ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 120 กิจวัตรประจำวัน

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 120 กิจวัตรประจำวัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 120

กิจวัตรประจำวัน

เมื่อพวกเขากลับมาที่วิลล่าของมู่หรงเสวี่ย ก็เจอกับ ชางกวนโม่กำลังยืนรออยู่ที่หน้าประตูยืนพิงกำแพงอยู่ เขามองมาที่พวกเธออย่างเฉยเมย สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น

มู่หรงเสวี่ยเดินตรงเข้าไป “พี่โม่ มาที่นี่ได้ยังไงคะ?”

ชางกวนโม่มองไปที่เธอและถามออกไป “ฉันมาไม่ได้เหรอ?” หลังจากที่เขาไปส่งไป๋เสวี่ยหลี่ที่บ้านเมื่อคืนตอนประมาณเที่ยงคืน เขาก็ตรงมาที่วิลล่าเลยจนถึงตอนนี้

มู่หรงเสวี่ยเลิกคิ้วเล็กน้อยและยิ้มอย่างระวัง “พี่โม่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่านะคะ” มู่หรงเสวี่ยหยิบกุญแจออกมาเปิดประตูบ้าน

ชูอี้เสิ่นตรงกันข้าม รีบบอกว่าตัวเองกำลังยุ่งและขอตัวกลับก่อน ตอนนี้ไม่เหมาะที่เขาจะอยู่ที่นี่ด้วย นี่เป็นเรื่องของพวกเขา เขาจะเข้าไปยุ่งไม่ได้ อย่างไรก็ตามเขาจะต้องไปสืบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ถ้าชางกวนโม่ทรยศเสี่ยวเสวี่ยจริงๆ ถึงแม้เสี่ยวเสวี่ยจะต้องร้องไห้แต่เขาก็จะบอกความจริงกับเธอ ความเจ็บปวดมันดีกว่าการถูกทรยศ

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกขอบคุณชูอี้เสิ่นมาก ในเวลานี้เธอต้องการที่จะอยู่ตามลำพังกับชางกวนโม่ คำพูดบางคำก็ไม่เหมาะที่จะพูดต่อหน้าเพื่อนเท่าไร

หลังจากที่เข้าไปในวิลล่าแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็กอดชางกวนโม่อย่างอ่อนโยน “พี่โม่ ฉันขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ดูโทรศัพท์เลย ขอโทษนะคะที่ปล่อยให้คุณต้องรออยู่ข้างนอก…ขอโทษนะคะ…”

“ฉันไม่ได้โกรธ…” เขาเชื่อเธอ ถึงแม้เขาจะหึงแต่ก็ไม่อยากที่จะทะเลาะกันอีก แต่ในหัวใจก็เกิดความตระหนกครั้งใหญ่อยู่เหมือนกันเพราะเขาเองก็ได้ทำเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ลงไป ถ้าเสี่ยวเสวี่ยรู้เรื่องเข้า…บางทีเขาอาจจะต้องเสียเธอไปตลอดแน่ๆ

ชางกวนโม่กอดเธอไว้แน่น ความรู้สึกกลัวทำให้เขาทรมานอยู่ทั้งคืน

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับชางกวนโม่และเหมือนกับว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ด้วย เขากอดเธอแน่นกว่าปกติจนทำให้เธอรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เธอถามออกไปอย่างเป็นกังวล “พี่โม่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? เกิดอะไรขึ้น?”

ชางกวนโม่กอดเธอไว้ ร่างของเธอสั่นเล็กน้อยเขาจึงค่อยๆปล่อยเธอออกและจับหัวของเธอหันมาเขา “ไม่มีอะไรหรอก…”

เขาโกหก เขาบอกว่าไม่เป็นไรแต่ใครจะเชื่อเขา แต่เธอก็ช่วยไม่ได้ถ้าเขาไม่อยากที่จะบอก บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับงานก็ได้ เมื่อวานเขาบอกว่ามีเรื่องที่ต้องจัดการ บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน

ถ้ามันเป็นปัญหาเรื่องงาน เธอก็ช่วยเขาไม่ได้จริงๆ เมื่อเธอรับรู้ได้ถึงรอยห่างระหว่างพวกเขาสองคน งั้นเธอต้องเร่งพยายามมากขึ้นไม่งั้นเธอก็คงจะเป็นคนที่เหมาะกับเขาไม่ได้ เธอไม่อยากที่จะเห็นท่าทางโดดเดี่ยวของเขาเพราะมันทำให้เธอหดหู่ มู่หรงเสวี่ยรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “พี่โม่ ยังไม่กินอาหารเช้า มานั่งนี่กันนะคะ อีกอย่างวันนี้คุณว่างไหม?”

