ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 284 ชายหนุ่มนี่เรื่องมากจริงๆ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 284 ชายหนุ่มนี่เรื่องมากจริงๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 284

ชายหนุ่มนี่เรื่องมากจริงๆ

“นี่เจ้าจะหมายความว่าสายตาข้าผิดพลาดงั้นเหรอ นี่เจ้าอยากจะตายใช่ไหม?” สีหน้าและน้ำเสียงขององค์ชายสามเย็นชาอย่างมาก

“นายท่าน ข้าไม่ได้หมายความยังงั้นเลยนะขอรับ” องครักษ์หมอบลงกับพื้นและร่างกายของเขาก็เกร็งและสั่นเทิ้ม ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าสายตาสีม่วงขององค์ชายสามน่ากลัวมากแค่ไหน!

“ลุกขึ้น! ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรต่อแล้ว!” องค์ชายสามโบกมืออย่างเหนื่อยอ่อน

“ขอรับ” องครักษ์ลุกขึ้นและไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่ออีก

มู่หรงเสวี่ยเดินออกไปไกล มองไปรอบๆอย่างระวังเมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงนั่งลงไขว้ขา พยายามจะรวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณของร่างกายแต่ก็ไม่มีอะไรเคลื่อนไหวเลยสักอย่าง พลังแห่งจิตวิญญาณทั่วทั้งร่างกายของเธอดูเหมือนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนไปและใบหน้าเธอก็เริ่มที่จะเคร่งขรึม เธอจะสูญเสียพลังแห่งจิตวิญญาณไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะตามหาพ่อแม่และช่วยหลินหนานกับคนอื่นๆได้ยังไงล่ะ

เธอพยายามอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้น มันดูเหมือนมีอะไรบ้างอย่างที่ปิดกั้นเธอไว้ เธอใช้พลังแห่งจิตวิญญาณของตัวเองไม่ได้เลยสักนิด อย่างไรก็ตาม เรื่องเดียวที่ช่วยปลอบใจเธอได้คือเธอยังมีพลังแห่งจิตวิญญาณในตันเทียนอยู่แต่เธอยังใช้มันไม่ได้

เธอลุกขึ้นและมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตที่ไหนเลย เหมือนอย่างที่องค์ชายสามพูด ด้วยพลังของเธอตอนนี้ เธอไม่มีทางออกไปจากป่าไร้ขอบเขตได้เองแน่ๆ เพียงแค่มองแวบเดียวเธอก็เห็นได้เลยว่ามันไม่มีขอบเขตเลย

มู่หรงเสวี่ยหยิบผลไม้ออกมาจากมิติลับ กัดกินและเดินกลับไป เธอรู้ได้ในทันทีว่าออร่าในผลไม้พุ่งกลับไปที่ลมปราณทันทีที่เธอกลืนมันเข้าไปโดยไม่มีร่องรอยอะไรเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอกับสถานการณ์แบบนี้ เธอสงสัยว่าเสี่ยวไป๋จะรู้ไหมว่าทำไม

หลังจากนั้นสักพักมู่หรงเสวี่ยก็กลับมาถึงจุดที่รถม้าจอดอยู่ องค์ชายสามยังนั่งอยู่ที่สนาม เธอเดินเข้าไปและยื่นผลไม้ในมือให้ “ข้าเจอที่ถนน”

องค์ชายสามมองมาที่เธอ รับผลไม้มาและกำลังที่จะกัด

องครักษ์ที่อยู่ข้างๆเขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมทั้งหยิบเข็มเงินออกมา “นายท่าน กรุณาให้ข้าได้ทดสอบก่อนที่ท่านจะกินเถอะ!”

มู่หรงอ้าปากค้างเล็กน้อย นี่ยังคิดว่าเธอจะวางยาเขาอีกงั้นเหรอ?!!

องค์ชายสามมองมาที่เขา

มู่หรงกลอกตา “ไม่ต้องกิน เอาคืนมาให้ข้า!” ไม่เห็นความดีกันบ้างเลย!

แต่เรื่องนี้ก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้ ถึงแม้เธอจะไม่คุ้นเคยกับเรื่องของราชวงศ์แต่มันก็คงจะไม่แย่เท่าไร

องค์ชายสามเลี่ยงมือของมู่เทียนที่อยากจะเอาผลไม้คืน และแทนที่จะรับเข็มเงินมาจากองครักษ์แต่เขากลับกัดลงไปที่ผลไม้แทน เขารู้สึกได้ถึงความหวานของผลไม้ที่อยู่ในปากและทั่วทั้งร่างกายของเขาก็รู้สึกอบอุ่นสบายขึ้นมาทันที

“นายท่าน!” สีหน้าขององครักษ์เปลี่ยนไปและร้องออกมาด้วยความตกใจ!

