ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 357 จะต้องมีความสุข

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 357 จะต้องมีความสุข at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 357

จะต้องมีความสุข

“ข้าขอโทษ ก็เจ้างดงามเหลือเกินจนข้าอดใจไม่ไหว” หลังจากที่เวลาผ่านไปนาน เฟิงจือหลิงจึงคลายริมฝีปากเขาออก แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“เจ้า เจ้าไม่เห็นหรือไงกันว่านี่มันที่ไหน?” มู่หรงเสวี่ยมองเขาด้วยสายตาละอายใจ

พวกเธอยังไม่ได้เข้าไปในบ้านเลยด้วยซ้ำ ยังยืนอยู่ที่หน้าประตูวิลล่าอยู่เลย แถมมีเหล่าทหารเดินตรวจตราไปมาอีก อยากตายหรือไงกัน

“ก็ปล่อยให้พวกเขาอิจฉากันไปสิ” เพิงจือหลิงพา มู่หรงเสวี่ยเข้าไปข้างใน

“ไม่ต้องเลย เจ้านี่ปากดีจริงๆเลยนะ” มู่หรงพูดพร้อมจ้องไปที่เขา

“ข้าก็พูดแบบนี้กับเจ้าเท่านั้นแหละ” เฟิงจือหลิงพูดอย่างจริงจัง

ขนาดมู่หรงเสวี่ยก็ยังต้านทานความหวานของเขาไม่ไหวและหน้าแดงด้วยความอายไปแล้ว

พอเขาได้เห็นใบหน้าที่เขินอายของเธอหัวใจก็ยิ่งเต้นรัวจนแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะรักเธอ

“ข้าอยากจะมอบงานแต่งงานที่สวยที่สุดให้กับเจ้า” เฟิงจือหลิงพูดอย่างจริงจัง

“ไว้ก่อน ข้าอยากให้พ่อกับแม่ของข้ามาเป็นพยานความสุขของเราด้วย” มู่หรงพูด

“ไม่ว่าข้าต้องรอนานแค่ไหน ต่อให้รอจนวันสุดท้ายของชีวิต ข้าก็จะอยู่กับเจ้า” เฟิงจือหลิงพูด

พวกเธอนั่งด้วยกันอยู่ที่โซฟา มู่หรงเอนพิงอยู่ที่แขนของเขาอย่างอ่อนโยน เพลิดเพลินไปกับความสงบที่หาได้ยาก

ที่สถาบันผลิตอาวุธตัวแรกออกมาแล้ว รวมทั้งปืนใหญ่และป้อมใหญ่ด้วย

ต่อไปการผลิตก็จะสมบูรณ์และแผนการร่วมดินแดนก็จะถูกดำเนินการ แต่สิ่งที่ดินแดนดำมืดยังขาดในตอนนี้คือกำลังคน

สิ่งที่พวกเธอกลัวที่สุดคือการร่วมมือกันโจมตีของทั้งสามดินแดน ถ้าเป็นแบบนั้นต่อให้ดินแดนดำมืดจะมีอาวุธที่ล้ำสมัยมากขนาดไหน เธอก็กลัวว่ามันจะทำให้เกิดการล้มตายเป็นจำนวนมากด้วย

รอบๆเมืองยังมีเมืองเล็กๆอีกมากมายซึ่งทั้งหมดต่างก็เป็นของดินแดนใหญ่ทั้งสาม

เป้าหมายของหลินหยางคือเอาชนะดินแดนเหล่านั้นให้ได้เพื่อเป็นการขยายฐานกำลังออกไป

แต่สิ่งสำคัญคือพวกเธอจะต้องมั่นใจเรื่องการเคลื่อนไหวของทั้งสามดินแดน

มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ได้เก่งเรื่องสงคราม แต่ถ้าเป็นเรื่องปัญหาทางเทคนิค เธอก็ยังพอจะช่วยได้บ้าง แต่พอเป็นเรื่องของสงคราม เธอทำได้เพียงแค่ภาวนา

แต่ด้วยอาวุธที่ทรงพลังก็ถือเป็นพื้นฐาน เธอเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่อะไร

“เสี่ยวเสวี่ย” เฟิงจือหลิงเรียกเธออย่างอ่อนโยน

“ว่าไง?” ปกติเขาจะเรียกเธอว่ามู่เทียนไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเปลี่ยนมาเรียกว่าเสี่ยวเสวี่ยล่ะ?!

เฟิงจือหลิงเปิดปากแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร

อันที่จริงเขารู้เรื่องที่มู่หรงเสวี่ยสูญเสียความทรงจำแล้ว

เขากลัวเรื่องความลับที่เก็บซ่อนอยู่ในหัวใจ ครั้งหนึ่งเสี่ยวเสวี่ยเคยบอกว่าเธอมีคนที่รักอยู่แล้ว แต่เพราะความสุขในตอนนี้ทำให้มันกลายเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะเอาเรื่องนี้ออกมาพูด

เขาเฝ้ากังวลอยู่ตลอดเวลาว่าจู่ๆเสี่ยวเสวี่ยจะฟื้นความทรงจำกลับมาได้ แล้วเธอจะเกลียดเขาหรือเปล่า?!

เขายอมรับเรื่องแบบนั้นไม่ได้ เขารักเธอ คงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ

เฟิงจือหลิงกอดมู่หรงแน่น “เสี่ยวเสวี่ยเจ้าชอบข้าบ้างหรือเปล่า?” แม้เพียงแค่เล็กน้อยเขาก็สบายใจแล้ว

มู่หรงเงยหน้าขึ้นมา “พูดอะไรไร้สาระ ในเมื่อข้าสัญญาแล้วว่าจะคบกับเจ้า ข้าก็ต้องชอบเจ้าสิ ตอนนี้อาจจะยังไม่ใช่ความรักที่ลึกซึ้งแต่สักวัน ข้าเชื่อว่าเราต้องรักกันอย่างลึกซึ้งแน่ๆ”

“ขอบคุณนะเสี่ยวเสวี่ย ถ้าข้ามีบางเรื่องที่ปิดบังเจ้าอยู่ เจ้าจะโกรธข้าไหม?” เมื่อถามออกไปแล้ว เฟิงจือหลิงก็กอด มู่หรงเสวี่ยแน่นขึ้นอีกหน่อยและดึงมู่หรงเสวี่ยเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเพื่อที่ทั้งสองจะได้แนบชิดกันมากขึ้นอีกหน่อย

“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเรื่องอะไร ถ้าเป็นเพราะความหวังดี ข้าก็คิดว่าตัวเองคงจะไม่โกรธหรอก” มู่หรงตอบเสียงเรียบแล้วจึงหันหน้าไปที่เขา “ทำไม เจ้ามีเรื่องอะไรที่ปิดบังข้าอยู่งั้นเหรอ?”

เฟิงจือหลิงรีบส่ายหัวทันที “เปล่า ไม่มีนะ”

มู่หรงไม่ได้สนใจ แค่สายตาแปลกๆของเฟิงจือหลิงก็ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า? หน้าตาเจ้าดูรู้สึกผิดมากเลยนะ”

เฟิงจือหลิงมองที่มู่หรง และความตื่นตระหนกในหัวใจก็กระจายออกไปเล็กน้อย เขารีบก้มหัวลงมาจูบริมฝีปากแดงระเรื่อของมู่หรงเสวี่ยทันที

จูบครั้งนี้ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนก่อนหน้านี้แต่กลับดุดันและร้อนแรง

“อ่า” มู่หรงเสวี่ยพึมพำ

ทันใดนั้นไฟร้อนก็เข้าโจมตีทันที

“ไม่…” มู่หรงเสวี่ยจับหน้าอกเขาด้วยมืออ่อนนุ่ม

เขาต้องการเธอ ทันใดนั้นเฟิงจือหลิงก็อุ้มมู่หรงลุกขึ้นและไปที่ท้องชั้นบน

มู่หรงแทบจะเข้าใจเจตนาของเฟิงจือหลิงได้ในทันที

หัวใจเธอกระสับกระส่ายและขัดขืนขึ้นมาเล็กน้อย “จือหลิง อย่านะ”

“เสี่ยวเสวี่ยข้ารักเจ้านะ!” สายตาของเฟิงจือหลิงเต็มไปด้วยความปรารถนา

ริมฝีปากของมู่หรงเสวี่ยช่างอ่อนนุ่มและหอมหวาน แก้มของเธอที่แดงระเรื่อยิ่งทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก

เฟิงจือหลิงกอดแน่นขึ้นไปอีก ดูเหมือนว่าจะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะได้ปลดปล่อยความเจ็บปวดของร่างกายนี้

มู่หรงส่ายหัว “ไม่นะจือหลิง”

เฟิงจือหลิงไม่พูดอะไร แต่ตรงเข้าไปเปิดประตูห้อง เดินเข้าไปพร้อมทั้งล็อกประตู แล้วจึงวางมู่หรงลงบนเตียงพร้อมทั้งตัวเขาที่ทับลงไปทั้งร่าง

มู่หรงพยายามที่จะถอยไปที่มุมของเตียง “จือหลิง เจ้ากำลังเมารึเปล่า”