“วันนี้ไม่มีอะไรนะ ไม่ค่อยยุ่งเท่าไร มีอะไรเหรอ?”

“ถ้าคุณทำงานเสร็จแล้ว ไปข้างนอกเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหมคะ?” มู่หรงเสวี่ยถาม

“ได้สิ เดี๋ยวฉันจะหาเวลาช่วงบ่ายให้นะ…”

“คุณนั่งรอก่อนนะคะเดี๋ยวอาหารเช้าก็จะเสร็จแล้ว…” มู่หรงเสวี่ยเรียกชางกวนโม่จากในห้องครัว

หลังจากนั้นทั้งสองก็นั่งกินอาหารเช้ากันอย่างเงียบๆ น่าจะเป็นเพราะชางกวนโม่ที่ใจลอย มู่หรงเสวี่ยเองก็รู้สึกว่าในใจเขาต้องคิดอะไรบางอย่างอยู่แต่ก็ไม่อยากที่จะรบกวนเขา หลังจากนั้นชางกวนโม่ก็ไปทำงานที่บริษัท และมู่หรงเสวี่ยเองก็เริ่มที่จะจัดการเรื่องเลิฟสโนว์ในเมืองหลวงด้วยเหมือนกัน

พี่กู่ ไม่มีเวลามากนักที่จะมาจากเมือง A พวกเขาเพิ่งมาดูที่เมืองหลวงเพราะบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปเพิ่งจะถูกสร้างขึ้นมาไม่นาน ถึงแม้บริษัทจะเป็นไปตามแผนแต่งานพื้นฐานทุกอย่างของบริษัทพี่กู่ก็เป็นคนจัดการแต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครที่จะมาแทนเขาได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาก็กำลังหาคนอยู่ด้วยเหมือนกันเพราะพวกเขาเชื่อใจในคนที่มู่หรงเสวี่ยเลือกมา แน่นอนว่าพวกเขาจะอยู่ในเมือง A ตลอดเวลาไม่ได้

มู่หรงเสวี่ยโทรหาพี่กู่และขอให้พวกเขาทั้งสามหาเวลาว่างสักสองวัน พวกเขาจะประชุมกันและแจ้งเธอเรื่องเวลาที่แน่นอนอีกครั้ง เธอยังไม่เริ่มเรียนดังนั้นเธอจึงมีเวลาพอที่จะจัดให้พวกเขาได้

หลังจากนั้นก็เพิ่งจะเลยเที่ยงมานิดหน่อยเอง เธอจึงคิดว่าจะเข้าไปที่บริษัทขายที่ดินซะหน่อย หลังจากครั้งที่แล้วที่มู่หรงซื้อวิลล่า ทำให้พวกพนักงานขายต่างก็จำเธอได้ทันที ทันทีที่เธอเดินเข้าไป เหล่าพนักงานขายก็เข้ามาล้อมรอบเธอไว้ทันที

“คุณมู่หรง ยินดีต้อนรับนะคะ”

“มีอะไรให้ฉันรับใช้เหรอคะ?”

“…”

มู่หรงเสวี่ยมองพวกคนที่กำลังล้อมรอบเธอไว้และจ้องไปที่เสี่ยวชิงที่ถูกเบียดให้อยู่รอบนอกและพูดออกมาอย่างสบายๆ “ให้คุณเสี่ยวชิงมาดูแลฉันแล้วกัน!” เธอยังไม่ลืมเรื่องคราวที่แล้วที่มีเพียงเสี่ยวชิงคนเดียวที่ยอมเข้ามาช่วยเธอในครั้งก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่รังเกียจที่จะตอบแทนเธอบ้าง

สีหน้าของเสี่ยวชิงมีความสุขขึ้นมาทันและยิ้มอย่างอ่อนหวาน “ขอบคุณนะคะคุณมู่หรง”

พนักงานขายคนอื่นๆที่เหลือต่างก็หน้านิ่งไปเลย จ้องไปที่เสี่ยวชิงและพวกเธอก็แยกย้ายกันออกไปคนละทาง พวกเธอไม่กล้าที่จะมีเรื่องกับลูกค้าจึงทำได้เพียงเดินออกไปอย่างไม่เต็มใจและปล่อยให้เสี่ยวชิงเป็นคนดูแลแทน