องค์ชายสามโบกมือ “ถอยไป!”

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กินผลไม้ที่รสชาติอร่อยขนาดนี้ เขาหันหัวกลับไปถามมู่เทียน “เก็บผลไม้นี่มาจากไหน?”

“ในป่าข้างหน้านั่น!” หลังจากที่เงียบไปสักพัก เธอก็เหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดต่อ “ไม่ต้องไปหาหรอก ข้าเห็นมีแค่สองลูกเองแล้วข้าก็กินไปแล้วลูกหนึ่งด้วย…”

องค์ชายสามจ้องมาที่เธอด้วยสายตาเย็นชาราวกับว่าเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามู่เทียนโกหก

ยังไงซะเธอก็ไม่ได้เสียอะไร ถ้าเขาไม่ได้สัญญาว่าจะช่วยเธอตามหาเฟิงจือหลิงนะ เธอก็คงไม่รนหาเรื่องโดยการเอาผลไม้ที่บรรจุไปด้วยออร่าให้เขาหรอก

นี่ก็เริ่มที่จะมืดแล้ว พวกองครักษ์ก่อกองไฟและนั่งล้อมรอบรถไม้ไว้ แม้แต่ยุงสักตัวก็ยังบินผ่านเข้ามาไม่ได้ มู่หรงเสวี่ยและองค์ชายสามเข้าไปนั่งอยู่ในรถม้าเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่ที่รถม้าใหญ่พอสำหรับสองคนที่จะนอนได้ทั้งสองข้าง แน่นอนว่ามันคงไม่สบายเหมือนกับการนอนที่บ้าน เพราะถ้าพลิกตัวนิดเดียวก็อาจจะตกลงมาได้แล้ว

มู่หรงนอนไม่หลับ ความกดดันในจิตใจมันหนักหนามากกว่าความเหนื่อยล้าทางร่างกาย

“เจ้าจะไม่นอนหรือไง?” องค์ชายสามอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาหลังจากที่มู่เทียนพลิกตัวไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

“ขอโทษนะ ข้ารบกวนเจ้าหรือเปล่า? ข้าจะออกไปข้างนอกแล้วกัน” มู่หรงพูดอย่างขอโทษ

“ข้างนอกหนาวจะตาย เจ้าอยากจะไม่สบายหรือไง? อยู่นี่แหละ…”

“ขอบคุณนะ” มู่หรงพูดอย่างรู้สึกขอบคุณ

เมื่อพูดเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกว่านิสัยขององค์ชายสามก็ดีกว่าตระกูลราชวงศ์อื่นๆที่เธอเคยเจอมาก ถึงแม้จะไม่ได้อ่อนโยนมากแต่อย่างน้อยเขาก็ยังช่วยเธอ

“นอนซะเถอะ แล้วก็สบายใจได้เลยว่าถ้าเพื่อนของเจ้าอยู่ในป่าไร้ขอบเขตนี่ ยังไงก็ต้องหาเขาเจอ”

ฮ่า-ฮ่า! อย่างที่คิดไว้เลย เขาเป็นเจ้าชายที่หน้าตาเย็นชาแต่หัวใจอบอุ่นอย่างมาก มู่หรงเสวี่ยหัวเราะและพูดออกมาว่า “อืม! นอนล่ะ”

ค้ำคืนที่ไร้ซึ่งความฝัน

หลังจากรุ่งสาง มู่หรงเสวี่ยนวดไปที่ไหล่เพราะที่นอนที่ไม่ค่อยสบาย

“นี่คุณชาย ข้าทนไม่ไหวแล้วนะ!” องค์ชายสามพูดอย่างประชดประชัน

การนวดไหล่ตัวเองก็ทำให้เขาไม่พอใจได้งั้นเหรอเนี่ย แต่มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรจึงไม่อยากที่จะต่อปากต่อคำด้วย

“เสื้อผ้าของเจ้าสกปรกไปหมดเลย! งั้นก็เอาเสื้อผ้าข้าแล้วไปอาบน้ำที่แม่น้ำซะ” องค์ชายสามหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากถุงตาข่ายสีเข้มแล้วส่งให้มู่เทียน

มู่หรงถามพร้อมทั้งรีบโบกมืออย่างเร็ว “ไม่ ไม่ต้อง! ไม่เอา ข้าไม่ต้องใช้หรอก…”

ใบหน้าขององค์ชายสามเย็นชา “เร็วเข้า!”

