War sovereign Soaring The Heavens 3679

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3679 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

WSSTH ตอนที่ 3679 : ข้าจะพยายาม

 

ต้วนหลิงเทียนถึงกับยืนอึ้งไปพักหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงดังระงมจากด้านนอก

 

และฟังจากบทสนทนาของคนด้านนอก เขาก็รู้เจตนาการมาของพวกมันทันที ที่ทุกคนมาเฝ้ารอกันเกินสิบวันครึ่งเดือนแบบนี้ ล้วนมีเหตุผลเดียวกัน…ชวนเขาไปพบเจออาจารย์หรือผู้อาวุโสของพวกมัน!

 

อาจารย์และผู้อาวุโสของพวกมัน คิดรับตัวเขาเป็นศิษย์

 

“หรือข้าจะเปิดค่ายกลอีกรอบดี?

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความคิดดังกล่าว ก็มีเสียงอุทานโพล่งดังจากด้านนอก “เฮ ดูนั่นเร็ว! ต้วนหลิงเทียนปิดค่ายกลแล้ว!!”

 

“จริงด้วย!!”

 

“ศิษย์น้องต้วนหลิงเทียน ข้าเป็นศิษย์คนที่ 2 ของอาวุโสสูงสุดแห่งนิกายหมอกเร้นลับ หวงผิงอี้ และอาจารย์ของข้าให้ข้ามาเชิญเจ้าไปเป็นแขกยังสถานที่พักบ่มเพาะของท่าน!”

 

“ต้วนหลิงเทียน ข้าคือศิษย์เอกของผู้พิทักษ์ หลิวก่วนเซียงแห่งนิกายหมอกเร้นลับ วันนี้ข้าเองก็มาในนามผู้พิทักษ์หลิวกวนเซียงอาจารย์ของข้า เพื่อเชิญเจ้าไปเป็นแขกจิบชาสนทนากับท่านอาจารย์!”

 

ด้านนอกพบว่าค่ายกลปิดกั้นรอบๆบ้านพักต้วนหลิงเทียนหายไป พวกมันก็ไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยซ้ํา เร่งตะโกนเสียงดังวุ่นวายกันใหญ่

 

อาวุโสสูงสุด?

 

ผู้พิทักษ์?

 

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกตกใจอยู่บ้าง

 

ต้องทราบว่าในนิกายหมอกเร้นลับแห่งนี้ ชนชั้นผู้อาวุโสสูงสุดไม่ได้มีมากมายอะไร และสถานะของผู้อาวุโสสูงสุดแต่ละคนก็สูงกว่าอาวุโสหลักทั้ง 19 คนรวมถึงอาวุโส 2 แห่งนิกายหมอกเร้นลับมาก

 

นอกจากนั้น ผู้พิทักษ์ทั้ง 19 คนเอง ก็มีสถานะเหนือกว่าอาวุโสหลักเช่นอาวุโส 2 เสียอีก เรียกว่าฐานะพอๆกันกับรองประมุขนิกายเลย

 

ในบรรดาผู้พิทักษ์อาวุโส ยังมีบางคนที่มีฐานะเหนือกว่าประมุขนิกายหมอกเร้นลับคนปัจจุบันเสียอีก!

 

และตัวตนเหล่านั้นก็คือผู้แข็งแกร่งที่สุดของนิกายหมอกเร้นลับแล้ว

 

ทว่าตอนนี้ตัวตนระดับอาวุโสสูงสุดกับผู้พิทักษ์กลับส่งคนมาเฝ้ารอเพื่อเชิญเขาไปพบ? แถมที่เรียกไปพบก็ไม่พ้นหมายรับเขาเป็นศิษย์?

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะล่วงรู้วัตถุประสงค์ในการเชิญเขาของทุกคน แต่เขาก็อดแปลกใจไม่ได้จริงๆ

 

เขาคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้เผยความสามารถที่น่าฟังอะไรมากมาย แต่ไม่คิดเลยว่าอาศัยพลังระดับปลายยอดของภูเขาน้ําแข็งที่เขาเผยออกไป จะยังดึงดูดระดับสูงๆของนิกายหมอกเร้นลับขนาดนี้

 

พวกมันถึงกับส่งศิษย์มาเฝ้าหน้าบ้านเขา เพื่อรอเชิญเขาไปเป็นแขก!

 

แอ๊ด…

 

สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้เปิดค่ายกลอีกครั้งแต่อย่างใด ทว่าเลือกจะเปิดประตูแล้วก้าวออกมาจากบ้านปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนที่เฝ้ารอ

 

“ฮา! ศิษย์น้องต้วนออกมาแล้ว!”

 

“ศิษย์น้องต้วนหลิงเทียน ข้าชื่อหรู่ฉงเป็นลูกชายของอาวุโสสูงสุด หรู่เหอ ท่านพ่อของข้าอยากรับเจ้าเป็นศิษย์ เจ้าลองพิจารณาดูก่อนดีไหม? และท่านพ่อยังฝากข้ามาบอกเจ้าอีกว่าขอเพียงเจ้าเต็มใจเข้าสํานักของท่านพ่อ ท่านพ่อจะไม่ละเลยเจ้าเด็ดขาด กระทั่งยังจะดูแลส่งเสริมเจ้าอย่างดีถึงขั้นที่ลูกชายแท้ๆอย่างข้าต้องอิจฉาเชียว!”

 

“ต้วนหลิงเทียน ข้าคือศิษย์คนที่ 2 ของอาวุโสสูงสุด หลิวกุ้ย เรียกว่า เหอไช่ ท่านอาจารย์ข้าก็ตั้งใจรับเจ้าเป็นศิษย์เช่นกัน อีกทั้งท่านอาจารย์ยังได้เตรียมโอสถเสริมโชคไว้ให้เจ้าเป็นของขวัญแล้ว!”

