ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 150 บางอย่างผิดปกติกับพี่สี่

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 150 บางอย่างผิดปกติกับพี่สี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 150
บางอย่างผิดปกติกับพี่สี่

ดูเหมือนว่าเหล่านักศึกษาปีหนึ่งที่อยู่ด้านล่างจะไม่ค่อยยอมรับครูฝึกที่เข้มงวดคนนี้เท่าไรพวกเขาจึงยืนกันเงียบ สีหน้าของครูฝึกเริ่มเย็นชาขึ้นและพูดออกมาเสียงเข้ม “ตอบรับออกมาด้วยว่า รับทราบครูฝึก!”

“รับทราบ ครูฝึก!”
“เสียงเบาเกินไป ไม่ได้กินข้าวกันมาหรือไง?! พูดอีกรอบ”
“รับทราบ ครูฝึก!”
“อีกรอบ!”
“รับทราบ ครูฝึก!”
“…”
ภายใต้สีหน้าที่เย็นชาของครูฝึกโม่แต่กลับทำให้นักศึกษาปีหนึ่งในกองของเขาต้องตะโกนกันเสียงแหบเสียงแห้งตั้งแต่ในวันแรกของการฝึกทหารแล้ว
เพราะนี่เป็นวันแรกจึงยังไม่ได้ฝึกอะไร เพียงแค่ฝึกท่ายืนทั่วไป หลังจากนั้นก็พูดถึงกฎและหอพักเกี่ยวกับการฝึกทหารในกองทัพ

พี่สี่และมู่หรงเสวี่ยได้พักอยู่ด้วยกัน ในระหว่างที่พี่ห้าถูกแยกออกไปอยู่หอพักอื่น ส่วนที่เหลืออีกสามคนแน่นอนว่าต้องไปอยู่ที่หอพักชายซึ่งอยู่คนละอาคาร

นี่เป็นการเริ่มต้นของการฝึกทหารแต่มู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกเหนื่อยซะแล้ว เธอไม่ได้ยืนแบบนี้มานานมากแล้ว แม้แต่เท้าของเธอก็เจ็บไปหมดแต่มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเป็นห่วงพี่สี่ ทันทีที่เธอกับพี่สี่กลับมาที่หอพัก พี่สี่ก็นั่งหน้าซีดอยู่ที่เตียง

คนที่เหลือของหอพักต่างก็มาถึงแล้วด้วยเหมือนกัน ที่นี่จะไม่ใช่หอพักที่เรียงเป็นแถวๆแต่เป็นหอพักที่ผสมกัน นอกจากพี่สี่แล้วก็ยังมีอีกหกคนที่มู่หรงเสวี่ยไม่รู้จัก หอพักมีขนาดเล็กมากๆ เป็นเตียงสองชั้นพร้อมห้องน้ำสองห้อง ตารางการฝึกทหารค่อนข้างแน่น แม้แต่เวลาอาบน้ำก็ยังมีจำกัดเลย นักศึกษาทุกคนจะต้องเข้านอนก่อนเวลา 5 ทุ่มและห้ามส่งเสียงใดๆ ซึ่งจะมีครูฝึกเข้ามาคอยตรวจสอบด้วย
“สวัสดีมู่หรง ฉันฮวงเสี่ยวเฟ่ย เราเป็นเพื่อนกันได้ไหม?”
มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมาและเห็นว่าเธอดูท่าทางธรรมดา เป็นเด็กสาวขี้อาย, ตาโต, จมูกเล็กๆและที่หน้ามีกระเล็กน้อย ในตอนนี้เธอยืนบิดเล็กน้อยและดูเหมือนจะงงๆด้วย

มู่หรงเสวี่ยยิ้ม “สวัสดีเสี่ยวเฟ่ย ถ้าเธอไม่รังเกียจจะเรียกฉันว่าเสี่ยวเสวี่ยก็ได้นะ!” เธอมักจะมอบความจริงใจให้กับคนอยากเข้ามาเป็นเพื่อนด้วยความจริงใจเสมอ

“ได้เลยมู่หรง ฉันอยากจะคุยกับเธอมาตลอดเลย” เธอเดินตรงเข้ามาจับมือมู่หรงเสวี่ยอย่างมีความสุข

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไรและอยากที่จะปล่อยมือออกแต่เธอก็ต้องทนไว้เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของอีกฝ่าย แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเป็นห่วงพี่สี่อย่างมากเธอจึงยังไม่ค่อยอยากที่จะคุยด้วยเท่าไร “ยินดีที่ได้รู้จักนะ เดี๋ยวมีเวลาเราค่อยคุยกันเพิ่มนะ ว่าแต่ตอนนี้เธอน่าจะไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวก็จะได้เวลานอนแล้ว เดี๋ยวฉันก็จะไปอาบด้วยเหมือนกัน”

