ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 206 ข้อเสนอ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 206 ข้อเสนอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 206 ข้อเสนอ

“มันก็แค่สำคัญกับเธอ ฉันคิดว่าแบบนั้นมันน่าจะทำร้ายมันทิ้งไปซะดีกว่านะ! เธอคิดแบบนั้นไหม?” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างประชดประชัน

“เธอ…” เสี่ยวเข่อลี่ยื่นนิ้วออกมาและชี้มาที่มู่หรงเสวี่ย เธอโกรธมากและอยากที่จะทรมานเธออย่างที่สุดเหมือนในชีวิตที่แล้ว หลังจากที่เธอได้กำไลแล้ว ก็คอยดูแล้วกันว่าเธอจะจัดการกับมู่หรงเสวี่ยยังไง นังผู้หญิงชั้นต่ำ

มู่หรงเสวี่ยจับที่มือเธอและแสยะ “เสี่ยวเข่อลี่ ทำไมเธอถึงสนใจเรื่องฉันอะไรมากมายขนาดนี้…? ฮ่าฮ่า ฉันรู้แล้ว นี่เธออิจฉาฉันงั้นเหรอ…”

“ฉันอิจฉาเธองั้นเหรอ?!! ตลก เธอมีอะไรที่ทำให้ฉันอิจฉาล่ะ?” นี่ดูเหมือนเป็นคำพูดให้เจ็บปกติ เสี่ยวเข่อลี่โต้ตอบออกไป

มู่หรงเสวี่ยกลับยิ่งยิ้มมากขึ้นไปอีกแต่สายตาก็ยังเย็นชา “ใครจะไปรู้ล่ะ?! บางทีอาจจะอิจฉาเรื่องที่ฉันสวยกว่าเธอ…” แล้วเธอก็เดินไปที่ประตู

เสี่ยวเข่อลี่กัดฟันอย่างโกรธแค้น เมื่อมู่หรงเสวี่ยเดินออกไปนอกประตู เธอก็พูดออกมาว่า “ตอนนี้ฉันจะพาเธอไปเจอคุณป้า แต่หลังจากที่เจอแล้ว เธอจะต้องบอกมาว่ากำไลอยู่ที่ไหนไม่งั้นฉันจะค่อยๆทรมานคุณลุงคุณป้าต่อหน้าเธอเลย…” เธอพูดออกมาด้วยความเกลียดชัง

มู่หรงหยุดเดิน ในหัวใจสั่นรัว ตราบใดที่เธอได้เจอหน้าพ่อแม่ เธอก็ยังมีหนทางจึงพยายามเก็บกดความตื่นเต้นไว้ในหัวใจ แต่ก็ยังพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อยู่ที่ไหนล่ะ?! ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะรักษาสัญญา…ฉันจะปฏิบัติตามคำสาบานในชาติที่แล้วของฉัน…” มีประกายความอาฆาตที่เสี่ยวเข่อลี่ไม่ทันได้สังเกตเห็น

“เดี๋ยว มัดมือเธอก่อนที่จะไปด้วย!” เสี่ยวเข่อลี่พูด

“คิดว่าฉันจะเห็นด้วยงั้นเหรอ?” มู่หรงหันกลับมาและมองด้วยสายตาเย็นชา

เสี่ยวเข่อลี่พูดกับชายที่หยิบเชือกมา “เธอจะไม่ได้เจอคุณป้าถ้าไม่ทำตาม”

ในสายตาของมู่หรงเสวี่ยแวบประกายขึ้นมา ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้เจอพ่อแม่ของเธอ เธอจึงไม่พูดอะไรออกไปมาก เธอยื่นมือออกไปอย่างยินยอม ชายตรงหน้ามัดมือเธอด้วยเชือกอย่างหยาบคาย เขามัดแรงมากจนมือของเธอเจ็บไปสักพัก เธอกัดริมฝีปากทน ความเจ็บนี้เทียบไม่ได้เลย

หลังจากที่มัดเสร็จ มู่หรงเสวี่ยก็เงยหน้าขึ้นไปมองเสี่ยวเข่อลี่อย่างเยือกเย็น “ตอนนี้เธอช่วยพาฉันไปเจอพ่อกับแม่ได้หรือยัง?”

ขนาดถูกมัดมือเธอก็ยังยโสขนาดนี้ หลังจากที่เธอได้รู้ว่ากำไลอยู่ที่ไหนแล้วเธอจะได้เห็นว่าเธอจะถูกทรมานยังไงบ้าง พวกผู้ชายที่อยู่ในแก๊งค์น่าจะชอบร่างขาวผ่องของมู่หรงเสวี่ย ถ้าในชีวิตที่แล้วฟางฉีฮัวไม่ยืนยันที่จะเก็บความบริสุทธิ์ของมู่หรงเสวี่ยไว้นะเธอก็คงจะทำแบบนี้ไปแล้ว

“ไปกันเถอะ” เสี่ยวเข่อลี่ออกเดินนำไปก่อน มู่หรงเดินตามไปแล้วก็เป็นชายคนนั้นเดินตามหลังมู่หรงเสี่ยวไปเพื่อกันไม่ให้เธอคิดที่จะทำอะไร

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที หลังจากที่ผ่านประตูที่ต้องใส่รหัสมากมาย สุดท้ายก็มาถึงประตูของโกดัง

“เปิดประตู!” ชายคนนั้นตะโกนออกมาเสียงดัง
มู่หรงเก็บกดหัวใจที่กำลังตื่นเต้นไว้และมองไปที่ประตูอย่างกังวล

หลังจากที่ประตูเปิดออก มู่หรงเสวี่ยก็แทบรอไม่ไหวที่จะเข้าไปข้างในแต่เสี่ยวเข่อลี่ดึงเธอไว้

“เธอจะทำอะไร?” มู่หรงเสวี่ยจ้องไปที่เสี่ยวเข่อลี่ที่จับมือเธออยู่

เสี่ยวเข่อลี่ส่งยิ้มเย็นชามา “กำไลอยู่ที่ไหน?”

