ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 202 โอ้ พระเจ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 202 โอ้ พระเจ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 202 โอ้ พระเจ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย

หลังจากที่มาถึงฐานที่ดราก้อนพาวิลเลี่ยน มู่หรงเสวี่ยลงจากรถ แล้วเธอก็เห็นไฟหน้ารถของฮวงฟูอี้ แสงไฟส่องประกายจนเธอมองไม่เห็นคนที่อยู่ในรถแต่เธอก็รู้ว่าเป็นฮวงฟูอี้ที่อยู่ในรถ

เมื่อนึกขึ้นได้ว่าฮวงฟูอี้เพิ่งจะขับรถเข้ามาก่อนหน้านี้ มู่หรงเสวี่ยก็หันไปอีกด้านหนึ่งและเดินไปทางรถของฮวงฟูอี้

อย่างไรก็ตามสองนาทีต่อมา รถก็ยังจอดอยู่ที่ประตู ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ามู่หรงเสวี่ยแปลกใจหรือเปล่า แม้แต่พวกการ์ดที่อยู่ตรงประตูเองก็ยืนหลังตรงและรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที เมื่อกี้พวกเขาบังเอิญจามออกมาหรือเปล่า ผู้บัญชาการทหารสูงสุดจากด้านบนถึงได้มาตรวจพวกเขาแบบนี้เนี่ย?!!

หลงอี้ไม่รู้จะทำยังไงแต่ดราก้อนมาสเตอร์ก็ไม่ยอมลง เขาจะทำยังไงดีล่ะ? พวกการ์ดเด็กๆที่น่าสงสารนี่ก็กลัวกันหมดแล้ว
มู่หรงเสวี่ยลังเลอยู่สักพักแล้วก็เดินเข้าไปแล้วเคาะที่ประตู
ประกายแสงแวบขึ้นมาในสายตาของหลงอี้ รอดแล้ว!
เขาเลื่อนกระจกลง แกล้งทำเป็นจริงจังและถามออกมา “คุณมู่หรง มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ?” ไม่เอาน่า ด้วยความยินดี ถามผมมาเลย

“หลงอี้ ฉันมีเรื่องที่จะถามหน่อย นายพอจะมีเวลาหรือเปล่า?” มู่หรงเสวี่ยถาม
บ้าจริง! พระเจ้าอยากจะให้เขาตายหรือไง!!! คุณมู่หรงอยากจะรู้เรื่องอะไรเนี่ย?!!! ข้างหลังเขามีบรรยากาศเย็นๆลอยมาและทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าตัวเองไม่น่ามีชีวิตรอดได้ เมื่อหันไปมองสายตาอาฆาตของดราก้อนมาสเตอร์แล้วเขาก็เปิดปากพูดออกมาอย่างไม่ค่อยสะดวกใจ “คุณมู่หรง คุณ…คุณมาถามผิดคนหรือเปล่าครับ?” ดราก้อนมาสเตอร์อยู่ข้างหลังคุณนั่นไง!

“ฉันเฝ้าตามหานายมาตั้งหลายวันแล้วนะ! นายว่างเมื่อไรล่ะ?” มู่หรงเสวี่ยถาม
หัวใจของหลงอี้ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม นี่มันจังหวะหายนะชัดๆ ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงได้ว่าตัวเองเพิ่งจะบอกกับดราก้อนมาสเตอร์ถึงเห็นผลที่มู่หรงเสวี่ยเข้ามาที่ดราก้อนพาวิลเลี่ยนว่าเหมือนกับมาตามหาใครบางคน ตอนนี้คุณมู่หรงกลับมาพูดต่อหน้าดราก้อนมาสเตอร์ว่าเธอตามหาเขามาหลายวันแล้วอีก…เขารู้สึกว่าตัวเองต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงพรุ่งนี้แน่ๆ…หรือว่าเขาจะกลับไปเก็บงานแล้วมาลาออกดีล่ะ?!
แต่ถึงยังงั้นเขาก็ยังตอบออกไป “ครับ งั้นเดี๋ยวผมจะไปรอคุณที่ห้องประตูนะครับ”
“ออกรถ” เสียงเย็นชาของฮวงฟูอี้ดังขึ้นมาจากด้านหลังเขา
“ขอบคุณ” มู่หรงเสวี่ยมีเวลาที่จะพูดได้เพียงเท่านี้ แล้วก็เห็นรถเร่งเครื่องเข้าไปด้านในของฐาน
อย่างที่คิดไว้ว่าเขาแทบรอไม่ไหวที่จะให้ออกรถ
ครั้งหน้า, ครั้งหน้า เธอจะต้องพูดความในใจ
มู่หรงเสวี่ยก็เหมือนปกติที่ต้องมีการตรวจค้นก่อนที่จะได้เข้าไปในห้องวิจัยทางการแพทย์ในดราก้อนพาวิลเลี่ยน
“แม่หนู วันนี้ลาหยุดไม่ใช่เหรอ?” หมอมังกร 005 ถามออกไปอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นมู่หรงเสวี่ยเข้ามาดึกแบบนี้
“มีเรื่องฉุกเฉินไม่ใช่เหรอคะ?! ผู้บังคับบัญชาการบอกให้ฉันกลับมา…” มู่หรงเสวี่ยเองก็สงสัย