“งั้นฉันไปอาบก่อนนะ” ฮวงเสี่ยวเฟิงหยิบเสื้อผ้าอย่างมีความสุขและเดินเข้าห้องน้ำไป

หลังจากที่เห็นว่าฮวงเสี่ยวเฟิงออกไปแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็หันหัวกลับมามองสีหน้าซีดเซียวของพี่สี่ที่นั่งอยู่บนเตียงและถามออกมาเสียงอ่อนโยน “พี่สี่ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?! มีเรื่องอะไรผิดปกติหรือเปล่า? หรือว่ามีเรื่องอะไร?”

พี่สี่เผยรอยยิ้มซีดเซียวพร้อมพูดออกมาเสียงเบา “ฉันไม่เป็น เธอไม่ต้องห่วงหรอก!”

มู่หรงเสวี่ยถอนหายใจ “ถ้าไม่อยากยิ้มก็ไม่ต้องยิ้มก็ได้นะ หน้ายิ้มเธออย่างกับจะร้องไห้งั้นฉันไม่ถามแล้ว งั้นถ้าเธอพร้อมจะพูดเมื่อไรฉันจะรอฟังนะ อย่าลืมนะว่าเราเป็นเพื่อนกัน…”

พี่สี่พยักหน้า “ขอฉันอยู่เงียบๆสักพักนะ!”
มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าตอนนี้พี่สี่ไม่ค่อยมีอารมณ์อยากจะพูดเท่าไรเหมือนกัน เมื่อมองไปรอบๆเธอก็รีบเก็บของทันที ไม่งั้นมันคงแย่แน่ถ้าครูฝึกเข้ามาเช็ก
เมื่อตอนบ่ายครูฝึกโม่พูดไว้แล้วเรื่องความสะอาดภายในหอพัก หอพักจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาทำความสะอาดอีก ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่สองคนเข้ามาทำความสะอาดทุกวันโดยจะดูเรื่องการเรียงรองเท้า, เก็บที่นอนและล้างจานเพื่อเก็บให้เข้าที่เข้าทาง ที่พื้นจะต้องไม่มีฝุ่นโดยเฉพาะเส้นผม

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกงงนิดหน่อย ยังไงซะเธอก็แทบจะไม่เคยต้องดูแลความสะอาดของหอพักแบบนี้เลย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องอยู่ในหอพัก ความคับแคบของหอพักทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไรแต่มันก็ไม่มีทางเลือก ในระหว่างการฝึกทหารนี้เธอจะขออะไรพิเศษไม่ได้

ไม่นานฮวงเสี่ยวเฟิงก็อาบน้ำเสร็จและเดินออกมา เมื่อเห็นมู่หรงเสวี่ยกำลังทำความสะอาดอยู่คนเดียว เธอก็รีบเข้ามาช่วย “เสี่ยวเสวี่ย ให้ฉันช่วยนะ?! แต่ทำไมอีกสองคนไม่มาช่วยทำล่ะ? ทำไมเธอต้องมาทำคนเดียว”

“ไม่เป็นไร ฉันทำเองได้จ๊ะ” มู่หรงเสวี่ยไม่ได้พูดถึงพี่สี่ วันนี้เป็นเวรเธอที่ต้องทำความสะอาด แต่เธอไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าพี่สี่ขี้เกียจ เธอมองออกว่าพี่สี่อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไรราวกับว่าเธอสามารถที่จะล้มลงมาได้ตลอด

ฮวงเสี่ยวเฟิงเผยรอยยิ้ม เธอดูน่ารักและเป็นมิตร “ทำสองคนจะเร็วกว่านะ รีบเก็บของกันเถอะ เธอยังไม่ได้ซักผ้ามาถูใช่ไหม! เดี๋ยวฉันทำเองนะ ไม่งั้นเดี๋ยวครูฝึกต้องเข้ามาดูแน่ๆ”

มู่หรงเสวี่ยเห็นเห็นว่าฮวงเสี่ยวเฟิงกำลังจะเอาผ้ามาถูกพื้น เธอหัวเราะและรีบเก็บข้าวของ อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกประทับใจกับเพื่อนใหม่คนนี้มาก ส่วนคนที่เหลือนั่งกันอยู่อีกฝั่งกำลังนั่งคุยกันเอง เธอเห็นว่าพวกเธอไม่ได้ถามอะไร มู่หรงเสวี่ยจึงไม่อยากที่จะบอกให้พวกเธอช่วยแต่เธอมีความรู้สึกและรู้ว่าบางคนก็สามารถที่จะสนิทด้วยได้ คนพวกนั้นเพียงแค่พยักหน้า