มู่หรงเสวี่ยเก็บกดความโกรธไว้ “ฉันยังไม่เจอพ่อกับแม่เลย แล้วจะบอกเธอได้ยังไง?” มองจากตรงประตูมันไม่ค่อยชัดเท่าไร แต่ข้างในมีสองคนที่รูปร่างเหมือนพ่อกับแม่เธออยู่ด้วย แต่ทำไมพวกท่านถึงไม่ขยับเลย…

“นั่นไม่ใช่คุณลุงกับคุณป้าหรือไงที่อยู่ที่พื้นข้างในน่ะ?!! ฉันเองยังเห็นเลย ทีนี้ก็บอกมาได้แล้วว่ากำไลอยู่ที่ไหน?” เสี่ยวเข่อลี่ถามออกมาอย่างกระหาย

“ฉันต้องเข้าไปดูให้แน่ใจ ทำไมพ่อกับแม่ฉันถึงไม่ขยับล่ะ?” มู่หรงเสวี่ยถาม
“ไม่ต้องห่วงหรอก ก็แค่โดนยาเยอะไปหน่อยแค่นั้นเอง…”
“ปล่อย ฉันจะเข้าไปดู!” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างเยือกเย็น

หลังจากที่นิ่งไปสักพัก เสี่ยวเข่อลี่ก็ปล่อยมือที่จับแขนมู่หรงอยู่ และแทบจะในทันทีที่มู่หรงรีบวิ่งเข้าไปหาคนสองคนที่ถูกมัดอยู่ด้วยกันอยู่ที่พื้น “พ่อคะ แม่คะ!”

เสี่ยวเข่อลี่ที่อยู่ข้างหลังเธอใกล้ๆพูดออกมา “ฉันบอกแล้วไงว่าแค่โดนยามากไปหน่อย?”

ไม่ว่าเสี่ยวเข่อลี่จะพูดอะไร แต่มู่หรงเสวี่ยก็รีบก้มลงไปและเอาหัวตัวเองเข้าไปใกล้จมูกของพวกท่าน เธอโล่งอกหลังจากที่มั่นใจแล้วว่าพวกท่านยังหายใจอยู่

เสี่ยวเข่อลี่เองก็ตามเข้ามาตรวจด้วยเหมือนกัน เธอสนใจแค่เรื่องที่ว่ากำไลอยู่ที่ไหน “เห็นไหมล่ะ กำไลล่ะ?” เธอถามออกมาพร้อมยืดตัวสูง

อย่างไรก็ตามมู่หรงเสวี่ยเผยรอยยิ้มแปลกให้เธอ แล้วมู่หรงและสามีภรรยามู่หรงก็หายตัวไปในพริบตา

สีหน้าของเสี่ยวเข่อลี่เปลี่ยนไป สายตาของเธอจ้องไปที่จุดเดิมและไม่นานก็นึกขึ้นได้และร้องออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “มู่หรง ออกมานะ! นังมู่หรงเสวี่ย เธอหลอกฉัน…” สีหน้าของเสี่ยวเข่อลี่เข้มและเครียดขึ้น

ในชีวิตที่แล้ว เธอไม่เคยลองพาคนอื่นเข้าไปในมิติลับเลยดังนั้นเอจึงไม่รู้ว่ามิติลับสามารถพาคนอื่นเข้าไปด้วยได้…และเมื่อกี้เธอก็เห็นแล้วว่าที่ตัวของมู่หรงไม่มีอะไรเลย เธอจึงไม่คิดว่าเธอจะเอามิติลับใส่ไว้ในร่างกายได้จริงๆ

“มู่หรง! นังบ้า ออกมาให้ฉันเห็นเลยนะ!!!” เสี่ยวเข่อลี่ร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เธอยังอยู่ในห้องพยายามมองหาร่องรอยของกำไลอย่างสิ้นหวัง ในชีวิตที่แล้วเวลาที่เธอเข้าไปในมิติลับ กำไลจะต้องปรากฏขึ้นมาดังนั้นเธอจึงระวังทุกครั้งที่เข้าไป แต่ทำไมมู่หรงเสวี่ยถึงหายตัวได้และยังไม่มีร่องรอยของกำไลอีก

เสี่ยวเข่อลี่โกรธมากแต่เธอรู้ว่ามู่หรงจะต้องยังอยู่ที่นี่ พอเข้าไปในมิติลับแล้วเธอจะเคลื่อนที่ไปที่อื่นไม่ได้

มู่หรงเสวี่ยที่เข้าไปในมิติลับแล้ว ไม่สนใจว่าเสี่ยวเข่อลี่จะตะโกนโวยวายมากแค่ไหนอยู่ข้างนอก เธอมองไปที่พ่อกับแม่ที่ยังนอนอยู่ที่พื้นและยังไม่ได้สติ เธอเป็นห่วง สิ่งแรกคือเธอเดินไปที่อาวุธแหลมๆ เพื่อที่จะตัดเชือกที่แขนให้หลุดโดยไม่สนใจรอยแดงของเลือดที่มือตัวเองเลย เธอรีบเดินมาอยู่ตรงหน้าพ่อกับแม่และยื่นมือออกไปตรวจชีพจรพวกท่าน โชคดีที่เรื่องที่เสี่ยวเข่อลี่พูดเป็นเรื่องจริง นี่เป็นแค่การสลบไปเฉยๆ เธอเดินไปตักน้ำแห่งจิตวิญญาณมาป้อนพวกท่าน ถึงแม้มันจะหกไปเยอะแต่ก็ยังพอเข้าไปในปากได้บ้าง

เสี่ยวเข่อลี่โกรธมากจนทำลายข้าวของในโกดังไปมากมาย เธอรู้สึกรำคาญกับสถานการณ์ที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ มิติลับเป็นสถานที่เดียวที่เธอเข้าไปยุ่งไม่ได้ ถ้ามู่หรงเสวี่ยไม่ออกมาเลยตลอดชีวิต เธอก็จะไม่ได้กำไลไปตลอดชีวิตของตัวเองด้วยเหมือนกัน แล้วหน้าตาของเธอก็จะต้องแก่ลงๆ

ในตอนนี้จู่ๆเสี่ยวเข่อลี่ก็นึกอะไรได้บางอย่างและร้องเพื่อข่มขู่ออกมา “มู่หรงเสวี่ย เธอคิดว่าโอเคแล้วงั้นเหรอที่พาคุณลุงคุณป้าเข้าไปอยู่ในนั้นนะ?!!! ฉันจำได้นะว่าเธอยังมีคุณปู่กับคุณย่าอีก!! เดิมทีฉันเองก็รู้สึกสงสารพวกคนแก่หรอกนะ อยากให้มีชีวิตอยู่กันยาวๆ แต่ในเมื่อเธอไม่รักษาคำพูดงั้นก็อย่ามาหาว่าฉันโหดร้ายก็แล้วกัน!!!”