“ผู้บังคับบัญชาการงั้นเหรอ?” หมอมังกร 005 นึกถึงคำถามของผู้บังคับบัญชาการวันนี้ หรือจะเป็นเพราะเขาคิดว่าเด็กใหม่ต้องได้รับการฝึกให้มากขึ้นหรือเปล่านะ?! “ถ้าเป็นอย่างงั้นก็เข้ามาช่วยหน่อย” ถึงเวลาที่แม่หนูนี่จะได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่พวกศัตรูของดราก้อนมาสเตอร์ศึกษาแล้ว เดิมทีเรื่องพวกนี้มันจะยากเกินไป เขายังอยากที่จะปล่อยไปก่อนแล้วค่อยให้แม่หนูนี่ได้เรียนรู้ทีหลัง แต่ของพวกนั้นที่ศัตรูที่มีความสามารถสร้างขึ้นมามันก็เลวร้ายเกินไป เรายังต้องหาวิธีที่จะแก้ไขเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งความสามารถของมู่หรงเสวี่ยน่าจะเอามาช่วยได้มาก

“มากับฉัน…” หมอมังกร 005 พูดกับมู่หรงเสวี่ยที่เพิ่งจะเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อผ้าปลอดเชื้อเสร็จ

มู่หรงเสวี่ยคิดว่าเธอจะได้เข้าไปในห้องวิจัยเหมือนทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม ดร.005 พาเธอเข้าไปในอีกทางที่เธอไม่เคยเข้าไป เป็นทางเดินที่ยาวมากๆ และในระหว่างนั้นก็มีจุดตรวจประมาณ 10 จุดได้ซึ่งบอกได้เลยว่าได้รับการคุ้มกันที่แน่นหนามากๆ

เธอรู้สึกสงสัยมากว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหน เธอคิดว่างานของหมอมังกรก็คงจะเหมือนก่อนหน้านี้ที่ทำงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องเซลล์ที่เป็นโรคทุกๆวัน และคอยรักษาคนของดราก้อนพาวิลเลี่ยน

ในที่สุดหมอมังกร 005 ก็เดินมาถึงกำแพงหนึ่งและหยุดลง เขายื่นมือออกไปและกดนิ้วทั้งห้าของตัวเองลงไปที่กำแพง อุปกรณ์การเข้ารหัสเด้งขึ้นมาจากกำแพง หมอมังกร 005 รีบป้อนรหัสด้วยมืออีกข้าง เพียงแค่ครั้งเดียวมู่หรงเสวี่ยก็จำรหัสได้อย่างขึ้นใจ ยังไงซะเธอก็มีความสามารถเรื่องความจำอยู่แล้ว

เดิมทีมู่หรงเสวี่ยคิดว่าเธอจะสามารถเข้าไปได้ด้วยการใส่รหัส ไม่คิดเลยว่าเครื่องสแกนอีกตัวจะโผล่ขึ้นมาซึ่งเป็นการสแกนดวงตา เธอเห็นหมอมังกร 005 ยื่นดวงตาเข้าไปที่เครื่องสแกน หลังจากนั้นประมาณ 3 วินาทีที่หน้าจอก็ปรากฏคำขึ้นมาสองพยางค์: ถูกต้อง