เฟิงจือหลิงจะได้ยินเธอได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้ใจของเขาเฝ้าคิดถึงเรื่องที่เธออาจจะโกรธเขา เขากลัวมากและอยากทีจะคลายความตื่นตระหนกทางกายด้วยการทำแบบนี้

เฟิงจือหลิงตรงเข้ามาและจูบมู่หรงเสวี่ยทันที

“เสี่ยวเสวี่ยข้ารักเจ้า!” เขาพึมพำเสียงเบาในระหว่างที่จูบเธอ

“อ่า ไม่นะจือหลิง” น้ำเสียงของมู่หรงเองก็เต็มไปด้วยความปรารถนา ยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก

มือของเฟิงจือหลิงลูบไล้ไปทั่วร่างของมู่หรงเสวี่ยยิ่งช่วยเพิ่มเปลวไฟขึ้นไปอีก

“แควก” เสียงอีกเสื้อผ้า เผยให้เห็นผิวขาวนวลของมู่หรง

ผิวนวลละเอียดที่เปล่งประกายทำให้เฟิงจือหลิงสติหลุดทันที

เขากอดเธออย่างอ่อนโยนและสัมผัสที่อ่อนนุ่มทำให้เขาถึงกับถอนหายใจออกมา

ไม่นานหลังจากนั้นเสื้อผ้าของพวกเขาก็กระจายไปรอบเตียง สีผิวที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน ผิวที่โดนแสงแดดแผดเผามาของเฟิงจือหลิงแนบชิดพอดีกับมู่หรงเสวี่ย “เสี่ยวเสวี่ย ข้ารักเจ้า”

ที่หางตาของมู่หรงเสวี่ยมีน้ำตาใสๆหยดลงมา “จือหลิง อย่านะ”

เฟิงจือหลิงพยายามหยุดการกระทำของตัวเอง พร้อมมองไปที่มู่หรงจากมุมสูง “เสี่ยวเสวี่ยเป็นอะไรหรือเปล่า?”

มู่หรงเห็นเม็ดเหงื่อที่หน้าพร้อมด้วยดวงตาสีแดงเข้มของเขาได้อย่างชัดเจน

“เสี่ยวเสวี่ย เป็นอะไรหรือเปล่า?” ถึงแม้เฟิงจือหลิงจะรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก แต่เขาก็ไม่อยากที่จะบังคับเธอ ตราบใดที่เธอส่ายหัวและบอกว่าไม่ เขาก็จะหยุด

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกตื่นเต้น

“อืม!” เฟิงจือหลิงเปล่งเสียงอยู่ในลำคอ ร่างกายอดไม่ไหวที่จะลูบไล้ไปที่มู่หรง

“อ่า” ร่างกายที่มัวเมาทำให้อยากจะอ้าขาเปิดออก ทำให้มู่หรงอดไม่ได้ที่จะครางออกมาเสียงเบา

เฟิงจือหลิงไม่ได้รั้งรอรีบแนบชิดลงไปเพื่อจูบไปที่ มู่หรงเสวี่ย ความขวยเขินกระจายไปทั่ว การเคลื่อนไหวภายในห้องราวกับจังหวะของเสียงเพลง

เสี่ยวฉิงที่ยืนอยู่นอกประตูหน้าแดงระเรื่อไปด้วยความเขิน เธอกระทืบเท้า มือปิดหูและยืนอยู่ที่ประตู

เธอจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายชื่อเสียงของท่านหญิง ท่านเฟิง เขาทำแบบนี้ได้ยังไง?! โอ๊ย! พวกเขายังไม่ได้แต่งงานกันเลยนะ เธอกัดริมฝีปาก

มู่หรงเองที่อยู่ในห้องก็กำลังหลงทางอยู่ระหว่างโลกกับสวรรค์อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งหมดวันน้ำเสียงของเธอก็กลายเป็นแหบแห้งและหลังก็เจ็บไปหมดแล้ว

เมื่อเฟิงจือหลิงอดไม่ไหวอยากที่จะโจมตีอีกครั้ง เธอก็อดไม่ได้ที่จะยื่นเท้าออกไปเตะไว้ เฟิงจือหลิงหัวเราะออกมาพร้อมทั้งใช้มือจับเท้าเล็กบอบบางของเธอไว้

“เสี่ยวเสวี่ย เจ้านี่ช่างสวยเหลือเกิน!”

