ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 109 การซื้อวิลล่าในเมืองหลวง

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 109 การซื้อวิลล่าในเมืองหลวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 109
การซื้อวิลล่าในเมืองหลวง

เธอไม่รู้ว่าโม่อ้ายหลี่จะเลือกเรียนที่ไหน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้มู่หรงเสวี่ยก็รีบโทรหาเธอทันที

“ฮัลโหล อ้ายหลี่!”
“มู่หรงเสวี่ย มีอะไรเหรอ?”
“เธอเลือกมหาวิทยาลัยได้หรือยัง?” มู่หรงเสวี่ยถาม โม่อ้ายหลี่ไม่จำเป็นต้องทำการประเมินแบบเธอ นี่เป็นข้อยกเว้นเฉพาะของมหาวิทยาลัยการแพทย์เท่านั้น

อีกอย่างคะแนนของโม่อ้ายหลี่ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเธอเท่าไร ถึงแม้จะไม่น่าตกใจเหมือนของเธอแต่ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์คะแนนที่สูง ไม่ว่าเธอจะเลือกเรียนที่ไหนก็ไม่มีปัญหาทั้งนั้น

“ใช่ ฉันเลือกมหาวิทยาลัยอลิซในเมืองหลวง เป็นโรงเรียนขุนนางและน่านับถือ คุณปู่ขอให้ฉันเลือกเรียนที่นี่และฉันก็เพิ่งรู้เรื่องนี้ก็เลยเข้าไปดูข้อมูลของโรงเรียนและมันก็ดูดีมากๆเลยนะ!”

มู่หรงเสวี่ยลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยอลิซ นักเรียนทั้งหมดของที่นี่จะเป็นเด็กๆจากตระกูลที่ร่ำรวยหรือไม่ก็เป็นตระกูลเก่าแก่กันทั้งนั้น นักเรียนทั่วๆไปจะเข้าไปเรียนที่นี่ไม่ได้ ถ้ามหาวิทยาลัยการแพทย์ที่เธอเลือกเป็นมหาวิทยาลัยที่ต้องใช้ความสามารถ งั้นมหาวิทยาลัยอลิซก็ต้องใช้ตระกูลแหละ นักเรียนทั้งหมดในมหาวิทยาลัยอลิซล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ทรงอำนาจที่ไม่ควรจะเข้าไปยุ่งด้วย แน่นอนว่าไม่ได้มีเฉพาะคนในประเทศแต่ยังมีบุคคลสำคัญจากต่างประเทศด้วย

การสอนที่อลิซเข้มงวดมาก นักเรียนจะได้รับการสอนอย่างสมบูรณ์ตามความรู้ที่ทายาทของธุรกิจครอบครัวต้องการ รวมถึงเรื่องการพูดและท่าทางด้วย แล้วที่โรงเรียนก็ยังมีการแข่งขันประลองเรื่องธุรกิจมากมายอีกด้วย ดูแล้วเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีจริงๆด้วย

“งั้นก็ดีแล้วล่ะ! อีกอย่างนะ ฉันจะซื้อบ้านที่เมืองหลวง เธออยากจะมาอยู่กับฉันด้วยไหม? วิทยาลัยอลิซก็อยู่ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ของฉันด้วย” มู่หรงเสวี่ยถาม

อันที่จริงตระกูลโม่ก็อยู่ในเมืองหลวง มันก็สมเหตุสมผลแล้วที่โม่อ้ายหลี่จะกลับมาเรียนต่อที่บ้านเกิด อย่างไรก็ตามตัวตนของเธอก็ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยมากนัก ในชนชั้นสูงจะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องของเธอ เธอไม่อยากที่จะเปิดเผยตัวตนเพียงแค่เพราะเธอกลับมาที่บ้านเกิด คุณปู่ก็ไม่ต้องการแบบนั้น งั้นการอยู่ข้างนอกคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

“โอเคเลย เสี่ยวเสวี่ย ฉันจะไปอยู่กับเธอแต่ฉันต้องบอกคุณปู่ก่อนนะ!”