ถึงแม้เสี่ยวชิงจะเป็นผู้หญิงตัวเล็กแต่เธอก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ไม่งั้นเธอคงตายในที่ทำงานนี้ไปนานแล้ว อีกอย่างพนักงานคนอื่นๆก็ชอบที่จะขโมยลูกค้ากันด้วย แล้วทำไมเธอจะต้องสนใจสีหน้าที่เย็นชาของพวกนั้นด้วยล่ะ? ในบริษัทนี้ เธอเพียงแค่ต้องดูแลลูกค้าอย่างดี อีกอย่างหลังจากครั้งที่แล้วต้องขอบคุณคุณมู่หรงที่ทำให้เธอได้กลายเป็นพนักงานประจำ เธอรู้สึกขอบคุณลูกค้าวัยรุ่นคนนี้อย่างมาก

“คุณมู่หรง ครั้งนี้ไม่ทราบว่าคุณสนใจบ้านแบบไหนดีคะ?” เสี่ยวชิงถาม

“ครั้งนี้ฉันไม่ได้มาดูบ้านหรอก คุณช่วยหาพื้นที่ที่ยังเปิดขายในเมืองหลวงให้ฉันทีได้ไหม ฉันอยากจะเอามาสร้างเป็นบริษัทงั้นที่ต้องไม่แคบเกินไป ดีที่สุดอยากได้ใจกลางเมืองและพื้นที่ต้องใหญ่หน่อยด้วย แล้วอีกที่เอาเป็นนอกเมืองหลวงนะ ฉันจะเอาไว้สร้างโรงงาน ถ้าคุณมีก็ช่วยเอามาให้ฉันดูทีนะคะ…” มู่หรงเสวี่ยนั่งรออยู่ที่โซฟา

ถึงแม้เสี่ยวชิงจะรู้ว่ามู่หรงเสวี่ยมีเงิน แต่เธอก็ไม่คิดว่าเธอจะสร้างบริษัททั้งๆที่อายุยังน้อยขนาดนี้ อย่างที่คาดไว้เธอไม่ได้รู้สึกอิจฉาความแตกต่างระหว่างเธอกับลูกค้า ถึงแม้เธอจะยังไม่มีบ้านไม่มีรถ และงานก็เพิ่งจะมั่นคงหลังจากที่ได้บรรจุเป็นพนักงานประจำนี่เอง แต่เธอก็มีเงินพอที่จะส่งกลับไปให้ครอบครัวที่บ้าน แค่นี้เธอก็พอใจแล้ว

เสี่ยวชิงรีบไปหาข้อมูลเรื่องที่ดินตามที่มู่หรงเสวี่ยต้องการทันที

หลังจากนั้นมู่หรงเสวี่ยก็ซื้อตึกโรงงานร้างที่เขตนอกเมือง ถึงแม้มันจะเป็นพื้นที่ว่างแต่มู่หรงเสวี่ยจำได้ว่าพื้นที่ตึกโรงงานร้างแถวนี้ดีมากๆ ในอีกไม่กี่ปีในชีวิตที่แล้วพื้นที่นี้จะได้รับการพัฒนาครั้งใหญ่โดยรัฐบาลและกลายเป็นพื้นที่ติดอันดับขึ้นมาเลย

ส่วนอีกที่ที่จะตั้งบริษัทอ้ายเสวี่ยอยู่ในพื้นที่ของวงแหวนรอบสามของเมืองหลวง ในพื้นที่วงแหวนรอบที่หนึ่งและสองไม่ค่อยมีที่เท่าไร ซึ่งก็โชคดีแล้วที่เธอเจอที่นี่ ที่ตรงนี้เคยเป็นบริษัทมาก่อนแต่เพราะเมื่อสองสามวันก่อนเกิดล้มละลาย พื้นที่นี้จึงตกเป็นของเต็งเฟยดังนั้นมู่หรงเสวี่ยจึงโชคดีมาก อันที่จริงมีหลายคนที่สนใจที่ตรงนี้แต่พวกเขาต่างก็คิดว่าราคามันแพงเกินไป และเลือกที่จะไปดูที่บริเวณอื่นแทน มีเพียงเสี่ยวเสวี่ยที่ใจป้ำและยอมที่จะจ่ายเงินสดทันที

เสี่ยวชิงมีความสุขมาก ครั้งนี้ค่าคอมมิชชั่นจะต้องสูงมากกว่าครั้งที่แล้วอย่างมาก ถึงกับทำให้เธอกลายเป็นคนรวยขึ้นมาได้เลย ในสายตาของคนบ้านนอกเธอรวยแล้ว