“ไปให้พ้นเลย!” มู่หรงเหล่ไปที่เขา เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่จะเป็นครั้งแรกของเขา และเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็มองไปที่เขาด้วยสายตาโหดร้าย

เธอนอนเอนไปกับเตียงไม่ขยับอย่างหมดแรง

“เสี่ยวเสวี่ย มาอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ” เฟิงจือหลิงเดินเข้ามาดึงมู่หรงขึ้นเผยให้เห็นรอยเขียวช้ำบนผิวขาวนวลของเธอซึ่งดูน่าตกใจมาก

เฟิงจือหลิงขมวดคิ้วและอดไม่ได้ที่จะโทษตัวเองที่รุนแรงและหยั้งตัวเองไม่อยู่

ในห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำซึ่งค่อนข้างที่จะทันสมัยอย่างมาก แม้แต่ระบบน้ำก็ยังเป็นแบบอัตโนมัติซึ่งสะดวกอย่างมาก

ขนาดตอนที่เฟิงจือหลิงเข้ามาใช้แรกๆ เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ช่างเป็นเครื่องมือที่วิเศษจริงๆ

มู่หรงเสวี่ยไม่อยากที่จะพูดอะไรทั้งนั้น เธอไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนเลย แต่ถามว่าเธอรู้สึกเสียใจหรือเปล่า?! ไม่เลย เพียงแต่ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอเพราะเธอไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด งั้นเกิดอะไรขึ้นกับความทรงจำที่หายไปของเธอ

มู่หรงเสวี่ยนวดขมับที่กำลังปวด

เฟิงจือหลิงมองสีหน้าของมู่หรงเสวี่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ตอนนี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ?! เธอจะเสียใจหรือเปล่าที่มีอะไรกับเขา?

ตอนนี้หัวใจของเธอจะกำลังรู้สึกไม่พอใจเขาอยู่หรือเปล่า? ยิ่งเฟิงจือหลิงคิดมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งรู้สึกตื่นตระหนกมากขึ้นด้วย “เสี่ยวเสวี่ย”

มู่หรงตกใจน้ำเสียงที่ตื่นตระหนกของเขา เธอลืมตาขึ้นมาและพูดออกมาว่า “มีอะไรเหรอ?”

“เสี่ยวเสวี่ย นี่เจ้า…?” เธอเกลียดเขาหรือเปล่า? ดวงตาของเฟิงจือหลิงแดงระเรื่อเล็กน้อย ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากำลังตื่นตระหนก

มู่หรงยื่นมือออกไปแตะที่หน้าเขาเล็กน้อย ความรู้สึกผิดที่กำลังโทษตัวเองของเขาแสดงออกมาในตอนนี้จนหมด

“นี่เจ้าคิดอะไรเนี่ย! ถ้าข้าไม่อยากทำ เจ้าคิดว่ามันจะเป็นไปได้งั้นเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยมองไปที่เขาด้วยความเขินอาย

เฟิงจือหลิงรู้สึกราวกับว่ามีดอกไม้บานอยู่กลางใจขึ้นมาทันทีและร่างกายของเขาก็รู้สึกอบอุ่นราวกับได้อาบแสงอาทิตย์ เขาเผยรอยยิ้มที่เพียงพอจะทำให้มู่หรงเสวี่ยหลงระเริงได้ออกมา “ข้ารักเจ้า เสี่ยวเสวี่ย!”

ประโยคนี้ดังก้องไปทั่วหัวใจของมู่หรง เธอพูดได้เลยว่าวันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดของเธอเลย “ข้ารู้” มู่หรงตอบเสียงเบา

ตอนนี้เขายังไม่สามารถที่จะตอบว่าเธอก็รับเขาได้แต่ความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจก็เป็นเรื่องจริงและเธอก็ชอบเขาด้วย เธอรู้สึกว่าพวกเธอคงจะต้องมีชีวิตที่มีความสุขแน่ๆ

หลังจากนั้นเฟิงจือหลิงก็ช่วยมู่หรงทำความสะอาดทุกส่วนของร่างกายด้วยความเชื่อใจและไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ

ตรงกันข้ามกับมู่หรงเสวี่ยที่หลับตาตลอดเวลาและแก้มเธอก็แดงระเรื่อจนเห็นถึงความเขินอายของเธอได้อย่างชัดเจน

กว่าที่พวกเธอจะกลับมาที่กลุ่มก็เป็นเช้าวันต่อมาแล้ว

เสี่ยวฉิงมองมู่หรงและดึงเธอออกมาที่มุมหนึ่งที่ไม่มีใครด้วยความไม่พอใจ

“นี่เจ้าเป็นบ้าหรือไง?” มู่หรงพูดด้วยรอยยิ้ม

“ท่านหญิง ข้าโกรธท่านมากเลยนะ!” เสี่ยวฉิงกระทืบเท้าและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจจริงๆ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 357 จะต้องมีความสุข