“ได้สิ อีกอย่างนะตอนนี้ฉันอยู่เมืองหลวง แล้วก็เพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยการแพทย์ได้ด้วย งั้นฉันก็จะขยายอ้ายเสวี่ยมาที่นี่ด้วย ถ้าเธอว่างก็แวะมาที่นี่ได้นะ”

“ฉันจะว่างไปที่นั่นในอีก 2-3 วันนะ”
“ได้ งั้นพอเธอมาแล้วเราค่อยคุยกันเนอะ”
หลังจากที่วางสาย มู่หรงเสวี่ยก็ขับรถตรงไปที่บริษัทขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อเลือกวิลล่าสวยๆ ในอนาคตมันคงจะไม่สะดวกเท่าไร ดังนั้นเธอจึงไม่ได้คิดว่าจะซื้ออะพาร์ตเมนต์แต่เลือกที่จะซื้อวิลล่าสำหรับครอบครัวไปเลย

เมื่อมู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไป เธอก็เห็นเซลล์สาวสวยหลายคนกำลังคุยกันอยู่ เมื่อเธอเดินเข้าไปไม่มีใครเข้ามาทักทายเธอเลย มีเพียงเซลล์ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอายๆอยู่ด้านข้างที่เข้ามาทักทายเธอ

“สวัสดีค่ะ ฉันเสี่ยวชิง เป็นพนักงานขายค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ?” พนักงานขายสาวเสี่ยวชิงกล่าว

“ฉันอยากที่จะซื้อวิลล่าสำหรับครอบครัวสักหลัง เอาที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล” มู่หรงพูดออกมาเบาๆ

“ได้ค่ะคุณผู้หญิง กรุณารอสักครู่นะคะ…” เมื่อเสี่ยวชิงพูดจบเธอก็เริ่มที่จะดูข้อมูลของวิลล่า เพราะเธอเพิ่งมาทำงานได้เพียงไม่กี่วันและเป็นเพียงเด็กฝึกงาน เธอยังไม่คุ้นเคยกับข้อมูลเรื่องที่ดินเท่าไร ดังนั้นเธอจึงต้องค้นข้อมูล อีกอย่างเธอค่อนข้างจะกังวลเล็กน้อยและรนด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับลูกค้า ปกติแล้วพวกพนักงานรุ่นพี่จะรีบเข้ามาทักทายลูกค้าทันทีที่เดินเข้ามา หลังจากนั้นแม้แต่คนที่ไม่ชอบคุยกับลูกค้าแต่ก็จะเข้ามาแย่งเพราะเธอไม่สามารถที่จะบริการลูกค้าระดับสูงแบบนั้นได้

ผู้หญิงบางคนเริ่มที่จะหัวเราะเสียงเบาอยู่ห่างๆ

“โง่จริงๆ แม่หนูนั่นอายุเท่าไรกัน? ถึงได้บอกว่าอยากที่จะซื้อวิลล่า เธอไม่มีปัญญาหรอก…”

“ใช่เลย ก็มีแต่ยายบ้านนอกเสี่ยวชิงเท่านั้นแหละที่เหมาะกับลูกค้าประเภทนี้…” ในวันธรรมดามักจะมีลูกค้าไม่เยอะเท่าไร พวกเธอจึงสามารถนั่งคุยกันสบายๆได้

“ฉันยังกังวลเรื่องแม่หนูนั่นอยู่นะ ฉันไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนธรรมดาหรอกนะ…”

“…”
เสียงของพวกเธอไม่ได้เบาเท่าไร ดังนั้นมู่หรงเสวี่ยและเสี่ยวชิงจึงต่างก็ได้ยินไปด้วย เสี่ยวชิงหน้าซีดและกัดริมฝีปากแต่ก็ยังคงค้นหาข้อมูลเรื่องวิลล่าที่มู่หรงเสวี่ยถามอยู่

หลังจากนั้นสักพัก เสี่ยวชิงก็เจอวิลล่าหลายแห่งที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากโรงพยาบาลมากนัก

“คุณผู้หญิงคะ วิลล่าพวกนี้ตรงกับคำขอของคุณนะคะแต่จะแตกต่างกันที่พื้นที่การใช้สอยและราคาค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงต้องการวิลล่าขนาดใหญ่แค่ไหนคะ?”

มู่หรงเสวี่ยคิด เธอต้องการที่จะเอาสวนสมุนไพรเข้ามาตั้งในวิลล่าด้วย รวมทั้งเรือนต้นไม้และออฟฟิศด้วย งั้นวิลล่าจะต้องมีขนาดใหญ่หน่อย อีกอย่างโม่อ้ายหลี่ก็จะมาอยู่กับเธอด้วยแล้วเธอก็ยังต้องเตรียมห้องไว้สำหรับพ่อแม่, คุณปู่คุณย่าและแขกคนอื่นๆด้วย

“วิลล่าที่ใหญ่ที่สุดขนาดเท่าไรคะ?” มู่หรงเสวี่ยถาม
“วิลล่าที่ใหญ่ที่สุดจะมีขนาด 2000 ตรว. ค่ะและในพื้นที่ก็จะมีสวนด้วยแต่ราคาก็สูงอยู่สักหน่อย…” เสี่ยวชิงรู้สึกเขินที่ต้องพูดแต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะบอกว่ามู่หรงเสวี่ยไม่มีปัญหาซื้อ เพียงแต่ว่าที่นี่คือเมืองหลวง ราคาวิลล่าในเมืองก็จะน่าตกใจหน่อย แค่วิลล่าไม่กี่ตารางวาก็ปาเข้าไป 20 ล้านแล้วและนี่กว้างตั้ง 2,000 ตรว. จนเธอรู้สึกกลัวขึ้นมาเลย