โชคดีที่หอพักไม่ได้ใหญ่มากจึงใช้เวลาทำความสะอาดไม่นานเท่าไร มู่หรงเสวี่ยเองทำความสะอาดธรณีประตูหน้าต่าง, กระจกและเช็ดโต๊ะด้วย ในตอนนี้ฮวงเสี่ยวเฟิงเองก็กำลังถูกพื้น

มู่หรงเสวี่ยเดินตรงเข้าไปและพูดอย่างขอบคุณ “ขอบคุณนะเสี่ยวเฟิง”
ฮวงเสี่ยวเฟิงหัวเราะและพูดออกมา “ขอบคุณอะไรกัน?! นี่แค่เรื่องเล็กน้อย ยังไงซะฉันก็ชินกับการทำความสะอาดที่บ้านอยู่แล้ว ฉันชินแล้วแหละ เธอยังไม่ได้อาบน้ำเลย รีบไปอาบเถอะ!”

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้า “ฉันจะไปอาบน้ำก่อนแล้วพอว่างแล้วค่อยมาคุยกันนะ” มู่หรงเสวี่ยมองไปที่เวลา นี่ก็สี่ทุ่มครึ่งแล้ว เธอต้องรีบไปอาบน้ำก่อน

เธอแตะไปที่พี่สี่ที่นั่งอยู่บนเตียงและพูดเสียงอ่อนโยน “พี่สี่ ได้เวลาไปอาบน้ำแล้วนะ! ดึกแล้ว…”

พี่สี่ที่นั่งอยู่บนเตียงยังคงไม่พูดอะไร มู่หรงเสวี่ยไม่มีทางเลือกนอกจากถอนหายใจเสียงอ่อนแล้วจึงหยิบเสื้อผ้าเดินเข้าไปอาบน้ำ ชุดทหารจะมีทั้งหมดสามเซตเพื่อสำหรับเปลี่ยนและไว้ซัก ในเขตพื้นที่การฝึกทหารทุกอย่างจะต้องทำด้วยมือ ที่นี่ไม่มีเครื่องซักผ้า เสื้อผ้าทั้งหมดจึงต้องซักด้วยมือ

มู่หรงเสวี่ยยังคงสวมชุดทหารอยู่หลังจากที่อาบน้ำแล้ว อันที่จริงนักศึกษาทุกคนจะต้องสวมชุดฝึกทหารเพราะเช้าวันถัดไปจะไม่มีเวลาที่จะแต่งตัว วันนี้ครูฝึกโม่บอกว่าเมื่อระฆังดังในวันรุ่งขึ้น พวกเธอจะต้องมาถึงที่สนามฝึกภายใน 10 นาที และ 10 นาทีแค่ล้างหน้ายังไม่พอเลย ดังนั้นพวกเธอจึงประหยัดเวลาโดยการสวมชุดไว้ซะเลย

พี่สี่นอนนอนอยู่บนเตียงและมู่หรงเสวี่ยก็เข้านอน ทันทีที่เธอกำลังจะพูดอะไรกับพี่สี่ เธอก็เห็นว่าครูฝึกหน้าโหดมาเคาะที่ประตู “ตรวจรอบดึก!” ครูฝึกพูดอยู่ด้านนอกประตูและผลักเปิดประตูเข้ามา

เพราะวันนี้ครูฝึกโม่บอกว่าเขาจะเข้ามาตรวจรอบดึกดังนั้นทุกคนจึงไม่ได้แปลกใจอะไร นักศึกษาทุกคนยกเว้นพี่สี่ต่างก็ยืนกันอย่างพร้อมเพรียงพร้อมทั้งตะโกนออกไปพร้อมกันว่า “สวัสดีค่ะครูฝึก!”

อย่างไรก็ตามครูฝึกโม่ไม่ได้ดูเย็นชามากเหมือนเมื่อตอนบ่าย จึงพูดตอบรับออกมาอย่างอ่อนโยน แล้วก็เริ่มเดินตรวจหอพัก ไม่นานเขาก็เห็นพี่สี่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงพร้อมทั้งหันหลังให้พวกเธอ สีหน้าเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย
มู่หรงเสวี่ยรีบเดินไปอยู่ตรงหน้าและพูดออกมา “ขอรายงานครูฝึกค่ะ พี่สี่ไม่ค่อยสบาย! เธอเลยเข้านอนเร็วหน่อย”

ครูฝึกโม่ไม่รู้ว่าจะคิดอะไรจึงพูดออกมาด้วยเสียงเย็นชา “นี่แค่วันแรก! แล้วต่อไปจะฝึกได้ยังไง?! ดูแลร่างกายให้ดีๆกว่านี้หน่อย!”