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 357 จะต้องมีความสุข at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 357

จะต้องมีความสุข

“ข้าขอโทษ ก็เจ้างดงามเหลือเกินจนข้าอดใจไม่ไหว” หลังจากที่เวลาผ่านไปนาน เฟิงจือหลิงจึงคลายริมฝีปากเขาออก แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“เจ้า เจ้าไม่เห็นหรือไงกันว่านี่มันที่ไหน?” มู่หรงเสวี่ยมองเขาด้วยสายตาละอายใจ

พวกเธอยังไม่ได้เข้าไปในบ้านเลยด้วยซ้ำ ยังยืนอยู่ที่หน้าประตูวิลล่าอยู่เลย แถมมีเหล่าทหารเดินตรวจตราไปมาอีก อยากตายหรือไงกัน

“ก็ปล่อยให้พวกเขาอิจฉากันไปสิ” เพิงจือหลิงพา มู่หรงเสวี่ยเข้าไปข้างใน

“ไม่ต้องเลย เจ้านี่ปากดีจริงๆเลยนะ” มู่หรงพูดพร้อมจ้องไปที่เขา

“ข้าก็พูดแบบนี้กับเจ้าเท่านั้นแหละ” เฟิงจือหลิงพูดอย่างจริงจัง

ขนาดมู่หรงเสวี่ยก็ยังต้านทานความหวานของเขาไม่ไหวและหน้าแดงด้วยความอายไปแล้ว

พอเขาได้เห็นใบหน้าที่เขินอายของเธอหัวใจก็ยิ่งเต้นรัวจนแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะรักเธอ

“ข้าอยากจะมอบงานแต่งงานที่สวยที่สุดให้กับเจ้า” เฟิงจือหลิงพูดอย่างจริงจัง

“ไว้ก่อน ข้าอยากให้พ่อกับแม่ของข้ามาเป็นพยานความสุขของเราด้วย” มู่หรงพูด

“ไม่ว่าข้าต้องรอนานแค่ไหน ต่อให้รอจนวันสุดท้ายของชีวิต ข้าก็จะอยู่กับเจ้า” เฟิงจือหลิงพูด

พวกเธอนั่งด้วยกันอยู่ที่โซฟา มู่หรงเอนพิงอยู่ที่แขนของเขาอย่างอ่อนโยน เพลิดเพลินไปกับความสงบที่หาได้ยาก

ที่สถาบันผลิตอาวุธตัวแรกออกมาแล้ว รวมทั้งปืนใหญ่และป้อมใหญ่ด้วย

ต่อไปการผลิตก็จะสมบูรณ์และแผนการร่วมดินแดนก็จะถูกดำเนินการ แต่สิ่งที่ดินแดนดำมืดยังขาดในตอนนี้คือกำลังคน

สิ่งที่พวกเธอกลัวที่สุดคือการร่วมมือกันโจมตีของทั้งสามดินแดน ถ้าเป็นแบบนั้นต่อให้ดินแดนดำมืดจะมีอาวุธที่ล้ำสมัยมากขนาดไหน เธอก็กลัวว่ามันจะทำให้เกิดการล้มตายเป็นจำนวนมากด้วย

รอบๆเมืองยังมีเมืองเล็กๆอีกมากมายซึ่งทั้งหมดต่างก็เป็นของดินแดนใหญ่ทั้งสาม

เป้าหมายของหลินหยางคือเอาชนะดินแดนเหล่านั้นให้ได้เพื่อเป็นการขยายฐานกำลังออกไป

แต่สิ่งสำคัญคือพวกเธอจะต้องมั่นใจเรื่องการเคลื่อนไหวของทั้งสามดินแดน

มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ได้เก่งเรื่องสงคราม แต่ถ้าเป็นเรื่องปัญหาทางเทคนิค เธอก็ยังพอจะช่วยได้บ้าง แต่พอเป็นเรื่องของสงคราม เธอทำได้เพียงแค่ภาวนา

แต่ด้วยอาวุธที่ทรงพลังก็ถือเป็นพื้นฐาน เธอเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่อะไร

“เสี่ยวเสวี่ย” เฟิงจือหลิงเรียกเธออย่างอ่อนโยน

“ว่าไง?” ปกติเขาจะเรียกเธอว่ามู่เทียนไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเปลี่ยนมาเรียกว่าเสี่ยวเสวี่ยล่ะ?!

เฟิงจือหลิงเปิดปากแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร

อันที่จริงเขารู้เรื่องที่มู่หรงเสวี่ยสูญเสียความทรงจำแล้ว

เขากลัวเรื่องความลับที่เก็บซ่อนอยู่ในหัวใจ ครั้งหนึ่งเสี่ยวเสวี่ยเคยบอกว่าเธอมีคนที่รักอยู่แล้ว แต่เพราะความสุขในตอนนี้ทำให้มันกลายเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะเอาเรื่องนี้ออกมาพูด

เขาเฝ้ากังวลอยู่ตลอดเวลาว่าจู่ๆเสี่ยวเสวี่ยจะฟื้นความทรงจำกลับมาได้ แล้วเธอจะเกลียดเขาหรือเปล่า?!

เขายอมรับเรื่องแบบนั้นไม่ได้ เขารักเธอ คงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ

เฟิงจือหลิงกอดมู่หรงแน่น “เสี่ยวเสวี่ยเจ้าชอบข้าบ้างหรือเปล่า?” แม้เพียงแค่เล็กน้อยเขาก็สบายใจแล้ว

มู่หรงเงยหน้าขึ้นมา “พูดอะไรไร้สาระ ในเมื่อข้าสัญญาแล้วว่าจะคบกับเจ้า ข้าก็ต้องชอบเจ้าสิ ตอนนี้อาจจะยังไม่ใช่ความรักที่ลึกซึ้งแต่สักวัน ข้าเชื่อว่าเราต้องรักกันอย่างลึกซึ้งแน่ๆ”

“ขอบคุณนะเสี่ยวเสวี่ย ถ้าข้ามีบางเรื่องที่ปิดบังเจ้าอยู่ เจ้าจะโกรธข้าไหม?” เมื่อถามออกไปแล้ว เฟิงจือหลิงก็กอด มู่หรงเสวี่ยแน่นขึ้นอีกหน่อยและดึงมู่หรงเสวี่ยเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเพื่อที่ทั้งสองจะได้แนบชิดกันมากขึ้นอีกหน่อย

“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเรื่องอะไร ถ้าเป็นเพราะความหวังดี ข้าก็คิดว่าตัวเองคงจะไม่โกรธหรอก” มู่หรงตอบเสียงเรียบแล้วจึงหันหน้าไปที่เขา “ทำไม เจ้ามีเรื่องอะไรที่ปิดบังข้าอยู่งั้นเหรอ?”

เฟิงจือหลิงรีบส่ายหัวทันที “เปล่า ไม่มีนะ”

มู่หรงไม่ได้สนใจ แค่สายตาแปลกๆของเฟิงจือหลิงก็ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า? หน้าตาเจ้าดูรู้สึกผิดมากเลยนะ”

เฟิงจือหลิงมองที่มู่หรง และความตื่นตระหนกในหัวใจก็กระจายออกไปเล็กน้อย เขารีบก้มหัวลงมาจูบริมฝีปากแดงระเรื่อของมู่หรงเสวี่ยทันที

จูบครั้งนี้ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนก่อนหน้านี้แต่กลับดุดันและร้อนแรง

“อ่า” มู่หรงเสวี่ยพึมพำ

ทันใดนั้นไฟร้อนก็เข้าโจมตีทันที

“ไม่…” มู่หรงเสวี่ยจับหน้าอกเขาด้วยมืออ่อนนุ่ม

เขาต้องการเธอ ทันใดนั้นเฟิงจือหลิงก็อุ้มมู่หรงลุกขึ้นและไปที่ท้องชั้นบน

มู่หรงแทบจะเข้าใจเจตนาของเฟิงจือหลิงได้ในทันที

หัวใจเธอกระสับกระส่ายและขัดขืนขึ้นมาเล็กน้อย “จือหลิง อย่านะ”

“เสี่ยวเสวี่ยข้ารักเจ้านะ!” สายตาของเฟิงจือหลิงเต็มไปด้วยความปรารถนา

ริมฝีปากของมู่หรงเสวี่ยช่างอ่อนนุ่มและหอมหวาน แก้มของเธอที่แดงระเรื่อยิ่งทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก

เฟิงจือหลิงกอดแน่นขึ้นไปอีก ดูเหมือนว่าจะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะได้ปลดปล่อยความเจ็บปวดของร่างกายนี้

มู่หรงส่ายหัว “ไม่นะจือหลิง”

เฟิงจือหลิงไม่พูดอะไร แต่ตรงเข้าไปเปิดประตูห้อง เดินเข้าไปพร้อมทั้งล็อกประตู แล้วจึงวางมู่หรงลงบนเตียงพร้อมทั้งตัวเขาที่ทับลงไปทั้งร่าง

มู่หรงพยายามที่จะถอยไปที่มุมของเตียง “จือหลิง เจ้ากำลังเมารึเปล่า”