“เท่าไรเหรอคะ?” ตอนนี้เธอมีทั้งเงินและรายได้ นอกจากนี้ก็ยังมีเงินจากค่าหยกที่ชางกวนโม่ซื้อไปอีก ตอนนี้ในบัตรของเธอมีเงินอย่างน้อยๆก็ หนึ่งหมื่นล้านหยวนซึ่งก็น่าจะพอ

“ว่าไงนะคะ?” เสี่ยวชิงตะลึง ไม่ค่อยเข้าใจคำถามที่ มู่หรงเสวี่ยถามออกมา

มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้ว “ฉันถามคุณว่าวิลล่าราคาเท่าไร? จัดการเรื่องเอกสารเดี๋ยวนี้เลย ตอนนี้ฉันพร้อมที่จะจ่ายเต็มจำนวนแล้ว…”

“คุณ…คุณอยากที่จะซื้อเหรอคะ?” เสี่ยวชิงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“งั้นถ้าฉันไม่ซื้อที่นี่แล้วมีห้องอื่นแนะนำไหมล่ะ?”
“โอ้ โอเคค่ะ รอสักครู่นะคะ ฉันจะไปแจ้งผู้จัดการ ราคาของวิลล่ามันสูงมากและต้องให้ผู้จัดการมาเซ็นด้วยอ่ะค่ะ…” หลังจากที่พูดอย่างติดอ่าง เธอก็ยังมองมาที่มู่หรงเสวี่ยอย่างไม่อยากจะเชื่ออยู่

“งั้นก็เร่งมือเลยค่ะ!” มู่หรงเสวี่ยนั่งอยู่ที่โซฟาข้างๆและหันไปดูภาพสามมิติของวิลล่าที่เสี่ยวชิงเพิ่งจะส่งให้เธอ

พนักงานขายสาวที่กำลังคุยกันก่อนที่จะเห็นมู่หรงเสวี่ยอยากที่จะเป็นคนขายให้เธอจริงๆ วิลล่าทั่วไปราคาอย่างน้อยก็สิบล้านแล้ว แต่จากที่ได้ยินว่านี่ขนาด 2,000 ตรว. งั้นราคาก็ต้องมากกว่า 100 ล้านหยวนแน่ๆ ถ้าตกลงปิดการขายได้ ค่าคอมมิชชั่นจะต้องมากกว่าหนึ่งล้านแน่ๆ

พวกเธอมองหน้ากันและกัน แล้วก็เผยยิ้มอย่างสุภาพและเดินมาที่มู่หรงเสวี่ย

“คุณน้องคนสวยอยากที่จะซื้อวิลล่างั้นเหรอคะ? ขอฉันแนะนำให้นะคะ” ผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉีดน้ำหอมจนฉุนพูดออกมา
มู่หรงเสวี่ยเงยหน้ามองไปที่เธออย่างเย็นชา “ไม่ล่ะ แล้วฉันก็ไม่มีพี่สาวด้วย อย่ามาทำตัวสนิทสนมแบบนี้!”

สีหน้าของหญิงสาวนิ่งอึ้งไปแล้วจึงทำเป็นยิ้มต่อและพูดว่า “คุณยังไม่รู้ เด็กใหม่เพิ่งจะมาใหม่ใช่ไหมคะ? เธอยังไม่เข้าใจอะไรหลายอย่างเลย เอาเป็นว่าฉันจะแนะนำรายละเอียดคุณเองดีไหมคะ?”

มู่หรงเสวี่ยแสยะยิ้มอย่างเย็นชาในใจ ผู้หญิงพวกนี้แสดงเก่งจริงๆ เมื่อกี้ยังนินทาเธออยู่เลย คิดว่าเธอหูหนวกหรือไง

“ฉันบอกว่าไม่ แล้วกลิ่นน้ำหอมคุณก็ทำให้ฉันเวียนหัวด้วย ช่วยอยู่ห่างๆฉันด้วยค่ะ”