 

“ศิษย์น้องตวน ข้าคือศิษย์คนที่ 4 ของผู้พิทักษ์ จ้าวปู่อี้ เรียกว่า โอวหยางเฉวียน ท่านอาจารย์ของข้ากล่าวไว้ว่า หากเจ้ายินดีเข้าสํานักของท่านอาจารย์ล่ะก็ ท่านอาจารย์จะหาโอสถเสริมโชค 9 เม็ดให้เจ้าภายใน 1 ปี เพื่อให้เจ้าทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพทันที!”

 

ชายหนุ่ม ชายวัยกลางคน มีแม้แต่ศิษย์สตรี 2-3 คนที่มารวมกันด้านนอกบบ้านต้วนหลิงเทียน พอเห็นต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวก็เร่งกล่าวเชิญต้วนหลิงเทียนไปเป็นแขกทันที

 

และเมื่อมีบางคนเอ่ยข้อเสนอชักชวนต้วนหลิงเทียนออกมา เหล่าผู้ที่รอดูท่าทีก็ไม่อาจรอช้า เร่งกล่าวข้อเสนอเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียนให้ไปเป็นแขกทันที

 

กระทั่งบางคนยังจงใจเพิ่มของขวัญเอาเองอีกด้วย

 

บางคนถึงกับบอกว่า จะรวบรวมโอสถเสริมโชคให้ต้วนหลิงเทียนถึง 9 เม็ดภายในครึ่งปีเพื่อเกทับคนที่เสนอหนึ่งปี! และข้อเสนอดังกล่าวก็ทําให้ต้วนหลิงเทียนหวั่นไหวอยู่บ้าง แน่นอนว่าก็แค่ใจเต้นรัวขึ้นมาเท่านั้น…

 

“ศิษย์พี่ทั้งหลาย…”

 

ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจกล่าวคําเพื่อจัดการแย่งกันยื่นข้อเสนอของทุกคน “ข้าต้วนหลิงเทียนเข้ามายังนิกายหมอกเร้นลับแห่งนี้ ไม่ได้มีเจตนาจะกราบผู้ใดเป็นอาจารย์ ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดหรือผู้พิทักษ์ ความหวังดีของทุกท่านข้าขอรับไว้ด้วยใจ ต้องลําบากทุกท่านกลับไปขอขมาท่านผู้อาวุโสสูงสุดและ ท่านผู้พิทักษ์ที่เป็นอาจารย์ของพวกท่านแล้ว”

 

“ข้าเข้ามายังนิกายหมอกเร้นลับ มีจุดมุ่งหมายเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือเร่งพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะได้เข้าสู่นิกายจ้าวมังกรเท่านั้น…”

 

พอต้วนหลิงเทียนกล่าวคําออกมา ก็เป็นการปฏิเสธทุกคน ณ ที่นี้ทันที “เช่นนั้น ข้าเกรงว่าคงทําให้ทุกท่านต้องเสียเวลารออย่างเปล่าประโยชน์แล้ว..ต้องขออภัยศิษย์พี่ทุกท่านจริงๆ”

 

พอกล่าวจบคํา ต้วนหลิงเทียนก็ป้องมือประสานทั้งโค้งตัวเล็กน้อยอย่างสุภาพมากมารยาท

 

หลายคนเห็นดังนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย ก่อนจะป้องมือพลางเขย่าเบาๆที่หนึ่ง ค่อยเห็นร่างจากไป

 

ยังมีหลายคนที่ไม่คิดตัดใจง่ายๆ และหมายเจรจาข้อเสนอกับต้วนหลิงเทียน อนิจจาทั้งหมดถูกลิขิตให้ผิดหวัง

 

สุดท้าย ก็เหลือไม่กี่คนที่ติดตามต้วนหลิงเทียนไปยัง “ตําหนักกิจการฝ่ายใน” ของนิกายหมอกเร้นลับฝ่ายในเพื่อไปชมดูอันดับการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์

 

และไม่มีข้อผิดพลาดอะไร ต้วนหลิงเทียนได้รับอันดับ 1 ของศิษย์สายในขอบเขตเทพ

 

อันที่จริงไม่ว่าใครก็ตาม ขอเพียงติดตามการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ย่อมรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนต้องได้อันดับที่ 1 ในบรรดาศิษย์สายในขอบเขตเทพแน่นอน

 

สุดท้ายแล้ว การขึ้นไปถึงขั้นที่ 9 ของบันไดสวรรค์ ก็ไม่มีศิษย์สายในขอบเขตเทพคนไหนในนิกายหมอกเร้นลับทําได้มานานแล้ว

 

“นั่นต้วนหลิงเทียนนี่!”

 

“หืม? คนนั้นน่ะหรือต้วนหลิงเทียนที่ร่ําลือกัน ผู้ชนะเลิศอันดับ 1 ของการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์สําหรับศิษย์สายในขอบเขตเทพ?”

 

“ใช่ เป็นมัน! เห็นว่าตอนนี้มันยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปีด้วยซ้ํา ได้รับการแนะนําจากรองประมุขมู่หรงสุยเฟิงให้เข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับของพวกเราก่อนกําหนด

 

“ยากนักที่จะเห็นผู้ใดได้รับคําแนะนําจากท่านรองประมุขมู่หรงเช่นนี้…กล่าวไปท่านรองประมุขมู่หรงก็ไม่เคยใช้สิทธิ์แนะนําผู้ใดมานานมากๆแล้ว แต่ทุกครั้งที่ออกปากก็ล้วนเป็นตัวตนที่มีความสามารถระดับแนวหน้าของนิกายหมอกเร้นลับเราทุกที่”

 

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว! ข้าบอกเลยว่าในนิกายหมอกเร้นลับแห่งนี้ นอกจากเหล่าอาวุโสสูงสุดกับท่านประมุขแล้ว ผู้ที่ข้าชื่นชมมากที่สุดก็คือท่านรองประมุขมู่หรงสุยเฟิง!!”