มู่หรงเสวี่ยที่อยู่ในมิติลับยิ้มอย่างเยือกเย็น เธอคาดการณ์นิสัยของเสี่ยวเข่อลี่ไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว ดังนั้นเธอจึงขอให้ฮวงฟูอี้ช่วยก่อนที่เธอจะออกมา เธอเชื่อว่าเขาจะต้องทำตามที่บอก แค่มีดราก้อนพาวิลเลี่ยนคอยปกป้องคุณปู่คุณย่าแค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว!!!

เดิมทีเธออยากที่จะทำให้เสี่ยวเข่อลี่และชายคนนั้นสลบ แต่เมื่อเธอถูกมัดมือไว้จึงต้องล้มเลิกเรื่องเสี่ยวเข่อลี่และช่วยพ่อแม่ของเธอก่อน ตอนนี้เสี่ยวเข่อลี่อยู่ใกล้กับมิติลับของเธอมากแต่ชายคนนั้นเป็นปัญหาอยู่นิดหน่อย

ในตอนนี้มีเสียงดังอยู่ข้างนอกโกดัง สีหน้าของเสี่ยวเข่อลี่เปลี่ยนไป เธอหันมามองจุดที่มู่หรงเสวี่ยหายตัวไปอย่างเกลียดชังแล้วเธอก็รีบเดินออกไป แต่ก็ยังสั่งชายคนนั้น “ล็อกโกดังนี้ซะและห้ามใครเข้าหรือออก!” โชคดีที่ลูกน้องที่อยู่ที่นี่คือลูกน้องที่เธอเชื่อใจได้ ไม่งั้นก็คงกลายเป็นปัญหาแน่ๆ แต่เธอก็ไม่ได้อธิบายถึงสถานการณ์ ดังนั้นเธอจึงกังวลเรื่องคนนอกที่จะเข้าไปข้างในมากกว่า

“ครับ!” ลูกน้องชายรีบตอบกลับไปอย่างตกใจและไม่ว่าสถานการณ์มันจะน่าแปลกขนาดไหนแต่เขาก็เชื่อฟังคำสั่งเท่านั้น

ข้างนอกโกดังคือฮวงฟูอี้และหลงอี้ นอกจากพวกเขายังพาทีมมาอีกสามทีมซึ่งน่าจะมีคนประมาณ 30 คนที่กำลังเข้ามาจากทุกทางจากด้านนอก

เสี่ยวเข่อลี่เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของฮวงฟูอี้ก็ราวกับว่าผีออกจากร่างเธอ เธอตะลึงไปชั่วขณะจนกระทั่งคนพวกนั้นยกอาวุธขึ้นมาที่เธอและคนของเสี่ยวเข่อลี่เองต่างก็ยกอาวุธขึ้นมาประจันหน้ากันด้วย

แต่เห็นได้ชัดว่าฝั่งของเสี่ยวเข่อลี่เสียเปรียบและอาวุธก็เทียบไม่ได้เลย แถมยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องจำนวนคนของฝั่งฮวงฟูอี้เลยที่มากกว่าเห็นๆ

เสี่ยวเข่อลี่สืบเรื่องมู่หรงเสวี่ยมาแล้วและพบว่าเธอไม่มีกองกำลังที่ไหน ดังนั้นเธอจึงกล้าที่จะจับพ่อกับแม่ของเธอมา แม้แต่ลูกน้องเธอก็ยังไม่ต้องเตรียมอะไรมาก ในความคิดของเธอ ในชีวิตที่แล้วมู่หรงเสวี่ยก็เป็นเพียงผู้หญิงไร้ประโยชน์ของฟางฉีฮัว แค่คนธรรมดาๆก็สามารถที่จะจัดการเธอได้แล้ว แม้ว่าตอนนี้เธอจะกำลังคิดที่จะสร้างธุรกิจอะไรอยู่ก็ตาม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ เธอรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะไม่เจอจุดเชื่อมโยงอะไรของผู้ชายคนนี้กับมู่หรงเสวี่ยเลย

“ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณมาที่นี่ทำไม?! มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ!” เสี่ยวเข่อลี่เผยรอยยิ้มมีเสน่ห์แต่ก็ยังมองค้อนในสายตาด้วย

เพียงแค่ว่าใบหน้าของเสี่ยวเข่อลี่ก็เหมือนกับพวกชนชั้นสูงทั่วๆไปในดราก้อนพาวิลเลี่ยนและเธอไม่ว่าจะชื่นชมอาหารที่น่ากินตรงหน้ายังไง ในตอนนี้เมื่อเสี่ยวเข่อลี่พูดจบ หลงอี้ก็ยิงปืนไปที่เท้าของเสี่ยวเข่อลี่แบบเฉียดๆ

“ปัง!”

สีหน้าของเสี่ยวเข่อลี่เปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที คนพวกนี้ไม่ปรานีเธอเลย แต่ก่อนพวกผู้ชายมักจะชอบเธอและคงไม่ยิงปืนใส่เธอโดยไม่พูดอะไรสักคำแบบนี้แน่ๆ

ถึงแม้เขาจะไม่ชอบเธอแต่ก็น่าที่จะคุยกับเธอก่อนเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์

“คุณมู่หรงอยู่ที่ไหน?” หลงอี้เล็งปากกระบอกปืนไปที่คิ้วของเสี่ยวเข่อลี่
สายตาของเสี่ยวเข่อลี่เปลี่ยนไปในทันที เขามาตามหานังผู้หญิงชั้นต่ำ มู่หรงเสวี่ยไปรู้จักคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? ทำไมในข้อมูลที่สืบมาถึงไม่เจอเรื่องพวกนี้เลยล่ะ?

