จนมาถึงขั้นที่ 6 ต้วนหลิงเทียนก็ต้องลงมืออยู่หลายท่ากว่าจะจัดการได้

 

เป็นธรรมดาว่าทั้งหมดเพราะเขาจงใจปกปิดพลังของตัวเอง หากเขาใช้พลังทั้งหมดก็เกรงว่าคงจะสยบอีกฝ่ายได้ในท่าเดียว!

 

พอมาถึงบันไดสวรรค์ขั้นที่ 7 ศิษย์นิกายที่ถูกขังไว้ที่นี่ ไม่เพียงแต่ด่านพลังจะบรรลุถึงเทพขั้นสูงแล้วเท่านั้น แต่มันยังเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ประการหลายชุด ความแข็งแกร่งของมันนับว่าพอทําให้ด้วนหลิงเทียนที่จงใจปกปิดพลังเอาไว้ สัมผัสได้ถึงแรงกดดันเล็กๆ

 

“หม?”

 

ตัวนหลิงเทียนที่กําลังแลกกระบวนท่าประมือกับอีกฝ่าอย่างสนุกสนานไม่รีบไม่ร้อน อยู่ดีๆร่างเขาก็ชะงักไป เพราะอยู่ๆพลังเทพในร่างก็พุ่งพล่านขึ้นมาปานน้ําเดือด

 

หลังจากเร่งโคจรพลังขณะต่อสู้จนมือเป็นระวิง ในที่สุดด่านพลังของต้วนหลิงเทียนก็ทะลวงถึงเทพขั้นสูงได้สําเร็จ

“ทะลวงด่านพลังขณะ

สู้?”

 

พอเห็นว่าด้วนหลิงเทียนทะลวงด่านพลังขณะต่อสู้อยู่ ศิษย์สายในนิกายที่ถูกขังไว้ในบันไดสวรรค์ชั้น 7 ไม่เพียงแต่จะไม่กลัวเท่านั้น สองตายังฉายแววอํามหิต เร่งเร้าพลังชั่วชีวิต โจนร่างทานพร้อมป้อนกระบวนท่าสังหารเข้าใส่ถ้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย

 

เพราะทันทีที่ทะลวงด่านพลัง จะมากจะน้อยก็ต้องทําการปรับพลังในร่างให้เสถียร ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าว หากที่จะใช้พลังได้เต็มประสิทธิภาพ

 

ศิษย์สาใมนนิกายหมอกเร้นลับที่ถูกขังคนนี้ จึงคิดปล้นบ้านยามไฟไหม้ หมายเข่นฆ่าด้วนหลิงเทียนให้ตายในท่าเดียว

 

เพราะหากมันลงมือสําาเร็จ 9 ใน 10 มันก็จะเป็นผู้ชนะและได้ลดหย่อนโทษ!

 

ซัวว!

 

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนเหมือนจะเดาได้แต่แรกว่าอีกฝ่ายไม่พ้นต้องฉกฉวยโอกาสนี้แน่ พริบตาร่างเขาก็อันตรธานหายไปในความว่างเปล่าราวภูตผี

 

หากทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ถอดใจ เร่งเปลี่ยนทิศทางกลางหาว คนห้อเหยียดเข้ามาสุดตัวหมายฆ่าตัวนหลิงเทียนให้จงได้!

 

กว่าต้วนหลิงเทียนจะควบคุมพลังเทพในร่างให้สงบลงและปรับพลังให้เสถียรบางส่วน ก็สายเกินกว่าจะใช้ความลึกซึ่งเคลื่อนมิติอีกครั้ง

 

ทันใดนั้น สองตาเขาก็ฉายประกายเย็นชา และมองไปยังศิษย์เบื้องหน้าที่เข่นฆ่าสังหารเข้ามาด้วยเจตนาฆ่าฟัน “ในเมื่อสวรรค์มีทางเจ้าไม่เดิน นรกไร้ประตูดันทุรังมดมานัก ก็ไปตามทางเสีย!”

 

พออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ต้วนหลิงเทียนก็ใช้ออกด้วย 1 ในจตุรวิถีสวรรค์โลกอย่างวิถีควบคุมทันที พลังมิติอันน่าพรั่นพรึงอุบัติขึ้นทั่วอาณาบริเวณรอบร่าง จากนั้นก็ในร่างอีกฝ่ายจนสลายหายไปในความว่างเปล่าทันที!