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนมาถึงตําหนักกิจการฝ่ายใน ก็มีเหล่าศิษย์สายในหลายคนที่จดจําเขาได้ ทําให้บริเวณโดยรอบพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

 

และหลังจากได้ยินเสียงสนทนาเซ็งแซ่ไปสักพัก ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่า มู่หรงสุยเฟิง เป็นรองประมุขที่มีผู้คนนับหน้าถือตาไม่น้อย เรียกว่ามีชื่อเสียงดีงามจนหลายๆคนให้การเคารพนับถือ

 

“ศิษย์พี่ทุกท่าน พอมีใครจะบอกข้าได้บ้าง ว่าของรางวัลการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ต้องไปรับที่ไหนหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะประสานมือกล่าวถามทุกคนอย่างสุภาพ จากนั้นก็มีศิษย์หลายคนเร่งกล่าวตอบอย่างกระตือรือร้น ไม่เพียงจะชี้ทางเท่านั้น ยังมีศิษย์มากอัธยาศัยแลดูเป็นคนตลกคนหนึ่ง อาสานําพาต วนหลิงเทียนไปยังโต๊ะบริการมอบของรางวัลอีกด้วย แถมมันยังป่าวประกาศขอทางอย่างนอบน้อมระคนยียวน จนศิษย์ที่ต่อแถวอยู่พากันหลีกทางด้วยเสียงหัวเราะ ทําให้ต้วนหลิงเทียนได้รับของรางวัลจากการแข่งขันไต่บัน ไดสวรรค์ในเวลาอันสั้น

 

โอสถเสริมโชค!

 

ต่วนหลิงเทียนเมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว ก็คิดกลับบ้านพักทันที

 

หากทว่าทันใด

 

ง พลันมีคนเรียกทักเขาเสียก่อน “ช้าก่อน ศิษย์น้องต้วนหลิงเทียน!”

 

คนที่รั้งต้วนหลิงเทียนไว้ ก็เป็นศิษย์สายในร่างอ้วนกลมตาหยีแลดูไม่มีพิษมีภัยคนหนึ่ง ขณะกล่าวถามแก้มย้วยๆของมันยังกระเพื่อมจนดึงดูดสายตาผู้คนไม่น้อย “อีกไม่นาน ศิษย์น้องก็ต้องเข้าร่วมการทดสอบประเมินศิษย์หลักแล้ว…มิทราบศิษย์น้องมั่นใจหรือไม่?”

 

“ศิษย์น้องต้องทราบว่าในประวัติศาสตร์ของนิกายหมอกเร้นลับเรา…ศิษย์สายในคนสุดท้ายในขอบเขตเทพ ที่ผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักนั้น ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อหมื่นปีก่อน!”

 

“และในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา อย่าว่าแต่ศิษย์สายในขอบเขตเทพเลย แม้แต่ศิษย์สายในขอบเขตราชาเทพเอง ก็ไม่มีใครผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักสักคน”

 

พอศิษย์ร่างอ้วนกล่าวถามจบคํา สายตาทุกคู่ก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนทันที

 

เห็นชัดว่าทั้งหมดกําลังรอฟังต้วนหลิงเทียน ว่าจะตอบอย่างไร

 

ต้วนหลิงเทียนที่หันมามองศิษย์ร่างอ้วน ก็คลี่ยิ้มบางๆ “ข้าจะพยายามทําให้ดีที่สุด เพื่อเป็นคนแรกในรอบหมื่นปี..”

 

พอกล่าวจบค่ํา ไม่ทันที่ศิษย์ร้างอ้วนกับศิษย์คนอื่นๆจะได้พูดอะไร ต้วนหลิงเทียนก็ออกจากตําหนักกิจการฝ่ายในไปเสียแล้ว

 

จากนั้นในตําหนักกิจการฝ่ายในก็ดังระงมไปด้วยเสียงฮือฮากันพักใหญ่ “ฟังจากคําตอบของต้วนหลิงเทียน…ดูเหมือนจะมั่นใจมากกระมัง?”

 

“อัยยะ ช่างน่าตื่นเต้นยิ่ง…เกิดต้วนหลิงเทียนผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักขึ้นมาจริงๆ ก็จะกลายเป็นศิษย์สายในขอบเขตเทพที่ผ่านการทดสอบคนแรกในรอบหมื่นปีแล้ว!!”

 

“เฮ่อ ข้าแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย วันทดสอบประเมินศิษย์หลักเป็นพรุ่งนี้เลยได้ไหม?”

 

จากนั้นเรื่องรางในตําหนักกิจการฝ่ายในก็เริ่มแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานศิษย์นิกายหมอกเร้นลับส่วนใหญ่ก็ได้รับทราบถึงความมั่นใจของต้วนหลิงเทียน สําหรับการทดสอบประเมินศิษย์หลักที่จะมาถึงในไม่ช้า

 

“ชายผู้นั้น….มั่นใจถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?”

 

ขณะที่ถังอู่เยียนได้รับทราบข่าว นางก็อยู่กับปู่เล็กของนางพอดี ถังชุนที่ได้ยินคําพึมพําของนาง จึงอดถามออกมาไม่ได้ “มีอะไรหรือ?”