ความเป็นไปได้นับไม่ถ้วนแวบขึ้นมาในความคิดของเธอ ตอนนี้มันชัดเจนแล้วว่าเธอแข็งแกร่งมากแค่ไหน

ไม่นานหลังจากนั้นหลงอี้ก็ยิงอีกนัดให้เฉียดหูของเสี่ยวเข่อลี่ไป สายลมแรงของลูกกระสุนพุ่งผ่านหูของเธอไปซึ่งทำเธอขนลุกไปทั่งตัว ลูกน้องของเสี่ยวเข่อลี่ยกปืนขึ้นมาทันที เสี่ยวเข่อลี่ยื่นมือออกไปและพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้สั่น ไม่มีทางเลยที่พวกเธอจะชนะได้ เสี่ยวเข่อลี่เผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ “พี่ชายทั้งหลาย พวกคุณมาหาผิดที่แล้วล่ะ ใครคือคุณมู่หรงงั้นเหรอ?! ที่นี่เราไม่มีคุณมู่หรงนะ…”

สีหน้าของฮวงฟูอี้เยือกเย็น ตอนที่เขามองไปที่เสี่ยวเข่อลี่ เขามีสายตาอาฆาตที่อยากจะฆ่าเธออย่างรุนแรง คนที่กล้ามายุ่งกับเขาโดยที่ไม่รู้ว่าจะตายหรือเปล่า

หลงอี้รีบยกปืนของเขาขึ้นมาทันที

“อย่าเพิ่งยิง คุณมู่หรงไม่ได้อยู่ที่นี่ ถ้าไม่เชื่อพวกคุณก็ลองค้นดูก่อนก็ได้!” เสี่ยวเข่อลี่นึกถึงมู่หรงเสวี่ยที่เข้าไปในมิติลับแล้วและเดาว่าตอนนี้เธอก็คงยังไม่ออกมา อีกอย่างเธอรับรู้ได้ถึงแรงกดดันและความอันตรายของฝ่ายตรงข้ามอย่างมาก สัญชาตญาณของเธอช่วยเธอไว้แล้วหลายครั้ง

หลงอี้มองไปที่ฮวงฟูอี้ “ดราก้อนมาสเตอร์ครับ?”

“ค้น!” ฮวงฟูอี้เปล่งเสียงออกมาจากริมฝีปากบางที่สวยได้รูปแต่เย็นชา คนที่อยู่ข้างหลังเขาต่างก็วิ่งไปคนละทิศคนละทางกับเสี่ยวเข่อลี่แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้ยิงปืน ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันคนของฮวงฟูอี้เกือบ 10 คนเดินเข้าไปข้างในและเริ่มภารกิจค้นหาในแต่ละห้อง

เดิมทีหลงอี้ไม่เห็นด้วยกับดราก้อนมาสเตอร์ที่จะออกมาข้างนอกแต่ดราก้อนมาสเตอร์เพียงแค่มองเขาด้วยสายตาเย็นชาทำให้เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่ออีก อีกอย่างพวกเขามากันเยอะขนาดนี้ก็ไม่น่าที่จะมีอันตรายอะไร

ในตอนนี้ ฮวงฟูอี้รู้สึกลุกลี้ลุกลนและทรมานมากกว่าครั้งที่แล้วอีก ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่ามู่หรงเสวี่ยอยู่ในอันตราย เขาสงบใจไม่ลง ถึงแม้เขาจะรู้ว่าต่อให้เขาออกมาด้วยผลมันก็ไม่ต่างกัน แต่เขาทนนั่งรอเฉยๆในดราก้อนพาวิลเลี่ยนไม่ได้ ถึงแม้มันจะเร็วขึ้นอีกแค่วินาทีเดียวแต่เขาก็อยากจะเห็นเธออย่างเร็วที่สุด

เสี่ยวเข่อลี่รู้สึกกลัวมากขึ้นกว่าเดิม เธออยากที่จะเดินตามคนพวกนั้นไป อย่างไรก็ตามปืนที่อยู่ข้างๆก็ตีเข้าที่หัวเธอทันที

เธอหัวเราะและพูดออกมา “พี่ชาย ฉันก็แค่อยากจะไปดูสถานที่ของฉันเอง ฉันไม่ไปไหนไกลหรอก ใครจะรู้เผื่อพวกคนขโมยของล่ะ…” แต่เธอเป็นกังวล ตอนนี้เธอไม่มีความสามารถที่จะสู้กับอีกฝ่ายเลย ถึงแม้มู่หรงเฟิงหัวและสามีภรรยาจะหนีไปได้ แต่ถ้าพวกเขาเจอ เธอก็จบแน่ๆ

ข้างๆเธอคือสมาชิกของทีมจิงเฟิงที่ยังจ้องมาที่เธอด้วยสีหน้าเยือกเย็นอยู่โดยไม่พูดอะไรสักคำ

เสี่ยวเข่อลี่พยายามที่จะเดินไปข้างหน้า “คุณตามฉันมาก็ได้ ฉันแค่จะไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง!”

ดราก้อนมาสเตอร์ไม่ได้ออกคำสั่งให้ฆ่า สมาชิกของทีมจึงเดินตามเสี่ยวเข่อลี่ไปอย่างใกล้ชิดและไม่มีท่าทีที่จะผ่อนคลายเลยแม้สักนิด

ครั้งนี้ดราก้อนมาสเตอร์ไม่ได้สั่งพวกเขาให้ฆ่าคนพวกนี้ แล้วก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงให้ทำแค่ควบคุมตัวไว้

อันที่จริงพวกเขาไม่รู้ว่าฮวงฟูอี้เป็นห่วงเรื่องว่ามู่หรงเสวี่ยอยู่ที่ไหน ผลที่ได้คือนี่เป็นสถานที่สุดท้ายที่มู่หรงเสวี่ยอยู่ ก่อนที่จะได้เห็นมู่หรงเสวี่ย ฮวงฟูอี้ก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยงอะไรทั้งนั้น