“ไม่เอา!” เธอเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย จะให้เธอไปอาบน้ำที่แม่น้ำได้ยังไงล่ะ?! ข้างนอกก็มีทหารอยู่เป็นร้อย จะให้เธอไปอาบน้ำต่อหน้าพวกเขาได้ยังไง?!!

“ไม่รังเกียจหรือไง?! ข้าไม่สนใจหรอกนะว่าเจ้าจะชอบความสกปรกหรือเปล่า แต่เจ้าจะมาสกปรกในรถม้าข้าไม่ได้! เข้าใจไหม? เร็วเข้า…” องค์ชายสามมองไปที่เขาและเอาเสื้อผ้าใส่ลงไปในมือมู่เทียน

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่เสื้อผ้าในมืออย่างขมขื่น เธอรู้สึกไม่สบายตัวจริงๆนะแหละแต่ว่า

“ยังอีก!” องค์ชายสามพูดอย่างเย็นชา!

“ข้าไม่ชอบให้คนอื่นมองเวลาที่อาบน้ำ…” มู่หรงเสวี่ยพูด

“เจ้านี่เป็นผู้ชายที่เรื่องมากจริงๆ เจ้าเรื่องมากมากกว่าข้าอีก”

“ข้าก็ไม่ได้ทำให้ใครตายนิ!” มู่หรงพูด เรื่องมากงั้นเหรอ ก็เธอไม่ใช่ผู้ชายนี่!

องค์ชายสามนวดที่ขมับที่รู้สึกปวด เขารู้สึกว่าตัวเองรับตัวปัญหาขึ้นรถมาซะแล้ว

มู่หรงรู้สึกรำคาญสายตาเย็นชาของเขา “มองข้าแบบนี้อีกแล้วนะ!”

“ถ้าเจ้าไม่อาบน้ำงั้นก็ออกไปจากรถ! ไปเดินตามพวกองครักษ์! คิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนกันเนี่ย?!”

แต่! ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย! “ได้เลย ได้เลย!” มู่หรงวางเสื้อผ้าลงและตรงออกจากรถไป ตอนนี้เธอจะได้มองสิ่งแวดล้อมรอบๆเส้นทางได้ เผื่อจะเจอร่างของเฟิงจือหลิงบ้าง

ในสายตาขององค์ชายสามมีความเย็นยะเยือก นี่เป็นครั้งแรกที่มีใครกล้าตะโกนใส่เขาแบบนี้ ปล่อยให้เขาได้รู้ความแตกต่างระหว่างการเดินกับการนั่งรถซะบ้าง ด้วยรูปร่างเล็กบางของมู่เทียน ไม่เกินครึ่งวันก็คงจะมาร้องขอความเมตตาจากเขาแล้วล่ะ

หลังจากนั้นมู่หรงเสวี่ยก็ไม่พูดอะไรกับองค์ชายสามอีก

ตอนแรกมันก็โอเคอยู่หรอก แต่หลังจากที่เดินมานาน เท้าของเธอก็เริ่มที่จะพองและความเจ็บปวดที่ฝ่าเท้าก็ทำให้ สีหน้าของเธอเริ่มที่จะซีด

บ้าจริง! การที่ไม่มีพลังแห่งจิตวิญญาณนี่มันไม่สะดวกเลยจริงๆ ถ้ามีพลังอยู่อย่าว่าแต่เดินแค่ครึ่งวันเลย ต่อให้เดินทั้งเดือนเท้าของเธอก็ไม่รู้สึกอะไรเลย!

เมื่อองค์ชายสามยกผ้าม่านขึ้น เขาก็เห็นว่ามู่เทียนกำลังเดินพร้อมทั้งกัดฟันไปด้วย สีหน้าของเขาซีดเผือดและผมก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาดูทรมานอยู่นิดหน่อย เขาเอาม่านลงและคิดว่า มู่เทียนคงทนได้อีกไม่นานหรอก!

อย่างไรก็ตามสองชั่วโมงต่อมา องค์ชายสามก็ยังไม่ได้ยินเสียงอ้อนวอนขอขึ้นรถของมู่เทียน

“ตุบ!” เสียงของหนักๆหล่นลงกับพื้นเสียงดัง

รถม้าหยุดการเคลื่อนไหว!