 

และพอถึงชุนได้ยินเรื่องราวจากถังอู่เยียน มันก็อดหัวเราะไม่ได้ “ฮ่าๆๆ…เจ้าหนูนั่น ไม่แน่มันอาจจะผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักจริงๆก็ได้!”

 

“ท่านปู่เล็ก ท่านมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนมากขนาดนั้นเชียวหรือ?”

 

เห็นท่าทีของปู่เล็ก ถังอู่เยียนก็ประหลาดใจไม่น้อย “จากพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมาจนถึงตอนนี้…ดูเหมือนว่าจะไม่สูงพอทําให้มันผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักกระมัง? นอกเสียจากมันยังปกปิดพลังเอาไว้ได้”

 

“ท่านปู่เล็ก…หรือท่านรู้ว่าที่แท้มันยังปกปิดพลังเอาไว้?”

 

ถังอู่เยียนกล่าวถามด้วยสองตาเป็นประกาย

 

ทว่าด้านถังชุนกลับส่ายหน้าไปมา

 

ถึงแม้วนหลิงเทียนจะถูกมันพาตัวมา แต่เรื่องที่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้เผยพลังฝีมือทั้งหมดแล้วหรือไม่ มันก็ไม่ทราบเลย

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสนใจในตัวต้วนหลิงเทียนของมัน

 

“เอ้ท่านปู่เล็ก…แล้วไฉนท่านถึงแลดูมั่นใจในตัวมันนักล่ะ?”

 

ถังอู่เยี่ยนถาม

 

“อาจเป็นเพราะเสน่ห์รวมถึงลักษณะท่าทีของมัน…หากเป็นคนอื่นกล่าวคําทํานองนั้น ข้าไม่พ้นต้องคิดว่าหยิ่งผยองถือดี…แต่พอเป็นมันพูดออกมา ข้ารู้สึกว่ามันพูดเพราะความมั่นใจในฝีมือตัวเอง”

 

ถังขุนคลี่ยิ้ม จากนั้นก็มองไปยังถังอู่เยี่ยนด้วยสายตาทะแม่งๆ “เสี่ยวอู่เยี่ยน…ปู่เล็กได้ยินมาว่า วันที่ต้วนหลิงเทียนไปแข่งขันไต่บันไดสวรรค์วันนั้น เจ้าเองก็เหมือนจะเร่งรีบออกไปกระมัง?”

 

“เจ้าใช่ไปที่นั่นเพราะมันโดยเฉพาะหรือเปล่า?”

 

สายตาของถังชุน ทําให้ตั้งอู่เยียนพูดไม่ออกอยู่บ้าง “ท่านปู่เล็ก ข้าไม่ได้ไปเพราะมันเสียหน่อย…เดิมทีข้าเองก็คิดจะไปเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์อยู่แล้ว…และข้าก็คิดจะเข้าไปทันทีหลังมันกลับออกมา ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆมันจะไปประลองกับฉือวี่เสียอย่างนั้น”

 

“หลังจากพวกมันประลองกันจบ ข้าก็กลับไปยังบันไดสวรรค์เลยไม่ใช่รึไง!”

 

ยิ่งเห็นถึงอู่เยียนกล่าวคําอธิบายอย่างจริงจังและละเอียดแบบนี้ แววตาของถังชุนยิ่งมาก็ยิ่งแปลกๆมากขึ้นเท่านั้น “เข้าใจแล้วๆ…สาวๆหน้าบางหน่อยก็ดี”

 

พอถึงอู่เยี่ยนได้ยินดังกล่าว นางก็ถึงกับหมดคําจะพูดทันที

 

อย่างไรก็ตาม พอถึงชุนกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ในใจนางก็พลันนปรากฏร่างชาหนุ่มชุดม่วงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…ที่ข้าใส่ใจผู้ชายเช่นนี้?

 

“อีกอย่าง ผู้อื่นเขาก็มีลูกมีเมียอยู่แล้ว…

 

ถังอู่เยียนพยายามลบร่างในชุดสีม่วงในหัว อนิจจายิ่งนางพยายามลบเลือนมากเท่าไหร่ ร่างในชุดสีม่วงนั่นก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นนางก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แถมใจยังเต้นรัวขึ้นมาอีก

 

“ตัวโง่งมฝันละเมอ!!”

 

ด้านถูเฟิงหลังได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนพูดอะไรในตําหนักกิจการฝ่ายใน ใบหน้ามันก็เต็มไปด้วยความชิงยังรังเกียจ “มันคิดว่ามันเป็นใครกัน? ถึงกับกล้าพูดว่าจะเป็นศิษย์สายในขอบเขตเทพคนแรกในรอบหมื่นปีที่ผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลัก?”

 

“ถึงแม้การทดสอบประเมินศิษย์หลักสําหรับศิษย์สายในขอบเขตเทพจะง่ายกว่าบททดสอบสําหรับศิษย์ขอบเขตราชาเทพ แต่นั่นก็ไม่ใช่อะไรที่ตัวตนขอบเขตเทพจะผ่านมันไปได้ง่ายๆ!”

 

“คิดจะเป็นเชวียไห่ชวนคนที่ 2 เช่นนั้นหรือ? ไม่ประเมินตัวเอง!!”