หลังจากที่เลือกที่ดินเสร็จ มู่หรงเสวี่ยก็โทรไปบอกเรื่องนี้กับโม่อ้ายหลี่และขอให้เธอรีบเดินทางมาดูด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด อย่างน้อยการก่อสร้างเบื้องต้นของบริษัทก็ยังต้องการคนจัดการและคอยดูแล โม่อ้ายหลี่ไม่คิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะเดินหน้าเร็วขนาดนี้ เธอจึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอคิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะเฝ้าสังเกตในเมืองหลวงไปสักระยะก่อนที่จะตัดสินใจ ไม่คิดเลยว่าเสี่ยวเสวี่ยจะตัดสินใจถึงขนาดเรื่องที่ตั้งของบริษัทแล้วด้วย หลังจากที่ถามอะไรกันมากมายแล้วทั้งสองก็วางสายไป

หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จ มู่หรงเสวี่ยก็กลับไปที่ วิลล่า ตอนนี้เธอไม่รู้จักใครในเมืองหลวงและไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี เธอกลับมาที่วิลล่าเพื่อเตรียมแผนสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากมิติลับ ในอีกสองสามวันเธอจะได้เจอกับพี่กู่แล้วด้วย

ในช่วงบ่าย เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น

“ฮัลโหลพี่โม่ เสร็จหรือยังคะ?” มู่หรงเสวี่ยถามอย่างมีความสุข

ที่ปลายสาย ชางกวนโม่เงียบไปสักพักแล้วจึงพูดออกมา “เสี่ยวเสวี่ย…ฉันขอโทษนะ ฉันยังติดงานอยู่เลย…ตอนนี้คงยังไปไม่ได้…”

ปากของมู่หรงเสวี่ยอ้าค้างไปชั่วขณะแต่ในเมื่อเขาติดงาน งั้นก็ทำอะไรไม่ได้

“ถ้าคุณไม่ว่าง งั้นค่อยไปวันหลังก็ได้ค่ะ…” อันที่จริง ระหว่างทางที่เธอกลับมาวันนี้ เธอบังเอิญเห็นร้านอาหารคู่รัก เลยคิดว่าในเมื่อชางกวนโม่แคร์เรื่องที่ไม่ได้อยู่กับเธอในวันเกิดมากนัก งั้นเธอก็อยากที่จะไปร้านอาหารด้วยกันวันนี้ ทั้งสองจะได้กินอาหารดีๆด้วยกัน

อย่างไรก็ตามในอนาคตก็ยังมีโอกาสและเธอเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากแล้วด้วย ตอนนี้มู่หรงเสวี่ยไม่รู้ว่าตัวเองต้องคิดอะไรอีกแล้วแต่ก็ช่างมันเถอะ

ระหว่างนั้นที่เธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ มู่หรงเสวี่ยก็ได้รับสายที่ไม่คาดคิด นั่นคือสายจากคุณปู่โม่นั่นเอง

“คุณปู่โม่!” มู่หรงเสวี่ยกล่าวทักอย่างมีความสุข

เสียงแก่ของโม่ชางเฟิงดังตอบกลับมา “หนูนี่เหลือเกินจริงๆนะ ทำไมสอบเข้ามหาวิทยาลัยผ่านแล้วถึงไม่บอกตาแก่คนนี้บ้างเลย?”

“ฮ่าฮ่า หนูยุ่งมากเลยค่ะ จนลืมไปเลยว่าต้องแวะไปเยี่ยมคุณปู่”

“จริงเหรอ?!! อย่ามาหลอกคนแก่อย่างปู่นะ?”

“เรื่องจริงนะคะ หนูจะหลอกคุณปู่โม่ได้ยังไงล่ะคะ?”

“งั้นหนูก็แวะมาที่นี่ตอนนี้เลย อย่าปฏิเสธนะ ปู่รู้ว่าหนูอยู่ในเมืองหลวง อ้ายหลี่เป็นคนบอกปู่เอง แวะมากินข้าวเย็นกับตาแก่อย่างปู่หน่อย ไม่มีคนนอกหรอก”

“งั้นเดี๋ยวหนูจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” แน่นอนสำหรับเธอมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะปฏิเสธคำเชิญของคุณปู่โม่ อีกอย่างเพราะอ้ายหลี่ ทำให้เธอกับตระกูลโม่สนิทกันราวกับเป็นสมาชิกในครอบครัวแบบนี้

——————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 120 กิจวัตรประจำวัน

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 120 กิจวัตรประจำวัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 120

กิจวัตรประจำวัน

เมื่อพวกเขากลับมาที่วิลล่าของมู่หรงเสวี่ย ก็เจอกับ ชางกวนโม่กำลังยืนรออยู่ที่หน้าประตูยืนพิงกำแพงอยู่ เขามองมาที่พวกเธออย่างเฉยเมย สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น

มู่หรงเสวี่ยเดินตรงเข้าไป “พี่โม่ มาที่นี่ได้ยังไงคะ?”