แล้วกำแพงก็ค่อยๆแยกออกจากกันทั้งสองข้างอย่างช้าๆ เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างในซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่มู่หรงเสวี่ยคิดไว้อย่างสิ้นเชิง เธอคิดว่ามันจะเหมือนกับห้องวิจัยก่อนหน้านี้แต่ก็คงจะเป็นประเภทงานวิจัยคนละตัวกัน เธอไม่คิดว่าในห้องนี้จะมีห้องอีกมากกว่าสิบห้องซึ่งต่างก็ถูกปิดเอาไว้

ตรงกลางห้องโถงมีตัวควบคุมขนาดใหญ่ และในห้องต่างก็มีกล้องวงจรปิดด้วย มู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไปและดวงตาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นมาทันที เธอมองไปที่คนที่อยู่ในห้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ สิ่งที่แปลกคือทุกคนที่อยู่ในห้องไม่ดูเหมือนกับคนแต่เหมือนเป็นปีศาจมากกว่า

“นี่…เกิดอะไรขึ้น…” มู่หรงเสวี่ยหันหัวกลับมาถามหมอมังกร 005 สิ่งที่เธอเข้าใจเกี่ยวกับดราก้อนพาวิลเลี่ยนมันผิดงั้นเหรอ? เธออาจจะไม่ได้กำลังทำงานวิจัยธรรมดาๆ เพื่อทำให้คนพวกนี้เป็นแบบนี้

ดร. 005 ถอนหายใจ แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักใจ “คนพวกนี้คือของคนของเราในดราก้อนพาวิลเลี่ยน พวกเขาถูกคนขององค์กรอื่นจับตัวไปและฉีดไวรัสที่ไม่รู้จักเข้าไป ตอนนี้พวกคนที่ถูกขังอยู่ที่นี่คือคนที่เรายังหาวิธีช่วยเหลือไม่ได้จึงต้องถูกขังไว้ที่นี่ชั่วคราวก่อน…หน้าที่ของเราคือการช่วยพวกเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้…”

“องค์กรแบบไหนกันที่บ้าได้ขนาดนี้?!!” ไม่น่าให้อภัยเลย เธอเห็นผู้คนในห้องทั้งร้องตะโกนและพุ่งชนไปที่กำแพง ช่างเป็นเรื่องที่บ้าคลั่งมากๆ

“ในตอนนี้ดราก้อนพาวิลเลี่ยนกำลังพยายามที่จะหาว่าฐานของอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนแต่ะอีกฝ่ายก็ลึกลับอย่างมากและตัวตนก็ถูกปิดไว้อย่างมิดชิด ในตอนนี้ยังไม่มีเบาะแสอะไรเลย เราในฐานะหมอมังกรก็ทำได้เพียงเรื่องทางโลจิสติกส์และหาวิธีรักษาให้ดีที่สุด นี่เป็นภารกิจเร่งด่วนของเราในตอนนี้…”

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้า เพราะแบบนี้งานของหมอมังกรถึงต้องทำการตลอดทั้งคืน เธอเดินไปที่ประตูของห้องของพวกคนที่ติดเชื้อไวรัสที่ถุกกักขังอยู่ เธอสังเกตอาการของพวกเขาอย่างละเอียด มีอาการหลายอย่างที่เธอเองก็แทบจะไม่เคยเห็นมาก่อนเลย แล้วทันใดนั้นเธอก็เห็นคนหนึ่งที่แตกต่างจากคนอื่นในห้องอย่างชัดเจน ชายคนนั้นยืนพิงอยู่ที่มุม ผิวของเขาเป็นสีเทาเข้ม เล็บของเขาทั้งยาวและคม ดวงตาของเขาก็ดูโบ๋ เขาดูเหมือนซอมบี้เลย

มู่หรงเสวี่ยนึกถึงครั้งล่าสุดที่ถนนที่เธอขับรถชนกับชายคนนั้น เห็นได้ชัดว่าอาการของเขาคล้ายกับชายที่อยู่ตรงหน้าเธอแต่ไม่หนักขนาดนี้