“เธอ…” ผู้หญิงคนนั้นหมดความอดทนและชี้นิ้วมาที่ มู่หรงเสวี่ย

มู่หรงเสวี่ยมองเธอด้วยสายตาเย็นชา หลังจากที่นิ่งอยู่สักพัก หญิงสาวก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงดูถูก “เป็นเพราะเธอไม่มีปัญญาซื้อสินะถึงไม่ให้ฉันแนะนำ ถ้าไม่มีเงินก็อย่ามาอวดรวย นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอจะมาโอ้อวด…” ไม่รู้ว่าเธอหมดความอดทนหรืออะไร บางทีอาจจะเป็นเพราะท่าทางที่ดูเด็กของมู่หรงเสวี่ย ขนาดลูกสาวของตระกูลดังในเมืองหลวงก็ยังเอาเงินร้อยล้านออกมาใช้ตามอำเภอใจไม่ได้เลย บางทีนี่อาจจะเป็นการแกล้งหลอกก็ได้ ยิ่งเธอคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร ก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น

มู่หรงเสวี่ยปิดเอกสารและพูดเสียงแผ่ว “ถ้าบริษัทของคุณปฏิบัติกับลูกค้าแบบนี้ ฉันก็ได้เรียนรู้แล้วล่ะ…”

“เธอมันลูกค้าที่ไหนก็แค่เด็กน้อย!” เธอไม่สนใจเพื่อนร่วมงานที่กำลังดึงแขนเสื้อเพื่อเตือนสติเลย แต่กลับพูดอย่างโกรธเกรี้ยวมากขึ้นไปอีก

มู่หรงเสวี่ยขี้เกียจเกินกว่าจะมาสนใจเธอ หรือทะเลาะกับเธอ มีแต่จะเสียเวลาจึงเปิดเอกสารและอ่านต่อ

“นี่เธอ โง่หรือไง?! โอ้เข้าใจแล้ว ฉันผิดเอง เธอถูกสินะ” เธอเห็นมู่หรงเสวี่ยไม่โต้ตอบอะไร จึงพูดออกมาอย่างรุนแรงมากขึ้นและน้ำเสียงของโกรธเกรี้ยวมากขึ้นด้วย
หลังจากนั้นสักพัก ชายวัยกลางคนและเสี่ยวชิงก็เดินออกมา ชายวัยกลางคนคือผู้จัดการหวู่ “เกิดอะไรขึ้น? นี่เธอกำลังทำอะไร?” ทันทีที่เขาได้ยินเสี่ยวชิงบอกว่ามีลูกค้ารายใหญ่ที่อยากจะซื้อวิลล่าราคาหลายร้อยล้านหยวน เขาก็ตื่นเต้นจนรีบเดินออกมาทันที

แต่เขาไม่คิดว่าจะมาได้ยินพนักงานตัวเองที่กำลังยืนด่าด้วยน้ำเสียงแบบนี้อยู่

เมื่อหญิงสาวเห็นว่าผู้จัดการเดินเข้ามา สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีพร้อมพูดกับผู้จัดการหวู่ด้วยน้ำเสียงประจบ “ผู้จัดการหวู่ อยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ?”

“เป็นอะไรของเธอ? ทำไมทำน้ำเสียงแบบนี้ในที่ทำงาน?” ใบหน้าของผู้จัดการหวู่เข้มขึ้น พนักงานหญิงหลายคนที่ยืนอยู่ข้างๆต่างก็ก้มหัวและไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก เวลาปกติผู้จัดการหวู่จะใจดีมาก มีบางคนที่แสดงสีหน้าเสียใจอยู่สักพัก

มู่หรงเสวี่ยปิดเอกสารและมองไปที่ผู้จัดการหวู่ที่อยู่ตรงหน้า เธอพูดออกมาเสียงเบา “ผู้จัดการหวู่ นี่เป็นสิ่งที่พนักงานในบริษัทของคุณปฏิบัติกับลูกค้าแบบนี้เหรอคะ?”

เสี่ยวชิงรีบกระซิบไปที่หูของผู้จัดการหวู่ทันที “เธอคือลูกค้าที่อยากจะซื้อวิลล่าค่ะ…”

ผู้จัดการหวู่ตกใจอยู่ชั่วครู่และรีบตอบสนองทันที เชารีบก้าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ขอโทษด้วยนะครับคุณผู้หญิง พนักงานในบริษัทของเราเหลวไหลไปหน่อย…”

มู่หรงเสวี่ยแสยะ “นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขได้ด้วยการพูดแบบนี้นะคะ เมื่อกี้ผู้หญิงคนนี้ยังชี้นิ้วด่าฉันอยู่เลย ผู้จัดการหวู่จะจัดการกับพนักงานคนนี้ยังไงดีคะ?”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของมู่หรงเสวี่ย สีหน้าของหญิงสาวก็เปลี่ยนไปและมองมาที่มู่หรงเสวี่ยด้วยสายตาโกรธแค้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 109 การซื้อวิลล่าในเมืองหลวง