เฟิงจือหลิงจะได้ยินเธอได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้ใจของเขาเฝ้าคิดถึงเรื่องที่เธออาจจะโกรธเขา เขากลัวมากและอยากทีจะคลายความตื่นตระหนกทางกายด้วยการทำแบบนี้

เฟิงจือหลิงตรงเข้ามาและจูบมู่หรงเสวี่ยทันที

“เสี่ยวเสวี่ยข้ารักเจ้า!” เขาพึมพำเสียงเบาในระหว่างที่จูบเธอ

“อ่า ไม่นะจือหลิง” น้ำเสียงของมู่หรงเองก็เต็มไปด้วยความปรารถนา ยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก

มือของเฟิงจือหลิงลูบไล้ไปทั่วร่างของมู่หรงเสวี่ยยิ่งช่วยเพิ่มเปลวไฟขึ้นไปอีก

“แควก” เสียงอีกเสื้อผ้า เผยให้เห็นผิวขาวนวลของมู่หรง

ผิวนวลละเอียดที่เปล่งประกายทำให้เฟิงจือหลิงสติหลุดทันที

เขากอดเธออย่างอ่อนโยนและสัมผัสที่อ่อนนุ่มทำให้เขาถึงกับถอนหายใจออกมา

ไม่นานหลังจากนั้นเสื้อผ้าของพวกเขาก็กระจายไปรอบเตียง สีผิวที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน ผิวที่โดนแสงแดดแผดเผามาของเฟิงจือหลิงแนบชิดพอดีกับมู่หรงเสวี่ย “เสี่ยวเสวี่ย ข้ารักเจ้า”

ที่หางตาของมู่หรงเสวี่ยมีน้ำตาใสๆหยดลงมา “จือหลิง อย่านะ”

เฟิงจือหลิงพยายามหยุดการกระทำของตัวเอง พร้อมมองไปที่มู่หรงจากมุมสูง “เสี่ยวเสวี่ยเป็นอะไรหรือเปล่า?”

มู่หรงเห็นเม็ดเหงื่อที่หน้าพร้อมด้วยดวงตาสีแดงเข้มของเขาได้อย่างชัดเจน

“เสี่ยวเสวี่ย เป็นอะไรหรือเปล่า?” ถึงแม้เฟิงจือหลิงจะรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก แต่เขาก็ไม่อยากที่จะบังคับเธอ ตราบใดที่เธอส่ายหัวและบอกว่าไม่ เขาก็จะหยุด

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกตื่นเต้น

“อืม!” เฟิงจือหลิงเปล่งเสียงอยู่ในลำคอ ร่างกายอดไม่ไหวที่จะลูบไล้ไปที่มู่หรง

“อ่า” ร่างกายที่มัวเมาทำให้อยากจะอ้าขาเปิดออก ทำให้มู่หรงอดไม่ได้ที่จะครางออกมาเสียงเบา

เฟิงจือหลิงไม่ได้รั้งรอรีบแนบชิดลงไปเพื่อจูบไปที่ มู่หรงเสวี่ย ความขวยเขินกระจายไปทั่ว การเคลื่อนไหวภายในห้องราวกับจังหวะของเสียงเพลง

เสี่ยวฉิงที่ยืนอยู่นอกประตูหน้าแดงระเรื่อไปด้วยความเขิน เธอกระทืบเท้า มือปิดหูและยืนอยู่ที่ประตู

เธอจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายชื่อเสียงของท่านหญิง ท่านเฟิง เขาทำแบบนี้ได้ยังไง?! โอ๊ย! พวกเขายังไม่ได้แต่งงานกันเลยนะ เธอกัดริมฝีปาก

มู่หรงเองที่อยู่ในห้องก็กำลังหลงทางอยู่ระหว่างโลกกับสวรรค์อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งหมดวันน้ำเสียงของเธอก็กลายเป็นแหบแห้งและหลังก็เจ็บไปหมดแล้ว

เมื่อเฟิงจือหลิงอดไม่ไหวอยากที่จะโจมตีอีกครั้ง เธอก็อดไม่ได้ที่จะยื่นเท้าออกไปเตะไว้ เฟิงจือหลิงหัวเราะออกมาพร้อมทั้งใช้มือจับเท้าเล็กบอบบางของเธอไว้

“เสี่ยวเสวี่ย เจ้านี่ช่างสวยเหลือเกิน!”