“หัวหน้าแพทย์คะ ชายคนนั้นเป็นอะไร?” มู่หรงเสวี่ยชี้ไปที่ชายคนนั้นและถามออกมา

หมอมังกร 005 เดินเข้ามา “นี่เป็นรายที่หนักที่สุด ดูเหมือนว่าจะไม่มีสัญญาณของมนุษย์เหลืออยู่แล้วแต่ยังมีท่าทางเหมือนมนุษย์อยู่ ดูเหมือนจะไม่มีการโต้ตอบทางอารมณ์ นี่เป็นคนล่าสุดและในตอนนี้ก็ยังไม่มีวิธีรักษาพวกเขา”

“องค์กรที่ทำเป็นขององค์กรเดียวกันเหรอคะ?” มู่หรงขมวดคิ้วและถามออกมา

“ใช่ คนพวกนี้ถูกส่งออกไปเพื่อตามหาองค์กรนั้นและก็ถูกฉีดด้วยยาที่ยังไม่รู้ว่าคืออะไร…”

“วันก่อนฉันก็เจอคนที่มีลักษณะแบบนี้ที่ถนนแต่ดูเหมือนว่าการติดเชื้อจะยังไม่หนักเหมือนแบบนี้ มีเพียงอาการทางผิวหนังเท่านั้นและในตอนนั้นฉันก็ได้คุยกับเขาด้วย…”

สีหน้าของหมอมังกรเปลี่ยนไปอย่างมาก “เป็นไปได้ว่าถ้ามีคนแบบนั้นจริง เราก็คงจะแย่แน่ เราต้องควบคุมชายคนนั้นอย่างทันที นี่ติดต่อกันได้และเราต้องแจ้งหัวหน้าทันที…” เขาพูดในระหว่างที่กำลังเดินออกมา แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะเรียกมู่หรงเสวี่ย “เธอก็มาช่วยอธิบายด้วยกันสิ…”

ไม่ช้าพวกเขาก็มาพบกับหัวหน้าของหมอมังกร
“กัปตัน!”

“รีบร้อนอะไรกันเหรอ?” หัวหน้าทีมเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ 40 ในตอนนี้เขากำลังตรวจเอกสารข้อมูลอยู่ในห้องทำงานของหมอมังกร

“กัปตัน มีบางอย่างผิดปกติ รายล่าสุดที่ติดเชื้อ แม่หนูนี่เจอคนที่ติดเชื้อเหมือนกันที่ถนนด้วย…”

กัปตันวางเอกสารลง นวดไปที่หน้าผากและถามออกมา “เกิดอะไรขึ้น? อธิบายมาให้ละเอียด มันไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะตอนนี้ไม่มีสมาชิกของดราก้อนพาวิลเลี่ยนคนไหนที่หายตัวไปเลย…”

มู่หรงเสวี่ยเพิ่งจะฟังเรื่องผลที่ตามมาของหมอมังกร 005 ในตอนนี้สีหน้าของเธอเองก็เคร่งเครียด “เมื่อวานนี้เอง ฉันบังเอิญขับรถชนที่กลางเมือง ในตอนนั้นชายคนนั้นสลบไป ตอนที่ฉันกำลังช่วยเขา ฉันมองไปที่หน้าเขา ที่หน้าเขาครึ่งหนึ่งเป็นสีเทาและดำ ในตอนนั้นเราเองก็ขึ้นไปบนรถพยาบาลด้วยกันแต่ในระหว่างทางเขากลับฟื้นขึ้นมาและยืนยันที่จะลงจากรถ…แล้วเขาก็ลงจากรถไป…”

เธอหยุดแล้วก็เล่าต่อ “แต่ฉันมั่นใจเลยว่าในตอนนั้นสติของเขาสมบูรณ์ดี และไม่มีท่าทางอะไรที่ควบคุมไม่ได้เลย แล้วตอนที่เขาหมดสติฉันก็ตรวจชีพจรเขาด้วย ถึงแม้ชีพจรจะแปลกๆแต่มันก็ยังชัดเจนว่ามีสัญญาณการเต้นของหัวใจมนุษย์อยู่…”

หลังจากที่ฟัง กัปตันก็พูดออกมา “เราต้องจับตัวเขากลับมา ถ้าเขาเอาไปติดคนอื่นผลที่จะตามมาจะเลวร้ายแบบที่ถึงไม่ถึงเลย…”