ชางกวนโม่มองไปที่เธอและถามออกไป “ฉันมาไม่ได้เหรอ?” หลังจากที่เขาไปส่งไป๋เสวี่ยหลี่ที่บ้านเมื่อคืนตอนประมาณเที่ยงคืน เขาก็ตรงมาที่วิลล่าเลยจนถึงตอนนี้

มู่หรงเสวี่ยเลิกคิ้วเล็กน้อยและยิ้มอย่างระวัง “พี่โม่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่านะคะ” มู่หรงเสวี่ยหยิบกุญแจออกมาเปิดประตูบ้าน

ชูอี้เสิ่นตรงกันข้าม รีบบอกว่าตัวเองกำลังยุ่งและขอตัวกลับก่อน ตอนนี้ไม่เหมาะที่เขาจะอยู่ที่นี่ด้วย นี่เป็นเรื่องของพวกเขา เขาจะเข้าไปยุ่งไม่ได้ อย่างไรก็ตามเขาจะต้องไปสืบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ถ้าชางกวนโม่ทรยศเสี่ยวเสวี่ยจริงๆ ถึงแม้เสี่ยวเสวี่ยจะต้องร้องไห้แต่เขาก็จะบอกความจริงกับเธอ ความเจ็บปวดมันดีกว่าการถูกทรยศ

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกขอบคุณชูอี้เสิ่นมาก ในเวลานี้เธอต้องการที่จะอยู่ตามลำพังกับชางกวนโม่ คำพูดบางคำก็ไม่เหมาะที่จะพูดต่อหน้าเพื่อนเท่าไร

หลังจากที่เข้าไปในวิลล่าแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็กอดชางกวนโม่อย่างอ่อนโยน “พี่โม่ ฉันขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ดูโทรศัพท์เลย ขอโทษนะคะที่ปล่อยให้คุณต้องรออยู่ข้างนอก…ขอโทษนะคะ…”

“ฉันไม่ได้โกรธ…” เขาเชื่อเธอ ถึงแม้เขาจะหึงแต่ก็ไม่อยากที่จะทะเลาะกันอีก แต่ในหัวใจก็เกิดความตระหนกครั้งใหญ่อยู่เหมือนกันเพราะเขาเองก็ได้ทำเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ลงไป ถ้าเสี่ยวเสวี่ยรู้เรื่องเข้า…บางทีเขาอาจจะต้องเสียเธอไปตลอดแน่ๆ

ชางกวนโม่กอดเธอไว้แน่น ความรู้สึกกลัวทำให้เขาทรมานอยู่ทั้งคืน

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับชางกวนโม่และเหมือนกับว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ด้วย เขากอดเธอแน่นกว่าปกติจนทำให้เธอรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เธอถามออกไปอย่างเป็นกังวล “พี่โม่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? เกิดอะไรขึ้น?”

ชางกวนโม่กอดเธอไว้ ร่างของเธอสั่นเล็กน้อยเขาจึงค่อยๆปล่อยเธอออกและจับหัวของเธอหันมาเขา “ไม่มีอะไรหรอก…”

เขาโกหก เขาบอกว่าไม่เป็นไรแต่ใครจะเชื่อเขา แต่เธอก็ช่วยไม่ได้ถ้าเขาไม่อยากที่จะบอก บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับงานก็ได้ เมื่อวานเขาบอกว่ามีเรื่องที่ต้องจัดการ บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน

ถ้ามันเป็นปัญหาเรื่องงาน เธอก็ช่วยเขาไม่ได้จริงๆ เมื่อเธอรับรู้ได้ถึงรอยห่างระหว่างพวกเขาสองคน งั้นเธอต้องเร่งพยายามมากขึ้นไม่งั้นเธอก็คงจะเป็นคนที่เหมาะกับเขาไม่ได้ เธอไม่อยากที่จะเห็นท่าทางโดดเดี่ยวของเขาเพราะมันทำให้เธอหดหู่ มู่หรงเสวี่ยรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “พี่โม่ ยังไม่กินอาหารเช้า มานั่งนี่กันนะคะ อีกอย่างวันนี้คุณว่างไหม?”