 

มันนับเป็นคนแรกที่ต้วนหลิงเทียนฆ่า หลังจากเข้ามาในบันไดสวรรค์

 

ระหว่างทางเขาไม่ได้คิดฆ่าใครเลย

 

สุดท้ายแล้วอีกฝ่ายก็ไม่มีเรื่องราวบาดหมางกับเขา และเขาเองก็รู้สึกว่าไม่จําเป็นต้องพรากชีวิตผู้อื่นตามอําเภอใจ

 

หลังฆ่าศัตรูแล้ว ด้วนหลิงเทียนก็เลือกจะต้านทานพลังดูดรั้งที่ปรากฏออกมาโดยอัตโนมัติ และเลือกจะนั่งลงเพื่อโคจรปรับพลังเทพในร่างก่อน

ในเวลาเดียวกัน…

 

ด้านนอกบันไดสวรรค์ เหล่าศิษย์สายในทั้งหลายไม่เว้นถึงอู่เยี่ยนล้วนจับจ้องมองไปยังจุดแสงแทนตัวด้วนหลิงเทียนบนบันไดสวรรค์ขั้นที่ 7 ไม่วางตา นั่นเพราะจุดแสงดวงนี้มันเคลื่อนไหวไต่ระดับเร็วเกินไป!

 

ตั้งแต่ขั้นที่ 1 ถึงขั้นที่ 6 เรียกว่าเสมือนจุดแสงกระโดดโหยงๆไม่หยุดก็ว่าได้

 

มีก็แต่ระหว่างขึ้นจากขั้นที่ 6 ไปขั้นที่ 7 เท่านั้น ที่เริ่มชะลอตัว

 

ต่อมาพอจุดแสงมาถึงขั้นที่ 7 แล้ว มันก็นิ่งเงียบไปไม่โดดขึ้นไปขั้นที่ 8 อยู่นาน แต่ทว่าจุดแสงก็ไม่ได้หายไปแต่อย่างใด

 

“ดูเหมือนด้วนหลิงเทียนจะหยุดลงที่ขั้นที่ 7 แล้วล่ะ…”

 

ศิษย์สายในหลายคนเริ่มระบายลมหายใจออกมา

 

“แต่ไม่พูดไม่ได้ มันอาศัยด่านพลังเทพขั้นกลางจนไปถึงขั้นที่ 7 ได้แบบนี้…นับว่าร้ายกาจยิ่งนัก! สมแล้วที่เป็นสัตว์ประหลาดจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์!!”

 

“จริง กระทั่งศิษย์สายในขอบเขตเทพที่แข็งแกร่งที่สุดทั้ง 10 คนในอดีต ตอนที่ด่านพลังรั้งอยู่ในขอบเขต เทพขั้นกลางก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถไต่ขึ้นไปถึงบันไดสวรรค์ขั้นที่ 7!”

 

“ด้วนหลิงเทียนนั่น ถึงมันจะหยุดอยู่แค่ขั้นที่ 7 ก็สมควรภูมิใจได้แล้ว”

 

แม้เสียงสนทนาโดยรอบจะดังเข้าหูระงม แต่ถึงอู่เยี่ยนก็ไม่ได้แยแส เพียงจับจ้องมองไปยังจุดแสงแทนตัว ต้วนหลิงเทียนบนบันไดสวรรค์ขั้นที่ 7 ไม่วางตา และในแววตานางยังเผยให้เห็นความคาดหวังประการหนึ่ง

 

ถึงแม้ตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่หลังจากได้ยินเสียงผู้คนโดยรอบที่ไม่ได้มองโลกในแง่ดีสําหรับต้วนหลิงเทียนมากนัก และพากันกล่าวว่าตัวนหลิงเทียนจะหยุดอยู่ที่บันไดสวรรค์ขั้นที่ 7 แต่นางก็แอบหวังให้ต้วนหลิงเทียนสร้างปาฏิหาริย์ได้

 

ถึงแม้นางเองก็รู้ดีว่าปาฏิหาริย์ดังกล่าวไม่ใช่จะสร้างขึ้นง่ายๆก็ตาม

 

ฟุบ!

 

ทันใดนั้นเอง ปรากฏร่างหนึ่งขึ้นจากความว่างเปล่าต่อหน้าต่อตาผู้คน และหากใครสังเกตให้ดีจะพบว่าจุดแสงที่อยู่ในบันไดสวรรค์ขั้นที่ 8 มาสักพักใหญ่ๆ ในที่สุดก็หายไป…

 

มองไปเห็นเป็นชายหนุ่มมาในชุดคลุมสีน้ําตาล หน้าตาหล่อเหลารูปร่างค่อนข้างสูง พอมันปรากฏตัวก็เรียกว่าดึงดูดสายตาของเหล่าศิษย์สายในที่เป็นสตร์จํานวนมาก แต่ละนางยังออกอาการราวปรารถนาทิ้งตัวลงอ้อมกอดมันอย่างไรอย่างนั้น

 

“ศิษย์พี่ฉอว! ศิษย์น้องมาให้กําลังใจท่านเจ้าค่ะ!!”