“นายท่าน!” เสียงขององครักษ์ที่อยู่ด้านนอกดังขึ้นมา

“มีอะไร?” องค์ชายสามถาม

“เจ้าหนุ่มผมสีม่วงเป็นลมไปแล้วครับ!” องครักษ์ตอบกลับ

“อะไรนะ?”

องค์ชายสามรีบยกผ้าม่านขึ้นทันที โบกมือไล่พวกทหารและกระโดดลงมาจากรถ แน่นอนว่าเมื่อเขาเห็นก็รีบลงไปนั่งที่พื้นกับมู่เทียน

“นี่! มู่เทียน ฟื้นสิ!” เขาตบเบาๆไปที่หน้า

และเมื่ออุ้มขึ้นมาเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าตัวของมุ่เทียนเบากว่าที่คิดซึ่งไม่เหมือนกับผู้ชายเลยสักนิด!

“นายท่าน ให้ข้าอุ้มเองเถอะ!” องครักษ์อยากจะเข้ามารับร่างของมู่เทียนจากองค์ชายสาม

“หลบไปให้พ้นทาง!” เขากระโดดขึ้นรถม้าด้วยทักษะตัวเบาทันที!

องค์ชายสามวางมู่เทียนลงบนเบาะของรถม้า หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและเช็ดไปที่หน้าเขาอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากที่ซีดเผือดของเขาไม่ได้ลดทอนใบหน้าที่สวยงามของเขาได้เลยแต่กลับทำให้ใบหน้าที่ไม่ชัดเจนของเขาดูอ่อนโยนมากขึ้นไปอีก ผมสีม่วงในสายตาของเขาเปล่งประกายมากขึ้นไปอีกเพราะเม็ดเหงื่อตามใบหน้า

สติของเขาร่องรอยและจังหวะหัวใจก็เต้นรัว องค์ชายสามลุกขึ้นทันทีและย้ายไปนั่งที่อีกฝั่ง เขาขมวดคิ้ว ไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย เขาอยากที่จะฆ่ามู่เทียนแต่เมื่อเขาแตะไปที่ผมสีม่วงนั่น เขาก็ทำไม่ได้

สุดท้ายเขาก็เดินออกมาจากรถม้าและพูดกับองครักษ์ “พักก่อนแล้วกัน!”

“ขอรับนายท่าน!

ไม่นานเขาก็เห็นองครักษ์ที่ถูกส่งออกไปกลับมาพร้อมกับชายคนหนึ่งในอ้อมแขน

“นายท่าน ข้าเจอชายสลบอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของป่าไร้ขอบเขตขอรับ!” หลังจากที่องครักษ์วางชายคนนั้นลงแล้วเขาก็รายงานออกมาด้วยความเคารพให้องค์ชายสามฟัง

“เจ้าไปเจอเขาที่ไหน?” องค์ชายสามมองไปที่ชายที่สลบอยู่และเห็นว่าชายคนนี้ร่างใหญ่ แตกต่างจากมู่เทียน เขาดูกำยำมากกว่า! แต่ผมของเขาเป็นสีดำและไม่มีอะไรที่ดูแปลกเกี่ยวกับชายคนนี้เลย

“ในหุบเขาครับ!”

“งั้นก็ปล่อยเขาไป” ตอนนี้มู่เทียนยังสลบอยู่ รอให้เขาฟื้นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยยืนยันกันอีกที!

สองชั่วโมงต่อมา มู่หรงเสวี่ยก็ค่อยลืมตาขึ้นมา ความเจ็บที่เท้าทำให้เธอลุกขึ้นมาทันที “เจ็บเหลือเกิน…”

อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังพอมีสติและไม่ได้ลุกขึ้นยืนในทันที!

มู่หรงเสวี่ยเก็บกดความเจ็บปวดที่เท้าไว้และเดินออกมาจากรถม้า เธออยากที่จะขอบคุณองค์ชายสามแต่เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยนอนอยู่ที่พื้น เธอก็รีบวิ่งไปหาทันที

“จือหลิง ฟื้นสิ!”