 

ภูเฟิงไม่คิดว่าคนที่อยู่ในรายชื่อ ต้องฆ่า ของมันจะผ่านการทดสอประเมินศิษย์หลักทั้งๆที่ยังมีด่านพลังขอบเขตเทพได้ เพราะตัวมันเองก็เคยเข้าร่วมการทดสอบประเมินดังกล่าวตอนด่านพลังอยู่ในขอบเขตเทพมาแล้ว จึงรู้ดีว่ามันยากเย็นแค่ไหน…

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3679

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3679 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

WSSTH ตอนที่ 3679 : ข้าจะพยายาม

 

ต้วนหลิงเทียนถึงกับยืนอึ้งไปพักหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงดังระงมจากด้านนอก

 

และฟังจากบทสนทนาของคนด้านนอก เขาก็รู้เจตนาการมาของพวกมันทันที ที่ทุกคนมาเฝ้ารอกันเกินสิบวันครึ่งเดือนแบบนี้ ล้วนมีเหตุผลเดียวกัน…ชวนเขาไปพบเจออาจารย์หรือผู้อาวุโสของพวกมัน!

 

อาจารย์และผู้อาวุโสของพวกมัน คิดรับตัวเขาเป็นศิษย์

 

“หรือข้าจะเปิดค่ายกลอีกรอบดี?

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความคิดดังกล่าว ก็มีเสียงอุทานโพล่งดังจากด้านนอก “เฮ ดูนั่นเร็ว! ต้วนหลิงเทียนปิดค่ายกลแล้ว!!”

 

“จริงด้วย!!”

 

“ศิษย์น้องต้วนหลิงเทียน ข้าเป็นศิษย์คนที่ 2 ของอาวุโสสูงสุดแห่งนิกายหมอกเร้นลับ หวงผิงอี้ และอาจารย์ของข้าให้ข้ามาเชิญเจ้าไปเป็นแขกยังสถานที่พักบ่มเพาะของท่าน!”

 

“ต้วนหลิงเทียน ข้าคือศิษย์เอกของผู้พิทักษ์ หลิวก่วนเซียงแห่งนิกายหมอกเร้นลับ วันนี้ข้าเองก็มาในนามผู้พิทักษ์หลิวกวนเซียงอาจารย์ของข้า เพื่อเชิญเจ้าไปเป็นแขกจิบชาสนทนากับท่านอาจารย์!”

 

ด้านนอกพบว่าค่ายกลปิดกั้นรอบๆบ้านพักต้วนหลิงเทียนหายไป พวกมันก็ไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยซ้ํา เร่งตะโกนเสียงดังวุ่นวายกันใหญ่

 

อาวุโสสูงสุด?

 

ผู้พิทักษ์?

 

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกตกใจอยู่บ้าง

 

ต้องทราบว่าในนิกายหมอกเร้นลับแห่งนี้ ชนชั้นผู้อาวุโสสูงสุดไม่ได้มีมากมายอะไร และสถานะของผู้อาวุโสสูงสุดแต่ละคนก็สูงกว่าอาวุโสหลักทั้ง 19 คนรวมถึงอาวุโส 2 แห่งนิกายหมอกเร้นลับมาก

 

นอกจากนั้น ผู้พิทักษ์ทั้ง 19 คนเอง ก็มีสถานะเหนือกว่าอาวุโสหลักเช่นอาวุโส 2 เสียอีก เรียกว่าฐานะพอๆกันกับรองประมุขนิกายเลย

 

ในบรรดาผู้พิทักษ์อาวุโส ยังมีบางคนที่มีฐานะเหนือกว่าประมุขนิกายหมอกเร้นลับคนปัจจุบันเสียอีก!

 

และตัวตนเหล่านั้นก็คือผู้แข็งแกร่งที่สุดของนิกายหมอกเร้นลับแล้ว

 

ทว่าตอนนี้ตัวตนระดับอาวุโสสูงสุดกับผู้พิทักษ์กลับส่งคนมาเฝ้ารอเพื่อเชิญเขาไปพบ? แถมที่เรียกไปพบก็ไม่พ้นหมายรับเขาเป็นศิษย์?

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะล่วงรู้วัตถุประสงค์ในการเชิญเขาของทุกคน แต่เขาก็อดแปลกใจไม่ได้จริงๆ

 

เขาคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้เผยความสามารถที่น่าฟังอะไรมากมาย แต่ไม่คิดเลยว่าอาศัยพลังระดับปลายยอดของภูเขาน้ําแข็งที่เขาเผยออกไป จะยังดึงดูดระดับสูงๆของนิกายหมอกเร้นลับขนาดนี้

 

พวกมันถึงกับส่งศิษย์มาเฝ้าหน้าบ้านเขา เพื่อรอเชิญเขาไปเป็นแขก!

 

แอ๊ด…

 

สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้เปิดค่ายกลอีกครั้งแต่อย่างใด ทว่าเลือกจะเปิดประตูแล้วก้าวออกมาจากบ้านปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนที่เฝ้ารอ

 

“ฮา! ศิษย์น้องต้วนออกมาแล้ว!”

 

“ศิษย์น้องต้วนหลิงเทียน ข้าชื่อหรู่ฉงเป็นลูกชายของอาวุโสสูงสุด หรู่เหอ ท่านพ่อของข้าอยากรับเจ้าเป็นศิษย์ เจ้าลองพิจารณาดูก่อนดีไหม? และท่านพ่อยังฝากข้ามาบอกเจ้าอีกว่าขอเพียงเจ้าเต็มใจเข้าสํานักของท่านพ่อ ท่านพ่อจะไม่ละเลยเจ้าเด็ดขาด กระทั่งยังจะดูแลส่งเสริมเจ้าอย่างดีถึงขั้นที่ลูกชายแท้ๆอย่างข้าต้องอิจฉาเชียว!”

 

“ต้วนหลิงเทียน ข้าคือศิษย์คนที่ 2 ของอาวุโสสูงสุด หลิวกุ้ย เรียกว่า เหอไช่ ท่านอาจารย์ข้าก็ตั้งใจรับเจ้าเป็นศิษย์เช่นกัน อีกทั้งท่านอาจารย์ยังได้เตรียมโอสถเสริมโชคไว้ให้เจ้าเป็นของขวัญแล้ว!”