 

“ศิษย์พี่ฉอวออกมาแล้ว! ถึงแม้จะยังไม่อาจข้ามผ่านขั้นที่ 8 แต่คราวนี้กลับอยู่ในขั้นที่ 8 ได้เนิ่นนาน เห็นชัดว่าสูสีกับศิษย์เฝ้าด่านไม่น้อย ดูท่าครานี้การแข่งขันไต่บันไดสวรรค์สําหรับศิษย์สายในขอบเขตเทพ ศิษย์พี่ฉือวี่ต้องคว้าอันดับ 1 มาครองได้แน่!!”

 

“ศิษย์พี่ฉอวน่าทิ้งยิ่ง!”

 

เหล่าศิษย์สายในขอบเขตเทพจะหญิงก็ดีจะชายก็ดี ต่างพากันมองไปยังฉือวีด้วยตาเป็นประกาย ฟังจากคําพูดแล้วเต็มไปด้วยความชื่นชม แตกต่างจากวาจาตัดรอนต้วนหลิงเทียนก่อนหน้าคนละโลก

 

“ศิษย์น้องหญิงอู่เยียน”

 

หลังจากฉือออกมา และได้ยินเสียงกล่าวด้วยความชื่นชมของเหล่าศิษย์สายในโดยรอบ คนก็แลดูจะยึดขึ้นไม่น้อยเห็นชัดว่ามันชมชอบวาจาในหูเหล่านี้พอสมควร ใบหน้ายังฉายชัดถึงความเย่อหยิ่งไม่เห็นใครอยู่ในสายตา จนกระทั่งเหลือบไปเห็นถึงอู่เยี่ยน สองตามันก็เป็นประกายจ้า ใบหน้าเย่อหยิ่งถือดีเริ่มอ่อนลงทันตาเห็น

 

จากนั้นเมื่อฉีอวมอบป้ายบันไดสวรรค์ให้อาวุโสและกล่าวลาอาวุโสเฒ่าแล้วเสร็จ มันก็เห็นร่างมาหาถัง เขียนด้วยท่าทางที่มันคิดว่าสง่างามที่สุด ยังคลี่ยิ้มบางๆกล่าวถามเสียงอ่อนว่า “ศิษย์น้องหญิงอู่เยียน เจ้าพึ่งออกมาจากบันไดสวรรค์หรือพึ่งจะมาถึงเล่า?”

 

“ศิษย์พี่ฉอวี”

 

ถังอู่เยี่ยนกล่าวทักฉือว ก่อนจะตอบว่า “ข้ายังไม่ได้เข้าไปในบันไดสวรรค์

 

“ยังไม่ได้เข้าไปหรือ?”

 

ฉือวี่ผงะไปเล็กน้อย ค่อยถามด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนว่า “แล้วเจ้าพร้อมจะเข้าไปหรือยัง ข้าจําได้ว่าครั้งก่อน ศิษย์น้องหญิงอู่เยี่ยนแม้จะยังขึ้นไปไม่ถึงขั้นที่ 8 แต่เจ้าก็สามารถรั้งอยู่ในขั้นที่ 7 ได้นานสองนาน กระทั่งเวลาที่เจ้ารั้งอยู่เกือบทําให้เจ้าติด 1 ใน 10 อันดับแรกของการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ได้แล้ว…”

 

“คราวนี้ศิษย์น้องอู่เยี่ยนต้องมีโอกาสติดอยู่ใน 10 อันดับแรกแน่!”

 

ฉือวคลี่ยิ้มยิงฟันขาว กล่าวอวยว่า “ดูเหมือนวันนี้ข้าจะถูกลิขิตไว้ ให้เป็นประจักษ์พยานช่วงเวลาที่ศิษย์น้องหญิงอู่เยียนเฉิดฉายแล้วแน่แท้…”

 

ยามอยู่ต่อหน้าถังอู่เยี่ยน ฉือที่เรียกว่ากลายเป็นคนมากอัธยาศัยและช่างเจรจานัก

 

ทําไมน่ะหรือ?

 

เพราะเรื่องที่ถือวชมชอบถังอู่เยียนนั้นไม่ได้เป็นความลับในนิกายหมอกเร้นลับฝ่ายใน กระทั่งทั่วทั้งนิกายหมอกเร้นลับก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้ทําให้ศิษย์ชายหลายคนที่แอบชอบถังอู่เยี่ยนไม่กล้าแสดงตัว

 

เนื่องเพราะพวกมันกลัวฉีอวตามราวีกันท่า!