“ไปให้พ้นเลย!” มู่หรงเหล่ไปที่เขา เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่จะเป็นครั้งแรกของเขา และเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็มองไปที่เขาด้วยสายตาโหดร้าย

เธอนอนเอนไปกับเตียงไม่ขยับอย่างหมดแรง

“เสี่ยวเสวี่ย มาอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ” เฟิงจือหลิงเดินเข้ามาดึงมู่หรงขึ้นเผยให้เห็นรอยเขียวช้ำบนผิวขาวนวลของเธอซึ่งดูน่าตกใจมาก

เฟิงจือหลิงขมวดคิ้วและอดไม่ได้ที่จะโทษตัวเองที่รุนแรงและหยั้งตัวเองไม่อยู่

ในห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำซึ่งค่อนข้างที่จะทันสมัยอย่างมาก แม้แต่ระบบน้ำก็ยังเป็นแบบอัตโนมัติซึ่งสะดวกอย่างมาก

ขนาดตอนที่เฟิงจือหลิงเข้ามาใช้แรกๆ เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ช่างเป็นเครื่องมือที่วิเศษจริงๆ

มู่หรงเสวี่ยไม่อยากที่จะพูดอะไรทั้งนั้น เธอไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนเลย แต่ถามว่าเธอรู้สึกเสียใจหรือเปล่า?! ไม่เลย เพียงแต่ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอเพราะเธอไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด งั้นเกิดอะไรขึ้นกับความทรงจำที่หายไปของเธอ

มู่หรงเสวี่ยนวดขมับที่กำลังปวด

เฟิงจือหลิงมองสีหน้าของมู่หรงเสวี่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ตอนนี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ?! เธอจะเสียใจหรือเปล่าที่มีอะไรกับเขา?

ตอนนี้หัวใจของเธอจะกำลังรู้สึกไม่พอใจเขาอยู่หรือเปล่า? ยิ่งเฟิงจือหลิงคิดมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งรู้สึกตื่นตระหนกมากขึ้นด้วย “เสี่ยวเสวี่ย”

มู่หรงตกใจน้ำเสียงที่ตื่นตระหนกของเขา เธอลืมตาขึ้นมาและพูดออกมาว่า “มีอะไรเหรอ?”

“เสี่ยวเสวี่ย นี่เจ้า…?” เธอเกลียดเขาหรือเปล่า? ดวงตาของเฟิงจือหลิงแดงระเรื่อเล็กน้อย ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากำลังตื่นตระหนก

มู่หรงยื่นมือออกไปแตะที่หน้าเขาเล็กน้อย ความรู้สึกผิดที่กำลังโทษตัวเองของเขาแสดงออกมาในตอนนี้จนหมด

“นี่เจ้าคิดอะไรเนี่ย! ถ้าข้าไม่อยากทำ เจ้าคิดว่ามันจะเป็นไปได้งั้นเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยมองไปที่เขาด้วยความเขินอาย

เฟิงจือหลิงรู้สึกราวกับว่ามีดอกไม้บานอยู่กลางใจขึ้นมาทันทีและร่างกายของเขาก็รู้สึกอบอุ่นราวกับได้อาบแสงอาทิตย์ เขาเผยรอยยิ้มที่เพียงพอจะทำให้มู่หรงเสวี่ยหลงระเริงได้ออกมา “ข้ารักเจ้า เสี่ยวเสวี่ย!”

ประโยคนี้ดังก้องไปทั่วหัวใจของมู่หรง เธอพูดได้เลยว่าวันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดของเธอเลย “ข้ารู้” มู่หรงตอบเสียงเบา

ตอนนี้เขายังไม่สามารถที่จะตอบว่าเธอก็รับเขาได้แต่ความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจก็เป็นเรื่องจริงและเธอก็ชอบเขาด้วย เธอรู้สึกว่าพวกเธอคงจะต้องมีชีวิตที่มีความสุขแน่ๆ

หลังจากนั้นเฟิงจือหลิงก็ช่วยมู่หรงทำความสะอาดทุกส่วนของร่างกายด้วยความเชื่อใจและไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ

ตรงกันข้ามกับมู่หรงเสวี่ยที่หลับตาตลอดเวลาและแก้มเธอก็แดงระเรื่อจนเห็นถึงความเขินอายของเธอได้อย่างชัดเจน

กว่าที่พวกเธอจะกลับมาที่กลุ่มก็เป็นเช้าวันต่อมาแล้ว

เสี่ยวฉิงมองมู่หรงและดึงเธอออกมาที่มุมหนึ่งที่ไม่มีใครด้วยความไม่พอใจ

“นี่เจ้าเป็นบ้าหรือไง?” มู่หรงพูดด้วยรอยยิ้ม

“ท่านหญิง ข้าโกรธท่านมากเลยนะ!” เสี่ยวฉิงกระทืบเท้าและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจจริงๆ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+