เธอจับชีพจรของเฟิงจือหลิงแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ชีพจรปกติ เพียงแค่อ่อนแรงนิดหน่อย มู่หรงเสวี่ยช่วยพยังเฟิงจือหลิงลุกขึ้นและอยากที่จะพาเขาไปหลบแดดที่ใต้ต้นไม้ โอเค นี่มันหนักเกินไป เธออุ้มไม่ไหวจึงเปิดปากขอความช่วยเหลือจากองค์ชายสาม “ช่วยข้าหน่อยได้ไหม?”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 284 ชายหนุ่มนี่เรื่องมากจริงๆ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 284 ชายหนุ่มนี่เรื่องมากจริงๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 284

ชายหนุ่มนี่เรื่องมากจริงๆ

“นี่เจ้าจะหมายความว่าสายตาข้าผิดพลาดงั้นเหรอ นี่เจ้าอยากจะตายใช่ไหม?” สีหน้าและน้ำเสียงขององค์ชายสามเย็นชาอย่างมาก

“นายท่าน ข้าไม่ได้หมายความยังงั้นเลยนะขอรับ” องครักษ์หมอบลงกับพื้นและร่างกายของเขาก็เกร็งและสั่นเทิ้ม ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าสายตาสีม่วงขององค์ชายสามน่ากลัวมากแค่ไหน!

“ลุกขึ้น! ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรต่อแล้ว!” องค์ชายสามโบกมืออย่างเหนื่อยอ่อน

“ขอรับ” องครักษ์ลุกขึ้นและไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่ออีก

มู่หรงเสวี่ยเดินออกไปไกล มองไปรอบๆอย่างระวังเมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงนั่งลงไขว้ขา พยายามจะรวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณของร่างกายแต่ก็ไม่มีอะไรเคลื่อนไหวเลยสักอย่าง พลังแห่งจิตวิญญาณทั่วทั้งร่างกายของเธอดูเหมือนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนไปและใบหน้าเธอก็เริ่มที่จะเคร่งขรึม เธอจะสูญเสียพลังแห่งจิตวิญญาณไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะตามหาพ่อแม่และช่วยหลินหนานกับคนอื่นๆได้ยังไงล่ะ

เธอพยายามอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้น มันดูเหมือนมีอะไรบ้างอย่างที่ปิดกั้นเธอไว้ เธอใช้พลังแห่งจิตวิญญาณของตัวเองไม่ได้เลยสักนิด อย่างไรก็ตาม เรื่องเดียวที่ช่วยปลอบใจเธอได้คือเธอยังมีพลังแห่งจิตวิญญาณในตันเทียนอยู่แต่เธอยังใช้มันไม่ได้

เธอลุกขึ้นและมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตที่ไหนเลย เหมือนอย่างที่องค์ชายสามพูด ด้วยพลังของเธอตอนนี้ เธอไม่มีทางออกไปจากป่าไร้ขอบเขตได้เองแน่ๆ เพียงแค่มองแวบเดียวเธอก็เห็นได้เลยว่ามันไม่มีขอบเขตเลย

มู่หรงเสวี่ยหยิบผลไม้ออกมาจากมิติลับ กัดกินและเดินกลับไป เธอรู้ได้ในทันทีว่าออร่าในผลไม้พุ่งกลับไปที่ลมปราณทันทีที่เธอกลืนมันเข้าไปโดยไม่มีร่องรอยอะไรเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอกับสถานการณ์แบบนี้ เธอสงสัยว่าเสี่ยวไป๋จะรู้ไหมว่าทำไม

หลังจากนั้นสักพักมู่หรงเสวี่ยก็กลับมาถึงจุดที่รถม้าจอดอยู่ องค์ชายสามยังนั่งอยู่ที่สนาม เธอเดินเข้าไปและยื่นผลไม้ในมือให้ “ข้าเจอที่ถนน”

องค์ชายสามมองมาที่เธอ รับผลไม้มาและกำลังที่จะกัด

องครักษ์ที่อยู่ข้างๆเขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมทั้งหยิบเข็มเงินออกมา “นายท่าน กรุณาให้ข้าได้ทดสอบก่อนที่ท่านจะกินเถอะ!”

มู่หรงอ้าปากค้างเล็กน้อย นี่ยังคิดว่าเธอจะวางยาเขาอีกงั้นเหรอ?!!

องค์ชายสามมองมาที่เขา

มู่หรงกลอกตา “ไม่ต้องกิน เอาคืนมาให้ข้า!” ไม่เห็นความดีกันบ้างเลย!

แต่เรื่องนี้ก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้ ถึงแม้เธอจะไม่คุ้นเคยกับเรื่องของราชวงศ์แต่มันก็คงจะไม่แย่เท่าไร

องค์ชายสามเลี่ยงมือของมู่เทียนที่อยากจะเอาผลไม้คืน และแทนที่จะรับเข็มเงินมาจากองครักษ์แต่เขากลับกัดลงไปที่ผลไม้แทน เขารู้สึกได้ถึงความหวานของผลไม้ที่อยู่ในปากและทั่วทั้งร่างกายของเขาก็รู้สึกอบอุ่นสบายขึ้นมาทันที

“นายท่าน!” สีหน้าขององครักษ์เปลี่ยนไปและร้องออกมาด้วยความตกใจ!