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 206 ข้อเสนอ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 206 ข้อเสนอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 206 ข้อเสนอ

“มันก็แค่สำคัญกับเธอ ฉันคิดว่าแบบนั้นมันน่าจะทำร้ายมันทิ้งไปซะดีกว่านะ! เธอคิดแบบนั้นไหม?” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างประชดประชัน

“เธอ…” เสี่ยวเข่อลี่ยื่นนิ้วออกมาและชี้มาที่มู่หรงเสวี่ย เธอโกรธมากและอยากที่จะทรมานเธออย่างที่สุดเหมือนในชีวิตที่แล้ว หลังจากที่เธอได้กำไลแล้ว ก็คอยดูแล้วกันว่าเธอจะจัดการกับมู่หรงเสวี่ยยังไง นังผู้หญิงชั้นต่ำ

มู่หรงเสวี่ยจับที่มือเธอและแสยะ “เสี่ยวเข่อลี่ ทำไมเธอถึงสนใจเรื่องฉันอะไรมากมายขนาดนี้…? ฮ่าฮ่า ฉันรู้แล้ว นี่เธออิจฉาฉันงั้นเหรอ…”

“ฉันอิจฉาเธองั้นเหรอ?!! ตลก เธอมีอะไรที่ทำให้ฉันอิจฉาล่ะ?” นี่ดูเหมือนเป็นคำพูดให้เจ็บปกติ เสี่ยวเข่อลี่โต้ตอบออกไป

มู่หรงเสวี่ยกลับยิ่งยิ้มมากขึ้นไปอีกแต่สายตาก็ยังเย็นชา “ใครจะไปรู้ล่ะ?! บางทีอาจจะอิจฉาเรื่องที่ฉันสวยกว่าเธอ…” แล้วเธอก็เดินไปที่ประตู

เสี่ยวเข่อลี่กัดฟันอย่างโกรธแค้น เมื่อมู่หรงเสวี่ยเดินออกไปนอกประตู เธอก็พูดออกมาว่า “ตอนนี้ฉันจะพาเธอไปเจอคุณป้า แต่หลังจากที่เจอแล้ว เธอจะต้องบอกมาว่ากำไลอยู่ที่ไหนไม่งั้นฉันจะค่อยๆทรมานคุณลุงคุณป้าต่อหน้าเธอเลย…” เธอพูดออกมาด้วยความเกลียดชัง

มู่หรงหยุดเดิน ในหัวใจสั่นรัว ตราบใดที่เธอได้เจอหน้าพ่อแม่ เธอก็ยังมีหนทางจึงพยายามเก็บกดความตื่นเต้นไว้ในหัวใจ แต่ก็ยังพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อยู่ที่ไหนล่ะ?! ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะรักษาสัญญา…ฉันจะปฏิบัติตามคำสาบานในชาติที่แล้วของฉัน…” มีประกายความอาฆาตที่เสี่ยวเข่อลี่ไม่ทันได้สังเกตเห็น

“เดี๋ยว มัดมือเธอก่อนที่จะไปด้วย!” เสี่ยวเข่อลี่พูด

“คิดว่าฉันจะเห็นด้วยงั้นเหรอ?” มู่หรงหันกลับมาและมองด้วยสายตาเย็นชา

เสี่ยวเข่อลี่พูดกับชายที่หยิบเชือกมา “เธอจะไม่ได้เจอคุณป้าถ้าไม่ทำตาม”

ในสายตาของมู่หรงเสวี่ยแวบประกายขึ้นมา ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้เจอพ่อแม่ของเธอ เธอจึงไม่พูดอะไรออกไปมาก เธอยื่นมือออกไปอย่างยินยอม ชายตรงหน้ามัดมือเธอด้วยเชือกอย่างหยาบคาย เขามัดแรงมากจนมือของเธอเจ็บไปสักพัก เธอกัดริมฝีปากทน ความเจ็บนี้เทียบไม่ได้เลย

หลังจากที่มัดเสร็จ มู่หรงเสวี่ยก็เงยหน้าขึ้นไปมองเสี่ยวเข่อลี่อย่างเยือกเย็น “ตอนนี้เธอช่วยพาฉันไปเจอพ่อกับแม่ได้หรือยัง?”

ขนาดถูกมัดมือเธอก็ยังยโสขนาดนี้ หลังจากที่เธอได้รู้ว่ากำไลอยู่ที่ไหนแล้วเธอจะได้เห็นว่าเธอจะถูกทรมานยังไงบ้าง พวกผู้ชายที่อยู่ในแก๊งค์น่าจะชอบร่างขาวผ่องของมู่หรงเสวี่ย ถ้าในชีวิตที่แล้วฟางฉีฮัวไม่ยืนยันที่จะเก็บความบริสุทธิ์ของมู่หรงเสวี่ยไว้นะเธอก็คงจะทำแบบนี้ไปแล้ว

“ไปกันเถอะ” เสี่ยวเข่อลี่ออกเดินนำไปก่อน มู่หรงเดินตามไปแล้วก็เป็นชายคนนั้นเดินตามหลังมู่หรงเสี่ยวไปเพื่อกันไม่ให้เธอคิดที่จะทำอะไร

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที หลังจากที่ผ่านประตูที่ต้องใส่รหัสมากมาย สุดท้ายก็มาถึงประตูของโกดัง

“เปิดประตู!” ชายคนนั้นตะโกนออกมาเสียงดัง
มู่หรงเก็บกดหัวใจที่กำลังตื่นเต้นไว้และมองไปที่ประตูอย่างกังวล

หลังจากที่ประตูเปิดออก มู่หรงเสวี่ยก็แทบรอไม่ไหวที่จะเข้าไปข้างในแต่เสี่ยวเข่อลี่ดึงเธอไว้

“เธอจะทำอะไร?” มู่หรงเสวี่ยจ้องไปที่เสี่ยวเข่อลี่ที่จับมือเธออยู่

เสี่ยวเข่อลี่ส่งยิ้มเย็นชามา “กำไลอยู่ที่ไหน?”