ร่างของพี่สี่สั่นเทอมเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ขยับ
สีหน้าของครูฝึกโม่เย็นชาขึ้นกว่าเดิมและดูน่ากลัวกว่าเมื่อตอนบ่ายซะอีก มู่หรงเสวี่ยยังอยากที่จะอธิบายต่อ อย่างไรก็ตามครูฝึกโม่พูดออกมาเสียงเบา “คืนนี้ก็พักผ่อนกันก่อน การฝึกจะเริ่มพรุ่งนี้เช้าและถ้ารู้สึกไม่สบายก็ให้ไปหายาที่ห้องพยาบาล…” หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง

เวลาห้าทุ่มตรงระฆังให้เข้านอนดังขึ้น หอพักทั้งหมดปิดไฟและทุกคนก็เอนตัวลงนอนโดยไม่กล้าที่จะส่งเสียง ตอนที่ครูฝึกเข้ามาตรวจเขาบอกไว้ว่าถ้ามีใครถูกหักหนึ่งคะแนน คนนั้นจะต้องถูกฝึกต่ออีกครึ่งชั่วโมง วันนี้เธอเหนื่อยจากการฝึกท่ายืนมาแล้วและไม่อยากที่จะต้องฝึกล่วงเวลาอีก
มู่หรงเสวี่ยนอนอยู่บนเตียง หัวใจรู้สึกเป็นห่วงพี่สี่ คืนนี้เธอเห็นบางอย่างที่ผิดปกติ พี่สี่และครูฝึกโม่ต้องรู้จักกันแน่ๆ เธอคิดว่าไม่น่าจะใช้การรู้จักกันธรรมดาด้วย บางทีอาจจะมีอะไรบางอย่าง ไม่งั้นพี่สี่ที่ปกติจะสงบและเยือกเย็นคงจะไม่หน้าซีดขนาดนี้หรอก คืนนี้เธอไม่อยากที่จะเจอหน้าเขาถึงขนาดยอมหันหลังให้ครูฝึก

ช่วงเที่ยงคืนโดยไม่รู้ตัว มู่หรงเสวี่ยเห็นว่าพี่สี่ลุกออกจากเตียงและเดินออกไปเงียบๆ ทันทีที่ประตูปิดลง มู่หรงเสวี่ยก็รีบลุกขึ้นด้วยเหมือนกัน

พี่สี่ออกไปทำอะไรกลางดึกแบบนี้?! เธอรู้สึกเป็นห่วงมาก จะปล่อยเธอไปคนเดียวไม่ได้จึงรีบตามออกไปอย่างเร็ว

พี่สี่เดินห่างออกไปหน่อยแล้ว มู่หรงเสวี่ยรีบวิ่งตามเธอไปแต่ก็ไม่กล้าที่จะตะโกนเรียนเพราะคำสั่งของครูฝึกที่บอกว่าห้ามพวกเธอออกมานอกหอพักในยามวิกาล ถ้าเธอตะโกนออกไปก็จะทำให้ครูฝึกกะดึกได้ยิน มู่หรงเสวี่ยทำได้เพียงรีบวิ่งไปเพื่อตามให้ทันแต่เธอก็เห็นว่าพี่สี่วิ่งเร็วมากจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะวิ่งตามให้ทัน
ในที่สุดมู่หรงเสวี่ยก็เห็นพี่สี่หยุด สถานที่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นหอพักของครูฝึกโม่ หอพักของครูฝึกจะแตกต่างจากหอพักของนักศึกษา หอพักของครูฝึกจะเป็นห้องพักเดี่ยว

เธอเห็นว่าพี่สี่เคาะที่ประตูของหอพักครูฝึกโม่แล้วประตูห้องก็เปิด หลังจากนั้นก็เหมือนว่าพวกเขาจะทะเลาะกันแต่เสียงเบามากจนมู่หรงเสวี่ยได้ยินไม่ชัด เธอรีบเดินเข้าไปอีก ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ควรที่จะซ่อนตัวในระยะที่มองเห็นได้แบบนี้

อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้เข้าไปใกล้แต่เห็นว่าพี่สี่และครูฝึกโม่เดินเข้าไปในหอพักและปิดประตู

มู่หรงเสวี่ยมองอย่างสับสน นี่เป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอต้องอยู่คนเดียว ตอนนี้เธอสับสนอย่างมาก เธอไม่รู้ว่าควรที่จะเดินเข้าไปเคาะประตูดีหรือเปล่า อีกด้านหนึ่งเธอก็กลัวว่าพี่สี่จะถูกรังแก แต่อีกด้านเธอก็กลัวว่าจะเข้าไปรบกวนพี่สี่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 150 บางอย่างผิดปกติกับพี่สี่

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 150 บางอย่างผิดปกติกับพี่สี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 150
บางอย่างผิดปกติกับพี่สี่

ดูเหมือนว่าเหล่านักศึกษาปีหนึ่งที่อยู่ด้านล่างจะไม่ค่อยยอมรับครูฝึกที่เข้มงวดคนนี้เท่าไรพวกเขาจึงยืนกันเงียบ สีหน้าของครูฝึกเริ่มเย็นชาขึ้นและพูดออกมาเสียงเข้ม “ตอบรับออกมาด้วยว่า รับทราบครูฝึก!”