มู่หรงเสวี่ยและดร.หรงต่างก็เคร่งเครียด

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 202 โอ้ พระเจ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 202 โอ้ พระเจ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 202 โอ้ พระเจ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย

หลังจากที่มาถึงฐานที่ดราก้อนพาวิลเลี่ยน มู่หรงเสวี่ยลงจากรถ แล้วเธอก็เห็นไฟหน้ารถของฮวงฟูอี้ แสงไฟส่องประกายจนเธอมองไม่เห็นคนที่อยู่ในรถแต่เธอก็รู้ว่าเป็นฮวงฟูอี้ที่อยู่ในรถ

เมื่อนึกขึ้นได้ว่าฮวงฟูอี้เพิ่งจะขับรถเข้ามาก่อนหน้านี้ มู่หรงเสวี่ยก็หันไปอีกด้านหนึ่งและเดินไปทางรถของฮวงฟูอี้

อย่างไรก็ตามสองนาทีต่อมา รถก็ยังจอดอยู่ที่ประตู ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ามู่หรงเสวี่ยแปลกใจหรือเปล่า แม้แต่พวกการ์ดที่อยู่ตรงประตูเองก็ยืนหลังตรงและรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที เมื่อกี้พวกเขาบังเอิญจามออกมาหรือเปล่า ผู้บัญชาการทหารสูงสุดจากด้านบนถึงได้มาตรวจพวกเขาแบบนี้เนี่ย?!!

หลงอี้ไม่รู้จะทำยังไงแต่ดราก้อนมาสเตอร์ก็ไม่ยอมลง เขาจะทำยังไงดีล่ะ? พวกการ์ดเด็กๆที่น่าสงสารนี่ก็กลัวกันหมดแล้ว
มู่หรงเสวี่ยลังเลอยู่สักพักแล้วก็เดินเข้าไปแล้วเคาะที่ประตู
ประกายแสงแวบขึ้นมาในสายตาของหลงอี้ รอดแล้ว!
เขาเลื่อนกระจกลง แกล้งทำเป็นจริงจังและถามออกมา “คุณมู่หรง มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ?” ไม่เอาน่า ด้วยความยินดี ถามผมมาเลย

“หลงอี้ ฉันมีเรื่องที่จะถามหน่อย นายพอจะมีเวลาหรือเปล่า?” มู่หรงเสวี่ยถาม
บ้าจริง! พระเจ้าอยากจะให้เขาตายหรือไง!!! คุณมู่หรงอยากจะรู้เรื่องอะไรเนี่ย?!!! ข้างหลังเขามีบรรยากาศเย็นๆลอยมาและทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าตัวเองไม่น่ามีชีวิตรอดได้ เมื่อหันไปมองสายตาอาฆาตของดราก้อนมาสเตอร์แล้วเขาก็เปิดปากพูดออกมาอย่างไม่ค่อยสะดวกใจ “คุณมู่หรง คุณ…คุณมาถามผิดคนหรือเปล่าครับ?” ดราก้อนมาสเตอร์อยู่ข้างหลังคุณนั่นไง!

“ฉันเฝ้าตามหานายมาตั้งหลายวันแล้วนะ! นายว่างเมื่อไรล่ะ?” มู่หรงเสวี่ยถาม
หัวใจของหลงอี้ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม นี่มันจังหวะหายนะชัดๆ ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงได้ว่าตัวเองเพิ่งจะบอกกับดราก้อนมาสเตอร์ถึงเห็นผลที่มู่หรงเสวี่ยเข้ามาที่ดราก้อนพาวิลเลี่ยนว่าเหมือนกับมาตามหาใครบางคน ตอนนี้คุณมู่หรงกลับมาพูดต่อหน้าดราก้อนมาสเตอร์ว่าเธอตามหาเขามาหลายวันแล้วอีก…เขารู้สึกว่าตัวเองต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงพรุ่งนี้แน่ๆ…หรือว่าเขาจะกลับไปเก็บงานแล้วมาลาออกดีล่ะ?!
แต่ถึงยังงั้นเขาก็ยังตอบออกไป “ครับ งั้นเดี๋ยวผมจะไปรอคุณที่ห้องประตูนะครับ”
“ออกรถ” เสียงเย็นชาของฮวงฟูอี้ดังขึ้นมาจากด้านหลังเขา
“ขอบคุณ” มู่หรงเสวี่ยมีเวลาที่จะพูดได้เพียงเท่านี้ แล้วก็เห็นรถเร่งเครื่องเข้าไปด้านในของฐาน
อย่างที่คิดไว้ว่าเขาแทบรอไม่ไหวที่จะให้ออกรถ
ครั้งหน้า, ครั้งหน้า เธอจะต้องพูดความในใจ
มู่หรงเสวี่ยก็เหมือนปกติที่ต้องมีการตรวจค้นก่อนที่จะได้เข้าไปในห้องวิจัยทางการแพทย์ในดราก้อนพาวิลเลี่ยน
“แม่หนู วันนี้ลาหยุดไม่ใช่เหรอ?” หมอมังกร 005 ถามออกไปอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นมู่หรงเสวี่ยเข้ามาดึกแบบนี้
“มีเรื่องฉุกเฉินไม่ใช่เหรอคะ?! ผู้บังคับบัญชาการบอกให้ฉันกลับมา…” มู่หรงเสวี่ยเองก็สงสัย