องค์ชายสามโบกมือ “ถอยไป!”

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กินผลไม้ที่รสชาติอร่อยขนาดนี้ เขาหันหัวกลับไปถามมู่เทียน “เก็บผลไม้นี่มาจากไหน?”

“ในป่าข้างหน้านั่น!” หลังจากที่เงียบไปสักพัก เธอก็เหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดต่อ “ไม่ต้องไปหาหรอก ข้าเห็นมีแค่สองลูกเองแล้วข้าก็กินไปแล้วลูกหนึ่งด้วย…”

องค์ชายสามจ้องมาที่เธอด้วยสายตาเย็นชาราวกับว่าเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามู่เทียนโกหก

ยังไงซะเธอก็ไม่ได้เสียอะไร ถ้าเขาไม่ได้สัญญาว่าจะช่วยเธอตามหาเฟิงจือหลิงนะ เธอก็คงไม่รนหาเรื่องโดยการเอาผลไม้ที่บรรจุไปด้วยออร่าให้เขาหรอก

นี่ก็เริ่มที่จะมืดแล้ว พวกองครักษ์ก่อกองไฟและนั่งล้อมรอบรถไม้ไว้ แม้แต่ยุงสักตัวก็ยังบินผ่านเข้ามาไม่ได้ มู่หรงเสวี่ยและองค์ชายสามเข้าไปนั่งอยู่ในรถม้าเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่ที่รถม้าใหญ่พอสำหรับสองคนที่จะนอนได้ทั้งสองข้าง แน่นอนว่ามันคงไม่สบายเหมือนกับการนอนที่บ้าน เพราะถ้าพลิกตัวนิดเดียวก็อาจจะตกลงมาได้แล้ว

มู่หรงนอนไม่หลับ ความกดดันในจิตใจมันหนักหนามากกว่าความเหนื่อยล้าทางร่างกาย

“เจ้าจะไม่นอนหรือไง?” องค์ชายสามอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาหลังจากที่มู่เทียนพลิกตัวไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

“ขอโทษนะ ข้ารบกวนเจ้าหรือเปล่า? ข้าจะออกไปข้างนอกแล้วกัน” มู่หรงพูดอย่างขอโทษ

“ข้างนอกหนาวจะตาย เจ้าอยากจะไม่สบายหรือไง? อยู่นี่แหละ…”

“ขอบคุณนะ” มู่หรงพูดอย่างรู้สึกขอบคุณ

เมื่อพูดเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกว่านิสัยขององค์ชายสามก็ดีกว่าตระกูลราชวงศ์อื่นๆที่เธอเคยเจอมาก ถึงแม้จะไม่ได้อ่อนโยนมากแต่อย่างน้อยเขาก็ยังช่วยเธอ

“นอนซะเถอะ แล้วก็สบายใจได้เลยว่าถ้าเพื่อนของเจ้าอยู่ในป่าไร้ขอบเขตนี่ ยังไงก็ต้องหาเขาเจอ”

ฮ่า-ฮ่า! อย่างที่คิดไว้เลย เขาเป็นเจ้าชายที่หน้าตาเย็นชาแต่หัวใจอบอุ่นอย่างมาก มู่หรงเสวี่ยหัวเราะและพูดออกมาว่า “อืม! นอนล่ะ”

ค้ำคืนที่ไร้ซึ่งความฝัน

หลังจากรุ่งสาง มู่หรงเสวี่ยนวดไปที่ไหล่เพราะที่นอนที่ไม่ค่อยสบาย

“นี่คุณชาย ข้าทนไม่ไหวแล้วนะ!” องค์ชายสามพูดอย่างประชดประชัน

การนวดไหล่ตัวเองก็ทำให้เขาไม่พอใจได้งั้นเหรอเนี่ย แต่มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรจึงไม่อยากที่จะต่อปากต่อคำด้วย

“เสื้อผ้าของเจ้าสกปรกไปหมดเลย! งั้นก็เอาเสื้อผ้าข้าแล้วไปอาบน้ำที่แม่น้ำซะ” องค์ชายสามหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากถุงตาข่ายสีเข้มแล้วส่งให้มู่เทียน

มู่หรงถามพร้อมทั้งรีบโบกมืออย่างเร็ว “ไม่ ไม่ต้อง! ไม่เอา ข้าไม่ต้องใช้หรอก…”

ใบหน้าขององค์ชายสามเย็นชา “เร็วเข้า!”