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 109 การซื้อวิลล่าในเมืองหลวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 109
การซื้อวิลล่าในเมืองหลวง

เธอไม่รู้ว่าโม่อ้ายหลี่จะเลือกเรียนที่ไหน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้มู่หรงเสวี่ยก็รีบโทรหาเธอทันที

“ฮัลโหล อ้ายหลี่!”
“มู่หรงเสวี่ย มีอะไรเหรอ?”
“เธอเลือกมหาวิทยาลัยได้หรือยัง?” มู่หรงเสวี่ยถาม โม่อ้ายหลี่ไม่จำเป็นต้องทำการประเมินแบบเธอ นี่เป็นข้อยกเว้นเฉพาะของมหาวิทยาลัยการแพทย์เท่านั้น

อีกอย่างคะแนนของโม่อ้ายหลี่ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเธอเท่าไร ถึงแม้จะไม่น่าตกใจเหมือนของเธอแต่ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์คะแนนที่สูง ไม่ว่าเธอจะเลือกเรียนที่ไหนก็ไม่มีปัญหาทั้งนั้น

“ใช่ ฉันเลือกมหาวิทยาลัยอลิซในเมืองหลวง เป็นโรงเรียนขุนนางและน่านับถือ คุณปู่ขอให้ฉันเลือกเรียนที่นี่และฉันก็เพิ่งรู้เรื่องนี้ก็เลยเข้าไปดูข้อมูลของโรงเรียนและมันก็ดูดีมากๆเลยนะ!”

มู่หรงเสวี่ยลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยอลิซ นักเรียนทั้งหมดของที่นี่จะเป็นเด็กๆจากตระกูลที่ร่ำรวยหรือไม่ก็เป็นตระกูลเก่าแก่กันทั้งนั้น นักเรียนทั่วๆไปจะเข้าไปเรียนที่นี่ไม่ได้ ถ้ามหาวิทยาลัยการแพทย์ที่เธอเลือกเป็นมหาวิทยาลัยที่ต้องใช้ความสามารถ งั้นมหาวิทยาลัยอลิซก็ต้องใช้ตระกูลแหละ นักเรียนทั้งหมดในมหาวิทยาลัยอลิซล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ทรงอำนาจที่ไม่ควรจะเข้าไปยุ่งด้วย แน่นอนว่าไม่ได้มีเฉพาะคนในประเทศแต่ยังมีบุคคลสำคัญจากต่างประเทศด้วย

การสอนที่อลิซเข้มงวดมาก นักเรียนจะได้รับการสอนอย่างสมบูรณ์ตามความรู้ที่ทายาทของธุรกิจครอบครัวต้องการ รวมถึงเรื่องการพูดและท่าทางด้วย แล้วที่โรงเรียนก็ยังมีการแข่งขันประลองเรื่องธุรกิจมากมายอีกด้วย ดูแล้วเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีจริงๆด้วย

“งั้นก็ดีแล้วล่ะ! อีกอย่างนะ ฉันจะซื้อบ้านที่เมืองหลวง เธออยากจะมาอยู่กับฉันด้วยไหม? วิทยาลัยอลิซก็อยู่ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ของฉันด้วย” มู่หรงเสวี่ยถาม

อันที่จริงตระกูลโม่ก็อยู่ในเมืองหลวง มันก็สมเหตุสมผลแล้วที่โม่อ้ายหลี่จะกลับมาเรียนต่อที่บ้านเกิด อย่างไรก็ตามตัวตนของเธอก็ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยมากนัก ในชนชั้นสูงจะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องของเธอ เธอไม่อยากที่จะเปิดเผยตัวตนเพียงแค่เพราะเธอกลับมาที่บ้านเกิด คุณปู่ก็ไม่ต้องการแบบนั้น งั้นการอยู่ข้างนอกคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

“โอเคเลย เสี่ยวเสวี่ย ฉันจะไปอยู่กับเธอแต่ฉันต้องบอกคุณปู่ก่อนนะ!”