“รับทราบ ครูฝึก!”
“เสียงเบาเกินไป ไม่ได้กินข้าวกันมาหรือไง?! พูดอีกรอบ”
“รับทราบ ครูฝึก!”
“อีกรอบ!”
“รับทราบ ครูฝึก!”
“…”
ภายใต้สีหน้าที่เย็นชาของครูฝึกโม่แต่กลับทำให้นักศึกษาปีหนึ่งในกองของเขาต้องตะโกนกันเสียงแหบเสียงแห้งตั้งแต่ในวันแรกของการฝึกทหารแล้ว
เพราะนี่เป็นวันแรกจึงยังไม่ได้ฝึกอะไร เพียงแค่ฝึกท่ายืนทั่วไป หลังจากนั้นก็พูดถึงกฎและหอพักเกี่ยวกับการฝึกทหารในกองทัพ

พี่สี่และมู่หรงเสวี่ยได้พักอยู่ด้วยกัน ในระหว่างที่พี่ห้าถูกแยกออกไปอยู่หอพักอื่น ส่วนที่เหลืออีกสามคนแน่นอนว่าต้องไปอยู่ที่หอพักชายซึ่งอยู่คนละอาคาร

นี่เป็นการเริ่มต้นของการฝึกทหารแต่มู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกเหนื่อยซะแล้ว เธอไม่ได้ยืนแบบนี้มานานมากแล้ว แม้แต่เท้าของเธอก็เจ็บไปหมดแต่มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเป็นห่วงพี่สี่ ทันทีที่เธอกับพี่สี่กลับมาที่หอพัก พี่สี่ก็นั่งหน้าซีดอยู่ที่เตียง

คนที่เหลือของหอพักต่างก็มาถึงแล้วด้วยเหมือนกัน ที่นี่จะไม่ใช่หอพักที่เรียงเป็นแถวๆแต่เป็นหอพักที่ผสมกัน นอกจากพี่สี่แล้วก็ยังมีอีกหกคนที่มู่หรงเสวี่ยไม่รู้จัก หอพักมีขนาดเล็กมากๆ เป็นเตียงสองชั้นพร้อมห้องน้ำสองห้อง ตารางการฝึกทหารค่อนข้างแน่น แม้แต่เวลาอาบน้ำก็ยังมีจำกัดเลย นักศึกษาทุกคนจะต้องเข้านอนก่อนเวลา 5 ทุ่มและห้ามส่งเสียงใดๆ ซึ่งจะมีครูฝึกเข้ามาคอยตรวจสอบด้วย
“สวัสดีมู่หรง ฉันฮวงเสี่ยวเฟ่ย เราเป็นเพื่อนกันได้ไหม?”
มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมาและเห็นว่าเธอดูท่าทางธรรมดา เป็นเด็กสาวขี้อาย, ตาโต, จมูกเล็กๆและที่หน้ามีกระเล็กน้อย ในตอนนี้เธอยืนบิดเล็กน้อยและดูเหมือนจะงงๆด้วย

มู่หรงเสวี่ยยิ้ม “สวัสดีเสี่ยวเฟ่ย ถ้าเธอไม่รังเกียจจะเรียกฉันว่าเสี่ยวเสวี่ยก็ได้นะ!” เธอมักจะมอบความจริงใจให้กับคนอยากเข้ามาเป็นเพื่อนด้วยความจริงใจเสมอ

“ได้เลยมู่หรง ฉันอยากจะคุยกับเธอมาตลอดเลย” เธอเดินตรงเข้ามาจับมือมู่หรงเสวี่ยอย่างมีความสุข

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไรและอยากที่จะปล่อยมือออกแต่เธอก็ต้องทนไว้เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของอีกฝ่าย แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเป็นห่วงพี่สี่อย่างมากเธอจึงยังไม่ค่อยอยากที่จะคุยด้วยเท่าไร “ยินดีที่ได้รู้จักนะ เดี๋ยวมีเวลาเราค่อยคุยกันเพิ่มนะ ว่าแต่ตอนนี้เธอน่าจะไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวก็จะได้เวลานอนแล้ว เดี๋ยวฉันก็จะไปอาบด้วยเหมือนกัน”