“ผู้บังคับบัญชาการงั้นเหรอ?” หมอมังกร 005 นึกถึงคำถามของผู้บังคับบัญชาการวันนี้ หรือจะเป็นเพราะเขาคิดว่าเด็กใหม่ต้องได้รับการฝึกให้มากขึ้นหรือเปล่านะ?! “ถ้าเป็นอย่างงั้นก็เข้ามาช่วยหน่อย” ถึงเวลาที่แม่หนูนี่จะได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่พวกศัตรูของดราก้อนมาสเตอร์ศึกษาแล้ว เดิมทีเรื่องพวกนี้มันจะยากเกินไป เขายังอยากที่จะปล่อยไปก่อนแล้วค่อยให้แม่หนูนี่ได้เรียนรู้ทีหลัง แต่ของพวกนั้นที่ศัตรูที่มีความสามารถสร้างขึ้นมามันก็เลวร้ายเกินไป เรายังต้องหาวิธีที่จะแก้ไขเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งความสามารถของมู่หรงเสวี่ยน่าจะเอามาช่วยได้มาก

“มากับฉัน…” หมอมังกร 005 พูดกับมู่หรงเสวี่ยที่เพิ่งจะเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อผ้าปลอดเชื้อเสร็จ

มู่หรงเสวี่ยคิดว่าเธอจะได้เข้าไปในห้องวิจัยเหมือนทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม ดร.005 พาเธอเข้าไปในอีกทางที่เธอไม่เคยเข้าไป เป็นทางเดินที่ยาวมากๆ และในระหว่างนั้นก็มีจุดตรวจประมาณ 10 จุดได้ซึ่งบอกได้เลยว่าได้รับการคุ้มกันที่แน่นหนามากๆ

เธอรู้สึกสงสัยมากว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหน เธอคิดว่างานของหมอมังกรก็คงจะเหมือนก่อนหน้านี้ที่ทำงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องเซลล์ที่เป็นโรคทุกๆวัน และคอยรักษาคนของดราก้อนพาวิลเลี่ยน

ในที่สุดหมอมังกร 005 ก็เดินมาถึงกำแพงหนึ่งและหยุดลง เขายื่นมือออกไปและกดนิ้วทั้งห้าของตัวเองลงไปที่กำแพง อุปกรณ์การเข้ารหัสเด้งขึ้นมาจากกำแพง หมอมังกร 005 รีบป้อนรหัสด้วยมืออีกข้าง เพียงแค่ครั้งเดียวมู่หรงเสวี่ยก็จำรหัสได้อย่างขึ้นใจ ยังไงซะเธอก็มีความสามารถเรื่องความจำอยู่แล้ว

เดิมทีมู่หรงเสวี่ยคิดว่าเธอจะสามารถเข้าไปได้ด้วยการใส่รหัส ไม่คิดเลยว่าเครื่องสแกนอีกตัวจะโผล่ขึ้นมาซึ่งเป็นการสแกนดวงตา เธอเห็นหมอมังกร 005 ยื่นดวงตาเข้าไปที่เครื่องสแกน หลังจากนั้นประมาณ 3 วินาทีที่หน้าจอก็ปรากฏคำขึ้นมาสองพยางค์: ถูกต้อง