 

“ศิษย์น้องตวน ข้าคือศิษย์คนที่ 4 ของผู้พิทักษ์ จ้าวปู่อี้ เรียกว่า โอวหยางเฉวียน ท่านอาจารย์ของข้ากล่าวไว้ว่า หากเจ้ายินดีเข้าสํานักของท่านอาจารย์ล่ะก็ ท่านอาจารย์จะหาโอสถเสริมโชค 9 เม็ดให้เจ้าภายใน 1 ปี เพื่อให้เจ้าทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพทันที!”

 

ชายหนุ่ม ชายวัยกลางคน มีแม้แต่ศิษย์สตรี 2-3 คนที่มารวมกันด้านนอกบบ้านต้วนหลิงเทียน พอเห็นต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวก็เร่งกล่าวเชิญต้วนหลิงเทียนไปเป็นแขกทันที

 

และเมื่อมีบางคนเอ่ยข้อเสนอชักชวนต้วนหลิงเทียนออกมา เหล่าผู้ที่รอดูท่าทีก็ไม่อาจรอช้า เร่งกล่าวข้อเสนอเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียนให้ไปเป็นแขกทันที

 

กระทั่งบางคนยังจงใจเพิ่มของขวัญเอาเองอีกด้วย

 

บางคนถึงกับบอกว่า จะรวบรวมโอสถเสริมโชคให้ต้วนหลิงเทียนถึง 9 เม็ดภายในครึ่งปีเพื่อเกทับคนที่เสนอหนึ่งปี! และข้อเสนอดังกล่าวก็ทําให้ต้วนหลิงเทียนหวั่นไหวอยู่บ้าง แน่นอนว่าก็แค่ใจเต้นรัวขึ้นมาเท่านั้น…

 

“ศิษย์พี่ทั้งหลาย…”

 

ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจกล่าวคําเพื่อจัดการแย่งกันยื่นข้อเสนอของทุกคน “ข้าต้วนหลิงเทียนเข้ามายังนิกายหมอกเร้นลับแห่งนี้ ไม่ได้มีเจตนาจะกราบผู้ใดเป็นอาจารย์ ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดหรือผู้พิทักษ์ ความหวังดีของทุกท่านข้าขอรับไว้ด้วยใจ ต้องลําบากทุกท่านกลับไปขอขมาท่านผู้อาวุโสสูงสุดและ ท่านผู้พิทักษ์ที่เป็นอาจารย์ของพวกท่านแล้ว”

 

“ข้าเข้ามายังนิกายหมอกเร้นลับ มีจุดมุ่งหมายเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือเร่งพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะได้เข้าสู่นิกายจ้าวมังกรเท่านั้น…”

 

พอต้วนหลิงเทียนกล่าวคําออกมา ก็เป็นการปฏิเสธทุกคน ณ ที่นี้ทันที “เช่นนั้น ข้าเกรงว่าคงทําให้ทุกท่านต้องเสียเวลารออย่างเปล่าประโยชน์แล้ว..ต้องขออภัยศิษย์พี่ทุกท่านจริงๆ”

 

พอกล่าวจบคํา ต้วนหลิงเทียนก็ป้องมือประสานทั้งโค้งตัวเล็กน้อยอย่างสุภาพมากมารยาท

 

หลายคนเห็นดังนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย ก่อนจะป้องมือพลางเขย่าเบาๆที่หนึ่ง ค่อยเห็นร่างจากไป

 

ยังมีหลายคนที่ไม่คิดตัดใจง่ายๆ และหมายเจรจาข้อเสนอกับต้วนหลิงเทียน อนิจจาทั้งหมดถูกลิขิตให้ผิดหวัง

 

สุดท้าย ก็เหลือไม่กี่คนที่ติดตามต้วนหลิงเทียนไปยัง “ตําหนักกิจการฝ่ายใน” ของนิกายหมอกเร้นลับฝ่ายในเพื่อไปชมดูอันดับการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์

 

และไม่มีข้อผิดพลาดอะไร ต้วนหลิงเทียนได้รับอันดับ 1 ของศิษย์สายในขอบเขตเทพ

 

อันที่จริงไม่ว่าใครก็ตาม ขอเพียงติดตามการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ย่อมรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนต้องได้อันดับที่ 1 ในบรรดาศิษย์สายในขอบเขตเทพแน่นอน

 

สุดท้ายแล้ว การขึ้นไปถึงขั้นที่ 9 ของบันไดสวรรค์ ก็ไม่มีศิษย์สายในขอบเขตเทพคนไหนในนิกายหมอกเร้นลับทําได้มานานแล้ว

 

“นั่นต้วนหลิงเทียนนี่!”

 

“หืม? คนนั้นน่ะหรือต้วนหลิงเทียนที่ร่ําลือกัน ผู้ชนะเลิศอันดับ 1 ของการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์สําหรับศิษย์สายในขอบเขตเทพ?”

 

“ใช่ เป็นมัน! เห็นว่าตอนนี้มันยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปีด้วยซ้ํา ได้รับการแนะนําจากรองประมุขมู่หรงสุยเฟิงให้เข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับของพวกเราก่อนกําหนด

 

“ยากนักที่จะเห็นผู้ใดได้รับคําแนะนําจากท่านรองประมุขมู่หรงเช่นนี้…กล่าวไปท่านรองประมุขมู่หรงก็ไม่เคยใช้สิทธิ์แนะนําผู้ใดมานานมากๆแล้ว แต่ทุกครั้งที่ออกปากก็ล้วนเป็นตัวตนที่มีความสามารถระดับแนวหน้าของนิกายหมอกเร้นลับเราทุกที่”

 

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว! ข้าบอกเลยว่าในนิกายหมอกเร้นลับแห่งนี้ นอกจากเหล่าอาวุโสสูงสุดกับท่านประมุขแล้ว ผู้ที่ข้าชื่นชมมากที่สุดก็คือท่านรองประมุขมู่หรงสุยเฟิง!!”