“งั้นฉันไปอาบก่อนนะ” ฮวงเสี่ยวเฟิงหยิบเสื้อผ้าอย่างมีความสุขและเดินเข้าห้องน้ำไป

หลังจากที่เห็นว่าฮวงเสี่ยวเฟิงออกไปแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็หันหัวกลับมามองสีหน้าซีดเซียวของพี่สี่ที่นั่งอยู่บนเตียงและถามออกมาเสียงอ่อนโยน “พี่สี่ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?! มีเรื่องอะไรผิดปกติหรือเปล่า? หรือว่ามีเรื่องอะไร?”

พี่สี่เผยรอยยิ้มซีดเซียวพร้อมพูดออกมาเสียงเบา “ฉันไม่เป็น เธอไม่ต้องห่วงหรอก!”

มู่หรงเสวี่ยถอนหายใจ “ถ้าไม่อยากยิ้มก็ไม่ต้องยิ้มก็ได้นะ หน้ายิ้มเธออย่างกับจะร้องไห้งั้นฉันไม่ถามแล้ว งั้นถ้าเธอพร้อมจะพูดเมื่อไรฉันจะรอฟังนะ อย่าลืมนะว่าเราเป็นเพื่อนกัน…”

พี่สี่พยักหน้า “ขอฉันอยู่เงียบๆสักพักนะ!”
มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าตอนนี้พี่สี่ไม่ค่อยมีอารมณ์อยากจะพูดเท่าไรเหมือนกัน เมื่อมองไปรอบๆเธอก็รีบเก็บของทันที ไม่งั้นมันคงแย่แน่ถ้าครูฝึกเข้ามาเช็ก
เมื่อตอนบ่ายครูฝึกโม่พูดไว้แล้วเรื่องความสะอาดภายในหอพัก หอพักจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาทำความสะอาดอีก ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่สองคนเข้ามาทำความสะอาดทุกวันโดยจะดูเรื่องการเรียงรองเท้า, เก็บที่นอนและล้างจานเพื่อเก็บให้เข้าที่เข้าทาง ที่พื้นจะต้องไม่มีฝุ่นโดยเฉพาะเส้นผม

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกงงนิดหน่อย ยังไงซะเธอก็แทบจะไม่เคยต้องดูแลความสะอาดของหอพักแบบนี้เลย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องอยู่ในหอพัก ความคับแคบของหอพักทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไรแต่มันก็ไม่มีทางเลือก ในระหว่างการฝึกทหารนี้เธอจะขออะไรพิเศษไม่ได้

ไม่นานฮวงเสี่ยวเฟิงก็อาบน้ำเสร็จและเดินออกมา เมื่อเห็นมู่หรงเสวี่ยกำลังทำความสะอาดอยู่คนเดียว เธอก็รีบเข้ามาช่วย “เสี่ยวเสวี่ย ให้ฉันช่วยนะ?! แต่ทำไมอีกสองคนไม่มาช่วยทำล่ะ? ทำไมเธอต้องมาทำคนเดียว”

“ไม่เป็นไร ฉันทำเองได้จ๊ะ” มู่หรงเสวี่ยไม่ได้พูดถึงพี่สี่ วันนี้เป็นเวรเธอที่ต้องทำความสะอาด แต่เธอไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าพี่สี่ขี้เกียจ เธอมองออกว่าพี่สี่อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไรราวกับว่าเธอสามารถที่จะล้มลงมาได้ตลอด

ฮวงเสี่ยวเฟิงเผยรอยยิ้ม เธอดูน่ารักและเป็นมิตร “ทำสองคนจะเร็วกว่านะ รีบเก็บของกันเถอะ เธอยังไม่ได้ซักผ้ามาถูใช่ไหม! เดี๋ยวฉันทำเองนะ ไม่งั้นเดี๋ยวครูฝึกต้องเข้ามาดูแน่ๆ”

มู่หรงเสวี่ยเห็นเห็นว่าฮวงเสี่ยวเฟิงกำลังจะเอาผ้ามาถูกพื้น เธอหัวเราะและรีบเก็บข้าวของ อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกประทับใจกับเพื่อนใหม่คนนี้มาก ส่วนคนที่เหลือนั่งกันอยู่อีกฝั่งกำลังนั่งคุยกันเอง เธอเห็นว่าพวกเธอไม่ได้ถามอะไร มู่หรงเสวี่ยจึงไม่อยากที่จะบอกให้พวกเธอช่วยแต่เธอมีความรู้สึกและรู้ว่าบางคนก็สามารถที่จะสนิทด้วยได้ คนพวกนั้นเพียงแค่พยักหน้า