แล้วกำแพงก็ค่อยๆแยกออกจากกันทั้งสองข้างอย่างช้าๆ เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างในซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่มู่หรงเสวี่ยคิดไว้อย่างสิ้นเชิง เธอคิดว่ามันจะเหมือนกับห้องวิจัยก่อนหน้านี้แต่ก็คงจะเป็นประเภทงานวิจัยคนละตัวกัน เธอไม่คิดว่าในห้องนี้จะมีห้องอีกมากกว่าสิบห้องซึ่งต่างก็ถูกปิดเอาไว้

ตรงกลางห้องโถงมีตัวควบคุมขนาดใหญ่ และในห้องต่างก็มีกล้องวงจรปิดด้วย มู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไปและดวงตาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นมาทันที เธอมองไปที่คนที่อยู่ในห้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ สิ่งที่แปลกคือทุกคนที่อยู่ในห้องไม่ดูเหมือนกับคนแต่เหมือนเป็นปีศาจมากกว่า

“นี่…เกิดอะไรขึ้น…” มู่หรงเสวี่ยหันหัวกลับมาถามหมอมังกร 005 สิ่งที่เธอเข้าใจเกี่ยวกับดราก้อนพาวิลเลี่ยนมันผิดงั้นเหรอ? เธออาจจะไม่ได้กำลังทำงานวิจัยธรรมดาๆ เพื่อทำให้คนพวกนี้เป็นแบบนี้

ดร. 005 ถอนหายใจ แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักใจ “คนพวกนี้คือของคนของเราในดราก้อนพาวิลเลี่ยน พวกเขาถูกคนขององค์กรอื่นจับตัวไปและฉีดไวรัสที่ไม่รู้จักเข้าไป ตอนนี้พวกคนที่ถูกขังอยู่ที่นี่คือคนที่เรายังหาวิธีช่วยเหลือไม่ได้จึงต้องถูกขังไว้ที่นี่ชั่วคราวก่อน…หน้าที่ของเราคือการช่วยพวกเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้…”

“องค์กรแบบไหนกันที่บ้าได้ขนาดนี้?!!” ไม่น่าให้อภัยเลย เธอเห็นผู้คนในห้องทั้งร้องตะโกนและพุ่งชนไปที่กำแพง ช่างเป็นเรื่องที่บ้าคลั่งมากๆ

“ในตอนนี้ดราก้อนพาวิลเลี่ยนกำลังพยายามที่จะหาว่าฐานของอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนแต่ะอีกฝ่ายก็ลึกลับอย่างมากและตัวตนก็ถูกปิดไว้อย่างมิดชิด ในตอนนี้ยังไม่มีเบาะแสอะไรเลย เราในฐานะหมอมังกรก็ทำได้เพียงเรื่องทางโลจิสติกส์และหาวิธีรักษาให้ดีที่สุด นี่เป็นภารกิจเร่งด่วนของเราในตอนนี้…”

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้า เพราะแบบนี้งานของหมอมังกรถึงต้องทำการตลอดทั้งคืน เธอเดินไปที่ประตูของห้องของพวกคนที่ติดเชื้อไวรัสที่ถุกกักขังอยู่ เธอสังเกตอาการของพวกเขาอย่างละเอียด มีอาการหลายอย่างที่เธอเองก็แทบจะไม่เคยเห็นมาก่อนเลย แล้วทันใดนั้นเธอก็เห็นคนหนึ่งที่แตกต่างจากคนอื่นในห้องอย่างชัดเจน ชายคนนั้นยืนพิงอยู่ที่มุม ผิวของเขาเป็นสีเทาเข้ม เล็บของเขาทั้งยาวและคม ดวงตาของเขาก็ดูโบ๋ เขาดูเหมือนซอมบี้เลย

มู่หรงเสวี่ยนึกถึงครั้งล่าสุดที่ถนนที่เธอขับรถชนกับชายคนนั้น เห็นได้ชัดว่าอาการของเขาคล้ายกับชายที่อยู่ตรงหน้าเธอแต่ไม่หนักขนาดนี้