“ได้สิ อีกอย่างนะตอนนี้ฉันอยู่เมืองหลวง แล้วก็เพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยการแพทย์ได้ด้วย งั้นฉันก็จะขยายอ้ายเสวี่ยมาที่นี่ด้วย ถ้าเธอว่างก็แวะมาที่นี่ได้นะ”

“ฉันจะว่างไปที่นั่นในอีก 2-3 วันนะ”
“ได้ งั้นพอเธอมาแล้วเราค่อยคุยกันเนอะ”
หลังจากที่วางสาย มู่หรงเสวี่ยก็ขับรถตรงไปที่บริษัทขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อเลือกวิลล่าสวยๆ ในอนาคตมันคงจะไม่สะดวกเท่าไร ดังนั้นเธอจึงไม่ได้คิดว่าจะซื้ออะพาร์ตเมนต์แต่เลือกที่จะซื้อวิลล่าสำหรับครอบครัวไปเลย

เมื่อมู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไป เธอก็เห็นเซลล์สาวสวยหลายคนกำลังคุยกันอยู่ เมื่อเธอเดินเข้าไปไม่มีใครเข้ามาทักทายเธอเลย มีเพียงเซลล์ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอายๆอยู่ด้านข้างที่เข้ามาทักทายเธอ

“สวัสดีค่ะ ฉันเสี่ยวชิง เป็นพนักงานขายค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ?” พนักงานขายสาวเสี่ยวชิงกล่าว

“ฉันอยากที่จะซื้อวิลล่าสำหรับครอบครัวสักหลัง เอาที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล” มู่หรงพูดออกมาเบาๆ

“ได้ค่ะคุณผู้หญิง กรุณารอสักครู่นะคะ…” เมื่อเสี่ยวชิงพูดจบเธอก็เริ่มที่จะดูข้อมูลของวิลล่า เพราะเธอเพิ่งมาทำงานได้เพียงไม่กี่วันและเป็นเพียงเด็กฝึกงาน เธอยังไม่คุ้นเคยกับข้อมูลเรื่องที่ดินเท่าไร ดังนั้นเธอจึงต้องค้นข้อมูล อีกอย่างเธอค่อนข้างจะกังวลเล็กน้อยและรนด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับลูกค้า ปกติแล้วพวกพนักงานรุ่นพี่จะรีบเข้ามาทักทายลูกค้าทันทีที่เดินเข้ามา หลังจากนั้นแม้แต่คนที่ไม่ชอบคุยกับลูกค้าแต่ก็จะเข้ามาแย่งเพราะเธอไม่สามารถที่จะบริการลูกค้าระดับสูงแบบนั้นได้

ผู้หญิงบางคนเริ่มที่จะหัวเราะเสียงเบาอยู่ห่างๆ

“โง่จริงๆ แม่หนูนั่นอายุเท่าไรกัน? ถึงได้บอกว่าอยากที่จะซื้อวิลล่า เธอไม่มีปัญญาหรอก…”

“ใช่เลย ก็มีแต่ยายบ้านนอกเสี่ยวชิงเท่านั้นแหละที่เหมาะกับลูกค้าประเภทนี้…” ในวันธรรมดามักจะมีลูกค้าไม่เยอะเท่าไร พวกเธอจึงสามารถนั่งคุยกันสบายๆได้

“ฉันยังกังวลเรื่องแม่หนูนั่นอยู่นะ ฉันไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนธรรมดาหรอกนะ…”

“…”
เสียงของพวกเธอไม่ได้เบาเท่าไร ดังนั้นมู่หรงเสวี่ยและเสี่ยวชิงจึงต่างก็ได้ยินไปด้วย เสี่ยวชิงหน้าซีดและกัดริมฝีปากแต่ก็ยังคงค้นหาข้อมูลเรื่องวิลล่าที่มู่หรงเสวี่ยถามอยู่

หลังจากนั้นสักพัก เสี่ยวชิงก็เจอวิลล่าหลายแห่งที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากโรงพยาบาลมากนัก

“คุณผู้หญิงคะ วิลล่าพวกนี้ตรงกับคำขอของคุณนะคะแต่จะแตกต่างกันที่พื้นที่การใช้สอยและราคาค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงต้องการวิลล่าขนาดใหญ่แค่ไหนคะ?”

มู่หรงเสวี่ยคิด เธอต้องการที่จะเอาสวนสมุนไพรเข้ามาตั้งในวิลล่าด้วย รวมทั้งเรือนต้นไม้และออฟฟิศด้วย งั้นวิลล่าจะต้องมีขนาดใหญ่หน่อย อีกอย่างโม่อ้ายหลี่ก็จะมาอยู่กับเธอด้วยแล้วเธอก็ยังต้องเตรียมห้องไว้สำหรับพ่อแม่, คุณปู่คุณย่าและแขกคนอื่นๆด้วย

“วิลล่าที่ใหญ่ที่สุดขนาดเท่าไรคะ?” มู่หรงเสวี่ยถาม
“วิลล่าที่ใหญ่ที่สุดจะมีขนาด 2000 ตรว. ค่ะและในพื้นที่ก็จะมีสวนด้วยแต่ราคาก็สูงอยู่สักหน่อย…” เสี่ยวชิงรู้สึกเขินที่ต้องพูดแต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะบอกว่ามู่หรงเสวี่ยไม่มีปัญหาซื้อ เพียงแต่ว่าที่นี่คือเมืองหลวง ราคาวิลล่าในเมืองก็จะน่าตกใจหน่อย แค่วิลล่าไม่กี่ตารางวาก็ปาเข้าไป 20 ล้านแล้วและนี่กว้างตั้ง 2,000 ตรว. จนเธอรู้สึกกลัวขึ้นมาเลย