โชคดีที่หอพักไม่ได้ใหญ่มากจึงใช้เวลาทำความสะอาดไม่นานเท่าไร มู่หรงเสวี่ยเองทำความสะอาดธรณีประตูหน้าต่าง, กระจกและเช็ดโต๊ะด้วย ในตอนนี้ฮวงเสี่ยวเฟิงเองก็กำลังถูกพื้น

มู่หรงเสวี่ยเดินตรงเข้าไปและพูดอย่างขอบคุณ “ขอบคุณนะเสี่ยวเฟิง”
ฮวงเสี่ยวเฟิงหัวเราะและพูดออกมา “ขอบคุณอะไรกัน?! นี่แค่เรื่องเล็กน้อย ยังไงซะฉันก็ชินกับการทำความสะอาดที่บ้านอยู่แล้ว ฉันชินแล้วแหละ เธอยังไม่ได้อาบน้ำเลย รีบไปอาบเถอะ!”

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้า “ฉันจะไปอาบน้ำก่อนแล้วพอว่างแล้วค่อยมาคุยกันนะ” มู่หรงเสวี่ยมองไปที่เวลา นี่ก็สี่ทุ่มครึ่งแล้ว เธอต้องรีบไปอาบน้ำก่อน

เธอแตะไปที่พี่สี่ที่นั่งอยู่บนเตียงและพูดเสียงอ่อนโยน “พี่สี่ ได้เวลาไปอาบน้ำแล้วนะ! ดึกแล้ว…”

พี่สี่ที่นั่งอยู่บนเตียงยังคงไม่พูดอะไร มู่หรงเสวี่ยไม่มีทางเลือกนอกจากถอนหายใจเสียงอ่อนแล้วจึงหยิบเสื้อผ้าเดินเข้าไปอาบน้ำ ชุดทหารจะมีทั้งหมดสามเซตเพื่อสำหรับเปลี่ยนและไว้ซัก ในเขตพื้นที่การฝึกทหารทุกอย่างจะต้องทำด้วยมือ ที่นี่ไม่มีเครื่องซักผ้า เสื้อผ้าทั้งหมดจึงต้องซักด้วยมือ

มู่หรงเสวี่ยยังคงสวมชุดทหารอยู่หลังจากที่อาบน้ำแล้ว อันที่จริงนักศึกษาทุกคนจะต้องสวมชุดฝึกทหารเพราะเช้าวันถัดไปจะไม่มีเวลาที่จะแต่งตัว วันนี้ครูฝึกโม่บอกว่าเมื่อระฆังดังในวันรุ่งขึ้น พวกเธอจะต้องมาถึงที่สนามฝึกภายใน 10 นาที และ 10 นาทีแค่ล้างหน้ายังไม่พอเลย ดังนั้นพวกเธอจึงประหยัดเวลาโดยการสวมชุดไว้ซะเลย

พี่สี่นอนนอนอยู่บนเตียงและมู่หรงเสวี่ยก็เข้านอน ทันทีที่เธอกำลังจะพูดอะไรกับพี่สี่ เธอก็เห็นว่าครูฝึกหน้าโหดมาเคาะที่ประตู “ตรวจรอบดึก!” ครูฝึกพูดอยู่ด้านนอกประตูและผลักเปิดประตูเข้ามา

เพราะวันนี้ครูฝึกโม่บอกว่าเขาจะเข้ามาตรวจรอบดึกดังนั้นทุกคนจึงไม่ได้แปลกใจอะไร นักศึกษาทุกคนยกเว้นพี่สี่ต่างก็ยืนกันอย่างพร้อมเพรียงพร้อมทั้งตะโกนออกไปพร้อมกันว่า “สวัสดีค่ะครูฝึก!”

อย่างไรก็ตามครูฝึกโม่ไม่ได้ดูเย็นชามากเหมือนเมื่อตอนบ่าย จึงพูดตอบรับออกมาอย่างอ่อนโยน แล้วก็เริ่มเดินตรวจหอพัก ไม่นานเขาก็เห็นพี่สี่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงพร้อมทั้งหันหลังให้พวกเธอ สีหน้าเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย
มู่หรงเสวี่ยรีบเดินไปอยู่ตรงหน้าและพูดออกมา “ขอรายงานครูฝึกค่ะ พี่สี่ไม่ค่อยสบาย! เธอเลยเข้านอนเร็วหน่อย”

ครูฝึกโม่ไม่รู้ว่าจะคิดอะไรจึงพูดออกมาด้วยเสียงเย็นชา “นี่แค่วันแรก! แล้วต่อไปจะฝึกได้ยังไง?! ดูแลร่างกายให้ดีๆกว่านี้หน่อย!”