“วันนี้ไม่มีอะไรนะ ไม่ค่อยยุ่งเท่าไร มีอะไรเหรอ?”

“ถ้าคุณทำงานเสร็จแล้ว ไปข้างนอกเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหมคะ?” มู่หรงเสวี่ยถาม

“ได้สิ เดี๋ยวฉันจะหาเวลาช่วงบ่ายให้นะ…”

“คุณนั่งรอก่อนนะคะเดี๋ยวอาหารเช้าก็จะเสร็จแล้ว…” มู่หรงเสวี่ยเรียกชางกวนโม่จากในห้องครัว

หลังจากนั้นทั้งสองก็นั่งกินอาหารเช้ากันอย่างเงียบๆ น่าจะเป็นเพราะชางกวนโม่ที่ใจลอย มู่หรงเสวี่ยเองก็รู้สึกว่าในใจเขาต้องคิดอะไรบางอย่างอยู่แต่ก็ไม่อยากที่จะรบกวนเขา หลังจากนั้นชางกวนโม่ก็ไปทำงานที่บริษัท และมู่หรงเสวี่ยเองก็เริ่มที่จะจัดการเรื่องเลิฟสโนว์ในเมืองหลวงด้วยเหมือนกัน

พี่กู่ ไม่มีเวลามากนักที่จะมาจากเมือง A พวกเขาเพิ่งมาดูที่เมืองหลวงเพราะบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปเพิ่งจะถูกสร้างขึ้นมาไม่นาน ถึงแม้บริษัทจะเป็นไปตามแผนแต่งานพื้นฐานทุกอย่างของบริษัทพี่กู่ก็เป็นคนจัดการแต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครที่จะมาแทนเขาได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาก็กำลังหาคนอยู่ด้วยเหมือนกันเพราะพวกเขาเชื่อใจในคนที่มู่หรงเสวี่ยเลือกมา แน่นอนว่าพวกเขาจะอยู่ในเมือง A ตลอดเวลาไม่ได้

มู่หรงเสวี่ยโทรหาพี่กู่และขอให้พวกเขาทั้งสามหาเวลาว่างสักสองวัน พวกเขาจะประชุมกันและแจ้งเธอเรื่องเวลาที่แน่นอนอีกครั้ง เธอยังไม่เริ่มเรียนดังนั้นเธอจึงมีเวลาพอที่จะจัดให้พวกเขาได้

หลังจากนั้นก็เพิ่งจะเลยเที่ยงมานิดหน่อยเอง เธอจึงคิดว่าจะเข้าไปที่บริษัทขายที่ดินซะหน่อย หลังจากครั้งที่แล้วที่มู่หรงซื้อวิลล่า ทำให้พวกพนักงานขายต่างก็จำเธอได้ทันที ทันทีที่เธอเดินเข้าไป เหล่าพนักงานขายก็เข้ามาล้อมรอบเธอไว้ทันที

“คุณมู่หรง ยินดีต้อนรับนะคะ”

“มีอะไรให้ฉันรับใช้เหรอคะ?”

“…”

มู่หรงเสวี่ยมองพวกคนที่กำลังล้อมรอบเธอไว้และจ้องไปที่เสี่ยวชิงที่ถูกเบียดให้อยู่รอบนอกและพูดออกมาอย่างสบายๆ “ให้คุณเสี่ยวชิงมาดูแลฉันแล้วกัน!” เธอยังไม่ลืมเรื่องคราวที่แล้วที่มีเพียงเสี่ยวชิงคนเดียวที่ยอมเข้ามาช่วยเธอในครั้งก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่รังเกียจที่จะตอบแทนเธอบ้าง

สีหน้าของเสี่ยวชิงมีความสุขขึ้นมาทันและยิ้มอย่างอ่อนหวาน “ขอบคุณนะคะคุณมู่หรง”

พนักงานขายคนอื่นๆที่เหลือต่างก็หน้านิ่งไปเลย จ้องไปที่เสี่ยวชิงและพวกเธอก็แยกย้ายกันออกไปคนละทาง พวกเธอไม่กล้าที่จะมีเรื่องกับลูกค้าจึงทำได้เพียงเดินออกไปอย่างไม่เต็มใจและปล่อยให้เสี่ยวชิงเป็นคนดูแลแทน