“ไม่เอา!” เธอเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย จะให้เธอไปอาบน้ำที่แม่น้ำได้ยังไงล่ะ?! ข้างนอกก็มีทหารอยู่เป็นร้อย จะให้เธอไปอาบน้ำต่อหน้าพวกเขาได้ยังไง?!!

“ไม่รังเกียจหรือไง?! ข้าไม่สนใจหรอกนะว่าเจ้าจะชอบความสกปรกหรือเปล่า แต่เจ้าจะมาสกปรกในรถม้าข้าไม่ได้! เข้าใจไหม? เร็วเข้า…” องค์ชายสามมองไปที่เขาและเอาเสื้อผ้าใส่ลงไปในมือมู่เทียน

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่เสื้อผ้าในมืออย่างขมขื่น เธอรู้สึกไม่สบายตัวจริงๆนะแหละแต่ว่า

“ยังอีก!” องค์ชายสามพูดอย่างเย็นชา!

“ข้าไม่ชอบให้คนอื่นมองเวลาที่อาบน้ำ…” มู่หรงเสวี่ยพูด

“เจ้านี่เป็นผู้ชายที่เรื่องมากจริงๆ เจ้าเรื่องมากมากกว่าข้าอีก”

“ข้าก็ไม่ได้ทำให้ใครตายนิ!” มู่หรงพูด เรื่องมากงั้นเหรอ ก็เธอไม่ใช่ผู้ชายนี่!

องค์ชายสามนวดที่ขมับที่รู้สึกปวด เขารู้สึกว่าตัวเองรับตัวปัญหาขึ้นรถมาซะแล้ว

มู่หรงรู้สึกรำคาญสายตาเย็นชาของเขา “มองข้าแบบนี้อีกแล้วนะ!”

“ถ้าเจ้าไม่อาบน้ำงั้นก็ออกไปจากรถ! ไปเดินตามพวกองครักษ์! คิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนกันเนี่ย?!”

แต่! ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย! “ได้เลย ได้เลย!” มู่หรงวางเสื้อผ้าลงและตรงออกจากรถไป ตอนนี้เธอจะได้มองสิ่งแวดล้อมรอบๆเส้นทางได้ เผื่อจะเจอร่างของเฟิงจือหลิงบ้าง

ในสายตาขององค์ชายสามมีความเย็นยะเยือก นี่เป็นครั้งแรกที่มีใครกล้าตะโกนใส่เขาแบบนี้ ปล่อยให้เขาได้รู้ความแตกต่างระหว่างการเดินกับการนั่งรถซะบ้าง ด้วยรูปร่างเล็กบางของมู่เทียน ไม่เกินครึ่งวันก็คงจะมาร้องขอความเมตตาจากเขาแล้วล่ะ

หลังจากนั้นมู่หรงเสวี่ยก็ไม่พูดอะไรกับองค์ชายสามอีก

ตอนแรกมันก็โอเคอยู่หรอก แต่หลังจากที่เดินมานาน เท้าของเธอก็เริ่มที่จะพองและความเจ็บปวดที่ฝ่าเท้าก็ทำให้ สีหน้าของเธอเริ่มที่จะซีด

บ้าจริง! การที่ไม่มีพลังแห่งจิตวิญญาณนี่มันไม่สะดวกเลยจริงๆ ถ้ามีพลังอยู่อย่าว่าแต่เดินแค่ครึ่งวันเลย ต่อให้เดินทั้งเดือนเท้าของเธอก็ไม่รู้สึกอะไรเลย!

เมื่อองค์ชายสามยกผ้าม่านขึ้น เขาก็เห็นว่ามู่เทียนกำลังเดินพร้อมทั้งกัดฟันไปด้วย สีหน้าของเขาซีดเผือดและผมก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาดูทรมานอยู่นิดหน่อย เขาเอาม่านลงและคิดว่า มู่เทียนคงทนได้อีกไม่นานหรอก!

อย่างไรก็ตามสองชั่วโมงต่อมา องค์ชายสามก็ยังไม่ได้ยินเสียงอ้อนวอนขอขึ้นรถของมู่เทียน

“ตุบ!” เสียงของหนักๆหล่นลงกับพื้นเสียงดัง

รถม้าหยุดการเคลื่อนไหว!