“เท่าไรเหรอคะ?” ตอนนี้เธอมีทั้งเงินและรายได้ นอกจากนี้ก็ยังมีเงินจากค่าหยกที่ชางกวนโม่ซื้อไปอีก ตอนนี้ในบัตรของเธอมีเงินอย่างน้อยๆก็ หนึ่งหมื่นล้านหยวนซึ่งก็น่าจะพอ

“ว่าไงนะคะ?” เสี่ยวชิงตะลึง ไม่ค่อยเข้าใจคำถามที่ มู่หรงเสวี่ยถามออกมา

มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้ว “ฉันถามคุณว่าวิลล่าราคาเท่าไร? จัดการเรื่องเอกสารเดี๋ยวนี้เลย ตอนนี้ฉันพร้อมที่จะจ่ายเต็มจำนวนแล้ว…”

“คุณ…คุณอยากที่จะซื้อเหรอคะ?” เสี่ยวชิงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“งั้นถ้าฉันไม่ซื้อที่นี่แล้วมีห้องอื่นแนะนำไหมล่ะ?”
“โอ้ โอเคค่ะ รอสักครู่นะคะ ฉันจะไปแจ้งผู้จัดการ ราคาของวิลล่ามันสูงมากและต้องให้ผู้จัดการมาเซ็นด้วยอ่ะค่ะ…” หลังจากที่พูดอย่างติดอ่าง เธอก็ยังมองมาที่มู่หรงเสวี่ยอย่างไม่อยากจะเชื่ออยู่

“งั้นก็เร่งมือเลยค่ะ!” มู่หรงเสวี่ยนั่งอยู่ที่โซฟาข้างๆและหันไปดูภาพสามมิติของวิลล่าที่เสี่ยวชิงเพิ่งจะส่งให้เธอ

พนักงานขายสาวที่กำลังคุยกันก่อนที่จะเห็นมู่หรงเสวี่ยอยากที่จะเป็นคนขายให้เธอจริงๆ วิลล่าทั่วไปราคาอย่างน้อยก็สิบล้านแล้ว แต่จากที่ได้ยินว่านี่ขนาด 2,000 ตรว. งั้นราคาก็ต้องมากกว่า 100 ล้านหยวนแน่ๆ ถ้าตกลงปิดการขายได้ ค่าคอมมิชชั่นจะต้องมากกว่าหนึ่งล้านแน่ๆ

พวกเธอมองหน้ากันและกัน แล้วก็เผยยิ้มอย่างสุภาพและเดินมาที่มู่หรงเสวี่ย

“คุณน้องคนสวยอยากที่จะซื้อวิลล่างั้นเหรอคะ? ขอฉันแนะนำให้นะคะ” ผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉีดน้ำหอมจนฉุนพูดออกมา
มู่หรงเสวี่ยเงยหน้ามองไปที่เธออย่างเย็นชา “ไม่ล่ะ แล้วฉันก็ไม่มีพี่สาวด้วย อย่ามาทำตัวสนิทสนมแบบนี้!”

สีหน้าของหญิงสาวนิ่งอึ้งไปแล้วจึงทำเป็นยิ้มต่อและพูดว่า “คุณยังไม่รู้ เด็กใหม่เพิ่งจะมาใหม่ใช่ไหมคะ? เธอยังไม่เข้าใจอะไรหลายอย่างเลย เอาเป็นว่าฉันจะแนะนำรายละเอียดคุณเองดีไหมคะ?”

มู่หรงเสวี่ยแสยะยิ้มอย่างเย็นชาในใจ ผู้หญิงพวกนี้แสดงเก่งจริงๆ เมื่อกี้ยังนินทาเธออยู่เลย คิดว่าเธอหูหนวกหรือไง

“ฉันบอกว่าไม่ แล้วกลิ่นน้ำหอมคุณก็ทำให้ฉันเวียนหัวด้วย ช่วยอยู่ห่างๆฉันด้วยค่ะ”