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนมาถึงตําหนักกิจการฝ่ายใน ก็มีเหล่าศิษย์สายในหลายคนที่จดจําเขาได้ ทําให้บริเวณโดยรอบพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

 

และหลังจากได้ยินเสียงสนทนาเซ็งแซ่ไปสักพัก ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่า มู่หรงสุยเฟิง เป็นรองประมุขที่มีผู้คนนับหน้าถือตาไม่น้อย เรียกว่ามีชื่อเสียงดีงามจนหลายๆคนให้การเคารพนับถือ

 

“ศิษย์พี่ทุกท่าน พอมีใครจะบอกข้าได้บ้าง ว่าของรางวัลการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ต้องไปรับที่ไหนหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะประสานมือกล่าวถามทุกคนอย่างสุภาพ จากนั้นก็มีศิษย์หลายคนเร่งกล่าวตอบอย่างกระตือรือร้น ไม่เพียงจะชี้ทางเท่านั้น ยังมีศิษย์มากอัธยาศัยแลดูเป็นคนตลกคนหนึ่ง อาสานําพาต วนหลิงเทียนไปยังโต๊ะบริการมอบของรางวัลอีกด้วย แถมมันยังป่าวประกาศขอทางอย่างนอบน้อมระคนยียวน จนศิษย์ที่ต่อแถวอยู่พากันหลีกทางด้วยเสียงหัวเราะ ทําให้ต้วนหลิงเทียนได้รับของรางวัลจากการแข่งขันไต่บัน ไดสวรรค์ในเวลาอันสั้น

 

โอสถเสริมโชค!

 

ต่วนหลิงเทียนเมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว ก็คิดกลับบ้านพักทันที

 

หากทว่าทันใด

 

ง พลันมีคนเรียกทักเขาเสียก่อน “ช้าก่อน ศิษย์น้องต้วนหลิงเทียน!”

 

คนที่รั้งต้วนหลิงเทียนไว้ ก็เป็นศิษย์สายในร่างอ้วนกลมตาหยีแลดูไม่มีพิษมีภัยคนหนึ่ง ขณะกล่าวถามแก้มย้วยๆของมันยังกระเพื่อมจนดึงดูดสายตาผู้คนไม่น้อย “อีกไม่นาน ศิษย์น้องก็ต้องเข้าร่วมการทดสอบประเมินศิษย์หลักแล้ว…มิทราบศิษย์น้องมั่นใจหรือไม่?”

 

“ศิษย์น้องต้องทราบว่าในประวัติศาสตร์ของนิกายหมอกเร้นลับเรา…ศิษย์สายในคนสุดท้ายในขอบเขตเทพ ที่ผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักนั้น ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อหมื่นปีก่อน!”

 

“และในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา อย่าว่าแต่ศิษย์สายในขอบเขตเทพเลย แม้แต่ศิษย์สายในขอบเขตราชาเทพเอง ก็ไม่มีใครผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักสักคน”

 

พอศิษย์ร่างอ้วนกล่าวถามจบคํา สายตาทุกคู่ก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนทันที

 

เห็นชัดว่าทั้งหมดกําลังรอฟังต้วนหลิงเทียน ว่าจะตอบอย่างไร

 

ต้วนหลิงเทียนที่หันมามองศิษย์ร่างอ้วน ก็คลี่ยิ้มบางๆ “ข้าจะพยายามทําให้ดีที่สุด เพื่อเป็นคนแรกในรอบหมื่นปี..”

 

พอกล่าวจบค่ํา ไม่ทันที่ศิษย์ร้างอ้วนกับศิษย์คนอื่นๆจะได้พูดอะไร ต้วนหลิงเทียนก็ออกจากตําหนักกิจการฝ่ายในไปเสียแล้ว

 

จากนั้นในตําหนักกิจการฝ่ายในก็ดังระงมไปด้วยเสียงฮือฮากันพักใหญ่ “ฟังจากคําตอบของต้วนหลิงเทียน…ดูเหมือนจะมั่นใจมากกระมัง?”

 

“อัยยะ ช่างน่าตื่นเต้นยิ่ง…เกิดต้วนหลิงเทียนผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักขึ้นมาจริงๆ ก็จะกลายเป็นศิษย์สายในขอบเขตเทพที่ผ่านการทดสอบคนแรกในรอบหมื่นปีแล้ว!!”

 

“เฮ่อ ข้าแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย วันทดสอบประเมินศิษย์หลักเป็นพรุ่งนี้เลยได้ไหม?”

 

จากนั้นเรื่องรางในตําหนักกิจการฝ่ายในก็เริ่มแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานศิษย์นิกายหมอกเร้นลับส่วนใหญ่ก็ได้รับทราบถึงความมั่นใจของต้วนหลิงเทียน สําหรับการทดสอบประเมินศิษย์หลักที่จะมาถึงในไม่ช้า

 

“ชายผู้นั้น….มั่นใจถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?”

 

ขณะที่ถังอู่เยียนได้รับทราบข่าว นางก็อยู่กับปู่เล็กของนางพอดี ถังชุนที่ได้ยินคําพึมพําของนาง จึงอดถามออกมาไม่ได้ “มีอะไรหรือ?”