“นายท่าน!” เสียงขององครักษ์ที่อยู่ด้านนอกดังขึ้นมา

“มีอะไร?” องค์ชายสามถาม

“เจ้าหนุ่มผมสีม่วงเป็นลมไปแล้วครับ!” องครักษ์ตอบกลับ

“อะไรนะ?”

องค์ชายสามรีบยกผ้าม่านขึ้นทันที โบกมือไล่พวกทหารและกระโดดลงมาจากรถ แน่นอนว่าเมื่อเขาเห็นก็รีบลงไปนั่งที่พื้นกับมู่เทียน

“นี่! มู่เทียน ฟื้นสิ!” เขาตบเบาๆไปที่หน้า

และเมื่ออุ้มขึ้นมาเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าตัวของมุ่เทียนเบากว่าที่คิดซึ่งไม่เหมือนกับผู้ชายเลยสักนิด!

“นายท่าน ให้ข้าอุ้มเองเถอะ!” องครักษ์อยากจะเข้ามารับร่างของมู่เทียนจากองค์ชายสาม

“หลบไปให้พ้นทาง!” เขากระโดดขึ้นรถม้าด้วยทักษะตัวเบาทันที!

องค์ชายสามวางมู่เทียนลงบนเบาะของรถม้า หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและเช็ดไปที่หน้าเขาอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากที่ซีดเผือดของเขาไม่ได้ลดทอนใบหน้าที่สวยงามของเขาได้เลยแต่กลับทำให้ใบหน้าที่ไม่ชัดเจนของเขาดูอ่อนโยนมากขึ้นไปอีก ผมสีม่วงในสายตาของเขาเปล่งประกายมากขึ้นไปอีกเพราะเม็ดเหงื่อตามใบหน้า

สติของเขาร่องรอยและจังหวะหัวใจก็เต้นรัว องค์ชายสามลุกขึ้นทันทีและย้ายไปนั่งที่อีกฝั่ง เขาขมวดคิ้ว ไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย เขาอยากที่จะฆ่ามู่เทียนแต่เมื่อเขาแตะไปที่ผมสีม่วงนั่น เขาก็ทำไม่ได้

สุดท้ายเขาก็เดินออกมาจากรถม้าและพูดกับองครักษ์ “พักก่อนแล้วกัน!”

“ขอรับนายท่าน!

ไม่นานเขาก็เห็นองครักษ์ที่ถูกส่งออกไปกลับมาพร้อมกับชายคนหนึ่งในอ้อมแขน

“นายท่าน ข้าเจอชายสลบอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของป่าไร้ขอบเขตขอรับ!” หลังจากที่องครักษ์วางชายคนนั้นลงแล้วเขาก็รายงานออกมาด้วยความเคารพให้องค์ชายสามฟัง

“เจ้าไปเจอเขาที่ไหน?” องค์ชายสามมองไปที่ชายที่สลบอยู่และเห็นว่าชายคนนี้ร่างใหญ่ แตกต่างจากมู่เทียน เขาดูกำยำมากกว่า! แต่ผมของเขาเป็นสีดำและไม่มีอะไรที่ดูแปลกเกี่ยวกับชายคนนี้เลย

“ในหุบเขาครับ!”

“งั้นก็ปล่อยเขาไป” ตอนนี้มู่เทียนยังสลบอยู่ รอให้เขาฟื้นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยยืนยันกันอีกที!

สองชั่วโมงต่อมา มู่หรงเสวี่ยก็ค่อยลืมตาขึ้นมา ความเจ็บที่เท้าทำให้เธอลุกขึ้นมาทันที “เจ็บเหลือเกิน…”

อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังพอมีสติและไม่ได้ลุกขึ้นยืนในทันที!

มู่หรงเสวี่ยเก็บกดความเจ็บปวดที่เท้าไว้และเดินออกมาจากรถม้า เธออยากที่จะขอบคุณองค์ชายสามแต่เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยนอนอยู่ที่พื้น เธอก็รีบวิ่งไปหาทันที

“จือหลิง ฟื้นสิ!”

เธอจับชีพจรของเฟิงจือหลิงแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ชีพจรปกติ เพียงแค่อ่อนแรงนิดหน่อย มู่หรงเสวี่ยช่วยพยังเฟิงจือหลิงลุกขึ้นและอยากที่จะพาเขาไปหลบแดดที่ใต้ต้นไม้ โอเค นี่มันหนักเกินไป เธออุ้มไม่ไหวจึงเปิดปากขอความช่วยเหลือจากองค์ชายสาม “ช่วยข้าหน่อยได้ไหม?”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+