มู่หรงเสวี่ยเก็บกดความโกรธไว้ “ฉันยังไม่เจอพ่อกับแม่เลย แล้วจะบอกเธอได้ยังไง?” มองจากตรงประตูมันไม่ค่อยชัดเท่าไร แต่ข้างในมีสองคนที่รูปร่างเหมือนพ่อกับแม่เธออยู่ด้วย แต่ทำไมพวกท่านถึงไม่ขยับเลย…

“นั่นไม่ใช่คุณลุงกับคุณป้าหรือไงที่อยู่ที่พื้นข้างในน่ะ?!! ฉันเองยังเห็นเลย ทีนี้ก็บอกมาได้แล้วว่ากำไลอยู่ที่ไหน?” เสี่ยวเข่อลี่ถามออกมาอย่างกระหาย

“ฉันต้องเข้าไปดูให้แน่ใจ ทำไมพ่อกับแม่ฉันถึงไม่ขยับล่ะ?” มู่หรงเสวี่ยถาม
“ไม่ต้องห่วงหรอก ก็แค่โดนยาเยอะไปหน่อยแค่นั้นเอง…”
“ปล่อย ฉันจะเข้าไปดู!” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างเยือกเย็น

หลังจากที่นิ่งไปสักพัก เสี่ยวเข่อลี่ก็ปล่อยมือที่จับแขนมู่หรงอยู่ และแทบจะในทันทีที่มู่หรงรีบวิ่งเข้าไปหาคนสองคนที่ถูกมัดอยู่ด้วยกันอยู่ที่พื้น “พ่อคะ แม่คะ!”

เสี่ยวเข่อลี่ที่อยู่ข้างหลังเธอใกล้ๆพูดออกมา “ฉันบอกแล้วไงว่าแค่โดนยามากไปหน่อย?”

ไม่ว่าเสี่ยวเข่อลี่จะพูดอะไร แต่มู่หรงเสวี่ยก็รีบก้มลงไปและเอาหัวตัวเองเข้าไปใกล้จมูกของพวกท่าน เธอโล่งอกหลังจากที่มั่นใจแล้วว่าพวกท่านยังหายใจอยู่

เสี่ยวเข่อลี่เองก็ตามเข้ามาตรวจด้วยเหมือนกัน เธอสนใจแค่เรื่องที่ว่ากำไลอยู่ที่ไหน “เห็นไหมล่ะ กำไลล่ะ?” เธอถามออกมาพร้อมยืดตัวสูง

อย่างไรก็ตามมู่หรงเสวี่ยเผยรอยยิ้มแปลกให้เธอ แล้วมู่หรงและสามีภรรยามู่หรงก็หายตัวไปในพริบตา

สีหน้าของเสี่ยวเข่อลี่เปลี่ยนไป สายตาของเธอจ้องไปที่จุดเดิมและไม่นานก็นึกขึ้นได้และร้องออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “มู่หรง ออกมานะ! นังมู่หรงเสวี่ย เธอหลอกฉัน…” สีหน้าของเสี่ยวเข่อลี่เข้มและเครียดขึ้น

ในชีวิตที่แล้ว เธอไม่เคยลองพาคนอื่นเข้าไปในมิติลับเลยดังนั้นเอจึงไม่รู้ว่ามิติลับสามารถพาคนอื่นเข้าไปด้วยได้…และเมื่อกี้เธอก็เห็นแล้วว่าที่ตัวของมู่หรงไม่มีอะไรเลย เธอจึงไม่คิดว่าเธอจะเอามิติลับใส่ไว้ในร่างกายได้จริงๆ

“มู่หรง! นังบ้า ออกมาให้ฉันเห็นเลยนะ!!!” เสี่ยวเข่อลี่ร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เธอยังอยู่ในห้องพยายามมองหาร่องรอยของกำไลอย่างสิ้นหวัง ในชีวิตที่แล้วเวลาที่เธอเข้าไปในมิติลับ กำไลจะต้องปรากฏขึ้นมาดังนั้นเธอจึงระวังทุกครั้งที่เข้าไป แต่ทำไมมู่หรงเสวี่ยถึงหายตัวได้และยังไม่มีร่องรอยของกำไลอีก

เสี่ยวเข่อลี่โกรธมากแต่เธอรู้ว่ามู่หรงจะต้องยังอยู่ที่นี่ พอเข้าไปในมิติลับแล้วเธอจะเคลื่อนที่ไปที่อื่นไม่ได้

มู่หรงเสวี่ยที่เข้าไปในมิติลับแล้ว ไม่สนใจว่าเสี่ยวเข่อลี่จะตะโกนโวยวายมากแค่ไหนอยู่ข้างนอก เธอมองไปที่พ่อกับแม่ที่ยังนอนอยู่ที่พื้นและยังไม่ได้สติ เธอเป็นห่วง สิ่งแรกคือเธอเดินไปที่อาวุธแหลมๆ เพื่อที่จะตัดเชือกที่แขนให้หลุดโดยไม่สนใจรอยแดงของเลือดที่มือตัวเองเลย เธอรีบเดินมาอยู่ตรงหน้าพ่อกับแม่และยื่นมือออกไปตรวจชีพจรพวกท่าน โชคดีที่เรื่องที่เสี่ยวเข่อลี่พูดเป็นเรื่องจริง นี่เป็นแค่การสลบไปเฉยๆ เธอเดินไปตักน้ำแห่งจิตวิญญาณมาป้อนพวกท่าน ถึงแม้มันจะหกไปเยอะแต่ก็ยังพอเข้าไปในปากได้บ้าง

เสี่ยวเข่อลี่โกรธมากจนทำลายข้าวของในโกดังไปมากมาย เธอรู้สึกรำคาญกับสถานการณ์ที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ มิติลับเป็นสถานที่เดียวที่เธอเข้าไปยุ่งไม่ได้ ถ้ามู่หรงเสวี่ยไม่ออกมาเลยตลอดชีวิต เธอก็จะไม่ได้กำไลไปตลอดชีวิตของตัวเองด้วยเหมือนกัน แล้วหน้าตาของเธอก็จะต้องแก่ลงๆ

ในตอนนี้จู่ๆเสี่ยวเข่อลี่ก็นึกอะไรได้บางอย่างและร้องเพื่อข่มขู่ออกมา “มู่หรงเสวี่ย เธอคิดว่าโอเคแล้วงั้นเหรอที่พาคุณลุงคุณป้าเข้าไปอยู่ในนั้นนะ?!!! ฉันจำได้นะว่าเธอยังมีคุณปู่กับคุณย่าอีก!! เดิมทีฉันเองก็รู้สึกสงสารพวกคนแก่หรอกนะ อยากให้มีชีวิตอยู่กันยาวๆ แต่ในเมื่อเธอไม่รักษาคำพูดงั้นก็อย่ามาหาว่าฉันโหดร้ายก็แล้วกัน!!!”