ร่างของพี่สี่สั่นเทอมเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ขยับ
สีหน้าของครูฝึกโม่เย็นชาขึ้นกว่าเดิมและดูน่ากลัวกว่าเมื่อตอนบ่ายซะอีก มู่หรงเสวี่ยยังอยากที่จะอธิบายต่อ อย่างไรก็ตามครูฝึกโม่พูดออกมาเสียงเบา “คืนนี้ก็พักผ่อนกันก่อน การฝึกจะเริ่มพรุ่งนี้เช้าและถ้ารู้สึกไม่สบายก็ให้ไปหายาที่ห้องพยาบาล…” หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง

เวลาห้าทุ่มตรงระฆังให้เข้านอนดังขึ้น หอพักทั้งหมดปิดไฟและทุกคนก็เอนตัวลงนอนโดยไม่กล้าที่จะส่งเสียง ตอนที่ครูฝึกเข้ามาตรวจเขาบอกไว้ว่าถ้ามีใครถูกหักหนึ่งคะแนน คนนั้นจะต้องถูกฝึกต่ออีกครึ่งชั่วโมง วันนี้เธอเหนื่อยจากการฝึกท่ายืนมาแล้วและไม่อยากที่จะต้องฝึกล่วงเวลาอีก
มู่หรงเสวี่ยนอนอยู่บนเตียง หัวใจรู้สึกเป็นห่วงพี่สี่ คืนนี้เธอเห็นบางอย่างที่ผิดปกติ พี่สี่และครูฝึกโม่ต้องรู้จักกันแน่ๆ เธอคิดว่าไม่น่าจะใช้การรู้จักกันธรรมดาด้วย บางทีอาจจะมีอะไรบางอย่าง ไม่งั้นพี่สี่ที่ปกติจะสงบและเยือกเย็นคงจะไม่หน้าซีดขนาดนี้หรอก คืนนี้เธอไม่อยากที่จะเจอหน้าเขาถึงขนาดยอมหันหลังให้ครูฝึก

ช่วงเที่ยงคืนโดยไม่รู้ตัว มู่หรงเสวี่ยเห็นว่าพี่สี่ลุกออกจากเตียงและเดินออกไปเงียบๆ ทันทีที่ประตูปิดลง มู่หรงเสวี่ยก็รีบลุกขึ้นด้วยเหมือนกัน

พี่สี่ออกไปทำอะไรกลางดึกแบบนี้?! เธอรู้สึกเป็นห่วงมาก จะปล่อยเธอไปคนเดียวไม่ได้จึงรีบตามออกไปอย่างเร็ว

พี่สี่เดินห่างออกไปหน่อยแล้ว มู่หรงเสวี่ยรีบวิ่งตามเธอไปแต่ก็ไม่กล้าที่จะตะโกนเรียนเพราะคำสั่งของครูฝึกที่บอกว่าห้ามพวกเธอออกมานอกหอพักในยามวิกาล ถ้าเธอตะโกนออกไปก็จะทำให้ครูฝึกกะดึกได้ยิน มู่หรงเสวี่ยทำได้เพียงรีบวิ่งไปเพื่อตามให้ทันแต่เธอก็เห็นว่าพี่สี่วิ่งเร็วมากจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะวิ่งตามให้ทัน
ในที่สุดมู่หรงเสวี่ยก็เห็นพี่สี่หยุด สถานที่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นหอพักของครูฝึกโม่ หอพักของครูฝึกจะแตกต่างจากหอพักของนักศึกษา หอพักของครูฝึกจะเป็นห้องพักเดี่ยว

เธอเห็นว่าพี่สี่เคาะที่ประตูของหอพักครูฝึกโม่แล้วประตูห้องก็เปิด หลังจากนั้นก็เหมือนว่าพวกเขาจะทะเลาะกันแต่เสียงเบามากจนมู่หรงเสวี่ยได้ยินไม่ชัด เธอรีบเดินเข้าไปอีก ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ควรที่จะซ่อนตัวในระยะที่มองเห็นได้แบบนี้

อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้เข้าไปใกล้แต่เห็นว่าพี่สี่และครูฝึกโม่เดินเข้าไปในหอพักและปิดประตู

มู่หรงเสวี่ยมองอย่างสับสน นี่เป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอต้องอยู่คนเดียว ตอนนี้เธอสับสนอย่างมาก เธอไม่รู้ว่าควรที่จะเดินเข้าไปเคาะประตูดีหรือเปล่า อีกด้านหนึ่งเธอก็กลัวว่าพี่สี่จะถูกรังแก แต่อีกด้านเธอก็กลัวว่าจะเข้าไปรบกวนพี่สี่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+