 

“ข้ายังไม่คิดจะเข้าไปตอนนี้…ข้าจะรอจนกว่าเพื่อนของข้าจะออกมาก่อน”

 

สําหรับฉีอวี ถึงแม้ถังอู่เยี่ยนจะไม่ได้เพิกเฉย แต่ก็ไม่ได้อะไรกับมันมากนัก

 

ถึงแม้ว่าฉือวเองก็มีคุณสมบัติดีพอ แต่ชื่อเสียงของฉือวไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ เพราะเท่าที่นางรู้ มีศิษย์สตรีไม่น้อยกว่า 5 คนในนิกายที่มีสัมพันธ์คลุมเครือกับมัน

 

อย่างไรก็ตาม ศิษย์สตรีเหล่านั้นก็ไม่ได้ออกตัวแรงและแสดงความเป็นเจ้าของฉือวแต่อย่างใด ยังไม่คิดจะให้ฉือวี่เปิดตัวพวกนางอีกด้วย เช่นนั้นนางที่เป็นแค่คนนอกก็คร้านจะออกความเห็นใดๆ

 

อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้มีความประทับใจอันดีกับฉือวี

 

“เพื่อนของเจ้าหรือ? เป็นผู้ใดกัน…ข้ารู้จักหรือไม่?”

 

ฉอเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

 

“สมควรรู้”

 

ถังอู่เยี่ยนมองลึกไปยังถือว “เพราะสุดท้าย ศิษย์พี่ฉอวีก็เอาแต่ทําทายมันที่ปิดด่านบ่มเพาะมาตลอด 3 เดือน…”

 

พอได้ฟัง ลูกตาฉือวีก็หดเล็กลงโดยพลัน ยังถามออกมาด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อ “ศิษย์น้องหญิงอู่เยี่ยนเพื่อนที่เจ้ากล่าวถึง…หรือจะเป็นตัวนหลิงเทียนผู้นั้น?”

 

“ไม่ผิด”

– – –

ถังอู่เยียนพยักหน้า จากนั้นสองตากลมใสของนางก็หันกลับไปจดจ้องยังจุดแสงดวงเล็กๆบนบันไดสวรรค์ ขั้นที่ 7 อีกครั้ง และไม่ได้เหลือบแลฉืออีกต่อไป

 

ด้านฉือวี่พอเห็นสายตาวาดหวังแลดูเอาใจช่วยของถังอู่เยียน สีหน้าของมันยิ่งมาก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยาก สองหมัดเริ่มก่าแน่น ฟันกรามยังขบกันดังกรอดๆ จากนั้นมันก็มองตามสายตาถังอู่เยี่ยนไปยังจุดแสงดวง เล็กๆบนบันไดสวรรค์ชั้นที่ 7 นั่นด้วยความเย็นชา

 

หากจะบอกว่าก่อนหน้านี้มันเพียงเพ่งเล็งหาเรื่องตัวนหลิงเทียนเพราะค่าพูดของถูเฟิงล่ะก็..

 

เช่นนั้น นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป มันก็ได้เพ่งเล็งหมายเล่นงานตัวนหลิงเทียนด้วความตั้งใจของมันเอง!

 

เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่มันเห็นถึงอู่เยี่ยนเผยท่าที่คล้ายจะห่วงใยแถมคาดหวังผู้ชายคนหนึ่งจากใจ และสิ่งนี้เป็นอะไรที่มัน ฉือวี่ไม่เคยได้รับมาก่อน!

 

ตัวนหลิงเทียนผู้นั้น…เพราะอะไรกัน!?

 

ด้านตัวนหลิงเทียนเองก็ไม่ได้รู้เลยว่าบัดนี้ ฉือวี่ได้ออกมาจากขั้นที่ 8 ของบันไดสวรรค์แล้ว แถมไม่ได้รู้เลยว่าฉือวี่กําลังเกลียดเขาจับใจ เพราะท่าทีของถังอู่เยี่ยน…

 

“เอาล่ะ…เท่านี้ก็พอได้แล้ว ไปขั้นที่ 8 ต่อดีกว่า…”

 

หลังโคจรพลังเทพที่พึ่งยกระดับพัฒนารอบแล้วรอบเล่า จนปรับด่านพลังให้มั่นคงแล้วเสร็จไปบางส่วน ตัวนหลิงเทียนที่สามารถควบคุมใช้พลังเทพได้คล่องกว่าตอนที่พึ่งทะลวงขั้นพลังพอสมควร ก็ลุกขึ้นยืนและเตรียมตัวขึ้นไปยังขั้นที่ 8 ของบันไดสวรรค์…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+