มู่หรงเสวี่ยที่อยู่ในมิติลับยิ้มอย่างเยือกเย็น เธอคาดการณ์นิสัยของเสี่ยวเข่อลี่ไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว ดังนั้นเธอจึงขอให้ฮวงฟูอี้ช่วยก่อนที่เธอจะออกมา เธอเชื่อว่าเขาจะต้องทำตามที่บอก แค่มีดราก้อนพาวิลเลี่ยนคอยปกป้องคุณปู่คุณย่าแค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว!!!

เดิมทีเธออยากที่จะทำให้เสี่ยวเข่อลี่และชายคนนั้นสลบ แต่เมื่อเธอถูกมัดมือไว้จึงต้องล้มเลิกเรื่องเสี่ยวเข่อลี่และช่วยพ่อแม่ของเธอก่อน ตอนนี้เสี่ยวเข่อลี่อยู่ใกล้กับมิติลับของเธอมากแต่ชายคนนั้นเป็นปัญหาอยู่นิดหน่อย

ในตอนนี้มีเสียงดังอยู่ข้างนอกโกดัง สีหน้าของเสี่ยวเข่อลี่เปลี่ยนไป เธอหันมามองจุดที่มู่หรงเสวี่ยหายตัวไปอย่างเกลียดชังแล้วเธอก็รีบเดินออกไป แต่ก็ยังสั่งชายคนนั้น “ล็อกโกดังนี้ซะและห้ามใครเข้าหรือออก!” โชคดีที่ลูกน้องที่อยู่ที่นี่คือลูกน้องที่เธอเชื่อใจได้ ไม่งั้นก็คงกลายเป็นปัญหาแน่ๆ แต่เธอก็ไม่ได้อธิบายถึงสถานการณ์ ดังนั้นเธอจึงกังวลเรื่องคนนอกที่จะเข้าไปข้างในมากกว่า

“ครับ!” ลูกน้องชายรีบตอบกลับไปอย่างตกใจและไม่ว่าสถานการณ์มันจะน่าแปลกขนาดไหนแต่เขาก็เชื่อฟังคำสั่งเท่านั้น

ข้างนอกโกดังคือฮวงฟูอี้และหลงอี้ นอกจากพวกเขายังพาทีมมาอีกสามทีมซึ่งน่าจะมีคนประมาณ 30 คนที่กำลังเข้ามาจากทุกทางจากด้านนอก

เสี่ยวเข่อลี่เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของฮวงฟูอี้ก็ราวกับว่าผีออกจากร่างเธอ เธอตะลึงไปชั่วขณะจนกระทั่งคนพวกนั้นยกอาวุธขึ้นมาที่เธอและคนของเสี่ยวเข่อลี่เองต่างก็ยกอาวุธขึ้นมาประจันหน้ากันด้วย

แต่เห็นได้ชัดว่าฝั่งของเสี่ยวเข่อลี่เสียเปรียบและอาวุธก็เทียบไม่ได้เลย แถมยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องจำนวนคนของฝั่งฮวงฟูอี้เลยที่มากกว่าเห็นๆ

เสี่ยวเข่อลี่สืบเรื่องมู่หรงเสวี่ยมาแล้วและพบว่าเธอไม่มีกองกำลังที่ไหน ดังนั้นเธอจึงกล้าที่จะจับพ่อกับแม่ของเธอมา แม้แต่ลูกน้องเธอก็ยังไม่ต้องเตรียมอะไรมาก ในความคิดของเธอ ในชีวิตที่แล้วมู่หรงเสวี่ยก็เป็นเพียงผู้หญิงไร้ประโยชน์ของฟางฉีฮัว แค่คนธรรมดาๆก็สามารถที่จะจัดการเธอได้แล้ว แม้ว่าตอนนี้เธอจะกำลังคิดที่จะสร้างธุรกิจอะไรอยู่ก็ตาม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ เธอรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะไม่เจอจุดเชื่อมโยงอะไรของผู้ชายคนนี้กับมู่หรงเสวี่ยเลย

“ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณมาที่นี่ทำไม?! มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ!” เสี่ยวเข่อลี่เผยรอยยิ้มมีเสน่ห์แต่ก็ยังมองค้อนในสายตาด้วย

เพียงแค่ว่าใบหน้าของเสี่ยวเข่อลี่ก็เหมือนกับพวกชนชั้นสูงทั่วๆไปในดราก้อนพาวิลเลี่ยนและเธอไม่ว่าจะชื่นชมอาหารที่น่ากินตรงหน้ายังไง ในตอนนี้เมื่อเสี่ยวเข่อลี่พูดจบ หลงอี้ก็ยิงปืนไปที่เท้าของเสี่ยวเข่อลี่แบบเฉียดๆ

“ปัง!”

สีหน้าของเสี่ยวเข่อลี่เปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที คนพวกนี้ไม่ปรานีเธอเลย แต่ก่อนพวกผู้ชายมักจะชอบเธอและคงไม่ยิงปืนใส่เธอโดยไม่พูดอะไรสักคำแบบนี้แน่ๆ

ถึงแม้เขาจะไม่ชอบเธอแต่ก็น่าที่จะคุยกับเธอก่อนเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์

“คุณมู่หรงอยู่ที่ไหน?” หลงอี้เล็งปากกระบอกปืนไปที่คิ้วของเสี่ยวเข่อลี่
สายตาของเสี่ยวเข่อลี่เปลี่ยนไปในทันที เขามาตามหานังผู้หญิงชั้นต่ำ มู่หรงเสวี่ยไปรู้จักคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? ทำไมในข้อมูลที่สืบมาถึงไม่เจอเรื่องพวกนี้เลยล่ะ?