 

และพอถึงชุนได้ยินเรื่องราวจากถังอู่เยียน มันก็อดหัวเราะไม่ได้ “ฮ่าๆๆ…เจ้าหนูนั่น ไม่แน่มันอาจจะผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักจริงๆก็ได้!”

 

“ท่านปู่เล็ก ท่านมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนมากขนาดนั้นเชียวหรือ?”

 

เห็นท่าทีของปู่เล็ก ถังอู่เยียนก็ประหลาดใจไม่น้อย “จากพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมาจนถึงตอนนี้…ดูเหมือนว่าจะไม่สูงพอทําให้มันผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักกระมัง? นอกเสียจากมันยังปกปิดพลังเอาไว้ได้”

 

“ท่านปู่เล็ก…หรือท่านรู้ว่าที่แท้มันยังปกปิดพลังเอาไว้?”

 

ถังอู่เยียนกล่าวถามด้วยสองตาเป็นประกาย

 

ทว่าด้านถังชุนกลับส่ายหน้าไปมา

 

ถึงแม้วนหลิงเทียนจะถูกมันพาตัวมา แต่เรื่องที่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้เผยพลังฝีมือทั้งหมดแล้วหรือไม่ มันก็ไม่ทราบเลย

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสนใจในตัวต้วนหลิงเทียนของมัน

 

“เอ้ท่านปู่เล็ก…แล้วไฉนท่านถึงแลดูมั่นใจในตัวมันนักล่ะ?”

 

ถังอู่เยี่ยนถาม

 

“อาจเป็นเพราะเสน่ห์รวมถึงลักษณะท่าทีของมัน…หากเป็นคนอื่นกล่าวคําทํานองนั้น ข้าไม่พ้นต้องคิดว่าหยิ่งผยองถือดี…แต่พอเป็นมันพูดออกมา ข้ารู้สึกว่ามันพูดเพราะความมั่นใจในฝีมือตัวเอง”

 

ถังขุนคลี่ยิ้ม จากนั้นก็มองไปยังถังอู่เยี่ยนด้วยสายตาทะแม่งๆ “เสี่ยวอู่เยี่ยน…ปู่เล็กได้ยินมาว่า วันที่ต้วนหลิงเทียนไปแข่งขันไต่บันไดสวรรค์วันนั้น เจ้าเองก็เหมือนจะเร่งรีบออกไปกระมัง?”

 

“เจ้าใช่ไปที่นั่นเพราะมันโดยเฉพาะหรือเปล่า?”

 

สายตาของถังชุน ทําให้ตั้งอู่เยียนพูดไม่ออกอยู่บ้าง “ท่านปู่เล็ก ข้าไม่ได้ไปเพราะมันเสียหน่อย…เดิมทีข้าเองก็คิดจะไปเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์อยู่แล้ว…และข้าก็คิดจะเข้าไปทันทีหลังมันกลับออกมา ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆมันจะไปประลองกับฉือวี่เสียอย่างนั้น”

 

“หลังจากพวกมันประลองกันจบ ข้าก็กลับไปยังบันไดสวรรค์เลยไม่ใช่รึไง!”

 

ยิ่งเห็นถึงอู่เยียนกล่าวคําอธิบายอย่างจริงจังและละเอียดแบบนี้ แววตาของถังชุนยิ่งมาก็ยิ่งแปลกๆมากขึ้นเท่านั้น “เข้าใจแล้วๆ…สาวๆหน้าบางหน่อยก็ดี”

 

พอถึงอู่เยี่ยนได้ยินดังกล่าว นางก็ถึงกับหมดคําจะพูดทันที

 

อย่างไรก็ตาม พอถึงชุนกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ในใจนางก็พลันนปรากฏร่างชาหนุ่มชุดม่วงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…ที่ข้าใส่ใจผู้ชายเช่นนี้?

 

“อีกอย่าง ผู้อื่นเขาก็มีลูกมีเมียอยู่แล้ว…

 

ถังอู่เยียนพยายามลบร่างในชุดสีม่วงในหัว อนิจจายิ่งนางพยายามลบเลือนมากเท่าไหร่ ร่างในชุดสีม่วงนั่นก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นนางก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แถมใจยังเต้นรัวขึ้นมาอีก

 

“ตัวโง่งมฝันละเมอ!!”

 

ด้านถูเฟิงหลังได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนพูดอะไรในตําหนักกิจการฝ่ายใน ใบหน้ามันก็เต็มไปด้วยความชิงยังรังเกียจ “มันคิดว่ามันเป็นใครกัน? ถึงกับกล้าพูดว่าจะเป็นศิษย์สายในขอบเขตเทพคนแรกในรอบหมื่นปีที่ผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลัก?”

 

“ถึงแม้การทดสอบประเมินศิษย์หลักสําหรับศิษย์สายในขอบเขตเทพจะง่ายกว่าบททดสอบสําหรับศิษย์ขอบเขตราชาเทพ แต่นั่นก็ไม่ใช่อะไรที่ตัวตนขอบเขตเทพจะผ่านมันไปได้ง่ายๆ!”

 

“คิดจะเป็นเชวียไห่ชวนคนที่ 2 เช่นนั้นหรือ? ไม่ประเมินตัวเอง!!”

 

ภูเฟิงไม่คิดว่าคนที่อยู่ในรายชื่อ ต้องฆ่า ของมันจะผ่านการทดสอประเมินศิษย์หลักทั้งๆที่ยังมีด่านพลังขอบเขตเทพได้ เพราะตัวมันเองก็เคยเข้าร่วมการทดสอบประเมินดังกล่าวตอนด่านพลังอยู่ในขอบเขตเทพมาแล้ว จึงรู้ดีว่ามันยากเย็นแค่ไหน…

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+