“หัวหน้าแพทย์คะ ชายคนนั้นเป็นอะไร?” มู่หรงเสวี่ยชี้ไปที่ชายคนนั้นและถามออกมา

หมอมังกร 005 เดินเข้ามา “นี่เป็นรายที่หนักที่สุด ดูเหมือนว่าจะไม่มีสัญญาณของมนุษย์เหลืออยู่แล้วแต่ยังมีท่าทางเหมือนมนุษย์อยู่ ดูเหมือนจะไม่มีการโต้ตอบทางอารมณ์ นี่เป็นคนล่าสุดและในตอนนี้ก็ยังไม่มีวิธีรักษาพวกเขา”

“องค์กรที่ทำเป็นขององค์กรเดียวกันเหรอคะ?” มู่หรงขมวดคิ้วและถามออกมา

“ใช่ คนพวกนี้ถูกส่งออกไปเพื่อตามหาองค์กรนั้นและก็ถูกฉีดด้วยยาที่ยังไม่รู้ว่าคืออะไร…”

“วันก่อนฉันก็เจอคนที่มีลักษณะแบบนี้ที่ถนนแต่ดูเหมือนว่าการติดเชื้อจะยังไม่หนักเหมือนแบบนี้ มีเพียงอาการทางผิวหนังเท่านั้นและในตอนนั้นฉันก็ได้คุยกับเขาด้วย…”

สีหน้าของหมอมังกรเปลี่ยนไปอย่างมาก “เป็นไปได้ว่าถ้ามีคนแบบนั้นจริง เราก็คงจะแย่แน่ เราต้องควบคุมชายคนนั้นอย่างทันที นี่ติดต่อกันได้และเราต้องแจ้งหัวหน้าทันที…” เขาพูดในระหว่างที่กำลังเดินออกมา แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะเรียกมู่หรงเสวี่ย “เธอก็มาช่วยอธิบายด้วยกันสิ…”

ไม่ช้าพวกเขาก็มาพบกับหัวหน้าของหมอมังกร
“กัปตัน!”

“รีบร้อนอะไรกันเหรอ?” หัวหน้าทีมเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ 40 ในตอนนี้เขากำลังตรวจเอกสารข้อมูลอยู่ในห้องทำงานของหมอมังกร

“กัปตัน มีบางอย่างผิดปกติ รายล่าสุดที่ติดเชื้อ แม่หนูนี่เจอคนที่ติดเชื้อเหมือนกันที่ถนนด้วย…”

กัปตันวางเอกสารลง นวดไปที่หน้าผากและถามออกมา “เกิดอะไรขึ้น? อธิบายมาให้ละเอียด มันไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะตอนนี้ไม่มีสมาชิกของดราก้อนพาวิลเลี่ยนคนไหนที่หายตัวไปเลย…”

มู่หรงเสวี่ยเพิ่งจะฟังเรื่องผลที่ตามมาของหมอมังกร 005 ในตอนนี้สีหน้าของเธอเองก็เคร่งเครียด “เมื่อวานนี้เอง ฉันบังเอิญขับรถชนที่กลางเมือง ในตอนนั้นชายคนนั้นสลบไป ตอนที่ฉันกำลังช่วยเขา ฉันมองไปที่หน้าเขา ที่หน้าเขาครึ่งหนึ่งเป็นสีเทาและดำ ในตอนนั้นเราเองก็ขึ้นไปบนรถพยาบาลด้วยกันแต่ในระหว่างทางเขากลับฟื้นขึ้นมาและยืนยันที่จะลงจากรถ…แล้วเขาก็ลงจากรถไป…”

เธอหยุดแล้วก็เล่าต่อ “แต่ฉันมั่นใจเลยว่าในตอนนั้นสติของเขาสมบูรณ์ดี และไม่มีท่าทางอะไรที่ควบคุมไม่ได้เลย แล้วตอนที่เขาหมดสติฉันก็ตรวจชีพจรเขาด้วย ถึงแม้ชีพจรจะแปลกๆแต่มันก็ยังชัดเจนว่ามีสัญญาณการเต้นของหัวใจมนุษย์อยู่…”

หลังจากที่ฟัง กัปตันก็พูดออกมา “เราต้องจับตัวเขากลับมา ถ้าเขาเอาไปติดคนอื่นผลที่จะตามมาจะเลวร้ายแบบที่ถึงไม่ถึงเลย…”

มู่หรงเสวี่ยและดร.หรงต่างก็เคร่งเครียด

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+