ถึงแม้เสี่ยวชิงจะเป็นผู้หญิงตัวเล็กแต่เธอก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ไม่งั้นเธอคงตายในที่ทำงานนี้ไปนานแล้ว อีกอย่างพนักงานคนอื่นๆก็ชอบที่จะขโมยลูกค้ากันด้วย แล้วทำไมเธอจะต้องสนใจสีหน้าที่เย็นชาของพวกนั้นด้วยล่ะ? ในบริษัทนี้ เธอเพียงแค่ต้องดูแลลูกค้าอย่างดี อีกอย่างหลังจากครั้งที่แล้วต้องขอบคุณคุณมู่หรงที่ทำให้เธอได้กลายเป็นพนักงานประจำ เธอรู้สึกขอบคุณลูกค้าวัยรุ่นคนนี้อย่างมาก

“คุณมู่หรง ครั้งนี้ไม่ทราบว่าคุณสนใจบ้านแบบไหนดีคะ?” เสี่ยวชิงถาม

“ครั้งนี้ฉันไม่ได้มาดูบ้านหรอก คุณช่วยหาพื้นที่ที่ยังเปิดขายในเมืองหลวงให้ฉันทีได้ไหม ฉันอยากจะเอามาสร้างเป็นบริษัทงั้นที่ต้องไม่แคบเกินไป ดีที่สุดอยากได้ใจกลางเมืองและพื้นที่ต้องใหญ่หน่อยด้วย แล้วอีกที่เอาเป็นนอกเมืองหลวงนะ ฉันจะเอาไว้สร้างโรงงาน ถ้าคุณมีก็ช่วยเอามาให้ฉันดูทีนะคะ…” มู่หรงเสวี่ยนั่งรออยู่ที่โซฟา

ถึงแม้เสี่ยวชิงจะรู้ว่ามู่หรงเสวี่ยมีเงิน แต่เธอก็ไม่คิดว่าเธอจะสร้างบริษัททั้งๆที่อายุยังน้อยขนาดนี้ อย่างที่คาดไว้เธอไม่ได้รู้สึกอิจฉาความแตกต่างระหว่างเธอกับลูกค้า ถึงแม้เธอจะยังไม่มีบ้านไม่มีรถ และงานก็เพิ่งจะมั่นคงหลังจากที่ได้บรรจุเป็นพนักงานประจำนี่เอง แต่เธอก็มีเงินพอที่จะส่งกลับไปให้ครอบครัวที่บ้าน แค่นี้เธอก็พอใจแล้ว

เสี่ยวชิงรีบไปหาข้อมูลเรื่องที่ดินตามที่มู่หรงเสวี่ยต้องการทันที

หลังจากนั้นมู่หรงเสวี่ยก็ซื้อตึกโรงงานร้างที่เขตนอกเมือง ถึงแม้มันจะเป็นพื้นที่ว่างแต่มู่หรงเสวี่ยจำได้ว่าพื้นที่ตึกโรงงานร้างแถวนี้ดีมากๆ ในอีกไม่กี่ปีในชีวิตที่แล้วพื้นที่นี้จะได้รับการพัฒนาครั้งใหญ่โดยรัฐบาลและกลายเป็นพื้นที่ติดอันดับขึ้นมาเลย

ส่วนอีกที่ที่จะตั้งบริษัทอ้ายเสวี่ยอยู่ในพื้นที่ของวงแหวนรอบสามของเมืองหลวง ในพื้นที่วงแหวนรอบที่หนึ่งและสองไม่ค่อยมีที่เท่าไร ซึ่งก็โชคดีแล้วที่เธอเจอที่นี่ ที่ตรงนี้เคยเป็นบริษัทมาก่อนแต่เพราะเมื่อสองสามวันก่อนเกิดล้มละลาย พื้นที่นี้จึงตกเป็นของเต็งเฟยดังนั้นมู่หรงเสวี่ยจึงโชคดีมาก อันที่จริงมีหลายคนที่สนใจที่ตรงนี้แต่พวกเขาต่างก็คิดว่าราคามันแพงเกินไป และเลือกที่จะไปดูที่บริเวณอื่นแทน มีเพียงเสี่ยวเสวี่ยที่ใจป้ำและยอมที่จะจ่ายเงินสดทันที

เสี่ยวชิงมีความสุขมาก ครั้งนี้ค่าคอมมิชชั่นจะต้องสูงมากกว่าครั้งที่แล้วอย่างมาก ถึงกับทำให้เธอกลายเป็นคนรวยขึ้นมาได้เลย ในสายตาของคนบ้านนอกเธอรวยแล้ว