ความเป็นไปได้นับไม่ถ้วนแวบขึ้นมาในความคิดของเธอ ตอนนี้มันชัดเจนแล้วว่าเธอแข็งแกร่งมากแค่ไหน

ไม่นานหลังจากนั้นหลงอี้ก็ยิงอีกนัดให้เฉียดหูของเสี่ยวเข่อลี่ไป สายลมแรงของลูกกระสุนพุ่งผ่านหูของเธอไปซึ่งทำเธอขนลุกไปทั่งตัว ลูกน้องของเสี่ยวเข่อลี่ยกปืนขึ้นมาทันที เสี่ยวเข่อลี่ยื่นมือออกไปและพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้สั่น ไม่มีทางเลยที่พวกเธอจะชนะได้ เสี่ยวเข่อลี่เผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ “พี่ชายทั้งหลาย พวกคุณมาหาผิดที่แล้วล่ะ ใครคือคุณมู่หรงงั้นเหรอ?! ที่นี่เราไม่มีคุณมู่หรงนะ…”

สีหน้าของฮวงฟูอี้เยือกเย็น ตอนที่เขามองไปที่เสี่ยวเข่อลี่ เขามีสายตาอาฆาตที่อยากจะฆ่าเธออย่างรุนแรง คนที่กล้ามายุ่งกับเขาโดยที่ไม่รู้ว่าจะตายหรือเปล่า

หลงอี้รีบยกปืนของเขาขึ้นมาทันที

“อย่าเพิ่งยิง คุณมู่หรงไม่ได้อยู่ที่นี่ ถ้าไม่เชื่อพวกคุณก็ลองค้นดูก่อนก็ได้!” เสี่ยวเข่อลี่นึกถึงมู่หรงเสวี่ยที่เข้าไปในมิติลับแล้วและเดาว่าตอนนี้เธอก็คงยังไม่ออกมา อีกอย่างเธอรับรู้ได้ถึงแรงกดดันและความอันตรายของฝ่ายตรงข้ามอย่างมาก สัญชาตญาณของเธอช่วยเธอไว้แล้วหลายครั้ง

หลงอี้มองไปที่ฮวงฟูอี้ “ดราก้อนมาสเตอร์ครับ?”

“ค้น!” ฮวงฟูอี้เปล่งเสียงออกมาจากริมฝีปากบางที่สวยได้รูปแต่เย็นชา คนที่อยู่ข้างหลังเขาต่างก็วิ่งไปคนละทิศคนละทางกับเสี่ยวเข่อลี่แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้ยิงปืน ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันคนของฮวงฟูอี้เกือบ 10 คนเดินเข้าไปข้างในและเริ่มภารกิจค้นหาในแต่ละห้อง

เดิมทีหลงอี้ไม่เห็นด้วยกับดราก้อนมาสเตอร์ที่จะออกมาข้างนอกแต่ดราก้อนมาสเตอร์เพียงแค่มองเขาด้วยสายตาเย็นชาทำให้เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่ออีก อีกอย่างพวกเขามากันเยอะขนาดนี้ก็ไม่น่าที่จะมีอันตรายอะไร

ในตอนนี้ ฮวงฟูอี้รู้สึกลุกลี้ลุกลนและทรมานมากกว่าครั้งที่แล้วอีก ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่ามู่หรงเสวี่ยอยู่ในอันตราย เขาสงบใจไม่ลง ถึงแม้เขาจะรู้ว่าต่อให้เขาออกมาด้วยผลมันก็ไม่ต่างกัน แต่เขาทนนั่งรอเฉยๆในดราก้อนพาวิลเลี่ยนไม่ได้ ถึงแม้มันจะเร็วขึ้นอีกแค่วินาทีเดียวแต่เขาก็อยากจะเห็นเธออย่างเร็วที่สุด

เสี่ยวเข่อลี่รู้สึกกลัวมากขึ้นกว่าเดิม เธออยากที่จะเดินตามคนพวกนั้นไป อย่างไรก็ตามปืนที่อยู่ข้างๆก็ตีเข้าที่หัวเธอทันที

เธอหัวเราะและพูดออกมา “พี่ชาย ฉันก็แค่อยากจะไปดูสถานที่ของฉันเอง ฉันไม่ไปไหนไกลหรอก ใครจะรู้เผื่อพวกคนขโมยของล่ะ…” แต่เธอเป็นกังวล ตอนนี้เธอไม่มีความสามารถที่จะสู้กับอีกฝ่ายเลย ถึงแม้มู่หรงเฟิงหัวและสามีภรรยาจะหนีไปได้ แต่ถ้าพวกเขาเจอ เธอก็จบแน่ๆ

ข้างๆเธอคือสมาชิกของทีมจิงเฟิงที่ยังจ้องมาที่เธอด้วยสีหน้าเยือกเย็นอยู่โดยไม่พูดอะไรสักคำ

เสี่ยวเข่อลี่พยายามที่จะเดินไปข้างหน้า “คุณตามฉันมาก็ได้ ฉันแค่จะไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง!”

ดราก้อนมาสเตอร์ไม่ได้ออกคำสั่งให้ฆ่า สมาชิกของทีมจึงเดินตามเสี่ยวเข่อลี่ไปอย่างใกล้ชิดและไม่มีท่าทีที่จะผ่อนคลายเลยแม้สักนิด

ครั้งนี้ดราก้อนมาสเตอร์ไม่ได้สั่งพวกเขาให้ฆ่าคนพวกนี้ แล้วก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงให้ทำแค่ควบคุมตัวไว้

อันที่จริงพวกเขาไม่รู้ว่าฮวงฟูอี้เป็นห่วงเรื่องว่ามู่หรงเสวี่ยอยู่ที่ไหน ผลที่ได้คือนี่เป็นสถานที่สุดท้ายที่มู่หรงเสวี่ยอยู่ ก่อนที่จะได้เห็นมู่หรงเสวี่ย ฮวงฟูอี้ก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยงอะไรทั้งนั้น

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+