“เธอ…” ผู้หญิงคนนั้นหมดความอดทนและชี้นิ้วมาที่ มู่หรงเสวี่ย

มู่หรงเสวี่ยมองเธอด้วยสายตาเย็นชา หลังจากที่นิ่งอยู่สักพัก หญิงสาวก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงดูถูก “เป็นเพราะเธอไม่มีปัญญาซื้อสินะถึงไม่ให้ฉันแนะนำ ถ้าไม่มีเงินก็อย่ามาอวดรวย นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอจะมาโอ้อวด…” ไม่รู้ว่าเธอหมดความอดทนหรืออะไร บางทีอาจจะเป็นเพราะท่าทางที่ดูเด็กของมู่หรงเสวี่ย ขนาดลูกสาวของตระกูลดังในเมืองหลวงก็ยังเอาเงินร้อยล้านออกมาใช้ตามอำเภอใจไม่ได้เลย บางทีนี่อาจจะเป็นการแกล้งหลอกก็ได้ ยิ่งเธอคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร ก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น

มู่หรงเสวี่ยปิดเอกสารและพูดเสียงแผ่ว “ถ้าบริษัทของคุณปฏิบัติกับลูกค้าแบบนี้ ฉันก็ได้เรียนรู้แล้วล่ะ…”

“เธอมันลูกค้าที่ไหนก็แค่เด็กน้อย!” เธอไม่สนใจเพื่อนร่วมงานที่กำลังดึงแขนเสื้อเพื่อเตือนสติเลย แต่กลับพูดอย่างโกรธเกรี้ยวมากขึ้นไปอีก

มู่หรงเสวี่ยขี้เกียจเกินกว่าจะมาสนใจเธอ หรือทะเลาะกับเธอ มีแต่จะเสียเวลาจึงเปิดเอกสารและอ่านต่อ

“นี่เธอ โง่หรือไง?! โอ้เข้าใจแล้ว ฉันผิดเอง เธอถูกสินะ” เธอเห็นมู่หรงเสวี่ยไม่โต้ตอบอะไร จึงพูดออกมาอย่างรุนแรงมากขึ้นและน้ำเสียงของโกรธเกรี้ยวมากขึ้นด้วย
หลังจากนั้นสักพัก ชายวัยกลางคนและเสี่ยวชิงก็เดินออกมา ชายวัยกลางคนคือผู้จัดการหวู่ “เกิดอะไรขึ้น? นี่เธอกำลังทำอะไร?” ทันทีที่เขาได้ยินเสี่ยวชิงบอกว่ามีลูกค้ารายใหญ่ที่อยากจะซื้อวิลล่าราคาหลายร้อยล้านหยวน เขาก็ตื่นเต้นจนรีบเดินออกมาทันที

แต่เขาไม่คิดว่าจะมาได้ยินพนักงานตัวเองที่กำลังยืนด่าด้วยน้ำเสียงแบบนี้อยู่

เมื่อหญิงสาวเห็นว่าผู้จัดการเดินเข้ามา สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีพร้อมพูดกับผู้จัดการหวู่ด้วยน้ำเสียงประจบ “ผู้จัดการหวู่ อยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ?”

“เป็นอะไรของเธอ? ทำไมทำน้ำเสียงแบบนี้ในที่ทำงาน?” ใบหน้าของผู้จัดการหวู่เข้มขึ้น พนักงานหญิงหลายคนที่ยืนอยู่ข้างๆต่างก็ก้มหัวและไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก เวลาปกติผู้จัดการหวู่จะใจดีมาก มีบางคนที่แสดงสีหน้าเสียใจอยู่สักพัก

มู่หรงเสวี่ยปิดเอกสารและมองไปที่ผู้จัดการหวู่ที่อยู่ตรงหน้า เธอพูดออกมาเสียงเบา “ผู้จัดการหวู่ นี่เป็นสิ่งที่พนักงานในบริษัทของคุณปฏิบัติกับลูกค้าแบบนี้เหรอคะ?”

เสี่ยวชิงรีบกระซิบไปที่หูของผู้จัดการหวู่ทันที “เธอคือลูกค้าที่อยากจะซื้อวิลล่าค่ะ…”

ผู้จัดการหวู่ตกใจอยู่ชั่วครู่และรีบตอบสนองทันที เชารีบก้าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ขอโทษด้วยนะครับคุณผู้หญิง พนักงานในบริษัทของเราเหลวไหลไปหน่อย…”

มู่หรงเสวี่ยแสยะ “นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขได้ด้วยการพูดแบบนี้นะคะ เมื่อกี้ผู้หญิงคนนี้ยังชี้นิ้วด่าฉันอยู่เลย ผู้จัดการหวู่จะจัดการกับพนักงานคนนี้ยังไงดีคะ?”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของมู่หรงเสวี่ย สีหน้าของหญิงสาวก็เปลี่ยนไปและมองมาที่มู่หรงเสวี่ยด้วยสายตาโกรธแค้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+