หลังจากที่เลือกที่ดินเสร็จ มู่หรงเสวี่ยก็โทรไปบอกเรื่องนี้กับโม่อ้ายหลี่และขอให้เธอรีบเดินทางมาดูด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด อย่างน้อยการก่อสร้างเบื้องต้นของบริษัทก็ยังต้องการคนจัดการและคอยดูแล โม่อ้ายหลี่ไม่คิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะเดินหน้าเร็วขนาดนี้ เธอจึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอคิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะเฝ้าสังเกตในเมืองหลวงไปสักระยะก่อนที่จะตัดสินใจ ไม่คิดเลยว่าเสี่ยวเสวี่ยจะตัดสินใจถึงขนาดเรื่องที่ตั้งของบริษัทแล้วด้วย หลังจากที่ถามอะไรกันมากมายแล้วทั้งสองก็วางสายไป

หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จ มู่หรงเสวี่ยก็กลับไปที่ วิลล่า ตอนนี้เธอไม่รู้จักใครในเมืองหลวงและไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี เธอกลับมาที่วิลล่าเพื่อเตรียมแผนสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากมิติลับ ในอีกสองสามวันเธอจะได้เจอกับพี่กู่แล้วด้วย

ในช่วงบ่าย เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น

“ฮัลโหลพี่โม่ เสร็จหรือยังคะ?” มู่หรงเสวี่ยถามอย่างมีความสุข

ที่ปลายสาย ชางกวนโม่เงียบไปสักพักแล้วจึงพูดออกมา “เสี่ยวเสวี่ย…ฉันขอโทษนะ ฉันยังติดงานอยู่เลย…ตอนนี้คงยังไปไม่ได้…”

ปากของมู่หรงเสวี่ยอ้าค้างไปชั่วขณะแต่ในเมื่อเขาติดงาน งั้นก็ทำอะไรไม่ได้

“ถ้าคุณไม่ว่าง งั้นค่อยไปวันหลังก็ได้ค่ะ…” อันที่จริง ระหว่างทางที่เธอกลับมาวันนี้ เธอบังเอิญเห็นร้านอาหารคู่รัก เลยคิดว่าในเมื่อชางกวนโม่แคร์เรื่องที่ไม่ได้อยู่กับเธอในวันเกิดมากนัก งั้นเธอก็อยากที่จะไปร้านอาหารด้วยกันวันนี้ ทั้งสองจะได้กินอาหารดีๆด้วยกัน

อย่างไรก็ตามในอนาคตก็ยังมีโอกาสและเธอเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากแล้วด้วย ตอนนี้มู่หรงเสวี่ยไม่รู้ว่าตัวเองต้องคิดอะไรอีกแล้วแต่ก็ช่างมันเถอะ

ระหว่างนั้นที่เธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ มู่หรงเสวี่ยก็ได้รับสายที่ไม่คาดคิด นั่นคือสายจากคุณปู่โม่นั่นเอง

“คุณปู่โม่!” มู่หรงเสวี่ยกล่าวทักอย่างมีความสุข

เสียงแก่ของโม่ชางเฟิงดังตอบกลับมา “หนูนี่เหลือเกินจริงๆนะ ทำไมสอบเข้ามหาวิทยาลัยผ่านแล้วถึงไม่บอกตาแก่คนนี้บ้างเลย?”

“ฮ่าฮ่า หนูยุ่งมากเลยค่ะ จนลืมไปเลยว่าต้องแวะไปเยี่ยมคุณปู่”

“จริงเหรอ?!! อย่ามาหลอกคนแก่อย่างปู่นะ?”

“เรื่องจริงนะคะ หนูจะหลอกคุณปู่โม่ได้ยังไงล่ะคะ?”

“งั้นหนูก็แวะมาที่นี่ตอนนี้เลย อย่าปฏิเสธนะ ปู่รู้ว่าหนูอยู่ในเมืองหลวง อ้ายหลี่เป็นคนบอกปู่เอง แวะมากินข้าวเย็นกับตาแก่อย่างปู่หน่อย ไม่มีคนนอกหรอก”

“งั้นเดี๋ยวหนูจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” แน่นอนสำหรับเธอมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะปฏิเสธคำเชิญของคุณปู่โม่ อีกอย่างเพราะอ้ายหลี่ ทำให้เธอกับตระกูลโม่สนิทกันราวกับเป็นสมาชิกในครอบครัวแบบนี้

——————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+